คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3
บทที่3
วันนี้นัฐมนตื่นเช้ากว่าปกติอาจจะเพราะว่าเมื่อคืนเธอเข้านอนเร็วกว่าปกติ อีกทั้งยังไม่ชินกับสถานที่จึงทำให้เธอนอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน พอเช้าเธอจึงรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินออกมายังริมระเบียง
หญิงสาวเดินไปเกาะที่ลูกกรงระเบียงพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด บรรยากาศยามเช้าของที่นี่เย็นสบายมีสายลมเอื่อยๆ พัดโชยมาให้ความรู้สึกสดชื่น หมอกยามเช้าลงเพียงบางเบาทำให้มองเห็นทัศนียภาพอย่างชัดเจน บริเวณพื้นด้านล่างมีน้ำค้างเกาะอยู่ที่ใบหญ้าเต็มไปหมด เมื่อกระทบแสงอาทิตย์จึงเกิดประกายแสงระยิบระยับ
บ้านหลังนี้ยิ่งได้มองชัดๆ ยิ่งสวยงาม รอบๆบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ต่างแข่งกันชูช่อเพื่ออวดโฉมความงาม เมื่อมองออกไปที่ต้นพวงชมพูที่ปลูกอยู่รอบตัวบ้านซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้ว่าเป็นรั้วบ้าน ชวนให้คิดถึงเมื่อตอนเด็กๆ ที่เธอชอบเอามาโปรยไว้รอบห้องนอน แล้วสมมติให้ตนเป็นนางฟ้า จนโดนแม่ดุเอาบ่อยๆ
“ตื่นเช้าจังเลยนะครับน้องนัฐ” เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้หญิงสาวรีบหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นธีธัชยื่นแก้วโอวัลตินมาให้ หญิงสาวจึงจำต้องยื่นมือออกไปรับ
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณธีก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ” พูดจบนัฐมนก็ดื่มโอวัลตินเข้าไปอึกใหญ่
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เดินมาเกาะราวระเบียงข้างๆ หญิงสาว แล้วมองยังออกไปบริเวณรอบๆ บ้าน
ก่อนจะหันมาทางหญิงสาว
“ชอบที่นี่รึเปล่าครับ”
“ชอบค่ะที่นี่สวยมากๆ เลย ได้ยินพิณบอกว่าคุณออกแบบเอง”
“ใช่ครับ แต่ก็แค่หลังนี้หลังเดียวเท่านั้นล่ะครับ”
“อ้าวทำไมล่ะคะ คุณก็ออกแบบสวยนี่นา” นัฐมนถามออกมาอย่างสงสัย
“คือผมคิดอยากจะมีบ้านอย่างนี้ บ้านที่ปลูกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะครับพอเข้า
มหา’ลัยผมก็เลยลองออกแบบบ้านลักษณะต่างๆ แล้วก็ถูกใจบ้านหลังนี้ที่สุด พอคุณพ่อทำรีสอร์ทผมก็เลยเอาแบบบ้านที่ผมเคยร่างไว้มาสร้างน่ะครับ” กล่าวจบชายหนุ่มก็หันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาว ซึ่งทำให้นัฐมนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเพราะกำลังจ้องหน้าชายหนุ่มอยู่
“นี่แอบมาคุยกันสองคนไม่ชวนกันเลยนะ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตของหญิงสาวเพราะยิ่งชายหนุ่มมอง เธอก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก เมื่อธีธัชหันไปมองทางที่มาของเสียงนัฐมนจึงลอบถอนหายใจออกมาโดยไม่ไห้คนข้างตัวได้ยิน
“อ้าวพิณทำไมวันนี้ถึงตื่นเช้าได้ล่ะ”
“โอย พิณก็ตื่นเวลานี้เป็นประจำแหละค่ะ” เพียงพิณว่าพลางหันไปมองนัฐมนที่ยืนส่งยิ้มมาให้เธอจากทางด้านหลังธีธัช
“นัฐ ทำไมเธอตื่นเช้าจัง เมื่อวานนั่งรถมาเหนื่อยๆ เรานึกว่าเธอจะนอนซะอีก”
“เมื่อคืนเรานอนเร็วน่ะเลยตื่นแต่เช้าหน่อย”
เพียงพิณพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันมาทางพี่ชาย
“พี่ชายคะวันนี้ว่างรึเปล่า” เมื่อเห็นว่าธีธัชพยักหน้าจึงรีบกล่าวต่อทันที “งั้นวันนี้พี่ชายช่วยเป็นไกด์พานัฐเดินชมรอบๆ รีสอร์ทละกันนะคะ พอดีว่าพิณติดธุระต้องเข้าไปดูงานในเมือง แต่ว่าพิณนัดกับนัฐไว้แล้วพิณไม่อยากผิดสัญญา” เมื่อเห็นว่านัฐมนกำลังจะค้านเพียงพิณจึงรีบโบกมือลา “ไปแล้วนะคะ บ๊ายบายนัฐพิณไปก่อนนะ เดี๋ยวจะสาย” กล่าวจบเพียงพิณก็วิ่งลงบันไดบ้านไปทันที
นัฐมนมองตามเพื่อนไปอย่างงงๆ เธอไปนัดหมายกับเพียงพิณไว้เมื่อไหร่ว่าจะให้พาชมรีสอร์ท แล้วทำไมเพื่อนของเธอจะต้องรีบไปขนาดนั้ก็ในเมื่อตอนี้เพิ่งจะ 6 โมงเช้าเอง และที่สำคัญถ้าเพียงพิณไม่ว่างทำไมจะต้องให้ธีธัชพาไปด้วย ถ้าจะพาไปเที่ยวชมรีสอร์ทไปวันหลังช่วงที่เพื่อนของเธอว่างก็ได้นี่นา
“ยัยพิณนี่เป็นอะไรกันนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเข้าไปดูแลงานที่โรงแรมในตัวเมืองซักที แล้วเมื่อวานก็เข้าไปมาแล้วนี่นา ทำไมจะต้องไปอีก” ธีธัชกล่าวออกมาอย่างงงๆ เมื่อเพียงพิณวิ่งออกจากรั้วบ้านไปแล้ว
“แล้วน้องนัฐจะไปเที่ยวชมรีสอร์ทตอนกี่โมงล่ะครับ แต่ผมว่าไปตอนช่วงเช้าดีกว่าแดดจะได้ไม่แรง”
ธีธัชหันมากล่าวกับนัฐมน
“แล้วแต่คุณธีเถอะค่ะ ว่าแต่วันนี้คุณธีว่างจริงๆ เหรอคะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ” นัฐมนพูดอย่างเกรงอกเกรงใจกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาทำงานของธีธัช และเธอก็ไม่แน่ใจด้วยว่าชายหนุ่มจะรำคาญเธอรึเปล่าที่เธอต้องมาเป็นภาระให้กับเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับวันนี้ผมว่างทั้งวัน งั้นเราไปตอน 8 โมงเช้าละกันนะครับแดดอ่อนๆจะได้ไม่ร้อน แล้วนักท่องเที่ยวมาพักก็ไม่เยอะด้วย” หลังจากที่ธีธัชนัดหมายกับหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว ก็ขอตัวไปสั่งงานกับลูกน้อง
ทำไมเขาจะต้องไปบอกว่าว่างทั้งวันด้วยนะ ก็ในเมื่อวันนี้เขามีงานมากมายกองอยู่บนโต๊ะ แล้วตอนช่วงเย็นๆ เขาก็มีนัดแล้วด้วย อาจจะเพราะน้องสาวขอร้องล่ะมั้ง เขาเลยไม่อยากขัดใจและเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีเวลาได้อยู่ใกล้หญิงสาวคนนั้น นัฐมน เธอผู้ที่ทำให้เขาตื่นแต่เช้าเพื่อมาคุยกับเธอ เพราะว่าธรรมดาแล้วเขาจะตื่นสายกว่านี้ แต่พอได้ยินเสียงจากห้องของเธอกลับทำให้เขาลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว และบอกให้แม่บ้านชงโอวัลตินเพื่อเอามาให้เธอ คงจะเพราะเขาเอ็นดูและรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้เธอล่ะมั้ง เขาคงคิดอย่างอื่นไม่ได้หรอกก็เธอเป็นเพื่อนน้องสาวนี่นา ชายหนุ่มคิดพลางเดินลงบันไดไป
“เราจะไปที่ไหนกันก่อนดีครับ” ธีธัชถามเมื่อทั้งสองเดินออกมาพ้นจากบริเวณบ้านแล้ว
พอธีธัชกลับมาถึงบ้านก็พบว่าหญิงสาวกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ริมระเบียง หลังจากชายหนุ่มอธิบายสถานที่ต่างๆ ของรีสอร์ทอย่างคร่าวๆ สองหนุ่มสาวก็พากันเดินออกมาจากบ้าน
“นัฐอยากไปดูกุหลาบพันปีค่ะ” ที่เธออยากไปดูเพราะธีธัชบอกว่าต้นกุหลาบพันปีส่วนมากจะพบได้ที่ยอดดอยสุเทพ แต่ที่ด้านหลังรีสอร์ทก็มีอยู่ต้นนึง มีอายุประมาณ 70 ปี และช่วงนี้กุหลาบพันปีกำลังออกดอกพอดี
“แต่มันไกลหน่อยนะครับคงจะต้องเดินไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เพราะว่าเราเอารถเข้าไปไม่ได้ เราเดินไปพลางก็ชมธรรมชาติไปด้วยคงจะไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่” ชายหนุ่มว่าพลางผ่อนฝีเท้าลงเพื่อให้หญิงสาวเดินทัน
“แต่นัฐว่ามินคงจะกินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแน่ๆ เลยค่ะ เพราะนัฐน่ะเดินช้า แถมยังเหนื่อยง่ายจะต้องคอยหยุดพักบ่อยๆ ” นัฐมนกล่าวออกมาพลางหันมาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วระหว่างทางก็จะมีจุพักที่ทางรีสอร์ทเราทำไว้สำหรับนักท่องเที่ยวพักค่อนข้างเยอะทีเดียว”
ทั้งสองเลี้ยวลงไปตามทางที่มีลูกศรบอกทางเขียนไว้ว่า ‘จุดชมวิวและกุหลาบพันปี’ ชี้บอก
“คุณธีคะถนนสายนี้โรยกรวดจนถึงจุดชมวิวเลยรึเปล่าคะ” นัฐมนถามออกมาอย่างสงสัยเมื่อเดินมาได้ซักพัก
“ครับ เราโรยกรวดไว้เพื่อให้เดินได้สะดวกน่ะครับ”
นัฐมนพยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆ ทั้งสองข้างของถนนสายเล็กๆ นี้เต็มไปด้วยต้ไม้นานาชนิดที่ขึ้นเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่นช่วยบดบังแสงแดดไม่ให้ส่องลงมายังพื้นดิน ทำให้บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย ซึ่งหาดูได้ยากมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากมนุษย์เราตักไม้ทำลายป่ากันมาก อีกทั้งเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ต้นไม้ลดจำนวนลงเป็นจำนวนมากภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี แล้วผลที่ตามมาก็คือภัยธรรมชาติที่รุนแรง จนหญิงสาวเกรงว่าในอนาคตเยาชนรุ่นหลังจะสามารถเห็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ได้อีกรึเปล่า ถ้าเราทุกคนไม่ช่วยกันรักษาไว้
“ต้นไม้ที่นี่เยอะจังเลยนะคะ แล้วก็กว้างมากด้วย ไม่เหมือนกับรีสอร์ทที่อื่นๆ ที่นัฐเคยเห็น ส่วนมากจะไม่ค่อยมีต้นไม้ แถมยังเล็กนิดเดียว แล้วก็ไม่มีจุดชมวิว สัตว์ต่างๆ หรือน้ำพุร้อนเหมือนกับที่นี่” นัฐมนกล่าวออกมาอย่างแปลกใจ
“ครับ ที่รีสอร์ทของเราแปลกกว่าที่อื่นๆ ก็เพราะว่าเราทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย น้องนัฐคงจะไม่เคยได้ยิน เพราะรีสอร์ทบ้านปีกไม้เพิ่งจะเปิดมาได้แค่2ปีกว่าเอง แล้วที่ดินผืนนี้ก็เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยคุณทวดด้วยนะครับ เราเห็นว่าที่นี่บรรยากาศดีมีสถานที่สวยงามเยอะ เราก็เลยตกลงใจทำเป็นรีสอร์ท แล้วก็ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย” ชายหนุ่มผ่อนฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่านัฐมนเริ่มหอบเล็กน้อย “น้องนัฐเหนื่อยแล้วเหรอครับ เดี๋ยวเดินอีกแป๊บเดียวก็จะถึงจุดพักแล้วล่ะคนับ”
“นัฐนี่แย่จังเลยนะคะเดินแป๊บเดียวก็เหนื่อยซะแล้ว สงสัยกลับไปนัฐคงต้องหาเวลาไปออกกำลังกายแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าน้องนัฐอยากออกกำลังกายไปวิ่งรอบๆ รีสอร์ทกับผมก็ได้ครับ เพราะถึงยังไงผมก็ออกไปวิ่งทุกเช้าอยู่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยชักชวน ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกหกไปอย่างนั้นด้วย เพราะที่จริงแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้ไปวิ่งซักเท่าไหร่ เขารู้เพียงแค่ว่าเมื่ออยู่ใกล้หญิงสาวแล้วเขารู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษและรู้สึกสบายใจ
“ไม่ดีกว่ามั้งคะ นัฐน่ะเหนื่อยเร็ว วิ่งแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เหนื่อย เดี๋ยวคุณธีก็ไม่ได้ออกกำลังกายกันพอดี เพราะจะต้องมาเดินเป็นเพื่อนกับนัฐ” พอนัฐมนกล่าวจบก็เดินไปเก็บดอกพะยอมที่หล่นเกลื่อนกลาดตามพื้นถนน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีซะอีกจะได้มีเพื่อนคุย” ชายหนุ่มว่าพลางเดินเข้าไปช่วยเก็บดอกไม้ใส่มือหญิงสาว
“นี่ดอกอะไรคะ ดอกเล็กๆ น่ารักจังเลย และหอมมากด้วย” นัฐมนถามชายหนุ่มพลางยกดอกไม้ขึ้นแตะจมูก
“ดอกพะยอมน่ะครับ ท่าทางน้องนัฐจะชอบดอกไม้นะครับเห็นที่ไหนก็เก็บ อีกทั้งพอให้เลือกว่าอยากไปที่ไหนก็ยังเลือกไปดูดอกกุหลาบพันปี”
“ค่ะ นัฐชอบดอกไม้ที่สุดเลย เวลาเห็นดอกไม้แล้วนัฐจะอารมณ์ดี ยิ่งดอกไม้หอมๆ นะคะนัฐยิ่งชอบ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มจึงลุกตาม จากนั้นทั้งสองก็เดินไปด้วยกันบนถนนโรยกรวด
“มิน่าล่ะวันนั้นถึงได้ตามกลิ่นจนไปเจอดอกปีบ” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะพลางช่วยหญิงสาวถือดอกไม้
นัฐมนหน้าแดงขึ้นมาทันที พูดถึงเรื่องนี้ทีไรเธอมักจะอายทุกที ก็เธอเล่นเดินเข้าไปในบริเวณบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อนนี่นาทั้งยังโดนจับได้อีก หญิงสาวจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินไปยังจุดพักด้านหน้า ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาชอบเวลาที่เธออายดูน่ารักดี แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบเดินตามหญิงสาวไป เมื่อเห็นว่าเธอเดินใกล้จะถึงจุดพักแล้ว
เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงหญิงสาวจึงหันมาถามด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่เหลือความเขินอายเมื่อซักครู่แม้แต่น้อย
“ทำไมจุดพักแปลกจังเลยคะมองมาจากที่ไกลๆ เหมือนดอกไม้ที่บานเต็มที่แล้ว” หญิงสาวพูดพลางมองดูจุดพักที่ด้านบนคลุมด้วยหญ้าทำเหมืนกลีบดอกบานบุรี บานโค้งลงมาเล็กน้อย ที่เสาหลักตรงกลางทำเป็นก้านดอก มีที่สำหรับวางสิ่งของเป็นวงกลมล้อมรอบเสาไว้ ส่วนที่นั่งทำมาจากไม้ที่ตัดขวางทำเป็นทรงกระบอกเตี้ยๆ
“อยากจะทำอะไรที่แปลกออกไปน่ะครับ ไม่อยากให้ไปเหมือนกับใครแล้วรูปทรงแบบนี้ก็เข้ากับธรรมชาติด้วย”
“มีความคิดสร้างสรรค์จังเลยนะคะ นัฐชอบมากๆ เลย แล้วที่อื่นๆ เหมือนกันหมดรึเปล่าคะ” นัฐมนคอยฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ จนทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมา
“ไม่เหมือนกันหรอกครับ จุดพักแต่ละที่จะทำเป็นดอกไม้แต่ละชนิด”
นัฐมนเสมองออกไปด้านนอก รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอคงจะแสดงท่าทางอะไรเพี้ยนๆ ออกไปแน่ๆเลยถึงทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาได้ คิดมาถึงจุดนี้เธอก็รีบลุกขึ้นชวนชายหนุ่มเดินต่อไปทันที
ระหว่างทางหญิงสาวไม่ค่อยพูดอะไรกับชายหนุ่มมากนัก เพียงแค่หันมาตอบคำถามชายหนุ่ม หรือไม่ก็ซักถามอะไรนิดหน่อย จะมีน้อยครั้งนักที่เธอจะถามอะไรซอกแซก
ธีธัชยิ้มกับตนเอง หญิงสาวคงจะอายเขาซินะที่เขาหัวเราะท่าทางเอาจริงเอาจังของเธอ ก็จะไม่ให้เขาขำได้ยังไงในเมื่อเธอจ้องเขาตาไม่กระพริบรอฟังคำตอบ แต่ต่อไปเขาจะพยายามไม่หัวเราะเธอแล้วเพราะตลอดทางเธอไม่ค่อยพูดมาก เขาชอบที่หญิงสาวซักถามเรื่องต่างๆ กับเขามากกว่า ชายหนุ่มคิด เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวจะขี้อายมากขนาดนี้
ความคิดเห็น