คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ll ADOLESCENT 12 ll
ADOLESCENT 12
แกร๊ก!
เสียงกลอนประตูห้องน้ำที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาต้องหันไปมองเมื่อรู้ว่าคนในห้องน้ำคงจะอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่นั่นเพียงแค่หันไปหาอีกคนแล้วกำลังจะอ้าปากพูดภาพตรงหน้าก็ทำเอาใบ้กินไปเสียดื้อๆ เมื่อคนรักตัวเล็กที่ออกมาจากห้องน้ำเปลือยท่อนบนโดยพันผ้าขนหนูเฉพาะท่อนล่างเท่านั้น เผยให้เห็นผิวขาวเนียนสวยที่พราวไปด้วยหยาดน้ำเสริมสร้างเสน่ห์ให้กับอีกคนได้เป็นอย่างดี และนั่นมันก็ทำให้คนตัวสูงไม่สามารถละสายตาออกจากสิ่งที่ได้พบเห็นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“มองอะไร? หันไปเลย!” คำพูดคำจาแข็งกระด้างหากแต่ระคนไปด้วยความเคอะเขินของคนหน้าหวานทำให้คริสหลุดยิ้มออกมาได้ในทันที ไม่วายท่าทางเก้ๆกังๆนั้นก็โดนใจเขาเข้าเต็มๆ
“ไม่มองไม่ได้หรอก มันเตะตา”
“ทะลึ่ง!”
พูดแค่นั้นก็อมยิ้มมุมปากแล้วเสมองไปทางอื่น เลย์ไม่ได้อยากออกมาจากห้องน้ำในสภาพแบบนี้ หากแต่เสื้อผ้าตัวเก่ามันชื้นฝนจนไม่สามารถนำกลับมาใส่ใหม่ได้ จำเลยต้องออกมาโชว์ร่างกายชวนต้องตาให้อีกคนมันแทะโลมเล่น
“ขาวแฮะ”
“อะไรล่ะอู๋ฟาน? นายเลิกพูดไปเลยนะ ขอเสื้อผ้าด้วย จะให้ยืนแบบนี้อีกนานไหม?”
แขนเล็กยกขึ้นเท้าสะเอวข้างหนึ่ง มองคนรักตัวสูงที่เอาแต่จับจ้องเรือนร่างของเขาจนออกนอกหน้า แต่นั่นก็ทำอะไรได้ไม่มากเมื่อเพียงแค่ได้สบตากับอีกคนก็ทำเอาความเขินอายมันโหมเข้าใส่เสียแล้ว
คริสก็ไม่ได้สนใจจะฟังเสียงหวานที่เอ่ยติงเลยสักนิด ขายาวย่างสามขุมเข้าไปหาอีกคนเรื่อยๆทำเอาคนหน้าหวานต้องถอยกรูดไปข้างหลังด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะสวมกอดคนรักไว้แนบกายแน่นจนร่างเล็กนั้นหนีไปไหนอีกไม่ได้
“ถ้าไม่อยากเจอดีทีหลังก็อย่าออกมาในสภาพแบบนี้อีกนะ คิดว่าฉันจะทนได้ไหม?” คริสเลิกคิ้วถามคนรัก พลางส่งสายตาหวานเยิ้มจนคนในอ้อมกอดต้องหลุบสายตาหนีอย่างช่วยไม่ได้
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ? ก็บอกอยู่ว่าเสื้อผ้ามันเปียกน่ะ”
“ขอจูบหน่อยดิ”
เป็นอีกครั้งที่คริสไม่สนใจคำพูดของเลย์เลย หากแต่กลับขออะไรที่ทำเอาเลือดในกายเล็กสูบฉีดขึ้นมาได้ดีเลยทีเดียว
“ไม่เอา” ปฏิเสธคนรักไปเลย์ก็ยกมือเล็กดันแผ่นอกกว้างของอีกคนเป็นเชิงห้ามปราม
“ทำไมล่ะ?”
“ก...ก็นายป่วยอยู่ ฉันจะติดจากนายน่ะสิ”
“หาข้ออ้างไปทั่ว”
คนอย่างคริสไม่สนอยู่แล้ว มือหนาจัดการล็อคเอวเล็กให้เข้ามาแนบชิดกายเข้าไปอีก ส่วนอีกมือก็วางทาบไปบนเรียวหน้าสวยของคนรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเข้าไปกดจูบลุ่มลึกที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนธรรมชาติ ดูดเม้มแผ่วเบาพลางกดปลายคางมนของอีกคนเพื่อเปิดทางให้เขาเข้าไปควานหาความหอมหวานได้อย่างเต็มที่ กวาดกระหวัดทุกซอกทุกมุมจนร่างในอ้อมกอดถึงกับหมดเรี่ยวแรงพร้อมจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นได้ทุกเมื่อ แต่นั่นอ้อมแขนแกร่งก็คอยโอบประคองร่างของเลย์ไว้อยู่ตลอดเวลา
“อื้อ...พอแล้ว”
เมื่อกลีบปากอิ่มได้รับอิสระ ไม่นานคนรักตัวสูงก็ทำท่าว่าจะกดจูบลงมาอีกครั้ง เลย์จึงรีบเอ่ยห้ามทั้งที่ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดชัดเจน ทำเอาคนที่มองดูอยู่ก็ถึงกับอดใจไม่ไหวต้องกดปลายจมูกโด่งลงที่แก้มนิ่มพลันสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากโฟมล้างหน้าเข้าไปเสียฟอดใหญ่
“น่ารักแบบนี้อดห่วงไม่ได้เลยแฮะ”
สิ้นเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาก็ทำให้เลย์เขินอายอย่างถึงที่สุด ใบหน้าหวานรีบก้มงุดทันทีเพราะเวลาที่คริสพูดไม่ใช่แค่พูดธรรมดาหากแต่สายตาที่มองมามันฆ่ากันได้จริงๆ
“ขอใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมล่ะ? เริ่มหนาวแล้วเนี่ย”
“ไม่ต้องใส่หรอก”
“ทำไม?”
“เวลาอยู่บนเตียงจะได้ถอดง่ายๆไง”
สิ้นเสียงทุ้มเลย์ก็ส่งกำปั้นเล็กไปทุบเข้าที่ต้นแขนแกร่งของอีกคนอย่างจัง เอาเถอะว่าในสมองของคริสมีแต่เรื่องอย่างว่าเสมอ แล้วอย่างนี้จะให้เลย์ไว้ใจได้ยังไง
“มั่นใจนะว่าป่วยอยู่น่ะ ปากดีโคตร!”
เสียงหวานบ่นค่อนขอดเสียยกใหญ่ เหลือบม่านตากลมขึ้นจ้องเขม่นคนที่ตัวสูงกว่าก็เบะปากเล็กน้อยแล้วค่อยๆผละออกจากการกอดรัด เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าให้ออกกว้างเพื่อหาเครื่องแต่งกายมาสวมใส่โดยไม่ได้เอ่ยขอเจ้าของห้องก่อนเลยแม้แต่นิด ก็มัวแต่จะขออนุญาตอีกคนคงเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปอีกหลายชั่วโมง เพราะคริสน่ะลีลาเยอะยิ่งกว่าอะไรดี
“ที่ห้องมีกล่องพยาบาลหรือเปล่า? ฉันจะทำแผลให้” เลย์ที่กำลังวุ่นอยู่กับการเลือกเสื้อผ้าในตู้ของคนรักอยู่เอ่ยถาม
“ไม่มีอ่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปขอยืมลู่หานให้”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปยืมเอง นายรีบแต่งตัวเถอะก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว” พูดแค่นั้นร่างสูงโปร่งก็เดินยิ้มกริ่มออกไปจากห้อง ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้นต้องมองตามพลางจิ๊ปากด้วยความหมั่นไส้ อยู่กับคริสที่ไรภัยมาถึงตัวทุกที
เมื่อแต่งตัวเสร็จสับเลย์ก็เดินมานั่งหย่อนกายลงที่โซฟาเพื่อรอคริสกลับมาที่ห้อง แต่นั่นมันกลับนานกว่าที่คิดเพราะเวลาล่วงเลยผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว อยากจะตามไปดูที่ห้องของลู่หานแต่นั่นก็เพิ่งจะนึกได้ว่ามันคงไม่ดีแน่ถ้าเพื่อนรักตัวเล็กได้รู้ว่าเขามานอนกับคริสที่นี่ รายนั้นน่ะขี้แซวจะตายไป
“ทำไมไปนานจัง?”
ใบหน้าหวานงองุ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นได้ว่าคริสเพิ่งจะเดินกลับเข้ามาพร้อมกับกล่องพยาบาลในมือ เขารอนานจนจะหลับได้เป็นตื่น แต่นั่นอีกคนกลับไปอยู่ห้องของลู่หานจนหลงลืมไปว่าเขามาอยู่ด้วยที่นี่
“งอนหรอ?”
“เหอะ! สำคัญตัวเองผิดไปไหม?”
คำพูดตรงข้ามกับหัวใจของคนตัวเล็กทำให้คริสต้องหลุดยิ้ม แสดงออกขนาดนั้นยังจะมาปฏิเสธอีก
“เลิกงอนนะ ฉันคุยกับลู่หานเรื่องของเซฮุนน่ะ พอดีไอ้ฮุนมันไม่ติดต่อกลับมาหาลู่หานเลย เขาเลยกังวลนิดหน่อย”
“แล้วลู่หานเป็นไงบ้างอ่ะ?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิท ก็ในเมื่อลู่หานเพิ่งจะมาขอคำปรึกษาจากเขาเรื่องของเซฮุนเมื่อกลางวันนี้เอง แต่นั่นเขากลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
“ก็โอเคแล้วไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไอ้ฮุนไม่ทิ้งเพื่อนนายหรอกน่า”
คริสพูดแค่นั้นก็เดินเข้าไปนั่งข้างคนตัวเล็กที่โซฟา ก่อนจะวางกล่องพยาบาลที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะแล้วยื่นใบหน้าหล่อเหลาที่แต่งแต้มไปด้วยรอยแผลเข้าไปหาอีกคนทำเอาเลย์ถึงกับผงะด้วยความตกใจ
“เห้ย! เอาหน้าออกไปอีก”
“อ่าว ก็ไหนจะทำแผล?” คนตัวสูงเอ่ยถามหน้าตาย ทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่นั่นเขากลับจงใจที่จะแกล้งอีกคนเต็มที่
“ออกไปเลยไป” พูดเสร็จเลย์ก็ส่งนิ้วชี้เข้าไปจิ้มที่หน้าผากได้รูปของอีกคน ออกแรงดันนิดๆให้ออกไปห่าง เหลือบมองใบหน้าคมแวบนึงก็ก้มหน้าก้มตาควานหาสำลีกับยาฆ่าเชื้อในกล่องพยาบาล
คริสนั่งมองคนรักตัวเล็กที่กำลังวุ่นอยู่กับกล่องพยาบาลก็ถึงกับนึกขัน ท่าทางเงอะงะแบบนั้นมันบ่งบอกได้ดีว่าเลย์ไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร เชื่อแล้วว่าตัวเองคงเป็นคนสำคัญ แต่นั่นทนดูต่อไปไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าวันนี้อีกคนจะทำแผลให้เขาเสร็จสักทีไหม
“อันไหนคือยาฆ่าเชื้อหรอ?” ว่าแล้วไงเดาผิดเสียที่ไหน เลย์ก็ยังคงยกมือขึ้นเกาหัวแบบมึนงงว่าขวดไหนกันแน่มันคือสิ่งที่เขาต้องการ
เห็นแบบนั้นคริสจึงเอื้อมไปหยิบเจ้าขวดแก้วสีใสที่บรรจุน้ำสีฟ้าอยู่ด้านในส่งไปให้เลย์ ก่อนอีกคนจะรับมันมาถือไว้แล้วเปิดขวดออกพลางจุ่มสำลีลงไป แล้วค่อยๆบรรจุแตะเข้าที่หางคิ้วที่เป็นแผลของคริสให้อย่างเบามือที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันทำเองดีกว่า”
คริสกุมข้อมือของอีกคนที่กำลังทำแผลให้เขาอย่างคนที่ไม่เคยก็อดจะเอ็นดูเสียไม่ได้ รอยยิ้มละมุนถูกส่งไปให้ทำเอาคนตัวเล็กตรงหน้าพวงแก้มขึ้นสีน่ารักเลยเชียว
“ไม่เอา ฉันจะทำให้” และนั่นเลย์ก็ยังคงดื้อดึงยืนยันว่าจะทำแผลให้อีกคนเหมือนเดิม
“ดูก็รู้ว่านายทำมันไม่เป็นน่ะอี้ชิง”
“แต่ฉันอยากดูแลนายมันผิดด้วยหรือไง”
ม่านตากลมสบมองเข้ากับนัยน์ตาสีนิลด้วยความจริงจัง เบะปากเล็กน้อยพลางใบหน้าหวานก็ยู่เข้าหากันคล้ายน้อยอกน้อยใจ ถึงจะทำแผลให้คริสไม่เป็นแต่นั่นเลย์ก็ทำมันด้วยหัวใจล้วนๆ
“ทำหน้าที่แฟนที่ดีใช่ไหม? ยอมแล้วก็ได้” คริสยกมือทั้งสองขึ้นชูข้างลำตัวเป็นเชิงยอมแพ้ให้เลย์ทำแผลให้เขาแต่โดยดี เจอคำพูดจริงใจกับใบหน้าที่แสดงอาการน่ารักแบบนี้เข้าไปทำเอาหัวใจพองโตจนแทบปริแตกก็ไม่ปราน
เลย์ไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเอาแต่อมยิ้มท่าเดียวเมื่อเห็นอีกคนยินยอม ค่อยๆประณีตทำแผลที่หางคิ้วได้รูปให้คนรักก็ตั้งใจมันเต็มที่ทำเอาคริสหลุดยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้าหวานที่จริงจัง ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มเนียนขาว ทุกอย่างคริสไม่ต้องเอ่ยปากถามว่าอีกคนเป็นห่วงเขาแค่ไหน เพราะเลย์แสดงมันออกมาหมดทุกอย่างแล้ว เรารักกันนั่นคือสิ่งที่คริสเข้าใจ
ไม่ได้รู้ตัวใบหน้าหล่อก็โน้มเข้าไปหาอีกคนจนเหลือเพียงลมหายใจกั้น เลย์เองที่ดูจะตกใจในตอนแรกก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร มือบางทำแผลให้คนรักเสร็จก็ปล่อยมันไว้ข้างลำตัว ก่อนจะนั่งนิ่งๆแล้วให้คนตัวสูงจุมพิตที่ริมฝีปากให้อย่างแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะโวยวาย แต่นั่นรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงคริสคงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ รู้งานก็เผยอปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปล้อเล่นกันในโพรงปาก พลันหลับตาพริ้มซึมซับทุกอยาดหยดที่อีกคนมอบให้อย่างเต็มใจ ไม่จำเป็นต้องเล่นตัวอีกแล้ว เพราะตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของคริสก็คือเลย์แต่เพียงผู้เดียว
“ไม่ห้ามฉันเลยหรอ? ไม่ห้ามไม่หยุดนะ”
ไม่พูดเปล่ามือหนายังจัดการสอดเข้าไปในสาบเสื้อตัวบางที่อีกคนสวมใส่ แตะสัมผัสที่เอวขอดจนร่างเล็กนั้นสะดุ้งน้อยๆอย่างน่ารักชวนเร่งรัดขั้นตอนเสียเหลือเกิน แต่นั่นคริสจะไม่ฝืนอีกคนหรอก รักมากเขาก็ยิ่งอยากจะทะนุถนอมคนตัวเล็กให้มากที่สุด
“ให้แค่นี้ไง เอามือออกไปเดี๋ยวนี้”
คริสแทบอยากจะนึกงอนเมื่อคนหน้าหวานที่ยอมกันเมื่อครู่ง่ายๆหากแต่ตอนนี้เปลี่ยนอารมณ์จนตามไม่ทัน และนั่นเขาจะทำอะไรได้นะหรือ ก็ยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็กของอีกคนแต่โดยดีนะสิ กลัวเมียนะบอกเลย
“เห็นไม่ต่อต้านเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะยอม” คริสถอยห่างจากอีกคนเล็กน้อยก็วาดแขนสอดประสานกันขึ้นแนบอกแล้วเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาทำหน้าตาบูดบึ้ง
“นายมันขี้โกง” ใช่! คริสขี้โกงที่สุดเลย ทุกครั้งก็ได้เปรียบเขาอยู่ตลอด ตอนนี้งอนเป็นตุ๊ดไปได้
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรนายสักหน่อยอี้ชิง ขอนิดเดียวก็ไม่ได้อ่ะ”
“ทำอะไรที่ว่า ม...มันคืออะไร?” ใบหน้าหวานหันขวับไปมองอีกคนพลางขมวดคิ้วมุ่น พูดให้มันดีๆนะไม่งั้นเจอดีแน่
“เปล่าหรอก แค่จะบอกว่าฉันน่ะรับผิดชอบนะ”
“บ้า! พูดให้มันเคลียร์ๆนะเว้ย!”
ใบหน้าหวานเบือนหนีไปอีกทางเมื่ออีกคนอยู่ๆก็ชอบพูดอะไรชวนเลี่ยนตลอด แต่นั่นไม่ได้ไม่รู้หรอกนะว่าคริสหมายถึงอะไร เลย์ก็แค่ไม่อยากยอมรับความจริงเท่านั้นเอง
“อ่าว แล้วฉันพูดไม่เคลียร์ตรงไหนหรอ? ก็รักอี้ชิงไง รักหมดหัวใจเลยเนี่ย ฉันทำอะไรไปฉันรับผิดชอบนายเสมอนะ”
สิ้นเสียงทุ้มใบหน้าหวานของคนที่ได้ฟังคำพูดชวนปริ่มหัวใจก็เห่อแดงขึ้นจนปิดไว้ไม่อยู่ พวงแก้มนิ่มกำลังบ่งบอกชัดเจนว่าเขินคำพูดของคริสมากขนาดไหน อยากจะยิ้มใจจะขาดแต่ขอฟอร์มหน่อยได้ไหมล่ะ รักเหมือนกันนั่นแหละแต่มันพูดกันง่ายๆนักหรือไง เลย์เป็นพวกหน้าไม่หนาพอนะจะได้อยากพูดคำว่ารักตอนไหนก็พูดได้อย่างไม่อายปาก เขาอายเกินกว่าจะพูดมันออกมาตรงๆให้คนตัวสูงได้ฟัง
“อ...เอ้อ! อาการป่วยนายเป็นยังไงบ้าง ทานยาไหม ตัวหายร้อนรึยัง?”
เลย์รีบเปลี่ยนเรื่องหนีทันทีเมื่อรู้ได้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขามันร้อนผ่าวจนลามไปถึงใบหู ก้อนเนื้อในอกซ้ายมันแทบจะระเบิดออกมาเมื่อคำพูดของคริสทำให้เขาไม่อาจทนต่อความดีใจอีกต่อไปได้
“ไม่รู้ว่าตัวหายร้อนหรือยัง? ลองวัดดูดิ”
พูดเสร็จมือหนาก็ส่งไปวางบนลาดไหล่เล็กทั้งสองข้างของเลย์ กระชับให้มั่นก่อนจะส่งหน้าผากได้รูปของตัวเองเข้าไปแนบกับหน้าผากบางของอีกคน จนทุกอย่างมันแน่นิ่งเหมือนเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน
เลย์ไร้เรี่ยวแรงสิ้นหมดทุกอย่างเมื่อคริสลูกเล่นเยอะมากจริงๆ ใบหน้าของเขาและคริสอยู่ใกล้กันจนมันรับรู้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของกันและกัน ลมหายใจร้อนระอุเพราะฤทธิ์ไข้มันทำให้สมองของเขาขาวโพลน โลกพลันหยุดหมุนเมื่อคนตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักได้ทุกวินาที ทำให้เขารักจนมอบหัวใจไปให้ทั้งดวง ไม่วายยังมีอิทธิพลกับเขาในทุกๆเรื่องอีกด้วย
“เป็นไง? ตัวฉันร้อนไหม?”
เอ่ยแค่นั้นปลายจมูกโด่งก็เปลี่ยนทิศทางไปคลอเคลียที่ข้างแก้มนิ่มขึ้นสีระเรื่ออ่อนของคนตัวเล็ก ค้างไว้อยู่แบบนั้นจนพอใจแต่ก็ไม่ได้ผละออกเลยสักนิด สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆชวนกระตุ้นหัวใจ หายป่วยเป็นปลิดทิ้งเมื่อมียาดีช่วยรักษา ยาที่ว่าไม่ได้เป็นเม็ดหากแต่เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ
“อื้อ... เอาหน้าออกไปได้แล้ว”
“ก็นายอยากรู้ไม่ใช่หรอว่าฉันหายป่วยหรือยัง?”
“ก...ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยหนิ”
เสียงหวานอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด คำพูดคำจาที่ติดจะแข็งกระด้างหากแต่ตอนนี้มันทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน แสดงความน่ารักออกมาได้อย่างเต็มที่ ก้มมองมือตัวเองก็อมยิ้มอยู่อย่างนั้นจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกคน เชื่อแล้วว่าเขาคงจะรักคริสหมดทั้งหัวใจแล้วล่ะ
“อี้ชิง...รักนะ รักมากจริงๆ” เสียงทุ้มเอ่ยผะแผ่วข้างใบหูสวย ทำเอาคนถูกสารภาพเขินม้วนชวนส่งริมฝีปากเข้าไปกดจูบอีกครั้ง โทษฐานน่ารักเกินไป
“อ...อืม...ก็รัก”
“อะไรนะ?” เชื่อดีไหมว่าคริสไม่ได้ยิน คริสขอแกล้งไม่ได้ยินมันแล้วกัน
“ก็รักอู๋ฟานไง”
ถึงแม้ปลายประโยคจะแผ่วเบาเรื่อยๆ แต่นั่นคริสกลับได้ยินมันดังกึกก้องอยู่ในหัวใจตลอดเวลา คำพูดทุกคำของเลย์มันมีความหมาย ทุกการกระทำที่เลย์มอบให้เขาทุกๆอย่างมันออกมาจากหัวใจ ถึงแม้ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกดีกับคริสแค่ไหน ผลสุดท้ายคนที่เลย์รักก็เป็นคริสเสมอมาและตลอดไป
“อี้ชิง ได้โปรดอยู่เคียงข้างฉันนะ เพราะต่อจากนี้ลมหายใจของฉันจะมีไว้เพื่อนายเพียงคนเดียว”
“เพ้ออะไรไม่ทราบ!”
“อ่าว ฉันพูดจริงๆนะ”
…ADOLESCENT…
กายสูงที่นอนแผ่หราอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องนอนอันมืดมิดถึงกับสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงดังโหวกเหวกโวยวายยังชั้นล่างของบ้านทำเอาเขานึกรำคาญ ยกมือขึ้นปิดหูก็แล้ว เอาหมอนกดทับก็แล้วหากแต่เสียงทะเลาะวิวาทของคนเป็นพ่อแม่ก็ยังลอยเข้ามาในโสตประสาทอยู่ดี
เซฮุนไม่สามารถทนฟังสิ่งแบบนี้ได้ทุกวี่ทุกวันหรอกนะ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเขากลับมาอยู่ที่บ้านมันก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด วันนี้เป็นวันเสาร์มันควรเป็นเวลาที่มีค่าสำหรับการพักผ่อนของเขา แต่นั่นทุกอย่างมันก็เหมือนฝันร้ายเพราะจิตใจของเขามันช่างห่อเหี่ยวยิ่งกว่าอะไรดี
“เมื่อไรเรื่องแบบนี้จะจบวะ” พูดแค่นั้นมือหนาก็เอื้อมไปหยิบไอพอดนาโนเครื่องสีดำข้างหัวเตียงมาถือไว้ ยัดหูฟังเข้ากับหูทั้งสองข้างพลันกดเพลย์ให้เพลงมันบรรเลงอย่างดังที่สุด
ทุกอย่างทำท่าเหมือนว่าจะดีขึ้น หากแต่ต่อให้เขาเปิดเพลงกระแทกเข้าโสตประสาทดังแค่ไหนแต่เสียงทะเลาะกันของพ่อกับแม่ที่ไม่เคยเหลียวแลเขาเลยก็ดังเข้ามาก่อกวนอยู่ดี ทำอะไรไม่ได้ก็ยอมนอนแน่นิ่งฟังเสียงนั้นมันทั้งน้ำตา เซฮุนอ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างมันทำให้เขาไม่อยากจะอยู่ในบ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว
ได้นอนหลับไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เสียงโวยวายเงียบหายไป เซฮุนก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์เครื่องหรูเตือนเสียงเรียกเข้าของเพื่อนสนิท ก่อนมือหนาจะกดรับทันทีในอาการที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“เออไอ้คริส มีไรวะ?”
“มึงอยู่บ้านหรือเปล่าไอ้ฮุน?”
“อยู่ๆ แต่วันนี้จะอยู่เป็นวันสุดท้ายละ”
เซฮุนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเขาจะย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพัก เขาเบื่อครอบครัวจอมปลอมและไม่มีความสุขแบบนี้ ไม่ยอมไปเรียน ทั้งยังเอาแต่เที่ยวเตร่ แต่นั่นคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
“มึงจะไปไหน มึงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?” คริสเอ่ยถามด้วยความสงสัย ได้คุยกับลู่หานมาแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเซฮุนคงมีเรื่องไม่สบายใจถึงเอาแต่เงียบหายไปแบบนี้
“กูว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัดสักพัก”
“แล้วมึงไม่เรียนหรอวะ? ลู่หานอีกล่ะ”
เพียงแค่ได้ยินชื่อคนรักเซฮุนก็ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ แน่นอนว่าเขารักลู่หาน แต่นั่นลู่หานจะเอาชีวิตมาฝากไว้กับคนไร้อนาคตอย่างเขาหรือ อีกหน่อยถ้าพ่อกับแม่แยกทางกันเขาคงจะเป็นใครสักคนที่ถูกทอดทิ้งก็เป็นได้
“กู....”
“มึงมีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกกูวะเซฮุน กูเป็นเพื่อนมึงไหม? ไอ้แบค ไอ้จงอินอีกล่ะ มึงอย่าคิดว่ามึงอยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ดิ เพื่อนมึงมีไว้ทำห่าอะไรครับ เห็นพวกกูเป็นอากาศหรือยังไง?” คริสตำหนิเพื่อนรักเสียยกใหญ่ เซฮุนไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่ที่นึกโมโหที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่เซฮุนมองข้ามความหวังดีของเขาไป
“กูขอบคุณมึงนะเว้ย แต่กูแค่อยากหนีปัญหาบางอย่าง”
“ปัญหาเหี้ยอะไรของมึง มันใหญ่ขนาดมึงต้องหนีไปอยู่ที่อื่นเลยหรอวะ?”
“พ่อกับแม่กูกลับมาอยู่ที่บ้านน่ะ กูเลยจะไปอยู่ที่อื่นสักพัก มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กูกลับไปเรียนแน่ๆ ขอแค่อาทิตย์เดียวเอง”
“มึงนี่นะจริงๆเลย แล้วลู่หานล่ะ?”
“กูไม่รู้ว่ะ กูแค่ไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของกู”
“เออ ตามใจมึงแล้วกัน มีอะไรโทรหากูนะ”
คริสเข้าใจเซฮุนดี เรื่องราวของคนเป็นพ่อและแม่ของเพื่อนรักนั้นเขาก็ได้รับรู้มาไม่น้อย ครอบครัวของเราทั้งสองมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่แค่นิดเดียว ส่วนเรื่องอื่นก็เหมือนไปหมดซะทุกอย่าง ที่ว่าแตกต่างคงจะเป็นพ่อแม่ของเซฮุนที่ไม่คิดจะเหลียวแล ส่วนพ่อกับแม่ของเขาพยายามจะเหลียวแลหากแต่ต่างคนต่างไม่มีเวลาก็เท่านั้น
หลังจากวางสายจากเพื่อนสนิทได้ไม่นาน เพียงไม่ถึงวินาทีใครอีกคนก็โทรเข้ามาพอดี คนที่เขารัก และเป็นคนรักของเขา เซฮุนชั่งใจอยู่นานว่าจะรับสายดีไหม อดเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคนไม่ได้ว่าตอนนี้จะเป็นห่วงเขามากขนาดไหน แต่นั่นเซฮุนกลับเลือกที่จะไม่รับมัน เขาเอาแต่นั่งจ้องไอ้จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าที่สั่นเตือนไม่หยุดหย่อน ก่อนจะตัดสินใจเดินหนีแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมจัดการทุกอย่างแล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปจากเมืองหลวงทันที
เซฮุนขับรถเข้ามาจอดที่บ้านหลังเล็กแห่งหนึ่งแถวเชิงเขาที่อากาศปลอดโปร่ง ถึงนี่จะสายมากแล้วหากแต่หมอกควันสีขาวและน้ำค้างพราวใสก็ยังไม่สลายหายไป ส่งผลให้เด็กหนุ่มถึงกับสบายใจขึ้นมาได้อีกนิด อย่างน้อยที่นี่ก็คงจะเป็นที่ที่สงบที่สุด สถานที่ของคุณยายเขาที่มอบให้ไว้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต
ขาวยาวพาร่างของตัวเองให้เดินเข้าไปภายในตัวบ้านที่นานมากแล้วไม่ได้มาเยือน ก่อนจะจัดการกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่หอบสัมภาระมาด้วย หย่อนกายนั่งลงที่โซฟาก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลับตานึกถึงเรื่องราวของคนเป็นพ่อและแม่ก็ช่างเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเพราะการเดินทางที่หลายชั่วโมง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างสูงโปร่งที่หลับใหลอยู่บนโซฟาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูให้กับผู้มาใหม่ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายแขกผู้มาเยือนหน้าประตูบ้าน ขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดพลางนึกว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใคร ก่อนจะยกยิ้มเมื่อนึกได้ว่าหญิงชราที่ยืนอยู่เป็นเพื่อนบ้านของคุณยายเขานั่นเอง
“มาอยู่ที่นี่หรอหนู?” เสียงแหบพร่าสมวัยเอ่ยถามเซฮุน ก่อนเธอจะยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างนึกเอ็นดู
“ครับ มาอยู่แค่อาทิตย์เดียวครับ”
“อ้อ ยายแค่มาทักทายเฉยๆ บ้านนี้ไม่มีคนมาอยู่นานแล้ว หนูเป็นหลานของเยรินใช่ไหม?”
“ครับ ผมเป็นหลานท่าน”
เยรินคือชื่อของคุณยายเซฮุน และนั่นหญิงชราก็คงรู้ได้ว่าเขาเป็นใครถึงได้มาทักทายกันถึงที่นี่
“ถ้างั้นยายไปก่อนนะ มีอะไรก็เรียกได้เลยนะหลาน บ้านข้างๆนั่นแหละ”
“ครับ ขอบคุณที่มาหานะครับ”
หัวทุยโค้งให้กับคุณยายวัยชราตรงหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนร่างกายสูงโปร่งจะเดินกลับเข้ามาภายในตัวบ้านอีกครั้ง ทำท่าจะล้มตัวลงนอนที่โซฟาแต่นั่นเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมากลับเรียกให้ร่างกายของเขาต้องชะงักงัน หรือคุณยายท่านจะลืมอะไรหรือเปล่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
คนหน้าบ้านของเขาดูท่าว่าจะเร่งรีบ เคาะประตูเร่งเร้าให้เซฮุนรีบเดินไปเปิดจนประตูแทบจะพัง ไม่รู้มีเรื่องด่วนมาหรือยังไง ประตูบ้านคนอื่นเขาพังไม่ทราบว่าจะซื้อใช้คืนใหม่หรือเปล่า
“คิดจะหนีกันหรือไง ห๊ะ?”
เพียงแต่เปิดประตูออกไปพบเจอใบหน้าน่ารักของใครอีกคน เซฮุนก็นิ่งค้างเป็นหินไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบดึงประตูบ้านให้ปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่ทันคนตัวเล็กอารมณ์ร้อนที่เร็วกว่า ลู่หานรีบแทรกตัวเข้ามาผ่านประตูทันทีก่อนที่เซฮุนจะปิดมัน และนั่นการกระทำของเซฮุนก็ทำเอาลู่หานของขึ้นเป็นอย่างมาก
“นายมาทำไม?” เซฮุนเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการบางอย่าง
“นายนั่นแหละหนีฉันมาทำไม?” อกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วง อุตสาห์ตามเซฮุนมาถึงที่นี่แต่ดูอีกคนถามเข้าสิ มันน่าโมโหชะมัด
“นายกลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” พูดแค่นั้นร่างสูงโปร่งก็เดินหันหลังหนีลู่หานไป ทำให้คนตัวเล็กต้องเดินตามไปแล้วยื้อแขนแกร่งให้กลับมาคุยกันดีๆ
“นี่นายได้ฉันแล้วก็คิดจะทิ้งกันไปใช่ไหม?”
“พูดอะไรน่ะลู่หาน ไม่น่ารักเลยนะ” เซฮุนถึงกับตกใจเมื่อได้ยินลู่หานพูดแบบนั้น อีกคนทำเหมือนเขาเป็นพวกไม่รับผิดชอบอย่างนั้นแหละ แต่นั่นมันอาจจะจริง เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเห็นแก้ตัวขึ้นมานิดๆแล้ว
“ฉันทำอะไรผิดหรอเซฮุน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ฉันมันหมดความสำคัญแล้วหรือยังไง?”
นัยน์ตากลมคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำสีใสยามคนตัวสูงที่พ่วงตำแหน่งคนรักทำเมินเฉยใส่กันโดยไม่คิดจะสนใจเขาเลย ลู่หานไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด อยู่ๆอีกคนก็หนีหายไปแล้วไม่คิดจะติดต่อกันจนทำเขาเป็นห่วงทั้งยังเป็นกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“นายไม่ผิดหรอก ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวในตอนนี้ กลับไปเถอะลู่หาน”
“ไม่กลับ!” ลู่หานตอบเสียงแข็ง รู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดชวนปวดหนึบที่หัวใจจากอีกคน
“เฮ้อ! ก็ตามใจ” พูดแค่นั้นเซฮุนก็ตีหน้านิ่งแกะมือเล็กออกจากการกอบกุมแล้วกลับไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดิม ทิ้งให้คนน่ารักยืนมองด้วยความหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด
ลู่หานเดินกระแทกเท้าตึงตังไปนั่งหย่อนกายลงข้างๆเซฮุน ใบหน้าน่ารักงองุ้มน้อยใจอย่างชัดเจน ไม่มีบทสนทนาใดๆเล็ดลอดออกมาจากคนทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างเงียบงันจนน่าอึดอัด และมันก็เป็นแบบนั้นอยู่เกือบร่วมชั่วโมงโดยที่เซฮุนก็ยังคงไม่คิดจะสนใจลู่หานอยู่เหมือนเดิม
“ถ้าไม่รักกันก็บอกมาตรงๆ ทำให้ฉันเชื่อใจ ทำให้ฉันรัก สุดท้ายนายมันก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆนั่นแหละ ฮึก... ฉันคงง่ายเกินไป ปล่อยตัวปล่อยใจ ยอมโง่ให้นายหลอกมาตั้งนาน ...”
พูดแค่นั้นลู่หานก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมดความอดทนเมื่อไม่สามารถทำตัวด้านชาเหมือนเซฮุนได้ หันหลังให้อีกคนที่เมินเฉยต่อกันแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมทั้งน้ำตา ความน้อยอกน้อยใจมันโถมเข้าใส่ทำเอาร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด เขารักเซฮุนมาก และคิดว่าอีกคนก็คงจะรักเขามากเหมือนกัน แต่นั่นเหมือนที่ผ่านมาเขาจะคิดไปเองฝ่ายเดียว เพราะทางของเซฮุนมันไม่เคยจะเห็นเขาเป็นคนสำคัญเลย เขาตามมาหาถึงที่นี่แต่นั่นอะไรๆก็ไม่ดีขึ้นสักอย่าง แล้วจะทำอะไรได้น่ะหรือ ปล่อยให้น้ำตามันไหลเย้ยความโง่ไปอย่างสะใจน่ะสิ
เซฮุนที่ได้ฟังคำพูดของอีกคนก็ถึงกับเจ็บปวดที่หัวใจ นั่งนิ่งอยู่ได้ไม่นานเห็นคนตัวเล็กเดินหนีไปแบบนั้นเขาก็ทำใจเมินเฉยอีกไม่ได้ ลู่หานกำลังเข้าใจเขาผิด บางทีเขาอาจจะดีใจถ้าลู่หานเข้าใจผิดแบบนั้นเพราะอีกคนจะได้ตัดใจจากเขาง่ายขึ้น หากแต่หัวใจของเขามันแคร์ลู่หานมากเกินไป เขาทำไม่ได้ถ้าจะปล่อยมืออีกคนไปทั้งๆที่คนน่ารักคนนั้นยอมหอบหัวใจมาหาเขาถึงที่นี่
“เดี๋ยวก่อนลู่หาน!”
เดินเข้าไปประชิดตัวอีกคนเซฮุนก็โผเข้ากอดร่างเล็กจากทางด้านหลังพลางกระชับไว้แน่นทันที เพียงแค่ได้สัมผัสร่างของอีกคนทุกอย่างก็ดูจะมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ มอบจุมพิตให้พวงแก้มอมชมพูที่อาบไปด้วยน้ำตาก็แนบใบหน้าไปกับลาดไหล่เล็กเพื่อพักพิง
“ตามมาทำไม? ฮึก... เลิกล้อเล่นได้แล้วเซฮุน” พูดไปก็ปาดน้ำตาไป ลู่หานพยายามแกะมือแกร่งของคนด้านหลังที่โอบกอดรอบเอวเขาอยู่ให้ออกห่าง แต่นั่นมันก็ไม่เป็นผลเลยสักนิดเมื่อแรงที่มีกลับต่อต้านอะไรเซฮุนไม่ได้เลย
“ฉันกำลังมีปัญหา แค่ไม่อยากให้นายเดือดร้อน” ในที่สุดเซฮุนก็พูด เขาไม่อยากให้ลู่หานต้องเข้าใจเขาแบบผิดๆอีกต่อไป
“นายเห็นฉันเป็นคนอื่นหรือไง? ฉันเป็นแฟนนายนะเซฮุน ฮึก...”
“ก็เพราะเป็นคนที่รักมาก ฉันถึงไม่อยากทำให้เดือดร้อน”
“ฉันก็รักนาย แล้วจะให้ฉันนิ่งดูดายอยู่ได้ยังไง”
พูดแค่นั้นลู่หานก็ก้มหน้าร้องไห้โฮอีกครั้ง ร่างกายบางในอ้อมกอดของเซฮุนกำลังสั่นเทาจนน่าสงสาร เห็นดังนั้นมือหนาจึงจัดการหมุนตัวของอีกคนให้หันมาประจันหน้ากันตรงๆ เกลี่ยหยาดน้ำสีใสที่ไหลอาบข้างแก้มให้ก็จูบซับที่หน้าผากบางไปอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงร่างเล็กนั้นเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกดหัวทุยให้จมหายไปกับอกแกร่งอบอุ่นของเขา
“ขอโทษนะ ฉันเข้าใจนายแล้วลู่หาน”
เซฮุนผละอ้อมกอดออกจากอีกคนได้ก็โน้มใบหน้าหล่อเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากเคลือบใสของอีกคน ก่อนคนที่ถูกกระทำจะช้อนม่านตาขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
มือหนาออกแรงจูงมือเล็กของคนน่ารักให้เดินตามเข้ามาในบ้าน พาไปยังโซฟาตัวเดิมไม่รอช้าก็กดอีกคนในนอนราบไปกับโซฟาเนื้อดีในทันที ขึ้นคร่อมกายเล็กพลางส่งริมฝีปากเข้าไปกดจูบแผ่วเบาที่ซอกคอขาวทำเอาคนใต้ร่างต้องหดคอหนีด้วยความวูบหวาม เลิกเสื้อยืดตัวบางที่อีกคนสวมใส่ขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียน ในขณะที่เรียวปากได้รูปก็พรมจูบทำหน้าที่ไม่ให้ขาดช่วง ส่งมือไปกดคลึงที่ติ่งไตเม็ดสวยทำเอาคนรักครางเสียงหลงไม่ได้ศัพย์ เซฮุนให้ตอนนี้กำลังทำให้ลู่หานไม่เข้าใจกับการกระทำเลยสักนิด แต่นั่นลู่หานกลับทำอะไรไม่ได้เลยเมื่ออีกคนมันบิ้วอารมณ์ของเขาจนแทบจะตะเลิดเปิดเปิง
“อ...อ๊ะ เซฮุน อื้อ..หยุดก่อน!” มือเล็กส่งไปห้ามอีกคนเมื่อดูท่าว่าเซฮุนไม่คิดจะหยุดแน่ๆ ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าอีกคนต้องการอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมมีอะไรถึงไม่พูดมันออกมา
“ช่วยทำให้ฉันลืมเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาหน่อยได้ไหมลู่หาน?”
สิ้นเสียงทุ้มผะแผ่วกระซิบข้างริมฝีปากลู่หานก็ดูท่าว่าจะเข้าใจ ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม ดูชั่งใจอยู่ชั่วครู่หากแต่นั่นก็ไม่ได้ต่อต้าน ซ้ำยังรั้งท้ายทอยแกร่งของคนด้านบนให้โน้มลงมาหาก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มสานต่อจนอีกคนพอใจ ก็ยอมมาหาถึงที่นี่แล้วหนิ ถ้าอะไรที่ทำให้เซฮุนสบายใจ ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ แน่นอนว่าลู่หานที่รักเซฮุนมากย่อมยอมได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
…ADOLESCENT…
*** มันสั้นใช่ไหม? สั้นไปหรือเปล่า ><
จริงๆว่าจะต่อตอนของคริสเลย์เข้าไปเพิ่ม แต่ไว้เป็นตอนหน้าดีกว่า คริคริ ^^
ไม่คลุมเครือนะคะนะ อี้ชิงเป็นเจ้าของพี่คริส >////<
ส่วนฮุนหานแอบค้างใช่ไหม? ไรท์รู้ว่าทุกคนต้องบอกแบบนั้น 555555555
ความคิดเห็น