คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ll THE WIZARD ll Chapter 9
ร่างกายที่ยังไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืนพร้อมทั้งอาการบาดเจ็บจากของมีคม ทำให้คนตัวสูงรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าที่เคยเป็น หากแต่ได้ยาดีมีกำลังใจอยู่เคียงข้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่ซูบเซียวก็เผยรอยยิ้มให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
“อ...โอ้ย!” คริสสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเล็กที่กำลังทำแผลให้เขาอยู่นั้นไม่ทันได้ระวังจนเผลอออกแรงมากเกินไป
“เจ็บมากหรอ? ฉันขอโทษนะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างรู้สึกผิดก่อนจะรีบใช้ปากเรียวเป่าลมไปยังต้นแขนของคริสที่เป็นแผลเหวอะอยู่ในขณะนี้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บนั้นให้ทุเลาลง
“แสบอ่ะ!” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพลันใบหน้าหล่อเหลาก็เหยเกไปตามอาการที่เป็นอยู่
“ก็นี่มันยาฆ่าเชื้อไม่แสบก็บ้าสิ อายุเท่าไหร่แล้วอดทนน่ะเป็นไหม? ตัวก็ใหญ่ซะเปล่า” เลย์บ่นกับความสำออยของรูมเมทตัวสูงก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้คริสต่อไป ดีที่ตอนนี้คริสใส่เสื้อแขนกุดเลยทำแผลได้ง่ายหน่อย หากใส่เหมือนอย่างทุกวันมีหวังต้องได้ถอดให้กันดูเนื้อหนังมังสาเป็นแน่
“แค่บอกว่าแสบนิดหน่อย ใส่กลับมาเป็นชุดเลยนะ” คริสถอนหายใจก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็ไม่วายเหลือบมองใบหน้าหวานนั้นอยู่อย่างเดิม
“บอกให้ไปห้องพยาบาลก็ไม่เชื่อ อดทนเอาแล้วกันเพราะฉันก็ไม่เคยทำแผลให้ใครด้วย ทีตอนโดนล่ะไม่เห็นจะบ่นแบบนี้”
มือเล็กเอื้อมไปหยิบผ้าพันแผลในกล่องสีขาวขึ้นมาก่อนจะพยายามพันไปตามรอยแผลที่บาดลึกนั้นอย่างเบามือ สีหน้าที่ตั้งอกตั้งใจทำให้คริสนึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก พวงแก้มอมชมพูที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะเพิ่งผ่านประเพณีอันดีเดือดมาไม่นานยิ่งดึงดูดสายตาคมให้จ้องมองอย่างไม่ลดละ
“เสร็จแล้ว ไปอาบน้ำได้” เสียงหวานเอ่ยบอกคนตัวสูงก่อนจะค่อยๆเงยใบหน้านั้นขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมช้อนมองอีกคนอย่างนึกสงสัยว่าหน้าเขามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าทำไมคริสถึงต้องจ้องอยู่แบบนี้
“มองอะไร?”
“อาบน้ำให้หน่อย”
เหมือนลมหายใจมันขาดผึ่งเมื่อได้ฟังคำขอของอีกคน นี่คริสจะบ้าหรือเปล่า ไม่ใช่เด็กแล้วนะถึงจะต้องให้เขามาอาบน้ำให้
“……………”
“นายดูแขนฉันสิ เป็นแบบนี้แล้วฉันจะอาบน้ำได้ยังไง แล้วอีกอย่างฉันก็ต้องสระผมด้วยเพราะนายทำแป้งมันที่ใช้เทใส่ซีวอนเลอะผมฉันไปหมด แล้วขืนฉันทำแผลไปโดนน้ำกว่าจะหายก็อีกนาน ฉันจะเป็นภาระให้นายเปล่าๆนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยเป็น จนเลย์เองก็ถึงกับขนลุกไปกับคำพูดนั้นอยู่เหมือนกัน พลันนึกว่าคริสโดนทำร้ายจนสมองเลอะเลือนไปหรือเปล่า ทำไมถึงทำตัวแปลกได้ขนาดนี้
“อ...เออๆ ก็ได้”
เลย์พูดแค่นั้นก่อนจะหันรีหันขวางเมื่อไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนเพราะคริสก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าเขาจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้อยากยอมเลยจริงๆหากแต่เป็นเพราะเขาเอง ตอนที่เล่นงานซีวอนทำให้ทั้งคริสและชางมินก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย ก็หลับหูหลับตาเขวี้ยงแบบนั้นเลยต้องมาชดใช้ให้อีกคนอย่างไม่มีข้อแม้
“ถอดเสื้อให้ด้วย”
“ห๊ะ?!”
“จะห๊ะอะไรล่ะ? ก็ฉันยกแขนไม่ขึ้น มันเจ็บอ่ะ”
เลย์ถึงกับมือไม้สั่น หน้าที่เคยแดงอยู่แล้วพลันขึ้นสีจัดชัดเจนมากกว่าเดิม ใบหน้าหวานก้มงุดจนคางชิดอกก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้ร่างสูงให้มากขึ้นเพื่อจะเอื้อมมือไปถอดเสื้อให้คริสได้อย่างสะดวก อดส่าห์แอบดีใจว่าทำแผลให้ คริสครั้งนี้มันง่ายเหลือเกิน คิดว่าจะไม่ได้เห็นผิวหนังละเอียดนั่นให้ใจระทวยเล่น หากแต่ก็ไม่วายลงเอยแบบนี้จนได้
“…………”
“ก้มหน้าแบบนั้นหายมองเห็นหรอ? จะถอดเสื้อให้ฉันได้ยังไง” คริสเอ่ยแซวคนหน้าหวานเมื่อเห็นปฏิกิริยาน่ารักแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มอย่างพอใจ
“หนิ! ถ้าอยากให้ฉันอาบน้ำให้ก็หุบปากของนายไปเลยคริส”
พูดจบมือบางก็ค่อยๆถอดเสื้อให้กับคริสอย่างระมัดระวัง เลย์รับรู้ได้ว่า คริสจับจ้องที่ใบหน้าของเขาอยู่ตลอดและเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาเองก็รู้สึกได้ ความเขินอายในตอนนี้มันเข้าครอบงำจนไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคนตรงๆ สายตาที่คริสมองมาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่… นี่มันผีเข้ารึเปล่าวะ
“ถอดกางเกงให้ด้วย” คริสพูดออกไปอย่างน่าไม่อาย คิดว่าไหนๆก็ทนด้านมาขนาดนี้แล้วก็ยอมด้านให้มันถึงที่สุดเลยก็แล้วกัน
“ไอ้บ้า! ก็ถอดเองดิ จะให้ทำให้ทุกอย่างเลยรึไง?”
คนหน้าหวานยืนเท้าสะเอวก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่อง คริสต้องแกล้งเขาอยู่แน่ๆ ไอ้ถอดเสื้อให้น่ะไม่เท่าไหร่แต่นี่ใช้ให้ถอดกางเกงด้วยนี่สิ มันจะมากเกินไปหรือเปล่า
“เขินฉันอ่ะดิ?” คริสเอียงคอถามหวังจับผิดความรู้สึกของอีกคนที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาพลันทำตัวร้อนรนจนเขาเองจับสังเกตได้ไม่ยาก
“อ..อะไร? ใครเขิน?” พูดเสร็จมือเล็กก็ค่อยๆเอื้อมไปปลดตะขอกางเกงให้คริสอย่างเก้ๆกังๆ มือที่ใช้การอยู่นั้นมันกลับสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อต้องรูดซิบกางเกงที่อีกคนส่วมใส่ลงมา อยากจะเอาหน้ามุดดินแล้วหนีไปจากที่ตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด อกข้างในตอนนี้มันตีรวนจนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ น่าอายที่สุด…
ก้อนเนื้อภายในอกซ้ายมันเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆราวกับคนที่ใกล้จะเป็นลมเมื่อมือบางที่สั่นเทานั้นกำลังค่อยๆร่นกางเกงยีนต์ที่คริสสวมใส่อยู่ อยากถามไอ้คนที่ใช้เขาเหลือเกินว่าหน้าด้านหน้าทนให้เขาถอดอยู่ได้ยังไงไม่อายกันบ้างหรือ หากแต่คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเมื่อในที่สุดร่างกายสูงโปร่งก็เปลือยเปล่าเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ชั้นในบางๆตัวเดียวเท่านั้น
“ไป! เข้าห้องน้ำสิ” เสียงหวานเอ่ยบอกอีกคนก่อนจะยกมือขึ้นเช็ด เหงือที่หน้าผากของตัวเองทันที อยู่ๆก็เกิดร้อนกายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งๆที่แอร์ก็เปิดจนเย็นฉ่ำทั่วห้องไปหมด
“ช่วยพยุงหน่อย” คริสยังคงออดอ้อนเหมือนเด็กอีกครั้ง ทำไปทำมาก็เริ่มไม่รู้สึกอายไปเสียแล้ว นี่เขาด้านมากจริงๆใช่ไหม
“ถามจริง! ตกลงว่านายเจ็บแขนหรือเจ็บขากันแน่ ห๊ะ!?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่ออีกคนชักจะเริ่มเยอะ จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าแต่ละเรื่องที่คริสร้องขอมันไม่มีผลต่อหัวใจของเขา แค่ตอนนี้เขาก็เหมือนกับคนเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ยิ่งคริสมาทำตัวแปลกๆด้วย อาการมันก็ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก
“………..”
คริสไม่ตอบอะไรหากแต่ยู่หน้าแล้วทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ นั่นเลย์ก็ถึงกับส่ายหัวอย่างอ่อนใจ โตแต่ตัวจริงๆผู้ชายคนนี้
“มา ลุกขึ้น!” มือเล็กที่ยื่นออกไปข้างหน้าหวังเพื่อจะดึงช่วยอีกคนให้ลุกขึ้นยืน แต่หารู้ไม่ว่าคนหน้าหวานคนนี้หลงเหล่เหลี่ยมอันแพรวพราวของผู้ชายที่ชื่อคริสอย่างสมบูรณ์แบบ
“อ๊ะ!”
ร่างกายบอบบางเพียงแค่คริสออกแรงกระตุกข้อมือเล็กน้อยร่างของอีกคนก็ถลาเข้าไปนั่งบนตักของเขาในทันที ก่อนลำแขนแกร่งทั้งสองข้างจะโอบกอดรอบเอวบางเพื่อกักกั้นไม่ให้อีกคนหนีไปไหนได้ ลืมเจ็บไปเสียสนิทเลยสินะ
“ทำอะไรเนี่ยคริส? ปล่อยฉันนะ!” เสียงหวานโวยวายเมื่ออีกคนทำอะไรไม่แคร์หัวใจของเขาเลย ยิ่งคริสเป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้เลย์คิดได้ยังไง
“กลัวรึเปล่า?” คริสเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนก่อนจะเกยคางแหลมไปกับลาดไหล่บางของคนหน้าหวานที่ตอนนี้ก้มหน้างุดมองมือตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก
“กลัวอะไร?”
“ซีวอนน่ะ มันล่วงเกินนายใช่ไหม?”
แขนแกร่งโอบกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อได้นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน พลันได้ทันเห็นกายเล็กสั่นเทาแบบนั้นคริสก็ยิ่งนึกแค้นซีวอนไม่หาย ถ้าเขาไปช้าเกินไปเลย์อาจจะไม่โดนแค่นี้ก็เป็นได้
“ก็...กลัว แต่เพราะฉันรู้และมั่นใจว่านายต้องมาช่วยฉันแน่นอน” เสียงหวานเอ่ยก่อนจะหันหน้าไปยิ้มกว้างกับอีกคนที่ตอนนี้ใช้ไหล่ของเขาเป็นที่พักพิง
“มั่นใจขนาดนั้นเลย? แล้วถ้าฉันไปช่วยไม่ทัน....” เอ่ยเสร็จก็ช้อนตามองใบหน้าหวานนั้นอย่างรอคำตอบ
“อย่าพูดเรื่องที่มันผ่านมาแล้วสิ นายยิ่งรื้นฟื้นฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่นะ อดส่าห์ลืมมันไปแล้วเชียว” ใบหน้าหวานยู่ลงอย่างนึกงอนเมื่ออีกคนพยายามพูดถึงสิ่งที่บั่นทอนจิตใจของเขาอยู่ในตอนนี้
“แก้มข้างไหนที่มันเอาไป?” เสียงทุ้มถามขึ้นก่อนจะผละออกมามองใบหน้าหวานของอีกคนตรงๆ
“ข้างนี้” นิ้วเรียวชี้เข้าที่ข้างแก้มด้านซ้ายก่อนจะเม้มปากเข้าหากันจนเผยให้เห็นลักยิ้มอย่างชัดเจน พลันก้มหน้างุดเมื่อรู้สึกใจหายที่ประธานปราสาทเซนทอร์กล้าทำกับเขาแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดคนที่ชื่อซีวอนมากขึ้นไปอีก
ฟอด!!!!!!!
“คริส! ไอ้บ้า! ทำอะไรอ่ะ?”
มือเล็กยกขึ้นตีต้นแขนของคริสในทันที เมื่อจู่ๆใบหน้าหล่อนั้นกดปลายจมูกโด่งลงที่แก้มนิ่มข้างที่โดนซีวอนล่วงเกินไป สูดความหอมที่เป็นกลิ่นประจำตัวของคนหน้าหวานเข้าไปฟอดใหญ่อย่างไม่ทันได้ให้คนถูกกระทำได้ตั้งตัว
“โอ้ย!” เสียงทุ้มร้องลั่นเมื่อเลย์ตีลงไปซ้ำรอยแผลบาดลึกของเขาจนเลือดที่ตอนแรกคิดว่าห้ามให้มันหยุดไหลได้แล้วซึมผ่านผ้าพันแผลสีขาวออกมาให้เห็นอีกครา
“เฮ้ย! ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็ใครใช้ให้นายมาทำรุ่มร่ามกับฉันเล่า!”
ขอโทษขอโพยเสร็จก็ก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่มองมาในทันที รู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างปิดไม่อยู่ พวงแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อช่างเป็นอาการประจำตัวของคนตัวเล็กที่มักจะเกิดขึ้นเสมอๆเมื่ออยู่กับอีกคน
“แล้วมันดีกว่าสัมผัสแบบนั้นหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลันรอคำตอบกลับอย่างคาดหวังลึกๆอยู่ในใจ ก่อนจะยิ้มกริ่มไปกับความน่ารักของเลย์
“ถามอะไรนี่คิดก่อนรึเปล่า? ปล่อยฉันเลย!”
“ก็ตอบฉันมาก่อนสิ ไม่งั้นไม่ปล่อยจริงๆด้วยนะ” คริสออกแรงกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้นไปอีก ให้รู้ไปเลยว่าถ้าตอบอะไรออกมาที่ไม่เข้าหู เขาจะไม่มีทางปล่อยร่างกายนี้ให้ไปไหนเป็นแน่
“ก็ อ..เออๆ มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วป๊ะ? ก็นายเป็นเพื่อนฉันนี่นา มันก็สนิทใจกว่า ถามอะไรไม่คิด”
ใช่! ไม่คิด ในเมื่อซีวอนคือคนที่เลย์เกลียดนั่นย่อมไม่มีทางที่เลย์จะชอบอะไรในตัวเขาอยู่แล้ว หากแต่เป็นคริส คนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนใกล้ชิด ถึงความสัมพันธ์จะเป็นได้แค่นี้ แต่ก็ดีกว่าสัมผัสจากคนอื่นเป็นไหนๆ
คริสที่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยออกมาก็ถึงกับใจกระตุกวูบ เมื่อประโยคที่เปล่งออกมานั้นมันช่างทิ่มแทงใจเขาเหลือเกิน คำว่าเพื่อน เพื่อนที่เลย์ไว้ใจ หากแต่คริสก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ถึงในตอนนี้จะเป็นได้แค่เพื่อนแต่มันจะต้องพัฒนาขึ้นไปสู่อีกจุดนึงแน่นอน แม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักก็ตาม ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปดีที่สุด
“อื้ม ถ้ามันดีกว่าก็ขอให้นายจดจำสิ่งนี้เอาไว้แทนสัมผัสที่หยาบคายนั่นก็แล้วกัน ถึงมันจะทดแทนสิ่งที่นายเสียไปไม่ได้ แต่ฉันก็ขอให้รับมันไว้”
พูดเสร็จ คริสก็ค่อยๆพยุงกายเล็กให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลุกตามแล้วเดินนำเข้าห้องน้ำไปก่อน ปล่อยให้เลย์ได้คิดในสิ่งที่คนตัวสูงพูดอย่างรู้สึกสับสน คริสทำเพื่อให้เขาสบายใจหรือเพื่ออะไรกันแน่
… มันดีเกินไปต่างหาก สำหรับฉันสิ่งที่ได้รับจากนายมันจะอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป...
“โอ้ย! ฟองมันเข้าตาฉันจนแสบไปหมดแล้วนะ”
คริสที่นั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำกำลังก้มศรีษะให้เลย์สระผมให้อยู่โวยวายขึ้น เมื่อคนตัวเล็กใช้ฝักบัวล้างแชมพูให้เขาจนมันไหลเข้าตาไปหมด
“ขอโทษ! ก็จะให้พูดสักกี่ครั้งว่าฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใคร ลำพังดูแลตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว” เสียงหวานบ่นยกใหญ่เมื่ออีกคนที่ใช้เขาให้สระผมอยู่นั้นเอาแต่บ่นจนหูแทบชา
“ก็หัดไว้ไง เผื่อต้องดูแลฉันไปอีกนาน” พูดไปก็ยกมือหนาขึ้นเช็ดน้ำออกจากใบหน้าหล่อไปด้วย ที่พูดนี่ไม่ใช่อะไรเลย ถ้าไม่ได้หวังให้อนาคตของเขากับเลย์เป็นแบบนั้น
“หรอ? ฝันไปเหอะ” เสียงหวานลากยาวก่อนจะตั้งตาตั้งตาล้างฟองแชมพูที่ผมของคริสออกไปจนหมด
“………….”
“คริส ฉันถามอะไรหน่อยสิ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเมื่อยังนึกสงสัยในเรื่องบางอย่าง
“อะไร?”
“ทำไมพี่ชางมินถึงไม่ชอบรุ่นพี่ซีวอนขนาดนั้นด้วยอ่ะ” ไม่อ้อมค้อม เลย์เลือกที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะไม่ใช่แค่ชางมินที่ดูไม่ชอบซีวอนหากแต่ซีวอนก็ดูจะไม่ชอบใจชางมินเหมือนกัน
“ฉันก็ไม่เคยถาม แต่ดูเหมือนว่าซีวอนจะไปรุ่มร่ามกับคนรักของแม็กอ่ะ เขาเลยไม่พอใจ”
“...................”
“แต่ที่แม็กเคยเล่าให้ฉันฟังอ่ะนะ ตอนที่แม็กเข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ๆ ซีวอนมักจะเข้ามาหาเรื่องอยู่เสมอ เพียงเพราะแม็กได้นักเรียนดีเด่นอันดับหนึ่งซึ่งทิ้งคะแนนห่างจากเด็กเซนทอร์แบบขาดลอย และนายก็รู้ว่าพี่ฉันก็หน้าตาดี พอเรียนดีด้วยก็เลยกลายเป็นที่สนใจจากนักเรียนของเดอะวิซาร์ด ทำให้มีคนเข้าหาพี่ชายฉันมากมาย และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่ซีวอนชอบ”
“ใครอ่ะ นายรู้รึเปล่า?” เลย์ถามอย่างสนอกสนใจ
“ไม่มั่นใจว่าชื่อคยูฮยอนหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้แหละทำให้ซีวอนไม่ชอบแม็กและพยายามทำให้แม็กเจ็บปวดเหมือนที่เขาเป็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพี่ชายฉันก็พักพวกเยอะอยู่เหมือนกัน”
“อือ...พอทำอะไรไม่ได้ก็เลยไปลงกับพี่ยูฮวานใช่ไหม?” เลย์เอ่ยถามเมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้
“อื้ม วันบุกปราสาทปีที่แล้ว เซนทอร์ต้องมาบุกดราก้อนแต่ซีวอนกลับให้เด็กของพวกมันไปจับพี่ยูฮวานมาเป็นตัวประกันแล้วทำรุ่มร่ามต่อหน้าแม็ก เพื่อให้แม็กยอมคืนถ้วยให้พวกมัน พี่ชายฉันก็เลยฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้”
คริสเล่าเรื่องราวที่พอรับรู้มาจากพี่ชายให้กับเลย์ฟัง เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังคนๆนี้อีกต่อไป ดีซะอีกบางทีการได้เล่าให้เลย์ฟังมันอาจจะทำให้คนหน้าหวานระวังตัวเองจากพวกเซนทอร์มากขึ้นก็ได้ เพราะเขาเองก็อดจะเป็นห่วงไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
“เลวมาก! ฉันไม่คิดว่ามันจะเลวได้ขนาดนี้” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างนึกโกรธแค้น ยูฮวานเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา เขาย่อมเข้าใจหัวอกพี่ชายคนนี้ดี ยูฮวานเป็นคนอ่อนไหวและสะเทือนใจกับเรื่องพวกนี้มาก และเมื่อเลย์ก็โดน ซีวอนทำแบบนั้นด้วยเหมือนกัน มันทำให้เขาไม่อยากจะให้อภัยประธานปราสาทเซนทอร์อย่างซีวอนเอาเสียเลย
“ไม่ใช่แค่แม็กหรอกนะ พี่ยุนโฮ พี่ยูชอนก็ไม่ชอบมันเหมือนกัน” คริสเสริมอีกครั้ง
“………..”
“งั้นถึงตาฉันบ้างแล้วนะ” เมื่อเล่าเรื่องทุกอย่างให้คนตัวเล็กฟังอย่างหมดเปลือก พอได้โอกาสคนอย่างคริสก็ไม่มีทางปล่อยมันไปเฉยๆอย่างแน่นอน
“อะไรของนาย?”
“บอกฉันมาว่านายไปรู้จักกับไอ้เด็กเซนทอร์คนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” คริสเอ่ยถามเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เลย์อุทานชื่อของเพื่อนหน้าโหดคนของเซนทอร์ออกมา
“คนไหน?”
“อย่ามาทำไก๋ ก็แล้วนายรู้จักคนปราสาทนั้นกี่คนล่ะ อย่าให้ฉันถามย้ำ”
คริสจ้องเขม่นไปยังใบหน้าหวานอย่างเอาเรื่อง ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไปยุ่งกับคนปราสาทนั้นก็ยังไม่วายไปรู้จักกันจนได้ แถมเขาก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้อีกด้วย
“อ...อ่อ เทาอ่ะหรอ? ก็หลายวันแล้วอ่ะ แต่ก็คุยกันแค่ครั้งเดียว” เสียงหวานตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก เลย์ไม่ได้โกหกหากแต่สายตาที่อีกคนมองมามันทำให้เขานึกกลัวไม่น้อย เล่นจับผิดกันแบบนี้มีหรือจะไม่สั่นไม่ร้อนรน
“………...”
“ฉันพูดความจริ๊ง! ไม่ได้โกหกเล้ย!” กายบางลุกลนขึ้นไปอีกเมื่อคริสยังคงจับผิดเขาอยู่
“แล้วทำไมต้องพูดเสียงสูงด้วย ตกลงไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?” คริสถามย้ำอีกครั้ง เขาไม่อยากคาดคั้นคนตัวเล็กไปมากกว่านี้ เป็นแค่เพื่อนไม่ได้มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของอีกคนขนาดนั้น หากแต่เรื่องนี้เขาไม่ยุ่งไม่ได้แล้ว ไม่งั้นจะเสียคนหน้าหวานตรงหน้าไปให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเป็นแน่
“ก็เออดิ! ก็นายเล่นจ้องฉันแบบนั้น ฉันก็กลัวเป็นนะเว้ย” เสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วพลันแก้มขาวๆนั้นก็พองไปตามอารมณ์ในตอนนี้
“เชื่อละๆ งั้นเรามาอาบน้ำกันเถอะ” ปากเรียวยกยิ้มให้อีกคนก่อนจะเชิญชวนให้อาบน้ำร่วมกัน
“ห๊ะ? อะไรนะ? เรางั้นหรอ? นายคนเดียวต่างหากล่ะ”
พูดเสร็จก็ผลักคริสที่ตอนนี้นั่งอยู่ริมขอบอ่างอาบน้ำให้หงายหลังตกลงไปในทันที หากแต่ว่าทำแบบนั้นก็เหมือนทำร้ายตัวเองในทางอ้อมด้วยเช่นกัน ในเมื่อคริสกลับรั้งตัวเขาให้ลงไปในอ่างด้วยกันอย่างไม่รีรอ
".................."
“คริส! ฉันเปียกหมดแล้วเห็นไหม?” เลย์โวยวายเมื่อพบว่าสภาพเขาเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตกน้ำ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็เฉอะแฉะไปหมด
“ไหนๆก็เปียกแล้วก็อาบมันด้วยกันเลยสิ” คริสหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี โดยไม่สนเลยสักนิดว่าแผลที่คนตัวเล็กเพิ่งทำให้เขาไปนั้นมันโดนน้ำไปเสียแล้ว หากแต่จะแคร์อะไร แผลเล็กแค่นี้ไม่สะเทือนคนอย่างคริสหรอก
“นายนี่จริงๆเลยนะ สงสัยฉันต้องทำแผลให้นายใหม่ด้วยละมั้ง”
พูดแล้วก็ยิ้มหวานให้อีกคน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะราวกับว่ามันเป็นเรื่องขบขันมากเหลือเกิน เมื่อคนทั้งคู่ที่ไม่อาจอยู่เฉยๆได้ ต่างฝ่ายต่างสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าขอบเขตของคำว่าเพื่อนมันเริ่มสลายไปอย่างช้าๆแล้ว
เริ่มได้แล้วสินะคริส... มัวแต่ช้าจะโดนคนอื่นแย่งเอา
… THE WIZARD…
“ดีโอรอฉันด้วยสิ นี่นายยังไม่หายโกรธฉันอีกหรอ ฉันก็ขอโทษแล้วไง”
ไคที่เดินตามดีโอมาจนถึงหอพักเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะอ้าปากคุยกับเขาเลย
“……………”
“ดีโอ! แล้วฉันต้องทำยังไง ต้องทำแบบไหนนายถึงจะหายโกรธและให้อภัยฉัน” ไคยังไม่ลดละที่จะง้อเพื่อนตากลมคนนี้ หากแต่คนที่เขาง้ออยู่นั้นกลับไปสนใจอะไรเลย แม้กระทั่งหน้าหล่อๆของไคก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง
“………….”
“ดีโอ”
เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่คิดจะสนใจ ความเหนื่อยและความท้อก็เข้าเกาะกุมหัวใจจนแทบไม่มีแรงจะยืนอีกต่อไป นัยน์ตาสีนิลเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ก่อนมันจะไหลออกมาในทันทีเมื่อคนตัวเล็กหันหลังให้เขาแล้วกำลังจะเดินจากไป
“…………”
“ฉันชอบนายดีโอ ฉันชอบนาย!”
เสียงทุ้มตะโกนออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน หมดแล้วซึ่งกำลังที่จะสู้ต่อ น้ำใสๆที่ไหลอาบลงข้างแก้มนับวันพันปีไม่เคยมีสักครั้งที่จะให้ใครเห็นง่ายๆ หากแต่ครั้งนี้สำหรับไคมันไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
“ไค”
เสียงหวานเอ่ยออกมาแผ่วเบา พลันเท้าเล็กที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปก็ต้องหยุดชะงักไปเสียก่อนเมื่อได้ฟังคำสารภาพของอีกคน ยอมรับว่าใจอ่อนแล้วหากแต่ก็อยากให้เพื่อนรูมเมทคนนี้ได้เข้าใจเขาเองเหมือนกันว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่โดนอีกคนล้อเล่นกับหัวใจแบบนั้น
“ฉันต้องทำยังไงดีโอ ฉันชอบนาย ชอบนายมากขึ้นทุกวัน”
ใบหน้าคมเข้มก้มลงปล่อยให้น้ำตาของลูกผู้ชายมันไหลออกมาเหมือนดั่งสายธาร ก่อนขาทั้งสองข้างที่ไร้ซึ่งเรียวแรงจะล้มพับนั่งคุกเข่าไปกับพื้นอย่างผู้ที่ยอมแพ้ ไม่มีความอาย ไม่มีแม้แต่ความเข้มแข็งให้คนตัวเล็กได้เห็น ราวกับไม่ใช่ไคคนเดิมที่ดีโอเคยรู้จัก
“น...นายไม่โกหกฉันใช่ไหม? ฉันก็เหนื่อยแล้วเหมือนกันนะที่ต้องมาตามอารมณ์ของนาย นายชอบล้อเล่นกับหัวใจฉันจนฉันไม่รู้แล้วว่าอะไรมันคือเรื่องจริงแล้วอะไรมันคือเรื่องโกหก” ดีโอพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ เหมือนมีอะไรมากระทบเขาที่หัวเขาอย่างจังเมื่อได้เห็นน้ำตาของอีกคน นี่ไคร้องไห้เพราะเขาใช่ไหม หรือเขาจะเข้าใจผิดไปเอง คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
“ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ฮึก... รู้ตัวอีกทีก็ชอบนายไปแล้ว ฉันดีใจทุกครั้งที่เห็นนายยิ้มแต่ก็เจ็บปวดทุกครั้งเหมือนกันที่นายไม่แม้แต่จะหันมามองฉัน ฮื้อ.. ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะดีโอ” ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย น้ำตาที่รินไหลไม่อาจควบคุมให้มันหยุดได้อย่างที่ใจต้องการ จนต้องก้มหน้าก้มตาปล่อยให้หยาดน้ำไร้สีนั้นไหลลงกระทบกับพื้นห้องไปอย่างเงียบๆ
“……….”
“ฉันอาจไม่ใช่คนดี และสิ่งที่ฉันทำกับนายไปฉันขอโทษ ขอโทษจากใจจริงๆ ทุกคืนฉันก็ได้แต่นอนมองแผ่นหลังของนายโดยไม่รู้ว่าทำไม และใจเต้นทุกครั้งที่น่นได้อยู่ใกล้ๆฉัน นาย...มักจะเข้ามาอยู่ในสายตาของฉันเสมอ พยายามแล้ว พยายามไม่มอง พยายามไม่สนใจแต่ฉันก็ทำไม่ได้ นี่มันเรียกว่าชอบหรือเปล่า? ”
ดีโอยังคงยืนมองร่างสูงที่นั่งคุกเขาอยู่ที่พื้นพร้อมทั้งสารภาพกับเขาอย่างหมดเปลือก ดีโอเห็นถึงความจริงใจและแววตาที่อ่อนโอนจากไคที่ส่งมาให้ หากแต่ก็ไม่มั่นใจ ไม่มั่นใจในตัวไค และไม่อาจจะเชื่อได้สนิทใจว่าไคจะไม่ล้อเขาเล่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาจนทำให้เขาเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“....ไม่เป็นไรถ้านายจะไม่ให้อภัยฉัน แต่ขอให้เชื่อฉันว่าฉันชอบนาย ชอบนายมากจริงๆ แต่...ถ้านายรำคาญและอึดอัดที่ฉันอยู่ใกล้ๆ ฉันก็จะไม่ยุ่งกับนายและจะไม่มาให้นายรำคาญใจอีก”
พูดแค่นั้นก่อนจะค่อยๆใช้ขาที่ไร้เรี่ยวแรงพยุงกายตัวเองให้ลุกขึ้น เช็ดน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มให้เหือดแห้งไปพลันส่งยิ้มที่แฝงไปด้วยความอ่อนโอนและความรักไปให้กับคนตัวเล็กรูมเมทที่ตอนนี้ก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ก่อนขาเรียวทั้งสองข้างจะพาตัวเองออกจากห้องไปโดยไม่หันไปมองใบหน้าน่ารักนั้นให้เจ็บปวดใจเป็นครั้งที่สอง
เมื่อไคออกไปจากห้องแล้ว ความสับสนความวุ่นวายใจภายในอกมันก็ตีรวนจนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีเมื่ออีกคนสารภาพออกมาแบบนั้น ร่างเล็กที่มองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตาก็ทรุดลงนั่งกับพื้นในทันที คุ้นคิดสิ่งที่เกิดขึ้นช้าๆ ทบทวนหัวใจและความรู้สึกของตัวเองว่ามันรู้สึกยังไงกันแน่ ควรทำตัวเหมือนเดิมหรือควรทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
ขาเล็กพาตัวเองวิ่งออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิต คิดอยู่ในหัวเพียงอย่างเดียวว่าต้องตามไปให้ทันอีกคน บุคคลที่เพิ่งออกไปจากห้องก่อนหน้านั้น ก่อนจะเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังก้าวลงบันไดไปอย่างช้าๆเหมือนคนไร้ซึ่งวิญญาณอยู่ในร่าง
“ไค!”
เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่ออีกคนก่อนจะโผเข้ากอดจากทางด้านหลังกายสูงนั้นอย่างไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว ยอมแล้ว ยอมทำตามหัวใจตัวเอง ในเมื่อเขาก็คิดเหมือนกันกับไค แล้วทำไมยังต้องฝืนทนกับความเจ็บปวดอีกต่อไปด้วย
“ด...ดีโอ”
ร่างสูงเอ่ยชื่อคนตัวเล็กแผ่วเบา ใบหน้าหล่อนิ่งอึ้งไปชั่วขณะเมื่อก่อนหน้านั้นเขากำลังคิดอะไรที่ตอกย้ำหัวใจตัวเองอยู่ หากแต่คนตัวเล็กก็เข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน
“นายชอบฉันจริงๆหรอ? ชอบฉันจริงๆหรือเปล่า ฮึก! ชอบฉันจริงๆใช่ไหม? ฮือๆ” เสียงหวานสะอื่นไห้ ถามซ้ำคำเดิมอย่างให้อีกคนพูดมันออกมาอีกครั้ง ก่อนจะซบใบหน้าไปกับแผ่นหลังกว้างพลันปล่อยน้ำสีใสให้ไหลออกมาจนเสื้อตัวบางของร่างสูงเปียกชื้นไปหมด
ไคค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้ากับรูมเมทตากลมช้าๆ นัยน์ตาสีนิลเปล่งประกายไปด้วยความอ่อนโยนและความจริงใจที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของอีกคนอย่างแน่วแน่ เพื่อให้ดีโอได้มั่นใจว่าเขาไม่ได้โกหกและไม่คิดจะล้อเล่นกับดีโออีกต่อไปแล้ว
“จะให้ฉันพูดอีกกี่ร้อยรอบฉันก็ยังคงให้คำตอบเดิม ฉันชอบนาย ชอบนายมากเหลือเกิน แล้วตอนนี้มันก็เริ่มจะเปลี่ยนเป็นคำว่ารักแล้ว”
สิ้นเสียงทุ้ม ดีโอก็เผยยิ้มออกมาให้อีกคนได้ยิ้มตาม ใบหน้าขาวใสกับดวงตาที่กลมโตทำให้ไคไม่อยากทำให้อีกคนต้องร้องไห้อีกต่อไป ก่อนกายสูงนั้นจะกอดตอบร่างเล็กตรงหน้าพลันส่งทอดความอบอุ่นและความรักในกายมอบไปให้กับอีกคนได้รับรู้จากใจทั้งหมดของเขาที่มี
“แล้วนายวิ่งมาทำไม? ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะไม่รบกวนนายอีกแล้ว เดี๋ยวฉันจะย้ายไปอยู่กับพี่ชางมินนายจะได้ไม่ต้องรำคาญใจไง ไม่มีคนคอยรบกวน ไม่มีคนคอยทำเสียงดังเหมือนเมื่อก่อน นายจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือ”
“………….”
“แล้วก็อย่างร้องไห้อีกนะ ฉันเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นนายร้องไห้ทุกทีเลยเพราะฉัน...ฉันที่ทำให้นายเสียน้ำตาบ่อยๆแบบนี้ ขอโทษนะ”
มือหนาค่อยๆยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบบนพวงแก้มชมพูให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆผละกายออกจากอีกคนช้าๆ หากแต่ดีโอก็ไม่ยอม เขายังคงโอบกอดไคอยู่แบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาเหมือนเด็กๆที่ไม่อยากจากพ่อแม่ไปไหน
“ไม่ให้ไป!”
“หื้ม?”
“ฉัน....ฉันชอบนายนะไค”
ดีโอสารภาพออกไปอย่างเขินอาย จนไคที่ฟังอยู่ถึงกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ใบหน้าน่ารักขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู แก้มอมชมพูกับจมูกรั้นที่แดงกล่ำจากการร้องไห้ซบลงกับอกแกร่งในทันทีเพื่อหลบซ่อนอาการของคนที่มีความสุขอย่างถึงที่สุดโดยไม่ให้อีกคนเห็น
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ฟังไม่ชัดเลย?” ปากเรียวยกยิ้มพลันเอียงหูรอฟังคำตอบที่ชวนให้หัวใจพองโตอีกครั้ง
“พูดได้ครั้งเดียว” ดีโอตอบก่อนจะยู่หน้าพองลมที่แก้มอย่างน่ารักน่าชังจนไคอดไม่ได้ต้องดึงแก้มนิ่มทั้งสองข้างอย่างนึกหมั่นไส้
“ฉันขอฟังมันอีกสักรอบไม่ได้หรอ? นะ น้า...” เสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนจนดีโอต้องอมยิ้มกับความเด็กของคนตัวสูง
“ฉันชอบนาย ไค!”
“ถ้างั้น...เป็นแฟนกับฉันนะดีโอ ฉันสัญญาว่าจะดูแลนายให้ดีที่สุด”
มือหนาเอื้อมไปรั้งมือเล็กมากอบกุมไว้พลันยิ้มกว้างหวังรอคำตอบที่น่าพอใจจากอีกคน หากแต่คำตอบที่ได้รับนั้นก็ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ในตอนแรกต้องเจือนลงไปอีกครั้ง
“ไม่!”
“…………”
“ไม่ปฏิเสธ”
ไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจหากแต่เป็นคำตอบที่พอใจเป็นที่สุด จนไคที่ใจแป้วเมื่อครู่กลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้ง แต่ไม่วายยังอยากมั่นใจขึ้นไปอีกว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่
“ไปปฏิเสธนี่คืออะไรหรอครับ?” คาดคั้นจนคนตัวเล็กแทบอยากจะหายไปจากที่ตรงนี้เสียทันที อายมากถึงมากที่สุด
“ก็...ก็เป็นแฟนกันไง”
สิ้นเสียงพูดก็บิดไปบิดมา ก้มหน้างุดอย่างเขินอาย พูดเองก็เขินเองเสียอย่างนั้น ก่อนร่างกายผอมบางของดีโอจะถูกยกลอยขึ้นแล้วหมุนไปรอบๆจากอีกคนที่ดีใจจนออกนอกหน้า ใจเต้นรวนจนอกจะระเบิดความสุขออกมา ความสุขที่จะได้มีอีกคนอยู่ใกล้ๆ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะจากคำว่าเพื่อนสู่คำว่าแฟนอย่างสมบูรณ์แบบ
… THE WIZARD…
ความคิดเห็น