คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ll THE WIZARD ll Chapter 10
THE WIZARD 10
ผ่านประเพณีอันดีเดือดมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็มีงานใหม่มาให้เหล่าเด็กนักเรียนของเดอะวิซาร์ดได้ปวดหัวกันอีกครั้ง งานเลี้ยงสานสัมพันธ์ในเครือของเดอะวิซาร์ดที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าทำให้บรรดานักเรียนทั้งหลายต่างก็มีภาระหน้าที่ในส่วนของตัวเองเพื่อเตรียมการให้พร้อมสำหรับงานใหญ่ที่จะมาถึง
“ฉันได้รับมอบหมายงานจากศาสตราจารย์แอนดี้ให้มาบอกพวกนายว่า เรามีงานใหญ่ที่ต้องทำและนั่นมันก็เป็นความลับ”ประธานปราสาทดราก้อนเอ่ยขึ้น ภายในห้องประชุมที่คับแคบและเป็นส่วนตัวเช่นนี้เหมาะแก่การปรึกษาหารือเป็นที่สุด
“งานอะไรอ่ะพี่?” ชางมินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของยุนโฮที่ตอนนี้ฉายไปด้วยความกังวลและหนักใจ
“ในงานเลี้ยงวันนั้นศาสตราจารย์แอนดี้บอกฉันว่าจะมีพวกพ่อมดดำแฝงตัวเข้ามาในงานนี้ด้วย เราต้องระวังตัวให้มากที่สุดและที่สำคัญคนที่เราต้องคุ้มกันก็คือเลย์”
คนหน้าหวานที่ถูกเอ่ยถึงก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจในทันที ความหวาดระแวงเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ยุนโฮพูด ทั้งยังรู้สึกถึงความเกรงใจและเห็นใจที่ทุกคนต้องมีเอี่ยวกับเรื่องของเขาทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเด็กน้อย ไม่เห็นต้องกังวลอะไรแล้วก็อย่าคิดว่านายเป็นตัวปัญหาสำหรับเราล่ะ พวกเราเต็มใจจะช่วยนายนะ”
เหมือนรู้ทันเมื่อชางมินเห็นสีหน้าของรุ่นน้องหน้าหวานที่ฉายแววความกังวลอย่างเห็นได้ชัดก็อดเป็นห่วงไม่ได้ต้องให้กำลังใจให้หายคิดมากไปเสีย
“แล้วผมต้องทำยังไงหรอครับรุ่นพี่?”เลย์เอ่ยถาม เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องของเขาและเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นต้องมาเดือนร้อนเพราะเขาเป็นแน่ ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไปแล้ว
“เท่าที่ฉันได้ฟังจากศาสตราจารย์แอนดี้เล่ามา พวกพ่อมดดำดูจะรู้แล้วว่าใครคือคนที่ถูกเลือก ซึ่งนั่นมันก็เป็นนายใช่ไหมล่ะ?ในเมื่อตอนนี้นายเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจจากพ่อมดดำนายก็ปลอมตัวเป็นผู้หญิงซะ”
“ห๊ะ! อะไรนะครับ?” แววหวานเบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ประธานปราสาทเอ่ยขึ้น ยอมรับว่ารุ่นพี่ยุนโฮมีความคิดเห็นที่ดีมาตลอด หากแต่ครั้งนี้มันใช่เรื่องไหมที่มาให้เขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง น่าอายชะมัด!
“นายฟังไม่ผิดหรอกเด็กน้อย” ชางมินเอ่ยพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างนึกพอใจในแผนที่ได้ร่วมกันคิดกับยุนโฮ หากแต่ไม่ได้สังเกตสีหน้าคนหน้าหวานเลยแม้แต่น้อยว่าเต็มใจไปกับแผนนี้ด้วยหรือเปล่า
“ต..แต่..รุ่นพี่ครับผมว่ามันไม่เวิร์คหรอกนะครับ อีกอย่างผมก็ออกจะแมน กล้ามก็มี ไหล่ก็กว้างกว่าผู้หญิงปกติด้วย ไม่ได้บอบบางขนาดนั้นซะหน่อยเป็นใครก็จับได้อยู่ดี” เลย์พยายามยกหาเหตุผลร้อยแปดมาเพื่อทำให้รุ่นพี่ทั้งสองเปลี่ยนใจ ไม่อยากแต่งเลยจริงๆ ให้ปลอมเป็นอะไรก็ได้แต่ทำไมต้องให้ปลอมเป็นผู้หญิงนั่นคือสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุด
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาหรอก” ยุนโฮเสริมขึ้นอีกครั้ง ใครจะให้เสียแรงปลอมตัวแล้วถูกคนจับได้กัน จะทำงานใหญ่ทั้งทีแค่จับแต่งตัวแต่งหน้ามันก็ดูจะธรรมดาเกินไป
“อื้ม มันไม่ใช่ปัญหาหรอกไอ้เรื่องปลอมเป็นผู้หญิงน่ะ แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ต่างหาก” พูดเสร็จชางมินก็นั่งนิ่งเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ใบหน้าหล่อก็ยังยิ้มแย้มอย่างคนไม่มีความกังวลใดๆ
พลั่ก!!!!!!!!!
“ตลอดเลยสินะไอ้ไค! เคาะประตูน่ะเป็นไหม?” ชางมินโวยวายเมื่อรุ่นน้องผิวเข้มไม่เคยจะมีมารยาทสักครั้งในการเข้ามาในห้องและครั้งนี้ก็ด้วยเช่นกัน
“ก็ผมรีบเอาตำรามาให้รุ่นพี่ไงครับ ก็บอกให้รีบไปรีบมาผมก็รีบแล้วเนี่ย” ไคบ่นพึมพำเป็นเด็กก่อนจะวางตำราที่ชางมินให้เขาไปเอามาวางไว้ตรงหน้ารุ่นพี่ผู้อัจฉริยะ พลันรีบเดินอ้อมไปนั่งข้างๆดีโอในทันที
“เนี่ยล่ะปัญหา นายจะปลอมตัวเป็นผู้หญิงเฉยๆมันก็ไม่เนียนนะสิใช่ไหม? เพราะฉะนั้นเราต้องปรุงยาเพื่อเปลี่ยนนายให้เป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัวยังไงล่ะเลย์”
“โหรุ่นพี่! ผมไม่เอาได้ไหมครับ? เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผู้หญิงไม่ได้หรอ? จะอะไรก็ได้ ต้นไม้ ใบหญ้าหรือแมลงเต่าทองอะไรทำนองนี้อ่ะ”
เมื่อหมดหนทางในการหลีกเลี่ยงการชักแม่น้ำทั้งห้าก็เกิดขึ้น ไม่ได้ไม่อยากทำตามที่รุ่นพี่บอกหากแต่เกิดมาเป็นผู้ชายจะมาเสียศักดิ์ศรีแต่งเป็นหญิงเพราะเรื่องแค่นี้หรือ
“ตลกน่าเลย์ นี่มันเรื่องของตัวนายเองนะ แล้วอีกอย่างพี่แจจุงก็บอกว่าจะปลอมตัวเป็นเพื่อนนาย สบายใจได้เลย”
เหมือนแทงใจดำเข้าเต็มเปา ใช่!ทั้งๆที่เป็นเรื่องของเขาเอง นั่นเลย์จึงต้องจำยอมพยักหน้าตกลงอย่างหาข้ออ้างไม่ได้ อีกทั้งก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้ยินว่าแจจุงจะร่วมด้วย อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าเดียวดาย
“แล้วเราต้องทำยังไงแม็ก?” คริสที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม
“ตำราที่ฉันไปค้นมามันก็มีส่วนผสมในการปรุงยาไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะหามันมา”
“………...”
“ที่เราต้องไปหานั่นก็คือ ขนหางยูนิคอร์น เล็บค้างคาวเจ็ดพันปี และเลือดหมาดำ มันเป็นสัตว์ที่อยู่ในคุกของเดอะวิซาร์ด ยูนิคอร์นก็อยู่ที่ปราสาทยูนิคอร์น พี่แจจุงจะเป็นคนช่วยเปิดทางเอง ส่วนค้างคาวเจ็ดพันปีกับหมาดำอยู่ที่ปราสาทเรา”
“เอ่อ แค่ได้ยินชื่อก็เหนื่อยแล้ว” ไคเอ่ยขึ้นเมื่อชื่อแต่ละชื่อที่ชางมินร่ายมานั้นมันเป็นตัวอะไรที่เขาเองเกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นมันตัวเป็นๆสักที
“ถ้ามันยากขนาดนั้นก็ยกเลิกแผนเถอะครับ”
“เลย์!”
ทุกเสียงเปล่งออกมาพร้อมกันอย่างไม่ชอบใจในคำพูดของเขานัก ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของเลย์แท้ๆแต่เจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจกับมันเสียเอง
“อุ้ย! ขอโทษคร้าบ” พูดเสร็จใบหน้าหวานก็ก้มงุดลงทันทีเพราะสายตาที่ทุกคนจ้องมานั้นชวนเสียวสันหลังเสียเหลือเกิน
“เราจะเริ่มได้เมื่อไหร่?” คริสเอ่ยถามหลังจากได้ฟังชางมินอธิบายอย่างละเอียด ที่เงียบไม่ใช่อะไรหากแต่ต้องการใช้ความคิดในการจะช่วยคนตัวเล็กข้างๆต่างหาก
“คืนนี้”
“ห๊ะ? คืนนี้!”
เหมือนไม่ได้นัดหมายเมื่อชางมินเอ่ยจบทุกเสียงก็พร้อมใจกันเปล่งออกมาด้วยความตกใจ ไม่ใช่อะไรเลยถ้าให้พวกเขาได้เตรียมตัวกันสักหน่อยก็คงจะดี
“เราช้าไม่ได้แล้วเพราะเราไม่รู้ว่ายานั่นมันจะได้ผลจริงหรือเปล่า พวกเราจำเป็นต้องเริ่มมันตั้งแต่คืนนี้เลย”
ทุกคนพยักหน้าเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ชางมินพูด ถึงจะยังไม่พร้อมแต่มันก็ช้ากว่านี้ไม่ได้อย่างที่ชางมินว่า จะทำอะไรก็รีบทำเพราะนอกจากกลางวันจะต้องเรียนก็ไม่มีเวลาอื่นให้คิดหาหนทางอะไรมากมาย เพราะเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเสียเมื่อไหร่
... THE WIZARD…
อีกครั้งกับการได้สัมผัสบรรยากาศอันเยือกเย็นในยามค่ำคืนแบบนี้ เสียงใบไม้ที่ถูกแรงลมพัดกลิ้งไปตามพื้นกว้างยิ่งสร้างบรรยากาศให้ชวนขนลุกขนพองขึ้นไปอีก มีทางเดียวที่จะผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้คือต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเร็วที่สุด
“เลย์! ใครใช้ให้นายใส่เสื้อสีนี้มา บ้าไปแล้วหรือเปล่า?”เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อรูมเมทหน้าหวานใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวเรืองแสงในยามทำภารกิจ ไม่รู้ว่าที่เลือกมาใส่นี่ได้คิดบ้างหรือเปล่า เห็นแล้วก็น่าโมโหชะมัด
“ก็พี่ชางมินให้ยืมมา ไม่มีโอกาสได้ใส่สักทีฉันเลยถือโอกาสนี้ใส่มันซะเลย”
“นายนี่ซื่อบื้อหรือไง! ใส่เสื้อสีนี้เดินไปไหนมาไหนไม่ต้องสังเกตก็เห็นแล้ว เดี๋ยวก็โดนจับได้กันพอดี ถอดออกเลย!” คริสบ่นเลย์อย่างนึกหงุดหงิด มีอย่างที่ไหนจะแอบเข้าคุกของปราสาทแต่ดันใส่เสื้อที่เป็นจุดเด่นขนาดนี้ แล้วไอ้เสื้อที่ว่าเนี่ยมันก็ช่างเด่นชัดในความมืดซะเหลือเกิน
“ไม่ถอดได้ไหมอ่ะฉันหนาว”ใบหน้าหวานงองุ้มเมื่ออีกคนเอาแต่สั่งให้เขาถอดมันออก ก็ในเมื่อใส่มาแล้วจะให้เขาทำยังไงได้ ทั้งอากาศในค่ำคืนแบบนี้ก็เย็นมากซะด้วย
“อย่าดื้อ! ถอดมันซะ” นัยน์ตาเรียวตวัดมองคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่ในขณะนี้ “อย่าให้ฉันพูดอีกครั้ง”เพียงแค่นั้นก็ทำให้อีกคนเชื่อฟังได้อย่างสนิทใจ
“เออๆก็ได้ ก็บอกว่าหนาวๆเคยจะฟังกันไหม” เลย์ยู่หน้าลงทันทีเพราะอีกคนไม่คิดจะห่วงสุขภาพของเขาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสายตาที่มองมามันบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ขัดขืน
“หื้ม?” เลย์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่คลุมอยู่ที่ไหล่ลาดของเขาเพื่อให้ความอบอุ่น ก่อนอีกคนจะช่วยใส่มันให้กระชับมากกว่าเดิม
“ใส่ของฉันไปก่อนแล้วกัน” คริสสวมเสื้อกันหนาวให้เลย์อย่างให้รู้ว่าเอาใจใส่พลันมือหนาก็ยกขึ้นจัดหมวกไหมพรมสีดำที่เขาใส่อยู่ให้เข้าที่เข้าทาง
“นายไม่หนาวหรอ?”เลย์เอ่ยถามเมื่อเห็นคริสใส่แค่เสื้อแขนยาวสีดำตัวเดียวเท่านั้น แต่กลับไม่มีสิ่งใดที่ให้ความอบอุ่นไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกดูแลตัวเองก่อนเหอะ!” พูดเสร็จก็เสมองไปอีกทางพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างนึกประหม่า ประหม่ากับการได้อยู่ใกล้ๆอีกคน
“อื้อ ขอบคุณมากนะ” มือเล็กกระชับเสื้อกันหนาวตัวหนาให้แน่นขึ้น ความอบอุ่นที่ได้รับแม้จะเป็นแค่เสื้อกันหนาวเพียงตัวเดียวหากแต่ความอบอุ่นจากอีกคนก็ยังหลงเหลือมาถึงเขาอยู่ดี อุ่นที่กายแล้วพอมีอีกคนอยู่ใกล้ๆมันก็อุ่นใจไปด้วย
“นายแยกไปอีกทางนะ ไปเอาเลือดหมาดำที่ชั้นใต้ดินของปราสาท ส่วนฉันจะไปเอาเล็บค้างคาวเจ็ดพันปี”
“อะไรนะ? นี่นายจะทิ้งฉันให้ไปคนเดียวหรอ?” เสียงหวานถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ เมื่อครู่ยังอุ่นใจอยู่เลยไหงมาทิ้งกันให้หวั่นกลัวอีกแล้ว
“ถ้าไม่แยกกันไปเราจะเสียเวลามากกว่านี้ เพราะงั้นฉันมั่นใจว่านายจะทำได้ ฉันเชื่อในตัวนายนะเลย์”
มือหนายกขึ้นลูบหัวทุยไปมาอย่างอ่อนโยน ไม่ได้อยากจากเลย์ไปหากแต่เวลามันมีจำกัด เวลาที่เหลือไม่ถึงชั่วโมงในการทำภารกิจนี้ต้องรีบเร่งให้ทันการณ์ อาจเป็นเพราะมนตราที่ร่ายให้ยามเฝ้าคุกของปราสาทหลับไปนั้นมันอยู่ได้ไม่นานก็คงจะใช่
“………….”
“ฉันไปแล้วนะดูแลตัวเองด้วย” พูดแค่นั้นก็หมุนตัวจะเดินจากไปในทันที หากแต่กลับมีมือของใครอีกคนยื้อชายเสื้อของเขาไว้เสียก่อน
“คริส” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบาพลันก้มหน้างุดด้วยความน้อยใจ มือเล็กกำชายเสื้อของคริสไว้ไม่ยอมปล่อย เลย์ในตอนนี้กลัวการอยู่ห่างจากคริส มากเหลือเกิน กลัวไปซะทุกอย่างเมื่อต้องทำอะไรคนเดียวทั้งที่ไม่มีกายสูงตรง หน้าอยู่เคียงข้าง
“ฉันเชื่อว่านายทำได้นะเลย์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ตะโกนมันให้ดังที่สุดแล้วฉันจะรีบไปหานายทันที”
พูดเสร็จก็ดึงร่างบางให้เข้ามาให้อ้อมกอดอบอุ่น มือหนายกขึ้นลูบหัวทุยอย่างปลอบประโลมอีกครั้ง ให้เลย์มั่นใจในตัวเอง ให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ทิ้งคนตัวเล็กคนนี้ไปไหนและพร้อมจะอยู่เคียงข้างต่อไปเสมอ
“ค...คริส ฉันจะพยายามนะ…”
ความอบอุ่นจากร่างกายและความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ลูบอยู่ที่หัวนั้นมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คริสจะรู้บ้างไหมว่าการกระทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เขาไม่อยากห่างคริสไปไหน ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากยื้อไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากแต่นี่มันก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น
“ฉันไปแล้วนะ ระวังตัวด้วย”
บอกลาพร้อมกับไม่ลืมทิ้งคำที่บอกให้รู้ว่าเป็นห่วงไว้ให้ ก่อนกายสูงจะค่อยๆเดินจากไปตามทางที่คนเป็นพี่ชายเคยบอกไว้ เหลือเพียงคนตัวเล็กที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปทั้งที่ในใจมีแต่ความสับสน คริสกอดเขาบ่อยเกินไปแล้ว นั่นมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วหรือ
หลังจากที่คริสเดินจากไปความหวาดกลัวและหวาดระแวงก็เขาเกาะกินหัวใจในทันที ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว บรรยากาศแบบนี้ ความมืดมิดแบบนี้ ทั้งยังน่ากลัวกว่าครั้งงานประเพณีเป็นไหนๆ ก็ไม่ใช่อะไรเลยหากที่ที่เขากำลังจะย่างก้าวเข้าไปอยู่นั้นไม่ใช่คุก คุกที่กักขังสัตว์ชั่วร้ายทั้งหลาย
“น่ากลัวเป็นบ้า น่าจะบอกกันสักคำว่าเราต้องไปคนเดียว ไม่สนใจกันบ้างเลย” เสียงหวานบ่นพึมพำอยู่คนเดียวสักพักก่อนจะเดินไปตามทางเพื่อเข้าสู่คุกกักขังของปราสาทดราก้อน นึกไม่ออกเลยว่าต้องไปที่ไหนต่อและไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปบ้าง เท้าเล็กเดินไปเรื่อยๆอย่างนึกใจเย็น เตะฝุ่นไปตามทางอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายก่อนจะได้ยินเสียงราวกับคนเดินมาทางที่เขาสาวเท้าอยู่ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแน่ใจว่าได้ยินเสียงนั้นกายบางจึงรีบรุดหาที่หลบซ่อนในทันที
“เฮ้ย! หลับเวรแบบนี้ได้ไงน่ะฮยอกแจ” เสียงของยามเฝ้าปราสาททำให้เลย์ที่หลบซ่อนอยู่ไม่ไกลได้ยินอย่างชัดเจน ยามที่เข้ามาใหม่นั้นสะกิดเรียกคนที่หลับไป หากแต่คนที่โดนมนต์สะกดไปแล้วจะตื่นขึ้นมาได้ยังไงกัน
“…………”
“
ใช้ไม่ได้เลยนะเนี่ยหลับยามอีกเหมือนเคย”
พูดแค่นั้นยามที่เข้ามาใหม่ก็นั่งลงที่ป้อมเพื่อเฝ้ายามแทนอีกคน นั่นยิ่งทำให้เลย์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที แล้วคราวนี้เขาจะออกไปไหนได้ เดินทะเล่อ ทะล่าออกไปมีหวังโดนจับได้กันพอดี
‘ลองใช้คาถาที่พี่ชางมินสอนมาแล้วกัน ได้ผลไม่ได้ผลยังไงค่อยว่ากันอีกที’
ปากบางพึมพำบทคาถาที่ชางมินจดใส่กระดาษมาให้อย่างตั้งใจ พลันเสกร่ายมนตรานั้นไปยังร่างของคนที่เฝ้ายามอยู่อย่างไม่รอช้า เพียงไม่นานร่างที่เคยตื่นอยู่ในตอนแรกก็ล้มพับฟุบไปกับโต๊ะในทันทีอย่างง่ายดาย
“สำเร็จ!”
เท้าเล็กพาตัวเองเดินออกมาจากที่หลบซ่อนอย่างระมัดระวัง พลันแลซ้ายมองขวาดูต้นทางอย่างหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าทางสะดวกเลย์จึงค่อยๆเดินย่องไปยังคุกกักขังสัตว์อย่างรวดเร็ว
ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมาจากตอนแรกนิดหน่อยก็พลันหายวับไปกับตาเมื่อสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้ามันไม่เหมือนกับที่จิตนาการไว้เลยสักนิด สัตว์สี่ขาตัวใหญ่ยักษ์ ขนดกปุยสีดำทะมึนทั้งตัวปรากฏสู่สายตาของคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามา
สัตว์ประหลาดที่กำลังพ่นลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เห็นนั้นกำลังดำดิ่งสู่ห่วงนิทราอย่างเป็นสุข หากแต่คนที่เห็นมันกับช็อคไปเสียแล้ว ใครจะคิดว่าหมาดำที่ว่าจะตัวใหญ่และน่ากลัวแบบนี้ ทั้งที่คิดไว้ก็คงตัวเล็กเหมือนที่เคยเห็นทั่วไปหากแต่มันเทียบกับที่เขาพบเจอไม่ได้เลยสักนิด
“นี่มันบ้ามาก! ตัวใหญ่ยักษ์คับกรงขังแบบนี้มั่นใจนะว่ามันคือหมา”
ม่านตากลมเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เข่าอ่อนตั้งแต่แรกที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นโครมครามจนกลัวว่ามันจะหยุดได้อย่างกะทันหัน ก้อนเนื้อข้างในมันดูจะเต้นเร็วกว่าตอนที่อยู่กับคริสเสียอีก ตื่นเต้นจนจะเป็นลม
เห็นเช่นนั้นก็คงไม่สามารถอยู่เฉยได้ พลางคิดหาหนทางว่าจะทำอย่าง ไรเพื่อให้ได้เลือดข้นๆที่ต้องการจากสัตว์ตัวนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจ้าสี่ขานี่ตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง แค่คิดก็ถึงกับเหงื่อตก
“โอ๊ะ! คิดออกแล้ว”
… THE WIZARD…
“พวกนายได้ของมาครบแล้วนะ ถ้างั้นเรามาลองปรุงยากัน” ชางมินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ทุกคนหามานั้นครบตามที่ตำราบันทึกไว้แล้ว ถึงจะใกล้รุ่งแต่ทุกคนก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอผลลัพธ์ที่ได้อย่างใจจดใจจ่อ
“ดีโอหยิบน้ำแร่แสงอาทิตย์ในฉันที”ชางมินเอ่ยสั่งผู้ช่วยอย่างรุ่นน้องตากลม และนั่นดีโอก็หยิบจับมันได้อย่างชำนาญและไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อวันๆก็เอาแต่อ่านตำราจนใครๆก็เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือ ถึงเวลาที่จะได้ใช้วิชาที่ศึกษามาให้เป็นประโยชน์สักที
“นายเก่งกว่าที่ฉันคิดอีกนะดีโอ”
เมื่อเห็นคนที่พ่วงตำแหน่งคนรักช่วยรุ่นพี่ปรุงยาอย่างกับคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมายไคก็เอ่ยชมอย่างไม่ขาดปาก นั่นก็ทำให้คนผิวเข้มได้รับรอยยิ้มพิมพ์ใจจากเจ้าของชื่อที่ตอบกลับมาพลันให้หัวใจพองโตเล่น
“ฉันเคยบอกนายแล้วไงไคว่าสักวันต้องได้พึ่งพาดีโอ” คริสเสริมเมื่อเขาเคยเอ่ยคำนี้กับเพื่อนผิวเข้มมาแล้วครั้งหนึ่ง ไคพยักหน้าอย่างไม่มีข้อแม้ก่อนจะยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับคนรักของตัวเอง
“เฮ้!พวกนายนี่ดูมีซัมธิงกันนะ” ชางมินเอ่ยแซวเมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองที่ไม่กี่วันที่ผ่านมายังทะเลาะกันอย่างกับคนเกลียดขี้หน้ากันเป็นปี หากแต่ตอนนี้อะไรๆก็ดูจะเป็นสีชมพูไปเสียหมด น่าสงสัยเอามากๆ
“เอ่อ ม...ไม่ใช่นะครับรุ่นพี่” ดีโอสวนขึ้นมาทันควันก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอายจนชางมินเองก็จับพิรุธได้ไม่ยาก
“ก็ไม่มีอะไรครับรุ่นพี่ พวกเราก็แค่เข้าใจกันแล้ว” ไคเสริมเมื่อเห็นว่าชางมินดูจะสงสัยเป็นพิเศษ
“พวกนายเนี่ยน้าจะโกหกกันทั้งทีไม่เนียนเอาซะเลย”
รุ่นพี่ผู้อัจฉริยะคนนี้ช่างน่ากลัวจนไคและดีโอต้องเสหน้าออกจากกันพลันต่างคนก็ต่างเงียบ ปิดปากเงียบได้ยิ่งดี พูดอะไรไปดูเหมือนชางมินก็จับสังเกตได้ตลอด นั่นก็ทำให้รุ่นพี่หน้าหล่อที่สังเกตพฤติกรรมทั้งคู่อยู่ก่อนแล้วถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขัน
“ยาเสร็จแล้ว ขอหนูทดลองหนึ่งคน” เมื่อปรุงยาเสร็จชางมินก็ขอตัวแทนเพื่อทดลองยาในทันที
“..................”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเป็นคำตอบไปให้รุ่นพี่คนเก่งเลยแม้แต่เสียงเดียว ใครจะกล้าลองยาแบบนี้กัน เกิดกินไปแล้วตายจะทำยังไง ดีที่สุดคืออย่าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง
“อ่า ไม่มีคนอาสาเลยหรอ? งั้นฉันให้นายแล้วกันไค”
“อะไรล่ะครับรุ่นพี่? ผมยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควรหรอกนะครับ”ไคโวยวายเมื่ออยู่ๆชางมินก็โบ่ยให้เขาลองยาโดยไม่ถามความเห็นเขาเลยสักคำ
“ไม่ตายหรอกน่า แค่ลองว่ามันจะกลายเป็นผู้หญิงจริงหรือเปล่า”พูดแค่นั้นก่อนจะยื่นแก้วที่มีของเหลวบรรจุอยู่ด้านในส่งไปให้รุ่นน้องผิวเข้มทันที
“ถ้าผมเป็นอะไรไปดีโอจะอยู่กับใครล่ะครับ?” ไม่ทันคิดก็เผลอหลุดปากออกมาเสียเอง ทำให้ทุกคนที่ร่วมวงอยู่นั้นถึงกับมองหน้าคนทั้งสองสลับไปมาอย่างนึกสงสัย
“ก็ไหนบอกไม่มีซัมธิงกันไง?” เป็นเลย์ที่เอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงอย่างดีโอหน้าขึ้นสีระเรื่อจนมันชัดเจนอย่างปิดไม่อยู่
“ไม่มีอะไรน่า ก็เป็นรูมเมทกันไง ฉันเป็นอะไรไปดีโอก็นอนคนเดียวอ่ะดิ ไม่เอาไม่พูดแล้ว ผมจะดื่มแล้วนะครับรุ่นพี่” เพื่อตัดปัญหาจากการซักถามของทุกคนไคก็เลือกที่จะเบี่ยงเบนความสนใจไปที่เรื่องยาในทันที ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เลือกวิธีนี้หากแต่ตอนนี้ก็ต้องดื่มมันเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
คนผิวเข้มเหลือบมองลงไปยังแก้วที่มียาอยู่ด้านไหนนั้นอย่างหมดหนทาง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง มือเรียวยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากก่อนจะกระดกของเหลวที่อยู่ด้านในนั้นให้ไหลลงคอไปช้าๆอย่างพะอืดพะอม
“แหวะ! รสชาติแย่สุดๆ”
โฮ้วววววววววววววววววววววววว!!!!
เรียงร้องก้องเมื่อร่างชายแท้ทั้งร่างกำลังเปล่งแสงสีทองอร่ามออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกสิ่งอย่างที่เคยเป็นชายเต็มตัวกำลังปรับเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ ทุกอนุส่วนของเรือนร่างผิดไปจากเดิมอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาหากแต่...
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!!!!!!!
“หัวเราะอะไรกันอ่ะ?” ไคที่ไม่ได้มองดูสภาพตัวเองในตอนนี้กลับไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนต้องหัวเราะเหมือนเขาเป็นตัวตลกแบบนั้น
“นายสวยมากจริงๆนะแต่ฉันว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด”ชางมินเอ่ยขึ้นทั้งยังหัวเราะร่วนไม่หยุดด้วยความสะใจ
“เฮ้ย!นี่มันอุบาทว์ที่สุด แล้วอีกนานไหมครับรุ่นพี่ที่ผมจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม” ไคเอ่ยอย่างหมดอะไรตายอยากเมื่อได้เห็นสภาพอ้อนแอ้นของตัวเอง พลันอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเสียเดี๋ยวนี้
“ผมว่ามันต้องมีส่วนผสมบางอย่างที่ผิดไป” ดีโอเสริมขึ้น เพราะดูจากรูปการณ์แล้วหนึ่งในสามของวัตถุดิบที่หามามันอาจจะไม่ถูกต้อง
“ใช่!ฉันก็คิดแบบนั้น นายสวยทุกอย่างเลยไคเว้นตรง...ขนหน้าอกนาย ฮ่าๆ ทนรอไปอีกสามชั่วโมงแล้วกันนะเดี๋ยวก็กลับสู่สภาพเดิม”ชางมินปล่อยขำออกมาอีกครั้งเมื่อมองต่ำลงมาจากใบหน้าของไคกลับเห็นขนหน้าอกดกดำจนน่าตลก และเพราะรุ่นน้องผิวเข้มใส่เสื้อเชิ้ตเปิดอกนั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างมันเห็นชัดมากขึ้น
“แสดงว่าต้องมีคนหาส่วนผสมมาผิดสินะ” คริสคาดการณ์ไว้แบบนั้นก่อนจะหันมองผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้ทีละคน
“ฉันไม่ผิดแน่! พี่แจจุงเป็นคนบอกทางมาเอง ขนนางยูนิคอร์นที่หามาฉันมั่นใจว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์” ไคอธิบายด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ส่วนฉัน...ก็ไม่ได้โง่ขนาดเอามาผิดหรอกนะ” คริสเสริมขึ้นพร้อมทั้งหันหน้าไปหาต้นตอของเรื่องจนคนที่ถูกจับจ้องนั้นถึงกับชักสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“เลย์!”
ทุกเสียงพร้อมใจกันประสานออกมาเมื่อรู้ว่าต้นเหตุของขนหน้าอกไคมันมาจากคนหน้าหวานคนนี้นี่เอง
“ผมขอโทษ ก็ผมกลัวหนิ ถ้ารุ่นพี่ไปเห็นไอ้สัตว์ประหลาดนั่นนะครับ รุ่นพี่จะไม่ว่าผมแบบนี้เลย” เลย์แก้ตัวน้ำขุ่นๆจนชางมินต้องส่ายหัวไปมาให้กับรุ่นน้องผู้ใสซื่อคนนี้อย่างเหนื่อยใจ
“แล้วนายไปเอาเลือดอะไรมา?” คริสเอ่ยถามเสียงเรียบ ก็อุตส่าห์ไว้ใจเชื่อว่าคนตัวเล็กจะทำได้แต่ก็ไม่วายคว้าน้ำเหลวกลับมาอีกเหมือนเคย
“ก...ก็ตอนที่ฉันเดินไปเห็นหมาดำอะไรนั่นอ่ะ แค่เห็นก็เข่าอ่อนแล้ว ทั้งตัวใหญ่แล้วก็น่ากลัว บังเอิญไปเจอ...แมวดำแถวนั้น ฉันก็เลย...เอาเลือดแมวมาแทน”ท้ายประโยคช่างแผ่วเบาจนอดจะเวทนาเสียไม่ได้ ทุกคนถึงกับทึ้งหัวตัวเองไปมาเพราะเรื่องของเลย์ แทบจะบ้าเมื่อรู้ว่าคนหน้าหวานคนนี้เอาเลือดแมวมาแทนเลือดหมา
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปเอามาเอง รอสักครู่แล้วกัน”คริสพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปในทันที จนคนหน้าหวานเจ้าของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงกับรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองที่ทำให้ทุกคนต้องมาเสียเวลาเพราะเขาอีกครั้ง
“ขอโทษนะครับแต่ผมกลัวจริงๆ” เสียงหวานกล่าวขอโทษทุกคนที่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ก่อนจะก้มหน้าลงยอมรับความผิดทั้งหมด
“ช่างมันเถอะ รออีกสักพักเดี๋ยวคริสก็กลับมา หวังว่าครั้งนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดอีกนะ” ชางมินพูดแค่นั้นก่อนจะล้มตัวลงนอนพลางกระดิกเท้าอย่างอารมณ์ดีโดยไม่รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องของเลย์เลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะชางมินรู้อยู่แล้วว่าคริสต้องทำเพื่อเลย์ถึงได้สบายใจจนคนที่มองดูอยู่ก็อดสงสัยไม่ได้
… ‘อารมณ์ไหนของพี่เขาวะ’ …
45 นาทีผ่านไป
แอ๊ด~
เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแผ่วเบาทำให้ทุกคนที่รอเวลามานานต้องหันไปมองตามเสียงนั้นอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเห็นร่างของคนที่ออกไปเกินครึ่งชั่วโมงที่แล้วกลับมาในสภาพกายที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อท่วมตัว ทั้งใบหน้าที่เรียบเฉยก็ดูเหนื่อยอ่อนอย่างน่าแปลกใจ
“ทำไมนายกลับมาในสภาพนี้วะคริส” เพื่อนผิวเข้มเอ่ยถามทันทีเมื่อคริสเข้ามาในห้องก่อนจะพิจารณาไปตามเนื้อตัวของเพื่อนรักที่ตอนนี้มันดูอ่อนล้าเหลือเกิน
“ฉันเข้าใจเลย์ละ ไอ้สัตว์นั่นมันน่ากลัวมากจริงๆ” คริสตอบก่อนจะหอบแฮ่กเพราะความเหนื่อยล้า
“นายไปสู้กับมันมาหรอ?” ชางมินเด้งตัวลุกขึ้นมาถามอย่างสนอกสนใจ พร้อมทั้งยุนโฮที่นั่งเงียบอยู่นานก็อยากรู้อยากเห็นไปด้วย
“เปล่า?”
“อ้าว! แล้วทำไมนายเหงื่อออกเยอะขนาดนี้วะ?” ไคเอ่ยถามอีกครั้ง
“ฉันวิ่งมา”
“ถุย! ฉันก็นึกว่านายไปสู้กับไอ้หมานั่นมาจนสภาพเป็นแบบนี้ซะอีก” เหมือนว่าจะผิดหวัง ชางมินเลยถอนหายใจออกมาอย่างเต็มแรง ก็นึกว่าจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นที่ไหนได้มันกลับไม่ได้มีอะไรเป็นนัยๆเลย
“อะนี่เลือดหมาดำ หวังว่าครั้งนี้จะสำเร็จสักทีนะ ง่วงนอนจะแย่”คริสยื่นขวดที่บรรจุเลือดสีข้นส่งไปให้คนเป็นพี่ก่อนจะล้มตัวนั่งลงอย่างหมดสภาพ
“ง..งั้นครั้งนี้ผมเป็นหนูทดลองให้เองครับ ทดแทนกับเรื่องที่ผมทำพลาดไป” คนหน้าหวานรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกไปเพื่อหวังชดเชยกับเรื่องที่เขาทำให้วุ่นวายทั้งยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” เสียงทุ้มจากทางด้านหลังทำให้เลย์ต้องหันไปถลึงตาใส่อย่างโมโห หากแต่ก็นึกขอบคุณรูมเมทหน้าหล่อในใจที่ทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
“เสร็จแล้ว นายลองสิเลย์” ดีโอยื่นแก้วที่เพิ่งใส่ยาเมื่อครู่ไปให้คนหน้าหวานพลันให้ลองดื่มเพื่อทดลองว่าได้ผลจริงหรือเปล่า หากแต่เลย์ก็อ้ำๆอึ้งๆจนอยากจะเปลี่ยนความคิดในตอนแรกเสียให้รู้แล้วรู้รอด เอาชีวิตมาเสี่ยงชัดๆ
“นายพูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
“ฉันบอกจะทำก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว!” เมื่ออีกคนพูดจบเสียงหวานก็แวดใส่เพื่อนรูมเมทหน้าหล่อในทันที เล่นดูถูกเขาแบบนี้มีหรือจะยอมให้ง่ายๆ
จมูกเล็กทำฟุดฟิดสูดดมกลิ่นยาที่โชยออกมาจากในแก้วอย่างไม่มั่นใจว่ามันจะปลอดภัย หากแต่มองไปอีกทางก็เห็นคนที่ชอบกวนประสาทมองมาพลางยกยิ้มมุมปากจนน่าหมั่นไส้ เสียท่าให้อีกคนเลยต้องจำใจกระดกเครื่องดื่มที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
“เหม็น! ไม่ไหวแล้วจะอ้วก”
สิ้นเสียงหวานกายบอบบางก็เปล่งประกายแสงสว่างเหมือนอย่างเช่นไคไม่มีผิดเพี้ยน หากแต่ทุกคนกลับรอลุ้นผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างใจจดใจจ่อกว่าครั้งที่ผ่านมา
ใบหน้าที่เคยติดหวานหากแต่ตอนนี้มันกลับหวานขึ้นไปอีก ผมที่เคยสั้นในตอนแรกพลันยาวสลวยสวยงามเป็นสีน้ำตาลรับกับใบหน้าขาวผ่อง นัยน์ตาหวานเปล่งประกายสีน้ำตาลเข้ากับสีผมอย่างลงตัว โครงหน้าเรียวเล็กสมเป็นหญิงงามอย่างเปี่ยมล้นทั้งการเปลี่ยนแปลงก็เผยให้เห็นทรวดทรงองค์เอวเยี่ยงหญิงสาวบอบบาง หน้าอกที่เคยแบนราบกลับนูนขึ้นมาให้เหมือนกับที่ผู้หญิงทั่วไปเขามีกัน
“ร..รสชาติมันแย่จริงๆนะครับ แค่กๆ เอ่อ...ทุกคนเป็นอะไรกันหรอครับ?”
ยังไม่ทันได้รู้สึกหายจากอาการพะอืดพะอมกับรสชาติไม่เข้าท่าของยาที่ดื่มเข้าไป คนหน้าหวานก็ถึงกับชะงักไปทันทีเมื่อทุกคนที่จับจ้องมาที่เขานั้นทำเอาร่างกายมันขยับไปไหนไม่ถูกซะหนิ
“นี่นายจริงๆหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ” ชางมินพึมพำออกมาพลางสายตาก็ไม่ได้ละไปจากภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหวานไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่หากแต่ทุกสัดส่วนที่ทำให้รุ่นน้องคนนี้เปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงเต็มตัวนั้นมันช่างดึงดูดเสียเหลือเกิน
…‘นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ’…
“ทำไมทุกคนต้องมองผมแบบนั้นด้วยล่ะครับ มันประหลาดมากหรือยังไง?...คริส ฉันมันตลกมากหรอ?” เมื่อเห็นทุกคนนิ่งไม่ตอบอะไร เลย์ก็เลือกที่จะหันไปถามคริสในทันที นั่นก็ทำให้คริสที่ยืนอึ้งอยู่ในตอนแรกถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วเรียกสติตัวเองกับมาอีกครั้ง
“ห๊ะ?... เอ่อ...อืม...ไม่รู้! ถามคนอื่นสิ” ใจอยากบอกออกไปเต็มที่หากแต่ปากมันแข็งไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปว่าคนตรงหน้าสวยมากเหลือเกิน สวยแม้กระ ทั่งอยู่ในชุดผู้ชายทะมัดทะแมงแบบนี้
“นายสวยมากเลยล่ะเลย์ ไม่อยากจะเชื่อเลย นั่นคงเป็นเพราะพื้นฐานใบหน้านายมันดีอยู่แล้วน่ะ แล้วอีกอย่างเสียงก็เพราะมากด้วย” ดีโอยิ้มเมื่อได้พูดให้อีกคนสบายใจ เขาพูดความจริงก็ในเมื่อเลย์มีใบหน้าที่หวานอยู่แล้ว พอมาอยู่ในร่างของผู้หญิงแบบนี้มันก็ดูไม่แปลกอะไรเลย ซ้ำยังสวยไร้ที่ติจนไม่อาจละสาย ตาอีกด้วย
“นายพูดจริงหรอ? แต่...ย๊า! ผมเป็นผู้ชายนะทำไมต้องจ้องแบบนั้นด้วยเล่า” เมื่อเห็นสายตาแทะโลมของแต่ละคนเลย์ก็แวดใส่ในทันที เห็นเป็นผู้หญิงหน่อยไม่ได้เอาเลยเชียว
“นี่เด็กน้อย จะพูดจะจาก็ให้มันเหมาะกับใบหน้าสวยๆของนายหน่อยสิ" ชางมินเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี พลันเห็นน้องชายในสายเลือดของตัว เองยืนทื่อเป็นเสาหลักกิโลแบบนี้ก็อยากหาเรื่องมาแกล้งมันเสียจริงๆ
“…………”
“เอ้อ! ไหนฉันขอดูหน่อยสิว่านายมีขนหน้าอกหรือเปล่า?”ชางมินพาตัวเองเดินเข้าไปหาร่างสะโอดสะองของรุ่นน้องหน้าหวานก่อนจะค่อยๆดึงคอเสื้อยืดที่เลย์ใส่อยู่ให้กว้างมากขึ้น พลางทำท่าจะชะเง้อหน้าเข้าไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แม็ก!จะทำอะไร? ออกมาน่า”
ไม่ทันได้เห็นของดี คริสก็ดึงคอเสื้อพี่ชายออกมาให้ห่างจากเลย์ในทันที ไว้ใจไม่ได้แม้กระทั่งพี่ชายตัวเองสินะ มันน่าโมโหจริงๆ
“แหมๆ ก็ผู้ชายด้วยกันอย่าทำหวงเลย”
“แต่ตอนนี้เลย์ไม่ได้มีร่างเป็นผู้ชายนะให้เกียรติกันหน่อยสิ” คริสพูดขึ้นพลันนึกหงุดหงิดคนเป็นพี่ขึ้นมาตงิดๆ นั่นก็ทำให้ชางมินถึงกับยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ ตอนแรกก็อยากแกล้งคนเป็นน้องนั่นแหละหากแต่ตอนนี้ก็อยากจะดูด้านในของคนหน้าหวานเข้าจริงๆซะแล้ว หื่นชะมัด!
“เออๆ ก็แค่ล้อเล่นเอง” ชางมินพูดเสร็จก็ผละกายออกห่างจากคนของน้องชายในทันที กลัวว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นจะโดนหมัดหนักๆของคริสเข้ามาแทนที่จึงจำยอมให้กับคนเป็นน้องแต่โดยดี
“แต่ผมว่ามันสำเร็จนะเพราะข้างในก็ปกติดี” เสียงหวานขัดขึ้นพลันใบหน้าน่ารักก็ก้มๆเงยๆมองเข้าไปในเสื้อของตัวเองก่อนจะพบว่าภายในตัวเขานั้นมันเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์แบบ
“นั่นนายทำอะไรน่ะ?” คริสถามเมื่อเห็นอีกคนลูบๆคล้ำๆไปตามเรือนร่างของตัวเองอย่างไม่แคร์สายตาใคร
“ก็ตรวจดูไงว่ามันโอเคหรือเปล่า?” เลย์ตอบกลับอย่างไม่ประสาหากแต่คนที่มองภาพตรงหน้าก็ถึงกับหน้าแดงไปกับการกระทำใสซื่อแบบนั้น
“หยุดได้แล้ว เป็นผู้หญิงอยู่มาทำอะไรแบบนี้มันน่าเกลียด” มือหนารีบรั้งห้ามอีกคนที่ตอนนี้เริ่มสำรวจนู่นสำรวจนี่อย่างไม่ลดละ
“………...”
“ถ้ามันโอเคแล้วก็กลับห้องกัน”
พูดแค่นั้นคริสก็รั้งข้อมือบางให้เดินออกจากห้องประชุมลับไปด้วยกัน ทำให้คนที่มองเหตุการณ์อยู่ก่อนหน้านั้นถึงกับไม่เข้าใจในสิ่งที่คริสทำเลยแม้แต่น้อย เว้นไว้ก็แต่คนๆนึงที่ดูจะเข้าใจอะไรไปหมดเสียทุกอย่าง ชิมชางมินนั่นเอง
“อะ! เอาเสื้อไปคุมหัวซะเดี๋ยวคนอื่นจะตกใจกันหมดว่ามีผู้หญิงที่ไหนมาเดินอยู่ในเดอะวิซาร์ด”
เมื่อเดินออกมาจากห้องประชุมลับได้ไม่นานคริสก็โยนเสื้อกันหนาวของเขาไปใส่หัวอีกคนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะรีบเดินนำไปที่หอพักในทันที พลันคิดก็กลัวว่าอีกคนจะสงสัยหรือเปล่าที่เขาแสดงออกมากขนาดนี้ แต่แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด...
“รอด้วยดิ เขินหรือไงได้เดินกับผู้หญิงอย่างฉันน่ะ?”รับเสื้อมาคลุมศรีษะไว้แล้วก็ไม่วายเอ่ยแซวคนตัวสูงกว่าอย่างนึกสนุก ท่าทางแบบนี้มันเขินชัดๆ หาก แต่คิดเองก็ปวดใจเสียเองในเมื่อคนที่คริสเขินกับไม่ใช่เขาในร่างชายแต่กลับเป็นผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้แค่มีวิญญาณของเขามาอาศัยร่างก็เท่านั้น
“พูดบ้าๆใครจะไปเขินนาย” ถึงจะพูดแบบนั้นหากแต่เท้าก็ไม่หยุดเดินเอาเสียเลย เหมือนยิ่งหนีอีกคนก็ยิ่งเซ้าซี้
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มาถึงหอพักหากแต่ความเงียบกลับไม่ได้หายไปไหนเลย ในเมื่อคนที่พูดเจื้อยแจ้วก็ยังเป็นคนหน้าหวานคนเดิมเพียงแค่รูปร่างและอะไหล่ในกายที่เปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัวก็เท่านั้น และนั่นก็ยิ่งทำให้คริสปรับตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“ไม่ง่วงหรอ? ทำไมไม่นอนอ่ะ” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนที่เอาแต่นั่งนิ่งมองเขาไม่วางตาทั้งที่เหนื่อยมาทั้งวันแต่ก็ยังนั่งตาแป๋วอยู่อีก
“ถามอะไรโง่ๆ จะให้ฉันข่มตาหลับได้ยังไงล่ะห๊ะ? นี่ฉันนอนห้องเดียวกันกับผู้หญิงนะ!”คริสตะโกนลั่นเมื่ออีกคนที่ยังอยู่ในร่างสะโอดสะองเยี่ยงผู้หญิงงามกลับชวนให้เขานอนอย่างไม่อายปาก รู้ว่าไม่ได้นอนเตียงเดียวกันหากแต่อยู่ในห้องด้วยกันแบบนี้มันก็เล่นทำตัวไม่ถูกอยู่ดี
“ก็อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงสิ”
“ประสาท! ก็เห็นๆอยู่ว่าผู้หญิงมันยืนอยู่ตรงหน้าเนี่ย” เสียงถอนหายใจออกมาเต็มแรงทำให้เลย์ถึงกับยิ้มร่าในทันที เห็นคริสโมโหทีไรก็อดขำไม่ได้อยู่เรื่อย
“ถ้างั้นก็รอไปอีกสามชั่วโมงแล้วกัน กว่าฉันจะกลับร่างเดิมนายก็คงได้นอนเช้าพอดีนั่นแหละ! ฉันไปอาบน้ำดีกว่า” พูดแค่นั้นก็เดินอ้อมจะไปเข้าห้องน้ำหากแต่ไม่ทันได้ไปถึงไหน คนที่ซุ่มซ่ามเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็สร้างปัญหาอีกครั้ง
“อ๊ะ!”
เท้าเล็กสะดุดเข้ากับขาเตียงอย่างไม่ทันระวังตัวก่อนจะขมำไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก ตากลมหลับปี๋รอความเจ็บปวดที่กำลังจะมาเยือนแต่แล้วทำไมมันกลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
“หนินาย! จะเดินจะเหินอะไรก็หัดระวังหน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ล้มเจ็บตัวอีกหรอก ชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยสิน่า” เป็นอีกครั้งที่คริสพูดคำว่าเป็นห่วงออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่กว่าจะรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อกายเล็กที่นอนทับร่างเขาอยู่นั้นจ้องมองลงมาด้วยความตกใจ พลันได้มองหน้าหวานๆจากมุมนี้แล้วไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันน่าหลงใหลเหลือเกิน
แรงดึงดูดจากกายบางทำให้คริสถึงกับควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะอยู่ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเจอแบบเขาแล้วใครยังจะทนไหว กายสูงถือโอกาสพลิกตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายอยู่ด้านบนอย่างรวดเร็วจนคนใต้ร่างในตอนนี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูกจนเกร็งไปหมด ยิ่งมองใบหน้าหวานนานๆคริสก็ยิ่งโหยหาบางสิ่งบางอย่างจนไม่อาจห้ามใจตัวเองได้เลย ไม่ทันได้รู้ตัวใบหน้าหล่อก็โน้มลงเข้าหาอีกคนไปเสียแล้ว
สมองมันขาวโพลนไปหมดเมื่อรู้ตัวอีกทีก็รับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปาก แค่เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็ทำให้สมองไม่อาจเลิกฟุ้งซ่านได้เลย แค่ริมฝีปากอุ่นประกบเข้าหากันเบาๆ ไม่ได้รุกล้ำอะไรไปมากกว่านี้ก็แทบคลั่ง ยอมรับว่าพลาดไปแล้วจริงๆ
“อ...เอ่อ..ข...ขอโทษ”
เมื่อเห็นหยาดน้ำสีใสที่คลอหน่วยอยู่นัยน์ตาคู่สวยของอีกคนคริสก็ถึง กับปวดหนึบที่หัวใจยิ่งกว่าของมีคมที่กรีดลงซ้ำที่แผลเดิม เป็นอีกครั้งที่เลย์ร้องไห้เพราะเขาและครั้งนี้มันก็ร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ
คนหน้าหวานไม่ได้เสียใจเพราะอะไรเลย ใช่!คนที่คริสจูบมันเป็นเขาเองหากแต่รูปลักษณ์ภายนอกในตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างเลย์คนก่อน แต่เป็นผู้หญิงสวยที่ผู้ชายหน้าไหนเห็นก็คงอดใจไม่ไหว นั่นก็คงรวมถึงคริสด้วยเช่นกัน แล้วทำไมต้องเสียใจ ทำไมต้องร้องไห้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง
“นาย...ทำแบบนี้กับคนที่ไม่ได้รักหรอ? แค่เห็นว่าเป็นผู้หญิงนายก็ทำแบบนี้ไปกับทุกคนเลยใช่ไหม?”
แววหวานสั่นระริกเมื่อมองเข้าไปนัยน์ตาสีนิลของอีกคน เสียใจจนไม่รู้จะสื่อออกไปได้ยังไง เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาให้อีกคนได้รับรู้ว่าเขาเสียใจกับการกระทำแบบนี้เพียงเท่านั้น เลย์ตอนนี้ก็เหมือนตัวแทนของผู้หญิงคนอื่น ถ้าเขาไม่อยู่ในร่างผู้หญิงในตอนนี้คริสจะทำแบบนี้กับเขาหรือเปล่า
“เลย์” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ความรู้สึกที่รุมประดาเข้ามาจนมันจุกไปหมด รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์จนทำให้คนตัวเล็กต้องเสียใจ ทั้งยังทำอะไรที่อีกฝ่ายก็ไม่เต็มใจให้กับเขาไปด้วย
“ถอยไป! ฉันจะไปอาบน้ำ” มือบางยกขึ้นผลักอกอีกคนออกไปเต็มแรงหากแต่คนตัวใหญ่กว่าก็ไม่ได้สะเทือนเลยเสียด้วยซ้ำ คริสยังคงนอนทาบทับร่างของคนตัวเล็กไว้ไม่ไปไหนก่อนจะฟุบหน้าลงที่ไหล่บางพลางโอบกอดอีกคนเอาไว้อย่างอ่อนโยน
“…………”
“ถ้าจะทำแบบนี้เพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิง ชอบเพราะว่ามันเป็นร่างของผู้หญิงคนนี้ ถ้างั้น...ก็เอามันไปเลย! ชอบแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?!” เสียงหวานตะโกนใส่อีกคนอย่างเหลืออด เห็นสภาพตัวเองในตอนนี้แล้วก็น่าสมเพช ทำอะไรไม่ได้ไม่เท่าไหร่แต่ไม่คิดจะปฏิเสธอีกคนนี่มันน่าสมเพชยิ่งกว่า
“ใช่!ฉันชอบ....”
“ฮึก! นาย...หน้าไม่อายเลยนะ”
แค่ได้ฟังคำพูดของอีกคนความพยายามในการอดกลั้นเสียงสะอื้นมันก็ไม่เป็นผลเสียแล้ว น้ำสีใสที่ไหลอาบข้างแก้มก็ปล่อยให้มันไหลไปซะให้พอใจ ไหลไปให้หมดเผื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องของคนๆนี้อีก
“ชอบ...แต่...ฉันชอบนายที่เป็นผู้ชายคนเดิมมากกว่า”
เหมือนมีเสียงกังวานที่ดังก้องไปในหูไปขาดสาย ถึงจะเป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบาหากแต่ก็ได้ยินชัดเจน คริสพูดอะไรเลย์เองก็ยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยินและไม่มั่นใจว่าที่อีกคนพูดมันสื่อถึงอะไร รับรู้ได้ตอนนี้คงมีเพียงแค่ร่างกายที่เหนื่อยล้า เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจจนไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไปก่อนสติทั้งหมดจะดับวูบไปพร้อมกับเสียงที่ดังก้องกังวานอยู่อย่างนั้น
…‘เดี๋ยวเช้าก็คงจะลืม’…
... THE WIZARD…
** อ่านแล้วอึนหรือเปล่า? รู้สึกน่าเบื่อเนอะตอนนี้ ฮ่าๆ ยาวมาด้วย แต่งไปก็อึนไปค่ะ =_=
ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วไรท์เตอร์เลยไม่มีเวลามาอัพเท่าไหร่ ยังไงก็อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนนะคะ
เลยมาอัพให้ก่อนสอบ เพราะจะมาบอกว่าเจอกันอีกทีหลังไรท์เตอร์สอบเสร็จนะคะ
ช่วงต่อไปก็ถึงสัปดาห์แห่งการอ่านหนังสือกันแล้วโน๊ะ ^^ รีดเดอร์ก็อย่าลืมอ่านหนังสือสอบกันน้า สอบเสร็จแล้วเจอกันนะคะ ฝันดีค่ะ :"D
ความคิดเห็น