คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ll ERROR ll CHAPTER 1
ERROR
CHAPTER 1
เนื่องจากฟิคโดนแบน จึงมีกติกาการอ่านเอ็นซีค่ะ
ไรท์ปรับเนื้อหาบางส่วนเพื่อให้เหมาะสม อาจไม่ถึงอรรถรสก็ว่ากันไปตามน้ำเนอะ
:: กติกาการอ่านเอ็นซี ::
เข้าทวิต RedburryCk
กดที่ Favorites จะเจอโพสแล้วดาวน์โหลดค่ะ
ปล.รหัสคือวันเดือนปีเกิดอี้ชิง 8 ตัวนะคะ
“ลู่หาน! นั่นนายจะไปไหนมันดึกมากแล้วนะ?”
เสียงหวานเจืออ่อนโยนเอ่ยถามน้องชายต่างมารดาด้วยความเป็นห่วง บางทีเขาควรจะชินกับมันได้แล้ว เพราะน้องชายตัวดีมักจะทำอะไรตามใจและเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเคยฟังกันเสียที่ไหน
“ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องได้ไหมอี้ชิง เป็นแม่ฉันรึไง?”
ลู่หานกระแทกเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด ก็รู้ว่าเขาเองเป็นแบบนี้แล้วทำไมอี้ชิงยังยอมเสียเวลาตามบ่นตามห้ามได้ทุกวัน นั่นทำให้ลู่หานนึกรำคาญทั้งยังเบื่อหน่ายจนปล่อยโทสะให้เข้าครอบงำอยู่ร่ำไป
“ก็ไม่ได้อยากจะยุ่ง แต่นายต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว”
“เออรู้! มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมฉันนัดเพื่อนไว้สายแล้วด้วย! อีกอย่างไม่ต้องสอดรู้เอาเรื่องของฉันไปบอกพ่ออีกล่ะ ยุ่งเรื่องชาวบ้านมากเดี๋ยวจะเจอดี”
พูดแค่นั้นลู่หานก็เดินกระแทกไหล่เล็กของพี่ชายหน้าหวานออกไปจากห้องของตัวเองทันที ไม่คิดจะฟังเสียงท้วงติงของอี้ชิงเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังทำหูทวนลมจนอี้ชิงต้องส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ นักเรียนมอปลายที่ออกเที่ยวกลางคืนทุกวันอย่างลู่หานจะไม่ทำให้คนเป็นพี่อย่างเขาเป็นกังวลได้ยังไงกัน แต่นั่นอีกคนที่เด็กกว่าก็เอาแต่บอกว่าเขาชอบวุ่นวาย
“ลู่หาน เดี๋ยวก่อน!”
“โอ้ย! ไม่ต้องมายุ่งกับฉันได้ไหม น่ารำคาญ!”
มือเล็กส่งไปผลักอกอี้ชิงที่เดินตามมาจนเต็มแรง ส่งผลให้ร่างบางของพี่ชายต่างมารดาล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งแจ้นออกจากรั้วบ้านแล้วโบกแท็กซี่ที่โทรเรียกให้มารับไว้ก่อนหน้านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว
อี้ชิงวิ่งตามน้องชายออกมาที่หน้าบ้านเพื่อยื้อให้ทัน แต่นั่นก็ช้าไปเสียเพราะน้องชายตัวแสบมันเร็วยิ่งกว่าจรวดเสียอีก
หน้าอกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วงพร้อมทั้งอาการหอบแฮ่กที่แสดงว่าเหนื่อยกายทั้งยังเหนื่อยใจเสียชัดเจน สุดท้ายวันนี้ก็เหมือนอย่างทุกๆวัน เขาห้ามลู่หานไม่ได้ ดูแลลู่หานยังไม่ดีพอ ก็แค่หวังดีเพราะอี้ชิงเองก็รักลู่หานเหมือนน้องชายแท้ๆคนหนึ่งตั้งแต่ที่แม่ของรายนั้นได้เสียไป ทั้งตอนนี้คนเป็นพ่อที่ใช้ร่วมกันก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ อี้ชิงแค่อยากทำหน้าที่พี่ให้ดีทว่าอีกคนกลับไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย
“อ๊ะ! อื้อ....”
มัวแต่เหม่อมองตามรถแท็กซี่ที่น้องชายตัวดีนั่งออกไปจนไม่ทันได้ระวังตัว ร่างสูงโปร่งของใครบางคนกลับเข้าประชิดอยู่ทางด้านหลังก่อนจะปิดปากของอี้ชิงไว้แน่นทำเอาตกอกตกใจจนต้องดิ้นพล่านต่อต้านด้วยความกลัว หากแต่แรงที่มีกลับสู้ใครอีกคนไม่ได้เลย ทั้งหัวใจที่เต้นโครมครามภายในอกมันยังร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มราวกับเอากลับคืนมาไม่ได้
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขัดขืน”
เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาเย็นชาจนร่างกายบางแข็งทื่อไปหมด หยาดน้ำสีใสเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆเมื่อเรื่องที่ไม่คาดคิดกำลังจะเกิดขึ้น ก่อนมันจะไหลอาบข้างแก้มเนียนใสเต็มใบหน้าหวานจนเปรอะเปื้อน
อี้ชิงทำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งจะขยับตัว ได้แต่ยืนนิ่งเมื่อคำขู่ของคนที่ยืนซ้อนหลังทำเอาร่างกายหยุดการกระทำได้ฉับพลัน
“ตามมาดีๆ ไม่งั้นฉันจะฆ่านายทิ้งมันซะตรงนี้”
พูดเสร็จคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ออกแรงลากอี้ชิงให้เดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูราคาแพงที่จอดไว้ข้างรั้วบ้าน เอื้อมไปเปิดประตูแล้วผลักร่างกายเล็กบอบบางให้เข้าไปนั่งยังเบาะข้างคนขับอย่างไม่ปราณี
ปากเล็กที่ได้รับอิสระเมื่อมือหนาผละออกก็พร้อมจะเอ่ยพูดและทักถามถึงความต้องการจากอีกคน ทั้งกลัวระคนสงสัยแต่นั่นอี้ชิงที่กำลังจะอ้าปากพูดทุกอย่างกลับต้องหยุดลงอีกครั้งอย่างจำใจ
“เงียบปาก! แล้วอย่าคิดหนี บอกแล้วว่าไม่เอาไว้แน่”
“นาย....”
“ก็บอกว่าให้เงียบปากไง!”
มือหนาของคนแปลกหน้ายกขึ้นพลางจรดเข้าที่ริมฝีปากบางของอี้ชิงเป็นเชิงออกคำสั่งให้เงียบเสียง ก่อนจะสาวเท้าเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านคนขับแล้วหย่อนกายเข้ามานั่งด้วยท่าทีเรียบนิ่ง
“น...นายเป็นใคร? แล้วจับฉันมาทำไม?”
เสียงหวานเอ่ยถามสั่นเครือยามรถแล่นออกห่างจากตัวบ้านของเขามาได้ไม่นาน ความมืดสลัวในยามค่ำคืนทำให้อี้ชิงมองใบหน้าของอีกคนได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
“อย่าต้องให้ฉันพูดซ้ำว่านายควรเงียบปากไว้”
“ล...แล้วนายเป็นใครกันล่ะ ฮึก... จับฉันมาทำไมฉันไปทำอะไรให้ไม่ทราบ!”
อยู่ๆน้ำตามันก็พาลไหลออกมาด้วยความกลัวทั้งยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง อี้ชิงพยายามข่มใจถามอีกคนถึงแม้ว่าจะได้รับคำขู่จากน้ำเสียงเย็นชานั่น ร่างกายบางสั่นเทาทั้งยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าที่อีกคนจับเขามาเขาเองไปทำอะไรให้ไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“……….”
ชายแปลกหน้าที่กำลังขับรถอยู่ก็ไม่คิดจะสนใจเลยแม้แต่น้อย ปากเรียวแสยะยิ้มสมเพชเมื่อได้เห็นน้ำตาที่คิดว่ามันจอมปลอมเหมือนว่าเสแสร้งแกล้งทำของคนที่รวบตัวมาก็ต้องหัวเราะหึในลำคอ
“แล้วนายจะพาฉันไปไหน?” อี้ชิงเอ่ยถามอีกครั้งด้วยอาการตื่นตระหนก มองซ้ายแลขวาออกนอกกระจกรถอย่างหวาดระแวงเมื่อหนทางมันไม่คุ้นตาพาลให้คิดเล็กคิดน้อยไปไกล
“ก็พาไปขึ้นสวรรค์ไง”
“สวรรค์อะไรของนาย?!”
“หึ! ได้ข่าวว่าไม่เลือกหนิ เรื่องแค่นี้ไม่รู้หรือไง?”
ไม่พูดเปล่ามือหนายังส่งมาคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนิ่มของคนหน้าหวานที่แสดงออกว่าหวาดกลัวอย่างชัดเจน อี้ชิงนึกรังเกียจเมื่อสัมผัสนั้นมันเป็นของใครก็ไม่รู้ที่ตั้งใจจะทำร้ายเขา เบือนใบหน้าหนีไปอีกทางด้วยความหวั่นเกรงพลางปัดมือหนาของคนใจร้ายออกห่างให้รู้ว่าเขาขยะแขยงมันมากแค่ไหน
“เล่นตัวไปเถอะ ยังไงก็ไม่รอดอยู่แล้ว”
รถคันหรูแล่นเข้าสู่รั้วบ้านหลังหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ความเงียบสงัดไร้ซึ่งแสงไฟให้ส่องทาง เห็นจะมีเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดที่เล็ดลอดให้ได้มองเห็นจากบ้านเคียงข้างเท่านั้น แต่นั่นอี้ชิงไม่ได้กลัวความมืดเลยสักนิดทว่าสิ่งที่กลัวที่สุดคือชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่รู้หน้าค่าตากันมาก่อน คนที่พาเขามาที่นี่ต่างหาก
เมื่อเห็นว่าอีกคนลงจากรถไปแล้วพอมีสติอยู่บ้างอี้ชิงจึงรีบเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วออกวิ่งทันทีอย่างไม่คิดชีวิต ในเวลานี้เขาหวาดกลัวเกินกว่าจะทำใจดีสู้เสือพูดคุยกับชายแปลกหน้าดีๆได้ ขอแค่รอดไปจากที่แห่งนี้หรือขอความช่วยเหลือจากบ้านข้างๆเขาก็อาจจะหลุดพ้น ความหวังเพียงเล็กน้อยที่อี้ชิงอยากจะขอ
“จะหนีไปไหน! บอกแล้วไงว่าห้ามคิดหนี?”
หากแต่สุดท้ายก็ไม่ทันอีกคนที่เร็วกว่า ขายาวของคนแปลกหน้ารีบสาวตามอี้ชิงด้วยความรวดเร็ว โทสะเริ่มโหมเข้าใส่เมื่อพูดดีๆไม่รู้เรื่องชอบให้ใช้กำลังก็จะจัดให้ ก่อนมือหนาจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วดึงร่างบอบบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดพลางกอดรัดไว้แน่นให้ไร้การต่อต้าน
“บอกดีๆไม่รู้เรื่องใช่ไหม? ยังไม่รู้สินะว่าถ้าฉันโมโหนายจะเป็นยังไง”
“ฮึก...”
เสียงแข็งเอ่ยเยือกเย็นทำให้ความกลัวกัดกินสมองของอี้ชิงจนเกือบหมด เสียงทุ้มเย็นชาที่เอ่ยออกมาขู่กันทำให้ขนลุกเกรียวทั้งแข้งขาก็พลันไร้เรี่ยวแรง
อี้ชิงจำต้องยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อยังไงเขาก็ไม่สามารถขัดขืนอีกคนได้ ปล่อยให้หยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลออยู่รอบดวงตาไหลลงอาบข้างแก้มนิ่มไปอย่างเงียบๆ สะอื้นไห้เมื่อหมดหนทางขัดขืนแม้แต่จะเอ่ยปากขอชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังไม่มี
ชายหนุ่มร่างสูงลากอี้ชิงเข้ามาไปในตัวบ้าน ฉุดกระฉากลากถูเมื่อคนที่ดูจะเชื่อฟังกันง่ายๆในตอนแรกดิ่นพล่านจนจับตัวไว้ไม่อยู่ พามายังห้องนอนที่ไร้ซึ่งแสงไฟก็ผลักกายเล็กให้นอนราบไปกับเตียงกว้างอย่างไม่ไยดีไร้ความอ่อนโยน ก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วตรึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้กับฟูกนิ่มให้แน่นหนา
“บอกดีๆไม่ยอมฟัง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!”
“ฮึก... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...”
อี้ชิงร้องไห้อ้อนวอนอีกคนอย่างจำใจ ยอมเสียศักดิ์ศรียกมือไหว้เมื่อยังไงเขาก็ไม่มีทางจะสู้แรงเยี่ยงสัตว์ป่าได้อย่างแน่แท้
“กลัวด้วยหรือ ทีกับคนอื่นล่ะกล้าจังเลยนะ?”
พูดเสร็จชายหนุ่มไม่ทราบนามก็กดปลายจมูกโด่งลงซุกไซร์ที่ซอกขอขาวแกมกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างไม่รีรอ ส่งผลให้คนถูกกระทำด้วยความไม่เต็มใจต้องหดคอหนีต่อต้านทั้งน้ำตา
“นาย ฮึก...นายพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ? ฉันกับนายเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรอ? ฮึก...”
“อย่ามาทำเป็นสำออยหน่อยเลย ผ่านมาหลายคนแล้วสินะทำไมฉันจะไม่รู้”
อี้ชิงถึงกับไม่เข้าใจกับสิ่งที่ชายแปลกหน้าเอ่ยพูด เขาไปมีอะไรกับใครเคยเสียที่ไหนกัน แล้วที่อีกคนพูดมามันหมายความว่ายังไง ชักจะดูถูกกันเกินไปแล้ว
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ฮึก...นายเอาเรื่องอะไรมาพูดไม่ทราบ!”
“หึ! ปากดีหนิ ไหนลองดิ๊ว่าจะดีได้สักกี่น้ำ ที่ว่าผ่านมาหลายคนนี่คงจะเด็ดน่าดู”
ชายไม่ทราบนามพูดแค่นั้นไม่รอช้าก็กดจูบลงที่กลีบปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนอย่างรุนแรง ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยนที่ส่งไปให้คนตัวเล็กใต้ร่าง ออกแรงกดปลายคางมนให้เผยอออกก็ส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดตอนทุกอณูจนสมองเริ่มพร่ามัว
อี้ชิงเมื่อได้รับสัมผัสหยาบโลนที่ไม่ได้เต็มใจก็พลันพยายามเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง ริมฝีปากเริ่มบวมช้ำเมื่ออีกคนไม่มีแม้แต่จะปราณีให้เลยแม้แต่ความเห็นใจก็ไม่เผยให้เห็น รุนแรงหยาบคายไร้ความเป็นมนุษย์สิ้นดี
หยาดน้ำสีใสเริ่มเอ่อไหลออกมาอีกระลอกอย่างห้ามไม่อยู่ ความเสียใจระคนความหวาดกลัวมันประดังเข้ามาพร้อมๆกันจนแทบจะขาดใจ ดิ่นพล่านสุดกำลังจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่แต่นั่นก็ยังหยุดคนชั่วช้าที่กำลังล่วงเกินเขาไม่ได้อย่างเคย
“อ๊ะ...”
เสียงหวานครางผะแผ่วเมื่อชายแปลกหน้าเริ่มลากริมฝีปากตามสันกรามได้รูปของเขาจนถึงลำคอระหงษ์ ดูดเม้มรุนแรงไม่วายยังใช้ฟันกัดจนร่างกายสะดุ้งตอบรับอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ไม่นานเสื้อผ้าที่สวมใส่กันความเหน็บหนาวก็ถูกชายที่คร่อมกายอยู่ฉีกมันจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีอย่างน่าสมเพช
“ฮึก...ฉ..ฉันขอร้อง อ๊ะ! ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...” อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าคงไม่ได้ผล แต่อี้ชิงก็ไม่คิดลดละ ยอมทุกวิถีทางขอแค่ให้อีกคนปล่อยเขาไปเป็นอิสระนั่นคือเพียงพอ
“หึ! ปล่อย? ฉันปล่อยนายแน่ แต่...!”
ส่วนที่ตัดออก
ตามกติกานะคะ
“ขอโทษ…”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบาพลางเหลือบม่านตามองใบหน้าหวานของอีกคนอย่างพิจารณา แพขนตาสวยปิดสนิทน่ามองจนไม่อาจละสายตาให้หันเห ไม่ว่าจะเป็นจมูกรั้นหรือริมฝีปากก็รับกับใบหน้าน่ารักให้จดจ้องทุกอณู อกบางขึ้นสีเป็นรอยช้ำทั้งรอยฟันเต็มทั่วร่างก็กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เข้าใจไปแล้วว่าอีกคนคือคนที่แบคฮยอนสั่งให้มาชำระความ เพราะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันทำให้คริสเกิดความเข้าใจผิด แม้ว่าอี้ชิงและลู่หานจะเหมือนกันมากแต่ก็ยังมีส่วนแตกต่างที่คริสเองไม่ทันได้สังเกตให้ดีเสียก่อน
คริสค่อยๆยันกายลุกขึ้นจากร่างของคนตัวเล็กช้าๆ ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นเลือดสีสดที่ไหลออกมาเต็มต้นขาด้านในของคนที่นอนหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว ใจหล่นวูบเมื่อครั้งแรกและความบริสุทธิ์ของอี้ชิงเป็นเขาเองที่ได้มันมา ก่อนจะเรียกสติกลับมาอีกครั้งจึงค่อยๆหย่อนขาลงจากเตียงแล้วดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นคุมร่างกายบางหวังให้อุ่นขึ้น เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างของตัวเอง สาวเท้าเดินออกไปนอกระเบียงก็จุดบุหรี่ขึ้นสูบพลางจรดปลายนิ้วกดเบอร์หาใครบางคนเพื่อไขข้อกระจ่างให้หายเคืองใจ
“แบคฮยอนครับ…” กรอกเสียงลงตามสายก็พลันเงียบนิ่งไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนเป็นอันดับแรก จะบอกคนปลายสายยังไงว่าทำงานผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
“อ่าวพี่คริส มีอะไรหรอครับโทรมาดึกดื่นเชียว ว่าแต่เรื่องที่ผมให้ไปทำเรียบร้อยไหมครับ?”
สิ้นเสียงจริตของอีกคนคริสก็ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ “เอ่อ..ค..ครับ” สุดท้ายก็ได้แค่ตอบกลับไปสั้นๆเอาตัวรอดให้ผ่านพ้น
“ดีมากครับ ผมรักพี่คริสที่สุดเลย”
“ครับ พี่ก็รักแบคฮยอนนะ แต่พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“อะไรหรอครับ?”
คริสชั่งใจอยู่นานว่าควรจะถามออกไปดีหรือเปล่า แต่เขาจะปล่อยให้เรื่องนี้มันค้างคาในอกไม่ได้อีกต่อไป ต้องการรู้ว่าอี้ชิงเป็นใครและเป็นอะไรกับลู่หาน
“ลู่หานมีพี่น้องหรือเปล่าแบคฮยอน?” เอ่ยถามก็ยกม้วนบุหรี่จรดที่ริมฝีปาก อัดควันสีขาวขุ่นเข้าปอดคลายความกังวลก็พ่นมันออกไปตรงหน้าให้ฟุ้งจางหาย
“มีครับ ชื่ออี้ชิงเป็นพี่ชายของลู่หาน”
เพียงแค่ได้รับคำตอบจากอีกคนคริสก็ถึงกับใจหล่นวูบ อี้ชิงคือพี่ชายของลู่หานนั่นเอง มิหน้าใบหน้าของเขาถึงละม้ายคล้ายกับลู่หานจนทำเอาสับสนแล้วยังลากมาทำเรื่องอย่างว่าได้อย่างเลือดเย็น
“ห...หรอครับ?” ถึงกับไปไม่ถูกเมื่อแน่ชัดทุกสิ่งอย่าง มือหนายกขึ้นขยี้ผมสีบลอนด์ของตัวเองด้วยความหงุดหงิด แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางกุมขมับด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอก
“ห้ามทำอะไรพี่อี้ชิงนะครับพี่คริส พี่เขาดีเกินไป”
สิ้นเสียงเล็กคริสอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ทันแล้ว เขาทำเรื่องไม่ดีไว้กับอี้ชิงทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คิดได้แค่นั้นก็สูดควันบุหรี่เข้าปอดไปอีกระลอกใหญ่ คนที่ผิดมันคือเขาเอง สะเพร่าจนทำให้ชีวิตคนๆนึงต้องถึงจุดต่ำสุด
“....................”
“จริงๆพี่อี้ชิงเป็นพี่ชายคนละแม่กับลู่หานน่ะครับ หน้าตาอาจจะคล้ายกันไปบ้างแต่นิสัยไม่เหมือนกัน”
“อืม อย่างนี้นี่เอง แล้วบอกเหตุผลพี่ได้ไหมว่าทำไมแบคฮยอนถึงให้พี่จัดการกับลู่หาน?”
คริสเอ่ยถามด้วยความสงสัย จริงๆก็พอจะรู้มาบ้างว่าลู่หานเป็นคนยังไงจากปากของคนรัก แต่นั่นแบคฮยอนกลับไม่ยอมบอกเขาตรงๆสักทีว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้แค้นลู่หานมากนักหนา และอีกคำถามที่คริสไม่กล้าจะเอ่ยปากออกไปนั่นคือทั้งที่เขาและแบคฮยอนเป็นคนรักกันแต่แล้วทำไมถึงยอมให้เขาไปมีอะไรกับคนอื่นได้เสียง่ายดายเพียงเพราะต้องการแก้แค้นเท่านั้น
“เอ่อ...พี่คริสรู้แค่ว่ามันทำให้ผมเจ็บปวดก็พอครับ ผมขอเวลานะครับ พร้อมเมื่อไหร่ผมสัญญาว่าจะบอกพี่ทันที”
สุดท้ายแบคฮยอนก็ให้คำตอบคริสเหมือนอย่างเคย แต่นั่นคริสก็ไม่อยากจะซักถามให้มากความ ยังไงถ้าแบคฮยอนไม่บอกจะถามอีกสักกี่ครั้งเจ้าตัวก็ไม่คิดจะพูด ทำได้ก็แค่ยอมตามใจอย่างว่าง่ายเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว แต่ที่หนักใจอยู่ในตอนนี้คือคนที่นอนสลบอยู่บนเตียงนั่นต่างหากที่ทำให้คริสเป็นกังวล แล้วคราวนี้จะทำอย่างไรต่อไป
“ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะครับแบคฮยอน รักนะครับ”
“ครับ ผมก็รักพี่คริสเหมือนกันครับ”
คริสกดตัดสายคนรักไปแล้วเดินกลับเข้ามาให้ห้องอีกครั้ง เห็นบนเตียงกว้างเหลือเพียงความว่างเปล่าก็ตกอกตกใจกระสับกระส่ายเมื่อร่างเล็กที่เคยนอนอยู่หนีหายทำเอาอดเป็นห่วงเสียไม่ได้ ครุ่นคิดอยู่ไม่นานจึงเดินออกไปนอกระเบียงห้องอีกครั้งเพื่อมองลงไปยังชั้นล่างของบ้าน ก่อนจะเห็นว่าอี้ชิงกำลังโบกมือเรียกแท็กซี่ด้วยท่าทางอิดโรย เดินเหมือนคนจะล้มได้ทุกเมื่อ เห็นดังนั้นความรู้ผิดก็ประดังเข้าหาจนต้องยกมือกุมขมับตัวเองอีกครั้งแล้วผ่อนลมหายใจรัว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้...ขอโทษ”
…ERROR…
อี้ชิงที่กลับมาถึงที่บ้านจึงรีบเดินขึ้นบันไดเข้าห้องของตัวเองด้วยท่าทางไม่สู้ดี ร่างกายที่โดนชายร่างสูงทำร้ายทำเอาแรงที่เคยมีหายไปเสียจนหมด หวาดระแวงกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเขาในสภาพน่าสมเพช ใครที่ว่าก็น้องชายอย่างลู่หานนั่นเอง หากแต่ลู่หานที่ออกไปเที่ยวยังคงไม่กลับมาทำให้อี้ชิงรู้สึกโล่งใจได้ไม่น้อย แต่ที่ยังฝังลึกในรากเง่าก็คงเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่ทำกับเขาเหมือนไม่ใช่คนนั่นแหละ
เข้าไปในห้องนอนของตัวเองก็ไม่แม้แต่จะทิ้งตัวลงที่ใดๆเลยสักแห่ง สกปรกเกินกว่าจะทำใจให้ห้องนี้ต้องติดเสนียด อี้ชิงรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำทันทีอย่างไม่รีรอ เปลื้องเสื้อผ้าสำรวจร่างกายของตัวเองก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รอยฟันมากมายบนร่างกายมันช่วยยืนยันได้ดีว่าทุกอย่างมันคือเรื่องจริง ทั้งเลือดที่หน้าขาของเขาและน้ำสีขาวขุ่นของใครอีกคนที่เกรอะกรังเห็นแล้วก็ช้ำใจ แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ในเมื่ออยู่ไปหัวใจที่บอบช้ำมันไม่มีทางดีขึ้นได้แน่นอน
“อี้ชิง! อยู่หรือเปล่า?”
เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าห้องน้ำทำให้อี้ชิงสะดุ้งโหยงตกใจ ดีแค่ไหนที่เขามาถึงที่นี่ก่อนลู่หาน ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเข้าบ้านมาแล้วเจอกับน้องชายตัวดีเรื่องคงยืดยาว อี้ชิงจะอธิบายให้ลู่หานฟังอย่างไรดีมันช่างตันทาง
“………….”
“หนิ! อี้ชิง อยู่หรือเปล่า?”
“อยู่ในห้องน้ำ นายมีอะไรหรอลู่หาน?” อี้ชิงพยายามปรับเสียงในเป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่มันยังสั่นเครือและผะแผ่วตามความรู้สึกข้างใน
“ทำไมวันนี้นายนอนดึก ปกติเห็นนอนไปแล้วหนิ?” ลู่หานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงจะไม่ถูกกับอี้ชิงอยู่บ้างแต่นั่นเขาก็เป็นห่วงอีกคนเหมือนกัน
“อ...อ้อ พอดีฉันเพิ่งทำรายงานเสร็จน่ะ กำลังจะอาบน้ำนอนแล้ว”
“อย่างนั้นหรอ เออไม่มีอะไรหรอก ก็แค่สงสัยว่าทำไมนอนเอาตอนจะเช้า ฉันกลับห้องแล้วนะ”
“อื้ม ฝันดี”
พูดแค่นั้นร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงก็อ่อนยวบนั่งทรุดกับพื้นห้องน้ำไม่เป็นท่า ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพราะไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป กลัวว่าเสียงสะอื้นไห้มันจะทำให้น้องชายที่กำลังเดินจากไปหวนกลับมาถามไถ่ มีดบาดที่ว่าเจ็บหากแต่อี้ชิงในสภาพแบบนี้มันเจ็บยิ่งกว่า
ถึงกับร้องไห้โฮเมื่อเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาฉายซ้ำอยู่ในหัวจนไล่ออกไปไม่ได้ นึกขยะแขยงผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งที่เป็นเพศพ่อเหมือนกันยังจะทำได้ลง เห็นเขาเป็นพวกอย่างว่าหรือยังไงถึงอยากจะลากไปทำตามใจแล้วยังไม่มีเหตุผลดีๆที่ทำแบบนั้นด้วย อีก หัวใจอี้ชิงคนนี้จะไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาด
“สารเลว!”
…ERROR…
เช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสเหมือนอย่างทุกวัน ตื่นมาเจอแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างในยามเช้าหากแต่นั่นยังไงก็ดูมืดมนอยู่ดี ค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆพลางหย่อนขาลงข้างเตียงอย่างหมดแรง ถึงอยากจะนอนต่อแต่นั่นวันนี้มีนัดทำรายงานกับเพื่อนร่วมห้องอี้ชิงจึงต้องบังคับตัวเองให้ตื่นอย่างจำใจ พยายามหยัดตัวให้ยืนขึ้นความเจ็บก็แล่นปราดเข้าที่สะโพกทำเอาต้องนั่งลงกับที่เหมือนเดิม สภาพแบบนี้จะทำอะไรได้ช่างน่าสมเพช
“อี้ชิง!”
“ห...ห๊ะ?”
กำลังนั่งเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อน้องชายตัวดีเข้ามาในห้องแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อจนนึกกลัวไปต่างๆนาๆ อี้ชิงในตอนนี้ไม่ต่างจากพวกประสาทเสียเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ
“เป็นอะไรของนาย ดูท่าทางแปลกๆนะไม่สบายหรือเปล่า?” ลู่หานหรี่ตาเอ่ยถาม ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพี่ชายดูมีพิรุธจนจับผิดได้ไม่ยาก
“ก...ก็เปล่าหนิ สบายดี”
“แล้วทำไมต้องลุกลี้ลุกลน?”
จนมุมเมื่อลู่หานไม่ลดละจะตั้งคำถาม อี้ชิงที่ไม่ทันคนอยู่แล้วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆจะตอบกลับไปก็ยากลำบากเหลือเกิน
“ม...ไม่มีอะไรหรอกน่า ว่าแต่นายมีอะไรหรือเปล่าทำไมตื่นเช้าจัง?” รีบตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดอี้ชิงจึงเอ่ยสวนคำถามไปให้น้องชายทันที
“หิว! ทำอะไรให้กินหน่อย?”
เอาเถอะว่าอี้ชิงถึงกับเพลียใจ เมื่อคืนไปเที่ยวตั้งดึกดื่นจวนจะเช้าไม่คิดจะหาอะไรลองท้องบ้างเลยสินะ แล้วในเวลานี้เขาจะทำอะไรได้บ้าง มาไม่ถูกเวลาจริงๆไอ้น้องชาย
“หากินเองไปก่อนสิ ในตู้เย็นก็มีอาหารแช่แข็งอยู่”
“ไม่อยากกินมันไม่อร่อย นายนั่นแหละไม่ทำไหนๆก็ตื่นแล้วเนี่ย”
“เออๆ รอแปปนึง ขออาบน้ำก่อน”
อี้ชิงเหลือบม่านตามองน้องชายตัวดีด้วยความไม่พอใจ แต่นั่นก็ยอมทำตามใจเสมอเพราะลู่หานน่ะขัดได้เสียที่ไหน หากแต่กำลังจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอยู่แล้วเชียว สุดท้ายก็ต้องหงายหลังล้มตึงไปบนที่นอนไม่เป็นท่าอยู่เหมือนเดิม
"อ๊ะ!"
“เห้ยๆ นายเป็นอะไรอ่ะอี้ชิง ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย?”
ลู่หานรีบถลาเข้าไปดูพี่ชายหน้าหวานด้วยความรวดเร็ว ช่วยพยุงอีกคนให้ลุกขึ้นก็เห็นว่าอี้ชิงน้ำตาเล็ดออกมาทั้งยังจับที่บั้นท้ายทำเอาเขาต้องแน่นิ่งมองอาการอยู่ชั่วครู่
“ไม่เป็นไรๆ”
“มั่นใจ? แล้วที่คอนั่นรอยอะไร?”
พูดเสร็จลู่หานก็ส่งมือเข้าไปยื้อคอเสื้อรูปตัววีสีขาวตัวบางของพี่ชายแล้วทำท่าว่าจะชะเง้อหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ แต่นั่นอีกคนกลับปัดมือของเขาออกทั้งยังถอยตัวหนีแสดงอาการร้อนรนน่าแปลกใจ
“อย่ามายุ่งน่า! ไหนว่าหิวไง ออกไปก่อนไปเดี๋ยวฉันจะลงไปทำอาหารให้ทาน” อี้ชิงรีบเอ่ยไล่น้องชายให้ออกห่างก่อนที่ทุกอย่างมันจะเปิดเผยแล้วเรื่องน่าอายจะหวนกลับมาทำร้ายเขาซ้ำสอง
“นายมีแฟนหรอ?”
ลู่หานเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วมุ่นมองอี้ชิงนิ่ง เขารู้ดีว่านั่นมันคือรอยอะไร เห็นแค่ที่คอแต่ไม่รู้ว่าที่ร่างกายของอี้ชิงน่ะมันจะเยอะขนาดไหน
“ฟงแฟนอะไรไม่มี นี่รอย ย...ยุงกัด!”
“โกหก! ดูก็รู้ว่ารอยดูด นั่นก็รอยฟัน”
สิ้นเสียงของน้องชายอี้ชิงก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตระหนก มองลู่หานด้วยความตกใจเมื่อสิ่งที่น้องชายพูดมามันเป็นจริงอย่างว่า คิดได้ก็รีบกุมคอเสื้อของตัวเองให้แน่นจนยับยู่ยี่ไปหมดกันคนอยากรู้อยากเห็นตรงหน้า
“ม...ไม่ใช่สักหน่อย ออกไปจากห้องฉันได้แล้วน่า”
“มีแฟนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าเป็นผู้หญิงก็แล้วไปแต่ถ้าเป็นผู้ชายก็ระวังตัวไว้เถอะ นายน่ะยิ่งไม่ทันคนอยู่”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นลู่หานก็เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ปล่อยให้พี่ชายหน้าหวานมองตามทั้งยังไม่เข้าใจกับคำพูดของอีกคนที่ทิ้งไว้ให้ขบคิด แต่นั่นก็โล่งไปบ้างที่ลู่หานไม่คิดจะซักไซร้ถามเอาให้มากความ เพราะเขาไม่มีทางที่จะตอบคำถามดีๆให้กับน้องชายที่แสนจะดื้อรั้นได้อย่างแน่นอน
…ERROR…
*** ฟิคในสต็อคค่ะ แต่งพล็อตไว้ในมือถือยามรถติดนานๆ 555
อยากลงนานแล้วแต่เรื่องอื่นก็ต้องปั่นให้เสร็จเลยไม่ค่อยมีเวลา คริคริ
ฝากติดตามด้วยนะคะ คอมเม้นของรีดเดอร์นั่นคือกำลังใจเน้อ ^^
ความคิดเห็น