คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ll ADOLESCENT 13 ll
ADOLESCENT13
ยามราตรีที่มีเพียงแสงไฟสลัวสีส้มอ่อนกับร่างของใครบางคนที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนแผ่นกระดานไม้ที่เรียกว่าสเก็ตบอร์ดจนเกินเวลา เพลิดเพลินจนลืมไปแล้วว่าตั้งแต่ที่มาถึงลานกว้างในวันหยุดแห่งนี้เจ้าตัวก็เอาแต่ฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันอินเตอร์ในปลายปีหลังจากตัดสินใจมาได้พักใหญ่อย่างขะมักเขม้น
เท้าข้างที่ถนัดถูกส่งไปยันพื้นเพื่อออกแรงในการสไลด์เคลื่อนไหวไปข้างหน้า เล่นท่าทางโชว์ลวดลายแสดงถึงความสามารถที่มีอยู่เปี่ยมล้น ในกรอบม่านตาคู่กลมของใครอีกคนที่จับจ้องมองมายังร่างที่น่าหลงใหลของคนรักตลอดเวลา พลางรอยยิ้มหวานก็เผยออกมาบางๆเมื่อได้เห็นคนตัวสูงดูท่าว่าจะมีความสุขเอาเสียมากๆ
“อ๊ะ!”
เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาแสดงความเจ็บปวดทำให้คนที่มองดูอยู่ถึงกับใจกระตุกวูบ เมื่ออีกคนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับการซ้อมสเก็ตบอร์ดพลาดท่าล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“อู๋ฟาน! เป็นยังไงบ้าง?” ไม่เพียงแค่เอ่ยถาม หากแต่ร่างเล็กของคนหน้าหวานกลับถลาเข้าไปหาแล้วรีบพยุงร่างสูงโปร่งที่ล้มอยู่นั้นในลุกขึ้นจากพื้นด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง ข้อศอกถลอกเนี่ย!” เลย์บ่นค่อนขอดอย่างหัวเสียเมื่อคริสไม่ระวังตัวจนได้แผลเพิ่มอีกแล้ว ไม่วายไอ้ที่โดนซ้อมไปไม่นานก็ใช่ว่าจะหายดีซะเมื่อไหร่
“เป็นห่วงหรอ?”
“มั่นใจนะว่าไม่รู้? อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงมากนักสิ!”
พูดแค่นั้นใบหน้าหวานก็งองุ้มนึกงอนอย่างเปิดเผย ร้อนถึงคริสที่ทำให้อีกคนเป็นห่วงต้องรีบดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบอกแน่น โยกตัวไปมาคล้ายจะปลอบประโลมที่ชอบทำให้เลย์เป็นกังวลอยู่เรื่อย ก่อนจะรับรู้ได้ถึงแขนเล็กทั้งสองข้างของคนในอกอุ่นก็ยกขึ้นโอบกอดรอบเอวหนาของเขาไว้เช่นกัน
“ทำไมนายว่าง่ายจัง? ทีเมื่อก่อนแตะนิดแตะหน่อยก็โวยวายเชียว” คริสเอ่ยอย่างล้อเลียน หากแต่นั่นมันเป็นความจริงของเลย์ทุกอย่าง เพราะเลย์น่ะใช่ว่าจะง่ายกับเขาซะที่ไหน จะหวังอะไรทีเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
“ก็ตอนนี้นายมีสิทธิ์ในตัวฉันแล้วหนิ”
“อือ...แล้วถ้ามีสิทธิ์ จะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?”
พูดแค่นั้นใบหน้าหล่อก็ค่อยๆโน้มเข้าไปหาอีกคนเพื่อมองใบหน้าหวานให้ชัดเจน เหลือบมองริมฝีปากแดงอวบอิ่มก็ถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ ทำท่าจะฝังรอยประทับลงไปอย่างที่ใจต้องการ หากทว่าคนในอ้อมกอดกลับส่งนิ้วชี้เรียวสวยมาทาบที่ริมฝีปากของเขาเป็นเชิงห้ามปรามเสียก่อน
“ใครบอกว่านายจะทำอะไรก็ได้ ฉันต้องยินยอมด้วยต่างหากล่ะ”
“โหยอี้ชิง นิดนึงๆ” คริสทำท่าเหมือนจะลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นเสียให้ได้ กำลังโรแมนติกใต้แสงจันทร์ในเมืองกรุงเลยเชียว แต่อีกคนก็ทำเอาบรรยากาศเสียไปหมด
“นิดนึงอะไร? ฉันให้นายกอดอยู่ก็บุญแล้ว”
“งื้อ...อี้ชิงอ่ะ”
“เดี๋ยวนะๆ อะไรติดที่แก้มนายน่ะอู๋ฟาน”
มือบางส่งไปทาบเบาๆที่เรียวหน้าหล่อของคนรัก พลางกลอกม่านตามองสำรวจสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของ
คริสจนคนที่ถูกมองต้องขมวดคิ้วมุ่นสงสัยว่าอะไรมันติดที่หน้าของเขากันแน่
“ไหนอ่ะ? เอาออกให้หน่อยดิ”
“อยู่เฉยๆนะ”
เสียงหวานเอ่ยออกคำสั่ง ส่งมือเล็กไปยืดไหล่แกร่งทั้งสองข้างของคริสไว้แน่น ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปมองที่แก้มกร้านให้ชัดเจนว่าอะไรที่มันติดอยู่ หรี่ตาเล็กน้อยมองคนที่ยังทำหน้าสงสัยก็กดจูบแผ่วเบาเข้าที่ผิวเนื้อเนียนละเอียดของอีกคนทำเอาคนถูกกระทำเบิกตาโพลงตกใจเพราะไม่คาดคิด
“ม...ไม่สบายหรือเปล่าน่ะอี้ชิง? นายยังโอเคอยู่นะ”
หลังจากที่อึ้งไปไม่นานคริสก็รีบเอ่ยถามอาการคนหน้าหวานด้วยความเป็นห่วง ยกมือขึ้นทาบที่หน้าผากบางทำหน้าแปลกใจเสียเต็มประดาที่อีกคนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทำเอาวูบโหวงทั้งหัวใจก็ลุกขึ้นเต้นโครมครามคล้ายจะระเบิดออกมาจากอก
“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย สบายดี”
“หรอ....มั่นใจ?” เห็นอีกคนตอบมาแบบนั้นคริสก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“ร้อยเปอร์เซนต์!”
“แล้วเมื่อกี้นายทำอะไรฉันน่ะอี้ชิง? รู้ไหมฉันเสียหายนะ”
คริสเอ่ยถามพลางยู่ปากทำท่าปรานกับว่าเสียสาว ในขณะที่อ้อมแขนแกร่งก็โอบกอดเอวเล็กของคนรักไว้แน่นพลางกระชับให้เข้ามาแนบกายเพื่อซึบซับความอบอุ่นของกันและกัน
“เสียหายอะไรของนายมิทราบ! ทำเหมือนเด็กใจแตกอย่างนั้นแหละ”
“ก็เมื่อกี้ฉันเสียเปรียบนาย ต้องเอาคืนนะถึงจะเสมอกัน”
สุดท้ายคริสก็ไม่ทิ้งลายความเจ้าเล่ห์อยู่เหมือนเดิม ไม่รอให้อีกคนต่อต้านเรียวปากได้รูปก็ถูกส่งเข้าไปช่วงชิงความหอมหวานจากกลีบปากอมชมพูสวยทันที ไม่รู้แหละว่าเลย์จะยินยอมเขาหรือเปล่า แต่รู้ไว้เลยว่า
คริสน่ะชอบความยุติธรรมและเท่าเทียมกัน
ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปในโพลงปากอุ่นของคนหน้าหวานพลางกวาดต้อนความต้องการที่ได้รับเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพออย่างเต็มที่ เปิดโอกาสให้อีกคนได้หายใจบ้างก็ผละออกมาแล้วเปลี่ยนทิศทางเลื่อนลงไปที่รำคอขาวระหงษ์ ความหอมอ่อนๆเร่งเร้าให้คริสเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ ดูดเม้มเบาๆสร้างรอยสีกุหลาบตราตรึงร่างกายนี้ว่ามีเจ้าของแล้ว และนั่นเจ้าของจะเป็นใครที่ไหนไปไม่ได้ มันต้องเป็นเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“อื้อ...”
ความวูบหวามทำให้เลย์ต้องส่งมือบางเข้าไปผลักอกแกร่งของคนรักตัวสูงที่ตอนนี้เริ่มจะเลยเถิด ทั้งนี่ก็เป็นสถานที่สาธารณะ ถึงไม่มีใครอยู่ในเวลานี้หากแต่นั่นมันคงไม่ดีแน่
“ทำไมอ่ะ?” คริสเอ่ยถามด้วยความเสียดาย ทำท่าราวกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจก็ไม่ปราน
“เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“เห็นก็ดีน่ะสิ”
“ดีบ้าดีบออะไรล่ะ!”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ส่งริมฝีปากเข้าไปจุมพิตแผ่วเบาที่กลีบปากอมชมพูอีกครั้งอย่างรวดเร็วแล้วรีบผละออก ทำเอาใบหน้าหวานของคนถูกกระทำขึ้นสีแดงระเรื่ออ่อนอย่างน่ารัก ถึงแม้จะอยู่ใต้แสงไฟที่ไม่สว่างมากนักแต่นั่นคริสกลับเห็นมันได้ชัดเจนเป็นอย่างดี ไม่วายยังยกยิ้มพอใจที่ทำให้อีกคนยอมเขาได้โดยไม่โวยวายอะไรเลยสักคำ ก่อนจะค่อยๆหย่อนกายนั่งลงที่พื้นลานกว้างแล้วกระตุกมือเล็กให้อีกคนนั่งตามลงมาข้างๆกัน
“นั่งดูดาวก่อนแล้วค่อยกลับคอนโด” คริสเอ่ยบอกพลางยกมือขึ้นโอบไหล่เล็กของคนรักให้เข้ามาแนบชิดกาย กดหัวทุยให้ซบลงกับลาดไหล่ของเขาก่อนจะเอนหัวพิงทับอีกที
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมอู๋ฟาน?”
“หื้ม เรื่องอะไร?” คริสเลิกคิ้วถามกลับเมื่อเห็นอีกคนอยู่ๆก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
“คือ...รถนายน่ะ จะเอายังไงต่อไป?”
เลย์เอ่ยถามพลางมองดูดาวบนฟากฟ้าไปด้วย ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานในตอนแรกเจือนลงไปเสียสนิท พยายามไม่คิดถึงเรื่องของผู้หญิงอีกคนหากแต่นั่นมันก็ทำไม่ได้ จำเลยต้องพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรในใจเพราะยังไงตอนนี้ก็ยังมีคนตัวสูงที่อยู่ข้างๆกัน
“เรื่องรถน่ะช่างมันเถอะ”
“แล้วไปไหนมาไหนไม่ลำบากหรอ เอารถฉันไปใช้ก่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
“มั่นใจนะว่าไม่ลำบาก?”
“ครับผม”
ตอบไปแค่นั้นคริสก็ขยี้กลุ่มผมนุ่มสีสวยของคนรักอย่างนึกเอ็นดู กดจูบที่ขมับบางพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ยิ่งรู้ว่าอีกคนเป็นห่วงเขาก็ยิ่งไม่อยากทำให้ลำบากใจ
“………”
“อี้ชิง”
“หื้ม?”
“รู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ เลิกคิดมันได้แล้วเพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับเจสสิก้าจริงๆ”
คริสพูดอย่างที่ต้องการจะพูดมันออกมาเมื่อรู้ทันอีกคน เขารู้ว่าเลย์กำลังรู้สึกไม่ดี แต่นั่นเขาที่เป็นคนรักก็อยากทำให้อีกคนมั่นใจว่าในตอนนี้เขาบริสุทธิ์ใจจริงๆ เขามีหัวใจเพียงดวงเดียว แล้วมันก็เป็นของเลย์ไปแล้วด้วย
“เฮ้อ! ไม่รู้ดิ แค่ยังไม่ไว้ใจ”
ถอนหายใจออกมาเลย์ก็ค่อยๆผละกายออกจากคริสเล็กน้อย ยกขาทั้งสองข้างขึ้นก่อนจะวาดแขนกอดรัดแล้ววางคางมนไว้บนหัวเข่า หลุบตาลงมองรองเท้าผ้าใบของตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะหันไปหานัยน์ตาคู่คมที่มองสบกลับมาเลยสักนิด
“นายไม่ไว้ใจฉันหรอ?” คริสฉายแววเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็เข้าใจดีว่าเรื่องที่ผ่านมาถ้าทำให้เลย์ยอมรับง่ายๆก็คงจะยาก
“เปล่า! ฉันแค่ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”
ที่ไม่ไว้ใจก็เพราะคนที่ชอบทำให้เขากับคริสแตกหักกันนั่นแหละ ถึงอย่างนั้นเลย์ก็จะเผื่อใจไว้บ้าง หากครั้งไหนที่ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะได้ยอมรับมันได้โดยเจ็บปวดให้น้อยที่สุด
“………………”
“อี้ชิง...ฉันดีใจนะ” อยู่ๆคริสก็เอ่ยโพล่งขึ้นมาทำเอาเลย์มึนงง ส่งยิ้มบางๆไปให้และพร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่เลย์กำลังคิดอยู่
“ดีใจอะไรของนาย?”
“ฉัน... ดีใจที่วันนี้ได้ใช้เวลาอยู่กับนาย”
พูดเสร็จก็ยกมือขึ้นเกลี่ยที่แก้มนิ่มของอีกคนเล่นเบาๆ จ้องใบหน้าน่ารักอย่างให้รู้ว่าพูดจริงจากใจ ทำเอาคนที่นั่งเกยคางกับหัวเข่าตัวเองอยู่นั้นต้องเบ้ปากทำท่าหมั่นไส้อย่างเปิดเผย
“เมื่อวานเราก็อยู่ด้วยกันนะได้ข่าว”
“โห! อีกแล้วนะอี้ชิง จะโรแมนติกหน่อยได้ป่ะเนี่ย? วัยรุ่นเซ็ง!”
คริสทำหน้าหมดอะไรตายอยาก เลย์นี่เคยจะโรแมนติกกับคนอื่นเขาบ้างไหมนะ ก็ยังไม่ทิ้งลายแข็งกระด้างเหมือนเดิม ถ้าไม่ทำตามใจตัวเองบังคับจูบล่ะก็เลย์ไม่ยักจะยอมกันง่ายๆแน่ คนอะไรนิสัยผิดกับหน้าตาซะเหลือเกิน
และนั่นคริสที่หน้าเสียก็ไม่ยอมเสียทีง่ายๆแน่นอน โน้มตัวเข้าไปหาอีกคนก็กดปลายจมูกโด่งลงคลอเคลียที่พวงแก้มนิ่มเนียนใสสะท้อนแสงไฟของคนรักตัวเล็ก สูดกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆเข้าไปฟอดใหญ่ ทำเอาคนหน้าหวานถึงกับเขินอายทำท่าทางเก้ๆกังๆอย่างน่าเอ็นดู
“อะไรอีกเล่า? เผลอไม่ได้เลยนะนายอ่ะ” บ่นค่อนขอดคนตัวสูงเสร็จก็ส่งมือเล็กเข้าไปผลักไหล่แกร่งของอีกคนเพื่อกลบเกลื่อนอาการบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากข้างใน
“ตัวนายหอมอ่ะ ใช่สบู่ยี่ห้ออะไรน้า?” คริสยกยิ้มเอ่ยแซวแกล้งคนน่ารัก เห็นท่าทางเงอะงะของอีกคนก็แทบจะอดทนรอไม่ไหว อยากจับกดมันเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“ก..ก็สบู่ที่ห้องนายไง กลิ่นเดียวกันทำเป็นจำไม่ได้”
“อ้อหรอ? ทำไมฉันไม่หอมเหมือนนายเลยอ่ะ นายลองดมบ้างดิ” พูดแค่นั้นไม่รอช้าคริสก็ส่งแก้มยื่นเข้าไปหาอีกคน แล้วชี้สองสามทีให้เลย์ลองดมมันอย่างที่เขาว่า ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับหน้าขึ้นสีแดงแปร้ดเลยเชียว
เลย์แทบจะร้องตะโกนให้รู้ว่าไม่ไหวแล้ว เมื่ออีกคนที่พ่วงตำแหน่งคนรักมันช่างเจ้าเล่ห์นัก แนวฟันสวยขบกัดริมฝีปากล่างมองอีกคนที่มันยังทะเล้นยักคิ้วหลิ่วตาอย่างนึกหมั่นไส้ในใจ อะไรนิดอะไรหน่อยคนอย่างคริสได้หมด แล้วนี่ก็ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่เลย์ต้องพ่ายแพ้ให้คริสเสมอมา
ใบหน้าหวานค่อยๆโน้มเข้าไปหาอีกคนช้าๆ กดปลายจมูกเล็กลงที่แก้มกร้านที่รออยู่ก่อนแล้วสูดกลิ่นหอมปนเหงื่อสมชายเข้าไปเสียฟอดใหญ่ ผละออกมาก็รีบเสมองไปอีกทางทันทีอย่างรวดเร็ว อมยิ้มกับตัวเองพลันรีบหลับตาปี๋เมื่ออยู่ๆเขาก็ยินยอมอีกคนไปเสียง่ายๆ
“น่ารักทำไมวะ?”
คริสที่โดนอีกคนกระทำแบบนั้นก็เขินอายเช่นเดียวกัน ถึงแม้ผู้ชายมาดแมนที่เอาแต่เคอะเขินแบบนี้จะดูแปลกไปสักหน่อย แต่นั่นเขาก็ไม่สามารถเก็บกักความสุขที่มีจนปริ่มอกได้เลยจริงๆ
“ก็แล้วรักไหมล่ะวะ?”
พูดแค่นั้นก็หันไปหัวเราะกับอีกคนจนตาหยี ทำเอาคริสที่เห็นเลย์ยิ้มอารมณ์ดีก็ส่งมือเข้าไปบีบจมูกเล็กเบาๆ ก่อนจะฉีกยิ้มแห่งความสุขออกมาด้วยเช่นกัน
“อู๋ฟาน...”
“หื้ม?”
“ฉันมีเรื่องจะถามอีกอย่าง”
คริสที่เห็นอีกคนดูท่าทางแปลกไปก็อดจะนึกหวั่นในใจเสียไม่ได้ บางทีความสุขมาเร็วมันก็ไปเร็วเหมือนกันนะ แต่นั่นถ้าเลย์อยากจะรู้อะไรเขาก็พร้อมจะตอบทุกคำถาม ไม่คิดจะโกหกคนตัวเล็กอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็ทำความเชื่อใจของอีกคนพังทลายไม่เป็นท่าอยู่ตลอด
“อ...อื้ม ถามมาสิ”
ตอบเสียงแผ่วเบาไปให้ก็เหลือบมองใบหน้าสวยด้านข้างด้วยความไม่สบายใจ เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันที่คริสกำลังเป็นกังวลกับคำถามที่อีกคนกำลังจะตั้งมา
“นายมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นกี่ครั้งแล้ว?”
เสียงหวานที่เอ่ยถามทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้ากันทำให้หัวใจของคริสถึงกับหล่นไปกองกับพื้นอย่างไม่มีชิ้นดี ร่างกายชาวาบเมื่อคนรักตัวเล็กถามกันออกมาตรงๆ ลางของเขามันบอกไม่ผิดว่าสิ่งที่เลย์ถามไม่ใช่คำถามที่ดีแน่ และนั่นมันก็กระจ่างเพียงแค่อีกคนขยับปากพ่นคำถามนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวด
“……………”
“ตอบความจริงนะ อย่าปิดบังฉัน”
“ท...ทำไมถึงถาม?” คริสไม่รู้เลยว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันตะกุกตะกักไม่เป็นธรรมชาติขนาดไหน ทั้งในตอนนี้ความอึดอัดมันก็เริ่มคืบคลานเขาครอบงำเขาเข้าเรื่อยๆ
“…………”
“ข...ขอโทษนะ ฉันจำไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจำด้วย” คริสตอบปัดอย่างไม่คิดจะสนใจพลางขมวดคิ้วมองคนรักตัวเล็กด้วยความเป็นกังวล
“มันไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งใช่ไหม?”
เป็นอีกครั้งที่เลย์ไม่คิดจะอ้อมค้อม และนั่นก็ทำให้คริสกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
“อ...อื้อ”
คริสตอบได้เพียงแค่คำพูดสั้นๆเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่มีข้ออ้างใดๆ ในเมื่ออีกคนถามออกมาตรงๆ เขาก็พร้อมที่จะให้คำตอบที่เป็นความจริงทุกอย่าง
“มีอะไรที่อยากจะพูดไหม? ฉันจะรับฟังนาย” ใบหน้าหวานหันกลับไปมองคนรักตัวสูงอีกครั้ง เผยรอยยิ้มให้อีกคนสบายใจที่จะพูดมันออกมาแบบไม่ต้องปิดบัง แต่นั่นใครก็รู้ว่ารอยยิ้มของเลย์ที่ส่งมาให้มันฝืนเต็มทน
“ถามจริงเถอะ ถามเองไม่เจ็บปวดบ้างเลยหรือไงอี้ชิง?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่ชอบใจเมื่อคนตัวเล็กทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่แววตาคู่ใสนั้นมันฉายแววให้เห็นถึงความเสียใจอย่างชัดเจน
“มันก็ไม่เจ็บเท่ากับเห็นด้วยตาของตัวเองใช่ไหมล่ะ?”
“อี้ชิง...”
“พูดมาเถอะอู๋ฟาน ฉันจะเป็นผู้ฟังที่ดี”
คริสมองหน้าคนรักตัวเล็กด้วยความไม่เข้าใจ เห็นแววตาของอีกคนที่มองมาแบบนั้นเขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เลย์จะอยากรู้อดีตของเขาไปเพื่ออะไร แต่นั่นถ้าเขาพูดเรื่องทั้งหมดออกไป ทุกอย่างมันจะไม่ค้างคาอีกต่อไปใช่ไหม
“ตอนนั้นฉันมีปัญหานิดหน่อย... แค่เหงาก็เลยทำอะไรไปไม่ทันได้คิด เป็นเด็กมีปมคนนึงที่ใช้ชีวิตทิ้งขว้างไปวันๆ การใช้ชีวิตตัวคนเดียวมันก็แค่เหงา...”
คริสเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา ไม่กล้าสบตาอีกคนเลยสักนิด เขาเอาแต่เสมองไปทางอื่นพลางย้อนนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมาเจอกับเลย์ มันทำให้เขาคิดได้ว่าตัวเองคงจะเลวมากจริงๆ มิหน้ำซ้ำยังเคยคิดจะเล่นๆกับคนที่อยู่เคียงข้างกันในตอนนี้อีกด้วย แต่นั่นทุกอย่างมันกลับทำให้เขารู้หัวใจตัวเอง พอรู้ว่าอีกคนเป็นใครที่เฝ้ารอมานาน หัวใจเขาก็มั่นใจว่าจะหยุดกับคนตัวเล็กคนนี้แน่นอน
“แล้วนอกจากเจสสิก้า กับคนอื่นเคยไหม?”
เลย์ยังเอ่ยถามด้วยความใจเย็น มองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเพื่อบอกให้อีกคนพูดมันออกมาให้หมดโดยไม่ต้องเป็นกังวลกับความรู้สึกของเขา
“อ...อือ ฉ...ฉันขอโทษ”
“………”
“ฉัน...มันสกปรกใช่ไหมอี้ชิง?”
นัยน์ตาคู่คมฉายแววความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นคนรักตัวเล็กยิ้มที่มุมปากแล้วพยักหน้ากับสิ่งที่เขาพูดเหมือนว่าเห็นด้วย ทำเอาความรู้สึกทั้งหมดของคริสในตอนนี้มันร้อนรุ่มอยู่แทบไม่เป็นสุข
“อือ สกปรก...”
คริสนิ่งไปชั่วขณะมองคนหน้าหวานโดยไม่มีคำพูดใดๆจะเอื้อนเอ่ย หยาดน้ำสีใสเริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆเมื่อความเสียใจมันกำลังโหมเข้าใส่ บางทีความเจ็บปวดที่เขาได้รับอาจไม่เท่ากับเลย์ที่ต้องมีคนรักแบบเขาก็เป็นได้
“……….”
“แต่...ฉันก็รักนายที่เป็นนายนะ”
พูดแค่นั่นใบหน้าหวานก็เผยยิ้มกว้างให้คนรักตัวสูงด้วยความจริงใจ พลางส่งแขนเล็กไปล็อคที่ลำคอแกร่งของอีกคนให้เข้ามากอดไว้แน่นเพื่อปลอบประโลม
“……………….”
“จะร้องไห้ทำไมเนี่ย? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
เลย์เอ่ยถามคริสที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบข้างแก้มทำเอาต้องแอบหัวเราะเบาๆ ไม่วายยิ่งถามแบบนั้นอีกคนก็เอาแต่ฟุบหน้าไปกับหน้าอกของเขาแล้วกอดเอวคอดไว้แน่น เห็นแบบนี้แล้วเลย์ก็อดจะยิ้มออกมาเสียไม่ได้
“ไม่ได้อยากร้องสักหน่อย...แค่รู้สึกผิดที่ทำให้นายต้องเสียใจ”
“ไม่ได้ร้องหรอ ก็แล้วนี่มันอะไร?” ผลักกายหนาให้ออกห่างเล็กน้อยเลย์ก็ยกมือบางทาบไปบนใบหน้าหล่อ พยักเพยิดว่าไอ้น้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มนั่นน่ะอย่าบอกนะว่าไม่ได้ร้องไห้
“ฉันเจอนายช้าไปจริงๆนะอี้ชิง ทำไมไม่มาเร็วกว่านี้” พูดแค่นั้นก็กดจูบที่แก้มนิ่มอมชมพูไปหนึ่งที นึกเสียดายที่เจอคนที่ใจต้องการอีกครั้งช้าไป
“แล้วทำไมนายไม่ตามหาฉันล่ะ?”
“ห๊ะ! เอ่อ...”
คริสอ้ำอึ้งเมื่ออีกคนเอ่ยถามแบบนั้น ก่อนจะคิดได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ตามหาเลย์กันนะ ทั้งๆที่ก่อนจะเจอกันเขาฝันถึงเลย์แทบทุกวันก็ว่าได้
“ว่าแล้วเชียว เพราะอย่างนี้ไงฉันเลยต้องออกตามหานาย”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ถึงกับนิ่งเงียบไปทันที เหมือนลมหายใจถูกหยุดเมื่ออีกคนที่อยู่ข้างกันในตอนนี้เป็นฝ่ายตามหาเขาจนเจอ แล้วทำไมเขาถึงไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลย
มือหนาส่งไปดึงร่างเล็กของคนที่นั่งอยู่ข้างกันเข้ามากอดไว้แน่นอีกครั้ง แน่นจนอากาศที่มองไม่เห็นก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ความจริงที่ได้รับรู้ในวันนี้มันทำให้คริสรู้แล้วว่าใครที่เห็นเขาสำคัญอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ผู้ชายตัวเล็กนามอี้ชิงคนนี้เองที่เฝ้ามองเขามาตลอด ในขณะที่เขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่เหลือใคร ผู้ชายตัวเล็กที่ท่าทางอ่อนแอหากแต่หัวใจเข้มแข็ง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว
“ขอบคุณนะอี้ชิง ขอบคุณที่เห็นฉันเป็นคนสำคัญ”
พูดไปไม่วายอ้อมกอดที่แน่นอยู่แล้วก็กระชับให้มันแน่นขึ้นไปอีก เพราะในตอนนี้รู้แล้วว่าคนในอ้อมกอดนั้นสำคัญขนาดไหน
“อ...อื้อ ก็ฉันรักของฉันหนิ"
ได้ยินแค่นั้นคริสก็อดจะยิ้มออกมาอย่างปริ่มใจเสียไม่ได้ ผละกายออกจากอีกคนก็กดจูบขอบคุณที่กลีบปากสวยชวนหลงใหล ไม่ลุกล้ำไม่เอาเปรียบ แผ่วเบานุ่มนวลชวนอบอุ่นหัวใจก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วมองใบหน้าหวานทั้งรอยยิ้ม ค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยื่นมือส่งไปให้คนที่นั่งอยู่กับพื้นได้จับมันพลางดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนแล้วกอดคอคนรักทำท่าจะเดินกลับคอนโด ในขณะที่อีกมือก็ถือสเก็ตบอร์ดคู่ใจแนบเอวไปด้วย หากทว่ามือเล็กนุ่มนิ่มกลับกระตุกที่มือของเขาเบาๆให้ต้องหันกลับไปเลิกคิ้วถามอีกครั้ง
“หื้ม? มีอะไรหรือเปล่าอี้ชิง”
“คือ...คืนนี้ฉัน...ฉันขอไปนอนที่บ้านได้ไหม?”
“ทำไม! ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความร้อนรนเมื่อไม่รู้ว่าเหตุผลที่คนรักจะกลับไปนอนที่บ้านนั้นเป็นเพราะอะไร
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ก็แค่อยากกลับไปทำอะไรบางอย่าง” เลย์รีบเอ่ยพูดทำให้คริสสบายใจทันที เห็นหน้าตาตื่นแบบนั้นก็ชักจะกลัวอีกคนคิดมากเสียแล้ว
“ถ้างั้นฉันจะกลับไปกับนาย”
“ไม่ได้!”
“ทำไม?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพลางจับผิดอีกคน คิดไปแล้วว่าที่เลย์ยังเป็นแบบนี้คงเพราะเรื่องในอดีตที่เขาเล่าให้ฟังก็เป็นได้
“นะ...แค่วันเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปนอนกับนายทุกคืนเลย”
มือบางจับเข้าที่ต้นแขนแกร่งของคนรักพลางเขย่าไปมาทำท่าทางออดอ้อน และนั่นคริสที่แพ้ทางแบบนี้ของเลย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะทนได้ยังไงกัน
“อืม ก็ได้”
“ขอบคุณนะ แล้วนายก็ไม่ต้องคิดมากล่ะอู๋ฟาน ฉันไม่เอาเรื่องที่นายเล่าเก็บไปคิดหรอกน่า” ยกมือขึ้นชี้หน้าอีกคนที่สูงกว่าก็เอ่ยสั่งยกใหญ่ เลย์รู้ดีว่าคริสต้องคิดมากกับเรื่องนี้แน่ๆ
“ฉันจะพยายามก็แล้วกัน แล้วนี่นายจะกลับยังไงมันดึกมากแล้วนะ ให้ฉันนั่งแท็กซี่ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“อ่า ไม่เป็นไรๆ ลุงโฮดงมารับแล้ว” มือบางชี้ไปทางรถคันหรูที่จอดรออยู่ ก่อนคริสจะมองตามมือนั้นพลันในสมองของเขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไหนลุงโฮดงขับรถให้นายถึงสามทุ่มไง แล้วมันอะไรอีก นี่นายโทรบอกลุงโฮดงก่อนที่จะบอกฉันอีกนะ” นัยน์ตาคู่คมจ้องมองคนรักตัวเล็กด้วยความน้อยใจอย่างเปิดเผย
“เอ่อ...จริงๆก็ตั้งใจจะบอกนายตั้งนานแล้วล่ะ แต่เห็นว่ากำลังซ้อมบอร์ดอยู่เลยไม่อยากรบกวน ไปกันเถอะ เดี๋ยวไปส่งนายที่คอนโดก่อน” ท้ายประโยคเลย์รีบเอ่ยตัดบทแล้วจูงมือคริสให้เดินไปขึ้นรถพร้อมกัน แต่นั่นอีกคนที่ตัวสูงกว่ากลับยืนนิ่งไม่ยอมเดินไปกับเขาดีๆ
“ไม่ล่ะ นายกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันขอเดินเล่นแถวนี้สักพักแล้วจะกลับ” คริสค่อยๆบิดข้อมือออกจากอีกคนที่รั้งเขาอยู่ ดันไหล่เล็กเบาๆให้เลย์เดินไปขึ้นรถ ส่วนเขาก็ส่งยิ้มบางๆพลางโบกมือลา
“นายเป็นอะไรน่ะอู๋ฟาน?”
“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากตากลมเย็นๆสักพักน่ะ”
“อืม...งั้นฉันกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วยยังไม่หายป่วยดีเลยนายน่ะ แล้วก็อย่าคิดมากด้วยล่ะ ย้ำนะว่าเรื่องที่เป็นอดีตฉันไม่เก็บเอามาคิดหรอก”
“ครับผม กลับดีๆนะคุณแฟน”
พูดแค่นั้นก็ยิ้มให้เลย์อีกครั้ง ทำท่าทางชี้ไม้ชี้มือบอกว่าลุงโฮดงรอนานแล้วให้รีบกลับ ก่อนจะมองตามร่างเล็กที่ค่อยๆเดินห่างออกไปขึ้นรถจนเงารถนั้นหายไปจากกรอบม่านตาคริสจึงเดินมานั่งหย่อนกายลงที่ม้านั่งข้างลานกว้างพลางเหม่อมองไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะดึงกล่องบุหรี่นอกยี่ห้อดังขึ้นมาแล้วเปิดออก เคาะสองสามทีให้มวนแท่งข้างในไหลลงลู่มือ ก่อนจะจุดมันขึ้นสูบทันทีอย่างไม่ลังเลทั้งๆที่ห่างหายจากสิ่งนี้มาได้หลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่มีใครอีกคนเข้ามาในหัวใจ
สายลมที่พัดเอื่อยๆในยามราตรีไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกดีขึ้นได้เลย ทุกอย่างมันกำลังตีรวนในห้วงความคิดของเขาวนไปวนมา เรื่องที่ทำให้เลย์เสียใจยังคงติดอยู่ในหัวของเขาตลอด เห็นอีกคนบอกจะกลับบ้านก็คิดไปแล้วว่าคงจะรับไม่ได้แน่ๆที่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ถึงจะบอกให้เขาสบายใจแต่นั่นยังไงแววตาของเลย์มันก็ดูออกได้ไม่ยาก
“จงอิน มึงอยู่ไหน?” ยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นแนบใบหู รอเพื่อนรักผิวเข้มกดรับก็เอ่ยถามทันที
“............”
“เออ เดี๋ยวกูไปหา”
เพียงแค่นั้นกายสูงโปร่งร้อยแปดสิบกว่าก็ลุกขึ้นยืน ทิ้งมวนบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดดีลงสู่พื้นพลางใช้เท้าขยี้มันด้วยความเบื่อหน่าย ปล่อยสเก็ตบอร์ดในมือลงก็ขึ้นเหยียบแล้วสไลด์ออกไปจากล้านกว้างทันที ก็แค่รู้สึกเบื่อ บางทีเขาควรจะหาอะไรทำให้มันลืมความรู้สึกแบบนี้ไปเสียให้หมด แล้วพรุ่งนี้จะได้เริ่มต้นกับอะไรดีๆใหม่อีกครั้ง
…ADOLESCENT…
*** แฮร่! มาลงแล้วคร้า คาดว่ารีดเดอร์คงด่าไรท์อยู่ในใจ 55555555555
หายน้านนาน จริงๆแต่งไว้นานแล้วค่ะแต่มีเหตุผลที่ยังไม่ลง แง่งงงงง TT
ไรท์จะโดนรองเท้าไหม??? คอมเมนต์หายไปพอตัว แอบเสียใจ แต่รู้ตัวดีว่าหายไปนานค่ะ 555555555555 ตอนนี้อาจจะน่าเบื่อไปบ้างก็อย่าว่ากันนะ หายไปนานมาลงทีแต่ละครั้งไม่ค่อยจะมั่นใจเลยค่ะ ^^
ความคิดเห็น