ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] THE WIZARD (KRISLAY)

    ลำดับตอนที่ #7 : ll THE WIZARD ll Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 56



















     

    THE WIZARD 5

     





















    ใต้แสงเงาไม้ภายในอาณาบริเวณโรงเรียนอันกว้างใหญ่ไพศาล กับสายลมที่พัดมาเอื่อยๆไม่ขาดสาย ส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังขะมักเขม้นทำงานส่งศาสตราจารย์ผู้เป็นเจ้าของวิชาเพลิดเพลินไปกับบรรกายากาศโดยรอบได้อย่างน่าชื่นชม ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าเบื่อโลกเสียยังไงอย่างนั้น ต่อให้อากาศดีแค่ไหนก็ไม่สามารถพัดพาใจของคนตัวเล็กให้เพลิดเพลินตามไปได้เลยแม้แต่น้อย

             




    น่าเบื่อชะมัด! วิชาศิลปะทำไมต้องเรียนด้วยเนี่ย เรียนมาตั้งแต่เกิดแล้ว  เสียงหวานโวยวายเมื่อรู้สึกไม่สนุกกับวิชาของศาสตราจารย์จอนจิน ซ้ำงานที่กำลังทำอยู่ก็ไม่คืบหน้าไปไหนเลย

             

    จะบ่นทำไมนักหนา แล้วเรียกให้มันถูกหน่อยมันไม่ใช่วิชาศิลปะ วิชาเขียนกรีกต่างหาก เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาที่คนหน้าหวานเอาแต่บนท่าเดียวแต่ไม่คิดจะลงมือทำงานเสียที แล้วนี่ก็ใกล้จะหมดเวลาที่ต้องส่งงานแล้ว

             


    ก็น่านแหละ แล้วมันต่างจากศิลปะตรงไหน?”

             

    ต่างกันทุกตรง แล้วนายก็ควรรีบทำได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาก่อนหรอก มันแต่พูดมาก!” ไม่วายแค่ต่อว่า คริสยังยกมือหนาขึ้นตีหน้าผากคนตัวเล็กที่เอาแต่นอนกระดิกเท้าสบายใจโดยไม่รู้ว่างานที่ทำส่งในวันนี้เป็นคะแนนเก็บสะสมโอ้ย! ตีฉันทำไมคริส เจ็บนะเลย์พูดไปก็ยู่หน้าไป พลางยกมือเล็กลูบไปบนหน้าผากที่ตอนนี้มันเริ่มขึ้นสีแดงจางๆเพราะฝ่ามือของใครอีกคน

             


    ก็ตีให้เจ็บไง แล้วจะลุกขึ้นมาทำงานได้สักทีรึยัง? คะแนนน่ะจะเอาไหม?”

             


    บ่นจริงๆเลย นี่เพื่อนหรือพ่อวะ?”

            
     ถึงจะโวยวายไปบ้างแต่คนหน้าหวานก็ยอมลุกขึ้นมานั่งทำงานแต่โดยดี มือเล็กหยิบปากกาขนนกขึ้นก่อนจะจุ่มหมึกในขวดแก้วแล้วเริ่มสะบัดข้อมือเขียนภาษากรีกลงไปในกระดาษรายงานทันที หากแต่นั่นคริสที่มองดูอยู่ก็อึ้งไม่น้อย ทั้งๆที่เลย์ไม่ได้ตั้งใจเรียนเลยแต่กลับเขียนมันได้ดีกว่าเขาเสียอีก

             


    นายจำมันได้ยังไง?”

             

    ไม่รู้ มือมันไปเองเสียงหวานตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ก็เขาไม่รู้จริงๆนี่นา

             

    อย่ามาตลก!” คริสเริ่มเสียงแข็งเมื่อเขาคิดว่าคนตัวเล็กกวนประสาท แต่นั่นใครจะรู้ว่าเลย์ไม่ได้โกหก มันคือพรสวรรค์ที่เขาได้รับมาโดยที่ไม่รู้ตัว

             
    คริสยังคงจับจ้องไปที่รูมเมทหน้าหวานไม่วางตา ผู้ชายผิวขาวที่ดูไม่มีอะไรดีเลยนอกจากหน้าตากลับมีบางอย่างที่น่าค้นหาซึ่งเขาเองก็หาคำตอบไม่ได้เช่นกัน

             



    ฉันไม่ได้ตลกนะ ก็แบบ...จะอธิบายยังไงอ่ะ...แบบว่า...

             
    เลย์อ้ำอึ้งอยู่นานสองนาน เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คริสเข้าใจ ของแบบนี้มันออกมาจากจิตใต้สำนึกไม่สามารถเอ่ยเป็นคำพูดได้

             



    แบบว่าอะไร?” คริสยังคงคาดคั้น ไม่รู้ว่าทำไมต้องอยากรู้เรื่องของอีกคนด้วย หากแต่คนตัวเล็กที่เอาแต่อ้ำอึ้งยิ่งทำให้เขาอย่างรู้เข้าไปใหญ่

             


    แบบว่า...แบบว่าไม่รู้อ่ะ ถ้านึกออกเดี๋ยวบอก ไปล่ะพูดเสร็จไม่รอช้าให้คริสได้ถามต่อ เลย์ก็เลือกที่จะวิ่งหนีไปส่งงานก่อนทันทีที่คริสจะรั้งไว้ ทำให้ร่างสูงได้แต่มองตามแผ่นหลังบางของเพื่อนหน้าหวานไปด้วยแววตาที่ฉายไปด้วยความสงสัย เลย์นับวันก็แปลกขึ้นทุกที ในเมื่ออยากรู้ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากรู้เรื่องส่วนตัวของอีกคน หากแต่จะมีเรื่องไหนของคนตัวเล็กที่เขาไม่รู้อีกบ้าง

     

     




     

    …THE WIZARD…

     

     

             




    โห้! คนเยอะอ่ะวันนี้เสียงหวานบ่นอุบอิบเมื่อมาถึงที่แคนทีนของปราสาท เบื่อคนเยอะ เบื่อเสียงโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อหันไปหาอีกคนก็ได้รับสายตาเรียบนิ่งส่งกลับมาแทน

             



    หรือจะไม่กิน?”

             



    กินๆ หิวมากเลย

             


    เป็นเพราะเรื่องเมื่อวานที่แว้บเข้ามาในสมองทำให้เลย์จำยอมต้องเออออไปกับคริสอย่างไม่มีข้อแม้ เขาไม่อยากให้คริสโกรธเหมือนเมื่อวานที่เขาไม่ยอมทานข้าว ถึงตอนนี้จะไม่หิวเลยก็ตามแต่ก็ต้องตอบตกลงไปเพื่อให้อีกคนสบายใจ

     

            


     “เฮ้! คริสเลย์ทางนี้ เสียงตะโกนลั่นแคนทีนคงจะมีอยู่คนเดียวที่มี     อภิสิทธ์ที่สุด คนที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบภายในเดอะวิซาร์ดแห่งนี้ ทำให้ทั้งคริสและเลย์จำต้องเดินไปตามเสียงเรียกและแรงโบกมือของอีกคน เพราะถ้าไม่รีบไปกลัวว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งแคนทีนแน่นอน

             



    ตะโกนทำไม? น่าอายชะมัดคริสที่เดินเข้าไปนั่งเอ่ยต่อว่าบุคคลที่ตะโกนเรียกเขาเมื่อครู่ จนเขาและเลย์ต้องเป็นเป้าสายตาของคนทั้งแคนทีน ไม่ได้กลัวที่ว่าใครจะมองไม่ดี หากแต่ไม่ชอบให้ใครมองคนหน้าหวานที่เดินมาด้วยกันต่างหาก

             

    อ้าว! ถ้าไม่ตะโกนแล้วนายจะได้ยินไหมล่ะ?”

             



    เอ้อแม็ก! แม่โอนเงินมาให้แล้วนะเมื่อเช้าเสียงทุ้มเอ่ยบอกคนเป็นพี่ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงร่วมโต๊ะกับพี่ชาย และไม่ลืมดึงชายเสื้อรูมเมทหน้าหวานให้นั่งลงข้างๆกันด้วย

             



    อื้มชางมินพยักหน้าแค่นั้นก่อนจะหันไปหารุ่นน้องร่วมโต๊ะอีกสองคนที่นั่งเขี่ยข้าวอยู่นานสองนานแต่ไม่พูดไม่จากันเลยสักคำ

             


    หนิ! ไค ดีโอ นายจะไม่คุยกันจริงๆหรอ?”

             



    ไม่ครับ!” “ไม่ครับ!”

             



    โอ้ว ประสานเสียงเข้ากันดีจริงๆ ชางมินว่าติดตลกพลางหันไปหาคริสกับเลย์ที่เพิ่งเข้ามาโดยไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก่อนจะได้รับสายตาเป็นเชิงถามกลับจากน้องชายว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นเขาก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าไม่รู้เช่นกัน เพราะตั้งแต่เข้ามานั่งทานข้าวในแคนทีนชางมินก็ยังไม่เห็นไคกับดีโอจะคุยกันเลยสักคำ และนั่นก็เป็นหน้าที่ของเลย์ที่สองหนุ่มมอบหมายให้

             



    ทำไมต้องเป็นฉัน?” เลย์กระซิบถามอย่างไม่เข้าใจพลางนิ้วชี้ก็ตวัดเขาหาตัวเองว่าทำไมเขาต้องทำหน้าที่นี้ด้วย

             



    นายน่าเชื่อถือสุดแล้วชางมินเลือกที่จะให้กำลังใจรุ่นน้องหน้าหวานก่อนจะตบบ่าเล็กสองสามทีเป็นการฝากฝัง

             


    แต่รุ่นพี่เป็นพี่นะครับ

            


    ฉันไม่เกี่ยวอ่ะ พูดเสร็จชางมินก็ลอยหน้าลอยตาแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อไป ไม่สนเลยว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกยังไง ต่อให้ไคกับดีโอจะเป็นเพื่อนก็เถอะ หากแต่เขาก็ไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปถามหรอกนะ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยเช่นกัน ใจดีสู้เสื้อคงเป็นคำที่คิดได้ในตอนนี้ แม้ภายในใจจะตุ้มๆต่อมๆก็ตาม

             



    ฮ...เฮ้ พวกนายเป็นอะไรอ่ะ? ยิ้มหน่อยดิ เครียดแบบนี้ระวังหน้าแก่ก่อนวัยนะ

             
    เหมือนจะได้ผลเมื่อทั้งไคและดีโอเงยหน้าขึ้นมามอง หากแต่เลย์กลับได้รับเพียงสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูกจากทั้งสองที่ส่งมา ใบหน้าหวานมองซ้ายมองขวาเหมือนหาตัวช่วย แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อทั้งชางมินและคริสต่างเสมองไปทางอื่นโดยไม่สนใจเขาที่กำลังขอความช่วยเหลืออยู่เลยสักนิด ใจร้ายที่สุด

             


    “………………”

             


    อุ้ย! ขอโทษนะ ฉันไม่ควรยุ่ง

             


    เมื่อได้รับสายตาเย็นช้าของเพื่อนทั้งคู่ เลย์ก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆส่งไปให้ ก่อนจะลุกขึ้นเปลี่ยนไปนั่งอีกฝั่งของคริสทันที นั่นไม่แค่ได้รับสายตาจากไคและ  ดีโอหากแต่ทั้งคริสและชางมินก็ส่งสายตาผิดหวังมาให้เขาเช่นกัน ก็อาส่าห์ฝากฝังซะดิบดี แต่ใครมันจะรู้ว่าคนตัวเล็กจะทำแบบนี้

             


    ไค ฉันขอคุยด้วยหน่อย เมื่อเห็นว่าเลย์คงช่วยอะไรไม่ได้และชางมิน คงหวังพึ่งไม่ได้แน่ๆ คริสจึงเป็นฝ่ายออกปากเอง

             


    แต่... ไม่ทันให้ไคได้ตอบโต้ คริสจึงรีบดึงคอเสื้อของเพื่อนสนิทให้ออกไปจากแคนทีนทันที ก่อนจะมานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้เงาไม้หลังใหญ่ใกล้ๆแทน

             


    ฉันกินข้าวยังไม่อิ่มเลย นายลากฉันออกมาทำไมวะคริส?”

             


    นั่นเรียกว่ากินรึไง? เอาแต่นั่งเขี่ยข้าวไปมา

             


    “………………….

             


    นายโกรธอะไรกับดีโอ?” ไม่อ้อมค้อม คริสจึงเอ่ยถามตรงๆออกไป ก็ที่ลากเพื่อนผิวเข้มมาก็เพื่อจุดประสงค์นี้ยังไงล่ะ อีกอย่างเขาก็เป็นห่วงความรู้สึกของดีโอที่ดูจะอึดอัดไม่น้อย นั่นก็เป็นการดีเสียอีกที่ฝั่งนั้นจะได้ให้เลย์จัดการเองเลย

             


    ไม่มีอะไรหรอกเสียงเข้มตอบกลับพลันหลุบนัยน์ตาคมลงทันที ฉายแววพิรุธจนคริสก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ปกติ

             


    นายโกหก

             


    โกหกอะไรเล่า ก็ไม่มีอะไรจริงๆ

             


    เล่ามา

             


    อ...เออๆ ฉันต้องยอมนายทุกทีเลยสินะคริส เฮ้อ!” ไคถอนหายใจออกมาเมื่อหมดหนทางที่จะหลีกเลี่ยงคำถามจากเพื่อนสนิท ไม่มีทางที่เขาจะรอดพ้นสายตาของคริสไปได้และเขาเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถปิดบังอะไรคริสได้เลย

             


    แล้วตกลงเรื่องมันเป็นยังไง?”

             



    ก...ก็ไม่มีอะไรมาก ดีโอมันเอาหนังสือมาตีหน้าหล่อๆของฉันอ่ะ ฉันเลยโกรธ

             


    หึ! เรื่องแค่นี้ก็เลยไม่คุยกัน? ฉันไม่เชื่อเสียงเรียบที่เอ่ยอย่างหนักแน่น เน้นย้ำได้ดีว่าคนผิวเข้มยังมีอะไรที่ปิดบังเขาอยู่ คริสไม่ใช่คนที่จะหลอกตาได้ง่ายๆ มองตาไคทีก็รู้ว่าเจ้าตัวน่ะยังไม่ได้พูดเข้าประเด็นเลยสักนิด

             



    ก็ที่ฉันโดนตีหน้าก็เพราะ....ก็เพราะ...ฉันไม่จูบมันก่อนอ่ะ

             


    “…………”

           
      คริสนั่งฟังคำสารภาพจากเพื่อนสนิทอย่างเงียบๆ ไม่ได้แสดงอาการใดออกมา ใบหน้าหล่อที่เรียบนิ่งไม่อาจทำให้คนตรงหน้ารู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

             


    หยุดเลยคริสอย่าเพิ่งต่อว่าฉัน ก็มันโมโหนี่หว่า ดีโอเอาแต่บ่นฉัน ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดทั้งๆที่ฉันก็เป็นเจ้าของห้องคนนึงเหมือนกันนะเว้ย!”

             

    แต่นายทำไม่ถูก

             


    เออฉันรู้ แต่ก็ทำไปแล้วหนิ มันควบคุมตัวเองไม่ได้นี่นา

             
    คนผิวเข้มทำได้แค่ยอมรับความผิดที่เขาทำ ยอมรับว่ารู้สึกผิดจริงๆ หากแต่ก็โกรธไม่น้อยที่รูมเมทตัวเล็กปฏิบัติกับเขาเหมือนกับไม่อยากให้อยู่ใกล้ ซ้ำยังจู้จี้จุกจิกเวลาเขาทำห้องรกหรือเสียงดัง นั่นยิงเป็นสิ่งที่กระตุ้นต่อมอารมณ์โมโหของเขาได้เป็นอย่างดี

             


    ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอก็ไปขอโทษดีโอซะ เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ แล้วฉันเดาได้เลยว่านั่นคงเป็นจูบแรกของดีโอ

             
    คริสยกมือขึ้นตบไหล่หนาของเพื่อนผิวเข้มเป็นเชิงปลอบใจ เมื่อเห็นว่าไครู้สึกผิดจริงๆกับการกระทำของตัวเอง แต่ในเมื่อทำไปแล้วก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองได้ทำไว้เช่นกัน

             



    ก็ได้ๆ แต่ฉันขอทำใจก่อนนะ ยังไม่กล้าสู้หน้าว่ะไคพูดเสร็จก็ก้มหน้าจนคางชิดอก ในเมื่อกระทำกับอีกคนแบบนั้นแล้วจะมีหน้าที่ไหนไปสู้กับเขาตรงๆ แค่นั่งทานข้าวตรงข้ามกันก็ยังไม่กล้าสบตารูมเมทตัวเล็กเลย

             


    เป็นแบบนี้ไม่ใช่นายเลยนะไค หึ!” ริมฝีปากเรียวยกยิ้มมุมปากเมื่อได้เห็นสีหน้าของเพื่อนรักในตอนนี้ สีหน้าที่มีแต่ความกังวลและขาดความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็น คนอย่างไคไม่เคยเก็บเรื่องที่ผ่านมามาคิดให้รกสมอง

             


    ฉันขอร้องล่ะคริส นายอย่าหัวเราะแบบนี้ฉันขนลุกพูดไปก็ลูบแขนตัวเองไป ถึงจะอยู่กับคริสมานาน รู้จักนิสัยใจคอของเพื่อนตัวสูงเป็นอย่างดี แต่กลับไม่ชินกับเสียงหัวเราะแบบนี้เลยสักครั้ง

             


    ถ้างั้นฉันไปแล้วนะ แล้วเจอกันในคลาส

             


    อื้อ

             


    คริสได้เดินจากไปแล้ว หากแต่คนที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่อย่างไคกลับคิดไม่ตกเลยว่าจะหาวิธีไหนไปขอโทษขอโพยรูมเมทตัวเล็กที่เขาได้ล่วงเกินไปเพื่อให้อภัยกับการกระทำของเขา อย่างที่คริสว่าดีโอเป็นลูกมีพ่อมีแม่ แล้วเขาก็ไม่สมควรไปทำแบบนั้นกับอีกคน ไม่ใช่ไม่สมควรหากแต่ไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวเลยด้วยซ้ำ คิดมาถึงตรงนี้หัวใจก็ปวดหนึบเมื่อคำว่าไม่มีสิทธิ์มันยังวนเวียนภายในหัวเขาอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปขอโทษอีกคนให้ได้

     







     

    …THE WIZARD…

     





     

             
    เฮ้ย! จริงอ่ะดีโอ?” สีหน้าที่แสดงอาการตกใจของคนหน้าหวานทำเอา ดีโอถึงกับผงะไปเล็กน้อย เลย์ดูท่าจะตกใจกับเรื่องของดีโอมากกว่าเจ้าตัวเสียอีก

             

    เอ่อ...

             


    ไคนะไค ถ้าเป็นฉันไม่ใช่แค่หนังสือแน่ๆ ฉันจะเอารองเท้าทาบหน้าเลยคอยดู

               
    เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อคริสฝากฝังให้เลย์มาเพื่อพูดให้ดีโอปรับความเข้าใจกับไค หากแต่คนตัวเล็กเอาแต่พูดเสี้ยมให้อีกคนทำอย่างเขาราวว่าเรื่องของดีโอเป็นเรื่องของเขาเสียเอง

             




    นายดูจริงจังกว่าฉันอีกนะเลย์ดีโอที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในตอนแรกอ่อนลงแล้ว ผิดกับอีกคนที่เมื่อได้รับรู้เรื่องที่เขาเล่ากลับเป็นฝ่ายโกรธแทนเสียดื้อๆ

             

    ได้ไงล่ะดีโอ นั่นมันจูบแรกนายนะ เป็นฉันไม่มีทางยอม อย่ายอมเชื่อฉัน!”

            

     “ตอนแรกฉันก็โกรธนะ แต่พอเห็นนายฉันเริ่มหายโกรธละ

             



    ดีโอ! นายจะยอมง่ายๆไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เสียงหวานที่เอ่ยเจ้ยแจ้วกลายเป็นจุดสนใจของคนในแคนทีนได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กที่โกรธหน้าดำหน้าแดงเพราะเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองทำให้  ดีโอก็ยังหวั่นกลัวไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้นำพาเมื่อเลย์ยังเอาแต่ต่อว่าไคไม่หยุดทั้งๆที่ฟังความแค่ฝ่ายเดียว

             



    โอเคๆ ไม่ยอมก็ไม่ยอมเป็นดีโอที่ถึงแม้จะหายโกรธไปแล้วบ้างแต่ก็ยอมเออออไปกับเพื่อนผิวขาวตรงหน้าแต่โดยดี กลัวว่าเลย์จะไม่ยอมหยุดแล้วสืบสามราวเรื่องให้มันยืดยาวกว่านี้

             


    ดีมาก เรื่องแบบนี้จะให้ใครเอาไปง่ายๆได้ไง ถ้ารักถ้าชอบกันก็ว่าไปอย่าง

            
     คำพูดที่คนหน้าหวานพูดออกไป ถึงไม่ได้คิดอะไรหากแต่คนที่ได้ฟังกลับรู้สึกเจ็บปวด จริงอย่างที่เลย์ว่า ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบแล้วทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ความสะใจงั้นหรือ พลันได้คิดหยาดน้ำสีใสก็เอ่อคลอที่รอบดวงตากลมโดยไม่รู้ตัว

             



    ดีโอเป็นอะไร?”

             


    ป...เปล่าหรอกเลย์ ฉันแค่แสบตาน่ะ สงสัยพริกในจานจะลอยเขาตาฉันดีโอรีบยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองสองสามทีเพื่อปกปิดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา

             


    นายควรจะไปล้างมันนะ ให้ฉันพาไปห้องน้ำไหม?”

             


    ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไม่เองดีกว่า นายนั่งรอคริสอยู่ที่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา

             


    อย่างนั้นก็ได้ รีบไปรีบมานะ

            


      “อื้อ

             



    ดีโอรีบปลีกตัวออกมาจากแคนทีนแล้วตรงไปยังห้องน้ำทันที เพราะเกรงว่าเพื่อนหน้าหวานจะทันได้เห็นน้ำตาที่มันไหลออกมาในตอนนี้เสียก่อน ดวงตากลมโตที่เคยเปล่งประกายสดใสกลับหดหู่เสียเต็มประดา หากแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้องไห้ ทำไมต้องเสียใจ ทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไรกับคนผิวเข้มรูมเมทเลยสักนิด

             

             






    นัยน์ตากลมจ้องเข้าไปยังกระจกภายในห้องน้ำเบื้องหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากแดงของตัวเองอย่างแผ่วเบาที่เมื่อคืนโดนคนใจร้ายอย่างเพื่อนร่วมห้องขโมยมันไปอย่างหน้าตาเฉย ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรทำไมต้องทำแบบนี้ เข้ามาทำให้เขาใจสั่นไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วยังไม่รู้จักรับผิดชอบอีก คิดได้แค่นั้นก่อนจะไล่ความคิดบ้าๆให้ออกไปจากหัวให้หมด ส่ายหน้าสองสามทีเพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น พลันมือเล็กก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้เหือดแห้งไป

     





    ...หวังอะไรอยู่ดีโอ มันก็แค่ความสะใจ...

     

             




    ทำอะไรอยู่

             
    เสียงทุ้มของผู้เข้ามาใหม่ทำให้ใบหน้าที่ส่ายไปมาในตอนแรกต้องหยุดชะงักไปทันที ก่อนจะมองเข้าไปในกระจกเงาที่สะท้อนร่างของผู้เข้ามาเพื่อต้องการรับรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร

             




    ค...ไคเพียงแค่นั้นร่างทั้งร่างก็หันไปมองอีกคนด้วยความตกใจ

             


    ฉันถามว่านายกำลังทำอะไร แล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?” ร่างสูงของคนผิวเข้มที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำอยู่เอ่ยถามเสียงเรียบ น้ำสียงที่คนฟังก็เดาอารมณ์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนที่เพิ่งเข้ามาต้องการอะไรกันแน่

             


    มาเข้าห้องน้ำแล้วคิดว่ามาทำอะไรล่ะไม่ยอมแพ้เช่นกัน ถึงใจจะสั่นแต่ก็ไม่วายยังพูดกวนประสาทอีกคน ยอมรับว่าตอนแรกอ่อนลงบ้างแล้วแต่พอได้เห็นใบหน้าคมของคนที่ยืนพิงประตูอยู่นั้นพลันให้หวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเสียเฉยๆ

             


    หึ! ก็นึกว่าอยากทำอย่างอื่นรอยยิ้มมุมปากหากใครได้เห็นคงต้องหลงใหลไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับคนตัวเล็กที่ตอนนี้ร่างกายสั่นเทาเพราะความกลัวเมื่อไคเริ่มย่างสามขุมเข้ามาหาช้าๆ

             


    ทำอะไรล่ะ? ฉันก็มาล้างหน้านี่ไง ออกไปไกลๆเลยไป

             

    อ้อเหรอ ฉันก็คิดว่าอยากทำอย่างอื่นซะอีก

             


    อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะไค!”

             


    ใครทะลึ่ง? ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะ นายคิดอะไรอยู่หื้ม?”

             
    เมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมก็เผลอหลุดยิ้มออกมากับปฏิกิริยาน่ารักของอีกคน ดวงตากลมที่ไม่กล้าสบตากันตรงๆกับจมูกแดงๆที่ก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มายิ่งทำให้คนมองเคลิบเคลิ้มอย่างไม่รู้ตัว

             



    ยิ้มอะไร?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่ออีกคนเอาแต่ยิ้มหากแต่ไม่พูดอะไรเสียที

             

    เปล่าพูดแค่นั้นคนผิวเข้มก็ย่างเท้าเดินเข้าไปใกล้คนตากลมช้าๆ

             
    ดีโอถอยหลังกรูด้วยความกลัวจนสะโพกเล็กชนเข้ากับอ่างล้างหน้าจนไม่สามารถหนีไปไหนได้ มือหนาของอีกคนก็ยกขึ้นเท้ากับขอบอ่างคร่อมกายเล็กของเขาไว้อยู่ ทำให้ใบหน้าน่ารักต้องเบือนหนีหลบอีกคนที่อยู่ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ

             


    ออกไปไกลๆเลยมือเล็กผลักอกแกร่งของอีกคนให้ออกห่าง แต่ไม่เป็นผลเลยสักนิดเมื่อแรงที่มีใยจะสู้กับคนตรงหน้าได้

             

    จะให้ออกไปไหนล่ะ? ฉันเพิ่งเข้ามาเอง

             


    อย่ามากวนประสาท ฉันไม่ตลกกับนายนะ เสียงหวานบ่งบอกว่าร่างสูงตรงหน้าเริ่มทำให้เขารำคาญและไม่ตลกที่มาล้อเล่นกับหัวใจเขาแบบนี้ ทำเอาอีกคนต้องหุบยิ้มไปในทันที

             


    แล้วใครว่าฉันตลก?”

             


    อ...ออกไปเถอะฉันขอร้อง ทำแบบนี้มันดูไม่ดี

             
    เมื่อรู้สึกเหนื่อยคนตัวเล็กเลือกที่จะอ่อนลงและพูดในสิ่งที่ฟังแล้วน่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดเพื่อให้ไคหลีกทางให้เขา ไม่ได้เหนื่อยที่กายหากแต่เป็นหัวใจที่มักจะเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่กับคนผิวเข้มตรงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาตอนไหน

             


    แล้วมันดูไม่ดียังไง?”

             


    ก็ที่ทำแบบนี้ฉันไม่ชอบ ฉันคิดว่ามันไม่สมควร

             
    ไคชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินรูมเมทตัวเล็กเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งและหนักแน่น จนหัวใจที่เคยคิดว่ารู้ความเป็นตัวเองแล้วกลับปวดหนึบและหมดกำลังที่จะสู้ต่อ

             


    อะไรที่ไม่สมควรบอกฉันได้หรือเปล่า?” ถึงจะไม่อยากรู้คำตอบ แต่ก็เลือกที่จะถามเพื่อความมั่นใจว่าเขาเข้าใจความหมายมันไม่ผิด

             


    ก็ไม่สมควรตรงที่ฉันเป็นเพื่อนนายและฉัน...ไม่ใช่ของเล่นของใครพูดแค่นั้น ดีโอก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักกายหนาของคนตรงหน้าให้ออกห่างพลันเบือนกายออกจากการโอบกอดของอีกคนทันที ทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไปเพื่อจะได้ไม่ต้องทนเห็นใบหน้าหล่อเหลานั่น ใบหน้าของคนที่ทำให้เขาเสียน้ำตา

             



    ฉันขอโทษเท้าเล็กที่กำลังเดินออกไปจากห้องน้ำชะงักไปเมื่ออีกคนเอ่ยประโยคที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา

             

    ขอโทษ? เรื่องอะไร?”

             

    ก็...เรื่องเมื่อวานที่ฉัน...

             


    ช่างมันเถอะ ฉันลืมมันไปแล้ว

             

    ไม่ทันที่ไคจะได้พูดจบดีโอก็ขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาไม่อยากได้ยินไม่อยากรับรู้ว่าอีกคนจะพูดว่าอะไร เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันคือเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาอยู่ในตอนนี้ ถึงจะพูดกับอีกคนหากแต่คนตัวเล็กก็ไม่คิดจะหันไปคุยกันดีๆ เอาแต่ยืนหันหลังให้เพราะกลัวว่าคนผิวเข้มจะเห็นถึงความอ่อนแอของเขาที่มันฉายออกมาชัดเจนเกินไป

             



    ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ

             


    ไม่ได้ตั้งใจ? งั้น...ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องคิดมากกันทั้งสองฝ่าย แล้วก็อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกล่ะ เพราะถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะไม่ใจเย็นเหมือนฉันก็ได้  
    อ้อ! แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบก็อย่าทำ จะทำอะไรก็ขอให้มันเกิดขึ้นจากความรักไม่ใช่ทำตามใจ คนอื่นเขาก็เสียใจเป็น

             
    พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนคนตัวเล็กจะปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในตอนแรกไหลออกมาเป็นสายธาร พลันรีบเดินหนีจากไปในทันทีโดยไม่คิดจะฟังเสียงร้องเรียกของคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย ยากเหลือเกินกับการควบคุมเสียงที่สั่นเครือเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกคน และยากเหลือเกินกับการควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองที่มันเผลอไปกับเรื่องเมื่อวานเสียแล้ว











    …THE WIZARD…














     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×