คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ll THE WIZARD ll Chapter 11 (100%)
THE WIZARD 11
เสียงดนตรีบรรเลงคลอเคล้าไปทั่วทั้งห้องเซอร์เบอรัสอันกว้างขวาง สถานที่หรูหราสำหรับจัดงานเลี้ยงสานสัมพันธ์ในค่ำคืนแห่งนี้ เด็กนักเรียนหญิงชายมากหน้าหลายตาทั้งเดอะวิซาร์ดเองและโรงเรียนในเครือที่มาอย่างพร้อมเพรียงกันต่างก็ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างสนุกสนาน งานเลี้ยงที่รวบรวมเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนที่ธรรมดาหากแต่ไม่ได้ธรรมดาอย่างเยี่ยงมนุษย์ทั่วไป
“เสร็จหรือยังเลย์? ใกล้จะถึงพิธีเปิดงานแล้วนะ”เสียงหวานของรุ่นพี่ที่พ่วงตำแหน่งคนรักของประธานปราสาทดราก้อนอย่างคิมแจจุงเอ่ยถามรุ่นน้องตัวเล็กที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวอยู่นานสองนานแต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จเสียที
“ใกล้เสร็จแล้วครับ รุ่นพี่ออกไปก่อนก็ได้เดี๋ยวผมตามไป”ตะโกนเสียงเล็กตอบกลับรุ่นพี่หน้าสวยไปพลันมือบางก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าที่ใส่อยู่อย่างเร่งรีบหากแต่สิ่งที่ห่อหุ้มกายอยู่นั้นมันกลับไม่ได้สวมใส่ง่ายดายอย่างที่คิด ชุดเดรสราตรีเกาะอกสีครีมที่ประดับไปด้วยลูกไม้แซมตามเนื้อผ้าอย่างงานศิลปะ ช่างเป็นชุดที่สวยงามและเหมาะสำหรับร่างหญิงบอบบางของเลย์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบมันเสียเท่าไหร่
“รีบๆเข้าล่ะ”
“ครับรุ่นพี่”ตอบไปแค่นั้นก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจและหมกหมุ่นอยู่กับเครื่องแต่งกายที่เกิดมาในชีวิตนี้ก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ใส่มัน ช่างน่าอายเป็นบ้า
รุ่นพี่หน้าสวยปลีกตัวออกไปได้ไม่นาน คนในห้องแต่งตัวที่มีเพียงแค่ผ้าม่านผืนบางกั้นอยู่ก็ยังคงจัดการกับร่างกายของตัวเองไม่เสร็จสับ ในโสตประสาทพลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำเข้ามาภายในห้องแต่งตัวอันคับแคบแห่งนี้อย่างเงียบๆ หากแต่ไม่ได้เอะใจอะไรเลยสักนิด ในความคิดก็คงเป็นรุ่นพี่แจจุงคนเดิมที่ย้อนกลับเข้ามาเร่งเขาอย่างแน่นอน
“รุ่นพี่ครับ คือผมติดตะขอข้างหลังไม่ได้ช่วยเข้ามาหน่อยได้ไหมครับ?”
เอ่ยชวนรุ่นพี่คนสนิทให้เข้ามาภายในกรอบผ้าม่านด้วยกันเพื่อขอความช่วยเหลือในการใส่ชุดราตรีผู้หญิงที่แสนจะใส่ยากใส่เย็นตัวนี้
คนหน้าหวานพยายามอยู่หลายครั้งในการเอื้อมมือไปข้างหลังเพื่อติดตะขอชุดเกาะอกผู้หญิงที่ใส่อยู่อย่างรู้สึกท้อแท้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเริ่มหงุดหงิดกับสิ่งที่เป็นอยู่ ในขณะเดียวกันกับมือของใครอีกคนที่เอื้อมมาช่วยติดมันให้อย่างเบามือ
“ขอบคุณมากนะครับรุ่นพี่ ชุดอะไรก็ไม่รู้ใส่ยากจริงๆ” เอ่ยเสร็จก็บ่นพึมพำตามประสาเหมือนอย่างเคย โดยไม่ได้เหลียวไปมองด้านหลังเลยแม้แต่น้อยว่าบุคคลที่เข้ามาใหม่นั้นเป็นใคร
ใบหน้าหวานก้มๆเงยๆอยู่สองสามครั้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายพลางเอียงซ้ายเอนขวาทดสอบความยืดหยุ่นของชุดที่ใส่อยู่ มือบางยกขึ้นลูบเส้นผมลื่นสลวยที่ตอนนี้เกล้าขึ้นให้ทันสมัยพลางโชว์แผ่นหลังขาวเนียนที่ผู้หญิงหน้าไหนได้เห็นก็เป็นต้องอิจฉา
“ถ้ามันใส่ยากขนาดนั้นแล้วทำไมไม่เรียกให้มาช่วยใส่ตั้งแต่แรก”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปทำให้คนหน้าหวานที่ตกอยู่ในภวังค์กับเรื่องชุดอยู่ก่อนหน้าต้องรีบหันกลับไปมองเจ้าของเสียงทันทีด้วยความตกใจ นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อหันไปแล้วพบว่าใครยืนอยู่ คนที่ไม่อยากจะยุ่งด้วยเลยในตอนนี้ ตอนที่กำลังเป็นผู้หญิงไร้ซึ่งภาพของเด็กหนุ่มคนเดิม
“ค...คริส นายเข้ามาได้ยังไง?” ถามออกไปพลันแลซ้ายมองขวาหารุ่นพี่หน้าสวยที่เจ้าตัวมั่นใจว่าเป็นบุคคลที่เดินเข้ามา
“ก็ไม่ใช่นายหรือไงที่เรียกให้ฉันเข้ามา?” พูดเสียงเรียบพลางยกเรียวแขนขึ้นกอดอกมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงจัดว่าดึงดูดอยู่แล้ว ทั้งยังอยู่ในชุดราตรีสีครีมที่รับกับผิวขาวเนียนยิ่งน่าดึงดูดขึ้นไปอีก ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคนหน้าหวานคนนี้สวยมากเหลือเกิน...
“ฉันจำได้ว่าไม่ได้เรียกนายนะ ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อนายเลยด้วยซ้ำ”
ทันเท่าความคิดก็เอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านผืนบางหวังต้องการจะเดินออกไปจากที่คับแคบ ที่ที่มีแต่ความอึดอัดใจเมื่อมีร่างสูงโปร่งของคนที่ทำให้เสียใจมายืนอยู่ด้วย หากแต่ไม่ทันได้ไปไหนมือหนาของอีกคนก็รั้งไว้เสียก่อน
“นี่ยังโกรธฉันเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? ฉันขอโทษ”
เมื่อเห็นว่าเลย์ไม่เหมือนเดิมทั้งเมื่อหลายวันที่ผ่านมาก็ไม่มีแม้แต่รอย ยิ้มน่ารักเหมือนทุกครั้งที่ส่งมาให้ นั่นยิ่งทำให้คริสใจไม่ดีเอาซะเลย เจ็บปวดเหมือนคนจะตายมาร่วมอาทิตย์ทั้งที่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเลย์น่าจะไปได้ดีหากแต่ตอนนี้มันดูจะเลวร้ายกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“เปล่า!” ถึงแม้เสียงที่เอ่ยตอบกลับไปจะฟังดูน่ารักขนาดไหน แต่ใบหน้าหวานที่ตีนิ่งทั้งอาการที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้หมายความอย่างที่พูดทำให้คริสรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“บอกว่าเปล่า แต่ไม่คุยกับฉันไม่มองหน้าฉันเลยเนี่ยนะ มันหมายความว่ายังไง?”
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนขาวของคนตัวเล็ก พลันออกแรงบีบคลึงอย่างไม่รู้ตัวจนเกิดรอยสีแดงจางๆกับผิวขาวละเอียดของอีกคน หากแต่คริสยิ่งออกแรงบีบมันมากเท่าไหร่ต่อให้เจ็บแค่ไหนเลย์ก็ไม่มีทางเปิดปากร้องออกมาให้เห็นความอ่อนแออย่างแน่นอน
“ก็แล้วที่ฉันไม่คุยกับนาย ไม่มองหน้านาย ฉันยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรอ ห๊ะ?!”เลย์ขึ้นเสียงใส่คริสอย่างเหลืออดเมื่อเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ จ้องมองนัยน์ตาสีนิลของคนตรงหน้าเขม่นอย่างนึกโมโหเมื่อภาพในวันนั้นมันหวนกลับมาทำร้ายจิตใจเขาอีกครั้ง ภาพที่คริสจูบเขา เขาที่อยู่ในร่างผู้หญิง
“นาย...หมายความว่ายังไง? จะเลิกเป็นเพื่อนกับฉันงั้นหรอ?”
ไม่รู้อะไรดลใจให้คนตัวสูงคิดแบบนั้น รอยยิ้มพรายที่เผยให้เห็นจากใบหน้าหล่อช่างเป็นแรงกระตุ้นความกลัวให้บังเกิดแก่คนหน้าหวานได้ในทันที เลย์แค่ต้องการให้คริสกลับไปคิดทบทวนกับสิ่งที่เขาได้ทำ ไม่ได้มีความคิดติดลบเหมือนอย่างคริสที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“…………”
“นายต้องการจะบอกอะไรฉันกันแน่ห๊ะ? เลย์!”
เมื่อคนหน้าหวานเอาแต่เงียบโทสะที่พยายามอดกลั้นไม่ให้มันระเบิดออกมาก็เริ่มจะเก็บไว้ไม่อยู่เสียแล้ว มือหนาที่บีบคลึงต้นแขนขาวอยู่พลันกระชากเข้าหากายอย่างไม่ทันได้ให้อีกคนตั้งตัว ก่อนจะกดริมฝีปากเรียวทาบทับกลีบปากสีโอรสที่นุ่มหยุ่นนั้นอย่างนึกเอาแต่ใจ มอบจูบอันเร่าร้อนให้กับคนหน้าหวานตรง หน้าถึงแม้อีกคนจะไม่ต้องการมันก็ตาม
“....................”
“ไม่ว่านายต้องการจะบอกอะไรฉัน แต่นายก็หนีฉันไม่พ้นหรอก”
เมื่อผละออกจากริมฝีปากบางที่เหมือนคลื่นแม่เหล็กนั่น ปากเรียวก็แสยะยิ้มอย่างไม่ใช่คนๆเดิม คริสในตอนนี้ช่างน่ารังเกียจและไร้ซึ่งความอบอุ่น ไม่เหมือนกับคริสคนเดิมที่เลย์เคยรู้จักเลยแม้แต่น้อย
“หึ! แล้วไงหรอ? คิดว่าแค่จูบของนายจะยื้อฉันได้หรือยังไง? ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยสักนิด อย่าลืมสิว่านายจูบกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ นี่มันไม่ใช่ตัวฉัน!”
มีหรือจะยอมให้กับอีกคนง่ายๆ นัยน์ตาคู่กลมที่สั่นระริกไปด้วยหยาดน้ำสีใสในตอนแรกจองลึกลงสบนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอย่างคนที่ไร้ซึ่งความรู้สึก ทั้งหยดน้ำที่เอ่อคลออยู่ก่อนแล้วก็ไม่มีทางว่าจะปล่อยมันออกมาให้คนอย่างคริสได้เห็นอีกต่อไป ความว่างเปล่าที่ส่งไปให้แบบนี้สิสะใจกว่า
“ก็จริง! มันไม่ใช่ตัวนาย แต่จะปฎิเสธได้หรอว่าจิตวิญญาณข้างในมันไม่ใช่ของนายด้วย”
เพียงแค่ได้ฟังอีกคนพูด หัวใจที่คิดว่าจะเข้มแข็งให้ถึงที่สุดก็อ่อนยวบอย่างน่าสมเพช เลย์ในตอนนี้เป็นใครกันแน่ ตัวแทนงั้นหรือ แค่คิดก็อยากจะกลับ ไปเป็นผู้ชายธรรมดาที่ชื่อเลย์เหมือนอย่างเดิม ทรมานกับการต้องอยู่ภายใต้รูปกายของผู้หญิงคนนี้ คิดแล้วก็เกลียดตัวเอง เกลียดร่างในตอนนี้ที่มาแย่งความรักของอีกคนไปจากเขาอย่างหน้าตาเฉย
“นายคงชอบฉันในรูปลักษณ์แบบนี้สินะ ถ้านายต้องการมันฉันจะสนองให้ก็ได้” พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเครือ พูดเสร็จก็หัวเราะในลำคอเย้ยความหน้าด้านของตัวเอง นี่มันไม่ใช่แค่น่าสมเพชหากแต่ยังรู้สึกสกปรกอีกต่างหาก
“ฉันก็เคยบอกไปแล้วว่าชอบนายในแบบไหน ควรหัดจำมันซะบ้าง แล้วที่พูดเมื่อกี้ ก็อย่าพูดกับใครอีกเป็นครั้งที่สอง...ถ้าไม่ใช่ฉัน!...”
“เลย์! ไปกันได้หรือยังงานจะเริ่มแล้วนะ?” เสียงหวานของคนเป็นรุ่นพี่ตะโกนไล่ถามมาแต่ไกล นั่นทำให้คริสต้องยอมปล่อยมือออกจากต้นแขนขาวของอีกคนอย่างไม่มีข้อแม้ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแดงช้ำจากการกระทำของตัวเองที่ไม่น่าให้อภัย ไม่รู้ตัวเลยว่าออกแรงไปมากขนาดไหน หากแต่ที่หงุดหงิดที่สุดก็คงไม่พ้นคนตัวเล็กที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากบอกเขาว่าเจ็บสักคำ
“อ...เอ่อ.. ไปครับรุ่นพี่”
“ไม่ๆ ไม่ได้สิ ต้องพูดว่าค่ะเพราะตอนนี้นาย...เอ้ย! เธอเป็นผู้หญิงอยู่นะ” แจจุงยิ้มหวานส่งไปให้รุ่นน้องที่ตอนนี้ก็ยิ้มแหยๆตอบกลับมา น่าอายเป็นบ้าที่ต้องเอ่ยคำๆนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถึงวันที่ชีวิตตกต่ำขั้นสุด
“……….”
“ไหนลองพูดสิ?”
แจจุงคะยั้นคะยอรุ่นน้องหน้าหวาน หากแต่เลย์ก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อคำที่พูดนั้นมันช่างกระดากปากเขาเสียเหลือเกิน นัยน์ตากลมเหล่มองกายสูงที่ยืนอยู่ด้วยกันก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างรู้สึกหน่าย ไอ้ให้พูดไม่เท่าไหร่แต่ต้องมาพูดต่อหน้าคริสเนี่ยนะ อยากเอาหน้ามุดดินตายไปเลย
“ค...ค่ะ”
กว่าจะเปล่งคำพูดออกไปได้ทำเอาเหงื่อซึมเต็มใบหน้าไปหมด ทั้งไอ้คนที่ยังยืนมองอยู่ก็แอบขำกับคำพูดของเขาจนขาดความมั่นใจ เปลี่ยนอารมณ์เร็วจังเลยนะ เมื่อครู่ไม่ยักจะเป็นแบบนี้
“น่ารักมาก! ถ้างั้นเราเข้าไปในงานกันเถอะ ส่วนนาย..คริส! ชางมินฝากให้ฉันมาตาม”
พูดแค่นั้นก็จูงมือเลย์ให้เดินออกไปด้วยกันในทันที ปล่อยให้คริสที่ตอนนี้จิตใจก็ยังฟุ้งซ่านกับเรื่องเมื่อครู่ได้แต่ถอนหายใจเมื่อคนตัวเล็กที่เคยสนิทสนมกันมากเหลือเกินกำลังจะไกลออกไปอีกครั้ง พลาดอีกแล้วสินะ
...THE WIZARD…
รุ่นพี่คนสวยกึ่งลากกึ่งจูงรุ่นน้องคนสนิทให้เข้าไปนั่งประจำที่ของโรง เรียนหญิงล้วนในเครืออย่างเพอร์ลาส ทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของบรรดานักเรียนมากมาย ใบหน้าสวยของคนทั้งคู่ไม่ใช่แค่ดึงดูดหากแต่ผิวพรรณที่ขาวเนียนนั้นมันกลับดูเด่นเตะตาผู้คนในที่แห่งนี้เสียเหลือเกิน
“เธอเรียนที่เพอร์ลาสด้วยหรอ? ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าเลย”หนึ่งในนักเรียนหญิงของเพอร์ลาสเอ่ยถามคนหน้าหวานที่เพิ่งเข้ามานั่งได้ไม่นานอีกฝ่ายก็โถมคำถามใส่เข้ามาในทันที
“เอ่อ...ใช่แล้ว ฉันก็เรียนที่เพอร์ลาสไง เธอคงไม่เคยสังเกตเห็นฉันก็ได้มั้ง” เสียงหวานตอบกลับไปอย่างไม่มั่นใจว่าอีกคนจะเชื่อ แต่กลับผิดคาดเพราะนอกจากหญิงสาวจะไม่ซักถามอะไรแล้วยังไม่มีวี่แววของความสงสัยเผยให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“ก็อาจจะจริงของเธอ เพราะเราก็เพิ่งเข้าปี1เองนี่เนอะ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ?” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเลย์พลันปล่อยคำถามต่อไปให้คนหน้าหวานอีกครั้ง
“ชื่อเล... เอ่อ.. เล..เลติน่า”
เมื่อเจอคำถามที่ไม่ได้เตรียมคำตอบมาตั้งแต่แรกใบหน้าหวานก็เจือน ลงอย่างเห็นได้ชัด ชื่อใหม่ที่ไม่ได้คิดมาก่อนถูกตั้งขึ้นมาอย่างกระทันหันแต่ก็ถือว่าแก้ผ้าเอาหน้ารอดได้ดี
…‘คิดได้ไงวะชื่อเลติน่า ชื่ออย่างกับยี่ห้อคอนแทคเลนส์’…
“ชื่อเธอแปลกดีนะ แต่ช่างเถอะ! ฉันชื่อคริสตัลยินดีที่ได้รู้จักจ่ะ”
ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักที่หน้าตาดูจะเรียบนิ่งไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นักหากแต่พอได้คุยกันแล้ว เลย์กลับรู้สึกว่าเธอคนนี้ช่างมีมิตรสัมพันธ์ดีเลยทีเดียว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคริสตัล” เลย์เอ่ยตอบกลับพร้อมทั้งยิ้มหวานส่งไปให้
“เอ้อ! ความจริงฉันน่าจะเคยเห็นเธอบ้างนะ เธอก็ออกจะสวยดูเป็นตัวเด่นด้วยซ้ำแต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ ไม่คุ้นจริงๆนะ”คริสตัลทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจัง หากแต่เลย์ที่เหลือบมองความสงสัยของเธออยู่นั้นก็แทบจะทึ้งหัวตัวเองซะให้รู้แล้วรู้รอด คนขี้สงสัยแบบนี้แหละน่ากลัว
“เพอร์ลาสคนสวยเยอะแยะไปฉันสู้ไม่ได้หรอก คงเด่นไม่เท่าคนอื่นล่ะมั้ง” เพื่อเอาตัวรอดเหตุผลที่หยิบขึ้นมาอ้างได้ผลไม่ได้ผลแต่ก็ต้องลองให้คริสตัลเลิกสงสัยเรื่องของเขาเสียที
“ก็อาจจะจริงของเธอ”
หลังจากนั้นใบหน้าน่ารักของหญิงสาวก็หันไปสนใจกับเรื่องอื่นแทน นั่นทำให้เลย์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปอีกทางก็พบใครอีกคนที่จ้องมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว คริส...
คนหน้าหวานที่นั่งอยู่ทางฝั่งของโรงเรียนเพอร์ลาสกลับเข้าสู่โหมดของความอึดอัดอีกครั้ง เมื่อคริสที่นั่งอยู่ทางฝั่งของเดอะวิซาร์ดเอาแต่จ้องมองมาที่เขาจนทำอะไรไม่ถูก เลย์ไม่รู้ว่าคริสจ้องมานานเท่าไหร่แล้วหากแต่หันไปครั้งใดก็เจอสายตาแบบนั้นที่จ้องกลับมาทุกที
‘เธอๆ คนนั้นหล่อมากเลยอ่ะ เห็นไหม?’
‘เด็กนักเรียนเดอะวิซาร์ดคนนั้นหล่อมาก คนนั้นก็ด้วย’
‘เด็กเดอะวิซาร์ดหล่อจัง รวมคนหล่อมาไว้ที่นี่หมดแน่ๆ’
‘เธอเห็นคนนั้นไหม ผมบลอนด์ทองคนนั้นไงหล่อมากเลย?’
จากบทสนทนาของเหล่านักเรียนหญิงเพอร์ลาสทำให้ร่างบางต้องกลอกตาไปมาพร้อมทั้งถอนหายใจอย่างรู้สึกหน่าย และนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากที่ได้ยินมันลอยเข้ามาในโสตประสาทเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงพวกนี้จะรู้กันบ้างไหมนะว่าคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มของพวกเธอเนี่ยก็อยู่เดอะวิซาร์ดเหมือนกัน
“เลติน่าเธอรู้จักคนนั้นหรือเปล่า?” คริสตัลยกมือขึ้นชี้ไปยังร่างสง่าของผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง หากแต่พอหันไปตามมือนั้นเลย์ก็ถึงกับใจหล่นวูบไปอยู่กับพื้นทันที
…‘เป็นที่สนใจของผู้หญิงจริงๆเลยสินะ’…
“ไม่อ่ะ ทำไมหรอ?” ส่ายหน้าปฏิเสธอีกคนไปก่อนจะถามอีกครั้งด้วยความอยากรู้ระคนสงสัย แต่จะให้ตอบไปได้ยังไงว่าไอ้นั่นน่ะรู้จักกันดีเลยทีเดียว ก็ไอ้คนที่เขาเพิ่งนึกถึงอยู่เมื่อครู่นี้เอง
“เขาชื่อคริส” คริสตัลเอ่ยพลางแสดงอาการเพ้อฝันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินอายเมื่อได้เอ่ยชื่อรูมเมทของเขา
“เธอรู้จัก?”
“ก็พอรู้”
“แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง ตอนไหน แล้วเคยเห็นเขามาก่อนหรอ?”
เมื่อได้ฟังจากอีกคนมาเยอะเลย์ก็เริ่มหวั่นใจ ทำไมคริสตัลถึงรู้จักคริส เขาเคยรู้จักกันมาก่อนหรือ นั่นเป็นคำถามในใจที่คนหน้าหวานเองก็ต้องการรู้จากปากของหญิงสาว
“ก็พอดีว่าฉันเคยเข้าเว็บของเดอะวิซาร์ดดูประวัติพี่ชางมินให้พี่สาวน่ะ แล้วบังเอิญไปเจอประวัติของคริสเข้า เห็นแค่รูปครั้งแรกฉันก็ตกหลุมรักเลยล่ะ แล้วยิ่งรู้ว่าเขาเป็นน้องชายของพี่ชางมินฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนที่ดีมากแน่ๆ”
เมื่อได้ฟังความในใจจากหญิงสาวในหัวและห้วงความคิดมันก็ขาวโพลนเลือนลางไปหมด เหมือนช่วงลมหายใจมันขาดวูบเมื่ออยู่ดีๆก็รู้สึกใจหายทั้งยังรู้สึกหวงอีกคนขึ้นมาเสียดื้อๆ หันไปมองหญิงสาวที่นั่งข้างกันใบหน้าน่ารักที่เคยเรียบนิ่งหากแต่ตอนนี้มันกลับขึ้นสีแดงระเรื่อจนไม่ต้องทักถามก็รู้ว่าเธอคนนี้มีใจให้รูมเมทของเขามากขนาดไหน
“เอ่อ..เธอมั่นใจขนาดนั้นเลยหรอว่ามันคือความรัก ตกหลุมรักเขาง่ายๆแบบนั้นอ่ะนะ?” เลย์เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่ได้กลัวอะไรเลยหากไม่ ใช่คำตอบจากผู้หญิงตัวเล็กคนนี้
“ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะไม่รู้ว่าความรักมันคืออะไร การตกหลุมรักใครสักคนฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรอก แค่ใบหน้าของเขาในแวบแรกมันก็ดึงดูดมากแล้ว ฉันนับวันรอเพื่อจะมาเจอเขาในวันนี้เลยนะจะบอก”
รอยยิ้มพรายบนใบหน้าของหญิงสาวทำให้เลย์มั่นใจขึ้นไปอีกว่าคริสตัลไม่ได้พูดเล่น เธอคิดจริงจังกับคริสอย่างดูได้ไม่ยากและเลย์เองก็หวั่นใจไม่น้อยหากว่าเขาทั้งสองได้ทำความรู้จักกันจริงๆมันจะเป็นยังไง
คริสตัลจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง เป็นเรื่องปกติหากผู้ชายอย่างคริสจะชอบผู้หญิงหน้าตาดีอย่างเธอ แต่นี่เขาคงไม่ได้หึงใช่ไหม
“อย่างนั้นหรอ?”เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาเมื่อความรู้สึกมากมายที่ตอนนี้มันโถมเข้ามาทำให้เขารู้สึกเครียดและกังวลไปหมด หวงคนๆนั้น ไม่อยากให้คนๆนั้นไปยุ่งกับใคร หรือเป็นเพราะเคยอยู่ด้วยกันมาตลอดพอมีใครอีกคนเข้ามามันก็เลยรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากพิธีเปิดงานสายสัมพันธ์เสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาของการสังสรรค์ได้ตามอัธยาศัย คนหน้าหวานที่เดินอยู่ในงานได้ไม่นานก็เริ่มมีอาการเบื่อขึ้นมาตงิดๆจำต้องขออนุญาตรุ่นพี่เจ้าของใบหน้าสวยอย่างคิมแจจุงปลีกตัวออกมาจากงานเพื่อมาหลบมุมหาที่นั่งเงียบๆได้คิดอะไรไปเพลินๆ
“สวัสดีครับ ผมขอนั่งด้วยได้หรือเปล่า?”
ใบหน้าหวานหันไปตามเสียงทักทายก่อนจะต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าอีกคนคือใคร อยากอยู่เงียบๆแต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
“เอ่อ..ค..ค่ะ ตามสบาย” เสียงหวานตอบตะกุกตะกักอย่างไม่อาจปิดบัง ถึงจะอยู่ในร่างผู้หญิงที่ไม่มีใครสามารถจำได้แต่เลย์เองก็หวาดหวั่นไม่น้อย กลัวว่าคนที่กำลังหย่อนกายนั่งลงด้านข้างจะเอะใจในตัวเขาอยู่เหมือนกัน
“ชื่ออะไรหรอครับบอกผมได้หรือเปล่า?”คนที่เข้ามาใหม่เอ่ยถามอย่างมีมารยาท
“เลติน่าค่ะ”
“อ่า ชื่อเพราะจังเลยนะครับ” เมื่อได้รู้ชื่อของคนหน้าหวานชายหนุ่มก็เอ่ยชมในทันที
…‘นี่ก็แปลกคน ชื่อแปลกขนาดนี้ยังจะบอกว่าเพราะอีก’…
“แล้วคุณล่ะชื่ออะไรคะ?” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเลย์ก็เลือกที่จะถามอีกคนกลับเช่นเดียวกัน คนหน้าหวานแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างนึกประหม่าทั้งยังกลัวว่าชายหนุ่มจะจับพิรุธในตัวของเขาได้เพราะตอนนี้มันเริ่มจะออกอาการชัดเจนแล้ว
“มั่นใจหรอครับว่าไม่รู้จักชื่อผม?” พูดเสร็จใบหน้าคมเข้มนั้นก็หันมาประจันกับใบหน้าหวานตรงๆ เหมือนในเวลานี้จะเห็นลางสังหรณ์ลอยมาย้ำเตือนคนหน้าหวานอยู่ร่ำไร
“ก..ก็เพราะว่าฉันไม่รู้จักคุณยังไงล่ะคะถึงต้องถาม” พูดเสร็จก็ก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่มองมาในทันที หัวใจจะวายเมื่อต้องมาลุ้นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มหน้าเข้มที่ถึงจะไม่แสดงอาการใดๆหากแต่เลย์เองก็ยังรู้สึกได้ว่ามันแปลกยิ่งกว่าอะไรดี
“อ้อ! อย่างนั้นหรอครับ?...ผมชื่อเทา ชื่อนี้พอจะคุ้นๆบ้างหรือเปล่าครับ...เลย์?”
พรืดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
สิ้นเสียงทุ้มนั้นเหมือนก้อนเนื้อในอกซ้ายมันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ดูท่าว่าจะไม่เป็นผลเมื่อวิธีปลอมตัวขนาดนี้อีกคนก็ยังจับได้ เทารู้ได้ยังไงว่าเขาคือเลย์ทั้งที่อยู่ในคราบผู้หญิง ซ้ำยังไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคนนอกจากบุคคลที่ร่วมแผน การในครั้งนี้ด้วยกัน
“ทำไมนาย...รู้?” ด้วยความตกใจจึงเอ่ยถามออกไปด้วยสรรพนามที่คุ้นเคย นั่นก็เท่ากับว่าคนหน้าหวานยอมรับแล้วว่าเทาจำคนไม่ผิด
“ก็เพราะว่าเป็นนาย...ฉันถึงรู้” เสียงเข้มฟังดูอ่อนโยนขึ้นมาผิดกับเมื่อครู่ก่อนจะยิ้มให้กับร่างบางตรงหน้าที่ตอนนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่
“แต่ไม่มีใครจำฉันได้เลยนะ นายรู้ได้ยังไงและดูจากส่วนไหนที่บ่งบอกว่าเป็นฉัน?” เลย์เอ่ยถามรวดเดียวอย่างร้อนรน จนเทาที่มองดูปฏิกิริยาน่ารักนั้นอยู่ก็ถึงกลับหลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าน่ารักกับดวงตากลมโตยิ่งได้มองก็ยิ่งถอนตัวไม่ขึ้น
“ถ้าเป็นคนที่เราชอบต่อให้เขาเปลี่ยนไปยังไงเราก็ดูรู้อยู่ดีแหละใช่ไหมล่ะ?”
“อ่า ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่อ่ะ?”
เทาพยายามจะบอกเป็นนัยๆกับความรู้สึกของเขาเองหากแต่คนตัวเล็กก็ดูจะใสซื่อเสียเหลือเกินที่ดูไม่ออกและคิดไม่เป็นว่าอีกคนนั้นคิดยังไง จนเทาเองถึงกับส่ายหน้าไปมากับความไร้เดียงสาที่อีกคนแสดง
“มาถึงตอนนี้ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ”
“……………”
“ฉันชอบนาย เลย์”
เพียงเสี้ยววินาทีกับคำสารภาพสั้นๆ นัยน์ตากลมโตพลันเบิกกว้างทั้งการกระทำที่เคยทำอยู่ก็ถูกหยุดด้วยคำพูดเมื่อครู่ของเทาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ยอมรับว่าตกใจและไม่ทันได้ตั้งตัวเลยว่าอีกคนจะบอกชอบเขา หากแต่นั่นจะทำยังไงต่อไปในเมื่อเลย์เองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกคนไปมากกว่าเพื่อนร่วมสถาบันเลย
“เฮ้!อย่ามาโกหกฉันน่าเทา ล้อเล่นแบบนี้เดี๋ยวฉันคิดนะ” รู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนหน้าเข้มไม่ได้พูดเล่นแต่ก็ยังไม่วายแซวกลับเพื่อให้อีกคนไม่คิดจริงจังกับมัน
“ฉันชอบนาย” ย้ำคำจนคนตัวเล็กเองก็ถึงกับอึกอักจนพูดไม่ออก
“ก...ก็แหม นายพูดแค่ครั้งเดียวก็ได้นะ ฉัน....”
“ก็ฉันอยากให้นายมั่นใจว่าฉันไม่ได้โกหก ฉันจริงจังนะ”
สายตาที่ดูแน่วแน่และไม่มีแววของความล้อเล่นทำให้เลย์ต้องหลบสายตาคู่คมของอีกคนอย่างไม่อาจหาสาเหตุได้ ยิ่งได้เห็นเทาที่เป็นแบบนี้เลย์เองก็ไม่สามารถทำอะไรให้ได้เลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่เพื่อนต่างปราสาทมาสารภาพกับเขาเพราะต้องการอะไร หากแต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้ตัดสินใจง่ายขนาดนั้น
“…………”
“ถ้าไม่รังเกียจนายจะให้โอกาสคนอย่างฉันได้หรือเปล่า?”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างไม่มั่นใจว่าผลของมันจะเป็นยังไง ยอมรับว่าทำใจมาแล้วอยู่เหมือนกันหากแต่ขอให้ได้พูด ให้ได้บอกคนตัวเล็กว่าเขารู้สึกยังไง ถึงคำตอบที่ได้รับจะทำให้เจ็บปวดแต่ก็ขอลิ้มลองความเจ็บปวดนั้นดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย
เทารอคำตอบที่ได้รับอย่างใจจดใจจ่อ มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเกร็งไปหมด รออย่างไม่รู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ในขณะเดียวกันกับร่างสูงของใครอีกคนที่เดินเข้ามาเห็นและได้ยินเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ก็รอคอยคำตอบนั้นด้วยความทรมานใจไม่แพ้กัน
“เทา นายเป็นคนดีคนนึงที่ฉันเคยรู้จักมา นายดีกับฉันถึงแม้จะรู้ว่าปราสาทของเราทั้งสองไม่ถูกกัน ทั้งยังมีแต่ความรู้สึกดีๆให้มาจนฉันเองถึงกับละอายใจ ถ้าเป็นไปได้....”
ไม่ทันได้ให้คนตัวเล็กเอ่ยจบบุคคลที่ยืนรอคอยคำตอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ก็ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป คริสเดินออกไปในทันทีทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะตอบตกลงเทายังไง ความเจ็บปวดครั้งนี้ดูท่าว่าจะมากกว่าครั้งไหนๆ แววตาที่เลย์มองเทามันไม่เหมือนกับที่มองมาที่เขาเลยสักนิด เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าคนตัวเล็กคงจะไม่มีเยื่อใยให้กันแล้ว ความอัดอั้นในอกก็พร้อมจะระเบิดออกมาเป็นน้ำตาได้ทุกเมื่อ หากแต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคนที่ใช่สำหรับเลย์ไม่ใช่เขา
“ถ้าเป็นไปได้...ฉันอยากให้นายยังคงรักษามิตรภาพของคำว่าเพื่อนระหว่างเราไว้เหมือนเดิม ฉันอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆที่นายมีให้กับฉัน แต่ถ้าตอนนี้ฉันยังเลิกรักคนๆนึงไม่ได้ ฉันก็ไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว นายเข้าใจไหมว่าเรื่องแบบนี้มันยากที่จะตัดสินใจ ฉันขอโทษ ขอโทษนะเทา…”
พูดแค่นั้นก็ปล่อยหยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลออยู่รอบดวงตาให้ไหลออกมาสู่สายตาของอีกคน น้ำตาที่มาพร้อมกับความดีใจเมื่อเทาพยักหน้าเข้าใจและความเจ็บปวดเมื่อคนที่เลย์รักกลับไม่ได้รักเขาในแบบที่เขาเป็น แต่เพราะรักมากจึงไม่สามารถให้ใจกับใครได้อีก รู้ตัวแล้วอย่างถ่องแท้ว่าการแอบรักใครข้างเดียวมันเป็นยังไง พร้อมทั้งเลย์เองก็เข้าใจความรู้สึกของเทาด้วยเช่นกัน
“ไม่ร้องไห้นะฉันเข้าใจ ฉันรู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่นายให้มันคืออะไร ฉันจะรอนาย รอวันที่นายจะสามารถเปิดใจให้กับฉัน และถ้าคนๆนั้นทำให้นายเสียใจขอให้นายคิดถึงฉันได้เสมอ ฉันพร้อมจะเป็นที่พักพิงให้นายตลอดไป ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ขอให้ไว้ใจ เชื่อใจฉันถึงแม้ฉันจะเป็นเซนทอร์ที่คนอื่นไม่เอาก็ตาม”
พูดเสร็จก็ใช้นิ้วค่อยๆเกลี่ยหยาดน้ำตาให้กับคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน ขอเพียงแค่นี้ แค่ได้ทำอะไรเพื่อเลย์บ้างเทาก็มีความสุขมากแล้ว ความสุขภายใต้ความเจ็บปวดที่มีอยู่
…THEWIZARD…
ร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากที่แห่งความเจ็บปวดด้วยอาการอิดโรย ภาพที่ย้ำว่าคนทั้งคู่กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ทำให้คริสไม่อาจยอมรับมันได้เลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามามันทำให้เขารู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปถ้าได้รับรู้ว่าเลย์ตอบตกลงเทาไป เขาจะยังใช้ชีวิตเหมือนอย่างปกติได้อยู่อีกหรือ
“คริส! เหม่ออะไรของนายวะ? ไม่สบายหรือเปล่า?” เพื่อนผิวเข้มที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากายสูงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอาการของเพื่อนรักที่ดูไม่สู้ดีนักก็อดจะแปลกใจเสียไม่ได้
“อ...อ้อ ไค! ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่คิดอะไรเพลินๆ”
“เพลินอะไรของนายวะหน้าตาดูไม่ได้เลย คิ้วนี่ก็ขมวด หน้าก็บึ้ง อาการของคนอกหักนะเนี่ย” นิ้วเรียวชี้ไปตามสัดส่วนต่างๆบนใบหน้าหล่อ ถึงจะรู้ว่าเพื่อนรักเป็นอะไรและเพราะใครแต่ก็อดไม่ได้จะเอ่ยติดตลกให้คริสอารณ์ดี
“ไม่มีอะไรหรอกฉันโอเค แล้วนี่นายจะไปไหน?”
“ก็จะไปง้อดีโออ่ะดิ เห็นผู้หญิงเข้ามาคุยกับฉันก็งอนหนีไปเลย ฉันผิดหรอวะก็คนมันหล่ออ่ะ” ไคเอ่ยก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจ
“เออ! ไอ้คนหล่อ ขอให้คืนดีกันเร็วๆแล้วกัน” พูดแค่นั้นก็ตบบ่ากว้างของเพื่อนผิวเข้มอย่างให้กำลังใจ
“ประโยคนี้ฉันควรจะเป็นคนพูดมากกว่านะ มอบให้นายเลยแล้วกัน เข้าใจกันเร็วๆล่ะ” ไม่ทันให้คริสได้ตอบโต้ไคก็เดินยิ้มกรุ้มกริ่มจากไปทันที รู้ทุกอย่างว่าเพื่อนหน้าหล่อเป็นอะไรแต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจเท่านั้น
“………….”
“คริส!” เสียงแหลมที่เอ่ยเรียกทำให้คนตัวสูงต้องหันไปตามเสียงนั้นก่อนจะต้องกลอกตาไปมาเมื่อรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร หญิงสาวผู้น่ารำคาญ เจสสิก้า…
“มีอะไรกับผมหรอครับ?” เอ่ยถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เพียงในห้วงความคิดตอนนี้มีแต่เรื่องของรูมเมทตัวเล็กเท่านั้นที่ทำให้เขาสนใจได้
“แหมๆ นายนี่หล่อขึ้นเยอะเลยนะ แต่ก็ยังเฉยชาเหมือนเดิม ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้จัง” หญิงสาวไม่แค่พูดเท่านั้นหากแต่นิ้วที่ไม่อยู่นิ่งก็ไต่ไปตามเรือนร่างสูงโปร่งอย่างให้รู้ว่าต้องการผู้ชายคนนี้แค่ไหน
“ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณมายุ่งกับผมทำไม?”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของคริส หากแต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มสวยส่งไปให้เหมือนเดิม
“อ่า ฉันคิดว่าฉันชอบนายขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ ปากตรงกับใจดีจัง” มือเล็กยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อของคนที่สูงกว่าพลางยิ้มยั่วอย่างถึงที่สุดเพื่อให้คริสสนใจ หากแต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อใครอีกคนที่เดินเข้ามาขัดจังหวะพอดิบพอดี
“พี่เจส! ทำอะไรอ่ะ?”คนเป็นน้องที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็นึกโกรธเจสสิก้าไม่น้อย เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่กับพี่สาวตัวเองเป็นใครใจมันก็ยิงสุมไปด้วยกองเพลิงอย่างห้ามไม่อยู่
“คริสตัล!”
“ฉันถามว่าพี่กำลังจะทำอะไร จับพี่ชางมินไม่ได้ก็คิดจะมาจับน้องชายเขาแทนงั้นหรอ?” ตรงเท่าความคิดไม่อ้อมค้อมกับคนเป็นพี่เลยสักนิด คริสตัลรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนยังไง และนั่นก็ยิ่งทำให้เธอโกรธเมื่อรู้ว่าคนที่พี่สาวหมายปองเป็นคนต่อไปก็คือคนที่เธอตกหลุมรักอยู่นั่นเอง
“นั่นเธอพูดอะไร ไม่ให้เกียรติฉันที่เป็นพี่เธอหน่อยหรือไง?”
“พี่ทำตัวแบบนี้แล้วยังจะมีเกียรติเหมือนคนอื่นอีกหรอ? พี่ก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับเขา” ตรงเหมือนขวานผ่าซากจนทำให้คริสเองต้องหันไปมองคนพูดด้วยความตกใจ หากแต่สายตาคมที่ส่งไปนั้นช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน
“พ..พี่ขอโทษ” เจสสิก้าพูดแต่เพียงเท่านั้นก่อนกายบอบบางของเธอจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
“เอ่อ...ขอโทษแทนพี่สาวฉันด้วยนะคะ เธอทำอะไรลงไปคงไม่ได้คิด”
เมื่อเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคนคริสตัลจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายบรรยากาศความเงียบนั้นไปเสีย เมื่ออยู่ต่อหน้าคริสเธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ทั้งยังเรื่องเมื่อครู่ที่พูดออกไปเพราะนึกโมโหพี่สาวตัวเองก็ช่างเป็นคำสารภาพที่กู่กลับไม่ทันซะแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก”
“เอ่อ...แต่เรื่องที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงนะคะ ฉันรู้สึกดีกับคุณจริงๆค่ะ”
ใบหน้าน่ารักขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้มองหน้าของคนร่างสูงตรงๆ คริสตัลรีบก้มหน้างุดด้วยความเขินอายทันทีเมื่อคริสเองก็จ้องเธอกลับเหมือนกัน หากแต่ความรู้สึกที่มีให้เธอนั้นมันไม่เหมือนกับเธอที่มีให้เขา
“ขอบคุณมากนะครับสำหรับความรู้สึกดีๆ”
คริสเผยยิ้มเล็กน้อยไปให้หญิงสาวหากแต่ก็ไม่สามารถยิ้มได้อย่างจริงใจเมื่อภาพของใครอีกคนมันดันทับซ้อนคนตรงหน้าจนเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเมื่อคนตัวเล็กที่กำลังคิดถึงในชั่วครู่เดินก้มหน้าก้มตามาทางที่ทั้งสองยืนอยู่ ก่อนจะชะงักกึกด้วยความตกใจเมื่อเดินมาถึงก็พบเข้ากับ คริสและคริสตัลที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“อ..เอ่อ...ฉันขอโทษ ฉันเดินมาผิดทาง”
เลย์ที่เพิ่งเดินมาไม่ทันไรก็ต้องถอยหลังเดินกลับไปทางเดิมในทันที พลางนึกตำหนิตัวเองที่มัวแต่ก้มหน้าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ว่าคนทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่ทางนี้ ช่างเจ็บปวดเมื่อสิ่งที่เคยคิดมาก่อนหน้านั้นมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ทั้งคู่ได้เจอกันแล้ว
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีเรื่องต้องไปทำ”
คริสเอ่ยลาหญิงสาวก่อนจะรีบปลีกตัวออกมาแล้วเดินตามคนตัวเล็กไปทันที ปล่อยให้คริสตัลที่ไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับก็ได้แต่ยืนทำหน้าสงสัย เมื่อ ก่อนหน้านี้คริสไม่มีวี่แววว่าจะเร่งรีบเลยสักนิดหากแต่ตอนนี้คิดจะไปก็ไปจนเขาเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับอีกคนมากเลย
เลย์รีบเดินจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อรู้ว่าอีกคนก็ตามเขามาไม่ห่าง มือบางยกขึ้นทึ้งหัวตัวเองไปมาที่ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ พลันในหูก็แว่วได้ยินเสียงของอีกคนที่เรียกชื่อเขาอยู่ไม่ขาด หากแต่ไม่คิดจะฟังไม่คิดจะสนใจ คิดแค่อย่างเดียวว่าต้องหนีผู้ชายคนนี้ให้พ้น
ไม่รู้ว่านานเท่าไร่ที่ใช้เวลาในการหนีอีกคนมาจนถึงหอพัก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อคนที่เขาพยายามจะหนีกลับเข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มือหนาออกแรงกระชากข้อมือบางให้เข้ามาหาตัวก่อนจะทำอย่างที่เคยดั่งเช่นทุกครั้งด้วยโทสะทั้งหมดที่มี มือหนาจับประคองใบหน้าหวานให้โน้มเข้าหากันก่อนจะกดจูบที่ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยนมอบไปให้ ร่างบางพยายามหันหนีเพื่อปฏิเสธหากแต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องเม้มกลีบปากเล็กเข้าหากันเพื่อไม่ให้อีกคนได้ทำอย่างที่ใจต้องการ
นัยน์ตาคู่สวยร้อนผ่าวไปด้วยหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาไม่ขาดสาย ความเสียใจความน้อยใจที่คนตัวสูงได้ทำไว้มันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่าหัวใจทั้งหมดที่มีจะมอบให้กับคนๆนี้ คนที่เคยคิดว่าอุ่นใจเมื่อได้อยู่ด้วย สุขใจที่ได้มีกายสูงนี้อยู่ใกล้ๆ หากแต่เวลานี้และวินาทีนี้ทุกอย่างมันกลับพังทลายไปต่อหน้าต่อตา
“อื้อ...”
เลย์พยายามยกมือขึ้นผลักอกกว้างของอีกคนด้วยแรงทั้งหมดที่มี จะไม่ขอทนกับคนๆนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่มักจะเสียน้ำตาเพราะคนที่ไว้ใจตรงหน้า เมื่อหลุดพ้นจากกายสูงกำยำร่างกายบอบบางก็หอบแฮ่กเหมือนจะขาดใจ มือบางยกขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองพร้อมทั้งน้ำตาที่เอ่อไหลเหมือนดั่งสายเลือด
“ฉันขอโทษ” คริสเอ่ยเมื่อเห็นว่าอีกคนคงเสียใจกับการกระทำของเขา แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย
“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ! กี่ครั้งแล้วที่พูดแบบนี้ ฉันไม่ไหวแล้วนะ นายมันใจร้าย นายมันไม่ใช่คริสที่ฉันเคยรู้จัก เลิกยุ่งกับฉันสักที!” เสียงหวานตะโกนใส่คนตรงหน้าพลันพรั่งพรูคำพูดที่เก็บไว้ในใจออกมาเพื่อให้อีกคนได้รับรู้
“นายมันก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ เอาแต่หลบหน้าฉัน ไม่ยอมพูดกับฉัน ถามอะไรก็ไม่ยอมบอก แล้วฉันจะรู้ไหมว่านายเป็นอะไร ฉันผิดหรอที่อยากจะอยู่ในสายตานายบ้าง” เสียงทุ้มก็ตะโกนกลับไปใส่อีกคนเช่นเดียวกัน เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนทั้งคู่ หากตอนนี้เหล่าเด็กนักเรียนของปราสาทกลับมาจากงานเลี้ยงก็คงได้ยินมันหมดทุกอย่าง
“แล้วทำไมนายต้องทำแบบนั้นกับฉัน ฮึก…จูบฉันทั้งๆที่ฉันเป็นผู้หญิง นายเห็นฉันเป็นตัวแทนของผู้หญิงพวกนั้นหรือไง ฮึก...ทำอะไรตามใจตัวเองคิดไหมว่าฉันจะเสียใจ คิดบ้างไหมว่าฉันจะรู้สึกยังไง นายไม่เคยแคร์ฉันเลย! ฮือ...”
มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาหากแต่มันก็ไม่แห้งเหือดหมดไปสักที หยาดน้ำสีใสยังคงไหลออกมาเรื่อยๆจนตากลมคู่สวยแดงก่ำไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ใกล้จะตาย เหมือนจะขาดใจเมื่อเสียงสะอื้นที่ปล่อยออกมานั้นมันช่างควบคุมไม่ได้
“นายก็คือนาย ที่ฉันจูบนายก็เพราะอยากจูบ ฉันไม่เคยมองนายเป็นคนอื่น ไม่เคยเห็นนายเป็นตัวแทนของใครทั้งนั้น!”
ยังคงเหมือนเดิม การตะโกนใส่กันไปมาคงเป็นสิ่งที่ระบายความอัดอั้นตันใจได้ดีที่สุด ต่างฝ่ายต่างไม่แม้แต่จะอ่อนข้อให้กันเลยสักนิด ทั้งสองมีเหตุผลของตัวเองที่ทำให้ไม่เข้าใจกันสักที ไม่เหนื่อยก็คงไม่หยุดสินะ
“แต่นายก็ไม่ควรทำ จูบเพราะแค่อยากจูบงั้นหรอ? มีเหตุผลอะไรที่นายต้องทำแบบนั้น ห๊ะ?”
“นาย!....โธ่เว้ย!”
เมื่อความอึดอัดมันโถมเข้าใส่ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้อีกคนเข้าใจ คริสจึงยกเท้าขึ้นเตะตู้เสื้อผ้าด้วยความโมโหเพื่อระบายสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันติดอยู่ที่ปาก สิ่งที่ไม่กล้าจะพูดออกไปให้อีกคนได้ยิน
“……………”
“รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่...ก็เพราะรักไง ฉันรักนายอ่ะเลย์ได้ยินไหม ฉันรักนาย! โว้ย!น่าโมโหชะมัด!”
มือหนายกขึ้นทึ้งหัวตัวเองไปมาอย่างรู้สึกหงุดหงิด ในที่สุดก็เอ่ยออกไปสักที กลัวเหลือเกิน กลัวว่าอีกคนจะตีตัวออกห่างเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของเขา และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับอึ้งไปในทันทีพลันส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
“ล...แล้ว แล้วทำไมต้องตะโกนด้วยวะ เสียงดัง!”
เมื่อได้ฟังคำสารภาพของอีกคน ในใจก็อยากจะถามซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้หลอกเขาเล่น แต่อีกใจก็กลัวว่าถามไปจะได้รับคำตอบอีกอย่างตอบกลับมา
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ จะตะโกนแข่งกับฉันทำไมล่ะ?”
ก็ที่ตะโกนไม่ใช่อะไรเลย หากไม่ใช่เพราะอาการที่พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองด้วยการตะโกนเสียงดังใส่กันไปมา
“บอกว่ารักฉัน รักฉันก็ตอนเป็นผู้หญิงล่ะสิ” ถามเองก็ปวดใจเองหากแต่ก็ยังอยากจะรู้ว่าอีกคนจะตอบยังไง
“ฉันรักคนที่ชื่อเลย์ รักมานานมากแล้ว รักตอนที่เป็นผู้ชายไม่ใช่ที่เป็นผู้หญิง ฉันรักเขาตั้งแต่แรกเห็น” เริ่มไม่รู้สึกอายเมื่อต้องพูดให้อีกคนได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง ถึงจะรู้ว่าอนาคตจะไม่ใช่อย่างที่คิดแต่ก็ยังอยากจะบอกให้ รูมเมทหน้าหวานรู้มันทั้งหมด
“ท...ที่บอกว่าไม่ได้เป็นตัวแทนของใครแล้วเมื่อกี้อะไร นายก็ยังจูบฉันที่เป็นร่างผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม”
ด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้รับรู้ว่าอีกคนพูดมันอย่างจริงจังขนาดไหน เลย์เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป พยายามหาข้อโต้แย้งต่างๆนานาเพื่อบดบังความ รู้สึกปริ่มใจตอนนี้ที่มันแทบจะทะลักออกมาโก่งร้องให้รู้ว่าก็รักคนตัวสูงหมือนกัน
“แต่เมื่อกี้ที่ฉันจูบนาย นายเป็นผู้ชายแล้วนะ”
พรืดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!
“เฮ้ย!จริงดิ เป็นผู้ชายแต่ใส่กระโปรงอยู่เนี่ยนะ น่าอายเป็นบ้า! ทำไมนายไม่บอกฉันเล่า”
ไม่รอช้าก็รีบพาร่างตัวเองไปยืนอยู่หน้ากระจกในทันที สำรวจร่างกายก่อนจะวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่มองดูเหตุการณ์อยู่เมื่อครู่ต้องหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
รู้สึกโล่งและเบาตัวเมื่อได้สารภาพความรู้สึกของตัวเองให้อีกคนได้รู้ ถึงจะไม่มีโอกาสแล้วก็ตามที่จะได้ยืนเคียงข้างคนตัวเล็ก ความเข้าใจผิดที่ทำให้คิดไปเองว่าเลย์คงจะมอบความรักนั้นให้กับเทาไปแล้วทำให้คริสรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย หากแต่ตอนนี้ได้พูดมันออกไปจนหมด วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็อีกเรื่องนึง
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วหรอ?”
เมื่อเห็นว่าอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยถามทันที พยายามทำตัวให้เป็นปกติแต่มันไม่ง่ายเลยเมื่ออีกคนที่คุยด้วยนั้นเป็นคนที่มอบหัวใจไปให้จนหมดแล้ว
“อ้อ อื้ม”
“ถ้างั้นฉันไปแล้วนะ นอนคนเดียวได้หรือเปล่า?”เมื่อคิดว่าอีกคนคงจะอึดอัดเมื่อได้อยู่กับเขา คริสจึงตัดสินใจว่าคืนนี้จะหอบผ้าห่มไปนอนที่ห้องของพี่ชายเพื่อให้คนหน้าหวานได้ใช้เวลากับตัวเองบ้าง
“จะไปไหน?” เลย์เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะเดินออกจากประตูไป
“นายคงอึดอัดถ้าจะอยู่กับฉัน คืนนี้ฉันจะไปนอนกับแม็ก” ถึงจะปวดใจแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้อีกคนไม่ต้องคิดมาก ให้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆทั้งที่มันออกจะสวนทางกันไปสักหน่อย
“คริส...ฉันถามอะไรหน่อย?”
“หื้ม? ว่ามาสิ”
“รักฉันจริงๆหรือเปล่า?” ถึงจะกลัวคำตอบที่ได้รับ ถึงจะอายที่จะถามมันออกไป แต่ก็อยากมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองแค่ฝ่ายเดียว
“ตั้งแต่เรารู้จักกันมา นายเคยเห็นฉันโกหกนายสักครั้งไหม?”
คำตอบแค่นี้ก็พอจะทำให้เลย์ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เรียวปากบางอมยิ้มอย่างไม่รู้ว่าตอนนี้มันควรจะทำอย่างไรต่อไป หันซ้ายหันขวาและคิดว่าอะไรที่ควรจะทำเมื่ออีกคนก็เอาแต่จับจ้องมาที่เขาจนใจเต้นรัวพลันใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
“รักจริงๆหรอ?” ช่างน่าตลกที่ถามย้ำอยู่แบบนี้ แต่ถ้าเป็นใครที่อยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันก็คงทำไม่ต่างจากคนหน้าหวานแน่นอน
“…ก็รัก...รักจนไม่เคยคิดว่าจะรักได้มากถึงขนาดนี้…”
…THE WIZARD…
** ครบแล้วนะคะ มีคำผิดต้องขอโทษด้วยค่ะ ^^
ไรท์เตอร์มักจะมีอารมณ์แต่งหลังเที่ยงคืนไปแล้ว 5555 มันเบลอ
ขอบคุณทุกความความเห็นนะคะ ซึ้งใจ และขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ :"D
ความคิดเห็น