คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [Mafia Vs Mafia] - ตอนที่ 03 ความจริงของความเท็จ
[ตอนที่ 3] ความจริงของความเท็จ
หลายวันผ่านไป
“ดูสิคิบอม เด็กนั้นมันโกรธได้โกรธดีโกรธมาราธอนจนยุนโฮมันหง๋อยไปเลย 555+”
“ฉันพึ่งรู้ว่านี่เป็นงานอดิเรกใหม่ของนาย”
คิบอมว่าอย่างเอือมๆ เฝ้ามองเพื่อนตัวเองส่องชีวิตชาวบ้านบนจอภาพมอนิเตอร์ที่ติดตั้งไว้ทั่วทุกมุม
แม้ว่าที่นี้จะเป็นเซฟเฮ้าท์ของตนก็ตาม แต่อาการของชางมินดูท่าจะมากขึ้นทุกวัน
แบบนี้มันดีแล้วหรือ?
“แต่คุณมินโฮเองก็โกรธนายจนไม่ยอมคุยเหมือนกันนี่?”
“มันต่างกันนะคิบอม”
“อื้มฉันเห็นอยู่ คุณมินโฮโกรธคุณยุนโฮก็แค่เมินหน้าหนีไม่คุยด้วย แต่กับนายเค้าคิดจะลอบเอาชีวิตนายทุกวินาที และนายก็ไม่เคยจะระวังตัวเลยสักครั้ง” พูดถึงเรื่องนี้แล้วคิบอมก็เดือดทุกที ชางมินขาดความรอบครอบ ขาดความเยือกเย็น และความระมัดระวังตัวไปอย่างสิ้นเชิง เป็นเค้าทุกทีที่ต้องคอยรับมือแทน
“ฉันก็แค่อยากจะรู้ ….”
((ก็อก ก็อกๆ))
“เข้ามา”
“…...”
“อะไรกัน…นายเองหรอมินโฮ?”
“ผมชงกาแฟมาให้” เค้าวางกาแฟถ้วยหนึ่งไว้บนโต๊ะ เหลือบมองเหยื่อของตนอย่างรู้ดี คนอย่างชางมินทำไมจะไม่รู้ว่าเค้าคิดจะทำอะไร และในกาแฟถ้วยนี้ใส่อะไรไว้
“ขอบใจ..นายออกไปได้แล้ว” ร่างสูงกล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันไปหาใครคนนั้นและย้ำอีกที “คิบอม”
“………..”
“แ..แต่ว่า?” คนเป็นเพื่อนอึกอักรู้ได้ทันทีว่าชางมินคิดจะทำอะไร ตลอดระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่มินโฮสรรหาวิธีต่างๆมาเล่นงานไม่ใช่ว่าชางมินไม่รู้ แต่ทำเป็นไม่รู้มากกว่าเพียงเพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่างซึ่งคิบอมไม่เคยเห็นด้วยเลยสักครั้งและจะหาวิธีมาขัดขวางแทนทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน
((เพล้งงงงงงงงง)) กาแฟถ้วยเดิมตัวต้นเหตุที่มินโฮนำมาถูกปัดทิ้งลงพื้นไป พร้อมๆกับร่างของคิบอมที่เดินออกจากห้องอย่างไม่สนใจถึงความหัวเสียและอาการตกใจของคนทั้งคู่แต่อย่างใด
“ไปชงมาใหม่สิ ฉันจะดื่ม”
“แ..แต่ว่า?”
“นายชงมาให้ฉันไม่ใช่หรือ? ”
“แต่มัน…”
“หากคิดจะทำอะไรแล้ว ต้องทำให้ถึงที่สุด ลืมแล้วหรือเชวมินโฮ?”
ชางมินว่าเตือนสติศัตรูที่ดูท่าจะจนมุมจากการทำลายวิธีการนานาชนิดของคิบอม จนเริ่มหมดหนทางและนำเอาวิธีการเดิมๆมาวนซ้ำให้ศัตรูได้รู้ตัว
“ไปสิมินโฮ”
เชวมินโฮท่าทางอึกอัก จ้องมองอีกฝ่ายอย่างทำตัวไม่ถูก เค้าควรทำยังไง? จะต้องทำยังไง? ทำแบบนี้มันดีแล้วจริงๆนะหรือ? “ทำไมละ? รู้ทั้งรู้ ว่าผมใส่อะไรลงไปในนั้น แล้วทำไม?”
“อย่าเข้าใจผิดสิมินโฮ”
“……………….”
“ไม่ว่ากาแฟถ้วยนั้นจะใส่อะไร นายคิดว่านายจะฆ่าฉันได้ง่ายๆด้วยวิธีการเด็กๆแบบนั้นหรือไง? คิดง่ายไปหรือเปล่าเชวมินโฮ ฉันอ่อนข้อให้หน่อยอย่าคิดได้ใจไป?”
“ฮึ่ก…ฮึ่กแล้วผมควรทำยังไง ผมต้องทำยังไง”
“อย่ามาบีบน้ำตา” อย่าปล่อยให้น้ำตาของนายมันไหลออกมาง่ายๆ อย่าทำให้ฉันต้องเจ็บปวดตามไปด้วย เฮะ? เจ็บปวดงั้นหรือ? ทำไมละ? ชางมินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายได้ถลำลึกเข้ามามากแค่ไหน ไม่เคยรู้เลย
“นอกจากวิธีนี้ ฮี่กก! ฮึ่กก ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถึงจะช่วยพี่ซีวอนออกมาได้”
“คิดจะช่วยมัน นายคิดดีแล้วหรอ?”
“เ..เค้าเป็นผู้มีพระคุณของผม”
ชางมินหลับตานิ่ง ทำไมเชวมินโฮ เจ้าลูกลิงของเค้าถึงได้โง่นักนะ เฮะ? ของเค้าอย่างนั้นหรือ? อย่ามาตลกน่า ร่างสูงสะบัดความคิดที่ว่าทิ้งก่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อตั้งสติได้ นัยย์ตากลับมามืดสนิทอย่างเก่า ในตอนนี้จะเป็นการดีกว่าหากตัดความสัมพันธ์กับเจ้าลูกลิงที่ว่าทิ้งซะ ฆ่ามันให้จบๆจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียที
“ฉันตัดสินใจแล้ว”
“………..??”
“ฉันจะปล่อยตัวเชวซีวอน”
นั้นละ ดีแล้วไม่จำเป็นต้องห่วง ไม่จำเป็นต้องแคร์ เรามันก็แค่ศัตรูกัน ปล่อยให้พวกมันสู้กันเอง ไม่เห็นต้องลงมือแค่นั่งดูอยู่บนอัฒจรรย์ สิ่งที่ควรทำก็สำเร็จโดยที่ไม่ต้องลงมือเอง
“จ..จริงหรอ? คุณจะปล่อยตัวพี่ผม จริงๆนะ?” มินโฮร้องตะโกนด้วยความปิติ กระโดดไปมาเหมือนเด็กๆ แต่อีกไม่กี่นาทีความปิติของนายก็คงใกล้จะหมด เมื่อถึงตอนนั้น…
“ขอบคุณนะชางมิน ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ” คนตรงหน้าน้ำตาคลอจับมือผู้มีพระคุณขึ้นมา แล้วโผเข้ากอดในตอนที่ชางมินไม่ทันได้ระวัง ใจดวงน้อยที่คิดว่าถูกทำลายไปแล้วกลับเต้นรัว เร็วขึ้นทุกที เพียงแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อย แค่อ้อมกอดของเหยื่อตนเองเพียงเท่านั้น
“รับไปสิ นี่กุญแจ” ร่างสูงยื่นมันส่งให้ก่อนจะปลีกตัวให้ออกห่างจากเชวมินโฮให้ได้มากที่สุด ใสซื่อและบริสุทธิ์จนเกินไป ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าคนที่ตัวเองกำลังจะเข้าไปช่วยนั้นหมายจะเอาชีวิตอยู่
“นายคิดจะทำอะไรน่ะชางมิน?” ยุนโฮนั้นเองที่โผล่มาทันทีที่เห็นว่าชางมินอยู่คนเดียว พี่ชายที่แสนดีที่รู้เบื้องหลังทั้งหมด ชางมินยิ้มเยาะ “คนฉลาดอย่างคุณยุนโฮน่าจะทราบดีนะครับ” ชายหนุ่มทิ้งไว้ก่อนจะเดินสวนไป
‘ห้องลงทัณฑ์’ มินโฮเดินยิ้มลงมาตลอดทางจนถึงหน้าห้อง ห้องลงทัณฑ์ถูกจัดไว้ให้อยู่ใต้ดินบริเวณล่างสุดของเซฟเฮ้าท์ที่มีชางมินเป็นเจ้าของ กุญแจในมือถูกไขจนปลดออกได้อย่างง่ายดาย มินโฮเข้ามายังห้องนี้ได้อีกครั้ง และก็พบกับซีวอนที่สะบักสะบอมไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอ ดูท่าจะถูกทำร้ายตลอดระยะเวลาที่ถูกนำตัวมาที่นี้สินะ
“พี่ซีวอน เป็นยังไงบ้าง ผมมาช่วยพี่แล้ว ไหวไหม?” เด็กหนุ่มถามรัว ในขณะที่มือก็ทำการปลดข้อมือที่พันธนาการพี่ชายของตนออกอย่างยากเย็น “ได้แล้ว! หนีกันเถอะพี่ซีวอน”
มินโฮร้องออกมาอย่างดีใจก่อนจะช่วยพยุงซีวอนให้ลุกตามกันมา เพื่อหาทางหนี โดยไม่ทันได้ระวังตัว หรือเฉลียวใจคิดตามคำพูดของยุนโฮเลยแม้แต่น้อย “นายมันโง่จริงๆ ดูท่าพวกนั้นคงไม่ได้บอกอะไรนายเลยสินะ?”
“ห..หมายความว่ายังไง?” ความตื่นตระหนกฉายชัดอยู่บนใบหน้า เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนเป็นพี่ มือใหญ่กำรอบลำคอของมินโฮแน่นหมายเอาชีวิต สายตาเหลือบไปเห็นมีดพกอันเล็กในกระเป๋าของน้องชายก็ได้ทีหยิบมันขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธ มินโฮดิ้นหนีเอาตัวรอด มีดเล่มเล็กของตนพุ่งเข้าหาร่างกายของเค้าอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวดันตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด ปลายของมันเฉี่ยวโดนเพียงแค่เล็กน้อยเรียกเลือดให้ไหลซิบลงมาบริเวณแก้มขวาเพียงเท่านั้น
“ห..หยุดเถอะพี่ซีวอน พี่ทำแบบนี้ทำไม!?”
“หยุดไม่ได้แล้วละมินโฮ อยู่นิ่งๆและจากไปดีๆ พี่มาที่นี้เพื่อการนี้”
“ห..หมายความว่ายังไง?”
“เชวกรุ๊ป..ออกคำสั่งให้กำจัดนายทิ้งซะ”
นั้นหรือความจริง สิ่งที่พึงจะได้ยินนี่หรือความจริง แบบนี้เองสินะ? เมื่อหมดประโยชน์ เมื่อเป็นตัวถ่วง ตัวประกันที่เห็นเป็นเพียงแค่ตัวหายนะ เชวกรุ๊ปจะต้องอยู่ต่อไป แม้จะขาดนายน้อยของตนก็ตาม แต่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าห่วงในเมื่อมีคนปกครองดูแลแทน แค่กำจัดคนที่เป็นปัญหาทิ้งเสีย
“เพราะฉะนั้น…ลาก่อนมินโฮ”
((ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง))
“คนที่จำเป็นต้องไปคือนายมากกว่าซีวอน…”
“พ..พี่ยุนโฮ” มือที่สามที่เข้ามาได้จังหวะพอดิบพอดี ลั่นไกออกมาจนมีดเล่มนั้นหลุดมือไป เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอย่างที่คิด ซีวอนเริ่มหาทางหนีทีไล่ เค้ารู้ว่าอีกไม่นานชางมินจะต้องมา และถ้าเป็นอย่างนั้นการหนีของเค้าจะยากขึ้น
เชวกรุ๊ปตอนนี้ระส่ำระส่ายเพราะขาดผู้นำ จะเป็นการดีหากรีบไปกอบโกยผลประโยชน์เหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด
“ผ..ผมมันโง่เอง”
“…………...”
“พี่ยุนโฮผมขอโทษ”
“อย่าพึ่งพูดอะไรเลย ตอนนี้เราหนีกันก่อนดีกว่า”
ยุนโฮตัดสินใจก่อนจะพากันหนีออกไปให้พ้นจากที่นี้ แต่จะหนีไปที่ไหนละ ที่ไหนดีที่ปราศจากคนของชางมิน และคนของเชวกรุ๊ป จะพามินโฮหนีไปที่ไหนดี?
“จะดีหรอชางมิน?”
“………………”
“พวกเค้าหนีออกไปได้แล้วนะ”
คำถามที่คิบอมได้ถามออกมายังคงไร้ซึ่งเสียงหรือคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มร้ายเท่านั้นที่ฉายชัดออกมาปรากฏอยู่บนริมฝึปากที่น่าหลงไหลคู่นั้น ไม่มีใครรู้ว่าชางมินคิดอย่างไร และไม่มีใครรู้ว่าชางมินจะอย่างไร
3 เดือนต่อมา
“พี่ยุนโฮวันนี้ผมกลับดึกนะ ไม่ต้องไปรับ เข้านอนก่อนได้เลย โอเค?”
“ครับๆ ว่าแต่ทำไมละ วันนี้เปิดเทอมใหม่นี่นา”
“เห็นเค้าว่ากันว่าจะมีนักเรียนใหม่เข้ามา เลยกะจะฉลองกันหน่อย คงต้องเป็นคนเก่งน่าดูถึงได้มาเข้าเอาเทอมสองแบบนี้พี่ว่าไหม” มินโฮว่าอย่างตื่นเต้น ก่อนจะโบกมือลาและออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม
ณ.ตอนนี้ เค้าหนีออกมาจากโลกของมาเฟียได้ 3 เดือน เมืองเล็กๆที่อยู่ห่างออกไป พวกเค้าตัดสินใจมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองนี้ ลืมเรื่องมาเฟีย เรื่องพี่ซีวอน เรื่องเชวกรุ๊ป และเรื่องของชางมิน นี่ละคือวันที่แสนสงบสุข
“โย่วมินโฮ วันนี้นายมาสายนะ”
“อะไรกันแทมิน นี่มันเวลาปกติต่างหาก”
“อื้ม 8 โมง 59 นาที ปกติของมันคนเดียวนั้นละ”
“อะไรกันพี่ก็อีกคนงั้นหรอพี่แจจุง”
โรงเรียนเล็กๆในแถบชนบท เนื่องจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และครูอาจารย์ที่มีเพียงน้อยนิด ทำให้รุ่นพี่และรุ่นน้องจำต้องเรียนห้องเดียวกันในบางกรณี และในบางครั้งก็จะให้พวกเราไปสอนให้กับเด็กอนุบาล อาจเป็นชีวิตที่ไม่เหมือนก่อน ลำบากบ้าง แต่ก็มีสีสัน สงบสุขและนั้นเป็นความสุขเล็กๆ หากเป็นอย่างนี้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาละๆ ครูจะแนะนำนักเรียนใหม่ให้นักเรียนได้รู้จักกันนะจ๊ะ เข้ามาสิ”
“สวัสดีครับผม …ชิมชองมินยินดีที่ได้รู้จัก”
เสียงที่คุ้นเคย ใบหน้าที่เค้าจำได้ดี ปีศาจร้ายกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ? แต่เดี๋ยวสิ เมื่อครู่เค้าบอกว่าชิมชองมิน นี่มันยังไงกัน มินโฮครุ่นคิด เฝ้าระวังใครคนนั้นอย่างหวาดระแวง
“น..นาย!!”
“อะไรกันมินโฮ รู้จักชองมินด้วยหรอจ๊ะ”
คุณครูที่อยู่ใกล้ๆหันมาถามอย่างสงสัย มองลูกศิษย์ทั้งสองสลับกันไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“เอาละๆ ชองมินไปนั่งใกล้ๆมินโฮละกันนะจ๊ะ”
“ช..ชางมิน?”
“หืม?”
“น..นายคือชางมินใช่ไหม?”
“ฮึ! คิดว่าไงละ”
ชางมินในนามของ ชองมินแสยะยิ้มก่อนจะไขข้อข้องใจบางอย่าง
“คิดว่าฉันจะปล่อยนายไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ?”
“…………….”
“บทเรียนของเรามันยังไม่จบหรอกนะ เชวมินโฮ”
อะไรบางอย่างบอกให้มินโฮระวังตัว อะไรบางอย่างบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าไว้ใจเหมือนเคย แล้วเค้าควรจะทำอย่างไรต่อไป?
“ไหนนายบอกจะมอบบทเรียนแห่งชีวิตให้ฉันยังไงละ อย่ากลืนคำพูดของตัวเองสิเด็กน้อย”
“ค..คุณแน่ใจแล้วหรอ?”
“แล้วนายละ ..มั่นใจหรือเปล่า?”
“หืม?”
“มั่นใจหรือเปล่าว่าจะสามารถเปลี่ยนฉันได้?”
มินโฮได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ เป็นครั้งแรกที่เค้าสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ สามเดือนที่ไม่ได้เจอกัน คนๆนี้เปลี่ยนไปนิดหน่อยในความรู้สึกของเค้า
“ได้สิ…”
“ทำไมถึงมั่นใจนัก?”
“ไม่รู้สิ อาจเป็นลางสังหรณ์ละมั้ง”
ชางมินหัวเราะให้กับคำตอบ บางทีนี่อาจเป็นหนทางสู่อะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการ และยังคงต้องการมันอยู่ลึกๆ เพียงแค่เวลาผ่านพ้นจนนานเกินไปและทำให้เค้า ‘หลงลืม’ มัน
“เลิกเรียนแล้วไปกับฉัน ฉันมีบางอย่างจะให้นาย”
“หืม?”
16.00 น. ชางมินดักอยู่หน้าห้องไม่ให้เวลามินโฮได้คิดหนีกลับบ้าน ก่อนจะลากเค้าขึ้นรถ รถยนตร์คันหรูขับผ่านเมนชั่นเล็กๆที่อาศัยของเค้าในตอนนี้ไปแบบเงียบๆ มินโฮพยายามไม่มองเพราะไม่อยากให้ชางมินได้รู้ว่าตอนนี้เค้าพักอยู่ที่ไหน แต่ดูท่าจะไม่มีความหมายอะไรเอาเสียเลย
“ที่นั้นเล็กอย่างกับรังหนู”
“ห๊า?”
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูอย่างนายจะอยู่ได้”
“รู้ได้ยังไง?”
ชางมินยิ้มเยาะก่อนจะตอบออกมาด้วยความมาดมั่น “อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร นายอยู่ที่ไหนทำอะไรคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงตลอดสามเดือนมานี้”
“สามเดือนที่ผ่านมา ผมมีความสุขดี” เหมือนมินโฮจะบอกกลายๆว่าเวลาอันสงบสุขของตนได้จบลงตั้งแต่ผู้ชายคนนี้ได้ย่างกรายเข้ามา แต่เพราะอะไรกันนะ ถึงต้องปล่อยเวลาให้ผ่านไปถึงสามเดือน ? เฮ๊? แล้วเรื่องอะไรที่ต้องคิดไม่ตกแบบนี้ละ เราเป็นแค่ศัตรู อย่าลืมสิ เชวมินโฮ
“เดือนนี้และเดือนต่อไป นายจะมีความสุขยิ่งกว่านี้อีก เชื่อฉันสิ ฮึฮึ!” รอยยิ้มร้ายเผยออกมาให้ได้เห็นอีกครั้ง ชางมินลอบมองคนข้างกายขณะขับรถไปเรื่อยๆอย่างนึกสงสัย สามเดือนมานี้เวลาเพียงไม่นานทำให้มินโฮเปลี่ยนไปนิดหน่อย พูดน้อยลง มีเหตุผลมากกว่าเดิม จะว่าอย่างไงดีละ ดูเป็นผู้ใหญ่ละมั้ง?
“น..นายโตขึ้นนะ?”
“หืม? แล้วนี่คิดว่าผมอายุเท่าไหร่กัน?”
“10 ขวบ!”
“พ..พี่ก็ขี้เล่นกว่าแต่ก่อน ผมรู้สึกแปลกๆ”
ยิ้มบางๆค่อยๆเลือนหายไปอย่างไม่รู้ตัวชางมินถลำลึกลงไปในบทเรียนมากกว่าเดิมอย่างที่คิดจริงๆ แม้บางครั้งจะสร้างกำแพงบางอย่างแต่มันกลับถูกทำลายลงทุกครั้ง และถลำเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม จนบางที …?
“ถีงแล้ว…ลงมาสิ”
“เฮ? นี่พี่พาผมมาเชวกรุ๊ปทำไม?”
“ซีวอนตายแล้ว…ที่นี้เป็นของนาย”
สั้นๆง่ายๆ แต่หัวสมองของเค้ากลับไม่แล่นตามไปเลย หมายความว่ายังไง? สามเดือนที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น?
“ต่อจากนี้นายไม่ใช่นายน้อย แต่เป็นนายของเชวกรุ๊ป เป็นผู้นำของคนพวกนี้”
“แ..แล้วพี่ซีวอน?”
“ตายแล้ว”
“ได้ยังไง?”
“ฉันฆ่ามันเอง”
มินโฮมองคนตรงหน้าอย่างงุนงงยิ่งกว่าเดิม หมายความว่ายังไง? ชางมินฆ่าซีวอนงั้นหรือ?
“ทำไมละ? พ..พี่ฆ่าพี่ซีวอนทำไม”
“ไม่ดีหรอไง ซีวอนมันจ้องจะเอาชีวิตนายนะ! มันหุบเอาทุกอย่างที่เคยเป็นของนาย ตอนนี้นายได้ทุกอย่างคืน นายควรดีใจสิ” ชางมินมีสีหน้าประหลาดใจไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสิ่งที่ตนทำให้กลับได้มาแค่น้ำตาของคนตรงหน้า
เค้าทำอะไรผิดงั้นหรือ? ซีวอนจ้องจะเอาชีวิตมินโฮ เค้าฆ่ามัน … ก็ถูกแล้วนี่
ทุกอย่างที่เคยโดนขโมยไป …เค้านำกลับมาให้ ก็น่าจะดีใจสิ
….ไม่ใช่ร้องไห้อย่างนี่ ‘มินโฮ’
“พ..พี่ทำแบบนี้ทำไม ทำไม? ฆ่าคนทำไม ผมไม่อยากให้พี่เป็นฆาตกร ผมไม่อยากให้พี่ฆ่าใครอีก!”
“ฉันทำเพื่อนาย…”
หากมินโฮรู้ใจตัวเองและไต่ตรองในสิ่งที่พูดไป คงจะรู้ถึงความจริงบางอย่างว่าชางมินนั้นเป็นศัตรู ผู้คนมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนๆนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ให้มาเปลี่ยนแปลงเอาตอนนี้ … มันคงจะสายเกินไป
และหากชางมินได้สติ คงรู้ตัวว่าได้ถลำลึกมามากแค่ไหน คำว่าศัตรูได้แปรเปลี่ยนไป เป็นคำๆหนึ่งที่ไม่เคยเข้าใจในความหมาย การจะทำอะไรเพื่อใครไม่ใช่สิ่งที่เค้าเคยทำ … และทำผิดพลาดไป
--------------------------------->> TBC.
ความคิดเห็น