คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ll THE WIZARD ll Chapter 6
THE WIZARD 6
สายตานับร้อยที่แอบลอบมองมายังร่างบางที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียวหลังจากที่เพื่อนตากลมเดินออกไปเข้าห้องน้ำได้สักพัก หากแต่คนที่นั่งอยู่กับที่ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนชายมากมายภายในแคนทีนแห่งนี้
“ทำไมนั่งคนเดียว แล้วดีโอล่ะ?” คริสที่เพิ่งเดินเข้ามาหลังจากพูดคุยกับเพื่อนผิวเข้มก่อนหน้านั้นเอ่ยถามอย่างไม่ชอบใจเมื่อคนตัวเล็กไม่ได้หันมองรอบกายเลยสักนิด
“ฉันก็นั่งรอนายนั่นแหละ ส่วนดีโอไปเข้าห้องน้ำ”
“แล้วดีโอไปนานรึยัง?”
“ไปนานแล้ว เนี่ยฉันว่าจะไปตามอยู่เหมือนกัน” เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนจะนั่งเคาะโต๊ะเล่นไปพรางๆพลันหันมองซ้ายมองขวาเหมือนหาเพื่อนตากลมที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำทว่าตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาสักที
“ไม่ต้องไปตามหรอก”
“ทำไมอ่ะ?
“เหอะน่า! กินข้าวกันดีกว่าจะได้กลับหอไปนอน”
มือหนารั้งข้อมือบางให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลากคนตัวเล็กกว่าให้เดินไปซื้ออาหารด้วยกันโดยมิวายส่งสายตาเขม่นไปให้พวกชอบแอบมองเป็นเชิงตำหนิเพราะความสอดรู้สอดเห็น
ทั้งคู่ที่ตกเป็นเป้าสายตาเพราะการจูงมือกันแบบนั้นมันไม่ใช่วิสัยของคนเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครขัดว่าทั้งคู่ก็เหมาะสมกันดี คนตัวเล็กก็น่ารักน่ามองส่วนอีกคนก็สูงหล่อจนไม่อาจละสายตา บวกกับเรื่องราวมากมายของคนตัวเล็กที่ใครๆก็รู้และร่ำลือกันหนาหู นั่นจึงไม่แปลกที่นักเรียนในแคนทีนแห่งนี้จะให้ความสนใจ
…THE WIZARD…
“หลับอยู่หรือเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนที่นอนอยู่เตียงข้างๆหลับตาพริ้มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ซึ่งเป็นภาพคุ้นเคยที่เห็นกันบ่อยๆไปเสียแล้ว
“หลับแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ
“หลับแต่ปากก็ยังพูด”
“ก็จะหลับจริงๆ ถ้านายไม่เรียกฉันอยู่แบบนี้”
“เออๆ ไม่กวนแล้วนอนไปเหอะ”
เวลาเรียนเมื่อไหร่มักเกิดอาการง่วงอยู่เสมอหากแต่ตอนนี้กลับตาสว่างเสียอย่างนั้น อยากมีเพื่อนคุยแต่ก็กลัวจะทำให้อีกคนรำคาญ
“มีอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้ง
“เปล่าหรอกฉันก็จะนอนเหมือนกัน”
“แต่ฉันมี” คริสสวนขึ้นในทันทีเมื่อคิดได้ว่ามีบางอย่างที่เขายังนึกสงสัยเกี่ยวกับเลย์อยู่
“หื้ม อะไร?” คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งเมื่ออีกคนทำท่าเหมือนว่าจะชวนเขาคุย และนั่นเขาก็รออยู่ด้วยใจที่จดจ่อ
“นายยังไม่บอกฉันเลยว่านายเขียนภาษากรีกได้ยังไง?”
“ฉันง่วงละ ขอนอนก่อนนะ” เมื่อได้ฟังสิ่งที่คริสถาม เลย์ก็เลือกที่จะล้มตัวลงนอนซะเฉยๆ ไม่คิดว่าจะเจอคำถามนี้อีกครั้ง นึกว่ารูมเมทหน้าหล่อจะลืมมันไปแล้วซะอีก และนั่นก็เป็นคำถามที่เขาไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้เลย
“ลุกขึ้นมาเลย นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ” คริสเมื่อเห็นคนตัวเล็กล้มตัวลงนอนเหมือนเลี่ยงการตอบคำถามของเขาก็รีบลุกจากที่นอนของตัวเองแล้วตรงดิ่งไปดึงแขนของเลย์ให้ลุกขึ้นมาตอบคำถามของเขาในทันที
“ฉันหลับแล้ว”
“หลับบ้าอะไรยังพูดอยู่เนี่ย”
“………….”
“จะลุกหรือไม่ลุก?”
“………….”
“เลย์” คริสเรียกชื่อคนตัวเล็กอีกครั้งหากแต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย เลย์ยังคงไม่ตอบโต้และนอนแน่นิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น
“………….”
“จะลุกขึ้นมาดีๆไหม?... ไม่งั้นฉันจะจูบนายจริงๆด้วย” พูดเสร็จคริสก็ทำท่าก้มลงไปหาคนตัวเล็กกว่าทันที และนั่นก็ได้ผลเมื่อเลย์รีบเด้งตัวจากที่นอนแล้วเบี่ยงตัวหลบหนีคริสไปอีกทางด้วยความตกใจ
“เฮ้ย! จะทำอะไร?” เสียงหวานโวยวายพลันมือเล็กก็ดึงผ้านวมผืนใหญ่มาปกปิดร่างกายบอบบางของตัวเองเป็นเชิงป้องกัน และนั่นกลับเรียกรอยยิ้มมุมปากของคริสที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ได้ไม่น้อย
“หึ! นึกว่าจะแน่ ตกลงจะบอกฉันไหม?”
“เออๆ บอกก็ได้ ไม่คิดนะว่านายจะชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“นายว่าฉัน?” คริสตวัดสายตาคมมองคนตัวเล็กอย่างไม่ชอบใจ เขาก็แค่สงสัยแค่อยากรู้เรื่องราวของเลย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้คิดจะยุ่งไปมากกว่านี้เลยสักนิด
“เปล่า” เลย์ตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
ในเวลานี้ใบหน้าหล่อของอีกคนกลับเจือนลงสนิทเมื่อเลย์ไปตัดสินเขาด้วยคำพูดชวนปวดหนึบที่ใจ ถึงรู้ว่าไม่ได้ตั้งใจแต่ใครจะทนได้เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยออกมาแบบนั้น
“งั้นไม่ต้องเล่าแล้ว ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน” พูดเสร็จคริสก็เดินกลับไปที่เตียงของเขาทันที ก่อนจะค่อยๆนอนลงแล้วหลับตาเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่การกระทำแบบนี้กลับทำให้เลย์รู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
“โห้ งอนฉันหรอฉันขอโทษ เล่าก็ได้นายลุกขึ้นมาฟังสิ”
“ฉันไม่อยากฟังแล้ว” เหมือนเดิม คริสยังคงหลับตาแต่ปากก็พูดไปเรื่อยๆ
“ง่า...ก็ฉันไม่รู้จริงๆนี่นาว่าฉันเขียนมันได้ยังไง แล้วจะให้ฉันเล่านายว่าอะไรล่ะ?”
“…………..”
“แบบว่า...มันเหมือนเป็นจิตใต้สำนึกนึกอ่ะ เหมือนมันอยู่ในหัว แล้วมันก็เขียนได้เอง”
เลย์ยังคงอธิบายแต่อีกคนก็เอาแต่หลับตาไม่สนใจคนพูดเลยแม้แต่น้อยนั่นก็ทำให้เลย์รู้สึกน้อยใจอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท คริสกำลังใช้สมาธิในการฟังอย่างตั้งใจและเก็บรายละเอียดทุกเสียงที่เปล่งออกมาจนจดจำได้ทุกคำพูด เลย์ไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มที่ถูกเลือกหากแต่พรสรรค์ที่เขามีพระเจ้าก็เลือกให้เขาได้มันไปครอบครอง
“นี่ได้ฟังฉันอยู่รึเปล่า? ฉันน้อยใจแล้วนะ”
“………….”
“คริส!” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนเป็นเพื่อนที่ทำเป็นไม่ได้ยินอย่างไม่ยอมแพ้
“เฮ้ย!”
คริสอุทานออกมาลั่นห้องเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าใบหน้าหวานของคนที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่อีกเตีย กลับอยู่ใกล้กันแค่คืบ ความตกใจยังไม่เท่าไหร่แต่หัวใจที่สั่นไหวนั้นมันเต้นนำไปก่อนแล้ว โครงหน้าแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ กลิ่นหอมแบบนี้ ทั้งยังอยู่ใกล้กันแบบนี้อีก สิ่งพวกนี้มันทำให้เขาแทบคลั่ง
“ตะโกนอะไรเสียงดัง หูจะแตก!” คนตัวเล็กทำท่าอุดหูเมื่อเสียงทุ้มที่ตะโกนแหกปากเมื่อครู่มันเข้าไปในโสตประสาทการได้ยินของเขาเต็มๆ
“แล้วใครใช้ให้นายมานอนเตียงฉันเล่าออกไปเลย มาตอนไหนก็ไม่ให้สุ่มให้เสียง” ปากก็พูดไล่ให้ไปไกลๆหากแต่กายไม่คิดจะผลักไสเลยสักนิด
“นายนั่นแหละฉันเรียกตั้งนาน ก็นึกว่าหลับไปแล้วเลยมาเรียกใกล้ๆไง”
ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นของคนหน้าหวานทำให้คริสนึกหมั่นไส้ก่อนมือหนาจะผลักหน้าผากบางจนหงายล้มตึงไปข้างหลังทันที
“โอ้ย!” เลย์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อรู้สึกถึงบั้นท้ายที่กระแทกไปกับพื้นห้องเต็มแรง ก่อนจะค้อนสายตาไปให้คนที่ผลักเขาเมื่อครู่อย่างไม่จริงจังนัก
“เฮ้ย! เป็นอะไรมากรึเปล่า โทษทีๆลงน้ำหนักเกินไปหน่อย” คริสลุกขึ้นมาดูคนตัวเล็กที่ตอนนี้หงายหลังล้มไปนอนกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย นึกเอ็นดูไม่น้อยก่อนจะเผลอขำออกมา แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงเพราะเขาก็ลืมนึกไปว่าเลย์คงรับมือกับแรงของเขาไม่ไหว
“ถามมาได้? ก็เจ็บอ่ะดิ ขยับไปเลยฉันนอนด้วย!”
“ไม่ได้! ไปนอนเตียงนายดิมันอึดอัด”
คริสลุ้นอยู่เหมือนกันว่าคนตัวเล็กจะยอมกลับไปนอนที่เตียงของตัวเองหรือเปล่า แต่ในใจเขามันร่ำร้องว่าอย่าไป ให้ดื้อเหมือนอย่างทุกครั้งที่เป็น ดื้อให้สมกับที่เป็นเลย์
“ขี้หวง! ก็ฉันจะนอนนายจะทำไม? ขยับไปอีก”
เป็นไปตามคาด เมื่อเลย์ไม่พูดเปล่าแต่มือเล็กยังออกแรงดันร่างของอีกคนให้ขยับไปพอให้มีที่ว่างเพื่อเขาจะได้นอนด้วยได้
“ดื้อ!” เสียงทุ้มเอ่ยต่อว่ากับการกระทำของคนตัวเล็ก หากแต่ไม่พูดเปล่ารอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยเช่นกัน นั่นยิ่งทำให้คนที่ได้เห็นใจเต้นแรงในทันที
“ก็ดื้อกับบางคน”
“ใครคือบางคน?”
“ก็บางคนแถวนี้”
“บางคนแถวนี้คงไม่ใช่ฉัน”
“ชิส์! นายนั่นแหละคริส!!”
พูดเสร็จเลย์ก็หลับตาลงทันที เขากลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะคิดเองไปฝ่ายเดียว ทุกครั้งที่ได้มองหน้า ทุกครั้งที่ได้สบตาและทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้ม หัวใจก็วูบไหวไปกับสิ่งเหล่านี้ หากแต่ยังไม่รู้ใจตัวเองว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่มันคืออะไรกันแน่ มันคือรักหรือมันแค่อารมณ์ชั่วครู่ที่มาแล้วก็จากไปเหมือนดั่งสายลม แต่นั่นมันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อความเป็นเพื่อนของเขากับคริสยังคั่นกลางอยู่ แต่ไม่แน่สิ่งที่เขาคิดมันอาจเป็นแค่ความรู้สึกระหว่างเพื่อนก็เป็นได้
…THE WIZARD…
วันเวลาล่วงเลยผ่าน หนึ่งอาทิตย์ที่มีแต่เรื่องให้รกอกรกใจรวมทั้งเรื่องของใครบางคนที่เข้ามาอยู่ในสมองตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร เดินไปไหนมาไหน หรือแม้แต่กระทั่งตอนหลับตานอนก็ไม่วายใจสั่นเพราะเจ้าของร่างสูงเตียงข้างๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นส่งผลให้ร่างเล็กที่มัวแต่คิดอะไรทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนยันตะวันขึ้นต้องฝืนร่างกายเดินไปเปิดประตูให้กับผู้มาเยือนอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อไอ้คนที่นอนอยู่เตียงข้างๆหลับเป็นตายไม่รับรู้อะไรเลย ดีที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่งั้นเขาคงไปเรียนไม่ไหวก็เป็นแน่
“อ้าวรุ่นพี่ อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงหวานเอ่ยทักทายรุ่นพี่เจ้าของชื่อยูโนว์ยุนโฮที่ยืนหล่ออยู่หน้าประตูห้องของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ หัวทุยโค้งให้กับประธานปราสาทก่อนจะยิ้มหวานไปให้เหมือนอย่างเคย
“สวัสดีเด็กน้อย ยังไม่ตื่นกันอีกหรอ?” ยุนโฮพูดเสร็จก็ชะเง้อหน้ามองหาเจ้าของห้องอีกคนที่ยังนอนอยู่
“ก็วันนี้วันหยุดหนิครับเลยขอนอนยาวหน่อย ว่าแต่รุ่นพี่มีอะไรรึเปล่าครับมาแต่เช้าเลย?” เลย์เอ่ยถามด้วยความงุนงง ยุนโฮคงไม่มีทางตื่นเช้าในวันหยุดแล้วมาหาเขาทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรแน่ๆ
“อ่อ ศาสตราจารย์ให้ฉันมาตามนายน่ะ พ่อนายมารอตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนตัวเล็กก็คิดได้ทันทีว่าเขาได้โทรหาผู้เป็นพ่อให้มารับในวันนี้ มัวแต่คิดเรื่องของอีกคนจนลืมมันไปเสียสนิท ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ คิดได้เช่นนั้นก็หันไปมองร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียง พลันนึกก็ใจหายเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ
“ขอบคุณมากครับรุ่นพี่ เดี๋ยวผมจะรีบไปนะครับ”
พูดแค่นั้นเลย์ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำจัดการร่างกายตัวเองในทันที ปล่อยให้ยุนโฮที่ยืนมองอยู่ได้แต่ยืนเกาหัวอย่างแปลกใจ ไม่รู้จะรีบอะไรขนาดนั้น ก่อนประธานปราสาทอย่างเขาจะปลีกตัวออกจากห้องไปและไม่ลืมปิดประตูให้อย่างเคย
…THE WIZARD…
พลั่ก!!
“อ...ไอ้ไค ทำไมเข้ามาไม่ชอบเคาะประตู ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วเนี่ย”
คริสต่อว่าเพื่อนสนิทด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป ผู้มาใหม่ที่ชอบเปิดประตูเข้ามาพรวดพราดนั่นทำให้เขาต้องตกใจอยู่เสมอ บอกกี่ครั้งก็คงไม่เข้าโสตประสาทไคเลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษๆ แต่ครั้งนี้ฉันไม่มีเวลาเคาะว่ะ มีข่าวด่วนมาบอกนาย แฮ่กๆ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับอาการหอบแฮ่กจากการวิ่งมาราธอนเพื่อมาบอกข่าวที่ห้องของเพื่อนตัวสูง
“มีอะไรก็รีบพูดมา”
“แปบนึง เหนื่อย!”
“แล้วใครใช้ให้นายวิ่งมาล่ะ”
“เออๆ อย่าเพิ่งบ่นมากน่า ฉันได้ยินข่าวมาว่าวันนี้เลย์จะกลับบ้าน พ่อเขามารอรับแล้ว”
เมื่อเพื่อนผิวเข้มพูดจบคริสก็เหมือนคนที่ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ภายในหัวตอนนี้เหมือนมีของแข็งขนาดใหญ่หล่นมากระแทกใส่อย่างจัง ใจหาย... เจอกันไม่ทันไรก็จะจากกันอีกแล้วหรือ
“ทำไมนายไม่รีบบอกฉัน” คริสเขย่าร่างของไคไปมา เขาเหมือนคนขาดสติหากแต่ยังควบคุมอารมณ์ได้ดีอยู่ นั่นก็ทำให้ไครู้ว่าเลย์คงเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจของเพื่อนเขาเสียแล้ว
“เอ้า! ตอนแรกยังไม่เห็นจะสนใจ ตอนนี้สนใจเขาด้วยรึไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคริสก็เลือกที่จะนิ่งลงอีกครั้ง เผลอตัวแสดงอาการออกมากเกินไปจนเพื่อนผิวเข้มจับได้ หากแต่ในใจตอนนี้มันไม่อาจอยู่นิ่งได้เลย รู้สึกวูบไหวเหมือนตกหลุมอากาศก็ไม่ปราน ทำไมเขาไม่คิดเอะใจเลยสักนิดเมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบกับเลย์ แล้วทำไมเลย์ไม่คิดจะบอกเขาสักคำว่าจะกลับไป ไปทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา
“จบเรื่องแล้วใช่ไหม? ออกไปได้แล้ว”
คริสดันไหล่ของเพื่อนผิวเข้มให้ออกไปจากห้องก่อนจะปิดประตูลงและไม่ลืมลงกลอนประตูด้วยทันที เมื่อไม่มีร่างของเพื่อนรักในห้องแล้ว ร่างสูงๆของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเข้มแข็งแต่ภายนอกก็ทรุดลงนั่งพิงประตูอย่างหมดแรง รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเหมือนกับมีมีดปลายแหลมที่กรีดลงมาซ้ำๆ คำว่าจากไปอย่างที่ชางมินว่า ย้อนนึกไปก็เจ็บใจตัวเอง...นี่เลย์จะจากเขาไปจริงๆใช่ไหม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูทำให้คริสเรียกสติตัวเองได้อีกครา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน นอกจากไคแล้วก็เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่พี่ชายในสายเลือดที่มักจะมาหาเขาในตอนเช้าของทุกวัน แม้ขาจะไร้เรี่ยวแรงแต่จะให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้ มันดูไม่ใช่เขา ไม่ใช่คริสเลยสักนิด
“อ้าว! ตื่นนานแล้วหรอ?”
“………..”
ไม่ทันได้ตอบคำถามของอีกคน คริสก็โผลเข้ากอดคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องในทันที ให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป ไม่ได้ตาฝาดไปเอง เหมือนพระเจ้าเห็นใจเขาส่งคนหน้าหวานคนนี้ให้มาหาเขาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมาซะเฉยๆเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า คนที่กล้าพูดได้ว่ารัก คนที่ทำให้เขาแทบคลั่งเมื่ออยู่ใกล้ และจากสิ่งนี้ เลย์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำก็ตกใจอย่างถึงที่สุด
“ป...เป็นอะไรคริส?” เลย์เอ่ยถามเมื่ออีกคนเอาแต่สวมกอดเขาเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ซ้ำยังกอดแน่นจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก หากแต่ไม่ปฏิเสธเลยว่ารู้สึกดีแค่ไหน
“นายไปไหนมา?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ไม่มีความอายอีกแล้วเมื่ออยากทำตามหัวใจ ไม่มีการสร้างภาพว่าเข้มแข็ง ไม่มีคริสที่เคยตีหน้านิ่งเหมือนทุกครั้งอย่างที่เป็น
“ฉันไปหาพ่อมา” เสียงหวานเอ่ยตอบพลันมือบางก็ยกขึ้นสวมกอดตอบอีกคนด้วยเหมือนกัน อยากซึมซับ อยากได้รับความอบอุ่นจากอีกคนเท่าที่จะทำได้
“จะไปไหน จะไม่ทิ้งฉันไปใช่ไหม?”
คิ้วเรียวของคนหน้าหวานขมวดเข้าหากันเมื่ออีกคนเอ่ยถามเช่นนั้น ก่อนจะค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดของคนตัวสูงช้าๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า? หน้านายซีดมากเลยนะ”
เลย์มองสำรวจใบหน้าหล่อของรูมเมทไปมา หน้าคริสตอนนี้ดูไม่สู้ดีนัก เหมือนสีหน้าของคนที่หวาดระแวงทั้งยังซีดเซียวเหมือนไม่ใช่คริสคนเดิม นั่นทำให้เลย์เริ่มเป็นห่วง
“ก...ก็นายจะกลับไปกับพ่อนายไม่ใช่หรอ?” คริสเอ่ยถามอีกครั้งก่อนจะหลบสายตาหวานของอีกคนที่มองมา
“นายรู้?”
“จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาย แล้วตกลงนายจะไปจากที่นี่จริงๆหรือเปล่า?”
เลย์ยืนคุ้นคิดอยู่สักพักก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาบางอย่าง ถ้าคริสบอกว่ารู้เรื่องของเขาดี เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าคริสจะรู้ทุกเรื่องของเขาจริงๆหรือเปล่า
“อืม ฉันจะกลับไปกับพ่อน่ะ แต่ถ้านายไม่อยากให้กลับฉันไม่กลับก็ได้นะ”
คนตัวเล็กแอบลอบมองคนที่สูงกว่าเมื่อได้ฟังประโยคของเขา นั่นทำให้คริสต้องตีหน้านิ่งทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรอีกครา เลย์ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคริสต้องเป็นแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ยังเป็นคริสคนเดิมไม่เปลี่ยน
“เปล่าหนิ ฉันก็ไม่ได้ห้ามนายสักหน่อย” ปากแข็งคงใช้กับคริสได้ดีที่สุด ยังคงไม่สำนึกถึงแม้ว่าคนที่รักกำลังจะจากไป
“หรอ? อืม...งั้นฉันกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆด้วยเพราะต่อจากนี้นายจะเป็นเจ้าของห้องคนเดียวโดยที่ไม่มีฉันคอยรบกวน” พูดเสร็จคนตัวเล็กก็เดินไปหยิบกระเป๋าใต้เตียงของตัวเองที่จัดไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมาถือ ก่อนจะทำท่าเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง ตอนนี้คงบอกได้เลยว่าเขาเสียใจเมื่อคริสไม่มีวี่แววว่าจะยื้อกันไว้เลย
“เดี๋ยว! นี่นายจะไปจริงๆรึไง?” คริสรีบคว้าข้อมือเล็กไว้ทันทีเมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่แคร์เขาเลยสักนิด
“ฉันเหมือนโกหกนายหรอ? ก็บอกเองว่าไม่ได้ห้ามฉัน ฉันก็กำลังจะไป แล้วจะมายื้อไว้ทำไมอีก?” มือเล็กข้างที่ถูกกุมไว้บิดออกจากการควบคุมของอีกคนเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวแล้วทำท่าจะเดินออกไปอีกครา
“อ๊ะ!”
ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ก้าวออกจากห้องไปไหน คริสก็สวมกอดเลย์จากทางด้านหลังทันที คางแหลมเกยบนลาดไหล่ของอีกคนก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก อยากยื้อเลย์ไว้ อยากกอด อยากทำมากกว่านั้นแต่คำว่าเพื่อน เพื่อนที่เขาจำได้ขึ้นใจ เขาไม่สามารถทำมันได้ แต่ในเมื่อคนที่รักกำลังจะไปเขาจะนิ่งดูดายเพราะคำว่าเพื่อนแค่นี้หรือ
“บอกว่าไม่ได้ห้ามฉัน แล้วจะยื้อฉันทำไมอีก?”
รอยยิ้มมุมปากเล็กเผยขึ้นเมื่ออีกคนตกหลุมพรางของเขาเข้าเต็มๆ มันเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ หากแต่แผนนี้เล่นเองก็ใจเต้นเอง ใจสั่นเมื่ออีกคนสวมกอด ความอบอุ่นจากกายสูงและลมหายใจที่เป่ารดซอกคอเขาอยู่มันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ใจดีสู้เสือทำตามแผนต่อไป
“ใช่ ฉันไม่อยากให้นายไป แล้วจะไม่ถามด้วยว่านายจะไปไหน จะไม่ห้ามนายแต่ฉันขอกอดนายเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?”
“นายไม่ยื้อฉัน แสดงว่านายก็อยากให้ฉันไป ฉันเข้าใจถูกใช่ไหม?”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้ไป ทำไมต้องคิดว่าฉันผลักไสนายด้วย” คริสอ่อนโยนมากจนเลย์รู้สึกเริ่มอินไปกับแผนนี้ซะแล้ว
“ค...คริส!”
เลย์ชะงักไปในทันที หัวใจพองโตเหมือนลืมหายใจไปชั่วขณะเมื่ออีกคนกดปลายจมูกโด่งลงที่แก้มนิ่มของเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ม่านตากลมเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าคริสจะทำแบบนี้ ทำให้เขาหัวใจวูบไหวไม่เป็นตัวเอง ใบหน้าที่ติดหวานของเลย์ขึ้นสีแดงระเรื่อย่างปิดไม่อยู่ เรียกเลือดได้เป็นอย่างดีเมื่อได้รับการปฏิบัติจากอีกคน ใจเต้นแรงแบบนี้ ความสุขแบบนี้มันเรียกว่าอะไร
“ฉันรั.......”
“คริส! ทำไมนายไม่ถามว่าฉันจะไปไหน?” เลย์สวนขึ้นมาทันทีทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคริสจะเอ่ยอะไรต่อไป ถึงจะอ่อนไหวไปกับสัมผัสที่แก้มเมื่อครู่แต่ก็ไม่วายทำใจแข็งหันไปถามอีกคน แผนนี้ต้องเล่นให้จบ
“แล้วนายจะไปไหน?”
“ฉัน.....”
“………”
“ฉัน...ฉันก็จะเอาเสื้อผ้าที่ไม่ใส่ให้พ่อเอากลับบ้านไปนะสิ ฉันไม่ได้จะกลับไปกับท่านสักหน่อย! ไอ้คริสบ้า! ทำไมไม่ถามก่อนเล่า แล้วไหนบอกว่ารู้เรื่องของฉันทุกเรื่องไง มันน่าไหมเนี่ย!”
พูดแค่นั้นเลย์ก็รีบผละออกจากอ้อมกอดของอีกคนทันที ใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำให้คนตัวเล็กต้องเอามือขึ้นมาปิดหน้าแดงๆของตัวเองไว้อย่าเขินอาย ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนอึ้งกับคำพูดทิ้งทายเมื่อครู่ ไม่ได้กลับไปงั้นหรอ เขาใจผิดไปเองทั้งนั้น ไม่ได้รู้ทุกเรื่องใช่ไหม นึกได้อีกครั้งก็ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง คิดแล้วก็อดจะตำหนิตัวเองเสียไม่ได้ แล้วทีนี้จะเข้าหน้ากันติดได้ยังไง ดีนะที่ยังไม่ได้สารภาพอะไรออกไปมากกว่านี้ ไม่รอบ คอบทุกทีที่อยู่กับเลย์เลยสิน่า
...THE WIZARD...
ความคิดเห็น