คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ll ADOLESCENT 17 ll 100%
ADOLESCENT 17
“เดี๋ยวครูจะให้นักเรียนทุกคนจัดห้องสอบ ผู้ชายจัดโต๊ะ ผู้หญิงทำความสะอาด ถ้าเข้าใจแล้วเริ่มลงมือได้เลยครับ เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้”
เสียงอาจารย์ปาร์คประจำชั้นหน้าห้องเอ่ยสั่งและแบ่งหน้าที่ให้กับลูกศิษย์ เข้าใจพร้อมกันแล้วต่างคนก็ต่างทำตามอย่างไม่อีดออด รู้หน้าที่ของตัวเองไม่รอช้าจึงเริ่มลงมือทำในทันที
ทุกคนต่างพร้อมใจกันหอบข้าวของส่วนตัวไปไว้ด้านนอกของห้องเรียนเป็นอันดับแรก ฝ่ายผู้หญิงที่มีหน้าที่ทำความสะอาดก็นั่งรอเวลาให้นักเรียนชายจัดโต๊ะภายในห้องให้เรียบร้อย
มือเล็กของคนหน้าหวานออกแรงดันโต๊ะเคลื่อนย้ายตามหมายเลขที่เรียงไว้บนกระดาน ยกเก้าอี้ขึ้นให้พร้อมสับพลางเพ่งเล็งแถวในตรงเพื่อความเป็นระเบียบ เสร็จตัวแรกก็เริ่มตัวถัดไป ดันโต๊ะย้ายเปลี่ยนตำแหน่งเหมือนอย่างเคย ออกแรงดันมันอยู่ดีๆมือหนาของใครบางคนกลับส่งมาหยุดไว้เสียดื้อๆ ก่อนใบหน้าหวานจะแหงนขึ้นมองสบตากับคนที่เข้ามาขัดจังหวะการทำงานแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“มีอะไร?”
“ออกไปนั่งรอนอกห้องไปเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เอ่ยสั่งคนรักคริสจึงดันไหล่เล็กของคนหน้าหวานให้ออกห่าง ชิงยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะทำท่าว่าจะเคลื่อนย้ายมันไปไว้ยังที่ที่ควรอยู่ แต่แล้วคนหน้าหวานกลับยื้อแย่งโต๊ะตัวเดิมกลับไปแล้วส่ายหน้าปฏิเสธจนกลุ่มผมนุ่มสลวยปลิวตามการเคลื่อนไหวน่าเอ็นดู
“ไม่เอาจะทำเอง ตัวอื่นก็มีนายไปทำสิอู๋ฟาน”
“ก็ไม่อยากให้เหนื่อยอย่าดื้อได้ไหมเล่า”
“ไม่เห็นจะเหนื่อยอะไรเลย ช่วยกันทำจะได้เสร็จไวๆไง”
ว่าไปมือบางจึงผลักอกคนตัวสูงให้พ้นทาง ทว่าไม่ทันอีกคนที่เร็วกว่าเมื่อข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบไว้แล้วโดนรั้งร่างกายให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดคนตัวสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าหวานแนบชิดกับอกกว้างจนรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของอีกคนที่การเต้นส่งเสียงโครมครามไม่ต่างกันเลยสักนิด
“ดื้อแบบนี้อยากโดนใช่ไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบผะแผ่วข้างใบหูทำเอาเลย์ต้องรีบหลับตาปี๋ ผ่อนลมหายใจพรูแล้วทำท่าจะผละออกยอมแพ้เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หากแต่ไม่ทันไรริมฝีปากสวยกลับถูกครอบครอง แผ่วเบารวดเร็วทว่าโผบิน ใบหน้าหวานเผยสีชัดเจนยามความร้อนผ่าวเริ่มก่อตัว ก้มหน้างุดเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเขินอาย ความนุ่มหยุ่นที่ได้รับยังคงตราตรึงถึงแม้อีกคนจะผละเรียวปากออกไปแล้วก็ตาม ไม่ว่าเลย์จะเลือกทางไหน คริสก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆอยู่ดี
“อยากทำมากใช่ไหม? ทำไปคนเดียวเลยไป๊!”
พูดเสร็จใบหน้าหวานพลันงองุ้ม ปล่อยมือออกจากโต๊ะที่ยื้อแย่งกันเมื่อครู่ก่อนเดินกระแทกเท้าตึงตังปิดหน้าตัวเองหายออกนอกห้องเรียนทันที ทำเอาคนที่มองดูปฏิกิริยาอยู่ถึงกับหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดูทั้งยังนึกขำอีกต่างหาก
“มึงก็ชอบแกล้งเลย์อยู่เรื่อยไอ้คริส เห็นไหมหน้าแดงเดินหนีไปแล้วนั่น”
แบคฮยอนค่อนขอดเพื่อนตัวสูงไปเล็กน้อยทั้งรอยยิ้มล้อเลียน ไม่ใช่อะไรเลยถ้าทุกครั้งที่เขาเห็นคือเพื่อนหน้าหวานพลาดท่าเสียทีคนอย่างคริสอยู่ร่ำไป
ถึงคริสจะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองไปบ้างแล้ว แต่ความเจ้าเล่ห์หาได้ทิ้งลายไม่ คริสก็ยังเป็นคริส ถึงจะรักเดียวใจเดียวใช่ว่าเรื่องเอาเปรียบจะลดน้อยลง
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะแบค? อยู่กับอี้ชิงทีไรกูควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอนิดนึงคือกูพอใจแล้วจริงๆ”
“เห่อเมียดิมึงอ่ะ รักเขาก็รู้จักถนอมเขาบ้าง นี่นั่งเรียนตั้งแต่เช้ามากูเห็นมึงตอดเล็กตอดน้อยเขาตลอด ระวังเถอะเลย์จะรำคาญมึงไอ้คริส แบร่!”
ว่าไปก็แลบลิ้นปลิ้นตาให้เพื่อนหน้าหล่อ เดินสะบัดใบหน้าหนีออกจากห้องทำเอาคริสนึกเครียดขึ้นมาเสียดื้อๆ ถ้าเป็นอย่างแบคฮยอนว่าจริงๆคริสจะทำยังไงดี
จัดโต๊ะเรียนเสร็จจึงเดินออกมาหาคนหน้าหวานที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เห็นคนตัวเล็กนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆก็อดจะนึกสงสัยเสียไม่ได้ ท่าทางตั้งอกตั้งใจทำให้คริสเป็นกังวล เกิดแอบคุยกับไอ้รุ่นพี่ตัวขาวแล้วคริสจะทำไง ไม่อยากจะยุ่งเลยสักนิด คริสอยากละความเป็นส่วนตัวให้เลย์บ้าง
“คุยกับใครอยู่หรอ?”
คิดได้หากแต่ทำไม่ได้อย่างที่คิด ความสงสัยทำให้ต้องเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้ มั่นใจว่าเห็นคนหน้าหวานคุยไลน์กับใครในนั้น แต่เพื่อความสบายใจคริสขอถามสักนิดก็แล้วกัน
“คุยกับลู่หาน รายนั้นจะกลับมาวันนี้”
“อ้อ! อย่างนั้นหรอ ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ นายต้องไปเรียนพิเศษต่อไม่ใช่หรอเดี๋ยวฉันไปส่ง?”
โล่งใจเมื่อได้รับรู้คำตอบก่อนจะเอ่ยชวนคนตัวเล็กและอาสาไปส่งยังที่เรียนพิเศษเหมือนอย่างเคย
“ปิดคอร์สแล้ว กลับคอนโดเลยก็ได้”
.
.
.
กลับมาถึงคอนโดเพียงแค่ย่างกายเข้ามาในห้องคนตัวสูงก็ล้มตัวลงนอนทันทีโดยไม่สนใจเนื้อตัวที่โชกเหงื่อ แม้แต่เสียงของคนรักที่เอ่ยห้ามแล้วห้ามอีกคริสก็ทำตัวเหมือนว่าหูหนวกไปชั่วขณะ นอนไม่เต็มอิ่มมาหลายวันทำให้ร่างกายอ่อนเพลียไร้ความสดชื่น
“ไปอาบน้ำก่อนเลย เหงื่อออกเยอะขนาดนี้ที่นอนเปื้อนหมดแล้วเห็นไหม?”
“แต่มันง่วงอ่ะอี้ชิง”
“ลุกเดี๋ยวนี้เลย! ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังคืนนี้ฉันจะกลับไปนอนที่บ้านนะ”
เหมือนต้องมนตร์ยามเสียงหวานเอื้อยเอ่ยคำพูดที่เด็ดขาด กายสูงเด้งตัวลุกจากฟูกนุ่มทันทีโดยไม่ต้องย้ำคำให้ซ้ำสอง เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวพลันหายเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
เห็นดังนั้นเลย์จึงถอนหายใจ แต่ทว่าทุกอย่างที่เป็นคริสกลับทำให้เผยยิ้มได้ไม่ยาก ขอแค่เป็นคริส คริสคนเดียวที่ทำให้โลกนี้ของเลย์สวยงาม
อาบน้ำเสร็จกันทั้งคู่ก็ถึงเวลาอันสำคัญ หากแต่คนตัวสูงกลับเดินไปล้มตัวลงนอนกับเตียงนุ่มเหมือนอย่างตอนกลับมาจากโรงเรียนไม่มีผิด กอดทั้งหมอนอิงและผ้านวมผืนหนาพร้อมเข้าสู่นิทราได้ทุกเมื่อ
“อู๋ฟานอย่าเพิ่งนอน อ่านหนังสือก่อนเร็ว”
เสียงหวานเอ่ยสั่งทำเอาคริสต้องกดใบหน้าเข้ากับหมอนใบใหญ่จนมันจมหายเกือบขาดอากาศหล่อเลี้ยง นี่แหละเวลาสำคัญที่ว่าคือการที่โดนบังคับให้อ่านหนังสืออย่างไม่เต็มใจ
“………………..”
“อ่านหนังสือเร็วๆเดี๋ยวสอบไม่ผ่านน้า”
เลย์ยังไม่ลดละความพยายามในการคะยั้นคะยอคนรัก หวังดีหรอกถึงอยากให้แฟนได้ดี แต่ดูสิคนที่นอนขี้เกียจอยู่นี่มันยังคงดื้อกับเขาเหมือนเคย
“พรุ่งนี้ค่อยอ่านก็ได้ อีกอาทิตย์นึงกว่าจะสอบ โรงเรียนให้หยุดตั้งหลายวันอ่านตอนไหนก็ได้นี่นา”
“เพราะคิดแบบนี้ไงถึงเห็นว่าได้ซ่อมทุกเทอมไป หวังดีนะถึงเอ่ยเตือน ไม่อยากสอบผ่านก็ไม่เป็นไร๊!”
เจือเสียงน้อยใจใบหน้าหวานเลยสะบัดหนี ลุกขึ้นจากเตียงทำท่าจะเดินไปอ่านหนังสือที่โต๊ะ ปล่อยให้คนที่มันอยากจะนอนก็นอนต่อไปโดยไม่สนใจ
แต่มีหรือจะจากไปได้ง่ายๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับส่งมือมาคว้าแขนเล็กของเลย์ไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะกระตุกเบาๆร่างกายบางจึงถลาล้มใส่ ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านพ้นแม้แต่เสี้ยววินาทีปลายจมูกโด่งพลันกดลงที่แก้มนิ่มพลางสูดกลิ่นหอมละมุนเข้าปอดไปฟอดใหญ่ให้ชื่นอกชื่นใจ
“หอม” ปากหวานเสียมดอยากจะขึ้น ทว่าที่พูดออกไปคริสคอนเฟิร์มเลยว่าโคตรจริง
“บ้า!”
อาจดูเหมือนสาวน้อยน่ารักที่เวลาต่อว่าต้องเคอะเขินดูอ่อนหวานชวนถนุถนอม แต่ถ้าหากเป็นเลย์คริสบอกได้เลยว่าแข็งกระด้าง แต่นั่นทุกอย่างกลับน่ารักเป็นธรรมชาติจนต้องยกยิ้มแทบหุบไม่อยู่
“ไม่อยากอ่านหนังสืออ่ะ ติวให้หน่อยได้ไหมครับ?” กลับเข้าสู่โหมดการศึกษาอีกครั้งคริสก็เบ้ปากอ้อนวอนคนรักจนน่าหมั่นไส้
“ก็ได้ แต่ต้องตั้งใจนะไม่งั้นฉันจะไม่ติวให้อีกเลย แล้วนายสะดวกตรงไหน โซฟาหรือโต๊ะเขียนหนังสือ?”
“บนเตียงได้ไหม?”
“ทะลึ่ง!”
ป้าบ!!!!
ต่อว่าเสร็จตามด้วยฝ่ามือเล็กอีกหนึ่งดอก ทำเอาคริสต้องร้องครวญครางทำหน้าเหยเกเพราะไอ้ฝ่ามือที่เห็นตรงหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงแรงที่ส่งมาสักนิด
“เจ็บนะอี้ชิง ฉันทำอะไรผิดเล่า!”
มือหนายกขึ้นลูบแขนตัวเองคลายความเจ็บให้ทุเลา ก่อนจะมองค้อนเล็กน้อยเพราะเจ็บจริงๆโกหกเสียเมื่อไหร่
“มองอะไร? ใครใช้ให้นายพูดจาแบบนั้นเองล่ะ!”
“พูดจาแบบไหนกัน ไอ้เราแค่อยากติวหนังสือบนเตียงเพราะไม่อยากนั่งให้ปวดหลัง แต่คนน่ารักนี่ดิคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
เลย์ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเสียงทุ้มที่เอื้อนเอ่ยทำให้ต้องอ้าปากพะงาบๆไร้คำจะพูดต่อ ทั้งสายตาคมที่มองมาพลางยิ้มล้อเลียนก็ทำเอานึกหมั่นไส้จนอยากจะเอารองเท้าแนบหน้า
“นายนั่นแหละผิด! ทำให้ฉันต้องคิดแบบนั้น” เลย์ไม่คิดจะยอม โบ่ยอีกคนไปซะเอาตัวรอดมันส่งๆ
“อ่าว โอเคฉันผิดก็ได้ งั้นก่อนติวขอกำลังใจก่อนได้ไหม?”
“อะไรของนาย...”
ไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคร่างกายบางก็ลอยหวือขึ้นไปอยู่บนตัวของคนเจ้าเล่ห์ที่นอนพิงหัวเตียงอยู่อย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาคู่คมสบมองชวนให้ร่างกายไร้การต่อต้านไปชั่วขณะ เหมือนถูกหยุดเวลายามใบหน้าหล่อเคลื่อนย้ายเข้าหา ลมหายใจเป่ารดอยู่ไม่ห่างทำเอาก้อนเนื้อให้อกซ้ายก่อเกิดการเต้นที่ไม่เป็นจังหวะ เลย์กำลังยอมอย่างไม่มีข้อแม้เพียงเพราะคนตรงหน้าสะกดสายตาให้ร่างกายเหมือนต้องมนต์
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ไม่ทันได้สานต่อเสียงขัดจังหวะพลันดังขึ้นให้ต้องเด้งลุกนั่ง เลย์หันมองยังบานประตูใบหนาก่อนจะหย่อนขาลงจากเตียงแล้วสาวเท้าเดินไปเปิดให้กับผู้มาเยือน ทั้งๆที่ควรจะเป็นเจ้าของห้องที่นั่งทำหน้าเสียดายมากกว่าที่ต้องไปต้อนรับผู้มาใหม่
“อ้าว! ลู่หาน”
“คิดแล้วว่านายต้องอยู่ที่นี่เลย์”
เพื่อนหน้าห้องที่มาไม่ถูกเวลาล่ำเวลาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นเลย์อยู่ที่นี่ ไม่วายคนรู้ทันยังพ่วงเจ้าของหัวใจที่ยืนซ้อนหลังมาด้วยอีกต่างหาก
“นายมีอะไรหรือเปล่าลู่หาน?”
“ติวให้หน่อยดิ ฉันไม่ได้ไปเรียนเลยจะสอบแล้วไม่รู้เรื่องสักอย่าง”
คำขอของลู่หานทำเอาเลย์ต้องเหลียวมองไปทางคริสเพื่อขอความเห็น ดูก็รู้ว่าคนรักกำลังหงุดหงิด แต่ทว่าก็ยังพยักหน้าตอบกลับเป็นการอนุญาตกลายๆ
“อื้มได้ เข้ามาก่อนสิ”
ลู่หานและเซฮุนเดินเข้ามาภายในห้องก่อนจะนั่งลงยังโซฟาทันทีอย่างไม่รีรอ ลู่หานดูกระตือรือล้นเป็นอย่างมากหลังจากขาดเรียนอยู่หลายวันเพราะหนีไปอยู่กับเซฮุนลืมการเรียนไปเสียสนิท
“แล้วมึงมาทำไมไอ้ฮุน จะติวด้วยหรือไงอยู่คนละโรงเรียนกับเขาเนี่ย?” คริสเอ่ยถามเพื่อนร่างโปร่งทั้งเลิกคิ้วกวนประสาท เห็นหนังสือที่เพื่อนหอบมาก็อดจะนึกสงสัยเสียไม่ได้
“กูก็มาติวไง?”
“แล้วใครจะติวให้มึง หลักสูตรโรงเรียนมึงเหมือนโรงเรียนกูหรือไง?”
“เปล่าเว้ย! กูโทรเรียกไอ้กัมจงให้มันมาติวเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่งคงจะมา”
ไม่ได้ถามความเห็นเจ้าของห้องอย่างคริสแม้แต่นิดพลันลากเพื่อนผิวเข้มอีกคนมาให้รกห้องด้วย ทำเอาคริสพูดไม่ออกจนอยากจะบั้นใบหน้าขาวหล่อของเซฮุนให้รู้จักสำนึกซะบ้าง
“เงียบหน่อยได้ไหมพวกนายอ่ะ ฉันติวไม่รู้เรื่อง!”
ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงแบบนี้ใครกันที่พ่นมันออกมา ลู่หานกำลังติวด้วยความตั้งอกตั้งใจทว่าไอ้หนุ่มหล่อสองคนกลับเอาแต่คุยจอแจเสียงดังจนไม่มีสมาธิให้เนื้อหาเข้าสู่สมอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
โดนต่อว่าไม่ทันไรเสียงของผู้มาใหม่พลันดังเร่งให้ไปตอนรับ เซฮุนเดินไปเปิดประตูชวนเพื่อนผิวเข้มที่นัดกันไว้ให้เข้ามาให้ห้อง ยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากเป็นเชิงบอกว่าอย่าส่งเสียงถ้าไม่อยากตายแล้วพยักเพยิดใบหน้าไปทางคนรักตัวเล็กที่กำลังนั่งติวอย่างขะมักเขม้น
“มาเร็วดีนะมึง พาเมียมาด้วยหรอ?” กระซิบถามก็ย้ายซ้ายตาไปหาคนตากลมที่ยืนหลบหลังจงอินอยู่
“อืม ไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียวกลัวร้องไห้ โอ้ย!”
จบด้วยเสียงโอดโอยเมื่อมือเล็กของคนรักตากลมส่งมาปะทะทำโทษฐานที่ปากดี
“เดี๋ยวจะเจอนะจงอิน”
“อะไรล่ะคยองซู ฉันพูดความจริงนะ”
“เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้เว้ย!”
ว่าไปนั่นคยองซูพลันส่งสายตาจ้องเขม่นเอาเรื่องคนรักผิวเข้มให้รู้ว่าเจอดีแน่ๆ ก่อนจะบิดเข้าที่เอวหนาจนจงอินหน้าเหยเกพึมพำขอโทษขอโพยยกใหญ่
หลังจากทักทายทำความรู้จักซึ่งกันและกันต่างคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาหาความรู้ใส่ตัว แบ่งเป็นสองกลุ่มเพราะต่างโรงเรียนหลักสูตรจึงไม่เหมือนกัน
เวลาล่วงเลยผ่านชักเริ่มจะเบื่อหน่าย ผ่อนคลายกันบ้างคงจะดีเสียไม่น้อย นั่งทานขนมพูดคุยเฮฮาส่งเสียงดังลั่นห้อง ลู่หานก็พลันนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้
“มาเล่นเกมส์กันเถอะ”
ทุกสายตาส่งไปยังลู่หานเป็นเป้าหมายเดียวกัน เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มไปหมดยามเพื่อนปากหนักคิดอะไรแพลงๆแล้วไม่มีการปรึกษา
“เกมส์อะไร?” เลย์เอ่ยถามพลางกะพริบตาปริบอย่างไม่เข้าใจ
“นี่ดินสอกด หมุนหาใครต้องตอบคำถามตามความเป็นจริง”
“แต่...”
“ไม่มีแต่นะจ๊ะน้องเลย์ อย่าขัดใจพี่”
สิ้นเสียงลู่หานเลย์ก็ทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำ โต้ตอบอะไรไม่ได้เลยยู่ปากทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ
ลู่หานจัดการเริ่มหมุนดินสอกดในมือ ทุกคนลุ้นตัวเกร็งยามปลายดินสอกำลังเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆก่อนหยุดลงสนิทในเวลาต่อมา
“ไอ้เหี้ยกัมจง! มึงเบี่ยงตัวทำพระแสงเลเซอร์อะไร?” เซฮุนค่อนขอดเพื่อนข้างกายที่นั่งเบียดเขาเสียแนบชิดปรานรวมร่างเป็นหนึ่งเดียว
“กูกลัวโดนถามอ่ะ”
“กลัวเหี้ยไรของมึง มีเมียน้อยไง?”
“บ้านมึงสิไอ้ฮุน!”
จงอินถึงกับหวาดระแวงเมื่อเซฮุนพูดอะไรออกมาไม่ได้ดูสถานการณ์บ้างเลย คยองซูก็เอาแต่จ้องเขม่นจนร่างกายชาวาบให้อกสั่นขวัญผวาได้ตลอด
“เฮ้! ไอ้ฮุนมึงตอบ”
คนดวงซวยทำหน้าเลิกลั่กมึนงง มัวแต่เถียงกับจงอินหันกลับไปอีกทีปลายดินสอกดกลับชี้เข้าหาตัวเสียทำเอาอึกอัก
“....เออ ถามมาๆ ไม่มีไรต้องปิดบังอยู่แล้ว” ปากดีว่าไปหากแต่เหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อนี่ผิดกับคำพูดอย่างชัดเจน
“นายรักลู่หานหรือเปล่า?”
คำถามแรกช่างเบาเรียกน้ำย่อยจากเลย์เท่านั้น ทำเอาเซฮุนยกยิ้มทั้งคนน่ารักที่นั่งข้างกันก็รีบก้มหน้างุดหลบซ่อนสีระเรื่ออ่อนบนใบหน้า
“โคตรรักอ่ะ”
ตอบเสร็จเสียงโห่ร้องพลันตามมาสบทบ เซฮุนนั้นไม่เท่าไหร่ทว่าลู่หานนี่สิเขินม้วนไปกี่ตลบแล้วไม่อาจรู้ได้
“กูต่อนะ...แล้วครั้งล่าสุดที่มึงเที่ยวผับไปนอนกกกับผู้หญิงนี่มันเมื่อไหร่วะ?”
คริสเอ่ยถามทำเอาเซฮุนรีบหันขวับไปหาลู่หานทันที ถึงกับหน้าเสียเมื่อคนรักที่กำลังหวานกันอยู่เมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมองเขม่นอย่างคาดโทษ โธ่ไอ้คริส! ถามอะไรช่วยคิดถึงชะตาชีวิตเซฮุนบ้าง
“นายเคยนอนกับผู้หญิงคนอื่นหรอเซฮุน?” ลู่หานเค้นเอาความจริงเพื่อรับรู้ จ้องทีจนเซฮุนต้องยิ้มแหยๆส่งให้อย่างรู้สึกผิด
“มันนานมาแล้ว ตั้งแต่มีนายก็ไม่เคยมีใครแล้วนะลู่หาน รักนายเพราะฉะนั้นถึงรักใครไม่ได้อีก”
แถเอาตัวรอดจึงดึงร่างเล็กของคนน่ารักเข้าไว้ในอ้อมกอด กดหัวทุยให้จมหายไปกับอกกว้างแล้วลูบมือคลายความกังวลให้อีกคน ไม่วายต้องส่งคำด่าทอทางสายตาให้เพื่อนตัวสูงอย่างคริสที่จุดประเด็นให้ชาวบ้านเขาทะเลาะกันแล้วยังลอยหน้าลอยตาหัวเราะอยู่ได้
“นายไปแกล้งเซฮุนทำไมคริส เดี๋ยวลู่หานก็เสียใจหรอก” เอ่ยว่าคนรักเลย์พลันส่งมือเล็กไปตีที่ต้นแขนแกร่ง ทว่าเห็นเพื่อนรักที่นั่งกอดกันตัวกลมตรงหน้าถึงกับทำเอาหุบยิ้มเสียไม่ได้
“ก็เล่นๆกัน เอาฮาน่า” คริสแก้ตัวหาทางรอด อยากให้เกมส์มันสนุกเลยไม่ซีเรียสแต่นั่นไม่ได้ดูสีหน้าเพื่อนเลยสักนิด
“ต่อไปนะ ฉันจะหมุนดินสอละ”
เข้าสู่โหมดปกติได้ลู่หานจึงเริ่มอีกครั้ง หมุนดินสอที่วางอยู่บนโต๊ะให้เคลื่อนไหว ลุ้นกันตัวเกร็งอีกระลอกปลายดินสอก็เริ่มช้าลง ก่อนจะหยุดยังบุคคลที่รอคอย
“เฮ้! ไอ้คริส”
ต่างคนต่างเฮเมื่อคนที่อยากจะรับรู้ข้อมูลที่สุดก็ไอ้หล่อแบดบอยที่ยอมทิ้งอิสระเพียงเพราะใครบางคนที่เข้ามาในชีวิต แต่เห็นจะไม่อยากรู้คงมีเพียงคนหน้าหวานอย่างเลย์ที่นั่งหน้าเสียอยู่อย่างไม่รู้ชะตากรรม
“กูรู้ว่ามึงรักเลย์อยู่แล้วอันนี้กูไม่ถามหรอก แต่กูอยากให้มึงพูดกับเลย์ว่าทำไมมึงถึงรักเขา”
ฮิ้วววววว ~
เซฮุนทำให้ทุกคนที่นั่งล้อมวงอยู่ต้องปรบมือเฮอย่างเห็นด้วย เห็นเพื่อนหน้าหล่อนั่งลูบท้ายทอยเคอะเขินถึงกับหมั่นไส้จนอยากจะเผามันเสียให้หมดเปลือก แต่นั่นคนที่เขินสุดๆเห็นจะเป็นคนสำคัญของงานนี้ที่ก้มหน้างุดกุมมือตัวเองอย่างร้อนรน
“การรักใครสักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยหรอวะ ก็กูรักของกูอ่ะ”
“หึ! มึงคลุมเครือนะคริส นี่มันเรื่องสำคัญนะเว้ย เลย์รอฟังอยู่มึงไม่แมนเลยว่ะ”
จงอินเสริมขึ้นยิ้มกรุ้มกริ่ม อยากจะหัวเราะเสียดังๆแต่นั่นยังคงเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้หัวเราะทีหลังให้ดังกว่า
“แล้วทำไมพวกมึงต้องอยากรู้เรื่องของกูด้วย เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญไงเลยต้องเก็บไว้คุยกันสองคน จริงไหมครับที่รัก?”
บ่นเพื่อนเสร็จจึงหันกลับไปยิ้มละมุนพร้อมทั้งหยอดคำพูดหวานแหววให้คนรักที่นั่งก้มหน้าซ่อนพวงแก้มแดงขึ้นสี ทำเอาคนตัวเล็กต้องเหลือบม่านตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มหน้าแล้วยิ้มเขินจนแทบบ้า แต่นั่นคริสยังจะหน้าระรื่นได้อยู่อีก ไม่อายบ้างเลยหรือไง
“โอ้ย! อยากอ้วกมากบอกตรง งั้นคำถามต่อไปนะ จงอินมึงถามเลย”
เซฮุนโยนให้เพื่อนผิวเข้มได้จัดการต่อหลังจากถามไปแล้วหนึ่งคำถาม ยักคิ้วหลิ่วตากันสองคนเหมือนรู้แผน ก่อนจะเริ่มเอาคืนเพื่อนตัวสูงหน้าหล่อต่อไป
“มึงกับเลย์...ได้กันยัง?”
คนทั้งคู่ที่กำลังหันหายิ้มให้กันอยู่ถึงกลับต้องเปลี่ยนทิศทางเหลียวมองจงอินอย่างอึ้งทึ่ง นัยน์ตาคู่หวานเบิกกว้างยามคำถามที่ได้ยินมันชวนให้หัวใจเต้นโครมครามยากจะควบคุม หันมองไปยังคริสเลย์ก็เห็นอีกคนมันยิ้มมีเลศนัยจนนึกหวั่นกับคำตอบเสียไม่ได้ บอกได้เลยว่าในตอนนี้เขากำลังจะหัวใจวายตาย จงอินนี่เล่นถามอะไรตรงเกินไปหรือเปล่า
“มึงอยากรู้หรอ?”
คริสย้อนถามพลางยักคิ้วให้เพื่อนผิวเข้ม เหลือบมองเซฮุนเล็กน้อยก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้สองตัวนี้มันรวมหัวกันเอาคืนเขาแน่นอน
“ตอบตามความจริงนะครับมึง”
“กูกับอี้ชิง....”
เพียงแค่คริสเอ่ยพูดคนหน้าหวานที่นั่งข้างๆก็รีบส่งมือเข้าไปกำชายเสื้อคนรักแล้วหลับตาปี๋ ก้อนเนื้อให้อกซ้ายมันเต้นหนักขึ้นเรื่อยๆทำท่าว่าจะหยุดได้ทุกเมื่อ อีกไม่กี่วินาทีเรื่องหน้าอายกำลังจะเกิดขึ้นกับอี้ชิง ก้มหน้ารับชะตากรรมอย่างไม่มีข้อแม้
“กูกับอี้ชิง...ได้กัน...หรือไม่ได้แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกมึง บอกแล้วไงว่าเรื่องสำคัญมันต้องเก็บไว้คุยกันสองคน ไปๆกลับกันไปได้แล้วรบกวนเวลาความสุขกูหมด!”
เอ่ยเสร็จจึงโบกมือไล่เพื่อนให้กลับไปแล้วปิดเรื่องด้วยตนเอง ทำเอาทั้งจงอินและเซฮุนต้องผิดหวังอีกครั้งเพราะคริสเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงบอกออกมาตามตรงไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น แต่นั่นเพราะเลย์หรอกถึงได้เกรงใจกลัวเมียตัวเองจะเสียหาย ช่างรักกันเสียจนน่าอิจฉา
“ไปๆ กลับกันเถอะเจ้าของห้องมันไล่แล้ว ฝากไว้ก่อนเถอะมึงไอ้คริส!”
เซฮุนชี้หน้าเพื่อนตัวสูงพลางส่ายหัวผิดหวัง กอดคอลู่หานเดินออกจากห้องไม่วายยังผิวปากกวนประสาทได้อยู่อีก พร้อมทั้งจงอินและคยองซูที่หอบหนังสือกลับไปก็นึกหมั่นไส้เพื่อนหน้าหล่อด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ!”
เมื่อทุกคนกลับไปเสียงถอนหายใจของคนรักหน้าหวานต้องทำให้คริสหันมอง ใบหน้าหวานแสดงอาการโล่งอย่างถึงที่สุดยามเรื่องทั้งหมดมันจบลงด้วยดี
“ถอนหายใจแบบนี้หมายความว่ายังไง หื้ม?” เอ่ยถามเสร็จขายาวจึงสาวเข้าหาคนรักตัวเล็ก รั้งกายบางเข้าไว้ในอ้อมกอดก่อนจะกดริมฝีปากลงประทับยังหน้าผากบางอย่างแผ่วเบา
“เกมส์แบบนี้ทีหลังไม่เอาแล้วนะ หัวใจจะวาย”
“สนุกดีออกไม่เห็นด้วยหรอ?”
“สนุกอะไรกัน ถ้าคนอื่นรู้เรื่องของเรามันน่าอายจะตายไป”
“เครียดไปหรือเปล่าอี้ชิง ถึงเราไม่บอกยังไงพวกมันก็รู้อยู่ดี”
คำพูดของคริสทำให้อี้ชิงแสดงว่าเป็นกังวลอย่างชัดเจน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมเมื่อเรื่องที่ผ่านมาทำให้ต้องเอาเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย
“ถ้าทุกคนรู้ นั่นคือฉันจะเป็นคนใจง่ายในสายตาพวกเขาใช่ไหม?”
เอ่ยพูดด้วยเสียงแผ่วเบาทำเอาคริสเป็นห่วงแต่ยังแฝงไปด้วยความเอ็นดู เข้าใจดีว่าเลย์ไม่เคยผ่านใคร เรื่องแบบนี้มันยากที่จะยอมรับถ้าคนอื่นรู้ความรู้สึกแย่จะตามมา เหมือนอย่างโฮดงที่ทักในครั้งนั้นเลย์ก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เลย์ไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นที่ใช้ความสัมพันธ์แสดงออกว่ารักและอยากถนุถนอม
“ใครจะว่านายใจง่ายไม่มีหรอก เรารักกันสิ่งที่เราทำมันไม่ได้ผิด นายเต็มใจฉันเต็มใจแล้วทำไมต้องคิดมากด้วยหื้ม?”
“ทุกคนอาจเข้าใจว่าฉันง่ายให้นายเหมือนผู้หญิงคนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันคงอดคิดไม่ได้”
ม่านตาสวยสบมองคนตัวสูงอย่างจริงจัง ใช่! เลย์คิดเสมอว่าถ้าใครรู้เรื่องของเขาอาจเข้าใจว่าเขาใจง่ายที่ยอมให้คริส แต่นั่นเพราะคิดดีแล้วทั้งยังรักถึงได้ไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง
“ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกเลิกกังวลเถอะนะ ทุกคนรู้ว่าฉันจะหยุดที่นาย...”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
อยู่ๆเสียงเรียกเข้าพลันดังขึ้นทำเอาบรรยากาศเสียไปหมด เลย์เดินไปยังที่เกิดเสียงแล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูเบอร์ กดรับจึงรีบเดินออกไปนอกระเบียงห้องไม่วายยังเหลือบมองคริสเล็กน้อยทำเอาคนถึงมองนึกสงสัยอยากรู้อยากเห็น
“ครับพี่ซูโฮ”
เสียงหวานที่แว่วมาให้ได้ยินทำเอาคริสต้องกำมือแน่น พยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุดถึงแม้เลย์จะบอกไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่ารุ่นพี่ตัวขาวนั่นแค่พี่น้อง ถึงจะเป็นแค่พี่น้องคริสใช่ว่าจะไว้ใจได้ง่ายดาย เพราะรายนั้นเคยมีใจอี้ชิงเองก็ยังคุย คริสไม่ชอบเอาเสียเลย
ขายาวก้าวฉับไปนั่งหย่อนกายลงที่โซฟา ยกขาขึ้นหนึ่งข้างแล้วเปิดทีวีดูไปพรางๆ ข่มอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นให้ค่อยๆบางเบาแต่ถึงอย่างนั้นคิ้วเรียวกลับขมวดเข้าหากันเสียเป็นปม
เพียงไม่นานคนหน้าหวานก็กลับเข้ามา ความเงียบเข้าปกคลุมเพราะคนตัวสูงที่นั่งดูทีวีแน่นิ่งไม่ไหวติง เห็นแบบนั้นเลย์กลับใจไม่ดี รู้ว่ายังไงต้องเกิดเรื่องแบบนี้แต่เพราะเรื่องงานเลยต้องคุยกับรุ่นพี่หัวหน้าชมรมอย่างซูโฮไม่อาจหลีกเลี่ยง
“อู๋ฟาน…”
“…………..”
เอ่ยเรียกไปได้รับเพียงความว่างเปล่าตอบกลับมา เลย์ถึงกับถอนหายใจพลางส่ายหน้ารัวเพราะเรื่องเล็กน้อยกำลังเป็นเรื่องใหญ่ในอีกไม่ช้า คิดว่าที่คุยกันไปจะเข้าใจเสียอีก จะให้ทำยังไงเลย์มีทางเลือกด้วยหรือ เรื่องความรักกับเรื่องงานช่างแตกต่างหากทว่าเหมือนกันตรงที่เขาต้องรับผิดชอบ
เสียงทีวีดับลงทั้งห้องจึงเงียบสนิท คริสนั่งนิ่งเลย์เลยถือโอกาสเดินเข้าหาจากทางด้านหลังแล้วสวมกอดรอบคอคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา ฝังปลายจมูกลงข้างแก้มกร้านเบาๆแล้วผละออก ฟุบใบหน้ากับลาดไหล่หนาจากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
เวลาผ่านไปหากแต่ทุกอย่างยังคงไม่เคลื่อนไหว ต่างคนต่างนิ่งไร้ซึ่งบทสทนากันเกือบสิบห้านาที เลย์ไม่อยากให้คลุมเครือ ขอในวันนี้ได้พูดกันแล้วจะไม่พูดอีกให้ซ้ำสอง ถ้ายังไม่เข้าใจเลย์เองคงหมดปัญญา การรักใครสักคนมันลำบากทว่ากลับยอมให้ได้ทุกอย่างไม่เข้าใจตัวเองเลย
“ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่ไว้ใจกัน แล้วเราจะอยู่ด้วยกันได้นานสักแค่ไหน”
ตัดสินพูดเลย์จึงหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง เดินอ้อมโซฟาไปนั่งข้างคนรักพลันมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะเอ่ยพูดอีกครั้ง
“..............”
“เพราะนายไม่เคยไว้ใจว่าฉันมีแค่นายเพียงคนเดียว ซื่อสัตย์กับนายคนเดียว รักนายคนเดียวถึงต้องอารมณ์ขึ้นลงอยู่ทุกครั้งไป ฉันพยายามแล้ว ถึงบอกไงว่าพี่ซูโฮก็แค่พี่น้อง แล้วควรจะทำยังไงนายถึงจะเข้าใจและไว้ใจว่าหัวใจฉันมีเพียงนาย หัวใจมีดวงเดียวให้นายไปแล้วฉันจะให้ใครได้อีก”
“………”
“ถ้าพี่ซูโฮยังชอบฉัน แต่หัวใจฉันคงรักเพียงนายมันจะมีความหมายอะไร บอกแต่ว่าฉันน่ะคิดมากตัวเองนั่นแหละคิดมากกว่าอีกรู้ไหม หื้ม?”
มือเล็กส่งไปวางลงบนมือหนาของคนรัก สอดนิ้วประสานให้ไออุ่นส่งผ่านก็หันเหใบหน้าเข้าหาแล้วยิ้มบางๆให้ไว้ใจ
“……………..”
“ตอนนี้ฉันจับมือนายอยู่นะอู๋ฟาน แน่นขนาดนี้ยังไม่มั่นใจอีกหรือยังไงกัน”
สิ้นเสียงหวานคริสก็เผยยิ้มกว้าง เลย์เป็นแบบนี้คริสยิ่งรักจนฝังรากหยัดยืน อย่าทำให้รักไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ความรักที่มีให้เลย์ก็ไม่เหลือเผื่อให้ใครแล้ว
“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้ทำให้ฉันอยากจูบนาย คำพูดน่ารักแบบนี้รู้ไหมว่าจะอดใจไม่ไหว”
คริสค่อยๆคลายมือออกจากอีกคน สอดแขนใต้แผ่นหลังและช่วงขาของคนรักพลันออกแรงอุ้มให้ลอยขึ้นไว้ในอ้อมกอด สาวท้าวเดินตรงยังเตียงกว้างก่อนจะวางลงอย่างถนุถนอมที่สุด ขึ้นคร่อมไม่รอช้าให้เสียเวลา โน้มใบหน้าหล่อเข้าหาก็สบสายตานิ่งราวกับทุกอย่างได้หยุดการเคลื่อนไหว
“จะทำอะไร?”
“หื้ม? ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
คริสยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานดูตระหนกหวาดระแวง ยังไม่ได้ทำอะไรเลยคนน่ารักกลับขวัญหนีดีฝ่อไปซะแล้ว
“ใครจะไปรู้ อู๋อี้ฟานเคยไว้ใจได้เสียที่ไหน”
ว่าไปใบหน้าหวานจึงหันหนี อมยิ้มเคอะเขินเพราะสายตาคมยังจดจ้องมองมาสามารถฆ่ากันให้ตายทั้งเป็นก็ไม่ปราน
“อี้ชิงน่ารักมากเลยรู้หรือเปล่า ฉันอดห่วงไม่ได้สักครั้งเพราะความน่ารักของนายบางครั้งมันทำให้ฉันเจ็บปวดและทรมาน แค่ใครมองมาที่นายฉันแทบจะคลั่งตายให้ได้ในตอนนั้นเลยจริงๆ”
พูดออกไปจากหัวใจมองใบหน้าหวานของคนใต้ร่างในมุมนี้คริสก็แทบจะอดรนทนไม่ไหว นัยน์ตาใสวาวระริกที่มองสบกลับมาก็ช่างน่ารักน่าเอ็นดู ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีกเหมือนแม่เหล็กให้โถมเข้าหาดีๆนี่เอง
เลย์เองใช่ว่าจะต่างกัน คนบนร่างที่คร่อมกายเขาอยู่มีใบหน้าเพอร์เฟคจนอิจฉาตัวเองที่ได้มองมันคนเดียวไม่แบ่งใคร ผมสีบลอนด์ลู่ตามโครงหน้ายามคร่อมตัวอยู่บนร่างของเขาแล้วมองลงมาทำเอาหลงใหลทั้งหัวใจยังก่อเกิดอาการวูบไหว คริสมุมนี้ทำให้เลย์พ่ายแพ้เสียราบคาบ ไร้เรี่ยวแรงทั้งยังอ่อนยวบในทุกส่วนของร่างกาย
…70%...
คริสล้มตัวลงนอนข้างคนรักที่หน้าตาตื่นในตอนแรกเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรแปลกๆจนน่าขัน วาดแขนโอบกอดไว้แน่นพลางซุกใบหน้าฝังจมูกลงที่ซอกคอขาวแล้วนอนนิ่งทำเอาเลย์ต้องขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ หากแต่กำลังจะเอ่ยปากถามคริสกลับสวนขึ้นมาเสียก่อนเลยได้แต่หยุดฟังเงียบๆไม่โวยวายต่อวาจา
“นายจำครั้งแรกได้ไหมอี้ชิง? ครั้งแรกที่เราได้คุยกันในห้องสมุด”
“อืม ทำไมจะจำไม่ได้ นายจูบกับเจสสิก้าอยู่”
เลย์สวนขึ้นทันทีทำให้คริสต้องกลอกม่านตาขึ้นลงอย่างรู้สึกเพลีย คริสไม่ได้จะรื้อฟื้นทว่าพยายามระลึกความหลังเสียต่างหาก
“ทำไมเรื่องไม่ดีแบบนี้นายไม่ลืมมันบ้างเลยน้า อะไรดีๆเกี่ยวกับฉันดันไม่จำซะงั้นอ่ะ”
“อะไรดีๆเกี่ยวกับนายมันมีด้วยเหรอ? ตอนนั้นนายทำฉันร้องไห้แล้วก็เดินจากไปหน้าตาเฉย นิสัยเสียฉิบหาย!”
เลย์ปากหนักคงได้เชื้อมาจากลู่หานเดาได้ไม่ยาก ทำเอาคริสจุกอกพูดแทบไม่ออกกันเลยทีเดียว
“โห! เจ็บจี๊ด แต่จริงๆฉันสนใจนายมาก่อนหน้านั้นอีกนะ”
“ก่อนหน้านั้น? หมายความว่ายังไง” เลย์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันหรี่ตามองคนรักรอคำตอบให้หัวใจรัวอย่างคาดหวัง
“ตอนเย็นหลังเลิกเรียนนายชอบไปรอคนขับรถที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนทุกวัน ฉันซ้อมบอร์ดอยู่ลานฝั่งตรงข้ามแอบมองนายตลอดไม่รู้ตัวเลยเหรอ?”
ได้ยินคริสว่าเลย์ก็แทบจะควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองไม่ได้เลย ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง อยากจะยิ้มเสียให้แก้มปริเพราะความรู้สึกมากมายจากความในใจของอีกคนกำลังโถมเข้าใส่ ว่าแต่คริสมาบอกเอาตอนนี้ช้าไปไหมวะ สนใจกันตั้งนานทว่าไม่คิดจะคุยกันได้เป็นปีๆ ถ้าคริสเริ่มแน่นอนว่าเลย์จะสานต่อมันตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ไม่ต้องมาโดนจูบให้ชีวิตดราม่าแล้วจากนั้นก็โกรธเสียประหนึ่งเกลียดกันมาช้านาน
“แล้วทำไมไม่บอก?” เลย์เอ่ยถามอีกครั้งพลางยู่หน้าเสียเอ็นดูให้คริสกดปลายจมูกฝังแก้มเนียนขาวไปอีกหนึ่งฟอดสมใจอยาก
“เห็นเป็นเด็กเรียนเลยไม่อยากให้เสียคน ฉันมันเด็กเกเรพาลจะพาให้นายนอกลู่นอกทางไปด้วยน่ะสิ”
ว่าไปอย่างที่ใจคิดมุมปากได้รูปจึงฉีกยิ้มกว้าง ย้อนนึกถึงครั้งแรกที่เริ่มสนใจอีกคนคริสบอกได้เลยว่าเลย์เป็นคนเดียวที่ทำให้เขาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะก็ได้ด้วย มั่นใจไปแล้วว่าคนหน้าหวานที่เคียงข้างกันในวันนี้คือคนที่หัวใจจะจริงจังอย่างแน่นอน คริสไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของความรักมากนักเพราะที่ผ่านมาเขารักใครไม่เป็น ความรักจากครอบครัวก็หาน้อยที่จะได้รับมันอย่างที่ต้องการ แต่แล้วมันกลับไม่ยากเลยเมื่อเลย์ทำให้เขารู้ว่ารักที่แท้จริงมันคืออะไร...
ยอมให้ได้ทุกอย่าง...แม้กระทั่งการเสียสละความสุขของตัวเองให้อีกคนก็ย่อมทำได้อย่างไม่มีข้อแม้
“เฮ้อ! ไอ้เราก็รอคนแถวนี้เสียตั้งนาน เกือบได้ขึ้นคานละอีกนิด”
โอ้ย! เลย์แม่งโคตรน่ารักคริสกล้าพูดเลย ไอ้วาจาแบบนี้เมื่อก่อนไม่ยักจะเคยหลุดออกจากปากยากจะหาฟัง ไหงตอนนี้ปล่อยมันมากระชากหัวใจคริสได้ทุกครั้งไป อยากเจอกดให้จมหายไปกับเตียงนักใช่ไหมคนน่ารัก
“นายไม่คิดบ้างเหรอว่ามันเป็นพรหมลิขิตน่ะ ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้เรื่องของเรามันเหมือนนิยายเลยว่าไหม? เราได้พบกันอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พรหมลิขิตก็ไม่ใช่ด้วย เพราะทุกอย่างฉันเป็นคนกำหนดมันเอง พรหมลิขิตบ้าบอนั่นเลิกคิดไปได้เลย!”
อีกครั้งที่คำพูดของเลย์ทำให้คริสจุกอก ม่านตาคมเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานของคนรักแว้บนึงแล้วฟุบหน้าลงกับซอกขาวอีกระลอก กระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ซึมซับความอบอุ่นในร่างกายให้ส่งผ่าน ให้อีกคนรู้สึกว่าปลอดภัยเสมอยามได้เขาคอยอยู่เคียงข้างไม่จากไปไหน
“นายจะบอกเป็นนัยๆว่าฉันไม่คิดจะตามหานายใช่ไหมล่ะ? ไม่ใช่ไม่คิดนะอี้ชิงแต่ฉันทำไม่ได้ต่างหาก ฉันฝันถึงนายแทบจะทุกคืน ฝันถึงตอนเด็กที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันเฝ้ารอนายมาตลอดสิบสองปีเลยแหละไม่ได้โกหก”
“………..”
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเริ่มเข้าหานาย จริงๆไอ้ฮุนมันสนใจนายอยากให้ฉันดึงนายมาร่วมทีมบอร์ดด้วยกัน มันให้ฉันสืบเรื่องของนายฉันเลยตกลงมันไป”
“อ้อ เพราะแบบนี้เองใช่ไหม? หึ!ไม่ได้สนใจกันจริงๆหร๊อก”
พูดแก้มน้อยอกน้อยใจเลย์จึงพลิกกายหันหลังหนีคนรัก ใบหน้าหวานงองุ้มนึกงอนอย่างเปิดเผย คิดว่าอีกคนจะมีใจให้กันเสียตั้งแต่แรกแต่นี่เขาคิดไปเองคนเดียวสินะ
“ใครว่าไม่สนใจ เพราะสนใจไงถึงยอมตกลง ไม่ได้อยากทำตามที่ไอ้ฮุนมันร้องขอสักหน่อย แต่อยากอยู่ใกล้คนน่ารักต่างหากถึงเอาข้อตกลงไว้บังหน้าเพื่อเข้าหาเวลาอยากอยู่ในสายตา”
พูดแค่นั้นคริสจึงหยัดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะนอนคว่ำหน้าพลางส่งมือไปรั้งไหล่เล็กให้คนรักที่นอนหันหลังให้กันอยู่ในตอนแรกต้องกลับมาประจันหน้าเหมือนเดิม ส่งสายตาสบมองเสียอีกคนต้องรีบหลุบม่านตาหนีเป็นพันวันทำเอานึกเอ็นดูได้ทุกครั้งไป
“อี้ชิง ฉันหล่อหรือเปล่า?”
“ห๊ะ?”
เลย์ถึงกับตามไม่ทันเมื่อคริสอยู่ๆก็โพล่งคำถามบ้าบออะไรไม่รู้ออกมาให้ตกใจเล่น ถามตรงเกินไปนะบางที ถ้ารู้ว่าตัวเองหล่ออยู่แล้วจะถามกันให้ได้อะไร
“ฉันหล่อหรือเปล่า หื้ม?” เสียงทุ้มย้ำซ้ำสองให้คนรักได้ยินมันชัดเจน มองจ้องอีกครั้งทำเอาใบหน้าหวานขึ้นสีอ่อนระเรื่อให้เห็นในกรอบม่านตา
“อืม”
เลย์ตอบได้เพียงคำห้วนสั้นทั้งยังผะแผ่วจนคริสต้องเงี่ยหูฟัง ก่อนคริสจะถามย้ำให้แน่ใจถึงแม้จริงๆแล้วจะได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหูก็ตามที
“อืมนี่คือ?”
“อืม ก็หล่อดี”
“ก็หล่อดีคือ?”
คริสยังไม่ลดละทักถามเสียลึกจนถึงราก เลย์แทบจะจมหายไปกับเตียงนุ่มยามมองสบอีกคนที่จ้องกันราวว่าจะกลืนกิน ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายพลันเอาแต่เต้นโครมครามรัวกลองควบคุมไม่ได้ หายใจติดขัดเมื่อใบหน้าหล่อทำท่าจะโน้มเข้าหาอยู่ทุกครั้งให้หวั่นอกหวั่นใจ เผลอทีเลย์บอกได้เลยว่าพลาด
“อื้อ ก...ก็หล่อไง ถ้าไม่หล่อฉันคงไม่เอา”
“แรง!”
คริสถึงกับอุทานออกมาในทันทีเมื่อสิ้นเสียงหวานที่ตอบกลับ เอาดิว่าเลย์ปากหนักจริงๆ ได้ข่าวพักหลังก็ไม่ค่อยเจอลู่หานเท่าไหร่เพราะรายนั้นตัวติดกับเซฮุนตลอด ไหงได้ซึมซับกันมาเกือบเต็มร้อย เป็นแบบนี้คริสชักไม่ไว้วางใจ
“มีผู้หญิงมากมายให้นายเลือก แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะอู๋ฟาน?”
เลย์ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อของคนรักอย่างรอคอยคำตอบ แววใสระริกกระพริบปริบจนคริสต้องข่มใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ก่อนจะตอบอีกคนกลับไปเช่นเดียวกัน
“แล้วนายล่ะทำไมต้องเป็นฉัน?”
“ฉันถามนายอยู่นะไม่ใช่ให้นายมาย้อนถามฉันกลับ”
“ถ้านายคิดยังไง ฉันก็คิดเหมือนนายทุกประการนั่นแหละอี้ชิง”
พูดเสร็จใบหน้าหล่อจึงโน้มเข้าหาคนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างกาย ยกมือทาบใบหน้าหวานพลางเกลี่ยนิ้วที่พวงแก้มนิ่มก่อนจะประทับริมฝีปากแตะสัมผัสกลีบปากสวยอย่างแผ่วเบา
ความอุ่นชื้นทำให้เลย์หลับตาพริ้มผ่อนคลายอย่างรู้งาน หากแต่นั่นมือบางกลับบีบเข้าที่ต้นแขนแกร่งของคนรักไว้เสียแน่นเป็นที่ยืดเหนี่ยว เมื่อทุกการกระทำมีผลให้หัวใจทำงานหนักไร้การพักผ่อน เลย์กำลังจะหลอมละลายในอีกไม่นานคริสเองคงไม่ต่างกัน
ความอ่อนโยนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นเพียงนิด ปากเรียวได้รูปดูดเม้มแผ่วเบาทำเอาหัวใจดวงเล็กลุกขึ้นเต้นโดยไม่ต้องเอ่ยสั่ง รู้หน้าที่คนหน้าหวานจึงสนองกลับให้คนตัวสูงรู้ว่าใส่ใจทั้งยังยอมให้อย่างไม่มีข้อแม้ ลิ้นร้อนกวาดกระหวัดแลกเปลี่ยนสัมผัสซึ่งกันและกันจนรับรู้ได้ถึงความหวานที่ส่งผ่าน เชื่องช้าเนิบนาบปล่อยเวลาผ่านไปอย่างสบายไม่เร่งรีบ เก็บทุกเม็ดทุกหยาดหยดของความต้องการจากการมอบให้ในแต่ละฝ่าย ก่อนจะผละออกยามลมหายใจเริ่มขาดห้วงพร้อมเรียกอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ในอีกครั้ง
“ฉันทำแบบนี้เบื่อกันบ้างหรือเปล่า หื้ม?”
คริสเอ่ยถามยามใบหน้าหวานหันเหหนีเคอะเขิน นัยน์ตาคู่สวยลอกแล่กเสียน่ารักเมื่อทำตัวไม่ถูกให้คริสต้องย้ำความหวานที่รอยเดิมอีกระลอกเพราะห้ามความต้องการของตัวเองไม่ได้ ไม่เป็นเขาเองคงไม่รู้ ภาพของคนน่ารักที่นอนข้างกันในกรอบม่านตามันทั้งน่ารักเชิญชวนให้เกินเลย หัวใจของคริสยอมสยบให้คนอย่างเลย์ทุกอย่างแล้วจริงๆ
“ทำแบบไหน?” คนที่เอาแต่เคอะเขินเอ่ยถามด้วยความไม่รู้ ไร้เดียงสาเสียไม่วายยังยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองแก้เก้อด้วยอีก
“ก็ทำแบบเมื่อกี้ไง แบคฮยอนมันบอกฉันว่าสักวันนายจะรำคาญฉัน”
คำถามของคริสทำให้เลย์หนักอกหนักใจ ไม่ใช่ไม่ชอบแต่จะตอบยังไงให้ดูดีเลย์เริ่มเป็นกังวล
ชอบคือ...ใจง่าย
ไม่ชอบคือ...อีกคนงอน
เลย์ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสี่ยงโชคเอาแล้วกัน
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ชอบล่ะ”
ตอบออกไปทำเอาคริสชะงักเล็กน้อย แต่นั่นใบหน้าหล่อยังคงเผยยิ้มบางๆให้คนหน้าหวานไม่จริงจังกับมันจนเกินไป
“ถ้านายไม่ชอบฉันก็จะไม่ทำ แต่ก็ไม่ได้บอกนะว่าฉันจะทนได้...”
“อืม...ถ้าฉันไม่ชอบก็คงไม่ยอม”
ชะงักอีกครั้งยามคำตอบจากเรียวปากสวยนั้นกระตุ้นหัวใจให้ก่อเกิดการทำงานอย่างหนักหน่วง คริสบอกได้เลยว่าถ้าเลย์เอ่ยอะไรทำนองนี้ออกมาอีกครั้งเขาจะไม่ทนอีกต่อไป คำพูดแต่ละคำเลย์จะรู้บ้างหรือเปล่าว่ามันดึงดูดมากแค่ไหน คนเคยแข็งกระด่างก็ว่ากันไปตามน้ำ เมื่อก่อนพูดแบบนี้ไหมล่ะคริสเคยได้ยินมันเสียเมื่อไหร่กัน พอเจอมาทีความรู้สึกแปลกมันกลับเข้าแทนที่ หากแต่จะบอกยังไงดีเพราะว่ารู้สึกดีมีความสุขนั่นแหละที่จะอธิบาย ทั้งยังแปลกที่คนอย่างเลย์เอ่ยพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยผิดกับเมื่อก่อนที่เค้นเท่าไหร่ก็ไม่ยักจะปริปากเลยสักคำ
“เฮ้อ! เจอคำพูดน่ารักแบบนี้อยากบริหารสะโพกจัง”
คริสเอ่ยยียวนยักคิ้วลิ่วตา มองหน้าเลย์ด้วยสายตาหยาดเยิ้มทำให้คนถูกมองต้องค้อนเล็กน้อยก่อนจะส่งกำปั้นหนักๆให้คริสเป็นรางวัลโทษฐานพูดไม่เข้าหู รู้อยู่ว่าเลย์จะเป็นยังไงคริสยังไม่วายแกล้งให้เขินอายได้ตลอดเวลา
“ย๊า! ไอ้บ้าอู๋ฟาน ทะลึ่ง!”
ปากก็ต่อว่าไปหากแต่ไม่ปฏิเสธเลยสักนิดว่าชอบทุกอย่างที่เป็นอีกคน ใบหน้าแดงยามคำพูดกระตุ้นหัวใจเข้ามาในโสตประสาท ไม่ต้องสั่งรู้งานหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ ควบคุมไม่ได้ทั้งยังไม่เข้าใจเพราะเป็นแบบนี้กับแค่คนเดียวเลย์บอกได้เลย แค่คริสขยับตัวเพียงครั้ง นั่นคือเลย์จะเขินไปหนึ่งครั้งเช่นเดียวกัน...
…ADOLESCENT 100 %…
*** ครบ 100 % แล้วคร้า
ฝากด้วยค่ะ THE WIZARD รอบรีปริ้น ถึงวันที่ 10 ตค นี้นะคะ ^^
http://writer.dek-d.com/story/writer/viewlongc.php?id=897176&chapter=29
ความคิดเห็น