คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ll THE WIZARD ll chapter 4
THE WIZARD 4
เลย์เมื่อปลีกตัวออกมาจากห้องสมุด สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือเตียงนอนนุ่มๆ ที่พร้อมจะให้เขาล้มตัวลงนอนได้ทุกเมื่อ จากอาการเมาค้างทำให้เขารู้สึกว่าอยากพักผ่อนยาวๆให้หายเพลียสักหน่อย หากแต่เมื่อออกจากห้องสมุดมาได้มือหนาของใครบางคนก็รั้งไว้เสียก่อน
“ไปกินข้าว” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาเสมองไปอีกทางเพื่อกลบเกลื่อนอาการบางอย่างที่ไม่อยากแสดงออกมา หากแต่เลย์ก็เลือกที่จะปลีกตัวไปที่หอแทน
“ฉันไม่หิว” มือบางพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนาของอีกคน เพราะเขาไม่อยากไปจริงๆ ไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย อยากนอนพักเสียมากกว่า
“ไม่หิวก็ต้องกิน”
ไม่ทันได้ให้คนตัวเล็กตอบโต้อะไรมือหนาก็รั้งให้เลย์เดินตามไปในทันที เลย์จะรู้บ้างไหมว่าเขาเป็นห่วงมากขนาดไหน นอนไปเป็นวันๆแล้วตื่นมาเมื่อเช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยด้วยซ้ำ
“หยุดเถอะคริส! ฉันไม่หิวจริงๆ”
คริสหยุดเดินในทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดเหมือนไม่รับรู้ถึงความเป็นห่วงของเขา ก่อนจะค่อยๆคลายมือที่รั้งข้อมือบางออกช้าๆ ไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าหวานของอีกคนเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกเจ็บปวดที่ใจเมื่อถูกปฏิเสธความหวังดีที่เขาพยายามหยิบยื่นให้ ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกด้วยความอ่อนโยนหากแต่เป็นห่วงจริงๆถึงได้ยอมดูแลแบบนี้ แต่เมื่อคนตัวเล็กไม่เห็นถึงความหวังดีของเขาก็ไม่เป็นไร
“ถ้าไม่เป็นห่วงตัวเอง ถ้างั้น...อยากทำอะไรก็ทำ” พูดแค่นั้นคริสก็เดินจากไปในทันที ปล่อยให้อีกคนที่ยืนอยู่มองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตาด้วยความรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจมันบรรทุขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของอีกคน
ไม่ใช่แลย์ไม่รับรู้ถึงความเป็นห่วงของคริส แต่คริสจะรู้บ้างไหมว่าเรื่องที่เขาพบเจอมันทำให้เขาเหนื่อยและอยากจะลบมันทิ้งไป เขาต้องการอยู่คนเดียวในตอนนี้และไม่อยากให้คริสต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา ไม่อยากให้คริสต้องมาเป็นห่วงจนเหมือนเขาเป็นภาระแบบนี้
เลย์เดินเข้ามาในห้องที่เงียบสงัดก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า พลันหัวสมองก็ประมวลเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่ที่ได้ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วลุกขึ้นเดินไปค้นหาสิ่งของที่ต้องการในกระเป๋าเป้ใบโปรดภายใต้เตียงนอนของตัวเอง
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยกขึ้นมาค้นหาเบอร์ที่คุ้นเคยก่อนจะกดหาปลายสายที่ต้องการ พลันแนบมันเข้ากับหูเพื่อรอคอยเสียงตอบรับจากอีกคน คนที่เขาคิดถึงอยู่ในตอนนี้
“พ่อครับ อาทิตย์นี้มารับผมหน่อยนะครับ”
ไม่ทันได้ให้คนเป็นพ่อตอบกลับอะไร เลย์เลือกที่จะกดตัดสายและปิดเครื่องหนีทันที เขาหวังว่าพ่อจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เขาเหนื่อย เขาอยากคุยกับคนในสายเพื่อระบายสิ่งที่เกิดขึ้นหากแต่พอได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อจริงๆแล้ว เขากลับเลือกที่จะไม่พูด ไม่อยากให้อีกคนต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้
คาบเรียนในช่วงค่ำ คนตัวเล็กตัดสินใจเลือกที่จะนั่งด้านหลังของห้อง เขาไม่ได้ไปนั่งกับคริสเพราะคิดว่าอีกคนคงไม่อยากคุยกับเขาในตอนนี้ ตั้งแต่แยกกันที่ห้องสมุดคริสก็ไม่มาให้เห็นอีกเลย จะพบกันอีกทีก็ตอนเข้าเรียนเท่านั้น
“ทำไมวันนี้ไม่นั่งกับคริสล่ะเลย์” ดีโอรูมเมทของไคเอ่ยถามเมื่อเดินออกจากคลาสเรียนที่วันนี้ไม่เห็นเพื่อนหน้าหวานนั่งเรียนกับคริสเหมือนอย่างเคย
“อ..อ่อ พอดีวันนี้ฉันเข้าเรียนช้าน่ะเลยไม่มีที่นั่ง”เลย์เลือกที่จะตอบเบี่ยงเบนความจริงแทน ก่อนที่จะหันไปแล้วพบว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่เดินผ่านเขาไปโดยไม่หันมามองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ความน้อยใจที่เกิดขึ้นพลันทำให้น้ำใสๆที่เอ่อรอบดวงตาพร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเวลาเมื่ออีกคนทำเหมือนเขาไร้ตัวตน
“ดีโอ งั้นฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะแล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
เพื่อกลบเกลื่อนอาการเหมือนคนฝุ่นเข้าตา เลย์เลือกที่จะบอกลาอีกคนเพื่อกลับไปทำความเข้าใจกับรูมเมทที่ทำเมินเฉยใส่กันเมื่อครู่ให้หายขุ่นเคืองใจ ดีกว่าปล่อยไว้ให้มันค้างคาอยู่อย่างนี้
“แล้วเจอกันนะเลย์”
ทั้งสองโบกมือให้กันก่อนที่เลย์จะปลีกตัวออกมาเพื่อเดินตามคริสไป มันไม่ใช่เรื่องหากจะไม่พูดกัน คริสอาจจะโกรธเขาเรื่องเมื่อบ่ายแต่เขาก็อยากจะขอโทษคริสที่ทำให้ความเป็นห่วงของคริสต้องสูญเปล่า
ร่างบางเดินมาถึงหอพักก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหวังว่าจะเจอกับใครอีกคนที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด เขาพบเพียงความว่างเปล่า คริสยังไม่กลับมาที่ห้องแล้วเขาไปไหนกันนะ
…THE WIZARD…
“ย๊า!ไอ้น้องชาย ห้องนายไม่มีอยู่รึไง?” ชางมินเอ่ยถามน้องชายในสายเลือดที่อยู่ๆก็เดินเข้ามาในห้องของเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งยังถือวิสาสะใช้เตียงนอนของเขาเพื่อนอนอ่านหนังสือไปพรางๆ
“มี แต่ไม่อยากอยู่” คริสตอบกลับไปแบบไม่ใส่ใจนัก ชางมินเห็นเช่นนั้นก็กรอกตาไปมาอย่างเอือมระอาแต่ก็อดจะเอ่ยแซวคนอ่อนปีกว่าไม่ได้ อาการแบบนี้มันเหมือนคนอกหักก็ไม่ปราน
“ทำไม? โกรธกับแฟนอยู่รึไง? โอ้ย!” ชางมินถึงกลับร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเหยเกเมื่อได้รับหนังสือที่ลอยมาจากการปาสุดแรงของน้องชายตัวเองเข้าเต็มๆ
“แฟนบ้าอะไรล่ะ!” คริสตวัดสายตาส่งไปให้พี่ชายอย่างคาดโทษ แต่ถึงจะแสดงออกย่างนั้นก็ไม่ใช่ไม่ชอบที่พี่ชายล้อเล่นแบบนี้ แต่จะให้ยอมรับว่ารู้สึกดีก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอามาพูดเล่นกัน
“เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิจะปาหนังสือใส่ทำไมวะ? ถ้าหน้าฉันเป็นอะไรนายต้องรับผิดชอบด้วยคริส” ชางมินพูดไปก็ลูบหน้าผากตัวเองไป อยากนึกโกรธคนเป็นน้องชายแต่ก็อดที่จะนึกขำเสียไม่ได้ ที่จริงก็เขินแต่กลบเกลื่อนความรู้สึกไปงั้น เข็มแข็งในทุกเรื่องแต่ก็อ่อนไหวให้กับความรักสินะ
“………….”
“แล้วตกลงมีเรื่องอะไร จะไม่เล่าให้ฉันฟังรึไง?”ชางมินเอ่ยถามน้องชายอีกครั้ง หากคริสไม่มีเรื่องทุกร้อนใจคงไม่มาหาเขายามนี้เป็นแน่ มันไม่ใช่วิสัยของน้องชายเขาเลย
“มีเรื่องอะไรต้องเล่า”
“แล้วไอ้ที่มาห้องฉันตอนนี้อย่าบอกนะว่าไม่มีอะไร อยากหลบหน้าเข้าอ่ะดิ” คนเป็นพี่แสยะยิ้มอย่างรู้ทันราวกับว่าเขาเป็นตัวคริสเสียเอง ใบหน้าคมจ้องมองคนเป็นน้องอย่างจับผิด คนอื่นอาจดูไม่รู้ว่าคริสเป็นอะไร หากแต่ชางมินแล้วต่อให้ใครดูไม่ออกแต่เขากลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“รู้ทันไปซะหมด!!”
“ก็นายเป็นน้องฉันหนิ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่คริส” ชางมินอ่อนลงให้กลับคนเป็นน้อง ถึงจะมีปากเสียงกันบ้างแต่เพราะสิ่งนี้เขาและคริสจึงเข้าใจกันมากขึ้น เขามักจะรู้ใจของคริสเสมอ รู้ว่าน้องชายรู้สึกยังไง คิดอะไร เหมือนมีสายสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้องที่เชื่อมกันอยู่
“อืม ก็อย่างที่นายคิด” คนอ่อนปีกว่าตอบก่อนจะลุกขึ้นหยิบหนังสือที่เพิ่งปาใส่พี่ชายเมื่อครู่ขึ้นมาแล้วกลับมานั่งอ่านมันบนเตียงเหมือนเดิม
“ชอบเขาแล้วทำไมไม่บอก”
“ยังไม่ถึงเวลา” บทสนทนาที่ทั้งห้วนและสั้นดูจะเป็นเรื่องปกติของคริสราวกับว่าทุกคำพูดที่เปล่งออกไปมีค่ามากยังไงอย่างนั้น
“แล้วเวลาไหนจะได้บอกหรือจะรอเวลาที่เขาจากไปก่อน”
คริสนิ่งชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของคนเป็นพี่แต่ก็นึกขำไม่น้อย เขายังมีเวลาอีกมากที่จะอยู่กับเลย์แล้วทำไมต้องเร่งรีบอะไรขนาดนั้น ก่อนปากเรียวจะกระตุกยิ้มพร้อมทั้งส่ายหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดไร้สาระให้ออกไปจากหัวเสียให้หมด
“กลัวเสียเพื่อน” ปากไวกว่าความคิด ไม่ทันได้คิดแต่ใจก็สั่งให้พูดไปแล้ว
“ถุย! น้ำเน่า”
สองพี่น้องสายเลือดเดียวกันพ่นหัวเราะออกมากับบทสนาที่ถกเถียงกันเมื่อครู่ราวกับว่ามันเป็นเรื่องขบขัน นานๆชางมินจะเห็นคริสยิ้มมีความสุขอย่างนี้ คริสไม่ใช่คนที่จะยิ้มง่ายๆจนเลย์เข้ามาในชีวิตของเขา เพียงไม่กี่วันคนตัวเล็กก็เข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจน้องชายเขาได้ขนาดนี้ และนั่นคนเป็นพี่อย่างเขาก็เห็นดีด้วยไม่น้อย เขาถูกชะตากับเลย์ตั้งแต่แรกเห็นเลยก็ว่าได้
“ไปละ ไว้ว่างๆจะมาใช้บริการใหม่”
คริสลุกขึ้นจากเตียงของพี่ชายก่อนจะวางหนังสือที่อ่านเมื่อครู่ไว้ที่เดิม ใช่ว่าอ่านรู้เรื่องแต่มันไม่เข้าหัวเลยสักนิด ก่อนจะโบกมือลาชางมินแล้วเดินออกจากห้องไปพลันตรงดิ่งยังห้องของตัวเองทันที
ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อคริสเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่ารูมเมทหน้าหวานที่มักทำให้เขาใจสั่นแปลกๆนั้นหลับไปก่อนแล้ว มือหนาค่อยๆยกขึ้นชี้ไฟให้เปิดขึ้นสลัวๆเพียงแค่ดวงเดียวเท่านั้น หวั่นเกรงว่าจะทำให้คนที่หลับอยู่เผลอตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่ทันได้รู้ตัวร่างสูงก็ยืนจ้องใบหน้าติดหวานของคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียแล้ว
ยอมรับเลยว่าไม่เคยเป็นแบบนี้และไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใคร รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่แสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกว่าหัวใจที่ตอนนี้มันเต้นไม่เป็นจังหวะนั้นสาเหตุมันมาจากอะไร คริสจ้องมองใบหน้าหวานที่ปิดเปลือกตาพริ้มจนถลำลึก เวลาหลับใหลคนตัวเล็กก็เหมือนกับเด็กน้อยทั้งน่ารักน่าเอ็นดูจนไม่อยากจะให้ใครได้ดูแลนอกจากตัวเขาเอง
อยากเข้าไปลูบผม อยากกอด อยากทำตามความรู้สึก แต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำแบบนั้นได้ เมื่อนึกถึงความเป็นเพื่อนใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดี กลัวคนตรงหน้าเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วจะเปลี่ยนไป กลัวว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้กันเหมือนอย่างตอนนี้ แค่คิดก็กลัว จำต้องปล่อยใจให้เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
.......................
“ไปไหนมา?”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไม่ทันที่คริสจะได้ล้มตัวลงนอนก็ต้องหยุดชะงักในทันทีเมื่อคนตัวเล็กเตียงข้างๆเอ่ยถามออกมาทั้งที่ยังนอนหันหลังให้กันอยู่
“สนใจด้วยรึไง?” ถึงอยากจะตอบดีๆ อ่อนโยนกับคนตัวเล็กแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่พูดลอยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น ใจมันกลัว กลัวไปหมดซะทุกอย่าง
“นายโกรธอะไรฉัน?” เสียงหวานเอ่ยถามหากแต่ใบหน้าก็ยังไม่หันมามอง
“เปล่า”
“หลบหน้าฉันทำไม?”
“ฉันเปล่า” คริสยังคงตอบเสียงเรียบหากแต่ในใจอยากจะเดินเข้าไปกอดปลอบอีกคนใจจะขาด รู้สึกผิดคงเป็นคำตอบที่จะตอบหัวใจตัวเองได้ในตอนนี้
“นายทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว” เลย์เอ่ยพูดเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกว่าเมื่อไม่มีคริสเขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ยอมรับว่าเขารู้สึกอยากอยู่คนเดียวในตอนแรก แต่พอไม่มีคริสอยู่ด้วยกันเหมือนทุกครั้งมันกลับรู้สึกหมือนขาดอะไรไป
“……………”
“ฉ..ฉันขอโทษ ฮึก...”
เสียงหวานที่สั่นเครือ พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเอ่ยขอโทษอีกคน ก่อนจะยกผ้านวมผืนใหญ่คลุมร่างตัวเองในทันที นัยน์ตาคนตัวเล็กตอนนี้ร้อนผ่าวทั้งยังพรั่งพรูไปด้วยหยดน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาปะปนกับเสียงสะอื้นภายใต้ผ้านวมผืนหนานั้น ถึงจะพยายามกลั่นสะอื้นเพียงใดแต่คริสก็รับรู้ได้ว่าเลย์ร้องไห้และคงเสียใจไม่น้อยกับการกระทำของเขา หากแต่เลย์ก็ยังขอโทษ ขอโทษให้กับเรื่องเมื่อกลางวันที่เมองข้ามความหวังดีของคริสไป
คริสลุกขึ้นจากเตียงของตัวเองก่อนจะสาวเท้าเดินไปหย่อนกายนั่งลงกับเตียงข้างๆให้เบาที่สุด มือหนาค่อยๆยกขึ้นดึงผ้าที่คลุมกายบางออกช้าๆ ก่อนจะเห็นใบหน้าใต้ผ้านวมที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน ใช้นิ้วหัวแม่มือค่อยๆบรรจงเกลี่ยน้ำตาให้กับอีกคนอย่างอ่อนโยน ถึงแม้คนตัวเล็กจะร้องไห้จนตาบวมช้ำไปหมดแต่ก็ยังดูน่ารัก จมูกที่แดงกับดวงตากลมที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆก็ยังดูมีเสน่ห์ แต่มันคงจะไม่ดีนักถ้าเขาทำให้คนตรงหน้าร้องไห้เพราะเขาอีก
“ขอโทษฉันเรื่องอะไรหื้ม? ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนาย”
คริสยังคงเกลี่ยน้ำตาให้กับคนตัวเล็กเรื่อยๆก่อนจะจ้องลึกลงไปในตากลมที่กำลังสั่นระริกอยู่ แต่นั่นก็ต้องทำให้คริสหลบสายตาคู่สวยไปเสียเองเมื่อหัวใจของเขามันกลับสั่นไหวตามไปด้วย
“อ๊ะ!!”
เลย์ลุกขึ้นนั่งแล้วสวมกอดคริสในทันที เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้แต่ใจมันไม่รักดีสั่งให้เขาทำ คริสเบิกตากว้างเมื่ออีกคนโผลเข้ากอดเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่ทันได้เตรียมใจ ก่อนจะสวมกอดอีกคนกลับตามที่ใจเขาก็โหยหาเช่นกัน มือหนายกขึ้นลูบหัวทุยอย่างอ่อนโยนไม่วายต้องยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังกอดกับใครอยู่ราวกับว่าฝันไป ฝันที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย
“………….”
“นายเป็นอะไรเลย์? วันนี้นายทำตัวแปลกๆทั้งวันเลยนะ” คริสเอ่ยถาม
“ฮึก...ก็นาย ฮึก..นายไม่คุยกับฉัน ฉันคิดว่านายไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแล้ว ฮื้อ..ฮึก แค่ตอนนี้ฉันก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้ว นายยังปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวแบบนี้อีก ฮื้อ...”
เลย์ร้องไห้ในอ้อมกอดของคริส ใบหน้าหวานกดซุกลงที่แผ่นอกว้างของอีกคนซึ่งคริสก็ยินดีเป็นที่สุดที่จะให้คนตัวเล็กได้พักพิง เสียงหวานระบายสิ่งที่ตนอัดอั้นออกมาจนหมดเปลือก รู้สึกอบอุ่นเมื่อมีคริสอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้จะเพิ่งเป็นเพื่อนกัน เลย์ก็มีคริสเพียงคนเดียวที่จะพึ่งได้และไว้ใจที่สุดในตอนนี้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้กับคริสได้เช่นกัน หากแต่เลย์ไม่ทันได้เห็นมันเท่านั้นเอง
“นายนี่เด็กน้อยจริงๆฉันบอกตอนว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายห๊ะ? นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย นายยังมีฉัน มีแม็กแล้วก็รุ่นพี่อีกตั้งหลายคน คิดมากไปได้” พูดเสร็จก็ผลักหน้าผากบางจนคนตัวเล็กเอนไปตามแรงโน้มถ่วงทั้งที่มือหนาก็ยังโอบกอดรอบเอวของอีกคนอยู่ เลย์ยู่หน้าใส่เจ้าของมือนั้นอย่างไม่พอใจ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าการกระทำที่น่ารักแบบนี้ทำให้ร่างสูงคิดเกินเพื่อนไปเสียแล้ว
“แต่ฉันไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะฉัน”
“ไม่มีใครเดือดร้อนเพราะนายหรอกนะ ทุกคนเต็มใจช่วยนาย”พูดเสร็จ คริสก็ค่อยๆผละออกจากเลย์ช้าๆก่อนจะเผลอแสดงอาการบางอย่างออกไปโดยไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“…………”
“มองอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างห้วนๆพร้อมทั้งยกคิ้วเรียวอย่างรู้สึกแปลกเมื่อคนตัวเล็กกว่าเอาแต่จับจ้องใบหน้าของเขาจนขาดความมั่นใจ
“นายยิ้มเป็นด้วย?” เลย์เอ่ยแซวเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของคริส ถึงในห้องจะมีแค่เพียงแสงไฟสีส้มสลัวๆ แต่มันกลับเห็นได้ชัดเจนและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่เขาได้รับเช่นกัน ยอมรับว่าตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มของอีกคนเลย์ก็ใจเต้นแรงในทันที
คริสเมื่อได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มที่เคยปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลาก็หุบลงฉับพลัน พลางนึกตำหนิตัวเองที่ไม่รู้จักเก็บอาการจนเผลอแสดงมันออกไปให้คนตัวเล็กได้เห็น
“พูดมาก! นอนได้แล้ว”
ไม่วายกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง พูดเสร็จคริสก็เดินกลับไปล้มตัวลงนอนที่เตียงของเขาทันที รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่ออีกครั้งเมื่อไฟในห้องได้ปิดลง ยอมรับว่ามีความสุขที่สุด แค่ได้กอดคนตัวเล็ก ได้กลิ่นหอมประจำกายของอีกคนก็แทบคลั่ง แค่รู้ว่าไม่ได้ฝันไปใจมันก็สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่นี่มันคือชีวิตจริง ความจริงที่เขาไม่สามารถกำหนดมันได้
…THE WIZARD…
ความคิดเห็น