ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ¾` FIC T U T O R (HUNBAEK ft.EXO)

    ลำดับตอนที่ #2 : ¾` fic tutor chapter 1 : what da fu*k

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 58



     

     

     


     

    [ฺBAEKHYUN]

     

    แบคฮยอนเหรอเออแหละกูแบคฮยอนเอง :

    กรี๊ดดดดดดด

    ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    พวกมึ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


     

     

    ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    ว่าไงคับเพิ่ล ดอทกันป่าว 




     

    แบคฮยอนเหรอเออเเหละกูเเบคฮยอนเอง :

    คับที่หน้ามึง กูไม่เล่นนะ

    กูโดนเหม่งไทร์ออกละว่ะ รู้สึกช็อคที่สุด ไม่มีคำกล่าวอะไรใดๆทั้งนั้น






     ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    น่านไง กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้มึงหัดขยันเรียนบ้าง
    ไม่ใช่แดกแต่เหล้าเล่นแต่outlastอ่ะห่า กูเตือนจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่เเล้ว เคยฟังกูบ้างมั้ยล่ะบักเตี้ย





     

    จงอินนะจ้ะนะ :

    นี่ๆๆๆๆๆๆๆ มาแล้วครับพี่หยอยสายโหด #ผมนี่หมอบก้มกราบ

     

     
     

    แบคฮยอนเหรอเออเเหละกูแบคฮยอนเอง :

    เมื่อวานมึงก็ชวนกูตีดอทมั้ยล่ะห่า เมื่อกี้ด้วย ทำมาสั่งสอน มึงอ่ะตัวดีเลยสัดหย๊อย !





     

     ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    ถ้าจิตมึงตั้งมั่นอยู่ในธรรมมึงก็คงปฎิเสธกูได้อ่ะ





     

    แบคฮยอนเหรอเออแหละกูแบคฮยอนเอง :

    จ้า กูผิดทุกอย่างเลย ตั้งเเต่สากกะเบือยันเรือไททานิคเลยเนี่ย






     

    จงอินนะจ้ะนะ :

    ป๊ามึงรู้ยังอ่ะ ถ้ารู้เเล้วงั้นงานศพมึงกูขอสเต็กไก่พริกไทยดำเป็นอาหารเลี้ยงนะ

    เดี๋ยวกูเป็นเจ้าภาพให้คืนนึง

    รักมากไม่นอกใจ



     

    ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :
    ให้กูช่วยคุยให้มั้ย ? เผื่อว่าป๊ามึงจะไม่หงิดมากจนตัดมึงออกจากกองมรดก


     

    แบคฮยอนเหรอเออแหละกูแบคฮยอนเอง :

    ไม่ทันละมึง ให้กำลังใจกูด้วยนะ กูกำลังเข้าไปในโรงเชือดเเล้ว

     

     


     

    ว่าเสร็จแล้วก็พับเก็บสมาร์ทโฟนราคาแพงลงไปในกระเป๋า เมื่อเงยหน้าก็พบว่าตัวเองได้หยุดยืนอยู่ที่บ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่(ซึ่งเป็นบ้านของผมเอง)แล้ว หลังจากที่ผมได้ไปรับใบเกรดมา พูดแล้วน้ำตาจะไหล อยากจะร้องเพลงเป็นทำนองมอญร้องไห้ซักรอบ เกรดร่วมทั้งสองเทอมของผมเป็นอะไรโคตรจะย่ำแย่ ผมสอบเข้าคณะเภสัช แล้วก็สอบติดซะด้วย ดูเหมือนผมจะไม่ได้สนใจมันซักเท่าไหร่ ไม่สิ ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย งานก็แทบจะไม่ได้ส่ง คาบไหนมีโดดผมโดดแม่งทุกคาบ ผมดูแย่ใช่มั้ยครับ ผมมันแย่จริงๆนั่นแหละ สุดท้ายก็ต้องมาสลดทีหลัง ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าผมจะโดนรีไทร์ แน่นอน หลังจากนั้นผมเข้าไปคุยกับอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย และคำตอบก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง...

     
     

    คุณรู้ใช่มั้ย คณะทุกคณะก็ต้องการคนที่มีความพยายามและมีคุณภาพ นั่นคือสิ่งที่คุณไม่มีเลย ผมให้โอกาสคุณอีกครั้ง ขอให้คุณพัฒนาตัวเอง คุณจะได้ขึ้นปีสอง แต่ คุณจะต้องแก้เกรดเทอมนี้ของคุณให้ได้มากกว่า 3.00ก่อนเปิดเทอม หากคุณทำไม่ได้ ผมเกรงว่า..จำเป็นที่จะต้องเชิญคุณออกจากมหาลัยของเรา ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ มิสเตอร์บยอน

     
     

    เจ็บเหมือนโดนตีแสกหน้าเลยครับ


     

    ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าตัวเองไม่ดีนะ


     

    แต่ผมก็ไม่ได้ตีเด็กเตะหมาท้าผู้หญิงต่อยอ่ะ


     

    รึเปล่าวะ

     


     

    ผมหยุดยืนอยู่หน้าบ้านซักพัก ไม่หรอก นานทีเดียวแหละ .....ก็คนมันทำใจไม่ได้นี่หว่า หรือผมจะหนีออกจากบ้านดี ไม่ต้องกลับบ้านซักสองเดือน หลบไปทำใจก่อนแล้วค่อยกลับมา..... เออ ความคิดกูนี่ใช้ได้

     



     

    ขอโทษนะป๊า ม๊า แต่แบคไม่อยากทำให้ป๊ากับม๊าเสียใจ




    ถ้าแบคตั้งหลักได้เมื่อไหร่แบคจะกลับมานะ


     

     

    ผมหันหลังกลับก่อนจะก้าวขาสั้นๆของตัวเองไปที่ถนนอีกครั้ง

     



     

     

    “อาป๋าย ! ลื้อจะไปไหน ! เข้ามาในบ้านเดี๋ยวนี้นะ”เสียงทุ้มแหบตามวัยที่ดังขึ้นข้างหลังทำเอาผมหมุนตัวกลับแทบไม่ทัน ผมฉีกยิ้มจนตาหยี พลางมองหนังสือสามก๊กเล่มเท่าควายที่อยู่ในในมือของพ่อตัวเอง เหงื่อไหลแม่งซึมไปทั่วทุกอณูรูขุมขนของร่างกายกูละเนี่ย งานหยาบแล้วครับทุกโค้นนนนนนนนนน

     



     

    ผมก้าวขาเข้าบ้านอย่างหวาดๆ เดินผ่านป๊าทีผมนี่เสียวสันหลังเลยครับ หวั่นว่าสันหนังสือสามก๊กของป๊าจะลอยมาอยู่บนหัวผม ป๋ายเซียนเป็นชื่อภาษาจีนของผมเองครับ ชื่อเกาหลีของผมคือบยอนแบคฮยอน แม่ผมเป็นคนเกาหลี พ่อผมเป็นคนเกาหลี ทั้งสองคนแต่งงานกันแล้วก็มีผมขึ้นมากับพี่ชายอีกคนนึง แล้วทั้งสองคนก็เลิกกันเพราะคิดว่าไปกันไม่ได้ พ่อผมรีบหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้านน้ำตานองหน้าเหมือนนางเอกละครเลยครับ 55555555555555555  แม่เล่าให้ฟังแบบนี้ แต่ผมไม่เศร้านะ ถึงทุกคนจะชอบล้อว่าผมเป็นเด็กบ้านเเตกก็เถอะ ผมไม่เคยถือว่ามันเป็นปมด้อยอ่ะ สุดท้ายแม่ผมก็มาตกหลุมรักผู้ชายชาวจีน นั่นก็คือป๊าของผมนั่นเอง ป๊าของผมมีลูกติดอยู่คนนึงชื่อพี่ลู่หาน ตอนแรกผมก็ค้านนะ แต่ทำไงได้ ถ้าแม่มีความสุขผมก็มีความสุข พออยู่ไปนานๆทำให้ผมรู้ว่าทั้งป๊าและพี่ลู่เป็นคนดีมากครับ ปัจจุบันพวกเราแฮปปี้กันมาก แต่ตอนนี้คงไม่แล้วเพราะคุณลู่กำลังจะกระชากวิญญาณของผมด้วยสายตาที่แสนจะโหดเหี้ ย(ม)


     

     

    “ม๊าาาาาา” ผมพุ่งเข้าไปหาคุณแม่ของผมที่กำลังยืนทำอาหารเย็นอยู่ในครัว .............หัวปลา ปังตอ เลือด ดูท่าแม่จะตกใจครับ สับหัวปลากระเด็นเลย………..





     

    เอาเนอะ ถอยออกมาซักก้าวสองก้าว บอกรักแม่ด้วยสายตาก็พอ 




     

    “แบคฮยอน กลับมาเมื่อไหร่เนี่ยลูก คิดถึงจังเลย ปิดเทอมแล้วเหรอ ไปๆไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อน เดี๋ยวแม่ทำข้าวเย็นให้กิน”แม่หันมาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เธอโบกมือไล่ผม ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินออกไปจากครัว

     


     

    “เออ ม๊า แล้วลู่เกอล่ะ แล้วไอ้แบมไม่อยู่อ่อม๊า เห็นบ้านมันไม่เปิด”

     



     

    “พี่ลู่ออกไปทำงานครับ เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ ส่วนแบมแบมไปเรียน เดี๋ยวก็คงมาแล้วแหละ รายนั้นไม่เคยมาช้าหรอก”

     



     

    แบมแบมที่ว่าเนี่ยเป็นเด็กมัธยมที่มาเรียนที่เกาหลีครับ มันเป็นคนไทยนะครับ พูดภาษาเกาหลีสำเนียงจะแปร่งๆหน่อย ตลกด้วย ตัวเตี้ยกว่าผมนิดนึง ทำผมไฮไลท์หน้าม้าชมพู แม่แบมแบมกับแม่ผมเป็นเพื่อนกันตอนเด็กๆ แม่ผมเขาเป็นเพื่อนกับคนทุกประเทศแหละ ไม่ต้องสงสัยหรอก แบมมันก็นิสัยดีนะ ติดตรงที่กวนตีนไปนิดนึง ไอ้เด็กนี่แม่งแสบมากนะแต่ก่อนแม่งเคยเอาแมลงสาบมาโยนในจานข้าวผม ผมแม่งก็ตกใจกรี๊ดลั่นบ้านสิครับ นึกถึงตอนนั้นแล้วกูสยองมาก เดี๋ยว แล้วกูแฉตัวเองไมวะ เออ นั่นแหล๊ะ

     


     

    ผมพยักหน้าให้แม่ก่อนที่จะหยิบห่อเลย์ที่อยู่ในกระเป๋าออกมาแกะกิน 

     



     

    “ป๋าย เกรดออกแล้วใช่มั้ย ป๊าขอดูหน่อย”

     


     

     เคี้ยวได้ไม่ถึงสามคำเลย์ก็พุ่งออกมาเผชิญโลกภายนอกแล้วครับ

     


     

    คำพูดของป๋าครั้งนี้มีพลังทำลายล้างระดับคอมโบเลยนะครับ ...... ทำลายทั้งชีวิตของกูเลยเนี่ย

     

     


     

    ผมกรอกตาขึ้นบนเพดาน กรอกมองทางนู้น กรอกมองทางนี้ เหงื่อเจ้ากรรมก็ดันไหลลงมาเป็นทาง แต่มือนี่ก็ดันยื่นกระเป๋าที่ข้างในมีใบเกรดให้ป๊าไป ...กูเอาคืนไม่ทันล่ะครับ ป๊าหยิบไปแล้วครับ คว้าฟุ่บกระชากฟั่บอย่างกับโจรล้วงกระเป๋าบนรถไฟฟ้า

     


     

    .

    .

    .

    .

     

    ลู่ป๋ายเซียน

     




     

     

    เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเกลียดชื่อภาษาจีนของตัวเอง

     

     

     

    “จ๋า.........”



     .


     

     .


     

     .


     

     .


                 .


                 .



     

    “ลื้อมีคำอธิบายมั้ย ?






     

    "ไม่..ไม่มีจ้า"






     

     

    "งั้นมานี่"ป๊าชี้ลงที่พื้นเป็นสัญญาณบอกว่าให้ผมนั่งลง ผมกลืนน้ำลายลงคออักๆในขณะที่ด้วยตากำลังสอดส่องหาความช่วยเหลือจากแม่ของตัวเองที่กำลังยืนมองอยู่จากในครัว




     

    "นั่งลง ตรงนี้"

     



     

     นี่ เสียงเอสเพรสโซด้วย(เข้ม)





     

    ผมนั่งลงคุกเข่าด้วยท่านั่งแบบเทพธิดาอย่างสงบเสงี่ยม เงยหน้ามองป๊าด้วยสายตาอ้อนๆแบบที่ใช้ประจำ




     

    "อาป๋าย"




     

    "ลื้อกล้าดียังไงถึงทำตัวเหลวแหลกจนโดนเชิญออกแบบนี้ ห๊า !!!!!!"






     

    สันหนังสือเล่มหนามหากาฬในมือของป๊าฟาดลงมาที่หัวของผมอย่างแรงจนมึนไปชั่วขณะ ตามมาด้วยแรงหยิกยิกๆๆๆๆทั่วทั้งร่างกาย แถมยังฟาดหนังสือไปตามตัวผมอย่างแรงชนิดที่ว่าแทบกระอักเลือดอีกต่างหาก





     

    "โอ๊ยๆๆๆๆ ป๊าผมเจ็บๆๆ อย่าหยิกๆๆ ช้ำหมดแล้วๆๆๆๆๆ TTTTTTT________TTTTTTT"






     

    "หัดเจ็บซะบ้างลื้อจะได้จำ ! อั๊วจะตีจนกว่าหนังสือจะซึมเข้าไปในตัวลื้อเนี่ยแหละ !"



     

    ป๊าคิดว่านั่งสือมันจะออสโมซิสเข้ามาอยู่ในสมองผมได้เหร๊ออออออออออ
     






     

    โอ๊ยยยยยยย ป๊าาา ป๋ายเจ็บบ อย่าตี หัวโนแล้วววว อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     







     

    “เฮ้อ อาป๋าย ลื้ออยากจะเรียนจริงๆรึเปล่า ถ้าลื้อไม่อยากเรียนจริงๆอั๊วจะได้ให้ลื้อลาออกแล้วมาช่วยงานอั๊ว” หลังจากที่ป๋านั่งเทศน์ผมราวๆครึ่งชั่วโมงพร้อมกับการตบตีประหนึ่งผมเป็นโสรญาผู้โชคร้าย ผมควรหาหมากฝรั่งเคี้ยวนะ ผมหูอื้ออ่ะ.. หาอะไรมาทาเเขนด้วย ช้ำไปหมดแล้ว ไม่ใช่สิ

     






     

    “ไม่ๆๆๆ ป๊า ป๋ายอยากเรียน”

     





     

    “ลื้ออยากเรียนแล้วทำไมเกรดลื้อมันถึงเป็นแบบนี้ ! ลื้อควรจะมองอาลู่เป็นตัวอย่าง เขามีอนาคตที่ดี ลื้อควรจะเอาอย่างเขาและตั้งใจเรียนบ้าง !” ชายวัยกลางคนถอดหายใจพลางมองชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายต่างสายเลือดอีกคนหนึ่งของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย



     

    .

    .

    .

    .

    .

    .



    “ครับ ผมเข้าใจดี ผมขอโทษครับป๊า ผมจะพยายามกว่านี้ ขอโทษด้วยที่ผมมันไม่ดีเท่าพี่ลู่หานลูกชายเเท้ๆของป๊า”

     



     

    ผมลุกขึ้นก่อนจะค้อมหัวลงเพื่อเป็นการขอโทษในสิ่งที่ผมทำ ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องนอนแทนโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงที่ไล่เรียกชื่อผมตามหลัง ผมเปิดประตูห้องและปิดมันเบาๆ ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ผมไม่ชอบการถูกเปรียบเทียบ ผมไม่ชอบเวลาที่ป๊าทำให้ผมดูเเย่ลงทั้งๆที่ผมก็รู้ดีแล้วว่าผมมันแย่ ไม่ต้องการให้ใครมาสั่งให้ทำอย่างนั้นหรือแบบนี้ 

     




     

    คิดว่าผมจะร้องไห้อ่ะดิ ไม่มีวันหรอก เหอะ

     




     

    ตื่อดึ้ง

     



     

    ผมล้วงสมาร์ทโฟนราดาเเพงในกระเป๋าของตัวเองออกมา สไลด์ฟ้าบๆๆๆๆ อ้อ ไลน์จากไอ้พ่อปาร์คชานยอลนี่เอง

     



     

     ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    เป็นไงมึง




     

    เแบคฮยอนเหรอเออเเหละกูแบคฮยอนเอง :

    ผมนี่เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัวเลยครับสัส หน้าก็สั่น ตัวก็ช้ำ
     

    แล้วก็โดนเอาไปเทียบกับลู่เกอเหมือนเดิม






     

    ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    มึงรู้ป่ะ เภสัชแม่งเรียนยากจะตายห่า

    กูว่ามึงน่าจะรู้อ่ะ  ไม่งั้นมึงคงไม่เลือกเรียนหรอก

    เพราะฉะนั้น เลิกเล่นเกมส์แล้วกลับไปตั้งใจเรียนได้ละ

     

     

    แบคฮยอนเหรอเออแหละกูแบคฮยอนเอง :

    โดนไทร์คือโดนเชิญออกป่ะวะ มึงจะให้กูกลับไปเรียนที่ไหน
     

    คยองกีโดเหรอ ตลกแล้ว ปีหนึ่งใหม่เนี่ยนะ

     

     

    ใครไม่วะพี่ชานวิศวะ :

    มึงอยู่ไหนกูก็ตามไปได้หมดแหละ ชิวๆ หาที่เรียนใหม่ให้ได้เถอะมึง



     

    แบคฮยอนเหรอเออแหละกูแบคฮยอนเอง :
     

    มึงติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวกูเหร๊อ

    ไม่หรอก แค่ลบเอฟให้หมดกูก็รอดเเล้ว จะทันมั้ยนี่อีกเรื่อง




     

     

     

    ก๊อกๆๆ


     

     

    ผมหันควับเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู วางมือจากโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูบานสีขาว สงสัยม๊าเรียกให้ไปกินข้าว ไม่กินได้ป่ะวะ ไม่อยากเจอหน้าป๊าตอนนี้เลยสักนิดนึง พูดตรงๆว่าผมรู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย

     



     

    แกร๊ก..





     

    แต่ก็ใช่ว่าไม่ได้เปิดประตูนะ เดี๋ยวเขาหาว่าไม่มีมารยาท






     

    “ป๋ายป๋าย ไปกินข้าวได้แล้วครับ”เสียงโทนต่ำของผู้ชาย.. ที่ดูทอมๆ(?) ทำเอาผมต้องเงยหน้ามอง ก็ต้องพบกับใบหน้าคมปนหวานนิดๆจมูกเป็นสันโด่งและดวงตากลมโตสุกใสราวกับลูกกวางอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ชายของผม พี่ลู่หาน เขาไปเปลี่ยนสีผมเมื่อไหร่อันนี้ผมไม่รู้ แต่ไม่ได้เจอหน้าตั้งนานแมนขึ้นเยอะ แต่แมนน้อยกว่าผมนิดนึงนะ แล้ว.. พี่ลู่กลับมาเมื่อไหร่หว่า

     




     

    “พี่เพิ่งมาเมื่อกี้แนะ ไปๆ ไปกินข้าวดีกว่า เขารอป๋ายคนเดียวนะ” เหมือนอ่านใจกูออกเลยครับ ผมพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินตามพี่ชายของตัวเองลงไปด้านล่างทั้งๆที่ลืมไปเลยว่าตัวเองได้ก่อวีรกรรมอะไรเอาไว้

     





     

    “พี่แบคสวัสดีค้าบบบ” แบมแบมที่นั่งรออยู่บนโต๊ะยกมือไหว้ผมตามแบบฉบับของการทักทายแบบไทย ผมพยักหน้ารับแบบอึนๆ อันที่จริงผมเคยให้แบมแบมสอนไหว้นะ แต่ว่าแม่งยาก การไหว้ห้าระดับเงี้ย แม่งเยอะไป ไม่ทนอ่ะ ก้มมากแล้วผมปวดหลัง ปวดเเขนด้วย แก่เเล้วหลังมันยอกง่าย ผมหย่อนตัวลงนั่งข้างๆแบมแบม ถัดไปเป็นพี่ลู่ ตรงข้ามแบมแบมเป็นแม่ของผม ตามด้วยป๊าที่เพิ่งมานั่ง ตรงข้ามผมเป๊ะๆ.....

     





     

    ผมตักแกงกิมจิเข้าปากตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ อาหารฝีมือแม่เป็นอะไรที่กินแล้วฟินมาก หลังจากที่ผมได้ห่างหายจากการได้ทานอาหารฝีมือคุณแม่มานานปี ผมอยู่หอไง ไม่ได้กลับบ้านอะไรทำนองนั้น บนโต๊ะไม่มีเสียงพูดคุยใดๆเลย เนื่องจากทุกคนเอาแต่ตั้งใจทานอาหารของตนเอง จนกระทั่งอาหารบนโต๊ะเริ่มพร่องไปเรื่อยๆจนหมด แม่ของผมเริ่มเก็บจานเมื่อเห็นทุกคนอิ่มแล้ว ผมลุกขึ้นช่วยเก็บจานบนโต๊ะ ส่วนคนอื่นๆก็ไปนั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่นแทน ผมเดินออกมาจากครัวหลังจากที่โดนแม่ไล่ มานั่งที่ห้องนั่งเล่นแทน แหม่ บ้านผมแม่งก็อินเทรนด์เนอะ ดูสามีตีตราด้วย สายน้ำผึ้งแม่งกรี๊ดไม่ห่วงสวัสดิภาพคนนั่งดูอย่างกูเลย

     





     

    “อ้อ อาป๋ายๆ”ผมหันหลังไปหาพ่อต่างสายเลือดของตัวเอง ดูเหมือนว่าท่านจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่หน้าก็ยังคงตึงๆอยู่ดีนั่นแหละ

     




     

    “ฮะป๊า ว่าไง” 





     

    “อั๊วจ้างคนมาเป็นติวเตอร์ให้ลื้อได้เเล้วนะ”

     


     

    อ้ออออออ ติวเตอร์นี่เอง นึกว่าอะไร โถ่ป๊า 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

     




     

    ห๊ะ

     

     

    “ติวเตอร์ไรป๊า ป๋ายโตแล้วนะ”ผมยู่ปาก ก่อนจะก้มหัวหลบลูกส้มจีนในมือของป๊าที่ปามาอย่างหมั่นไส้ พี่ลู่กับไอแบมแม่งไม่สนใจผมเลยครับจะอินอะไรขนาดน้านนนนนนนนนนนนนน หน้าพี่ลู่ลุ้นยิ่งกว่าเชียร์แมนยูอีก ไปครับไป เข้าทีวีไปอยู่ข้างๆกะรัตเลยครับ



     

    “ลื้อมันไม่มีอะไรโตซักอย่างเลยอาป๋าย ลื้อมันก็โตแค่อายุ แต่สมองของลื้อมันไม่โตขึ้นเลย ส่วนสูงของลื้อก็ล่วย !

     

     

     

    ฉึก !

     

     

    ว่างเรื่องสมองไม่เท่าไหร่ครับ แต่เรื่องส่วนสูงแบคจะไม่ทน





                ด่าอะไรไม่สะใจทีไรด่าส่วนสูงกูตล๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

     

                “ป๊า ติวเตอร์อะไร ป๋ายไม่เอาไม่ได้อ่ออออ”ผมเริ่มลงเสียงงุ้งงิ้งเหมือนลูกหมา ไถหัวไปตามต้นเเขนของป๊าอย่างออดอ้อน

     



     

                “พี่ว่า ป๋ายติวก็ดีนะ จะได้เรียนรู้ในเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจไง มันดีต่อตัวป๋ายนะ”

     



     

                “แต่ว่า..” ผมเบะปากใส่พี่ลู่ก่อนจะหันหน้าหนี ป๊าถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนจะงัดไม้ตายสุดท้ายขึ้นมา

     



     

     

                 “ถ้าลื้อไม่ติว อั๊วจะยึดอัลบั้มเอพิงค์กับโปสเตอร์TVXQในห้องของลื้อให้หมด แล้วก็จะยึดโทรศัพท์ของลื้อ ตัดเงินค่าขนม ! ไม่ให้อาลู่อีช่วยด้วย”

                                                            



                โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห ถึงกับยืนขึ้น

               



                “ป๊าจะเอาไปดูเองก็บอกมาเหอะ ผมเห็นป๊าแชร์แฟนแคมน้องโชรงในเฟสบุ๊คเต็มไปหมดเลย คิดว่าไม่รู้เหรอ ! ผมไม่ได้โง่นะ !

               



    “ไอ้หยา ! ลื้อพูดแบบนี้ได้ยังไงอาป๋าย ! ถึงอั๊วจะชอบแต่อั๊วก็ไม่ได้อยากจะเอาของๆลื้อมาเก็บไว้หรอกนะ ที่อั๊วทำแบบนั้นเพราะว่าอยากให้ลื้อหันมาเป็นผู้เป็นคนบ้างแค่นั้นเอง !

     



     

    “โหป๊า ทำไมทำแบบนี้อ่ะ แล้วถ้าป๊าตัดเงินค่าขนมผมแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปงานแฟนมีทอ่ะป๊าาาา”

     




     

    “อ้อนี่ลื้อเอาเงินที่อั๊วให้ไปใช้จ่ายกับของพวกนี้เหรอ !!!!!

     







     

    “ป๊าครับ ใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดกัน เดี๋ยวความดันขึ้นอีกนะครับ”ลู่เกอเข้ามาห้ามปราบบิดาของตัวเองที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาหน่อยๆ คุณลู่ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหนื่อยใจพร้อมกับหยิบยาดมขึ้นมาดม

     






     

    “อั๊วอยากให้ลื้อเรียนจบแล้วมีงานทำดีๆเหมือนพี่ชายของลื้อ ไม่ใช่ทำตัวน่าอายแบบนี้ !

     





     

    ผมชะงักกึกกลางอากาศ เหมือนกับว่าดวงตากำลังร้อนผ่าวๆพิกลเมื่อได้ยินแบบนั้น
     

     

     

     

    "..." 






     

    “แค่เรื่องลื้อโดนเชิญออกอั๊วก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอยู่แล้วนะอาป๋าย !!

               





    “ป๊า ! ทำไมป๊าพูดกับน้องแบบนี้ ! ป๋ายครับ เราใจเย็นๆก่อนนะ..”พี่ลู่หานพยายามยื่นมือมาแตะตัวของผม แต่ผมกลับถอยออกมาด้วยท่าทีนิ่ง นิ่งจนไม่มีใครคิดว่าผมกำลังคิดอะไรหรือกำลังจะทำอะไร และดูเหมือนว่าป๊าจะรู้ตัวเเล้วว่ากำลังพูดอะไรลงไป

     



     

    “สิ่งที่ผมทำ.. มันทำให้ป๊าอับอายมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ?”

     


     

    “อาป๋าย ที่อั๊วพูดมันไม่ใช่แบบนั้น”ป๊าเริ่มผ่อนเสียงลงเมื่อได้ยินเสียงที่ขาดห้วงเหมือนคนสติหลุดของผม 

     


     

    ผมเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อนที่ป๊าจะอธิบายต่อ ประจวบเหมาะกับตอนที่แม่ของผมเดินเข้ามาข้างในพอดี แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะรู้สึกยังไงหรืออะไรก็ตาม 

     


     

    “ถ้าหากว่าผมทำตัวแบบนี้ ทำให้ป๊า ม๊า ทำให้ทุกคนไม่สบายใจหรืออับอาย ผมก็ยินดีที่จะไม่ใช้นามสกุลลู่”

     


     

    “ลู่ป๋ายเซียน !”ผมหลับตาลงเมื่อฝ่ามือของคุณลู่กำลังเงื้อขึ้นแล้วทำท่าจะฟาดลงมาที่แก้มของผม แต่ลู่เกอเป็นคนจับมือป๊าเอาไว้

     


     

    ผมกำมือแน่นจนทั้งฝ่ามือซีดขาว มีท่าทีที่นิ่งสงบมากทั้งๆที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกจุกอก ทั้งความน้อยใจและความเสียใจ ในขณะที่ทุกคนกำลังช็อคในสิ่งที่ผมพูดออกไป ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่

     


     

    “ผมไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดอีกแล้ว ผมขอตัว”

     


     

    ผมหันไปมองใบหน้าแม่ของตัวเอง พูดประโยคสั้นๆออกไปทั้งๆที่กำลังยิ้มอยู่

               



    “แบครักม๊านะ”

     



     

    แล้วผมก็เดินออกไป ออกไปจากห้องนี้ ไม่สนว่าใครจะเรียกให้ผมเดินกลับมา ในหัวผมมันไม่มีอะไรเลยในตอนนี้ ผมไม่พร้อมที่จะคุยกับใคร ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ มันไม่ใช่ความโมโห แต่มันคือความอัดอั้นที่อยู่ในใจ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรหรือพูดอะไรออกไปอีกเพื่อนที่จะทำให้มันเเย่กว่าเดิม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่จะร้องไห้หรือไม่ในตอนนี้ แต่ตราบใดที่มีครอบครัวอยู่ ผมคิดว่าท่านคงไม่เป็นไร
     




     

    เพราะไม่ว่ายังไง สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้อยู่ดี



     

    โดยที่ไม่กล้าแม้เเต่จะหันกลับไปอีก

     




     

    ผมอยากพูดคำว่าขอโทษเป็นพันคำที่ทำให้พวกท่านผิดหวัง แต่ทุกๆอย่างมันกลับพังไปหมดด้วยการถูกเปรียบเทียบเพียงครั้งเดียว

     



     

    พอแล้ว

     




     

    ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้นเรื่อยๆ




     

     

    น่าแปลก




     

     

    ผมกำลังรู้สึกแย่ทั้งๆที่นี่ไม่ใช่หน้าฝน

     

    .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .







     

    ให้ตายเถอะ นี่กูกำลังจะไปที่ไหนวะ







     

    ผมทิ้งตัวนั่งลงบนบนเก้าอี้ยาวตรงป้ายรอรถเมล์หลังจากที่เดินออกมาจากบ้านอย่างไร้จุดหมาย ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ตรงไหนหรืออยู่ที่ไหน แค่เดินๆมาก็เจอป้ายรถเมล์ ตอนนี้ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ออกมาตอนนี้กูมีแค่เสื้อผ้ากับเป้าหน้าหล่อๆแล้วก็อวัยวะทั้งสามสิบสองเท่านั้นเอง ดีแค่ไหนแล้วที่กูไม่วิ่งออกมาตีนเปล่าแบบฮันคังอูใน It’s Okay that’s loveอ่ะ ให้ตายเถ๊อะ อย่างน้อยก็ควรจะหยิบโทรศัพท์หรือเสื้อผ้าออกมาบ้างมั้ยล่ะ โทษใครล่ะ โทษกูนี่ไงครับ มึงหล่อมากมั้ยเนี่ยวิ่งออกมาแบบนี้เนี่ยหื้อ






     

    “แล้วจะไปไหนต่อวะแบคฮยอน มึงจะไปไหนต่อๆๆๆๆๆๆ”





     

    จะไปหาชานยอลกับจงอินหรือคยองซูก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันถามมาก ที่สำคัญพวกเขา(ป๊ากับลู่เกอ)ต้องไปตามหาผมที่หอแน่ๆ หาหรือไม่ก็ช่างเถอะ เดาไว้ก่อน เอาเป็นว่าผมควรจะ จะ ...








     

    “จะให้กูนอนที่ป้ายรถเมล์แบบนี้เหร๊อออออออออ”




     

     

    ผมตะโกนลั่นอย่างไม่อายใคร ใบหน้าชื้นเหงื่อไปหมดถึงเเม้อากาศจะเย็นก็ตาม ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไงต่อไปในตอนนี้ ผมควรจะไปที่ไหนหรือทำอะไร เรียนต่อเหรอ ? แล้วจะหาเงินมาจากที่ไหนล่ะ ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนี้คือที่ไหน







     

    ระหว่างที่ผมกำลังเงยหน้าคิดถึงชะตากรรมของตัวเองอย่างทุกข์ระทม จู่ๆอะไรบางอย่างตรงหน้าก็ทำให้ผมหันกลับมามอง




     
     

    ผู้ชายคนนึงที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขาดๆกับเสื้อยืดหนึ่งตัวที่หน้าตาแสนจะไม่คุ้นตา แถมดวงตาสีสนิมคู่นั้นยังจ้องมองมาที่ผมชนิดที่ว่าไม่ละสายตา ผมจ้องหน้าเด็กผู้ชาย(ที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า)ตรงหน้าอย่างไม่วางตาเช่นกัน






     

    สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มออกมาจนตาทั้งสองข้างนั่นจะหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวทรงคว่ำ วูบหนึ่งผมก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างเกิดขึ้นในอกข้างซ้ายจนต้องจับมันไว้ เด็กหนุ่มตรงหน้ายื่นมือที่ยื่นออกมาหาผมพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยถึงประโยคคำถามหนึ่งประโยค









     

    “ไปอยู่กับผมมั้ย ?”
     





     

    ในเรี่องโชคร้ายหนึ่งเรื่องใหญ่มักจะมีเรื่องแปลกๆเสมอสินะ
     



     

    "ห๊ะ ..............................."



     

     




    .

     


     

    TBC.
     

     


     

    #กรรณิการ์

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
    นนนนนนนนนนนนนนน
    /วิ่งรอบบทความเป็นอิบ้า
    #ฟตตฮบ

    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×