คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Mafia Vs Mafia] - ตอนที่ 02 บทเรียนในการเป็นมนุษย์
[ตอนที่ 2] บทเรียนในการเป็นมนุษย์
“สิ่งที่นายต้องการคือ…ทวงทั้งหมดที่นายให้มา?”
“ใช่”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“เมื่อถึงวันนั้นคุณจะเข้าใจเอง”
“ฉันนึกว่านายจะขอชีวิตของนายกับยูฮวานเสียอีก แปลกคนจริงๆ?” ชางมินหัวเราะในความโง่เขลาของอีกฝ่าย หากแต่ชางมินเฉลียวใจอีกนิด และย้อนเวลากลับมาได้ บางทีเค้าอาจจะไม่ต้องการเป็นมนุษย์อีกเลยหากวันนั้นมาถึง
“คุณก็อย่าพึ่งฆ่าผมก่อนที่คุณจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้นจากผมก็แล้วกัน….”
--- สวนสนุก ????? ---
เช้าวันรุ่งขึ้นกับสถานที่ที่ปีศาจไม่เคยมา ชางมินหันมองคนข้างกายอย่างขอคำตอบ เชวมินโฮคิดยังไง? เชวมินโฮคิดอะไรอยู่ ชิมชางมินคนนี้ไม่สามารถอ่านความคิดที่ยุ่งยากซับซ้อนนั้นได้เลย แต่ชางมินรู้ว่าในแววตาที่หวังอะไรบางอย่างจากตัวเค้า ลึกข้างในนั้นยังคงมีความแค้นสะสมอยู่
“ทีนี้คือสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี”
“แล้วไง?”
“สร้างขึ้นเพื่อสร้างความบรรเทิง”
“แล้วไง?”
“นี่คุณไม่เคยมาสวนสนุกหรอไง! ถึงจะเป็นมาเฟียก็เถอะ พ่อแม่ก็น่าจะพามาบ้างนะ!!”
มินโฮว่าอย่างเหลืออด ลืมตัวเสียสนิท ว่ากำลังคุยกับปีศาจ ชางมินถึงจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ที่โดนว่าใส่ฉอดๆ รวมถึงยังพูดถึงคนเหล่านั้นต่อหน้าเค้าอีก หากเป็นคนอื่นคงฆ่าไปแล้ว คนอื่น? เดี๋ยวสิ ไม่ว่าจะเป็นมินโฮหรือใครเค้าก็ฆ่าได้ทั้งนั้น
“ตกลงเคยไหม?”
“ไม่”
ร่างสูงตอบด้วยความสัตย์จริง สายตาก็เพ่งไปรอบๆเหมือนสำรวจมากกว่ามาเที่ยว เฝ้ามองผู้คนเดินไปมาอย่างงุนงง ไมเข้าใจในอะไรหลายๆอย่าง มันสนุกตรงไหนกัน
“แดดก็ร้อน คนก็เยอะ มันสนุกตรงไหน?”
“มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้”
มินโฮว่าพลางลากร่างสูงให้ขึ้นมายังเครื่องเล่นๆหนึ่ง ซึ่งถ้าอ่านจากป้ายมันเขียนว่า ‘รถไฟเหาะ’
((ฟิ้วววววววววววววววววววว))
ผ่านไปหนึ่งรอบ ถึงตอนแรกๆจะสังเกตุสีหน้าว่าเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ทำหน้าอย่างไร มันก็แค่ตาค้าง ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายลงและมีรอยยิ้มออกมา … ยิ้มหรอ? เค้าดูผิดไปหรือเปล่า
“สนุกมั้งไหม?”
“เฉยๆ” น้ำเสียงนิ่ง และไร้การเคลื่อนไหว แล้วไอ้เมื่อกี้ทียิ้มหน้าเหวอนั้นอะไรกัน มินโฮอยากจะตอกกลับไปบ้างเหลือเกิน แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิตจบลงตรงนี้หรอกนะ
“ฉันหิวน้ำ”
“รออยู่นี้ เดี๋ยวซื้อมาให้” มินโฮเฝ้าบอกคนเอาแต่ใจ นี่เค้าพาลูกมาสวนสนุกหรือเปล่า ทำไมมันดูแลยากจัง!
((ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงง))
เพียงไม่กี่นาทีที่เค้าก้าวออกห่างชางมิน เสียงปืนก็ดังลั่นพอหันกลับไปก็เห็นว่าแขนซ้ายของร่างสูงกลับมีเลือดไหลอาบลงมา ตากลมโตเบิกค้างอยู่ๆขาก็ก้าวไม่ออก หมดฤทธิ์ทายาทมาเฟีย ด้วยความที่ถูกบั่นทอนศักดิ์ศรีไปจนไม่เหลือความมั่นใจ และดูเหมือนจะไม่มีสติ
“ยืนบื้ออยู่ทำไม หลบสิ!” เสียงชางมินตะโกนก้องแข่งกลับเสียงปืน กระสุนหลายนัดถูกยิงออกมา และที่สำคัญยิงมาทางเค้าด้วย แค่นี้ก็รู้ว่าไม่ใช่คนของเชวกรุ๊ปแน่นอน
“ฉันบอกให้หลบไง!!” เสียงของชางมินใกล้ขึ้นมากกว่าเมื่อครู่ พอตั้งสติได้ก็ถูกลากตัวมาหลบอยู่ตรงซุ้มขายน้ำที่ตอนนี้ไร้ผู้คนเสียแล้ว “เป็นอะไรของนาย ฤทธิ์มาเฟียหายไปไหนหมด!”
“……………………” มือไม้สั่นเทาเหมือนคนไม่มีสติ ชางมินถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะชะโงกหน้าดูว่าพวกมันมากันกี่คน และก็เห็นชัดว่ามีคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าเค้าพอดิบพอดี
“ไปเร็ว!!” ชางมินตะโกนสั่งทันทีที่หยิบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและลั่นไกออกไปยังคนตรงหน้าที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาเพื่อเอาชีวิตแบบไม่วางแผน ก่อนจะลากมินโฮให้ออกมาจากตรงนั้น เพราะเห็นว่าพวกมันอีก 2 คนกำลังตามมา
“เฮ้! ตั้งสติเอาไว้สิ ไอ้ลูกลิง”
“…………….”
“ถ้านายไม่วิ่งด้วยตัวเองมันจะไม่ทันไอ้พวกนั้นนะ!!”
“…………….”
“อยากให้ฉันทิ้งนายหรอไง!!”
ชางมินตะคอกใส่อีกหลายๆครั้ง จนมินโฮรู้สึกตัว มือหยุดสั่นแล้ว แต่ความหวาดผวายังไม่หายไป เค้าเป็นทายาทมาเฟียที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่บ้าน ทำเป็นวางกล้ามว่าเก่ง พอมาเจอของจริงกลับปอดแหก ทำเป็นกล้าพูดใส่หน้าชางมิน แต่ใจจริงๆ ‘กำลังกลัว’
“ค..คุณ”
“ไปเร็ว คิบอมจอดรถรออยู่หน้าสวนสนุก”
และแล้วพวกเค้าก็วิ่งออกมาขึ้นรถได้ทันท่วงที คนพวกนั้นแยกย้ายกันไปทันทีที่เห็นว่าไล่ไม่ทัน
“ฉันบอกแกแล้วว่าให้เอาการ์ดไปด้วย”
“…………..”
“ออกมาเที่ยวเนี่ยนะ คนอย่างแกเนี่ยนะ เหอะ! คิดไรอยู่ว่ะชางมิน”
“ม..ไม่ได้คิด”
คิบอมดูท่าจะหัวเสียรุนแรง และเมื่อเหลือบมองจากกระจกหลังยิ่งอารมณ์ขึ้นไปอีก “นี่แกถูกยิง!!? โอ๊ยจะบ้าตายคนอย่างแกที่ไม่เคยเผลอตัว และรอบครอบยิ่งกว่าอะไรดีเนี่ยนะ!!”
“หุบปากเลยคิบอม!”
“เออ..!! หุบ!!”
รถคันหรูจอดเทียบลานจอดรถในเพนทรากอน ที่แห่งนี้มีแต่คนสนิทของชางมินเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบมากมายและระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม คิบอมลากเพื่อนของตนลงจากรถมาอย่างรู้หน้าที่ โดยไม่ลืมให้คิมจุนซูช่วยมาดูแล และพาเชวมินโฮไปยังห้องส่วนตัวของชางมิน
“รู้สึกยังไง”
“เจ็บ”
คำตอบสั้นๆจากร่างสูงของเพื่อน และเป็นเจ้านายในคราเดียว เรียกเสียงถอนหายใจอย่างเนือยๆออกมาพร้อมกับกุมขมับตัวเอง ไม่ได้ถามถึงแผล แต่ถาม …. “ฉันหมายถึง…เรื่องที่ได้ไปสวนสนุก”
“ก็ดี”
ยังคงปากแข็งและไม่ยอมรับ นี่ละคือชางมิน แต่เรียวปากกลับอมยิ้ม ความสุขที่ค่อยๆกระจายเข้ามาในหัวใจอย่างไม่รู้ตัว คิบอมชักปวดหัวเสียแล้ว ว่านี่จะเป็นการดีจริงๆนะหรือ?
‘หากสามารถเรียกชิมชางมินคนเก่ากลับมาได้….’
‘หากสามารถเอาหัวใจและความอ่อนโยนกลับมา’
‘หากถึงตอนนั้น…’
มันคงจะเจ็บและจำไปอีกนานว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับ’ศัตรู’ ที่แค้นตนเองจนฝังใจ ก็ยังคงรู้ดี แต่เค้าก็เป็นอีกคนที่เห็นแก่ตัว อยากได้ความสุขและรอยยิ้มรวมถึงความใจดีในอดีตที่เพื่อนคนนี้ทิ้งมันไป
‘ไม่สิ…ถูกทำลายจนกลายเป็นคนไม่มีหัวใจ’
และเหมือนคนตรงหน้าที่ฉลาดเป็นกรดเป็นทุนเดิม จะรู้ความในใจว่าเค้าคิดอย่างไร ไม่หรอก มันไม่รู้ เพียงแค่มันกำลังสับสนกับสิ่งที่เป็น ว่าควรจะเดินหน้าถลำลึกแบบนี้ต่อไปดีไหม หรือควรจะหยุดตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเจ็บแบบที่ผ่านมา
“ฉันควรทำยังไง…กับคนที่ชื่อว่าเชวมินโฮ”
และคำตอบเดียวของเค้า …. “ทำตามใจนายเถอะชางมิน…”
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าชางมินจะเลือกไปในทางใด จะลอยขึ้นไปบนฟ้าและตกลงมา หรือจะยอมอยู่ด้านล่างทนทรมานตัวเองโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้ต่อไป
‘ใครว่าชางมินไม่มีหัวใจ’
แต่เผยมันออกมาไม่ได้ต่างหาก .. ไม่ได้โง่ แค่อิจฉา ว่าทำไมเชวมินโฮถึงทำตามใจตัวเองได้โดยไม่ลังเลและเป็นอิสระ ต่างจากเค้าที่ต้องเดินบนเส้นทางทีมืดสนิทและยังคงมืดขึ้นเรื่อยๆ แต่เค้าก็เต็มใจที่จะทำ
‘ชางมินลูกแม่…’
‘ยึดทุกอย่างมาจากมัน เอามาเป็นของเรา ไม่มีอะไรที่ลูกทำไม่ได้ ลูกก็รู้ว่ามันทำอะไรแม่บ้าง แม่เจ็บเหลือเกิน’
‘ชางมินลูกแม่….’
‘อยากให้แม่สบายใจใช่ไหม ลูกฆ่ามันสิ ฆ่ามันต่อหน้าแม่ ทรมานมันให้แม่ได้ยินเสียงร้องครวญคราง’
‘ชางมินลูกแม่…’
‘ดีมากลูกทำได้ดีมาก ไม่ต้องร้องไห้ ลูกต้องเข้มแข็งทิ้งหัวใจตัวเองไปซะแล้วกำจัดทุกคนที่เข้ามาขวางทางเรา’
เมื่อทุกอย่างเดินหน้ามาจนไม่สามารถย้อนกลับไป ก็มีแต่ต้องเดินต่อไปไม่ว่าจะพบเจอกับสิ่งใดก็ตาม เค้าทำถูกแล้วใช่ไหม เพื่อให้คนๆนั้นสบายใจ … และหากว่าคนๆนั้นมีความสุขเมื่อไหร่ ก็จะฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่คนเป็นแม่ได้สอน คือการทำลายหัวใจลูกชาย มือของเค้าเปื้อนเลือด มีดเล่มหนึ่งยังคงจับมันแน่น และเหยื่อตรงหน้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘แ..แม่’ เหยื่อรายที่สอง ที่พอจะตั้งสติได้ อาการก็โคม่าจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่เคยฟื้นขึ้นมาอีกเลย
“ทำไมไม่ทำแผล?” เชวมินโฮเอ่ยขึ้นเรียกสติใครคนหนึ่งที่กำลังจมดิ่งอยู่กับอดีต คิบอมเดินมาส่งก็ไปทำงานต่อทันทีโดยไม่ลืมที่จะบอกให้เค้าทำแผลด้วยตัวเอง แต่ก็นั้นละคิดถึงเรื่องในวันนั้นทีไร ทุกอย่างก็ขาวโพลนและไม่เคลื่อนไปข้างหน้าทุกที เวลาที่หยุดนิ่งหากแต่รอยแผลกลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
“มีกล่องพยาบาลไหม?” อีกคำถามส่งตรงมา ชางมินไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้ถามจู้จี้ และคอยวนเวียนข้างกายเค้าอยู่ได้ทั้งๆที่รอยแผลก็ไม่ได้ฝากไว้บนตัวเจ้าลูกลิงแต่อย่างใด แล้วจะเดือดเนื้อร้อนใจทำแผลให้คนอื่นทำไมกัน
“มี”
“อยู่ไหน?”
“ถามไปทำไม?”
“จะทำแผลให้นะสิ” เชวมินโฮถอนหายใจทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้พูดยากพูดเย็นและหน้านิ่งแบบนี้ อยากจะตะคอกตะโกนกลับไปให้รีบๆทำแผลซะก่อนที่เลือดจะหมดตัวแล้วตายไปเสียก่อน และหากเชวมินโฮมีสติพอคงจะคิดได้เองว่าน่าจะปล่อยให้ศัตรูมันตายๆไปอย่างที่ปากพร่ำพูดออกมาทุกวันถึงการแก้แค้น
“อยู่หน้าห้องน้ำ”
เงียบไปนานหลายนาทีขณะที่มือบางค่อยๆพันแผลให้หลังจากเอากระสุนออกและเย็บแผลด้วยความตั้งใจเสร็จสิ้นไม่มีแม้แต่เสียงร้องคร่ำครวญถึงความเจ็บปวดสักนิด ก็ไม่เข้าใจทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ฉีดยาชา
“ฉันพึ่งรู้….”
“….?”
“ว่านายเป็นหมอ” ชางมินเอ่ยออกมาอย่างทึ่งๆในความสามารถ จนคนที่กำลังรักษาแผลให้เผลอหัวเราะออกมา
“ผมก็พึ่งรู้….” เสียงหวานขาดตอนไปช่วงหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับคำตอบ “ว่าพี่เป็นพวกใบ้กิน”
คำตอบที่ได้คงไม่งงและทำให้ชิมชางมินสับสนเท่ากับคำว่า ‘พี่’ มันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ความอ่อนโยนที่เค้าไม่เคยได้รับ ไม่สิ ความอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเค้าเคยได้รับ เค้าจำความรู้สึกเหล่านี้ได้ดี แสงสีเหลืองจางๆที่เสมือนกับแสงจากดวงอาทิตย์ในยามรุ่งสางไม่ร้อน…และไม่เย็นจนเกินไป
“พ..พี่หรอ?” ใบหน้าหวานตกใจ ตากลมโตขึ้นทันทีเหมือนได้หลุดคำพูดประหลาดออกไปตามสถานการณ์นำพาไม่ได้ตั้งใจ แต่ปากมันพาไป ก่อนจะรวบรวมสติและโมเมกลับไปให้อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้ารับกับคำตอบ
“ก..ก็แค่เปลี่ยนสรรพนามกับการตกลงของเราไง มันอยู่ในแผน”
“………..”
‘ผมจะสอนคุณเอง…….’
“อื้ม…บทเรียนนั้นงั้นสิ?”
แต่ละคนมีหัวใจเพียงดวงเดียว หากมันถูกทำลายไป คนๆนั้นก็กลายเป็นคนที่ไร้หัวใจ นั้นคือสิ่งที่ชางมินคิดและเป็นอยู่ในตอนนี้ หนังสือที่ครั้งหนึ่งเค้าเคยอ่านถึงปรัชญาแห่งชีวิตและจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ หากว่าวันนั้นคิบอมไม่ร้องเรียกขึ้นมาเสียก่อน หนังสือคงถูกเปิดไปยังอีกหน้าหนึ่ง และเค้าคงได้เห็นอีกถ้อยคำ ….
‘ถึงมันจะถูกทำลาย…ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถนำกลับมาหลอมรวมให้กลายเป็นหนึ่งได้’
“พี่ชางมินฮะ” บอกตามตรงชิมชางมินไม่ชินกับสรรพนามนี้เอาเสียเลย และหากว่าชางมินมีพลังในการอ่านใจคน เค้าก็คงจะได้รู้ว่า เชวมินโฮเองก็กำลังลำบากอยู่เหมือนกัน
“มีอะไร” น้ำเสียงติดจะเย็นชากว่าทุกครั้ง และเป็นอย่างนี้ตลอดตั้งแต่มินโฮเรียกเค้าว่า ‘พี่’ และลงท้ายด้วยคำว่า ‘ฮะ’ เหมือนกับว่าเค้าได้น้องชายน่ารักๆไว้ในการดูแล ? เฮ้? น่ารักหรอ? นี่เค้ากำลังชมเด็กนี้อย่างนั้นหรอ?
“ผมมาขออนุญาติ…”
“……………….”
“ผมจะกลับเชวกรุ๊ป”
คำตอบที่ได้เรียกความไม่พอใจให้กับคนฟัง นานเท่าไหร่แล้วที่ชางมินลืมความโกรธในหัวใจ เค้าทำเสมือนว่าเชวมินโฮเป็นคนสนิทและเชื่อใจไปได้อย่างไร ทั้งๆที่คนๆนี้คือ ‘ศัตรู’
“จะกลับไปอ้อนวอนพี่ยุนโฮของนายหรือไง” ชื่อของใครอีกคนที่เป็นที่รู้กันดีว่ามีความสำคัญมากแค่ไหนกับคนตรงหน้าและมีความสำคัญมากต่อเชวกรุ๊ปถูกเอ่ยออกมา “หรือว่าจะไปซบอกคุณซีวอนของนาย หืมเชวมินโฮ” สิ่งที่ได้ยินทำให้มินโฮรู้ดีว่าชางมินนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของเชวกรุ๊ปดียิ่งกว่าหน่วยสอดแนมที่ตามเข้ามาสืบเอาความลับจากพวกเค้าเสียอีก คนฟังหน้าซีดไปถนัดตา ตั้งแต่ที่มาอยู่กับชางมินได้ นี่ก็ผ่านไป 3 อาทิตย์เต็มๆ เค้าเป็นห่วงคนทางนู้นไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่ห่วงยูฮวานซึ่งอยู่ทางนี้เลย และที่ทำให้วิตกกังวลอยู่ตอนนี้คงเป็นเรื่องที่คนฝั่งเค้าไม่ขยับเขยื้อนหรือเคลื่อนไหวในการตามตัวเค้ากลับไป
“อย่าบอกนะว่าพี่วางแผนอะไรไว้!!” เมื่อคิดได้อย่างนั้นสติก็ขาดผึ่ง! เค้าลืมไปได้อย่างไรว่าชิมชางมินเป็นปีศาจร้ายในคาบมนุษย์ ลืมไปแล้วว่าคนๆนี้ไงที่ฆ่ามินจู พี่สาวเพียงคนเดียวของเค้า
“มารู้ตัวเอาตอนนี้มันสายไปไหมครับ คุณหนูมินโฮจากเชวกรุ๊ป”
“พ..พี่ทำอะไร! พี่ทำอะไรคนของผม พี่ทำอะไร บอกมาสิ!!” เป็นอย่างที่คิดคนตรงหน้าร้องไห้อีกแล้ว น้ำตามากมายที่อดกลั้นมานานตั้งแต่ฝืนใจทำเรื่องต่างๆถูกปลดปล่อยออกมา ดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังมองวูบไหวก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นมืดสนิทอย่างเดิม “ตามมาสิ ฉันจะให้ดูอะไรดีๆ”
‘ห้องลงทัณฑ์’ ป้ายกำกับที่อยู่หน้าห้องมินโฮหยุดนิ่งทันทีที่เห็นมัน และมองออกไปยังใครอีกคนอย่างระมัดระวังตัวกว่าเดิม และเมื่อประตูได้เปิดออกมา เสียงกรีดร้องสุดเสียงก่อนที่สติจะเลือนลางหายไป
‘ม..ไม่นะ ไม่’
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“ค..คุณ ชางมินทำแบบนี้ทำไม! คุณทำแบบนี้ทำไม! ได้โปรดปล่อยพี่ผมเถอะ”
เชวมินโฮกำลังสั่น เชวมินโฮกำลังกลัว สิ่งที่เค้าได้เห็นจากห้องลงทันฑ์คือความพ่ายแพ้และความสิ้นหวัง ภาพของพี่ชายทั้งสองที่เป็นผู้นำของเชวกรุ๊ปกลับถูกเหยียบย้ำศักดิ์ศรี นอนจมกองเลือดอย่างไม่มีสติ
“สองคนนั้นสมควรโดนแล้ว”
“………”
“มันลอบเข้ามาในเซฟเฮ้าท์ของฉัน”
“……………….”
“รู้ไหม มันเป็นความผิดของนายนะมินโฮ มันลอบเข้ามา เพียงเพื่อจะชิงตัวนายกลับไป”
น้ำเสียงเย็นชากล่าวออกมาก่อนที่มินโฮจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง มือเรียวกำหมัดแน่น เค้ารู้แต่เพียงว่าต้องทำอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่างที่สามารถช่วยยุนโฮและซีวอน พี่ชายสองคนที่มีพระคุณต่อเค้ามาตลอด ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยให้ได้
“ฉันไม่คิด ว่านายจะทำแบบนั้น” ร่างสูงที่นอนระนาบอยู่บนโซฟาค่อยๆลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูของคนสนิท “คิบอม?” คนถูกเรียกมองไปยังเจ้านายของตนอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง ตลอด 3 สัปดาห์มานี้เค้ามองเห็น ว่าอะไรบางอย่างในตัวของเพื่อนกำลังจะเปลี่ยนไป แบบนี้…มันดีจริงๆหรือเปล่านะ?
“อย่าประมาทละชางมิน คงรู้ใช่ไหมว่ามินโฮพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยสองคนนั้น”
“อื้ม”
‘ห้องลงทันฑ์’ เงาของใครสองคนเฝ้าอยู่ตรงปากทางเข้า แล้วข้างในละจะมีคนของชางมินอีกหรือเปล่า เค้าประมาทเกินไปไหมที่คิดจะบุกเข้าไปตอนนี้ ไม่สินี่ไม่ใช่เวลามากลัว ต้องช่วยให้ได้ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องพาพวกเค้ากลับเชวกรุ๊ปให้ได้
((กริ๊กก))
ประตูถูกเปิดออกเบาๆพร้อมๆกับชายสองคนที่ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น มินโฮก้าวเข้าไปในห้องทันทีที่ได้โอกาส ซีวอนยังคงถูกกุญแจมือล็อกเอาไว้ ร่างกายสะบัดสะบอมนอนราบไปกับพื้นอย่างไม่มีสติ เลือดยังคงไหลเจิ่งนองแต่ดูเหมือนว่ายังมีลมหายใจ ส่วนยุนโฮถ้ามองดูดีๆก็แค่ถูกมัดไว้เท่านั้น ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บหรือเลือดอย่างที่คิดไปเอง
“พี่ยุนโฮ/พี่ซีวอน”
ดูท่าเสียงเรียกของมินโฮจะทำให้ทั้งสองได้สติ ยุนโฮหันมองอย่างตกใจ “มินโฮ…นั้นนาย?”
“ก็ผมนะสิ .. ดีจังที่พี่ปลอดภัย”
“แล้วทำไม? ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี้ ชางมินละ?”
“ใจเย็นๆสิพี่ซีวอน ผมจะช่วยพี่เดี๋ยวนี้ละ ผมได้กุญแจจากสองคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก โชคดีจริงๆ”
มินโฮยิ้มให้อย่างดีใจที่ปล่อยยุนโฮสำเร็จได้ไม่กี่นาทีซีวอนก็ฟื้นขึ้นมา เค้าเป็นห่วงมาตลอดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างที่คิด “เอาละพี่ซีวอน พี่อยู่นิ่งๆนะ ผมจะช่วยพี่เดี๋ยวนี้ละ”
“อย่านะมินโฮ!” ยุนโฮตะโกนก้องทันทีที่เห็นว่ามินโฮจะทำอะไร มินโฮหันมามองพี่ชายที่แย่งกุญแจไปอย่างงุนงง “ทำไม? พี่ยุนโฮพี่เป็นอะไรไป?”
“มินโฮ! ออกห่างจากยุนโฮ เร็วเข้าสิ มันเป็นพวกของชางมิน” ซีวอนเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบตะโกนบอกน้องชายแทบจะทันที มินโฮสับสนถอยหนีออกห่างจากพี่ชายอีกคนดวงตาที่สะท้อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “ท..ทำไมกัน?”
“พี่ยุนโฮพี่ตอบผมสิ!”
“…………”
((ผลั๊กกก))
“คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องตอบนายหรอกมั้ง มินโฮ” มินโฮสะดุ้งทันทีที่เห็นว่าเป็นเสียงของใคร และใครที่ล้มลงไป “พ..พี่ซีวอน!!” ชางมินปรากฏตัวอยู่ด้านหลังในขณะที่มินโฮกำลังสับสนว่ายุนโฮอาจเป็นคนของชางมินอย่างที่ซีวอนบอก ร่างสูงเข้ามาจัดการกับพี่ชายของเค้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างทั้งร่างสั่นด้วยความหวาดกลัว เค้ารู้ดีว่าหากทำอย่างนี้จะทำให้ชางมินโกรธ แต่จะให้ทิ้งผู้มีพระคุณของเค้าไปอย่างนั้นหรือ?
มีดเล่มเล็กที่พกลงมาด้วยพุ่งตรงเข้าใส่ปีศาจร้ายตนนั้นทั้งคราบน้ำตา มันคงเป็นทางเลือกของคนจนตรอก เค้ารู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะชางมินได้ ถึงแม้ว่ามันได้ฝังลงไปยังร่างของคนตรงหน้าแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจช่วงชิงลมหายใจและชีวิตของคนๆนี้ได้เลย … แม้แต่นิดเดียว
((ผลั๊กกกกก))
และแล้วก็ล้มเหลว มินโฮล้มลงสติค่อยๆเลือนหายไป จนเหลือแต่ความว่างเปล่า ทำไมถึงได้อ่อนแอแบบนี้ ปกป้องใครไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง นายจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน หืม? เชวมินโฮ?
“ชางมิน…?”
“………...”
“ทำไมละ? ทำไมนายถึงช่วยเชวมินโฮ น้องชายของฉัน” ร่างสูงได้ยินยุนโฮพูดแบบนั้นก็เหยียดยิ้ม “อย่าเข้าใจผิดสิครับคุณยุนโฮ ผมเป็นศัตรู ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยพวกคุณแต่อย่างใด ก็แค่เห็นว่า ….”
“…………”
“….มันน่าสนุกดี คุณไม่เห็นว่าเป็นแบบนั้นบ้างหรือ?” ชางมินรวบร่างที่ไม่มีสติของมินโฮก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับยุนโฮด้วยรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย “คุณจะออกจากห้องนั้นก็ได้นะ เพราะคนอย่างคุณไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ผมได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
“แล้วนายจะเอายังไงเรื่องซีวอน?”
“น้องชายผู้ทรยศที่ทำทีเป็นว่าจะช่วยคุณพามินโฮกลับไปแต่ดันกลายเป็นหมาลอบกัดจะเอาชีวิตน้องชายตัวเองคนนั้นนะหรอ? ให้ผมทำยังไงกับเค้าดีละปล่อยให้มาจัดการมินโฮเลยดีไหม ผมจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง?”
“ถึงแม้เค้าจะเป็นแบบนั้น แต่ยังไงเค้าก็ยังเป็นน้องชายของผม อย่าดูถูกพวกเราไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือน! ”
ยุนโฮว่าอย่างเหลืออด พุ่งเข้าไปหวังจะเอาชีวิต “คุณยุนโฮ อย่าลืมสิว่าผมเป็นศัตรู” ชางมินว่าเสียงแข็ง ข้อมือใหญ่จรดอยู่บริเวณต้นคอของเชวมินโฮ เพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยร่างนี้ก็นิ่งไม่ไหวติง
“ค..คุณไม่กล้าหรอก”
“จะลองดูไหมละครับ?”
((แค่ก แค่กๆ))
แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ คนที่หลับไม่ได้สติในอ้อมกอดก็รู้สึกตัวขึ้นมาในเวลาที่เหมาะเจาะเสียจริง
ชางมินครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มยียวนเมื่อเห็นมินโฮดิ้นพล่านไขว้คว้าเอาอากาศ มือใหญ่ค่อยๆคลายออกจากลำคอ
“ครั้งนี้ผมจะยกโทษให้ละกันนะครับ … คุณยุนโฮ”
ร่างสูงว่าไว้ก่อนจะปล่อยมินโฮลงและเดินจากไป ปล่อยให้พี่น้องได้เผชิญหน้ากันเอง แค่คิดก็สนุกแล้ว คนอย่างมินโฮแม้ยุนโฮจะบอกความจริงเรื่องของซีวอน แต่เจ้าลูกลิงนั้นคงไม่ยอมฟังดีๆแน่ งานนี้อาจมีเฮ พี่น้องทะเลาะกันมันจะสนุกแค่ไหน แค่คิดรอยยิ้มร้ายก็ผลุดขึ้นมาเสียแล้วสิ ห้ามตัวเองไม่เคยได้เลยนะ ชิมชางมิน
“มินโฮ! ไม่เป็นไรนะ?”
“พ..พี่ยุนโฮ”
“อ..อย่าเข้ามานะ!!” มินโฮตะโกนก้องเมื่อเห็นว่ายุนโฮกำลังเข้าใกล้เค้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ผ..ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะทำกับผมแบบนี้!! พี่เป็นคนของชางมิน ผมไม่อยากจะเชื่อเลย!!”
“ม..มันไม่ใช่! นายฟังฉันก่อนสิ จริงๆแล้วซีวอนนั้นละมันจะฆ่านาย!!”
มินโฮจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เค้าจะทำยังไงดี?
“พ..พอเถอะพี่ยุนโฮ ผมผิดหวังในตัวพี่จริงๆ”
-------------------------------------------------------------->>> TBC
คำเตือน : จะยิ่งโหดขึ้น โหดขึ้นอีกนะ ฮ่าาา
ความคิดเห็น