คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ll ADOLESCENT 18 ll
ADOLESCENT 18
ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่สับรางอย่างคับคลั่งหนาตา พร้อมเพรียงกันในงานประกวดสเก็ตบอร์ดนานาชาติที่จัดขึ้น ณ กรุงโซล ภายในงานมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบู้ทกิจกรรมหรือสินค้ามากมายที่เกี่ยวกับงานหลักในครั้งนี้
หลังจากสอบปลายภาคเสร็จคริสจึงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมสเก็ตบอร์ดอย่างหนัก เอาจริงเอาจังเป็นงานไม่ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เขามุ่งมั่นกับการประกวดครั้งนี้เป็นอย่างมาก และนั่นเห็นจะมีกำลังใจไม่น้อยคงเป็นคนรักหน้าหวานที่คอยเป็นโค้ทเทรนให้อยู่ทุกวัน
“สู้ๆนะมึงไอ้คริส เดี๋ยวกูกับลู่หานจะขึ้นไปให้กำลังใจมึงบนสแตนด์ ส่วนไอ้จงอินกับแบคฮยอนกำลังตามมา” เซฮุนเอ่ยบอกเพื่อนตัวสูงที่หน้าตาดูไม่ค่อยสู้ดี ยกมือขึ้นแตะที่ไหล่หนา หวังให้คริสทำเต็มที่อย่าได้เป็นกังวล ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคนรักเพื่อจับจองที่นั่ง
พยักหน้าให้เซฮุนเสร็จ มองเพื่อนร่างโปร่งเดินจากไปคริสพลันผ่อนลมหายใจด้วยความนึกหวั่น มือหนาที่ยังว่างจากการถือบอร์ดจึงกอบกุมมือเล็กของคนรักไว้แน่นทั้งบีบมันอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาคนที่อยู่ด้านข้างต้องแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความเป็นห่วงพะวกพะวงไม่ต่างกัน
“ทำให้เต็มที่นะอู๋ฟาน ฉันจะนั่งอยู่ตรงกรรมการ”
เอ่ยบอกคนรักก็ยิ้มหวานให้เป็นกำลังใจ เหมือนอย่างปีที่แล้วเมื่อมินโฮรบกวนให้เลย์ช่วยมาเป็นที่ปรึกษาอีกครั้ง เขาเองก็เต็มใจไม่ขัด อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยรุ่นพี่ไม่เคยหวังผล
“อืม แต่ห้ามนั่งใกล้กันมากนะ ถึงจะเป็นพี่มินโฮก็เถอะฉันไม่เคยไว้ใจ”
“เฮ้อ! แฟนใครคิดมากตลอด นี่จะลงแข่งอยู่แล้วนะยังเอาแต่คิดเรื่องอื่นอยู่อีก ห้ามเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้สมาธิเสียดิ ไม่ไว้ใจกันหรือไง?” มองค้อนเข้าให้ เบ้ปากคว่ำทำท่าจะงอนให้คริสต้องรีบโอ๋เป็นการใหญ่
“ก็เปล่านะ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจนาย แต่ไม่ไว้ใจคนอื่นต่างหาก”
“ใจฉันมันมีแต่นาย ใครเข้าหาก็ช่างปะไรสนใจเสียที่ไหน”
“ขอให้จริงเถอะ เจอหล่อๆเข้าไปไม่ใช่จะเปลี่ยนใจจากฉันไปซะล่ะ” คริสเอ่ยพลางยิ้มกรุ้มกริ่มมองคนรักด้วยความรักใคร่ เห็นใบหน้าหวานยู่ลงบ่นพึมพำค่อนขอดเขาเบาๆ ทำเอาอดใจไม่ไหวต้องโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากสวยเสียให้หายงอน
“คนอะไรชอบฉวยโอกาส” ว่าไปนั่นหากแต่พวงแก้มขาวเห่อแดงให้จับผิดได้ไม่ยาก เลย์แทบจะอกแตกตายเมื่ออีกคนมันเจ้าเล่ห์เผลอเมื่อไรเป็นต้องหวังกำไรจากเขาอยู่ตลอด
“รู้ว่าชอบอย่าเล่นตัวเลยครับที่รัก แต่ห้ามเปลี่ยนใจจากฉันเด็ดขาดเลยนะ วันนี้เห็นหล่อๆเดินผ่านหน้าไปหลายคนละ กลัวแฟนหวั่นไหวว่ะบอกตรงๆ”
“เหอะ! ชอบคิดแทน แต่ถ้ามีจริงๆหล่อกว่าคนนี้ก็ไม่เอาแล้วนะ เพราะที่มีอยู่ก็เจ้าชู้ซะไม่น่าไว้ใจ”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ถึงกับอ้าปากค้างคล้ายโดนตอกหน้าด้วยคำพูดลอยๆที่เจ็บถึงทรวง เลย์ก็นะพูดมาได้ เขาเลิกเจ้าชู้ไปตั้งนานแล้วยังจะว่ากันอยู่อีก
“ใครเจ้าชู้ไม่มี๊ไม่มี” ใบหน้าหล่อส่ายหวือปฏิเสธเป็นพัลวัน ยกมือขึ้นเกาแก้มของตัวเองเนียนๆไม่รู้ไม่ชี้ แต่นี่ละตัวพ่อเลย์ยืนยันเอง
“เสียงสูงซะ ก็คนหล่อๆมันมักจะเจ้าชู้อ่ะจริงม๊ะ?”
“ไม่จริงเลย ฉันก็หล่อแต่ไม่เจ้าชู้นะ ก็รู้อยู่ว่าถอดเขี้ยวแล้ว รักนายคนเดียวนะอี้ชิงนี่ก็ระแวงไปเรื่อย” คริสดึงร่างเล็กของคนรักเข้ามากอดไว้แน่น กดหัวทุยให้จมหายไปกับแผ่นอกกว้าง นึกเอ็นดูจึงกดจูบที่กลุ่มผมนุ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆให้สมองได้ผ่อนคลาย
“อู๋ฟาน....”
“ครับ?”
“ไม่รู้จักที่สาธารณะหรอ?” เลย์ผละใบหน้าออกจากหน้าอกแกร่งทั้งพวงแก้มที่มันแดงซ่านลามถึงใบหู ช้อนม่านตาขึ้นมองอีกคนอย่างคาดโทษที่ทำอะไรไม่ได้ดูสถานที่เลย ปากว่าแต่นั่นใจมันสั่นให้เสียสมดุลในร่างกาย อีกคนก็เอาแต่โอบกอดไว้ไม่ให้ไปไหน ดูเข้าเถอะว่าคนมองมาไม่รู้ว่ากี่สายตาแล้ว
“เพราะรู้ยังไงล่ะถึงได้ทำ ใครมองก็ช่าง จะกอดแฟนอ่ะมีปัญหาอะไรไหม?” คริสก็ยังคงดื้อให้อี้ชิงบิดมือเขาที่ต้นแขนเพื่อทำโทษ แต่นั่นใช่ว่าจะสำนึก ฉวยโอกาสกดปลายจมูกโด่งแตะลงที่พวงแก้มขาวขึ้นสีไปอีกหนึ่งฟอดใหญ่เต็มปอดเลยทีเดียว
“อู๋ฟาน พอแล้วปล่อยเลย” เลย์พยายามผลักอกแกร่งของอีกคนให้ออกหาก ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสัมผัสจากคริสน่ะเขาชอบมันเสมอแหละ แต่ตอนนี้มันใช่เรื่องไหมล่ะ นึกแล้วก็น่าตีให้ตาย
“พอก็ได้ แต่...พาไปห้องน้ำหน่อยดิ”
“ไปทำไม?”
“อ่าว ไปห้องน้ำนายจะให้ไปทำอะไรล่ะอี้ชิง?”
อีกแล้วที่คำพูดของคริสมันแพรวพราวเสียนึกไม่ถึงว่าจะโดนตอกกลับมาแบบนี้ เลย์อยากจะบ้า มีแฟนเจ้าเล่ห์นี่เหนื่อยพอตัว ต้องค่อยระมัดระวังอีกคนจนบางครั้งเข้าขั้นระแวง อยู่กันน่ะชินแล้ว แต่ไอ้ท่าทีจับนู่นแตะนี่เนียนๆเนี่ยบอกได้เลยว่าเลย์ไม่ชินกับมันสักครั้ง
สองร่างที่เดินเทียบเคียงกันไปตามทางตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ไม่น้อย อีกคนตัวสูงผมสีบลอนด์หน้าหล่อทั้งโดดเด่น ส่วนคนข้างๆก็น่ารัก ผิวขาวทั้งน่าทะนุถนอม สองมือประสานสอดนิ้วให้ได้รับความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน ไหล่แนบไหล่ส่งยิ้มให้กันเป็นที่น่าอิจฉาของคนที่ได้มอง
เดินมาถึงห้องน้ำคริสพลันหยุดยืนหน้ากระจกค้ำอ่างล้างหน้าไว้ด้วยความเคร่งเครียดผิดจากเมื่อครู่ วางสเก็ตบอร์ดในมือลงไว้ด้านข้าง จ้องมองยังกระจกเงาที่สะท้อนภาพของตัวเองก่อนจะกวักมือวิดน้ำเข้าใบหน้าให้ผ่อนคลาย
“อี้ชิง…” เอ่ยเรียกชื่อคนรักมือหนาจึงเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับใบหน้า มองอีกคนผ่านกระจกเงาก่อนจะโยนกระดาษที่ใช้แล้วทิ้งลงถังขยะไป
“หื้ม? มีอะไร อ๊ะ!”
ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างกายบางก็ปลิวหวือโดนรั้งให้เข้าไปในห้องน้ำอันคับแคบที่แบ่งเป็นสัดส่วนเสียแล้ว นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลงตกอกตกใจยามอีกคนไม่พูดอะไรเอาแต่โอบกอดเขาไว้แน่น เงียบเสียให้เป็นห่วงเป็นกังวล เลย์จึงยกสองแขนขึ้นโอบกอดคนรักกลับพลางลูบแผ่นหลังกว้างอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม
“อี้ชิง....”
“กลัวหรอหื้ม?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความอ่อนโยน เลย์รู้ดีว่าตอนนี้คริสกำลังอ่อนแอ ความเครียดทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และนั่นมันก็เป็นหน้าที่ของคนรักอย่างเขาที่ต้องคอยอยู่เคียงข้างอีกคนเสมอ แต่นั่นใช่ว่าทำเพราะหน้าที่ หากแต่หัวใจต่างหากที่พร้อมจะทำเพื่ออีกคน
“อืม ฉันกำลังกลัว มันเย็นไปหมดเลยตอนนี้”
“อู๋ฟานเคยกลัวอะไรเสียที่ไหน แฟนอี้ชิงน่ะเก่งจะตาย”
“ใครว่าฉันไม่เคยกลัวอะไร อย่างน้อยก็กลัวว่าวันนึงจะไม่มีนายอยู่เคียงข้างล่ะนะ”
คริสกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ฟุบใบหน้าหล่อลงที่ลาดไหลบาง เบียดแก้มเข้าหานัวเนียเบาๆ ทำเอาเลย์ต้องยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีบลอนด์ให้หายเป็นกังวล
“ไม่เอาน่าอู๋ฟาน ฉันจะไปไหนได้ก็รักนายซะขนาดนี้ อย่าคิดแบบนี้อีกนะเพราะฉันจะเสียใจ”
“ฉันแค่กลัว ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไปไหนนะอี้ชิง”
“ครับ ไม่ทิ้งแน่ๆ ว่าแต่...ลากให้เข้ามาในนี้ทำไม? มันแคบนะอึดอัดจะแย่” เอ่ยไปก็อมยิ้มไป อีกคนกำลังเรียกร้องความสนใจเลย์รู้ดี คริสเอาแต่กอดเข้าไว้นิ่งๆ กำลังอ้อนนี่เองต้องการอะไรกันแน่
“จะขอรางวัลก่อนแข่ง อยากได้จังเลยแฟนอยากให้ไหม?”
ว่าแล้วเชียว เลย์เดาผิดเสียที่ไหน คนมันเจ้าเล่ห์อ่ะเห้ย
“จะขอรางวัลอะไรอีก มันใช่เวลาไหมเนี่ยอู๋ฟาน?”
ไอ้รางวัลที่ว่ามันคืออะไรว่ะ
ได้ฟังแล้วอยู่ๆหัวใจก็โครมครามโหมขึ้นมาเต้นผิดจังหวะ ความร้อนเริ่มเข้าครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจนลามไปทั่วทุกอณู ก่อนจะเห็นว่าคนตัวสูงค่อยๆยืดตัวยืนตรงแล้วเอาแต่จ้องมองกันเสียให้หวาดระแวงจากสายตาคมที่พราวระยับ
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ?” คริสแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานของคนรักมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มไปหมด ม่านตาสวยกลอกไปมาเลิกลั่ก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเสียแน่นจนเผยลักยิ้มที่ข้างแก้ม
คือน่ารัก คืออดใจไม่ไหวแล้ว
“ก็นายจะขออะไรฉันเล่า ถ้าให้ได้ก็จะให้”
“อือ....”
คนตัวสูงทำท่าครุ่นคิดหมกหมุ่นจนเลย์ใจไม่ดี นี่ไอ้คนหล่อมันจะแข่งในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้วนะ ยังมีแก่ใจคิดเรื่องอย่างว่าอยู่อีกให้ตายเถอะ เลย์ไม่พร้อมเคยเข้าใจกันบ้างไหม
“จ...จะเอาอะไร?” เลย์แทบจะอยู่ไม่สุข อยากปลดกลอนประตูห้องน้ำแล้วปรี่หนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้างั้น...ขอมัดจำที่ริมฝีปากกับซอกคอก่อนแล้วกัน ส่วนที่เหลือไว้หลังแข่งน่าจะสะดวกกว่า”
“ห..ห๊ะ? ที่คอ? ไม่เอานะที่คอไม่ได้”
ถึงกับตกอกตกใจจนลืมหายใจเมื่อที่อีกคนขอมามันไม่สะดวกที่จะทำในตอนนี้ เลย์ไม่ว่าถ้าคริสจะขอเพราะเขายอมให้ แต่นั่นวันนี้เขาใส่เสื้อคอวีเว้าลึกโชว์แผ่นอกนะ เป็นรอยนิดเป็นรอยหน่อยมันคงดูไม่ดี - นี่คือไม่ได้รักนวลสงวนตัวเลยสิท่า
“อย่ากังวลครับที่รัก อู๋ฟานซะอย่าง ที่คอจะไม่ใช้ปากก็ได้ไม่มีปัญหา”
ไม่ทันให้อีกคนเปล่งวาจาลั่นคำอนุญาต ใบหน้าหล่อก็โน้มเข้าหาเสียแล้ว ฝังปลายจมูกลงที่ซอกคอขาวอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆเข้าปอดให้ชื่นใจจนหยุดไม่อยู่ ลากปลายจมูกไปเรื่อยๆอย่างวาบหวาม ไล่ตามสันกรามเรียวสวยถึงไห้ปลาร้าาทรงเสน่ห์ก็ทำเหมือนอย่างเคยคือเก็บเกี่ยวความหอมเข้าปอดระบายความกังวล แล้วมันก็ใช้ได้จริงอย่างว่า เพราะคริสหายกังวลกับเรื่องก่อนหน้าเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว
“อ๊า”
เสียงหวานครางผะแผ่ววูบโหวงไปทั่วท้องน้อย เลย์เองใช่ว่าจะขัดขืน ยินยอมให้อีกคนอย่างว่าง่ายเพียงแค่สัมผัสเบาๆที่ซอกคอทั้งลมหายใจอุ่นที่เปารดอยู่ไม่ห่าง แทบจะล้มได้ทั้งยืนเพราะทุกอย่างในร่างกายมันอ่อนยวบไม่เป็นท่า เผลอครางแผ่วเบาหลุดออกมายามอีกคนลากปลายจมูกสูดดมตามใจตัวเอง หลับตาพริ้มแหงนใบหน้าเปิดทางให้อย่างยินยอม เพราะคนๆนี้ก็คือคนที่เลย์ไม่เคยชนะด้านประสบการณ์เลยสักครั้ง
พอใจกับความขาวที่เตะตา เรียวปากบางสีชมพูอ่อนก็ดึงดูดชวนลิ้มลองเป็นจุดต่อไป คริสยกมือขึ้นทาบตามโครงหน้าสวยพลางจ้องมองใบหน้าหวานแดงซ่านนั้นอย่างโหยหา เกลี่ยนิ้วหัวแม่มือที่แก้มนิ่มผ่องเนียนในกรอบม่านตา ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหาก่อนจะทาบริมฝีปากกดทับที่กลีบปากสวยของคนพ่ายแพ้ในอ้อมกอดไปทันที ขยับคลึงแผ่วเบาไม่เร่งรีบดูดเม้มให้ความอุ่นชื้นค่อยๆส่งผ่านอย่างเนิบนาบ ลอดสิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานให้โพลงปากยามอีกคนสิ้นสติแล้วยอมให้เขาเข้าไปโดยง่าย กวาดต้อนทุกอณูอย่างนึกพอใจ เลย์ทั้งหวาน ทั้งหอม จนไม่อยากจะปล่อยไปเลยจริงๆ
คริสแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองทำอะไรอยู่ รับรู้เพียงความสุข เสียงของหัวใจและความอื้ออึงในหูอยู่รอบด้าน ลมหายใจของเขามันร้อนผ่าวแทบจะลุกเป็นไฟ ถ้าไม่ติดว่าสถานที่มันไม่เอื้ออำนวยบอกได้เลยว่าเลย์คงไม่รอดแน่ๆ อยากได้มากกว่านี้ ขอแค่คนนี้ก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว และในขณะเดียวกันที่มือหนาเริ่มสอดเข้ายังสาบเสื้อตัวบางของคนรัก ลูบไล้ตามผิวเนื้อส่วนเอวเว้า เลื่อนขึ้นยังแผ่นหลงบางและลามมาที่หน้าอกขาวอย่างวาบหวาม คริสคล้ายจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ยาก มันขาวโพลนทั้งน่ากลัวว่าจะหยุดตการกระทำไม่ได้
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“แม่งเอ้ย!”
เสียงเรียกเข้าจากเครื่องมือสื่อสารทำเอาคริสต้องสบทออกมาอย่างหงุดหงิด ขัดจังหวะจนอยากจะบั้นหน้าไอ้คนที่โทรมาไม่ถูกเวล่ำเวลาเสียเหลือเกิน แทบจะกู่ก้องร้องตะโกนด้วยความเสียดาย ยกมือขึ้นขยี้ผมสี
บลอนด์ของตัวเองจนยุ่งเหยิง
คือ...ค้างมาก
“ว่าไงจงอิน มีเหี้ยไร?” รู้ว่าใครโทรมาก็ใส่ไม่ยั้ง เอาเถอะว่าคริสจะปล่อยมันไปวันนึง
“มึงอยู่ไหนเนี่ยไอ้คริส มาเตรียมตัวได้แล้วครับ จะแข่งไหมฟาย?”
สิ้นเสียงทุ้มของเพื่อนผิวเข้มคริสก็ทำได้แค่ก่นด่ามันอยู่ในใจ แต่นั่นก็ยอมทำตามเพราะถึงเวลาของความเป็นจริงแล้ว ยังไงก็ต้องขอบคุณจงอินอยู่ลึกๆล่ะนะ ขัดจังหวะช้ากว่านี้คริสคงไม่แข่งแล้วล่ะ กลับบ้านไปสานต่อดีกว่า
“เออรู้แล้วเดี๋ยวกูไป แค่นี้นะไอ้เหี้ยดำ!” ท้ายประโยคย้ำคำให้คนในสายได้สะดุ้ง ก่อนคริสจะรีบกดวางแล้วยัดเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิม
แต่นั่นใช่ว่าจะละความพยายาม เห็นคนรักตัวเล็กที่ยืนก้มหน้างุดหลบซ่อนสีระเรื่ออยู่นั้นมันก็อดไม่ได้ โน้มใบหน้าเข้าหากดจูบย้ำซ้ำๆที่ริมฝีปากสวยไปอีกระลอก ทำเอาอีกคนเคอะเขินเสียไปไม่ถูก และคริสเองก็ต้องยอมแพ้กับเสียงประท้วงหวานของอีกคนที่คอยห้ามไม่ให้ถลำลึกจนเกินเลย
“พอแล้วน่า จะแข่งแล้วนะ” เลย์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกคนเอาแต่จ้อง จ้อง แล้วก็จ้องไม่วางตา ไม่รู้หรือไงว่าหัวใจเขาตอนนี้มันเต้นแรงขนาดไหน
“รักจัง” คนตัวสูงฝังปลายจมูกโด่งลงคลอเคลียที่ข้างแก้มนิ่ม ไม่ผละออกและไม่คิดจะปล่อยคนตัวเล็กในอ้อมกอดให้ไปไหนด้วย
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว เหลือเวลาไม่มากหรอกนะ”
“ไม่อยากแข่งแล้วอ่ะอี้ชิง ฉันไม่มีความมั่นใจเลย”
“ไม่เอาอย่าดื้อนะอู๋ฟาน อะไรที่ทำให้นายไม่มั่นใจได้ไล่มันออกไปให้หมด ฉันจะคอยอยู่เคียงข้าง เฝ้ามองดูนายเสมออย่าได้กลัวนะ”
พูดเสร็จเลย์จึงจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากเรียวของคนรักให้เป็นกำลังใจหนึ่งที เริ่มเองเขินเองจนต้องก้มหน้างุดเม้มริมฝีปากแน่น ช้อนม่านตามองคนเจ้าเล่ห์ได้ พออีกคนจ้องกลับก็ต้องหลบสายตาหนี ทำยังไงจะชนะสายตาคมคู่นี้ได้กันคงไม่มีวัน
“อย่าทำให้ฉันสติแตกนะอี้ชิง แค่นี้ก็ตะเลิดเปิดเปิงจนควบคุมไม่ได้แล้ว
“อ...เอ่อ ฉันว่า...เราไปหาจงอินกันดีกว่า” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปปลดกลอนประตูแล้วเดินออกไปทันที
คริสเองก็ไม่ได้ห้ามไม่ได้ยื้อไว้เหมือนในตอนแรก ถึงแม้อยากจะทำมากก็ตามเถอะ แฟนเขาน่ารักแล้วจะให้ทำยังไง ปล่อยไปก่อนแล้วกัน ค่อยไปเก็บดอกทีหลังก็ยังไม่สาย
เดินตามคนรักออกมาก็เห็นว่าเลย์ยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ เจอแสงเข้าให้หน่อยใบหน้าหวานก็แดงก่ำชัดเจนเสียให้ต้องอมยิ้ม คริสเอื้อมมือไปจับมือเล็กของอีกคนมากอบกุม อีกมือก็กระชับสเก็ตบอร์ดไว้ข้างตัว เดินเคียงข้างกันไปที่สนามแข่งท่ามกลางสายตาที่เอาแต่จ้องมอง
“ไอ้คริสๆ กูเห็นชานยอลว่ะมึง”
เพียงแค่เดินมาอยู่ในส่วนของสนามแข่ง เพื่อนผิวเข้มก็วิ่งถลาเข้ามาหาอย่างหน้าตาตื่น ทำเอาคริสที่ได้ฟังต้องตกใจไม่แพ้กัน
“มึงว่าไงนะจงอิน?”
“กูเห็นไอ้ยอลเมื่อกี้ แม่งเดินทำหน้าหล่อถือบอร์ดโชว์สาวน่าหมั่นไส้สุดๆ มันลงแข่งด้วยว่ะไอ้คริส กูเพิ่งไปดูรายชื่อมา ข่าวว่ามันบินจากเมกามาเกาเพื่อแข่งกับมึงโดยเฉพาะเลยนะเว้ย”
“หึ! นี่มันไม่คิดจะเลิกลากับกูสินะ” คริสแสยะยิ้มมุมปาก ดุนลิ้นที่ข้างแก้มคล้ายกำลังไม่พอใจกับใครบางคนที่เพิ่งกลับมา ความกังวลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อรู้ว่าคู่แข่งคนสำคัญเป็นใคร ทั้งยังมีอดีตฝังใจกันมาก่อน และนั่นจะแพ้ไม่ได้เลยจริงๆ
เลย์ที่ยืนมองอยู่ก็ได้แต่สะสมความสงสัยให้เพิ่มขึ้นในหัว บีบมือคนรักเพื่อให้กำลังใจ ไม่รู้ว่าระหว่างคริสกับคนที่ชื่อชานยอลเป็นมายังไงและมีอดีตฝังใจอะไรกัน ไม่อยากถามไม่อยากก้าวก่าย ถ้าคริสพร้อมก็คงจะเล่าให้เขาฟังเอง
“แข่งกับตัวเองนะอู๋ฟาน ความรู้สึกไม่ดีอย่าได้เก็บเอามาคิด”
“อื้ม”
พยักหน้าให้คนรักอย่างเข้าใจ เห็นรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ทำเอาคริสคลายความกังวลไปได้พอตัว
หลังจากได้กำลังใจจากอี้ชิงคริสจึงแยกมาเตรียมความพร้อมในการแข่งขันกับจงอิน ตอนนี้ชานยอลกำลังอยู่ในสนาม และนั่นคริสเองก็ไม่อยากจะไปดูให้ตัวเองต้องเป็นกังวลเพิ่มเติม เห็นจงอินยืนมองอยู่ก็อยากจะเรียกเพื่อนมาถามอยู่หรอก แต่สู้ไม่รู้จะดีกว่าเพราะจะเป็นการกดดันตัวเองเสียเปล่าๆ
“คริส ถึงคิวมึงแล้ว สู้ๆนะเว้ย”
ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่รอคอย ทุ่มเทกับการแข่งเสียเนินนานเพียงเพราะการแสดงในวันนี้เพียงไม่กี่นาที
ใบหน้าหล่อหันมองยังเพื่อนผิวเข้มที่ตะโกนบอกให้เตรียมพร้อม คริสสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกกำลังใจและความเชื่อมั่น กระดกน้ำขึ้นดื่มคลายอาการตื่นเต้นด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะเหยียบแผ่นบอร์ดที่เท้าให้มันเด้งเข้ามาอยู่ในมือแล้วถือไปรอที่ประตูของสนามด้วยใจที่ไม่ค่อยดี
คนด้านบนที่มองลงมาก็หวั่นใจไม่เบา เห็นการแสดงของชานยอลแล้วเลย์ก็เข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่เล่นๆ ท่วงท่าดูดีพลาดน้อยไม่ค่อยโดนตัดคะแนน ห่วงก็แต่คนต่อไปที่จะเข้ามาแข่งในอีกไม่ช้า เชื่อว่าคริสทำได้ แต่ที่หวั่นใจคืออีกคนจะกังวลจนทำมันออกมาได้ไม่ดีอย่างที่ซ้อมต่างหาก
“อี้ชิงคิดว่าไง ชานยอลก็น่ากลัวเหมือนกันว่าไหม?”
เสียงรุ่นพี่ข้างกายเอ่ยถาม อี้ชิงจึงเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“ชานยอลก็เล่นดีครับ แต่อี้ว่าบางทีมันก็ออกจะน่าเบื่อ เขาเล่นท่าเมล่อนแกร็ปบ่อยไปจนมันดูซ้ำซากแล้วก็ไร้สีสัน แต่นั่นอี้ก็ไม่ได้บอกว่าเขาต่ำกว่ามาตรฐานนะครับ ท่ายากๆที่เล่นผาดโผนทำได้ดีเลยทีเดียว แทบไม่มีการพลาดเลยด้วยซ้ำน่านับถือ”
เสียงหวานที่เอ่ยคอมเม้นให้ผู้เข้าแข่งขันดูเป็นมืออาชีพพอตัว มินโฮยิ้มให้ด้วยความภูมิใจที่รุ่นน้องคนนี้ถึงจะเลิกเล่นไปแล้วแต่ยังไม่ลดความสามารถของตัวเองลงเลยสักนิด
ท่าที่เลย์บอกว่าชานยอลใช้บ่อยมันก็จริงอย่างที่ว่า เมล่อนแกร็ปเป็นท่าที่เมื่อลอยตัวอยู่กลางอากาศจะใช้มือจับที่บอร์ดไปด้วยในขณะเดียวกัน ชานยอลพลาดน้อยก็จริงส่วนใหญ่อาศัยท่าง่ายตบตาให้ผู้ชมหลงเชื่อเสียมากกว่า
“คนนี้ที่กำลังรอคอยสินะ”
เห็นมินโฮเอ่ยแซวใบหน้าหวานก็เห่อแดงขึ้นฉับพลัน มองภาพเบื้องหน้าของคนรักที่กำลังสไลด์แผ่นบอร์ดเข้ามาในสนามทั้งเสียงเฮลั่นที่กึกก้องดังไปรอบกาย เลย์ฉีกยิ้มอย่างปิดไม่อยู่เมื่อเห็นอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองแล้วโบกมือให้ทำเป็นเท่
เออนะแฟนใครวะ เดี๋ยวเขาก็หาว่าเล่นเส้นหรอกโบกมือมาทางกรรมการเนี่ย
“ชานยอลเล่นดีครับ อี้ค่อนข้างเป็นกังวล” เสียงหวานเอ่ยกับรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆ ถึงจะบอกว่าการแสดงของชานยอลน่าเบื่อ แต่ใช่ว่าอีกคนจะทำได้ไม่ดี มันแตะเส้นของคำว่าดีมากมาพอประมาน
“พี่เชื่อว่าคริสมันทำได้ ฝีมือมันดีกว่าชานยอลเยอะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว อยู่ที่ว่ามันจะกดดันตัวเองหรือเปล่า ไอ้นี่เห็นเงียบๆแต่มันชอบเก็บความเครียดไว้คนเดียว เรื่องนี้ที่เป็นจุดอ่อนของมันเลย”
“ครับ อี้ก็ดูออกเหมือนกัน เขาคิดอะไรไม่ค่อยพูดออกมา แต่ถ้ามองตาเขาดีๆ เราจะรู้ครับว่าความรู้สึกข้างในมันคืออะไร”
สิ้นเสียงหวานของรุ่นน้องมินโฮก็ยกยิ้มทั้งส่ายหน้า คิดไปแล้วว่าคริสนี่ช่างโชคดี รู้ภูมิหลังมาเยอะว่าอีกคนเป็นยังไงเพราะอยู่ด้วยกันมาก็นานพอตัว เมื่อก่อนใช่อยู่ในลู่ในทาง เจอเลย์เข้าหน่อยนี่แม้แต่เฉียดกรอบก็ยังไม่กล้า อยู่ในกรอบเสมอเลยสินะ เสือสิ้นลาย
คนในสนามสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งและพยายามเอาชนะกับความกลัวของตัวเองในตอนนี้ นัยน์ตาคมแน่วแน่มองไปยังเบื้องหน้า ไม่หันมองรอบข้างให้กดดันตัวเองแล้วทำออกมาได้ไม่ดี
“อย่าหันมองรอบข้างนะอู๋ฟาน มันจะช่วยลดความตื่นเต้นของนายได้”
นึกถึงเสียงหวานๆที่เอ่ยสั่งคริสพลันยกยิ้มขึ้นได้ในฉับพลัน เหมือนเป็นยาบำรุงให้หัวใจได้เต้นแรง เขาทำตามที่เลย์บอกทุกอย่าง เข้ามาในสนามแล้วก็ไม่หันมองทางอื่นอีก มองแต่คนที่นั่งข้างบนตรงกรรมการเท่านั้นที่ทำให้มีความเชื่อมั่นขึ้นมาได้
ติ๊ดดดดดดดดดด
เสียงสัญญาณเริ่มแข่งดังขึ้นคริสจึงพยักหน้าหลับตาผ่อนลมหายใจ ลืมตาขึ้นมองอีกครั้งก็ยกขาเหยียบที่บอร์ดไม้ไว้มั่น ขาอีกข้างก็เริ่มดันพื้นให้สไลด์แผ่นไม้ไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับคงที่แล้วเริ่มชินกับความรู้สึกในสนาม
ท่าแรกที่ใช้คือท่าไฟว์โอไกร์ดเหมือนตอนที่จงอินใช้แข่งเมื่อครั้งที่แล้ว คริสทำได้ดีจนเลย์ยกยิ้มมองมาจากที่ไกล ความกดดันในตอนนี้มันหายไปหมดเหลือแต่ความคุ้นชินเหมือนว่าซ้อมอยู่ เหลือเพียงการเล่นที่เป็นธรรมชาติและไหลลื่นอย่างน่าชื่นชม คริสใช้เกือบทุกท่าเหมือนกับที่จงอินใช้ แต่มีอยู่หนึ่งท่าที่เลย์สั่งห้ามและอย่าเด็ดขาดที่จะเสี่ยงมัน
“ไอ้นี่มันเล่นท่าพิว็อตสวยเลยทีเดียวนะอี้ชิง เทรนมาเองกับมือหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงมินโฮเอ่ยแซวอี้ชิงก็ยกยิ้ม สายตาของรุ่นพี่ยังคงจดจ่ออยู่กับคนในสนาม ทว่าปากนี่ก็เอ่ยแซวไปไม่หยุดหย่อน
“ไม่ใช่อี้หรอกครับ อู๋ฟานฝึกซ้อมเองคิดท่าเองทั้งหมด อี้ก็แค่แนะนำอะไรเล็กๆน้อยๆให้เขาเป็นแนวทางในฐานะคนที่ผ่านมาหลายสนาม มันสมบูรณ์แบบใช่ไหมล่ะครับตอนที่เขาดีดสเก็ตบอกร์ดขึ้นกลางอากาศ”
“อืม คริสมันมีพรสวรรค์ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือมันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง”
เลย์พยักหน้าเมื่อสิ้นเสียงของรุ่นพี่ สายตายังคงมองจ้องร่างสูงโป่รงของคนที่โชว์ลวดลายอยู่ในสนาม คริสมีความสามารถเลย์รู้ดี ได้เห็นอีกคนเล่นท่าให้ดูในครั้งแรกก็มั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว แต่นั่น....
นั่นคริส...
“ตอนซ้อมไม่ได้เล่นท่านี้หนิ” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มองคนรักอย่างไม่ชอบใจ
“อ่า มันทำได้ดีมากๆเลยแฮะ”
ใช่ดี แต่เลย์ไม่ชอบมัน บอกคริสแล้วว่าท่านี้เป็นไปได้อย่านำมาเล่น แต่อีกคนยังดื้อด้านทำมันอยู่อีก แล้วการที่เล่นมันโดยไม่ได้ซ้อมมามันอันตรายและมีสิทธิ์พลาดได้ง่ายก็รู้ดี
“พลาด!” อยู่ๆเลย์ก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นัยน์ตาคู่กลมเบิกกว้างเมื่ออีกคนเล่นท่าจบที่กระตุกขั้วหัวใจให้เหน็บหนาวและสั่นทื่อ
“มีอะไรหรือเปล่าอี้ชิง?”
“ผ...ผมขอตัวก่อนนะครับพี่มินโฮ”
เอ่ยบอกรุ่นพี่เสร็จคนตัวเล็กก็ปรี่ลงจากที่นั่งกรรมการมายังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ความเป็นห่วงเป็นกังวลของเลย์ในตอนนี้มันท่วมท้นอยู่ในอกจนไม่สบายใจ นึกโกรธอีกคนที่ไม่เคยเชื่อฟัง ไม่คิดถึงใจคนรักอย่างเขาเลยทำไมนะ
ระหว่างทางที่เดินมาหาคริสเลย์กระวนกระวายอยู่ในอกแทบเป็นบ้า จากที่ได้ดูการแข่งขันของคนรักเขารู้ได้ในทันทีว่ามันจะต้องเกิดเรื่อง ทำไมถึงดื้อขนาดนี้
“อู๋ฟาน เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
เห็นคนตัวสูงที่ถือบอร์ดเดินออกมาจากสนามด้วยใบหน้าเป็นกังวลเลย์ก็รีบถลาเข้าไปหาในทันที และนั่นใบหน้าหล่อที่เคร่งเครียดในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้เจอกับใครที่เข้ามากอดกันไว้แน่น
“อี้ชิง ฉันไม่ได้เป็นอะไรมันโอเคดี” เห็นนัยน์ตาสวยของคนรักคลอหน่อยไปด้วยด้วยหยาดน้ำสีใส คริสก็ถึงกับใจสั่น ร้อนรุ่มในกายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลูบหัวทุยอย่างแผ่ว ก่อนจะกดจูบที่กลุ่มผมนุ่มปลอบโยนอีกคน
“นายไม่โอเคฉันรู้อู๋ฟาน ฮึก...ท่าที่เล่นนายไม่ได้ซ้อมมาด้วยซ้ำ ทำไมไม่เล่นตามที่ซ้อมห๊ะ! รู้ไหมว่าฉันเป็นกังวลแค่ไหนตอนที่รู้ว่านายเล่นท่าสามหกศูนย์แล้วพลาดลงเข่าที่พื้นเต็มแรง”
“นายรู้?” คริสถึงกับไม่อยากจะเชื่อว่าเลย์มองเห็นภาพนั้นทันทั้งที่เขาเนียนแล้วก็ตามที การแข่งในวันนี้เขาเปลี่ยนบางท่าเพราะกดดันตัวเองอยู่หลายเรื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาจะแพ้ชานยอลไม่ได้เลย
“แหม มีคนเทรนให้ดีอย่างนี้นี่เอง มึงถึงได้พัฒนามากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ไม่กระจอกแล้วหนิ” เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นทำให้เลย์และคริสต้องหันไปมองแล้วค่อยๆผละอ้อมกอดออกจากกัน
คนมาใหม่เดินโอ่เข้าหาทั้งรอยยิ้มที่มุมปากเย้ยหยัน แขนยาวยกขึ้นประสานกันที่หน้าอก จ้องมองคู่รักนักบอร์ดตรงหน้าอย่างนึกสมเพช ชานยอลรู้จักเลย์ดีเพราะมีชื่อเสียงให้ได้จดจำ แต่นั่นดูท่าว่าอีกคนคงไม่รู้จักเขานอกจากคนรักที่ยืนข้างๆสินะ
“หึ ถ้ากูกระจอก มึงก็โคตรกระจกเลยสิชานยอล แพ้กูไม่รู้กี่ครั้งยังไม่คิดจะสำเนียกตัวเอง ทำตัวน่าสมเพช แพ้ไม่ยอมรับว่าแพ้ใครกันที่กระจอก”
คริสพูดจบชานยอลก็กำมือเข้าหากันแน่นกัดฟันกรอดด้วยโทสะที่ประทุขึ้นกลางใจ นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในเมื่อก่อนมันอดจะน้อยใจเสียไม่ได้ แต่นั่นก็ยังคงทำอวดดี แสยะยิ้มไม่ใส่ใจอยู่เหมือนเดิม
ชานยอลมองจ้องคริสไม่ลดละคล้ายท้าทาย บางครั้งบางคราก็คล้อยสายตามองยังคนหน้าหวานที่คอยบีบมือให้คริสใจเย็นลง เห็นแบบนั้นมันทำให้ชานยอลต้องนึกขัน คริสเปลี่ยนไปได้จริงๆ เพราะคนๆนี้เลยสิท่า ใจเย็นกับเขาก็เป็นไม่ยักจะรู้
“จางอี้ชิงหรือ? นายน่าสนใจนะ”
“มึงอย่ายุ่งกับแฟนกูปาร์คชานยอล!”
ชัดเจนเต็มปากเต็มคำว่าอีกคนอยู่ในฐานอะไร ชานยอลไหวไหล่เบ้ปากทำหน้าสลด ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆกับอาการร้อนรนของคู่อริที่เดือดปุดๆจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“กูยังไม่คิดจะทำอะไรเลย มึงก็ทำตัวเหมือนหนูโดนน้ำร้อนซะละ”
“สันดารหมาๆอย่างมึงไม่เคยไว้ใจได้ ไม่ตามกัดตามแทงข้างหลังคงตายตาไม่หลับ”
“หึ! คนๆนี้คงสำคัญกับมึงมากสิท่า” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเอียงใบหน้าหล่อเล็กน้อย กอดอกมองเลย์ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ถ้ามึงคิดจะยุ่งกับแฟนกู มึงเจอ....”
“ไม่ต้องหรอกไอ้คริส เดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการเอง”
เสียงของผู้มาใหม่ทำให้ทุกสายตาต้องหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน คนสุดท้ายที่หันไปตามเห็นจะเป็นชานยอลที่ตัวชาวาบไปทั่วร่าง เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่กำลังย่างก้าวเข้ามาหา นัยน์ตาคู่คมเบิกโพลงไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก หัวใจมันวูบไหวไปแล้วกับใบหน้าน่ารักที่คุ้นเคยในกรอบม่านตา
“หึ! ไม่เจอกันนาน น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ พยอนแบคฮยอน” ชานยอลปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งที่ข้างในอกมันสั่นคลอนยิ่งกว่าอะไรดี
“กูก็น่ารักมาตั้งนานแล้วมึงเพิ่งรู้หรอ? แล้วก็โคตรจะมีความสุขเลยพอชีวิตนี้ไม่มีมึง”
คนฟังใจกระตุกไหวยามคำพูดทุกคำมันย้ำเตือนความทรงจำสีจาง คนที่เคยรัก คนที่เคยอยู่เคียงข้าง กลับกลายมาเป็นอริไร้ความรู้สึกดีๆที่เคยมี
“อ้อ ถ้างั้นกูคงตัดสินใจถูกแล้วที่จากไป ไม่เสียแรงเลยสักนิดเพราะคนที่นี่ก็ไม่ได้ต้องการกูอย่างที่คิด”
“เออ! ถ้าคิดว่ามึงตัดสินใจถูกแล้วกลับมาทำเหี้ยอะไรอีก มึงจะไปลงเหว จะไสหัวไปตายที่ไหนก็ไป กลับมาให้กูเห็นหน้ามึงอีกทำไมห๊ะ?!”
นัยน์ตาเฉี่ยวอายไลน์เนอร์คลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำสีใส ระริกไหวก่อนจะเกือกกลิ้งลงที่ปลายหางตา เรียวปากบางเม้มเข้าหากันแน่น รีบกะพริบแพขนตาถี่ๆไล่หยาดน้ำที่ไหลออกมาตอกย้ำความเจ็บปวด
แบคฮยอนลืมแล้ว
ลืมผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลไปแล้ว
แต่ทำไมอีกคนยังกลับมาให้หัวใจเขาอ่อนแอได้อีกระลอก
“กูแค่แวะมาแล้วก็จะกลับไป มาทำตามความฝัน ไม่ได้คิดจะมาให้ใครเห็นหน้า”
พูดแค่นั้นคนตัวสูงก็หมุนตัวหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ความนิ่งงันไม่สะทกสะท้านทำให้แบคฮยอนต้องกำมือเข้าหากันแน่นระงับโทสะตัวเองอย่างถึงที่สุด หยาดน้ำสีใสไหลลงตามเรียวหน้าอย่างอดกลั้นไม่ได้ พร่ามัวภาพแผ่นหลังกว้างของอีกคนที่เดินจากไปจนลับสายตา ภาพเดียวกับวันที่สุดท้ายที่เขาได้เห็นชานยอลจากไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
“แบคฮยอน มึงใจเย็นนะ” คริสเดินเข้ามาปลอบเพื่อนตัวเล็กที่ทรุดตัวลงนั่งก้มหน้าปล่อยน้ำตาไปอย่างเงียบๆ
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะมึง?” เซฮุนเอ่ยถามขณะที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับลู่หาน ทั้งจงอินเองที่ตามมาติดๆก็เริ่มเข้าใจเรื่องตรงหน้าขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นแบคฮยอนที่อยู่ด้วย
“มึง...แบคฮยอน มึงเจอมันแล้วใช่ไหม?” จงอินเอ่ยถามเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้
แบคฮยอนตอบรับทั้งน้ำตานองหน้า เรื่องผลการแข่งของเพื่อนตัวสูงก็ลืมทักไปเสียสนิท ต่างคนต่างกรูเข้ามาปลอบโยนแบคฮยอนด้วยความเป็นห่วง เห็นเป็นคนร่าเริงพอเป็นแบบนี้มันก็ชวนให้อดจะสงสารและเห็นใจไม่ได้ ปากว่าเข้มแข็ง แต่ทำไมใยคนตัวเล็กบอบบางถึงเอาแต่ร้องไห้สั่นเทาจนตัวโยน
“มึงใจเย็นแบคฮยอน มึงต้องเข้มแข็งนะเว้ย” จงอินปลอบเพื่อนตัวเล็ก ลูบหลังบางให้คลายความอึดอัดในใจ อยากจะพูดอะไรก็ปล่อยมันออกมาให้หมด ให้ลืมเรื่องฝังใจไปอีกครั้ง
“ฮึก...มันจะกลับมาทำไมอีกวะมึง? อยากจะไปแล้วทำไมไม่ไปให้พ้นๆเลย”
“กูก็ไม่คิดว่ามันจะกลับมา แต่มึงต้องเข้มแข็งเข้าใจไหมแบค มึงอย่าอ่อนแอให้มันเห็นเดี๋ยวมันก็ได้ใจ”
“กูก็พยายามแล้วจงอิน กูลืมมันได้แล้ว แต่...ฮึก มัน...มันก็ยังมาให้กูจดจำ กูลืมมันไม่ได้จริงๆ ฮือ...”
อี้ชิงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ระหว่างแบคฮยอนกับชานยอลคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่สวยงาม แหงนหน้าขึ้นมองคนรักตัวสูงเอ่ยถามเป็นนัยๆผ่านทางสายตา แต่นั่นคริสก็ได้แต่มองด้วยความเอ็นดู ไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่ยิ้มให้ ก่อนจะกดหัวทุยให้เข้าซบที่แผงอก กดจูบข้างขมับขาวหนึ่งหนึ่งทีแล้วยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“อ๊ะ!”
อยู่ๆคริสพลันทรุดฮวบลงนั่งที่พื้นยืนต่อไม่ไหว ใบหน้าหล่อเหยเกให้รู้ว่าเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ ความรู้สึกแปลกๆปราดเข้าที่ข้อเท้าทยานขึ้นสู่แผ่นหลังตามสันกระดูก ขบกัดริมฝีปากล่างอดกลั้นมันอย่างถึงที่สุด เพราะคนที่คอยประครองอยู่ข้างๆทำท่าจะร้องไห้ในอีกไม่ช้า เห็นแบบนั้นคริสไม่อยากให้เลย์เป็นกังวล ไม่ชอบเลยจริงๆ
“อู๋ฟาน ฮึก..เป็นอะไร?” เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก เลย์รู้ว่าคริสเจ็บ รู้สาเหตุได้ไม่ยากจากการคาดเดาของตัวเอง แต่ความเป็นห่วงมันไม่สามารถให้นิ่งเฉยดูดายได้ อีกคนเจ็บเขาก็เจ็บไม่แพ้กัน
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกอี้ชิง แค่ปวดขา” ยิ้มให้คนรัก ไม่อยากให้เป็นกังวล โกหกออกไปว่าสบายดี หากแต่ข้างในมันเปราะบางคล้ายจะแตกละเอียด
“มึงไปหาหมอเถอะไอ้คริส”
“กูไม่เป็นอะไรหรอกไอ้ฮุน พักไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย”
“มึงนี่มันดื้อ ดูหน้าเลย์ก่อนดิ เขาเป็นห่วงมึงขนาดไหน มึงทนเห็นแฟนมึงเป็นแบบนี้ได้เหรอวะ น่าโดนตืบนะมึงอ่ะ”
สิ้นเสียงเพื่อนร่างโปร่ง คริสจึงค่อยๆหันใบหน้าไปมองคนรักข้างกายที่ตาแดง จมูกแดงเพราะเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เห็นแล้วมันก็เจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้ บางทีคิดไปแล้วว่ามันเจ็บกว่าอาการแปลกๆที่ขาเสียอีก
“ไปเถอะคริส ให้เลย์ได้สบายใจก็ไม่เสียหาย” ลู่หานเสริมขึ้นขอให้ทำตามอย่างที่เซฮุนว่า
คริสก็ได้แต่พยักหน้าหากแต่ไม่พูดอะไรอีกเลย ผลของการแข่งขันในวันนี้ก็ไม่อยากรับฟังแล้ว จะแพ้จะชนะเดี๋ยวพี่มินโฮก็โทรมาบอกทีหลัง แต่ตอนนี้คนที่แคร์ที่สุดเห็นจะเป็นเลย์ที่เอาแต่นั่งร้องไห้กอดเอวเขาไว้แน่น แต่นั่นจะให้บอกยังไงว่าคริสลุกขึ้นไม่ไหวจริงๆ มันเจ็บไปทั้งแผ่นหลังยาวถึงข้อเท้าทั่วทั้งร่าง
“ไม่ร้องนะแฟนอู๋ฟาน ไปโรงพยาบาลกัน”
...ADOLESCENT…
*** นานมากที่ไม่ได้มาอัพ ลืมเรื่องที่ตัวเองแต่งไปแล้วค่ะ 55555
ต่อจากนี้จะมาอัพเรื่อยๆนะคะ อีกไม่นานก็คงจะจบแล้ว ^^
ความคิดเห็น