คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ll THE WIZARD ll Chapter 3
THE WIZARD 3
แสงแดดที่สาดส่องรอดผ้าม่านสีอ่อนเข้ามากระทบกับใบหน้า ไม่ใช่แสงแดงในยามเช้าหากแต่เป็นยามเย็นก่อนอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ทำให้ร่างบางที่นอนไม่ได้สติมาทั้งวันทั้งคืนเริ่มขยับตัวเล็กน้อย ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ พร้อมกับความมึนงงว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อวาน แต่นั่นกลับนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักที
“อ๊ะ! ปวดหัว”
ความรู้สึกหนักอึ้งที่ศรีษะทำให้เลย์ต้องยกมือขึ้นจับที่ขมับตัวเองในทันที มันปวดจี๊ดจนทรมาน ก่อนจะค่อยๆ ผยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง หากแต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นดีก็มีมือหนาของใครอีกคนผลักให้นอนลงไปอยู่เหมือนเดิม
“อย่าเพิ่งลุก นายควรจะให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน” คริสต่อว่าคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นทันทีโดยไม่ยอมให้ร่างกายได้เข้าที่ดีซะก่อน อดให้เขาเป็นห่วงไม่ได้เลยสักครั้ง
“ฉันเป็นอะไร?”
“หึ! ทำตัวเองแท้ๆ ก็ไอ้ที่นายดื่มไปเมื่อวานไง” เมื่อได้ฟัง เลย์ก็พยายามประติดประต่อเรื่องราวในหัวอีกครั้ง หากแต่ก็ไม่สามารถจำมันได้เลย
“จำไม่ได้อ่ะ”
“ความจำสั้น!”
“……………”
“เมื่อวานนายดื่มไวโอเลตเข้าไป ยังจำที่ฉันบอกได้หรือเปล่าว่าอีก 1 ชั่วโมงให้นายขึ้นมารอที่ห้อง”
เหมือนเลย์จะคับคล้ายคับคลากับสิ่งที่คริสบอกแต่ก็ไม่สามารถจะจดจำทุกอย่างได้เลยซะทีเดียว หัวทุยพยักหน้าขึ้นลงเป็นการตอบรับว่าเขายังจำสิ่งที่คริสพูดได้อยู่ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง
“ทำไม?”
“ก็ไวโอเลตถือเป็นเครื่องดื่มที่แรงที่สุดในรายการเครื่องดื่มที่นายเลือกเมื่อวาน แล้วที่ฉันบอกให้นายพอ ก็เพราะว่าฉันรู้ยังไงล่ะว่านายจะเป็นแบบนี้ ก็ห้ามไม่ทันหนิทำไงได้” คริสส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ แต่นั่นก็ทำให้เลย์ได้รู้แล้วว่าเขาได้ดื่มอะไรเข้าไปจนทำให้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงและต้องมานอนไม่มีสติอยู่แบบนี้
“ใครจะไปรู้ว่ามันแรงขนาดนั้นเล่า ก็เห็นสีมันสวยดี” เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา พลางหลับตาลงอีกครั้งให้สมองที่ยังคงหมุนอยู่ได้คลายอาการปวดให้หายไปบ้าง
“ก็ยังดีที่ดื่มไปแค่แก้วเดียว ไม่งั้นคงได้นอนไปสามสี่วัน”
“ห๊ะ? มันแรงขนาดนั้นเลยหรอ?” สีหน้าตกใจของคนตัวเล็กทำให้คริสส่ายหัวอย่างอ่อนใจอีกครั้ง ไม่ใช่เลย์ไม่รู้อะไร แต่เป็นเพราะไม่คิดจะสนใจอะไรเลยต่างหาก
“ก็แรงขนาดทำให้หลับได้เป็นอาทิตย์”
“แต่ก็ยังเอามาให้ฉันเลือกดื่มสินะ” เลย์บ่นค่อนขอดพึมพำ ถึงจะรู้ว่าตัวเองผิดที่เผลอดื่มมันเข้าไป แต่ก็ไม่คิดว่าโรงเรียนจะเอาเครื่องดื่มที่แรงขนาดนี้มาให้นักเรียนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างเขาเลือกดื่มมัน
“หึ! โง่หรือเปล่า ก่อนจะเลือกนายก็ควรอ่านสรรพคุณมันก่อน” นั่นก็ทำให้เลย์ถึงกับหน้าเจือนลงไปในทันที โทษใครไม่ได้เลย เป็นเพราะเขาที่สะเพร่าและไม่รอบคอบเสียเอง
“ก็ฉันไม่เห็น” คนตัวเล็กพูดเสียงแผ่วเบาพลางทำหน้ายู่ส่งไปให้ ก่อนจะเห็นร่างสูงยกยิ้มมุมปากแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เลยในตอนนี้ไม่ใช่แค่ปวดหัวธรรมดาหากแต่ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกไปไหนได้ตามปกติ
คริสเดินเข้าไปในห้องน้ำได้ไม่นานก่อนขายาวๆของเขาจะเดินออกมาอีกครั้ง ในมือมีกะละมังใบเล็กที่ใส่น้ำอุ่นอยู่ข้างในพร้อมกับผ้าขนหนูผืนบาง เดินมาถึงก็วางมันลงที่โต๊ะข้างๆเตียงของคนตัวเล็กอย่างระมัดระวัง พร้อมจะทำหน้าที่ที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนอย่างชั่งใจ
“ถอดเสื้อ!”
“ห๊ะ!?” เลย์ถึงกับตกใจไม่น้อย ดวงตาที่เคยปิดอยู่ในตอนแรกพลันเบิกโพลงในทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากอีกคน
“นายไม่ถอดเสื้อแล้วฉันจะเช็ดตัวให้ได้ยังไง?” คริสยังคงถามเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าอยากให้อีกคนถอดหากแต่มันจะดีกว่าถ้าเขารีบเช็ดตัวให้คนตัวเล็กได้เร็วและไม่ต้องทนมองอีกคนให้ใจตัวเองสั่นเล่นนานๆ
“…………”
“เร็วๆ สิ!” คริสขึ้นเสียงเมื่อเลย์เอาแต่เงียบ ไม่วายยังทำสีหน้าไม่พอใจส่งไปให้อีกด้วย
“ก..ก็..ฉันไม่มีแรงแล้วจะให้ถอดยังไงเล่า!”พูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีอีกคนไปอีกทาง พวงแก้มนิ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาไม่เคยให้ใครได้เห็นเนื้อหนังมังสาของเขาเลยสักคน หากแต่คริสกลับเป็นคนแรกที่ได้เห็นมัน
เลย์รู้สึกได้ว่าเสื้อที่สวมใส่อยู่ค่อยๆร่นขึ้นมาเรื่อยๆจนรู้สึกเย็นวูบวาบเพราะไร้การปิดบังผิวหนังส่วนที่โชว์สู่สายตาคนที่ถอดมัน ไม่อยากปฏิเสธเลยว่าอายอีกคนเหลือเกิน แต่กลับต้องปั้นหน้าเพราะกลัวจะเผลอยิ้มออกไปให้คนตรงหน้าเห็น ไม่วายยังจดจ้องใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างลืมตัวอีกด้วย
ไม่ใช่แค่เลย์แต่คริสเองก็เช่นเดียวกัน การที่ต้องทนเห็นเนื้อผิวสะอาดขาวเนียนของอีกคนมันทำให้เขาประหม่า อยากเปลี่ยนคำพูดเมื่อครู่แล้วบอกให้คนตัวเล็กใส่เสื้อซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะทำแบบนี้มันอันตรายกับเขาเกินไป คิดว่าจะง่ายในตอนแรกหากแต่ตอนนี้มันยากเกินจะห้ามใจ
พลั่ก!!
“ย๊า!! พวกนายทำอะไรกัน?”
ทั้งสองสะดุ้งตกใจเมื่ออีกคนเขามาโดยไม่ได้เคาะประตู และเป็นอีกครั้งที่คนที่เข้ามาใหม่ทำให้หัวเสียเพราะไร้มารยาทเป็นครั้งที่สอง
“ทำไมนายชอบเข้ามาไม่เคาะประตูห๊ะ ไค!?” คริสเอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด หากแค่คนผิวเข้มดูจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย สายตาคมจับจ้องไปทั่วเรือนร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะไล่สายตาไปตามสัดส่วนต่างๆ เขาชอบผิวขาวเนียนของเลย์เช่นกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเพื่อนทั้งสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่
“บอกมานะว่าพวกนายทำอะไรกัน แล้วเลย์ถอดเสื้อทำไม?” ไคยังคงถามต่อไป ดูเขาตื่นๆและดูจะสงสัยมากเลยทีเดียว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนเป็นโบว์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคริสกับเลย์ในภาพที่ล่อแหลม หากแต่เพื่อความแน่ใจครั้งนี้จะถามให้รู้เรื่อง
“ฉันไม่มีแรง คริสก็เลยจะเช็ดตัวให้” เสียงหวานตอบออกไปตามความเป็นจริง นัยน์ตากลมคู่สวยกลอกไปมาอย่างเหนื่อยอ่อนกับความคิดของเพื่อนผิวเข้มที่เขามาใหม่
“แล้วถอดเสื้อทำไม? สอดมือเข้าไปเช็ดก็ได้หนิ”
“ก็มันไม่สะดวก แล้วถอดเสื้อมันเป็นยังไงก็ผู้ชายด้วยกัน อีกอย่างเลย์ก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเลย์คงจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของไค คริสเลยเป็นฝ่ายตอบคำถามแทน แต่นั่นกลับทำให้เลย์หน้าเจือนลงไปเสียสนิท เลย์ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกใจกระตุกวูบและไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น
“เออๆขอโทษที่เข้าใจผิด ก็นึกว่าพวกนายจะทำอะไรกันซะอีก”
คำพูดของไคทำให้คนตัวเล็กต้องกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอาอีกครั้ง ความคิดของเพื่อนผิวเข้มมันมีแต่เรื่องอย่างว่าจนเลย์อยากจะเอารองเท้าปาหน้าสักสองสามที
“แล้วเข้ามาทำไม?” คริสถามเพื่อนผิวเข้มเสียงเรียบพร้อมกับเช็ดตัวให้เลย์ไปด้วย
“ไม่มีอะไร ก็วันนี้ฟรีเดย์ฉันเลยแวะมาหา” ไคตอบพลางเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงของเลย์ ก่อนจะมองสำรวจนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
“แล้วห้องนายไม่มีให้อยู่รึไง?”
“รูมเมทฉันมันอ่านหนังสืออ่ะดิ นิดหน่อยก็บอกให้ฉันเงียบ ไม่รู้จะขยันอะไรหนักหนา ยังไม่ทันได้เริ่มเรียนเลยด้วยซ้ำ” ไคร่ายเรื่องรูทเมทให้ทั้งสองฟังด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น เมื่อได้ฟังทั้งคริสและเลย์กลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจไคเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกเอือมกับความเป็นเด็กของเขาเสียมากกว่า
“ใครเป็นรูมเมทนายหรอ?” เลย์เอ่ยถาม
“ดีโอ”
“……..”
“ไอ้นี่มันหนอนหนังสือชัดๆ ไม่คิดจะทำอย่างอื่นบ้างรึไงนะ” ไคเล่าไปก็หงุดหงิดไป มือหนายกขึ้นขยี้ผมอยู่หลายครั้งเมื่อเอ่ยถึงรูมเมทของเขา
“สักวันนายอาจต้องพึ่งเขานะ” คริสบอกกับไคเป็นนัยๆ หากแต่ไคก็ไม่คิดจะฟัง ทั้งยังยกมือขึ้นปฏิเสธไปว่าไม่มีทางที่เขาและดีโอจะญาติดีกันแน่นอน หากแต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
…THE WIZARD…
“เลย์ ตื่นได้แล้ว”
แรงสะกิดจากอีกคนทำให้ร่างบางต้องงัวเงียตื่นด้วยความไม่พอใจนัก เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลยังไม่หมดทำให้ร่างกายยังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากลุกไปไหนเลย
“งืมๆ ขอนอนต่อไม่ได้รึไง?”
“ตื่นเดี๋ยวนี้ วันนี้เรามีเรียนนะนายลืมรึไง?” เพียงแค่นั้นร่างบางก็ถึงกับสะดุ้งโหยงตื่นขึ้นมาในทันที
“คริสรอฉันด้วยนะ ขอเวลาสิบนาที” พูดเสร็จก็รีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเร่งรีบ ปล่อยให้อีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างลืมตัว วันนี้เป็นวันแรกที่คริสปลุกเลย์และรอไปเรียนด้วยกัน แต่นั่นคนตัวเล็กกับลืมนึกถึงมันไป
ร่างของทั้งสองเดินไปตามโถงทางเดินของโรงเรียน วันนี้เป็นคาบแรกของการเรียนที่เดอะวิซาร์ดและเป็นการเรียนนอกสถานที่ ทั้งคริสและเลย์จึงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ทันในคลาสแรกของวันที่ระบุไว้ในตารางเรียน
“ทำไมพี่นายไม่แต่งชุดนักเรียนอ่ะคริส?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชางมินที่เดินสวนกันเมื่อครู่สวมใส่เสื้อแขนกุดโชว์กล้ามทั้งยังใส่หมวกอะไรแปลกๆที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับชุดที่สวมอยู่
“นายนี่ความจำสั้นจริงๆสินะ ฉัยก็เคยบอกแล้วไงว่าพี่ชายฉันมันอินดี้” คริสตอบแบบไม่เต็มใจนัก ตาเรียวกลอกไปมาอย่างเบื่อหนายเมื่อรูมเมทหน้าหวานเอาแต่สนใจแต่พี่ชายของเขาจนรู้สึกขัดใจ
“…………”
“ก็อย่างงี้แหละ ไม่เคยแต่งตัวถูกระเบียบ อยากเข้าเรียนตอนไหนก็เข้า ไม่เคยปฏิบัติตามกฏ”
“แล้วทำไมไม่โดนไล่ออกอ่ะ?” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้ง แปลกใจจริงๆกับเรื่องของรุ่นพี่หน้าหล่อ ดูท่าว่าจะใหญ่ใช่เล่นในโรงเรียนแห่งนี้
“นักเรียนดีเด่น ไม่เคยเข้าเรียนแต่ก็สอบได้เต็มเกือบทุกวิชา”
“โห้ สุดยอดอ่ะ ฉันชอบพี่นายจัง…”
“พี่ฉันมีแฟนแล้ว!” ไม่ทันได้ให้คนตัวเล็กพูดจบดี คริสก็โพลงสวนขึ้นมาซะอย่างนั้น ท่าทางไม่ชอบใจแบบนี้คงจะมีแค่เลย์คนเดียวที่ดูไม่ออกว่าเขาเป็นอะไร หากแต่คนที่มองดูอยู่ไกลๆอย่างชิมชางมินรู้ดีเป็นไหนๆ
“ก..ก็รู้แล้ว ชอบของฉันหมายถึงพี่นายเก่งเป็นตัวของตัวเองไง แบบเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อ่ะ นายคิดอะไรเนี่ยคริส?” เลย์อธิบายให้คริสฟัง ในใจก็กลัวว่าพูดอะไรออกไปจะทำให้อีกคนไม่พอใจหรือเปล่า คริสมักจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆ จนเขาตามไม่ทัน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เลย์ก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไปจนทำให้คริสอารมณ์เสียอยู่ในตอนนี้
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว” พูดเสร็จร่างสูงโปร่งก็เดินหนีไปในทันที ปล่อยให้อีกคนยืนงงจนไม่รู้ต้องทำอะไรต่อไปก่อนจะรีบสาวเท้าตามไปติดๆ
…THE WIZARD…
คาบแรกของวันนี้ที่เต็มไปด้วยบรรดานักเรียนจากปราสาทต่างๆที่เข้ามาเรียนรวมกันมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด ร่างสองร่างที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในคลาสเรียนนอกสถานที่แห่งนี้กำลังเป็นที่สนใจของนักเรียนจากปราสาทเดียวกันและรวมทั้งปราสาทอื่นๆด้วย คริสและเลย์เลือกนั่งที่ที่ไม่หน้าและไม่หลังจนเกินไป เนื่องจากพวกเขามาช้าทำให้ได้ที่นั่งไม่ค่อยดีนัก
“นักเรียนทุกคนมากันพร้อมแล้วนะ ฉัน...ศาสตราจารย์มินวู พวกคุณคงจำได้ตั้งแต่วันปฐมนิเทศแล้ว วันนี้คือคาบแรกของพวกคุณ ผมขอให้ทุกคนตั้งใจเพราะมันคืออนาคตของคุณ”
มินวูพูดพร้อมกับเดินไปเดินมาจนทำให้ร่างบางรู้สึกเวียนศรีษะไปหมด สถานที่และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวก็ไม่ทำให้เลย์รู้สึกดีขึ้นได้เลย นั่นเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังไม่หมดทำให้ร่างกายของเขายังไม่พร้อมรับกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น
“พวกคุณคงรู้แล้วว่าสัญลักษณ์ของปราสาทคุณคืออะไร แล้ววันนี้ผมจะสอนให้คุณเรียกสัตว์ในตำนานเหล่านั้นออกมา”
เสียงตื่นเต้นตกใจของเหล่าบรรดานักเรียนในคลาสดังขึ้นมาเป็นระยะๆสิ่งที่จะได้เรียนในวันนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ และพวกเขากำลังจะได้พบเจอกับมันในอีกไม่ช้า
“เปิดตำราหน้า 1999”
คนหน้าหวานถึงกับตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินหน้าหนังสือที่ศาสตราจารย์หน้าชั้นเรียนได้กล่าว หากแต่ก็ไม่แปลกใจเลยเมื่อตำราที่เขาหอบมาแขนแทบหักนั้นมันเล่มใหญ่ซะจนไม่อยากจะเปิดอ่าน
นิ้วเรียวตวัดตำราให้เปิดออกและค้นหาหน้าหนังสือที่ท่านศาสตราจารย์ได้กล่าวไว้ก่อนจะตื่นตาตื่นใจเข้าไปอีก เมื่อในหน้าหนังสือเต็มไปด้วยภาพเคลื่อนไหวและวิธีร่ายมนต์เรียกสัตว์ในตำนานออกมา พร้อมทั้งตัวหนังสือที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นลายตาเต็มไปหมด ถึงจะมีภาพเคลื่อนไหวแสดงวิธีการต่างๆ แต่คนที่ไม่เคยได้เรียนก็คงไม่รู้ว่ามันควรจะทำอย่างไรเป็นแน่
“ผมขอให้พวกคุณตั้งสมาธิแล้วใช้จิตนึกถึงสัตว์ในตำนานประจำปราสาทของคุณเพื่อเรียกเขาออกมา มันไม่ยากแล้วก็ไม่ง่าย แค่คุณมีสมาธิอยู่กับสิ่งนั้นแล้วคุณจะพบเจอสัตว์ในตำนานที่เป็นผู้คุ้มครองคุณ”
นักเรียนในคลาสฟังเสร็จก็เริ่มทำตามที่ศาสตราจารย์มินวูบอก บางคนเรียกได้บ้างบางคนก็ไม่สามารเรียกได้ คงเป็นเพราะสมาธิคนๆนั้นยังไม่อยู่กับร่องกับรอย ก่อนจะเป็นคริสเองที่ลองทำบ้าง เขาร่ายเพียงครั้งเดียวมังกรตัวใหญ่สีแดงก็ปรากฏสู่สายตาจนทุกคนในคลาสถึงกับอ้าปากค้างไปตามๆกัน นั่นก็รวมถึงร่างบางที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้วด้วยเช่นกัน
“โห้ สุดยอดมากเลยคริส นายอัจฉริยะจัง” เลย์พูดชมคริสจากใจจริง ทั้งยังกระโดดตบมืออย่างกับเด็กๆที่เหมือนพบเจอสิ่งแปลกใหม่ นั่นก็ทำให้คริสเผลอยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัวเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“มันก็ไม่มีอะไรยากหนิ
พอเห็นว่าคริสทำได้แล้ว เลย์เลยถือโอกาสพิสูจน์ตัวเองบ้าง เริ่มตั้งสมาธิแล้วนึกถึงมังกรที่เป็นสัญลักษณ์ประจำปราสาทจากนั้นก็เริ่มร่ายมันออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพียงไม่นานเลย์ก็สามารถทำมันได้ เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันไม่มีอะไรยากอย่างที่คริสบอก หากแต่....
“ทุกคนหยุด! วันนี้พอเท่านี้ ขอให้ทุกคนไปรอเรียนวิชาต่อไปแล้วอย่าออกมานอกบริเวณโรงเรียนเด็ดขาด ส่วนเลย์ตามฉันมา” มินวูเอ่ยสั่งนักเรียนทุกคนให้กลับเข้าไปข้างในตึกก่อนจะหันมาเรียกคนหน้าหวานให้เดินตามไป โดยสีหน้าเลย์ในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเขาทำอะไรไม่ถูก
เลย์เดินฝ่าเหล่านักเรียนที่ต่างก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว บ้างก็ซุบซิบนินทา บ้างก็คุยกันอย่างออกรส หากแต่เรื่องทั้งหมดก็มาจากเขานั่นเอง เขาไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อครู่มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ตากลมเหลือบมองไปยังร่างสูงของรูมเมทชั่วครู่ก่อนจะเห็นสายตาที่คริสส่งมาให้ด้วยความเป็นห่วง เลย์รับรู้ว่าคริสเป็นห่วงเขามากแค่ไหนหากแต่ตอนนี้มันไม่มีเวลา เขาต้องไปพบศาสตราจารย์มินวูเสียก่อน
…THE WIZARD…
“มันเป็นไปได้ยังไงครับศาสตราจารย์มินวู เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับศาสตาจารย์จอนจิน เลย์ไม่เหมือนคนอื่น"
จอนจินถกเถียงกับมินวูอยู่พักใหญ่ และนั่นก็ทำให้เลย์เริ่มใจไม่ดี เขาไม่เหมือนคนอื่นยังไง นั่นเป็นคำถามที่เขาถามตัวเองอยู่ในใจ ร่างกายรู้สึกเกร็งไปหมดเมื่อเห็นศาสตราจารย์ทั้งสองคุยกันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด หากแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่นั่งอยู่กับที่และประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่คนเดียว
“ช่วยตามศาสตราจารย์แอนดี้มาหาผมที” จอนจินเอ่ยสั่งมินวูด้วยใบหน้าที่ฉายแววของความจริงจัง ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ทั้งยังเกิดจากนักเรียนของเดอะวิซาร์ดซะด้วย
“ครับ!!”
เพียงไม่นานมินวูก็เดินกลับเข้ามาภายในห้องประชุมพร้อมกับแอนดี้ หากแต่สีหน้าของแอนดี้ดูก็รู้ว่าเขาคงยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นแน่
“มีอะไรกันรึเปล่าครับ?” แอนดี้ที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยถาม
“เลย์เรียกสัตว์ในตำนานออกมา...” มินวูพยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แอนดี้ฟัง สีหน้าเขาดูเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่เหมือนศาสตราจารย์มินวูผู้ซึ้งมีเอกลักษณ์เป็นเสียงหัวเราะคนเดิมเลยแม้แต่น้อย
“แล้วมันแปลกตรงไหนหรอครับ เด็กนักเรียนทุกคนก็เรียกได้?” แอนดี้เอ่ยติดตลก หากแต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อศาสตราจารย์ท่านอื่นไม่มีแววของการพูดเล่นเลยสักนิด
“มันจะไม่แปลกเลยครับศาสตราจารย์ หากเลย์ไม่เรียกมันออกมาถึงสองตัว”
อย่างที่มินวูพูด เลย์ร่ายเวทมนต์เรียกสัตว์ในตำนานออกมา หากแต่มันไม่ได้ออกมาแค่มังกรเท่านั้น เขาสามารถร่ายสัตว์อีกประเภทออกมาได้พร้อมกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เลย์ไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงถึงขนาดที่ศาสตราจารย์ต้องมารวมตัวกันที่นี่เลยหรือ
“ว่าไงนะ?” แอนดี้ถามย้ำด้วยความตกใจ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ถูกเลือกหากแต่ไม่คิดว่าเลย์จะร่ายสัตว์ในตำนานออกมาได้ถึงสองชนิด แอนดี้ส่งสายตาที่มีแต่คำถามไปให้เลย์ที่นั่งนิ่งอยู่ หากแต่นั่นเลย์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้ท่าเดียว เขาไม่ผิดเพราะเขาไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง
“เขาอันตราย” จอนจินเอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่นั่งตัวเกร็งอยู่ด้วยความเป็นกังวล
“ใช่ เขาอันตรายมาก แต่มันก็ดีกับโรงเรียนเราไม่ใช่หรอครับ?” แอนดี้พูดพร้อมทั้งส่งยิ้มไปให้เลย์ ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างเมื่อได้รับรอยยิ้มจากแอนดี้ หากแต่เลย์ก็ยังรู้สึกสับสนอยู่เหมือนเดิม สับสนว่าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมศาสตราจารย์ท่านอื่นถึงคิดว่าเขาอันตราย
“ใช่! ดี..แต่เขาก็คือหายณะ”
เหมือนมีอะไรมากระทบเขาที่ศรีษะคนตัวเล็กเข้าอย่างจัง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังไม่หมดทำให้ในหัวตอนนี้มันปวดไปหมด มือบางยกขึ้นลูบขมับไปมาด้วยความสบสน ความเครียดเริ่มเข้าครอบงำจนยากที่จะหาทางออก
“เอ่อ... ศาสตราจารย์ครับ ค..คือ...” เสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย เพราะกลัว กลัวจะถามออกไปแล้วได้คำตอบที่ทำให้คิดไม่ตกกลับมาแทน
“ใช่แล้วเลย์ นายเป็นฮาฟ”
“…………….”
“ฮาฟที่ว่าก็คือ...นายเป็นคนของทั้งสองปราสาท นายเป็นคนของดราก้อนและยูนิคอร์น มันดีมากสำหรับนาย นายจะแข็งแกร่งกว่าทุกคน มีสัตว์ในตำนานที่จะช่วยคุ้มครองนายถึงสองตัว แต่...มันก็ไม่ดีไปซะทุกอย่าง ถ้าพวกพ่อมดดำรู้ เขาจะกำจัดนายเป็นคนแรก เพราะนายคือคนที่สามารถทำลายล้างต้นกำเนิดของพ่อมดดำได้”
ใบหน้าหวานที่เคยยิ้มแย้มสดใส ณ บัดนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ในหัวสมองตอนนี้กลับหยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ความสับสน ความกลัว ความอ่อนแอ มันเข้ามาในจิตใจที่เคยแข็งแกร่งจนรู้สึกว่าโลกใบนี้มันเริ่มไม่น่าอยู่เสียแล้ว
“ฮาฟ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนนาย นั่นเพราะนายถูกเลือกให้ได้รับมัน ตอนนี้นายอาจจะยังไม่เข้าใจ อีกหน่อยนายก็คงจะรู้เอง ตอนนี้ก็ไปพักได้แล้วนะ มีเรียนหรือเปล่าคาบต่อไป?” แอนดี้เอ่ยถามพร้อมทั้งรอยยิ้ม ถึงจะเห็นรอยยิ้มของอีกคนหากแต่เลย์ก็รู้ได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนเต็มทน แอนดี้พยายามทำให้เขาไม่เครียด หากแต่มันไม่เป็นผลเพราะตอนนี้คนตัวเล็กไม่สามารถร่าเริงได้อีกแล้ว
“เอ่อ... ไม่มีเรียนครับศาสตราจารย์ มีเรียนอีกทีช่วงค่ำครับ” เสียงหวานเอ่ยตอบไปอย่างแผ่วเบา
“งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับ ผมลานะครับ”
เลย์โค้งให้ศาสตราจารย์ทั้งสามก่อนจะปลีกตัวออกมาจากห้องที่น่าอึดอัดนั่นทันที ภายในหัวมีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด ชีวิตนี้มันมีแต่เรื่องน่าเหลือเชื่อ มันเหลือเชื่อตั้งแต่เขามาเดินอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้แล้ว
เท้าเล็กเดินไปตามโถงทางเดินของเดอะวิซาร์ดอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง ในหัวตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกนอกจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ คิดแล้วน้ำตาก็พลันจะไหลออกมา สายตาที่ต่างจับจ้องมองมาที่เขามันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอ สายที่มองมาราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด หากแต่เลย์เลือกที่จะไม่สนใจมันและตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
ตอนนี้คนหน้าหวานไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินมาถึงที่นี่ได้ยังไง หากแต่มันคงเป็นสถานที่เดียวที่นักเรียนใหม่อย่างเขาคุ้นเคยที่สุด ใช่ หอพักนั่นเอง แต่ใจมันกลับนึกกลัว เพราะคนข้างในห้องไม่รู้จะคิดยังไงถ้าได้รับรู้ว่าเขาเป็นตัวอันตรายและไม่รู้ว่าจะยังอยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่หรือเปล่า
มือบางค่อยๆผลักบานประตูห้องเข้าไปช้าๆ ก่อนจะเห็นร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ คริสนอนหลับอยู่ นั่นทำให้เลย์รู้สึกโล่งใจไม่น้อย หากถ้า คริสไม่หลับในตอนนี้เขาคงจะอึดอัดมากกว่านี้เป็นแน่
“เฮ้อ!” เลย์ถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกโล่งแบบไม่สุด ปิดประตูเบาๆก่อนจะสาวเท้าไปยังเตียงนอนแล้วล้มตัวลงนอนสุดแรง
“ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วยนะ” เสียงหวานพึมพำเบาๆ พลางค่อยๆหลับตาลงช้าๆเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
“แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว”
“คริส!”
เลย์ที่เพิ่งจะหลับตาลงเมื่อครู่กลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่ออีกคนอยู่ๆก็โผงผางขึ้นมาเล่นเอาซะตกอกตกใจ นึกว่าหลับไปแล้วเสียอีก หากแต่ร่างสูงเตียงข้างๆนั้นกลับได้ยินมันหมดทุกอย่าง
“นายรู้?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาย”
“มันน่ารังเกียจสินะ ฉันมันตัวอันตราย”
“มีอะไรให้น่ารังเกียจ?” คริสตอบเสียงเรียบ เขายังพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับคริสแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เลย์ต้องเผชิญเรื่องแบบนี้คนเดียวเป็นแน่
“นายก็เห็นว่าฉันเรียกสัตว์ในตำนานออกมาถึงสองตัว แล้วศาสตราจารย์ก็บอกว่าฉันเป็นตัวอันตราย”
เมื่อเสียงหวานเอ่ยจบ คริสก็ลุกจากเตียงของเขาพรวดพราดแล้วเดินมาดึงข้อมือบางให้ลุกขึ้นตาม มือหนาออกแรงลากลากอีกคนให้ออกไปจากห้องในทันที โดยไม่ได้แคร์เลยว่าคนตัวเล็กจะเจ็บหรือไม่ ถึงเลย์จะงงอยู่ไม่น้อยหากแต่ก็ยอมเดินตามคริสไปอย่างว่าง่าย พลางมือบางก็ยกขึ้นเกาศรีษะอย่างนึกสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกไปเพื่อต้องการคำตอบ
“จะไปไหน?”
“เดินตามมาเฉยๆ ไม่ต้องถาม”
…THE WIZARD…
สถานที่แห่งความรู้ที่คละเคล้าไปด้วยเด็กนักเรียนมากมายที่ใช้เวลาว่างของตัวเองเพื่อศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยตำราทั้งเก่าและใหม่นับไม่ถ้วนกำลังทำให้เรื่องที่ร่างบางอย่างเลย์ข้องใจอยู่กระจ่างมากขึ้น
ร่างของคนทั้งสองเดินมาหยุดที่มุมหนึ่งของห้องสมุดขนาดใหญ่ ก่อนร่างสูงจะรั้งข้อมือบางให้เดินตามเข้าไปในซอกหลืบที่เงียบสงัด
“มาแล้วแม็ก” เสียงทุ้มเอ่ยกับคนเป็นพี่ที่มานั่งรอที่โต๊ะประจำของเขาในห้องสมุดแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว หากแต่ไม่ใช่แค่ชางมินเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงรุ่นพี่คนอื่นๆด้วย
“มานั่งสิเลย์” เป็นยุนโฮที่เอ่ยชวนรุ่นน้องหน้าหวานให้เข้าไปนั่ง เลย์ดูงงไม่น้อยที่ทุกคนมารวมตัวกัน แต่ก็ยอมเดินไปนั่งตามที่รุ่นพี่บอกแต่โดยดี เขาอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่ออะไร และทำไมถึงมีสีหน้าที่เคร่งเครียดกันขนาดนั้น
“นายคงสงสัยสินะแต่เรารู้เรื่องของนายหมดแล้ว อย่าเครียดไปเลยเด็กน้อย” เสียงหวานของแจจุงเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ เขาเป็นคนที่อ่อนโยนและดูใจดี นั่นทำให้เลย์รู้สึกถึงความเป็นกันเองจนคลายอาการเกร็งไปได้ไม่น้อย แต่คนที่เครียดกลับน่าจะเป็นพวกรุ่นพี่เสียมากกว่า ดูสีหน้าแต่ละคนไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่เลย
“ไม่แปลกหรอกครับที่พวกรุ่นพี่จะรู้ เพราะตอนนี้เขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว” เลย์เอ่ยก่อนจะหัวเราะรัว จนทุกคนต้องหัวเราะตามไปด้วย ความน่ารักน่าเอ็นดูของเลย์ทำให้รุ่นพี่ทุกคนรักเขาถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานก็ตาม
“………………….”
“แล้วรุ่นพี่ให้คริสพาผมมามีอะไรหรอครับ?” เลย์เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อไม่รู้เหตุผลที่เขาต้องมาที่นี่
“อ่อ ฉันเจอตำราเล่มนึงเกี่ยวกับเรื่องที่นายเผชิญอยู่ เลยอยากให้นายได้รู้มัน” ชางมินยื่นตำราเล่มหนาปกสีน้ำตาลที่ดูก็รู้ว่าอายุคงไม่ใช่น้อยๆไปให้ตรงหน้าเลย์
“ผมคงไม่อ่านมันหรอกครับรุ่นพี่ เพราะผมก็พอรู้มาบ้างว่ามันเป็นยังไง” เลย์เอ่ยกลับไปพร้อมกับก้มใบหน้าติดหวานที่ดูจะเศร้าเล็กน้อยลง เขารู้สึกขอบคุณที่รุ่นพี่ทุกคนที่ใส่ใจกับเรื่องของเขา ช่วยเหลือเขาตลอดแต่เขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันเสี่ยงเกินไป
“ไม่อ่านก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะบอกนายว่าเรื่องที่นายเผชิญอยู่มันไม่ได้เลวร้ายเลยนะเลย์ ดีแค่ไหนที่นายเรียกมันออกมาเป็นยูนิคอร์น”
“หมายความว่าไงครับรุ่นพี่ชางมิน?” เลย์ยิ่งสงสัยเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ชางมินพูด เรียกยูนิคอร์นออกมามันดียังไงนั่นเป็นคำถามที่ค้างคาใจ
“ก็ดีแค่ไหนที่นายไม่เรียกออกมาเป็นเซนทอร์ไงล่ะเด็กน้อย” เสียงทุ้มของรุ่นพี่เจ้าของตำแหน่งพี่ชายของคริสเอ่ยก่อนจะหัวเราะในลำคอ ถ้ารุ่นน้องหน้าหวานคนนี้เรียกออกมาเป็นเซนทอร์เรื่องคงยุ่งยากมากกว่านี้เป็นแน่
ชางมินเปิดตำราเล่มหนาไปที่หน้าใดสักหน้าหนึ่งที่เขาคั่นไว้ คงเพราะศึกษาตำราเล่มนี้มาก่อนแล้วทำให้เขาพับหน้าที่สำคัญไว้หลายหน้า แล้วดันมันส่งไปไว้ตรงหน้าของเลย์ในทันที
“ถ้านายมีเซนทอร์นั่นหมายความว่านายจะมีแต่อำนาจมืดครอบงำให้ทำแต่ในสิ่งที่ผิดกฏแห่งกรรม แต่นายเรียกได้ยูนิคอร์นนั่นจะมีแต่ความดีงาม นายจะชนะสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยความดี”
เลย์ฟังสิ่งที่รุ่นพี่หน้าตาหล่อร่ายให้ฟังด้วยความตั้งใจ หน้าตาที่ติดหวานของเลย์เวลาทำหน้าจริงจังทำให้คนที่ลอบมองอยู่หัวใจพองโตโดยที่ไม่รู้ตัว แม้เวลายิ้มก็ดูน่ามอง ในขณะที่อารมณ์ไม่ดีก็กลับมีสเน่ห์จนทำให้อีกคนหลงใหล
“แต่มันก็ไม่ดีเสมอไปใช่ไหมครับ?”
“ก็ใช่นะ แต่มันก็ดีเกินกว่าครึ่ง” ชางมินพูดพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางบิดขี้เกียจไปมา ชางมินคนที่จริงจังเมื่อครู่หายไปแล้ว กลับกลายเป็นชางมินที่อินดี้ตามประสาเช่นเคย
“แล้วที่ไม่ดีมันเป็นยังไงหรอครับ?”
“อือ....ไม่ดีหรอ? นายจะหมายถึงเรื่องพ่อมดดำใช่ไหม?”
“ช...ใช่ครับ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” เสียงหวานเอ่ยพลันรอคำตอบจากรุ่นพี่ผู้อัจฉริยะอย่างชิมชางมินอธิบายให้เขาฟัง แล้วก็เป็นไปตามนั้นเมื่อชางมิน กลับเข้าโหมดเครียดอีกครั้งพร้อมจะเล่าทุกอย่างที่ตนรู้ให้รุ่นน้องได้ฟัง
“พ่อมดดำเป็นชนเผ่านึงที่ต้องการยึดครองโลกมนุษย์ ถ้าพวกมันยึดครองก็เท่ากับมนุษย์ต้องตกเป็นธาตุของความชั่วร้ายและมนต์ดำที่พวกมันสร้างขึ้น พวกมันจะใช้อำนาจมืดทั้งหมดเพื่อให้ได้สิ่งที่พวกมันต้องการ และเพราะนายสามารถเรียกสัตว์ในตำนานได้สองตัว พลังของนายสามารถทำลายล้างพวกมันได้ ถ้ามันรู้มันคงไม่ปล่อยนายไว้”
เลย์ยังคงนั่งฟังชางมินต่อไปอย่างตั้งใจพร้อมกับคนอื่นๆ รุ่นพี่คนนี้มีอะไรที่เขาไม่รู้อีกเยอะ นอกจากความรู้รอบตัวที่เยอะมากแล้ว สมองของเขาทำด้วยอะไรนะ ไอคิวต้องไม่น้อยแน่ๆ เป็นถึงนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ร่างบางเครียดได้นั้นคงเป็นประโยคสุดท้ายที่รุ่นพี่ผู้อัจฉริยะได้พูดทิ้งท้ายไว้เมื่อครู่
“...........”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงต้องมาเรียนที่เดอะวิซาร์ด เพราะเดอะวิซาร์ดต้องต่อกลอนกับพ่อมดดำในอนาคตและเพื่อปกป้องมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ในโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่นายไม่ต้องเครียดไปหรอก นายยังมีพวกเรา”
ถึงจะเครียดไปบ้างแต่ประโยคของรุ่นพี่ชางมินก็ทำให้รอยยิ้มของคนหน้าหวานเผยออกให้เห็นช้าๆ อย่างน้อยก็มีคนที่ไม่ทิ้งเขาและอยู่ข้างเขา ขอแค่คนเดียวในโลกที่ยังเป็นห่วงเขาแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ถึงจะไม่อยากให้ทุกคนเป็นอันตรายเพราะเขาก็ตาม
“เดอะวิซาร์ดจะต่อสู้อะไรกับมันได้ในเมื่อพ่อมดดำเป็นชนเผ่าที่ใหญ่ขนาดนั้น” เป็นคริสที่เอ่ยถาม และเลย์เองก็ให้ความสนใจเช่นกัน
“ในโลกของพ่อมดไม่ได้มีแค่เดอะวิซาร์ดที่เดียวแต่ยังมีสถาบันอื่นอีก เดี๋ยวพวกนายก็จะได้พบป่ะกับเพื่อนต่างโรงเรียนในไม่ช้านี้”
เลย์พยักหนาเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะยิ้มให้กับทุกคน เขาไม่อยากจะเครียดกับสิ่งที่ได้ยิน อยากทำให้ปัจจุบันมันดีที่สุด อนาคตจะเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน ถึงจะคิดได้แบบนั้นแต่ภายในอกก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนเดิม
“นายไม่เครียดนะเลย์?” ยูชอนเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างเป็นห่วง ปกติเลย์เป็นคนร่าเริง เห็นแบบนี้ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้
“ตอนแรกผมยอมรับนะครับว่าเครียดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่เครียดแล้ว เพราะผมมีทุกคนไงผมเลยไม่เครียด ฮ่าๆ”
เลย์คนเดิมกับมาแล้ว รอยยิ้มร่าเริงเผยให้เห็นอีกครั้ง นั่นทำให้คนที่มองอยู่นานแล้วยิ้มตามได้ไม่ยาก เลย์น่ารักน่าเอ็นดูจนทำให้คริสใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งอยู่ด้วยกันแบบนี้เขาไม่รู้ว่าใจตัวเองจะทนได้นานถึงเมื่อไหร่
“ถึงไม่มีพวกฉัน น้องชายฉันก็ไม่ทิ้งนายหรอกน่า” ชางมินเอ่ยแซวน้องชายในสายเลือดก่อนจะได้รับสายตาอาฆาตกลับมาแทน ชางมินไม่ใช่ไม่รู้ ดูป้าดเดียวก็รู้ว่าน้องชายตัวเองคิดยังไงกับรุ่นน้องหน้าหวาน
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยเหอะแม็ก!” ถึงจะเขินกับคำพูดของพี่ชายแต่ก็ไม่วายต่อว่ากลับไปเพื่อกลบเกลื่อน ก่อนจะเบนใบหน้าหนีไปอีกทางพลางทำท่าทางไม่ชอบใจกับคำพูดที่เอ่ยแซวเมื่อครู่
“ผมขอบคุณรุ่นพี่มากนะครับที่ช่วยเหลือผม ขอบคุณจริงๆ” เลย์กล่าวเสร็จก็ก้มหัวเล็กน้อยให้กับรุ่นพี่ทุกคนด้วยความเคารพ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า มีอะไรก็ให้เราช่วยก็บอกได้นะ” ยูฮวานเสริมขึ้น เพราะทุกคนในที่นี้ก็ต่างเต็มใจช่วยเหลือเลย์เต็มที่อยู่แล้ว ทั้งรักทั้งเอ็นดู ทุกคนรู้ว่าเด็กคนนี้มีแต่ความจริงใจและพวกเขาก็พร้อมจะแสดงความจริงใจให้รุ่นน้องคนนี้เช่นกัน
“รบกวนด้วยนะครับ”
เลย์ฉีกยิ้มจนตาปิดส่งไปให้กับรุ่นพี่ทุกคน เผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มเมื่อเวลายิ้มออกมาทีทำให้ใบหน้าหวานนี้น่ารักมากขึ้นไปอีก แจจุงเห็นเช่นนั้นก็อดจะเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้ เขายกมือขึ้นลูบหัวทุยของเลย์เบาๆ แล้วหันไปยิ้มกับคริสที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้ว จนคริสที่รู้ตัวว่าแจจุงจับได้กับการกระทำของตนจำต้องหันหน้าหนีแล้วลูบท้ายทอยตัวเองไปมาเหมือนกับทำอะไรไม่ถูก และนั่นแจจุงก็อดขำกับความขี้เก๊กของเขาไม่ได้
“งั้นผมลาแล้วครับรุ่นพี่ สงสัยจะยังไม่หายแฮงค์ อยากนอนอีกแล้ว แฮ่ๆ”
ทุกคนหัวเราะกับคำพูดของเลย์ ก่อนจะโบกมือลาตามหลังรุ่นน้องหน้าหวานไป ถึงนี่จะเป็นห้องสมุดแต่ใครจะแคร์เพราะคนหน้าตาดีทำอะไรก็ไม่ผิด ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับชิมชางมิหรอก แม้กระทั่งศาสตราจารย์ในโรงเรียนเองก็ตาม
....THE WIZARD…
ความคิดเห็น