คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Mafia Vs Mafia] - ตอนที่ 01 ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์
[ตอนที่ 1] ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะคุณชางมิน”
“ครับ..” สายตาเศร้าสร้อยของชางมินเรียกคะแนนสงสารให้กับผู้คนได้มากมาย เค้าเป็นเพียงแค่นักธุรกิจหนุ่มที่จบจากนอกมาบริหารบริษัทแทนพ่อที่เสียไป แถมยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่แม่ผู้น่าสงสารของเค้าพักรักษาตัวอยู่ รวมถึงเจ้าของโรงแรมที่อยู่ในเครือของตระกูลชิม และที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นพ่อนักบุญผู้ชอบบริจาคเงินและของเครื่องใช้แก่คนที่ไม่มีโอกาส
ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว …
“การแสดงละครของฉันน่านับถือขนาดนั้นเลยหรอคิบอม ฮึฮึ” ชายหนุ่มหัวเราะร้ายยามนึกถึงเรื่องราวตอนให้สัมภาษณ์ถึงการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ทำให้เค้าต้องกลายเป็นพ่อหม้ายผู้น่าสงสาร
“แนบเนียนจนแยกไม่ออกเลยละ” คิมคิบอม ผู้เป็นคนสนิทและภักดีรวมถึงเป็นเพื่อนในวัยเด็กว่าออกมา ถึงดูเหมือนจะเป็นคำชมแต่สำหรับเค้า ชิมชางมินรู้ดี ว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะประชดประชัน และสำนึกตัวเสียทีว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพราะเรื่องเมื่อคืนที่เค้าลงมือฆ่าเด็กนั้น ฆ่าลูกของตัวเอง มันดูจะโหดร้ายเกินไป สำหรับน้ำแข็งเดินได้อย่างผู้ชายคนนี้
“ชางมิน…เห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนกัน ฉันขอเตือนไว้อย่าง หากนายยังคงทำตัวไร้หัวใจต่อไป สักวันจะเป็นนายเองที่เสียใจ เจ็บปวด และทรมานจนไม่อยากจะมีลมหายใจ เมื่อหัวใจที่แท้จริงของนายมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าและถูกตัวนายเองทำลายไป เมื่อถึงวันนั้น ….”
“เมื่อถึงวันนั้น…ฉันจะไม่มีวันเสียใจ”
ชางมินให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง เค้าเป็นคนรักษาสัญญาเสมอ ในเมื่อหัวใจเค้ามันถูกทำลายไปแล้ว มันจะกลับมาทำงานอีกได้อย่างไรกัน เจ้าตัวหัวเราะให้กับความเป็นห่วงไร้สาระของเพื่อนก่อนจะเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวมองมาอีกเลย ‘เปลี่ยนไปมากจริงๆ….’ เวลาเปลี่ยนคนเราเปลี่ยน แต่จงอย่าลืมว่ายังไง เรา…ก็คือตัวเรา ไม่ใช่ใครอื่น
“นายท่านครับ คนของเชวกรุ๊ปส่งคนมาเจรจาแล้วครับ” เยซองลูกน้องคนหนึ่งในการดูแลของเค้าเข้ามาบอกถึงความเป็นไป ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มตัวสวมเสื้อคลุมสีดำก่อนจะเดินนำออกไป เพื่อไปยังห้องรับรองที่จัดขึ้นเพื่อ ‘เจรจาสงบศึก’ การพบหน้ากันครั้งแรกของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองของเกาหลี การประชันกันระหว่างสองแก๊งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แต่มีหรือว่าคนอย่างเค้าจะกลัว
แม้เบื้องหน้าจะทำการกุศลสารพัด แต่อย่าลืมว่าตัวเค้าคือชิมชางมิน ผู้ซึ่งกอบกุมอำนาจของเกาหลี เบื้องลึกเบื้องหลังรู้จักกันในนามของ ‘ปีศาจร้ายในคราบมนุษย์’ มาเฟียที่เหี้ยมโหดและไร้หัวใจ
“นายท่าน … นี่คือเชวมินโฮ ผู้มาเจรจาสงบศึกคราวนี้ของทางเชวกรุ๊ป” เยซองเอ่ยแนะนำใครอีกคนที่นั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว เชวมินโฮ? ถ้าหากเค้าจำไม่ผิด “ไม่คิดว่านายน้อยของเชวกรุ๊ปจะมาด้วยตัวเองนะครับ” ชางมินเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเป็นมิตร ผิดกลับใครอีกคนที่เอาแต่นิ่งเงียบ รวมถึงดวงตาคู่นั้นทีจ้องมองเค้าออกมาด้วยความเคียดแค้น
“ผมไม่ได้จะมาสงบศึก ผมไม่เหมือนกับพี่มินจู!” ฝ่ายนั้นโพร่งออกมาด้วยแรงอารมณ์ส่วนตัว จนคนสนิทที่เชวมินโฮพามาด้วยต่างหันซ้ายแลขวากันเลิ่กลักกับการกระทำของนายน้อย ผู้เป็นทายาทของเชวกรุ๊ป
“มินจู? อ้อ! เชวมินจูภรรยาของผมที่พึ่งเสียไปเมื่อวานนะหรอ?” ชายหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่มเสมือนว่าคนตรงหน้ากำลังพูดเรื่องสนุกๆ มินโฮกำหมัดแน่น เห็นศัตรูอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ คนๆนี้ไงที่ฆ่าพี่มินจู คนๆนี้ที่พี่มินจูอุตส่าลดตัวลงไปเพื่อทำสัญญาสงบศึกกับมันจนยูฮวานคลอดออกมา!
“เราคุยเรื่องงานกันอยู่นะครับคนสวย” เหมือนชางมินจะรู้ทันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เพราะดูจากสีหน้าและมือเรียวที่กำไว้แน่นจนเลือดคอดก็พอจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างพออกพอใจ
“ผมจะทำสงครามกับคุณ!!”
“ผมชื่นชมในความกล้าของคุณ” ชางมินปรบมือสองสามครั้งก่อนที่รอยยิ้มจะแปรเปลี่ยนและประโยคดำมืดในคราบของปีศาจจะเอื้อนเอ่ยออกมา “แต่คุณคิดหรือว่าจะชนะผมได้….”
((ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง))
((ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง))
ไม่ทันได้ตั้งตัวลูกน้องคนสนิทที่มินโฮพามาด้วยก็ล้มลงท่ามกลางเลือดที่ไหลริน เหลือเพียงนายน้อยแห่งเชวกรุ๊ป
“ผมไม่มีวันยอมคุณเหมือนที่พี่สาวผมยอมแน่นอน คุณชางมิน!”
“อย่างกับว่าผมอยาก…กับคุณนักนี่! ผมชอบผู้หญิงนะคุณ ถึงคุณจะเสนอตัวไปก็ไม่ใช่รสนิยมของผมอยู่ดี”
“คนอย่างคุณนี่คิดแต่เรื่องสกปรก อื้อ!!” สิ้นสุดคำด่าปากบางก็ถูกช่วงชิงลมหายใจ เมื่อชายหนุ่มกดจูบลงมาอย่างจาบจ้วงไม่ปล่อยให้เค้าได้สูดเอาอากาสเข้าไปเกือบหนึ่งนาทีเต็มๆ
“แต่คิดดูอีกที ปากพร่อยๆของคุณนี่ก็น่าทำให้เป็นเสียงครางข้างๆหูผมก่อนตายนะ” ชางมินกระซิบข้างใบหูนิ่มก่อนจะช้อนตัวอุ้ม ‘เจ้าสาวคนใหม่’ ออกไปเพื่อทำพิธี ???
“คิบอมจัดการที่เหลือด้วย…” ชางมินออกปากสั่งเมื่อหันมาเจอคนสนิทพอดี ส่วนตัวเค้าก็จัดการอุ้มของเล่นชิ้นใหม่เข้าห้องเพื่อทดลอง (?)
ชั้นบนสุดของโรงแรมที่เค้ามาพักยามเหนื่อยล้าเมื่อออกไปประชุมกับเหล่าลูกน้อง นี่คือโรงแรมหนึ่งที่อยู่ในเครือของตระกูลชิมที่มีเค้าเป็นคนปกครองดูแล ห้องกว้างขวางตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีฟ้าขาวสะอาดตา ช่างไม่เหมาะกับเจ้าของเอาเสียเลย มินโฮถูกร่างสูงอุ้มมาไว้บนเตียงใหญ่ ในตาคมจ้องมองผู้กระทำอย่างดุร้าย ‘เขาไม่กลัวหรอกนะ’ เชวมินโฮไม่มีวันกลัว ไม่มีวัน
“เอ้าๆจ้องตาผมอยู่ได้นะคุณมินโฮ ถ้าผมท้องขึ้นมาใครจะรับผิดชอบครับ”
น้ำเสียงกวนประสาทว่าเข้าก่อนจะเริ่มคลานขึ้นเตียงไปอีกคน แต่คนตรงหน้าก็ใช่ว่าจะสมยอมแถมยังถอยหนี
ไปจนชิดขอบเตียง ข้อเท้าเล็กถูกดึงให้กลับมาจนคนถูกกระทำร้องโวยวายและดิ้นสุดแรง
“ออกไป!!”
แต่มีหรือปีศาจร้ายตนนี้จะฟัง แค่อยากเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ก่อนจะฆ่าทิ้งและส่งไปให้กับเชวกรุ๊ปก็เท่านั้น มันคงจะเดือดดาลหน้าดูหากรู้ว่านายน้อยของมันถูกย่ำยีก่อนชำแหละ แค่คิดในตาก็เป็นประกายวาววับ แต่ของเล่นชิ้นนี้ก็ดื้อเสียจริงๆ เหมือนกันมาก เหมือนกับลูกลิง
“นายมันคนหรือลิงกันแน่”
“ปล่อยฉัน!!!” มินโฮเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อข้อมือทั้งสองถูกเชือกมามัดไว้กับหัวเตียง มือใหญ่จัดการกระชากเสื้อตัวบางออกจนมันขาดหวิ่น เผยให้เห็นหน้าอกเนียนที่แตกต่างจากผู้หญิง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าหลงไหล กลับกัน มันน่าหลงไหลจนไม่อาจละสายตาได้ ชางมินไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเค้าถึงเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา ทั้งๆที่ผู้หญิงกี่คนๆที่เคยผ่านตาก็ไม่อาจทำให้เค้าจินตนาการอยากจะสานต่อ ยิ่งผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ ลูกน้องเค้าเป็นร้อยเป็นพัน อาบน้ำด้วยกันมาตั้งมากมายไม่คิดจะมีอารมณ์ ผิดกลับคนๆนี้
“ผิวนายสวยดี”
“ห๊า!?” มินโฮสะอึก มองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ และไม่ไว้ใจในคราเดียว ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ใช่ว่าจะอินโนเซนส์หรือว่าไม่เคย แต่ที่ไม่เคยจริงๆคงกับผู้ชายนี่ละ
“จ..จะทำอะไร ห..หยุดเดี๋ยวนี้ อ..อื้อออ” คนถูกลวนลามทางสายตาเริ่มครางประท้วงเมื่อมือหยาบกร้านเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ริมฝีปากประกบจูบลงมาอีกครั้งอย่างเร่าร้อนจนคนถูกกระทำเริ่มหมดแรง มือข้างหนึงก็หยอกล้อตรงบริเวณหน้าอกไม่ขาดไม่เกิน ปากหยักเคลื่อนต่ำลงจนถึงลำคอ ฝังรอย ฝังเขี้ยวลงไปอย่างหื่นกระหาย
“อื้ออ! มันเจ็บนะ” มืออีกข้างเริ่มย้ายไปถอดกางเกงให้ร่างบางออกจนเหลือแต่ชั้นใน ร่างสูงลูบส่วนนั้นผ่านเนื้อผ้าไปมาจนขนลุกไปทั้งตัว เค้าสัมผัสได้ว่ามันเริ่มตื่นตัวจนแทบจะทนไม่ไหว เพราะคนตรงหน้าทำเหมือนแกล้ง เหมือนกำลังเล่น กำลังทดลองร่างกายของเค้า
“อื้อ .. ตรงนั้น” เสียงครางหวานเริ่มพร่ำเพ้ออกไปอย่างไม่มีสติ เค้ากำลังหลงมัวเมาในเพศรสอย่างหื่นกระหาย ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ขอแค่ ขอแค่ตอนนี้ ตรงนี้ เวลานี้ ให้ความอยาก ความต้องการได้ถึงที่หมาย ….
“ปลุกง่ายดีเหมือนกันนี่ ฮึ!”
“ท..ทำไม หยุดท..ทำไม”
“คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมง่ายๆหรอไง ไอ้ลูกลิง”
ดวงหน้าที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังทรมาน เมื่อไม่สามารถสำเร็จความใคร่ลงได้ แม้อยากจะเอื้อมมือลงไปสนองให้ตัวเองสักเล็กน้อยก็ไม่อาจทำได้ เมื่อปีศาจร้ายยกยิ้มฉายชัดขนาดนี้
“ดึงไปก็เปล่าประโยชน์ ฉันมัดเชือกเอาไว้แน่นพอ เจ็บตัวเปล่าๆ”
“อ..อื้ออ”
ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่มีสติ…
ร่างสูงลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้องไป เรียกความร้อนใจให้คนมองอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อเห็นปีศาจร้ายตนนั้นเดินกลับมาพร้อมกับขวดเบียร์เย็นๆที่ยกขึ้นดื่มสองอึก ความคิดที่ว่า ‘ไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี’ ก็ผลุดขึ้นมา และเหมือนชางมินจะรู้ทัน ถึงได้ยกยิ้มเดินเข้าไปหา นิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดกางเกงตัวน้อยให้ล่นลงมา
“ดูสิ ยังเย็นอยู่เลย น้ำแข็งเกาะด้วยนะจะบอกให้” สีหน้ายียวนกวนประสาททำให้คนมองเริ่มกระสับกระส่าย ส่วนนั้นที่ถูกปลุกขึ้นมาแต่ยังไม่แม้แต่จะแตะต้องกลับถูกเบียร์เย็นๆราดรดลงไปจนได้แต่ครางเสียงหวานอย่างอัดอั้น
“อื้ออ อื้อออ อย่…อย่า”
“ความหมายของนายคืออย่าช้าหรือเปล่า”
“ข..ขอร้องละ อย..อย่าทรมานผมเลย ผมยอมทุกอย่างแล้ว”
และนั้นคือสิ่งที่ปีศาจร้ายต้องการ มุมปากฉายชัดรอยยิ้มร้ายอย่างทุกทีเมื่อได้ชัยชนะ พร้อมๆกับเครื่องอัดเสียงที่อยู่ในมืออีกข้างถูกเปิดขึ้นมาให้ได้ยินลั่นห้อง ข..ขอร้องละ อย..อย่าทรมานผมเลย ผมยอมทุกอย่างแล้ว”
ผมยอมทุกอย่างแล้ว
ผมยอมทุกอย่างแล้ว
ยอมทุกอย่าง …
นั้นคือสิ่งที่เค้าต้องการ แม้จะปฏิเสธไปก็ไร้ความหมาย ปีศาจร้ายเฝ้ามองลูกลิงที่กระสับกระส่ายด้วยความกระสันก็จัดการปลดเปลื้องพันธนาการที่มือออกและพูดประโยคปิดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จัดการเองซะ… ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบผู้ชาย”
มินโฮถูกทิ้งเอาไว้ในห้องเพียงลำพัง ด้วยสภาพที่น่าสมเพชที่สุดเท่าที่เค้าเคยได้รับ เทปเสียงที่ถูกอัดไว้เป็นหลักฐานยังคงดังก้อง รวมถึงคำพูดของปีศาจ
ปีศาจยังไงก็ยังคงเป็นปีศาจ
ไม่มีทางเป็นเทวดา หรือแม้แต่กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ไปได้หรอก
“ตื่นได้แล้ว ฉันมีงานให้นายทำ” ดั่งเสียงคำรามของอสูรกาย ปีศาจตนนั้นเข้ามากระชากเค้าถึงในห้อง ทั้งๆทีวันนี้เค้าไม่มีแรงเหลือเลย มันอ่อนล้า ทั้งกายและใจ
“อย่าทำเป็นสำออย ลุกขึ้นมา!” ชางมินกระชากเสียงใส่ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายตัวรุมๆเหมือนจะมีไข้ แต่เรื่องอะไรที่เค้าต้องสนใจ ขนาดตัวมันเองยังไม่คิดจะดูแลตัวเอง แล้วเราเป็นใคร เป็นอะไรกันถึงต้องไปดูแลมัน
“คืนนี้มีงานการกุศล ฉันจะให้นายมาเป็นเลขา ไอ้คิบอมนี่ก็น่า ดันลาหยุดเอาวันนี้ รู้ทั้งรู้ว่าฉันขี้เกียจไปเอง” เหมือนกับจะบ่นพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะร่างบางไม่มีทีท่าจะฟังแต่อย่างใด เหมือนสติจะดับวูบไปทันทีเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรอย่างนั้น
“เปลี่ยนชุดซะ อีกห้านาทีจะออกเดินทาง”
ห้านาทีผ่านไป เข้าไปเรียกอีกทีคนด้านในก็ยังไม่มีทีท่าจะแต่งตัวหรือขยับเขยื้อน ชางมินต้องเข้าไปกระชากจนมันรู้สึกตัวหันหน้าขึ้นมาจ้องตาเค้าเขม็ง
“ต้องให้ฉันทรมานนายแรงกว่าเมื่อคืนหรือไงถึงจะยอมลุกขึ้นดีๆ”
“ม..ไม่ ไม่เอา” ว่าแล้วก็ต้องลากสังขารตัวเองออกจากห้องจนได้
-สถานที่จัดงาน-
ห้องโถงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล …
“นั้น! คุณชางมินนี่” นักข่าวคนหนึ่งวิ่งกรูเข้ามาทางชางมินอย่างพร้อมเพรียง จนการ์ดต้องคอยทำหน้าที่อย่างชุลมุน คำถามมากมายก็ถูกส่งมาให้พ่อนักบุญคนดีของพวกเรา
“ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณชางมินบริจาคไปกี่ล้านวอนค่ะ?”
“ไม่ทราบว่าเรื่องที่คุณมีเรื่องกับเชวกรุ๊ปนี่จริงหรือเปล่าค่ะ?”
“ไปมีเรื่องกันได้อย่างไรค่ะ เราทราบว่าเค้าเป็นคนไม่ดีนี่จริงหรือเปล่าค่ะ?”
เล่นยิงคำถามมาบอกนี้ พ่อนักบุญถึงกับใบ้กิน เงียบตลอดการสนทนา แต่ก็ยังไม่วายฉีกยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนที่วิ่งเต้นกันเข้ามาถามนู้นถามนี่ และที่ทำให้ช็อคที่สุดเห็นจะเป็น ….
“คุณชางมินทราบหรือยังค่ะว่าลูกของคุณรอดมาได้อย่างฉิวเฉียด!!”
“ดีใจด้วยนะค่ะ ลูกคุณยังมีชีวิตอยู่”
ชายหนุ่มหน้าเหวอสนิท ก่อนจะหันไปกระซิบถามคนของตน ว่ามันเกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร ทั้งๆที่เค้าบอกให้เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วแท้ๆ ยังจะมีความผิดพลาดมาให้เห็นอีกจนได้ เมื่อเห็นดังนี้ชางมินก็ปั้นหน้ายิ้มแล้วบอกทุกคนว่าขอบคุณในความหวังดี ก่อนจะชิงตัดบทไปว่าเค้าต้องรีบไปบริจาคก่อนจะไม่ทันการ …
ช่างเป็นนักบุญที่สวมหน้ากากได้เก่งจริงๆ … มินโฮคิดในใจ แต่ไม่อาจพูดออกไปได้ เพราะตนอาจต้องตายก่อนที่จะได้ล้างแค้นให้พี่สาวอย่างที่ใจนึก แม้จะตกเป็นรองอยู่มาก แต่สักวัน เค้าต้องทำให้ชิมชางมินกระอักเลือดจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป
“ยูฮวานหลานอา…” มินโฮรีบวิ่งเข้าไปกอดร่างเล็กเอาไว้ทันทีที่เข้ามายังห้องเด็กเล็กที่มีคนแจ้งไปว่าลูกของชางมินยังไม่ตาย ส่วนร่างสูงที่เดินตามมาอย่างเชื่องช้าก็ได้แต่เอ็ดคนตรงหน้าเมื่อประตูปิดลงและสั่งให้การ์ดคอยเฝ้า
“ลูกตัวเองก็ไม่ใช่ ทำเป็นเสแสร้าแกล้งรักไปได้” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า จนคนมองได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์ “ก็ดีกว่าคนเป็นพ่อที่ฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเอง แถมยังสวมหน้ากากแสดงละครจนดารายังอาย”
“ปากดีนักนะ!” ชายหนุ่มว่าอย่างหัวเสีย หยิบปืนที่เหน็บตรงเอวซ้ายขึ้นมาอย่างเหลืออด ไอ้ลูกลิงจะสามหาวกับเค้าเกินไปแล้ว ปล่อยให้ปีนต้นไม้เล่นแค่แปปเดียวดันกล้าหยิบกล้วยโดยไม่ได้รับอนุญาติ
“เอาสิยิงผม แล้วออกไปตอบนักข่าวด้วยรอยยิ้มด้วยละ ว่าอุ้ย! เผลอทำปืนลั่นใส่ลูกตัวเองอีกแล้ว!!”
“คนอย่างนายนี่มัน!!” ร่างสูงเดินตรงเข้าไปปีบคอร่างบางอย่างลืมตัวว่านี้คือโรงพยาบาล กว่าจะได้สติก็ตอนที่เจ้าตัวเล็กมันร้องไห้โวยวายน่ารำคาญ “โถ่เว้ย!”
“แค่กๆ” มินโฮ สำรักเอาอากาศเข้าปาดพลางลูบหัวเด็กน้อยอย่างปลอบประโลม ทั้งๆที่ตัวเองเกือบตายดันมีเวลาไปห่วงคนอื่นอีก ชางมินครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมลากเจ้าตัวปัญหาให้กลับมาด้วยกัน
เพนทรากอน เปรียบดั่งเซฟเฮ้าท์ที่ปลอดภัยที่สุด และมีทุกอย่างครบครันโดยไม่มีความจำเป็นต้องออกไปไหน เป็นที่ที่ชางมินรักที่สุดเสมือนบ้านของตัวเอง
“ที่นี้ที่ไหน คุณพาผมมาทีนี้ทำไม?”
“เพนทรากอน บ้านฉันเอง”
“แล้วคุณพาผมมาที่นี้ทำไม?”
“เดี๋ยวนายก็รู้ จุนซูพาเด็กออกไปสิฉันรำคาญร้องอยู่ได้” ประโยคหลังชางมินหันไปเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกจ้างมาอยู่ที่นี้ในฐานะพ่อบ้านที่คอยเก็บกวาดทุกอย่างในห้องของเค้า
“ครับนายท่าน” จุนซูขานรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมๆกับเด็กน้อยที่ยังคงร้องไม่หยุด
“แล้วเราจะทำอะไรกันดีละ…” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ยิ้มกรุ่มกริ่มเหมือนนึกอะไรดีๆออกแล้ว
“………….”
“ถอดเสื้อสิ…”
“ห๊า?”
“ฉันบอกให้ถอด! หรือนายจะให้ฉันฆ่าเด็กนั้นให้ดูต่อหน้านายดีละ?” ชายหนุ่มว่าอย่างกำชัย หากขู่ว่าจะเอาชีวิตของตัวเอง คนอย่างเชวมินโฮรักศักดิ์ศรีพอทีจะไม่ทำต่างคำสั่งและยอมตายลั่นไกใส่ตัวเองแน่นอน แต่ถ้าหาก …
“เลือกเอานะมินโฮ นายอยากแสดงละครบนเตียงให้ฉันดู หรืออยากให้ฉันโชว์ฆาตกรรมให้นายดู” เมื่อทางเลือกมีแค่สองทาง แล้วเค้าจะทำอะไรได้ มินโฮไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดยอมเห็นเด็กน้อยน่ารักผู้บริสุทธิ์ตายไปต่อหน้าต่อตาได้แบบชางมิน แล้วก็ไม่เหี้ยมพอที่จะฆ่าใครได้ ‘เพราะเค้ายังไม่เคยฆ่าใคร’ แต่ถ้าหากเป็นคนๆนี้ละก็ เค้าจะยอมมือเปื้อนเลือดโดยไม่คิดอะไรเลยละ
“กำลังคิดว่าจะฆ่าฉันอยู่ละสิ เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่ามั้ง เจ้าลูกลิง” ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือขวาหยิบกล้องแฮนด์แคมเพื่อบันทึกหนังสดอย่างยั่วโมโหนางเอกที่กำลังเด่นชัดในจอภาพ ส่วนปากก็ออกคำสั่งไปเรื่อยอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความผิดใดๆที่ตนได้ละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น
‘นั้นละๆ ถอดเสื้อนายแล้วโยนออกไปข้างเตียง’
‘ต่อไปก็…กางเกงนะใส่ไว้ทำไม ถอดออกซะ’
คนฟังอ่อยอิ่ง มือไม้เริ่มสั่นอย่างไม่รู้ตัว สำหรับเค้าถือเป็นความกลัวก็ว่าได้ ความไม่เคย และความไม่น่าไว้ใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาให้มันรู้รอดไป มือบางสั่นเทาจับขอบกางเกงตัวเองแน่น กลัวว่าหากดึงมันลงไปจะทำให้เกิดความทรมานใจและน่าสมเพชเหมือนอย่างวันนั้น ทั้งน่าอาย และน่าชิงชัง
ในที่สุดก็อดทนไว้ไม่ไหว น้ำตาหยดลงมาอาบแก้มซ้ำไปซ้ำมา คนมองสะอึกไปชั่วครู่ เพราะมินโฮไม่ได้ร้องขอให้เค้าเลิกเล่นแบบนี้เสียที แล้วก็ไม่ได้หยุดการกระทำลงเลยแม้แต่น้อย แต่ค่อยๆดึงกางเกงของตนลงมาพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลรินเสมือนเป็นศักขีพยานว่า 'คนตรงหน้าได้ขโมยเอาศักดิ์ศรีของเค้าไป’
“ร้องไห้อยู่ได้ น่ารำคาญ จะไปไหนไหนก็ไป!” ชางมินบ่นออกมาอย่างทนไม่ไหว ไล่อีกฝ่ายให้ออกไปให้พ้นหน้า แต่คงจะลืมไป ‘ว่าตัวเค้าไม่มีที่ใดให้อยู่อีกต่อไป’
‘ฮึ่ก…’
‘ฮึ่ก…’
คนๆนั้น เอาทุกอย่างไปหมดแล้ว ทั้งพี่มินจู ทั้งแม่ ทั้งพ่อ รวมถึงศักดิ์ศรีของเชวมินโฮ ความอับอายที่ได้รับ เค้าไม่มีวันลืม และจะไม่ลืมเด็ดขาด ไม่มีวัน
หากเราถูกใจอะไรสักอย่างโดยไม่รู้ตัว … เราก็จะอ่อนโยนกับมันโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวเช่นกัน
“จะเอายังไงต่อไปชางมิน นายรั้งตัวมินโฮมานานแล้วนะ ฝ่ายนั้นเค้าไม่รอแล้ว?”
“ไม่ได้บอกให้รอ”
“มันจะบุกมาชิงตัวมินโฮถึงนี่ หากนายยังเอาแต่ทำเฉยไม่ตั้งใจ คราวนี้นายแพ้แน่!”
คิบอมพูดเตือนสติ เค้ารู้ดี แต่คนอย่างเค้า ‘ไม่มีคำว่าแพ้’
แต่ทำไมในใจมันถึงร้อนรนนัก ‘หรือว่าเค้าจะแพ้จริงๆ’
‘เชวมินโฮก็แค่ของเล่นชั่วคราว’
เมื่อหมดประโยชน์ เมื่อไม่ต้องการ ก็แค่กำจัดมันทิ้งไป
‘เชวมินโฮก็แค่นางบำเรอ’
แค่คืนสองคืน หายอยากเมื่อไหร่ก็ช่างมัน
ของเล่นชั่วคราวของเค้าไปอยู่ที่ไหน ทำไมวันนี้ถึงยังไม่เห็น สงสัยลืมไปว่าตนนั้นแหละที่เป็นคนย่ำยีและไล่ส่ง คนเราจะเห็นว่ามีคุณค่า ก็เมื่อสูญเสียมันไป ชิมชางมินไม่รู้ และไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดต้องสนใจ เพียงแค่ไม่อยู่ เพียงแค่ไม่เห็นหน้า ก็ทำให้เค้าใจร้อนใจ ‘หรือว่าเค้า…กลัวจะแพ้’
“เชวมินโฮอยู่ไหน?”
“อยู่กับนายน้อยยูฮวานครับ”
“นายน้อย? ฉันสั่งนายเรียกอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ขอโทษครับ” จุนซูรีบก้มขอโทษขอโพย ก่อนจะหลีกทางให้คนตรงหน้าได้เข้าไป
“ยูฮวานต้องเข้มแข็งนะครับ”
“อดทนไว้นะ ฮึ่ก อาจะอดทน เพื่อที่จะปกป้องยูฮวานนะ ฮึ่ก”
ฟังดูก็รู้ว่าเสียงสะอื้น เชวมินโฮกำลังร้องไห้ เชวมินโฮกำลังอ่อนแอ อ่อนแอจนอยากจะจบชีวิตลงเสียตรงนี้ แต่เพราะเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กคนหนึ่งที่แสนบริสุทธิ์และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเค้า
“ทำไมนายต้องสนมันด้วย?” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงของร่างสูง ชางมินถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ หากมองดูดีๆ เชวมินโฮเห็นว่าชางมินเป็นแค่เด็กแรกเกิดที่กำลังเดินหลงทาง ?
“เพราะเค้าเป็นหลานผม” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เพราะในสงครามหรือความเป็นจริง เมื่อคนเราถึงจุดๆหนึ่ง ความเห็นแก่ตัวย่อมกลืนกินจิตใจ หากเลือกได้ ย่อมเป็นชีวิตตัวเองอยู่แล้ว ที่อยากให้รอด นั้นคือสิ่งที่ชางมินเรียนรู้มาตังแต่ยังเด็ก ขนาดพ่อแท้ๆของเค้ายังคิดจะฆ่าเค้ากับแม่เลย แล้วเค้าจะสนคนอื่นทำไม
“เพราะเป็นหลานตัวเอง ถ้าหากเด็กคนนี้ไม่ใช่ยูฮวาน นายจะปกป้องเค้าไหม?” คำถามที่ดูเหมือนคำถามโลกแตก แต่คนฉลาดอย่างชางมินกลับตอบไม่ได้ เชวมินโฮยิ้มออกมาครั้งแรกในรอบสามวันที่ถูกกักตัวไว้ให้อยู่กับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิต ไม่มีหัวใจ แค่สนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
“ช่วยสิ” เสมือนลมเบาๆที่อ่อนโยนพัดผ่านจิตใจที่ว้าเหว่และไม่เข้าใจโลก หัวใจดวงน้อยของคนฟังกลับสั่นไหว ‘นี่เค้าเป็นอะไร?’ หัวใจของเค้าถูกทำลายไปแล้วต่างหาก มันจะสั่นไหวได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้เลย
“ฉ…ฉันไม่เข้าใจเลย” สีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของชางมิน ทำให้มินโฮต้องหันมามอง ชายหนุ่มตรงหน้าเค้าเหมือนเด็กที่ต้องการคำตอบ เด็กที่แสวงหาอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ ผ้าขาวที่มีสีดำขีดเอาไว้ หากลบมันออกและแต่งเติมสีอื่นเข้าไปจะทำให้คนๆนี้เปลี่ยนไปได้ไหมนะ?
“สักวันคุณจะเข้าใจ”
“……………”
“ผมจะสอนคุณเอง…”
สอนให้รู้จักกับคำว่า ‘รัก’
สอนให้รู้จักกับคำว่า ‘แคร์’
สอนให้รู้จักกับคำว่า ‘ชีวิต’
และสอนให้รู้จักกับคำว่า … ความสุข
เชื่อผมเถอะ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด สนุกที่สุดแบบนี้ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต สอนให้เข้าใจถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญแต่คุณได้ขาดมันไป เมื่อถึงวันนั้น วันที่คุณมีทุกอย่างพร้อม (ผมจะทำลายมันด้วยตัวของผมเอง)
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมจะสอนคุณในสิ่งที่คุณไม่มี สอนให้คุณรู้จักกับอีกชีวิตที่คุณไม่เคยได้สัมผัส”
“ที่ทำแบบนี้ เพราะนายต้องการอะไรอยู่ใช่ไหม?”
ชิมชางมินรู้ ชิมชางมินเป็นคนฉลาด เค้ารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ได้มา โดยไม่ต้องแลกกับอะไร
“สิ่งแลกเปลี่ยนของผม…คือทวงทั้งหมดที่ผมจะให้คุณ”
“………………………”
------------------------------------------------------->>> TBC.
ความคิดเห็น