คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2
บทที่2
เมื่อนัฐมนเดินกลับมาถึงรถก็พบเพียงพิณกำลังเดินตามหาตนเองอยู่ หญิงสาวจึงรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเพื่อน ก็พอดีกับที่เพียงพิณหันกลับยังเธอพอดี พลันก็ทำให้รอยยิ้มของผู้ตามหากระจ่างขึ้นมาทันที แล้วก็ตามมาด้วยสายตาตำหนิที่ส่งมายังหญิงสาว
“นัฐ โอย เราตามหาเธออยู่ตั้งนาน นึกว่าหายไปกับความมืดซะแล้ว เราเข้าไปแค่ไม่กี่นาทีออกมาก็พบแต่รถ เพื่อนเรากลับไม่อยู่ คิดว่าไปเดินเล่นแต่พอเดินหาก็ไม่เจอถามใครก็ไม่มีใครเห็นซักคน รู้มั้ยเราเป็นห่วงแทบแย่ จะไปไหนไกลก็ไม่บอกกันบ้างเลย” เพียงพิณกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“เราขอโทษนะ” น้ำเสียงรู้สึกผิด อีกทั้งแววตาก็ฉายแววขอโทษอย่างชัดเจน
เธอมักจะใจอ่อนเสมอยามเพื่อนมองสบมาด้วยสายตาสำนึกผิด เมื่อกล่าวออกไปน้ำเสียงจึงอ่อนลงตามไปด้วย “เฮ้อ เราแพ้สายตาสำนึกผิดของเธออีกแล้วเหรอเนี่ย” ว่าแล้วเพียงพิณก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทำให้หญิงสาวอีกคนลอบยิ้มออกมา “ว่าแต่เธอไปไหนมาล่ะ”
“ตอนแรกเราก็เดินเล่นอยู่แถวๆ นี้นี่แหละ ซักพักเราก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมมากๆ เลยนะ เราเลยลองเดินตามกลิ่นไปเรื่อยๆ ก็พบต้นดอกปีบใหญ่มากอยู่ข้างๆ บ้านปีกไม้”พูดจบหญิงสาวก็ยื่นดอกไม้ที่ตนเองถือไว้ในมือให้เพื่อน
“ดอกปีบเหรอ อืมที่นี่ก็มีอยู่หนึ่งต้นนะอยู่ข้างๆ บ้านพี่ชายเรา”เพียงพิณเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้มาจากมือเพื่อน แล้วก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนอย่างตกใจ “เธอไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่รู้ซิเราเดินไปเรื่อยๆ ก็เหนื่อยพอดูเลยล่ะ”หญิงสาวพูดพลางทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมกลัวจะโดนดุอีกรอบ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ “พี่ชายเธอพักอยู่ที่นี่เหรอ”
“ก็ใช่น่ะซิที่นี่น่ะรีสอร์ทพี่ชายเราเองนะ ถ้าไม่พักที่นี่จะไปพักที่ไหนล่ะ”
“ก็ไม่รู้ซิ เรานึกว่ามีแต่เธอที่อยู่นี่นา เออนี่ว่าแต่ตั้งแต่เรียนมาด้วยกันเรายังไม่เคยเห็นพี่ชายเธอเลยนี่นาแล้วอยู่ๆ ทำไมเธอถึงมีพี่ชายล่ะ รึว่าเป็นญาติกัน”
“อ๋อเราลืมบอกไป คือคนละแม่น่ะ ที่เธอไม่เคยเห็นคงจะเป็นเพราะว่าพี่ชายเราเกิดและโตอยู่ที่อังกฤษ บ้านเกิดของแม่พี่ชายเราน่ะแหละ เมื่อ 2 ปีก่อนพอดีว่าคุณน้าเสีย คุณพ่อเลยบอกให้พี่ชายมาอยู่ที่นี่เพราะที่นั่นก็ไม่มีใครท่านกลัวว่าพี่ชายจะเหงา แล้วคุณพ่อก็อายุมากแล้วด้วย ลูกชายก็มีอยู่แค่คนเดียวเลยอยากให้กลับมาอยู่ใกล้ท่าน มาดูแลกิจการของท่านด้วย จะให้เราทำคนเดียวก็ไม่ไหว เราต้องดูแลโรงแรมในเมืองด้วย” กล่าวจบเพียงพิณก็ออกเดินนำหน้าเพื่อนสาวไปยังบ้านพัก โดยมีพนักงานถือกระเป๋าตามหลังมาอย่างรู้หน้าที่
“อ้าวเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดหรอกเหรอ“ นัฐมนกล่าวอย่างแปลกใจ
“ไม่หรอกบางทีเราก็ต้องเข้าไปดูโรงแรมในตัวเมืองบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็คุณพ่อนี่แหละที่ดูแลเอง พี่ชายเราก็บอกนะว่าอยากให้ท่านพักบ้าง แต่คุณพ่อน่ะกลัวพี่ชายเหนื่อยเกินไป ดูซิคุณเรารักพี่ชายขนาดไหน ต่อไปสงสัยจะลืมเราแล้วมั้ง” เพียงพิณพูดอย่างอารมณ์
นัฐมนพลอยยิ้มตามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าเพื่อนของเธอก็รักพี่ชายมากเหมือนกัน
“อ้าวนี่ถึงแล้ว สวยใช่มั้ยล่ะพี่ชายเราออกแบบเองกับมือเลยนะเนี่ย พี่ชายเราบอกว่าอยากได้บ้านที่เป็นส่วนตัวหน่อยไม่อยากวุ่นวายกับใคร พี่ชายเราไม่ชอบคนเยอะๆ น่ะ แล้วพี่ชายเราก็ชอบบรรยากาศที่นี่ด้วย บ้านพี่ชายเราก็เลยอยู่ลึกหน่อย” แล้วเพียงพิณก็ต้องแปลกใจเมื่อหันกลับมาเห็นเพื่อนยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายกับโดนมนต์สะกด แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกคือรอยยิ้มสดใสที่ตั้งแต่เพื่อนของเธอมาที่นี่เธอยังไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้ของเพื่อนเลย มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบสว่างสดใส จนทำให้เพียงพิณอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“เราจะได้พักที่นี่จริงๆ เหรอ” นัฐมนพึมพำออกมาคล้ายจะพูดกับตนเองมากกว่าจะพูดกับเพื่อน แล้วเหมือนจะคิดอะไรได้จึงรีบหันมาถามเพื่อนที่ตอนนี้กำลังบอกให้คนถือกระเป๋านำกระเป๋าเข้าไปเก็บในบ้าน ”นี่พิณแล้วพี่ชายเธอล่ะ ไม่ได้พักที่นี่หรอกเหรอถึงได้ให้เรามาพักที่นี่ ”แล้วหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อน ซึ่งเพื่อนของเธอมักจะยิ้มเช่นนี้เสมอยามที่มีแผนการอะไรบางอย่างภายในใจ หญิงสาวก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนของเธอคงจะไม่ได้คิดวางแผนจะให้เธอทำอะไรหรอกนะ
“อ๋อพี่ชายเราน่ะเหรอก็พักที่นี่แหละ” เมื่อเห็นนัฐมนทำหน้าเหรอหราจึงรีบกล่าวเสริมต่อไป “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่ต้องเกรงใจพี่ชายเราหรอก อีกอย่างพี่ชายเราก็กลับดึกด้วย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคือว่า ถ้าเธอเข้าไปทำธุระแล้วต้องนอนค้างในเมืองล่ะ เราก็ต้องอยู่บ้านกับพี่ชายเธอแค่ 2 คนน่ะซิ แล้วทีนี้เราจะทำไงล่ะ เราไม่ได้สนิทกับพี่ชายเธอซะหน่อย” นัฐมนพูดอย่างหวั่นใจ ใช่ว่าเธอจะกลัวผู้ชาย แต่ถ้าอยู่กันสองต่อสองเธอก็ต้องคิดถึงความปลอดภัยของตนเองไว้ก่อน
“เอาอย่างนี้ละกัน ถ้าเรามีธุระเธอไปค้างกับเรา หรือไม่เราจะบอกพี่ชายไปนอนที่อื่นแทนละกัน”
“แต่นี่บ้านพี่ชายเธอนะ”
“เชื่อเราเถอะน่า ไม่เป็นอะไรหรอกพื่ชายเราไม่ว่าหรอก แล้วอีกอย่างช่วงนี้เราก็ไม่ได้ไปธุระที่ไหนอยู่แล้ว”
“อืม เราว่าให้มันเกิดก่อนค่อยว่ากันอีกทีละกัน เรานี่ก็คิดมากจัง” ว่าแล้วนัฐมนก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินเข้าบ้านไปก่อนจะหันมาเร่งเพื่อนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นทำให้นัฐมนต้องวางมือจากการจัดเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปเปิดประตู แล้วหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อเปิดประตูออกมาเจอเพื่อนกำลังยืนส่งยิ้มมาให้อย่างอารมณ์ดี
“ไปกินข้าวกัน” ว่าแล้วก็ฉุดมือเพื่อนสาวของตนออกไปจากห้องทันที
“นี่จะรีบไปทำไมกัน” ถึงจะบ่นออกไปอย่างนั้น แต่เท้าก็ยังก้าวอย่างรวดเร็วตามแรงฉุดของเพื่อน
“เรามีคนจะแนะนำให้รู้จัก รู้มั้ยเธอโชคดีมากเลยนะที่ได้เจอทั้งๆ ที่เพิ่งจะมาพักวันแรกแท้ แถมยังได้รับเชิญให้ทานมื้อเย็นอีกด้วย” เพียงพิณกล่าวอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พลางก็ผ่อนฝีเท้าลงเมื่อเห็นเพื่อนเริ่มหอบเล็กน้อย “อะไรกันเดินแค่นี้ก็เหนื่อยซะแล้ว คงจะไม่ออกกำลังกายเลยล่ะซิท่า ไม่เปลี่ยนเลยนะยัยนัฐมน” แล้วเพียงพิณก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเพื่อนหันมาค้อนให้วงใหญ่พร้อมทั้งปล่อยมือจากนัฐมนเพื่อไปขยี้ผมแทน
“ก็รู้นี่นายังจะพาเราเดินเร็วอีก” เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเพื่อนของเธอเริ่มงอนแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกทีซิน่า ล้อเรื่องออกกำลังกายทีไรโกรธทุกทีถึงเธอจะรู้แต่ก็ยังนำเรื่องนี้มาแกล้งเพื่อนบ่อยๆ
“โอ๋ๆ เราแซวนิดเดียวเองทำเป็นโกรธไปได้” เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังไม่หายงอนเธอจึงเริ่มใช้วิธีการเหมือนอย่างตอนสมัยเด็กๆ เพื่อให้เพื่อนหายงอน โดยการยกนิ้วก้อยขึ้นมาขอคืนดี “เกี่ยวก้อยกันนะอย่างอนซิเดี๋ยวไม่สวย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ได้หลงกลมุขเดิมของเธอ เพียงพิณจึงเริ่มคิดหาแผนการใหม่ “เอ พรุ่งนี้เรามีงานนี่นา คืนนี้เราคงจะต้องเข้าไปในตัวเมืองแล้วล่ะ แล้วพี่ชายเราก็ต้องกลับมาทำงานต่อที่บ้านด้วยซิทำไงดีนะ” ได้ผล ทันทีที่เพียงพิณกล่าวจบนัฐมนก็หันขวับมาทันที
“อะไรนะ” นัฐมนกล่าวออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “ นัฐมนกล่าวออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “ก็ไหนเธอบอกว่าจะไม่ได้ไปธุระที่ไหนไงล่ะ แล้วพรุ่งนี้เธอจะไม่อยู่ได้ยังงัย ผิดสัญญานี่นา
“นี่ไงหายงอนแล้ว”
แล้วหญิงสาวก็เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลงกลเพื่อนไปซะแล้วจึงขมวดคิ้วเข้ม แต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดไปถึงช่วงวัยเด็ก เพื่อนของเธอมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ทุกๆ ครั้งที่เธองอน เพียงพิณก็มักจะทำเรื่องตลก ชวนไปเที่ยว ไปเลี้ยงข้าว หรือทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอหายงอน ซึ่งมันก็ได้ผลทุกทีเพราะเธอมักจะหายงอนอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ห้ามไปไหนด้วย” นัฐมนพูดออกมาอย่างโกรธเมื่อรู้ว่าหลงกลเพื่อน แต่ก็พอจะดูออกว่าเอหายงอนแล้ว
“จ้าๆ ” เพียงพิณพูดอย่างเอาอกเอาใจ ก็ไม่ได้จะไปที่ไหนหรอกนะ แค่ขู่ไปเท่านั้นเอง ไม่อย่างงั้นเพื่อนเธอจะหายโกรธง่ายๆ อย่างนี้เหรอ
เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินมาถึงโต๊ะทานอาหารก็พบว่ามีบุคคลที่เพียงพิณเพื่อนของเธอจะแนะนำให้รู้จักมานั่งรออยู่ก่อนแล้วหญิงสาวรู้สึกคุ้นตากับบุคลิกของชายหนุ่มผู้นี้มาก แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก คล้ายกับชายหนุ่มจะรู้สึกได้ถึงสายที่จ้องมองมายังตน เขาจึงหันกลับมามองทางด้านหลัง เมื่อพบว่าเป็นนัฐมนและเพียงพิณชายหนุ่มก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าสง่างาม แล้วส่งยิ้มอันอบอุ่นมาทางหญิงสาวทั้งสอง
“อ้าวพี่ชายมารอนานแล้วเหรอคะ”
“อืม” ถึงแม้ปากจะตอบน้องสาวออกไปเช่นนั้น แต่สายตากลับไม่ได้หันไปมองทางน้องสาวเลย แต่กลับมองสำรวจใบหน้าของคนที่มากับน้องสาวของตาเอง ซึ่งมันส่งผลให้ใบหน้าของนัฐมนร้อนผ่าว
“พี่ชายคะนี่ นัฐมน เพื่อนของพิณ”ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้ารับเมื่อหญิงสาวยกมือไหว้ “ ส่วนนี่พี่ชายของเราเอง ชื่อ พี่ธีธัช หรือนัฐจะเรียกพี่ธีเฉยๆ ก็ได้”
“รู้สึกว่าเราจะเคยเจอกันมาครั้งนึงแล้วนะครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยท่าทางขัดเขิน ก็จะไม่ให้เขินได้ยังไงล่ะในเมื่อชายหนุ่มจ้องเธอไม่วางตาขนาดนี้
“รู้จักกันแล้วเหรอคะ ทำไมพิณไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เพียงพฺรพูดขึ้นมาทำลายคววามเงียบเมื่อทั้งหมดนั่งลงบนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ก็รู้จักกันตอนที่น้องนัฐมนเดินมาเก็บดอกปีบน่ะ พอดีว่าพี่กลับมาเอาเอกสารที่บ้านพอดี”
“นี่พี่ธีเรียกนัฐเฉยๆ ก็ได้”
“นี่ยัยพิณเจ้าของชื่อเค้ายังไม่ทันว่าอะไรเลยนะ” ธีธัชหันไปตำหนิน้องสาว
“ถ้าอย่างนั้นก็ถามนัฐดูซิ” พลางพยักเพยิดไปทางนัฐมน
“พี่เรียกว่าน้องนัฐได้รึเปล่าครับ” ธีธัชหันมาถามนัฐมน
“แล้วแต่คุณธีซิคะ” นัฐมนพูดเสียงเบา
“ทำไมไม่เรียกพี่ชายว่าพี่ธีล่ะ” เพียงพิณหันกลับมาถามนัฐมนอย่างสงสัย แล้วหหญิงสาวก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเพื่อนมองไปทางธีธัชอย่างหวั่นๆ “นี่ยัยนัฐเธอกลัวพี่ชายเราเหรอ เราแค่ล้อเล่นเองนะพี่ชายเราไม่ได้โหดอย่างที่เธอคิดหรอก” ว่าแล้วหญิงสาวก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ก็ไหนเธอบอกว่าพี่เธอดุไงล่ะ เราเลยไม่กล้ามองหน้าน่ะซิ แล้วอีกอย่างเมื่อตอนค่ำเราก็เดินบุกรุกเข้ามาในบริเวณบ้านพี่เธอด้วย คิดว่าจะโดนพี่ชายเธอว่าแล้วซะอีก” กล่าวจบหญิงสาวก็หันไปทางชายหนุ่มก็พบว่าเขากำลังมองเธอพลางส่งยิ้มอย่างขบขันมาให้
“เห็นผมดุขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
หญิงสาวเพียงแต่ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้ชายหนุ่ม ก่อนจะหันหน้ามาทางเพื่อนด้วยสายตาเอาเรื่องที่มาแกล้งเธอจนเธอเชื่อสนิทใจ
“สงสัยนัฐจะหิวแล้ว ทานกันเลยนะคะ” เพียงพิณรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วหันไปสั่งให้เด็กนำอาหารมาจัดโต๊ะได้เลย
ระหว่างอาหารมื้อนั้นเพียงพิณพยายามเอาใจนัฐมนทุกอย่าง เธอกลัวว่าหญิงสาวจะโกรธขึ้นมาจริง จนนัฐมนต้องแอบลอบยิ้มกับตนเอง ที่จริงเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกเพียงแค่อยากจะแกล้งเพื่อนคืนเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวที่ถูกเพื่อนเอาอกเอาใจ คอยตักอาหารให้ ตลอดจนชวนคุยต่างๆนานา แล้วก็แอบหัวเราะกับตนเองเบาๆ เขาไม่เคยเห็นน้องสาวเอาใจใครขนาดนี้มาก่อน ส่วนมากแล้วจะมีแต่คนมาคอยเอาอกเอาใจเสียเป็นส่วนใหญ่ เขาชักจะสนใจสาวน้อยตรงหน้าคนนี้มากขึ้นเรื่อยซะแล้ว อะไรนะที่ทำให้เธอสามารถสยบน้องสาวของเขาได้ อีกทั้งแววตาเศร้าๆ คู่นั้นอีกล่ะ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจตนเองทำไมเขาถึงจะต้องสนใจเด็กคนนี้ด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย เขาคงจะแค่เอ็นดูล่ะมั้งเพราะว่าเธอเป็นเพื่อนน้องสาวก็เป็นเหมือนน้องสาวของเขาอีกคน
หลังจากทานอาหารเสร็จธีธัชก็ขอตัวก่อนเนื่องจากมีโทรศัพท์เข้ามา นัฐมนกับเพียงพิณจึงชวนกันออกมาเดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร
“นี่เธอว่าพี่ชายเราเป็นยังไงเหรอ” เพียงพิณถามขึ้นทำลายความเงียบ
“ทำไมเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรถามไปงั้นๆ แหละ เพราะเราเห็นผู้หญิงมาชอบพี่ชายเราเยอะน่ะ”
“หวงพี่ชายเหรอ” นัฐมนแซวอย่างล้อๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย เราแค่อยากรู้น่ะ” แต่ที่อยากรู้น่ะอยากรู้ว่าเธอคิดว่าพี่ชายเราเป็นยังไงแค่นั้นเองเรื่องอื่นเราไม่สนใจหรอก หญิงสาวยิ้มรอให้เพื่อนตอบคำถาม
“ไม่รู้ซิเราเพิ่งรู้จักพี่ชายเธอเองนะ แต่เราว่าพี่ชายเธอก็นิสัยดีนะเป็นสุภาพบุรุษ”
“รู้อย่างนี้แล้วเราจะได้หมดห่วง เธอจะได้ไม่ระแวงพี่ชายเราอีกไง” หญิงสาวรีบบอกออกไปเพราะกลัวว่าเพื่อนจะสงสัย
“จ้า เราไม่สงสัยแล้วล่ะถึงยังไงเธอก็อยู่กับเราตลอดอยู่แล้ว” หญิงสาวแค่พูดออกไปเพื่อทำให้เพื่อนสบายใจ
“นี่อากาศข้างนอกเย็นจังเลยเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
แล้วหญิงสาวทั้งสองก็เดินจูงมือกันเข้าไปภายในบ้าน โดยที่ต่างฝ่ายต่างกำลังขบคิดเรื่องของตนเอง
ความคิดเห็น