คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ll THE WIZARD ll Chapter 21
THE WIZARD 21
“มาได้ทุกวันเลยนะ ไม่คิดว่าฉันจะรำคาญบ้างรึไง?”
เจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง กำลังบ่นค่อนขอดห้องชายในสายเลือดของเขาอย่างหัวเสีย มาทุกวันชางมินไม่ว่าหรอกนะ แต่มาตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้เนี่ย มันน่าโบกให้สักทีสองที
“ก็รู้ว่าฉันมาทุกวันแล้วจะบ่นให้มันได้อะไร”
คนที่นอนครองเตียงสุดที่รักของพี่ชายอยู่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด เหลือบม่านตาคมมองหน้าเจ้าของห้องชั่วครู่ก็หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย หลายวันที่ผ่านมา คริสแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน เขากังวลเรื่องของใครบางคนจนไม่อาจข่มตาให้ปิดสนิทได้เลยสักวัน
“เลย์ฟื้นรึยัง?” ชางมินตั้งคำถามให้น้องชายอีกครั้ง นี่ก็ร่วมอาทิตย์แล้วที่เลย์ยังเอาแต่นอนหลับใหล ไม่ใช่ตื่นมาอีกทีจะอาการเหมือนกับคริสหรอกนะ เรื่องมันคงจะวุ่นวายน่าดู
“ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเลย”
“แล้วปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนั้น ตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครจะไม่ขวัญเสียหรอ?” ชางมินเป็นห่วงเมื่อตอนนี้ร่างของเลย์ย้ายออกจากห้องพยาบาลแล้ว ไม่มีคนคอยดูแลเหมือนอยู่ที่นั่น แต่ทุกคนก็เห็นด้วยที่จะนำร่างของเขาไปไว้ที่ห้องนอนของทั้งคู่
“เมื่อเช้าดีโอมาเฝ้าแทน เขาเห็นว่าฉันไม่ค่อยได้นอนเลยมาอยู่เป็นเพื่อนเลย์น่ะ”
พูดแค่นั้นก็ถอนหายใจออกมาเต็มแรง คริสไม่รู้ว่าถ้าเลย์ตื่นขึ้นมาเจอเขาแล้วยังจะเหมือนเดิมรึเปล่า จำได้อยู่เต็มอกเลยล่ะว่าทำให้อีกคนเสียใจไปมากขนาดไหน ดวงตากลมที่ทอดมองมาที่เขามันมีแต่ความเสียใจและเศร้าหมอง แต่ตอนนั้นคริสก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาเมินเฉยกับเลย์ไปได้ยังไง ทั้งยังบอกเลิกอีกคนอีกแหนะ คงไม่มีใครโง่เขลาไปกว่าเขาอีกแล้ว
“ฉันถามจริงๆเถอะคริส นายตอบแบบลูกผู้ชายเลยนะ ตอนนั้นนายจำเลย์ไม่ได้จริงๆหรอ จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของเขาเลยใช่ไหม?” อยู่ๆชางมินที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น เขาตั้งใจจะถามคริสตั้งแต่ที่อีกคนความทรงจำกลับมา หากแต่ก็ยังไม่อยากเอาเรื่องต่างๆนาๆมาทำให้น้องชายต้องคิดหนัก
“ไม่เลย ฉันจำเขาไม่ได้ เพิ่งมาจำได้ตอนที่สายฟ้าของฟายอาร์ผ่าลงมา อยู่ๆมันก็กลับเข้ามาในหัวของฉันรวดเดียวจนแทบจะระเบิด”
ใบหน้าหล่อฉายแววรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัดที่เมื่อก่อนจำอีกคนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย คริสถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ บางทีความทรงจำไม่ดีที่ผ่านมาของเขามันน่าจะหายไปบ้าง ไม่รู้จะหลงเหลือไว้เป็นปมทำไมอีก
“แล้วความรู้สึกแรกที่นายเห็นเลย์ล่ะ ที่ห้องพยาบาลน่ะเป็นยังไง?....เอ่อ แบบว่า...รู้สึกคับคล้ายคับคลาว่าเลย์เป็นคนรักของนาย หรือเกิดอาการใจเต้นอะไรประมานนี้บ้างรึเปล่า?”
“อ่า...ตอนแรกก็ไม่ แต่พักหลังๆก็มีบ้างๆ ...แต่ที่ฉันรู้สึกเลยจริงๆ คือ หน้าตาเขาน่ารักมาก”
ชางมินถึงกับกลอกตาไปมากับคำตอบของน้องชาย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหมอนที่อีกคนหนุนอยู่ขึ้นมาฟาดลงไปบนใบหน้าหล่อๆของคริสอย่างหมั่นไส้
“ไอ้น้องบ้า! นายเนี่ยน้า แล้วคราวนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ?”
“คงรอให้เลย์ฟื้นแล้วค่อยปรับความเข้าใจกัน”
ร่างสูงโปรงที่นอนราบอยู่บนเตียงค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นแล้วประสานมือเข้าหากันแน่น ไม่รู้หรอกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า แต่อย่างน้อยคริสก็จะพยายาม เขามั่นใจว่าไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว หัวใจของเขามีแต่เลย์คนเดียว แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ ที่แล้วๆมาเขาทำอะไรลงไปบ้าง อีกคนจะให้อภัยกันง่ายๆคงไม่ใช่แน่
“นายยังรักเลย์อยู่ใช่ไหม?”
“ถามอะไรน่ะแม็ก? นายก็รู้ว่าฉันไม่มีวันเลิกรักเขา”
นัยต์ตาคมเบิกขึ้นด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าชางมินจะถามคำถามแบบนี้ออกมา ทั้งๆที่พี่ชายตรงหน้าคนนี้รู้อยู่แล้วว่าหัวใจของเขามอบให้ใครไม่ได้อีกนอกจากเลย์เพียงคนเดียว
“รักเขามากใช่ไหมล่ะ? ทีหลังก็อย่าความจำเลอะเลือนจนทำเรื่องเลวร้ายแบบที่ผ่านมาอีกแล้วกัน”
“นั่นสินะ รักมากแล้วทำไมถึงทำเรื่องอย่างนั้นลงไปได้”
สิ้นสุดเสียงพูด คริสก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปจากห้องของคนแก่ปีกว่า นั่นทำให้ชางมินอดจะนึกเป็นห่วงน้องชายเสียไม่ได้ พลันคิดว่าสองคนนี้คงทำกรรมมาเยอะล่ะนะถึงได้มีแต่เรื่องเข้ามาให้ต้องมีปัญหากันอยู่ตลอด คิดในแง่ดีว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงจะราบรื่น แน่นอนว่าฟ้าหลังฝนมันย่อมสดใสกว่าเสมอ
คริสเดินออกมาจากห้องของพี่ชายได้ก็ตรงดิ่งไปยังห้องนอนตัวเองทันที มือหนายกขึ้นกุมขมับพลางนวดมันไปตลอดทาง ร่ายกายในตอนนี้มันช่างไร้เรี่ยวแรง แม้แต่จะเตะเท้าเดินไปข้างหน้าก็แทบจะยกไม่ขึ้น เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย ก่อนจะเงยใบหน้าอีกครั้งเมื่อพบกับเพื่อนตากลมที่เดินสวนทางมาพอดิบพอดี
“ฉันกำลังจะเดินไปบอกนายเลยคริส ฉันมีธุระต้องไปทำให้ศาสตราจารย์แอนดี้อ่ะ นายกำลังจะกลับห้องใช่ไหม? ยังไงก็เฝ้าเลย์ต่อทีนะ” ดีโอเอ่ยบอกเพื่อนตัวสูงไม่วายก็ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ ตบบ่าหนาสองสามทีก็เดินจากไปทำภาระกิจของตัวเองที่ได้รับมอบหมายทันที
“ขอบคุณนะดีโอ”
นัยน์ตาสีนิลมองตามแผ่นหลังเล็กของเพื่อนสนิทไปก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ดีโอมักจะมาดูแลเลย์อยู่ตลอด บ้างครั้งก็เป็นรุ่นพี่ในกลุ่มคนอื่นๆที่แวะเวียนมาหาไม่ขาดสาย เพราะเลย์น่ะอัธยาศัยดีทั้งยังน่ารักอีกต่างหาก ใครเห็นใครก็เอ็นดู เลยมีคนรักเขาเยอะเป็นธรรมดาล่ะนะ
เดินมาหยุดเท้าอยู่ที่หน้าห้องตัวเองก็เอื้อมมือไปจับลูดบิดประตูก่อนจะหมุนมันให้เปิดออก แทรกตัวเข้าไปภายในห้องเงียบๆก็ปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุด กลัวจะรบกวนคนที่หลับอยู่บนเตียงมาหลายวัน ถอนหายใจออกมาอีกครั้งก็หันหลังหมายจะกลับไปล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเอง หากแต่...
“ล...เลย์!”
เพียงแต่เห็นอีกคนที่ตื่นขึ้นมานั่งพิงหลังไปกับหัวเตียง คริสก็รีบปรี่เข้าไปหาก่อนจะโผลเข้ากอดร่างเล็กนั้นไว้อย่างแนบแน่น คิดถึงจนใจจะขาด คนที่เขาเฝ้ารอให้ตื่นมาอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ดีใจมากจนรู้สึกว่าตื้นตันที่อกไปหมด หยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลอหน่วยอยู่นัยน์ตาคู่คมมันบ่งบอกได้ว่าคริสดีใจมากแค่ไหน ดีใจที่พระเจ้าได้มอบของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดมาให้เขาอีกครั้ง
“น้ำ...ขอน้ำหน่อย” เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยพูดอย่างยากลำบาก หลับใหลไปหลายวันรู้สึกว่าในคอมันแห้งเป็นผงจนยากที่จะเปล่งเสียงออกมา
คริสรีบกุลีกุจอลุกขึ้นไปหยิบเหยือกน้ำที่วางข้างหัวเตียงก่อนจะเทมันใส่ในแก้วทรงสูงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งไม่ลืมหยิบหลอดใส่ลงไปด้วยเพื่อให้อีกคนดื่มมันได้ง่ายขึ้น
“ดีขึ้นบ้างไหม?”
“จำได้แล้วหรอ?”
ไม่ได้ตอบคำถามของอีกคนเลยสักนิด คนที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาก็สวนคำถามกลับไปในทันที ใบหน้าหวานที่ซีดเผือดไม่ได้ฉายแววของความดีใจเอาซะเลย หน้ำซ้ำยังดูหม่นหมองมากกว่าเดิมเสียอีก
“.....อืม ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ”
เสียงทุ้มพร่ำบอกออกไป ก้มหน้าลงก็ปล่อยให้น้ำตามันหยดลงที่ฝูกชั้นดี ครั้งที่สองของน้ำตาลูกผู้ชายกับความเสียใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใช่แล้ว คริสกำลังรู้สึกผิดต่ออีกคนเป็นอย่างมาก แต่เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าต้องไถ่โทษให้กับการกระทำของตัวเองอย่างไร
“เราห่างกันสักระยะไหม?”
“ท...ทำไม?!” ใบหน้าหล่อฉายแววตกใจอย่างเห็นได้ชัด มันไม่จริงใช่ไหม นี่มันเป็นแค่ฝันใช่หรือเปล่า
“…………………..”
เลย์ไม่ได้ตอบคำถามของคริส เขาเอาแต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น มองหน้าอีกคนนิ่งเหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณก็ไม่ปราน ความตายด้านมันกำลังทำให้เลย์เปลี่ยนไป เขาอยากจะให้อภัยคริส หากแต่แค่ขอเวลา เวลาที่จะรักษาบาดแผลที่หัวใจให้มันหายดี หรือถ้าหายดีแล้ว เขาอาจจะไม่อยากกลับไปเจ็บปวดแบบที่ผ่านมาอีกก็เป็นได้
“เลย์...อย่าทำแบบนี้กับฉัน ฮึก...อย่าปล่อยมือจากฉัน…”
มือหนาส่งไปกุมมือของคนตัวเล็กไว้แน่น ก้มใบหน้าหล่อสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นจนตัวโยน เพราะมันยากเหลือเกินที่จะเงยขึ้นสบสายตาที่ว่างเปล่าของอีกคน เหมือนว่าเคยใช้สายตาแบบนี้ส่งไปให้คนที่อยู่ตรงหน้า และนั่นพอโดนเองบ้างก็รู้แล้วว่ามันเจ็บมากขนาดไหน
“แล้วทีนายทำกับฉันล่ะ ตอนที่ฉันไม่เหลือใคร ตอนที่ฉันไม่มีใครอยู่เคียงข้าง นายหายไปไหน นายไปอยู่ที่ไหน?”
“.......................................”
“นายจะรู้บ้างไหมว่าที่ฉันโดนน่ะ มันทำให้ฉันเหมือนตายทั้งเป็น สายตาที่นายมองมามันไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความรักให้กันเลย ทำเหมือนฉันเป็นใครสักคนที่นายรังเกียจอย่างไรอย่างนั้น”
เสียงหวานเอ่ยอย่างหนักแน่น คำพูดมากมายพรั่งพรูไม่ขาดสายเพื่อระบายสิ่งที่เก็บไว้มานาน เม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงหวังสกัดกั้นเสียงสะอื้นที่มันกำลังจะหลุดออกมา เพราะนี่มันคงจะพอได้แล้วกับการที่เอาแต่ร้องไห้ ควรจะปล่อยวางมันดีไหมนะ ควรจะละทิ้งความสุขเล็กๆน้อยๆ แล้วไขว้คว้าเอาความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่ามาไว้แทนที่ เขาควรจะทำอย่างนั้นหรือเปล่า
“ฉันขอโทษ”
คริสเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนนับครั้งไม่ได้ เขายอมรับทุกอย่างว่าที่อีกคนพูดมามันก็เรื่องจริง ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่จะใช้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองดูดี
“อย่าเอาแต่ขอโทษถ้าแก้ไขอะไรมันไม่ได้ บางทีฉันกับนาย...เราควรจะแยกกันอยู่ ต่างคนต่างกลับไปทบทวนหัวใจของตัวเอง เพราะฉันไม่มั่นใจเลย ไม่มั่นใจว่านายคือคริสคนเดิมที่ฉันรัก คริสคนที่เคยบอกว่ารักเลย์หมดหัวใจ”
“…………………………….”
“กลับไปคิดให้ดีๆอีกครั้งนะคริส คนที่นายรักอาจจะไม่ใช่เลย์คนนี้ก็ได้ เพราะฉันก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าที่ฉันรักนายอยู่ทุกวันนี้ มันจะใช่ความรักจริงๆหรือเปล่า”
เลย์ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองพูดเพ้อเจ้ออะไรออกไป สวนทางหัวใจซะเหลือเกิน แต่นั่นมันควรจะดีถ้าคริสได้รับรู้ความเจ็บปวดเหมือนกับที่เขาได้รับบ้าง เหนื่อยแล้ว อยากพักร่างกาย พักหัวใจแล้วเปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งใหม่ๆ
“จะให้ฉันกลับไปคิดทบทวนนานแค่ไหน...คำตอบของฉัน มันก็มีเพียงแค่นายคนดียว...”
แขนแกร่งส่งไปสวมกอดอีกคนให้เข้ามาแนบกายอีกครั้ง ก่อนจะฟุบใบหน้าหล่อลงที่ลาดไหล่เล็กเบาๆ ร้องไห้โฮเมื่อสุดท้ายแล้วที่คิดไว้ก็ไม่ได้ผิดเพี้ยน เลย์ไม่ให้อภัยเขาอย่างที่คิดไว้จริงๆ แล้วจะให้ทำยังไง จะทำวิธีไหนถ้าต้องการให้อีกคนมอบโอกาสแก่เขาอีกสักครั้ง
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน...”
คริสถึงกับใจหล่นวูบในทันที ประโยคที่แผ่วเบาแต่ทำไมมันกลับดังกึ่งก้องอยู่ในหัววนไปวนมาไม่หาย คริสค่อยๆเงยใบหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมองอีกคนช้าๆด้วยความเจ็บปวด หากแต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ใยดี
“ล...เลย์”
“ออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน”
เสียงหวานเปล่งออกไปด้วยความอึดอัด อย่าว่าแต่อีกคนที่เจ็บปวดเลย เลย์เองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันหรอก คนตัวสูงค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงช้าๆ แผ่นหลังกว้างที่อยู่ในกรอบม่านตาของเลย์มันกำลังจะห่างออกไปเรื่อยๆ มันกำลังจะไกลออกไปจากเขาอีกครั้ง อยากยื้อไว้แต่ก็บอกไปแล้วหนิว่าจะทบทวนหัวใจตัวเอง พูดแล้วก็ต้องทำให้ได้
“แต่...สุดท้าย...สุดท้ายฉันก็ยังคงเสียน้ำตาให้กับนายเหมือนเดิมสินะคริส”
…THE WIZARD…
จะร่วมสองอาทิตย์แล้วที่คริสไปขออาศัยที่ห้องของพี่ชาย หอบกระเป๋าเป้และผ้าห่มผืนหนาไปหาชางมินอย่างไม่มีข้อแม้ จะให้เข้าไปนอนร่วมห้องเดียวกันกับเลย์น่ะหรอ เขาไม่กล้าหรอก โดนไล่ขนาดนั้นยังหน้าด้านอยู่ก็ไม่ใช่คนแล้ว แต่ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ตลอดเลยสินะ ไม่รู้ว่าอยู่คนเดียวแล้วจะตื่นมาร้องไห้กลางดึกเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า
จากวันนั้นเลย์ก็ยังไม่คิดจะเอ่ยปากพูดกับเขาเลยสักคำ นั่งเรียนด้วยกันแม้แต่หน้าก็ไม่หันมามอง กรรมตามสนองเข้าให้แล้วจริงๆ นอนไม่หลับเลยสักคืน ระบายให้คนเป็นพี่ชายฟังมันก็โล่งใจได้อยู่หรอก แต่รายนั้นก็ให้เขาพูดคนเดียวอยู่ประจำ แอบหลับไปก่อนทุกวันตลอด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีคนให้ระบายล่ะนะ มีคนคอยให้คำแนะนำและให้กำลังใจบ้างก็ดีไม่น้อย
“เห้ยคริส! วันนี้นอนคนเดียวได้รึเปล่า?”
ชางมินเอ่ยถามคนอ่อนปีกว่าที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียง แล้วให้ตายเถอะว่าที่คริสใส่อยู่มันก็เสื้อผ้าของเขาทั้งนั้น ถ้าไม่กล้ากลับไปเอาที่ห้องก็ควรจะซักเองบ้างสิ ไม่ใช่ถือวิสาสะใส่ของคนอื่นอย่างหน้าตาเฉย
“จะไปไหนอ่ะ?”
“วันนี้ฉันจะไปนอนหอยูนิคอร์น”
ชางมินยักคิ้วให้น้องชายตัวดีเป็นเชิงรู้กัน ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อโค้ทตัวหนาสีดำมาสวมใส่ เพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นเอามากๆ รักษาความอบอุ่นให้ร่างกายตัวเองไว้ก็น่าจะดี
ชางมินเดินออกมาจากห้องได้แทนที่จะลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อตรงดิ่งยังอีกปราสาท หากแต่ก็ไม่วายวกไปยังห้องของใครอีกคนที่ก็นอนคนเดียวเช่นกัน เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเบอร์แรกของหอดราก้อน ก็ไม่ลืมความมีมารยาทของตัวเองที่มันสะสมมาอยู่น้อยนิดยกมือขึ้นเคาะประตูบานหนาไปสองสามที และเพียงไม่นานคนที่ต้องการจะพบเจอก็เดินมาเปิดให้เขาอย่างที่คาดหวังไว้
“รุ่นพี่มีอะไรหรอครับ?”
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อย ฉันเข้าไปได้รึเปล่า?”
ปากก็เอ่ยขออนุญาติอีกคนหากแต่ตัวน่ะเข้าไปก่อนเสียอีก สุดท้ายความไม่มีมารยาทก็ยังสิงสถิตอยู่ในตัวของชางมินไม่เสื่อมคลาย รุ่นพี่หน้าหล่อรีบเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือในทันทีก่อนจะเกริ่นนำเรื่องที่จะพูดกับรุ่นน้องหน้าหวานอย่างที่ได้คิดมา
“คือว่า....”
“เรื่องคริสใช่ไหมครับ?”
ไม่ทันได้ให้ชางมินเอ่ยจบประโยค เลย์ที่กำลังเดินมาหย่อนกายนั่งลงบนเตียงของตัวเองก็พูดสวนขึ้นอย่างรู้ทัน
“นายรู้?”
“ก็น่าจะมีแค่เรื่องเดียวหนิครับ?”
“นั่นสินะ”
ชางมินส่งยิ้มแหยไปให้รุ่นน้องหน้าหวานเพราะทำอะไรไม่ถูก เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าคมเข้มทั้งๆที่อากาศค่อนข้างจะเย็น แต่นั่นแกเป็นรุ่นพี่นะเว้ย ทำไมต้องกลัวมันด้วยเนี่ย
“คริสใช้ให้พี่ชางมินมาพูดกับผมหรอครับ?”
“เปล่าหรอก ฉันตั้งใจมาเอง...เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ” มีแต่น้ำมาเยอะ ชางมินก็สำนึกได้ว่ามันควรจะเข้าเนื้อหาของเรื่องกันสักที
“……………………………………..”
“นายก็รู้ว่าน้องชายฉันมันรักนายมากใช่ไหมเลย์?”
“ไม่แน่ใจครับ”
คำตอบของเลยทำเอาชางมินถึงกับสะอึก ม่านตาคมกลอกไปมาอย่างเหนื่อยใจ นี่คิดว่าจะง่ายซะอีกนะ แต่ทำไมเลย์ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ คำพูดที่หนักแน่นทั้งยังสีหน้าที่ติดจะเรียบเฉย ทำให้ชางมินเริ่มไม่มั่นใจตัวเองขึ้นมาเสียดื้อๆ
“เอ่อ...ฉันคิดว่าฉันไม่ควรจะอ้อมค้อม คือ...ที่นายเป็นอยู่ตอนนี้น่ะ มันมีความสุขแล้วหรอ?”
สีหน้าของชางมินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาจริงจังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รู้อยู่ว่าไม่ได้เป็นเรื่องของตัวเอง แต่เพราะน้องชายเพียงคนเดียวของเขาที่ช่วงนี้ความสุขในกายมันหายไป ทำให้เขาอดจะเป็นกังวลไม่ได้
“ผมไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิมอีกแล้วครับรุ่นพี่”
“แล้วปัจจุบันนายไม่เจ็บรึไง? นายกล้ายอมรับไหมล่ะว่าตอนนี้นายมีความสุขดี ยอมรับไหมว่านายไม่ได้เจ็บปวดเหมือนครั้งที่ผ่านมา”
“ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายครับรุ่นพี่ แต่ที่ผมกำลังทำคือ...การลืมเขา”
ใบหน้าหวานก้มลงมองพื้นทันทีเมื่อพูดจบ ก็เพราะว่าเรื่องที่ผ่านมามันเจ็บปวดมากๆเลยไม่ใช่หรอ ถ้าเขาไม่อยากจะกลับไปเจ็บอีกมันจะผิดมากไหม
“ฉันจะบอกอะไรให้นะเลย์...สิ่งที่นายพยายามลืม...มันจะเป็นสิ่งที่นายจดจำได้ดีที่สุด”
สิ้นคำพูดของชางมิน ร่างทั้งร่างก็ชาวาบไปหมด สิ่งที่อีกคนพูดมาเลย์ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ามันจริง เพราะจดจำได้ดี พยายามจะลืมแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ แต่เรื่องที่พยายามจะลืมนั่นแหละที่มันลืมยาก เพราะอยากลืมเท่าไหร่กลับยิ่งจำ
“…………………………..”
“นายลองคิดดูดีๆสิ จริงอยู่ว่าคริสทำให้นายเสียใจมามาก แต่นายไม่คิดหรอว่าที่คริสเป็นแบบนั้นเพราะอะไร มันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความทรงจำของตัวเองได้หายไป ตื่นมาอีกทีมันก็จำนายไม่ได้แล้ว เป็นไปได้น้องชายฉันก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหรอกจริงไหม?”
“มันก็ใช่ครับ แต่... ผมคิดดีแล้ว” สิ่งที่เลย์ตัดสินใจไปมันกำลังจะสั่นคลอน เขากำลังสับสนไปหมด คิดว่าใจแข็งมาโดยตลอด หากแต่ได้ฟังสิ่งที่ชางมินพูด เลย์ก็กลับมาไขว้เขวอีกครั้ง
“ฟังฉันให้จบก่อนเด็กน้อย...นายลองย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่พวกนายมีความสุขด้วยกันสิ มันวิเศษสุดๆเลยใช่ไหมล่ะ? ครั้งไหนนายเอาแต่ใจ น้องชายฉันก็ยอมนายอยู่ตลอด คริสทำเพื่อนายได้ทุกอย่าง เอาตรงๆเลยนะ มันกล้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อนายด้วยซ้ำ ความรักและความจริงใจของมันที่ผ่านมาไม่มีความหมายสำหรับนายเลยรึไง?”
หยาดน้ำสีใสค่อยๆไหลลู่ลงที่แก้มนิ่มเงียบๆ สุดท้ายแล้วเลย์ก็ไม่อาจทำให้ตัวเองเข้มแข็งได้อย่างที่พูดไว้ สะอื้นไห้เบาๆออกมาเพราะคำพูดของรุ่นพี่หน้าหล่อมันกระตุ้นหัวใจที่กำลังอ่อนแอของเขาได้เป็นอย่างดี
“แต่คริสจูบกับผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ ฮึก... ผม...เสียใจครับรุ่นพี่”
“คนไหน?”
ชางมินเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่ออกมาจากปากอีกคน เลย์พูดอะไรออกมากัน ทำไมเรื่องแบบนี้คนอย่างชางมินถึงพลาดไป
“คนที่ ฮึก...ชื่อคริสตัลครับ ผม...เห็นคริสจูบกับเขา ฮื้อ... ตอนกลางคืนก็ยังนัดเจอกันอีก ผม...ผมอิจฉาครับ ฮึก...”
ยิ่งได้นึกถึงภาพวันนั้นที่ทำให้ปวดใจ ภายในอกก็แทบจะระเบิดออกมาทันที เลย์เสียใจมากกว่าครั้งไหนๆเมื่อได้เห็นภาพบาดตาที่มันมักจะเข้ามาให้ห้วนคิดถึงอยู่ตลอด ทั้งยังเห็นด้วยตาของตัวเองอีก เลย์บอกได้เลยว่าวันนั้นเป็นวันที่เขาโกรธคริสมากที่สุด ทั้งยังเกลียดผู้หญิงหน้าด้านที่มักจะเข้ามายุ่มย่ามในเวลาที่ทุกอย่างมันกำลังจะแย่ลงด้วยเช่นกัน
“วันที่นายบอกว่าคริสนัดเจอกับคริสตัลน่ะ มันวันไหนหรอ?”
“วันที่โรงเรียนในเครือมาที่เดอะวิซาร์ด แล้วก็มีสงครามหลังจากนั้นอ่ะครับ ฮึก....”
เลย์ยังคงสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ไหล่บ้างสั่นเทาจนชางมินถึงกับอดจะเห็นใจไม่ได้ หากแต่นั่นเพียงเพราะคำพูดของเขาก็ทำให้ชางมินถึงกับส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มบางๆไปให้เลย์
“เรื่องจูบอะไรนั่นฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันจริงหรือเปล่า แต่คืนวันนั้นที่คริสออกมาข้างนอกน่ะ ฉันนัดมันเองแหละ ศาสตราจารย์แอนดี้มีเรื่องให้ช่วยกระทันหัน พวกเราเลยต้องไปกันดึกดื่นขนาดนั้น”
“จ... จริงหรอครับรุ่นพี่? แต่....ผ้าพันคอ” จากที่นั่งก้มหน้าสะอื้นไห้อยู่นาน สิ้นคำพูดของรุ่นพี่ผู้อัจฉริยะ ใบหน้าหวานก็เงยขึ้นทันที ไม่วายก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อสิ่งที่ค้างคาใจมันยังไม่หมดไป
“ผ้าพันคออะไรอีกวะ? ยังไงก็ไปเคียร์กันเองแล้วกัน ฉันต้องไปก่อนแล้ว เดี๋ยวประตูปราสาทยูนิคอร์นจะผิดซะก่อน”
พูดแค่นั้นชางมินก็ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ฉีกยิ้มกว้างไปให้รุ่นน้องหน้าหวานที่นั่งแหงนหน้ามองมาที่เขาอยู่บนเตียงก็ขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะตบบ่าเล็กไปสองสามทีเพื่อให้กำลังใจอีกคน
“ผมควรจะทำยังไงครับรุ่นพี่?”
ชางมินถึงกับยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ สุดท้ายเลย์ก็คงจะใจอ่อนบ้างแล้วแหละนะ แล้วนั่นคนอย่างชางมินมีหรือจะไม่มีข้อเสนอแนะดีๆ ชางมินไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว
“ฉันมีคาถามาสอนนายหนึ่งบท จำมันแล้วเอาไปเปิดห้องใครก็ได้”
“อะไรอีกล่ะครับ” ใบหน้าหวานฉายแววสงสัยอย่างถึงที่สุดก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“แบบว่า...มีใครบางคนมันครองเตียงนอนของฉันแหละ วันนี้ก็เลยว่าจะไม่อยู่ห้องสักคืน เผื่อใครอีกคนที่ไม่ใช่คนในห้องฉันจะอยากทำความเข้าใจกับคนๆนั้น แล้วก็มีคนนึงอย่างฉันจะได้สบายใจสักที และบางทีคนที่ว่านั่นก็จะได้กลับห้องเดิมของมันด้วย เพราะคนๆนั้นที่ว่ามันก็เสียใจไม่ต่างจากคนแถวๆนี้เช่นกัน”
คำพูดของชางมินทำเอาคนที่ฟังอยู่ถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก นี่จะให้ถอดรหัสลับของชางมินผู้อัจฉริยะรึไงนะ คนนั้น คนนี้ คนโน้น อะไรก็ไม่รู้งงไปหมด บอกกันตรงๆก็ทำตามแล้ว เล่นลิ้นจนน่าหมั่นไส้ เห็นเป็นรุ่นพี่หรอกนะ ไม่งั้นเลย์บอกได้เลยว่าไม่รอด
.
.
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยาม หากแต่คนหน้าหวานก็ยังเอาแต่เดินวนไปวนมาที่หน้าห้องของรุ่นพี่ตัวสูงอยู่นานสองนาน พลางปากบางก็ขยับไปมาพึมพำเพราะกลัวลืมบทคาถาที่อีกคนสอนให้ ใจมันเต็มโครมครามเมื่อรู้ว่าอีกฟากของประตูมีใครอยู่ด้านใน บรรยากาศในตอนนี้ก็ยังจะชวนขนลุกขนพองอีก คิดได้ก็ลูบแขนตัวเองไปมาก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ
แกร็ก!!!!!!!!!!!!!!
สุดท้ายก็สะเดาะกอนประตูออกได้ด้วยตัวเอง ค่อยๆผลักแผ่นไม้บานหนาให้เปิดออกช้าๆก่อนจะย่องเข้าไปภายในห้องที่เงียบสงัด พร้อมทั้งมีใครอีกคนที่นอนหันหลังให้เขาพลางหอบหายใจเข้าออกอยู่เป็นจังหว่ะด้านในนั้นด้วย ให้ตายเถอะ พอเข้าใกล้อีกคนเรื่อยๆก็ใจเต้นกระสับกระส่าย ยิ่งได้เห็นใบหน้าหล่อที่นอนหลับตาพริ้มพลันใจมันก็หายแว้บขึ้นมาซะอย่างนั้น
ปลายเท้าเล็กค่อยๆพาร่างตัวเองให้เดินเข้าไปหาอีกคนเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งใจเต้นแรง หากแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสื้อ สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มของอีกคนอย่างแผ่วเบาที่สุด วาดลำแขนเล็กโอบกอดเอวหนาของคนที่นอนหลับอยู่ไว้ให้แน่นก่อนจะกดใบหน้าไปกับแผ่นหลังกว้างในทันที
“แม็กหรอ? ไหนบอกว่าจะไปนอนกับพี่ยูฮวานไง ลืมอะไรหรือเปล่า?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างงัวเงีย ก่อนจะค่อยๆขยับร่างกายช้าๆเพื่อพลิกตัวกลับมาหาอีกคน
“ลืมหัวใจ...ขอมาเอาคืนได้รึเปล่า?”
เพียงแค่นั้นร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ก็ถึงกับชะงักกึกเป็นรูปปั้นในทันที ชั่วครู่เหมือนคิดอะไรได้ก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งพรวดพราดเมื่อรู้สึกคุ้นกับเสียงหวานๆของอีกคนซะเหลือเกิน จนเลย์ถึงกับผงะขวัญหนีดีฝ่อด้วยความตกใจด้วยเช่นกัน ไม่นานไฟภายในห้องก็ค่อยๆสว่างจ้าพร้อมกับร่างของเลย์ที่ลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าอีกคนไม่วางตา
“ม...มาได้ยังไง? ฉันต้องฝันไปแน่ๆ” คริสยกมือขึ้นตีที่แก้มของตัวเองอยู่หลายที ตกใจเมื่ออีกคนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาอยู่ที่นี่ กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าของเขา แล้วไอ้รอยยิ้มทะเล้นแบบนี้มันคืออะไร ฝันแน่นอน ชัวร์
“………………………………”
“คงจะฝันไป” พูดแค่นั้นคริสก็ค่อยๆล้มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างไม่คิดจะใส่ใจ ก็คนมันคิดว่าเป็นฝัน ฝันที่มันไม่ใช่เรื่องจริงหนิเนอะ นั่นก็ทำให้เลย์ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกหงุดหงิด
“ย๊า! ตื่นมาคุยกันก่อนดิ”
“อะไร? จะนอน”
“อยากนอนมากใช่ไหม?”
กายบางลุกขึ้นชันเข่าในทันทีก่อนจะคร่อมกายสูงของอีกคนจากทางด้านบน ทำให้คนที่กำลังจะหลับอีกครั้งถึงกับตาลุกโพลงด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า
“จะทำอะไร?”
“คิดได้รึยังว่ามันไม่ใช่ฝันน่ะ!”
“....คิดได้แล้วครับ”
ตอบอีกคนไปแค่นั้นมือหนาก็รั้งลำคอของคนที่คร่อมกายเขาอยู่ด้านบนให้เข้ามาหา ก่อนจะยกศรีษะตัวเองขึ้นเล็กน้อยเพื่อประทับจูบที่ริมฝีปากบางของคนบนร่างหวังกลั่นแกล้ง รวดเร็วจนเลย์ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่วายผละออกมาก็ยังยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อีก
“แกล้งกันรึไง?”
เสียงหวานแว้ดใส่คนที่ฉวยโอกาสจากริมฝีปากของเขาไปอย่างหน้าตาเฉย ก่อนพวงแก้มทั้งสองข้างที่เคยขาวซีดจะค่อยๆเจือสีชมพูอ่อนอย่างน่ารัก
“ไม่สบายรึเปล่า หายโกรธฉันแล้วหรอ?”
“ไม่รู้เว้ย!”
ตอบมั่วซั่วจนคนตัวสูงถึงกับหลุดขำออกมา เลย์น่ะไม่เคยจะเนียนหรอก ทำอะไรอีกคนก็จับได้อยู่ตลอดนั่นแหละ
“คิดถึงจัง”
ไม่ทันได้ให้คนที่อยู่บนร่างได้ตั้งตัว คริสก็พลิกตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน ส่งสายตาสบเข้ากับนัยน์ตาคู่หวานเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดสื่อไปให้ ได้มองเลย์จากมุมนี้แล้วบอกได้เลยว่าน่ารักมาก จะอดใจไหวหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ยอมรับแหละว่างงเหมือนกันที่อีกคนอยู่ๆก็กลับมาหาเขา ทำเอาตามอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตามเลยมันไปแล้วกัน
“คิดถึงอะไรเล่า? ก็เจอกันแทบจะทุกวัน ” ใบหน้าหวานยู่เข้าหากันอย่างเขินอาย ถามหน่อยเถอะว่าเจอกันทุกวันแล้วเคยมองหน้ากันบ้างหรือเปล่า
“คิดถึงทุกอย่างที่เป็นนาย”
ได้ฟังคำพูดเลี่ยนๆของคริส เลย์บอกได้เลยว่าอยากจะอ้วก แต่มันก็โรแมนติกไปอีกแบบนะว่าไหม เขาอยากจะบอกเหมือนกันนั่นแหละว่าคิดถึงคริสมากๆ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นคริส แต่ยังมีอีกอย่างที่ค้างคาใจ และถ้าไม่เคียร์กันให้จบในคืนนี้ เขาคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ
“ฉันเห็นนายจูบกับคริสตัล มีอะไรจะแก้ตัวไหม?”
“หื้ม? จูบ?” คริสขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ อยู่ๆเลย์ก็โผงขึ้นมาทำเอางงงวยกันไปหมด
“อย่ามาทำเป็นลืม ฉันเสียใจมากนะรู้ไหม?”
“แต่ฉันไม่ได้จูบกับใครเลยนะ ก็จูบกับนายแค่คนเดียวนี่นา”
เรื่องไม่ทันกระจ่างไอ้คนตัวเล็กด้านล่างก็เขินม้วนอีกแล้ว กลั้นยิ้มแทบไม่อยู่เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกคน แต่นั่นจะมัวแต่เขินอยู่ได้ยังไง เรื่องสำคัญยังไม่จบเลย
“แต่ฉันเห็นมันมากับตา ตอนที่นายเดินออกไปจากแคนทีนพร้อมกับคริสตัลอ่ะ”
เลย์ยังไม่ลดละ ม่านตากลมเหลือบมองใบหน้าของคนที่อยู่ด้านบนอย่างรอคอยคำตอบ นี่ก็อยากจะร้องไห้อีกแล้วนะ แค่บอกเขามาตรงๆว่าจูบกับหญิงสาวคนนั้นจริงก็จบ เขาพร้อมที่จะให้อภัย แต่ขอแค่อย่างเดียว อย่าโกหกกันก็พอ
“ไม่ได้จูบ ฉันสาบาน” พูดเสร็จคริสก็ยกมือขึ้นชู้สามนิ้วอย่างจริงจัง
“แล้วที่กอดล่ะ?”
“เล่าเลยแล้วกัน คือ...ที่คริสตัลขอคุยกับฉัน เขารู้ว่าฉันเลิกกับนายแล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง พอดีไม่ได้ถามอ่ะ เขาแค่อยากรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าเลยมาถามฉัน”
“แล้วนายตอบว่าไง?”
“ตอบไปว่าไม่ได้เลิก ยังรักกันดีเหมือนเดิม แล้วคริสตัลก็เข้ามากอดฉัน แต่ฉันไม่ได้กอดกลับนะ แค่ยืนอยู่เฉยๆ”
เสียงทุ้มพยายามเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างย่อๆ คริสรู้ดีว่าหญิงสาวคนนั้นคิดยังไงกับเขา หากแต่เขาเองกลับไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะลืมเรื่องราวของเลย์ไปก็เถอะ แต่นั้นคริสก็สาบานได้ว่าไม่เคยรักใครอีกเลย
“แล้วเรื่องจูบที่ฉันเห็นล่ะ? ยังไม่จบนะ”
“ก็บอกว่าไม่ได้จูบไง แต่...เดี๋ยวนะ!... นายยืนมองฉันจากมุมไหนอ่ะ มันคงเป็นมุมภาพรึเปล่า? ฉันสาบานได้ว่าไม่เคยจูบกับใครนอกจากนาย”
เหมือนจะไขข้อกระจ่างได้บ้าง และเลย์ก็ดูจะอึ้งไปไม่น้อยเหมือนกัน นี่เขาเข้าใจผิดไปคนเดียวเลยหรอ ก็ตอนนั้นแค่เห็นกอดกันก็โกรธจนหูดับตาบอด เห็นหันหน้าเข้าหากันก็คิดว่าจูบน่ะสิ แว้บแรกก็หันหนีทันทีเพราะไม่อยากจะมอง แต่นั่นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดกลับทำให้เขาเอาแต่เสียใจอยู่หลายวันเลยทีเดียว
“มั่นใจว่านายไม่ได้โกหก? แล้วผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มอีกล่ะ”
“ฉันไม่เคยโกหกนาย แล้วเรื่องผ้าพันคอนั่นก็ไม่มีอะไรเลย ของฉันมันหาไม่เจอ เห็นอีกผืนอยู่ในถุงกระดาษเลยเอามาใช้แก้หนาวก็แค่นั้น เข้าใจแล้วนะครับ?”
พูดจบก็โน้มใบหน้าหล่อเข้าหาอีกคนช้าๆ กดริมฝีปากเรียวทาบทับกลีบปากอิ่มของคนใต้ร่างอย่างอ่อนโยน ก่อนจะรู้สึกถึงมือบางของอีกคนที่ส่งมากอดรัดท้ายทอยของเขาไว้แน่น เพียงแค่ผิวเนื้อนุ่มหยุ่นสัมผัสกันเบาๆ ร่างกายมันก็เบาหวิวลอยละร่อง หัวใจที่เคยแห้งเฉาก็พลันกลับมาเบิกบานอีกครั้ง ความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันอยู่มันทำให้คนทั้งคู่มีความสุขอย่างถึงที่สุด ช่วงเวลาเลวร้ายที่ผ่านมาก็ทำได้แค่เพียงปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่คิดจะเอากลับมาทำให้ค้างคาใจ
คริสค้างริมฝีปากไว้ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆขยับมันช้าๆ ดูดเม้มแผ่วเบาก็ยกมือขึ้นกดปลายคางมนต์ของอีกคนให้เผยอริมฝีปากออก ไม่รอนานก็สอดลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานผ่านซี่ฟันที่เรียงตัวสวยอย่างโหยหา กวาดกระวัดรับจากอีกฝ่ายให้เต็มที่ คิดถึงสัมผัสนี้มากเหลือเกิน นานมาแล้วสินะที่ต้องการมัน แล้วก็ได้รับอย่างที่ใจหวัง ต่อไปมันจะมีแต่ความสุข เพราะหัวใจของคนทั้งคู่กำลังจะเริ่มต้นกลับมาเต้นแรงอีกครั้งต่อจากนี้
“เป็นแฟนกันนะ”
ผละริมฝีปากออกมาได้ คริสก็เอ่ยขออีกคนทันที และนั่นคนที่อยู่ใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาที่มันกำลังจะไหลออกมาได้เลย รอยยิ้มหวานแย้มออกช้าๆก่อนจะเปิดกว้างเต็มที่เมื่อคนตัวสูงที่เอ่ยขอกันก็น่ารักจุมพิตให้เขาอีกหนึ่งที ไม่วายยังส่งมือหนามาเกลี่ยหยาดน้ำสีใสที่กำลังไหลอาบข้างแก้มให้อีกด้วย
“ขออะไรพร่ำเพื่อ”
คำพูดช่างสวนทางกับอากัปกิริยาซะเหลือเกิน จะตอบตรงๆก็ง่ายไปใช่ไหมล่ะ แต่นั่นไม่มีอะไรเลยถ้าไม่ได้เขินอีกคนจนแทบจะจมหายไปกับฟูกนุ่มๆนั่น
“ก็ขออีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเรายังเป็นแฟนกันอยู่ไง”
“ไม่เห็นต้องขอเลย เพราะเราก็เป็นแฟนกันอยู่นี่นา”
ใบหน้าหล่อเผยยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อได้ฟังคำตอบของอีกคน โล่งใจทั้งยังรู้สึกถึงความกังวลที่มันหมดไป จ้องหน้ากันอยู่นานก็เขินกันเองไปซะอย่างนั้น แต่อย่างว่าแหละนะ กี่เดือนล่ะที่ห่างเหิน และกี่เดือนมาแล้วที่ไม่เคยได้แลกเปลี่ยนสัมผัสของกันและกันเลย
“รักนายนะ”
คริสโน้มเข้าไปกระซิบข้างใบหูของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเป็นเลย์ที่สวนกลับมาทำเอาเขาต้องนึกถึงใครอีกคนที่ทำให้นึกกลัวอยู่ได้ตลอด
“รักใคร?”
“รักเลย์”
“ใครรักเลย์”
“คริสรักเลย์ครับ”
“ดีมาก!”
จบบทสนาที่คล้ายจะต่อคำกัน คริสก็ค่อยๆก้มลงจุมพิตที่หน้าผากบางเหมือนอย่างที่ชอบทำ ส่งยิ้มละมุนไปให้อีกคนก่อนจะล้มตัวลงนอนโอบกอดร่างเล็กไว้แนบอกแน่น ซึมซับความอบอุ่นของกันและกันที่เฝ้าโหยหามันมานาน ไม่กี่เดือนหากแต่เหมือนเป็นปี ต่อไปนี้จะไม่ยอมแล้ว จะไม่ปล่อยอีกคนไปไหนแน่ๆ จะไม่มีวันลืมคนหน้าหวานคนนี้ไปอีกครั้งอย่างแน่นอน คนที่เขารัก และคนที่รักเขาหมดหัวใจ...
…THE WIZARD…
*** มาต่อให้รีดเดอร์ทดแทนที่หายไปหลายวันค่ะ >< ไรท์นั่งแต่งตอนนี้ถึงเช้าเลยนะ ที่เพิ่งลงเพราะเพิ่งตื่นค่ะ แฮะๆ แต่งตอนตีหนึ่งกว่าๆ ได้นอนอีกทีเจ็ดโมงเช้าแหละ งื้ออออ ~ คำพูดไหนที่มันวกวนไปมาก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะ มันเป็นความเอ๋อของไรท์เอง นั่งงมยันเช้าเลย55555555 ยังไม่ได้แต่งADOLESCENT ต่อเลยด้วย T^T คนอ่านหายไปหมดแย้ววววว ตอนนี้เป็นยังไงก็มาเล่าสู่กันฟังนะคะ ฟินมากหรือไม่ฟินเลยก็บอกกันได้ 555555 รักรีดเดอร์คร้า :”D
__________________________________________
เสริมค่ะ :'D เหมือนจะมีคนงงๆว่าพี่คริสจำเลย์ได้รึยัง? พี่คริสจำได้แล้วนะคะ ตอนที่สายฟ้าของฟายอาร์ผ่าลงมานั่นแหละค่ะ ไรท์เลยเติมบทเข้าไปเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้มันกระจ่าง 55555 หวังว่าจะไม่มีคนงงแล้วน้าาาาาาาาา^^
ความคิดเห็น