คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไฟดวงที่ 2 สถาบันปาปิรุส(ช่วง1)
สถาบันปาปิรุส สถาบันที่พ่อแม่ต่างก็ให้ลูกๆของตนได้ร่ำเรียนทั้งชนทั่วไปและชนอัสเคมิส ใช่ว่าจะได้เข้าไปง่ายๆ เพราะสถาบันมีวิธีการเข้าสอบไม่เหมือนที่อื่นๆ นักเรียนหลายคนเตรียมอ่านหนังสือเพื่อรับการสอบ ยืนรอเข้าสอบรวมทั้งผู้ปกครองทั้งหลายที่ห่วงลูกของตนเต็มสนามหญ้าหน้าสถาบัน แต่สำหรับริวเคนโด เด็กสาววัยสิบห้าปี ผมสีน้ำเงินยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายแรงกล้า ขนตายาวดูเข้ม ใบหน้าขาวอมชมพู ริมฝีปากจัดได้รูปเข้ากับใบหน้า เรือนร่างปราศจากไขมันส่วนเกินอยู่ภายใต้เสื้อสีเทาแขนยาว กางเกงยีนขาเดฟ และรองเท้าผ้าใบสีขาวยืนโดดเด่นยืนมองผู้คนรอบตัว แต่ส่งที่เธอให้ความสนใจ ไม่ใช่จำนวนผู้เข้าสอบ หรือความยากของข้อสอบใดๆ แต่เป็นตัวสถาบันต่างหาก
เบื้องหน้าริวเคนโดคือสถาบันที่ใครๆก็ให้ความสนใจ แต่ “นี้หรือ สถาบันให้การศึกษา?” เพราะอาคารที่ว่านั้นไม่น่าจะเป็นอาคารมากกว่า ทางเข้าของสถาบันเป็นเหมือนดั่งวิหารพาร์เธนอน ตรงทางเข้าเป็นทางเชื่อมต่อกับเทือกเขาขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าเขาสันหลังเมือง ข้างในไม่มีใครรู้แน่ชัด นอกจากผู้ที่ได้เรียนแล้วมาเล่าให้ฟัง แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่เรียนจบมักขอเก็บอัมเล่นๆแกล้งกันมากกว่า สนามที่เธอยืนอยู่เป็นเพียงจุดพักผ่อนเล็กน้อยในเมืองปิรุสนี้ สำหรับตัวสถาบันนั้น ตั้งแต่ทางเข้าพาร์เธนอนลึกลงไปถึงใจกลางเขาสันหลังเมือง ตอนนี้รอบตัวริวเคนโดเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายหน้าตา ทั้งยืนเบียดเสียด เสียงพูดคุย สารพัดเสียงต่างดังไปทั่วบริเวณ ทำให้ดูครื้นเครง แลกดดันไม่น้อย
“กลัวจะไม่ได้สอบขนาดนั้นเลยหรอ"เธอคิด ดวงตาสีน้ำเงินกวาดหาที่โล่งพอเธอจะยืนได้โล่งๆบ้างไหม พลางสะดุดจุดๆหนึ่ง ตรงต้นแอปเปิล คิดง่ายเเต่ทำยาก เด็กสาวต้องคอยพูดขอทางทั้งคนวัยเดียวกันและผู้ปกครองคนอื่นๆอีก โดยที่เธอต้องโดนกระแทกไหล่ ขัดขา และเหยียบเท้านับครั้งไม่ถ้วนกว่าเด็กสาวจะเดินถึง ตัวก็เยินเป็นผ้าขึ้ริ้วเสียแล้ว
“หวัดดี มาสอบหรอ"เด็กสาวผมน้ำเงินมองตามผู้พูด เบื้องหน้าใต้ต้นแอปเปิลมีเด็กสาววัยเดียวกัน เธอมัดผมสีทองด้วยยางรัดผมติดปลาทองปลอม ตรงนั้นแทบไม่มีใครอยู่เลย ทั้งที่เป็นจุดเดียวที่มีร่มเท่านั้น อาจเป็นเพราะมันอยู่ไกลกว่าทางเข้าเข้าสถาบันปาปิรุสร่วมครึ่งกิโลเมตรเลยล่ะมัง
“ใช่ เธอก็มาสอบเข้าที่นี่เหมือนกันใช่ไหม"
“ชั้นชื่อเอริส เอริส ยูเรนัสจ้า"
“ดรากอน ริวเคนโด"
“ดรากอน!!!! เธอคือลูกของตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดในดาวนี้หรอ...วาว”สาวผมน้ำเงินนามริวเคนโดทำปากจุ๊ให้อีกคนเงียบเสียง สายตาสาดส่องไปมาเผื่อมีใครสังเกต
“คือชั้นไม่อยากเป็นข่าว ช่วยเก็บเป็นความลับที"เอริสพยักหัวบอกตกลง ริวเคนโดยิ้มน้อยๆให้เอริส ทั้งคู่เริ่มคุยกันไปมาเหมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจมานาน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ตรงทางเข้าสถาบันมีคนสองสามคนยืน ดูเหมือนว่าจะเป็นอาจารย์ของที่นี่
“ขอเรียนเชิญผู้เข้าสอบทุกคนมาลงทะเบียนสอบที่อาจารย์ปิรุสและอาจารย์วีนัสที่นี่ ส่วนผู้ปกครองควรกลับบ้านของตนเอง นักเรียนที่สอบไม่ผ่านเราจะส่งให้ที่บ้านเองค่ะ"ผู้พูดเป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ผมสีทรายเป็นประกายระยิบระยับ คนข้างเธออีกสองคนคือ ชายหนุ่มรุ่นเดียวกับเธอและหญิงสาววัยกลางคนท่าทางน่ากลัวยืนข้างๆ ในมือทั้งสองคนมีแผ่นกระดาษปึกหนา เหมือนว่าจะเป็นกระดาษลงทะเบียน
พอได้ยินเสียงของอาจารย์ผมทราย นักเรียนหลายๆคนพากันเดินไปลงทะเบียน ส่วนผู้ปกครองยืนดูลูกหลานของตนก่อนจะเเยกย้ายกันกลับ ริวเคนโดและเอริสยืนดูอยู่ที่ต้นเเอ๊ปเปิล
“เราจะไม่ไปลงทะเบียนก่อนหรอ"เอริสถาม น้ำเสียงเเละท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย
“ยัง รอให้คนน้อยก่อนแล้วค่อยไปก็ได้"ริวเคนโดยืนมองผู้คนรอบตัว ใช้เวลานานมากทีเดียว ทั้งผู้ปกครองและคนมาสอบทำอะไรชักช้าตามสายตาริวเคนโด พอคนใกล้จะหมดสนาม ริวเคนโดและเอริสต่างจูงกระเป๋าของตัวเองลงทะเบียนกับอาจารย์สองท่าน
ทางเข้าวิหารพาร์เธนอนของสถาบันประดับด้วยน้ำตกสายเล็กๆไหลลงอ่างข้างทางตามท่อแล้วส่งออกไปยังน้ำพุกลางเมือง ส่วนต้นน้ำจะอยู่ที่เขาสันหลังเมือง พอผ่านมาทางเข้าทางประตูทางเข้า ข้างหน้าเป็นทางเดินประดับด้วยหินอ่อนแกะสลักเป็นรูปวีรบุรุษและสตรีคนสำคัญของดาวปาปิรุสเรียงระนาบทางเดิน อาจารย์คนผมสีทรายนำพาผู้เข้าสอบทั้งหลายหยุดอยู่หน้าประตูสามประตู หลังประตูทั้งสามเป็นส่วนหนึ่งของเขาสันหลังเมือง อันเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดของดาวปาปิรุส สิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือขอบประตูตรงกลางแกะสลักเป็นรูปมังกรสีทองสว่างสดใส เหมือนว่ารูปมังกรนั้นทำมาจากทองคำจริงๆ
“เอาล่ะคะเส้นทางตรงกลางจะให้เฉพาะนักเรียนที่ผ่านการทดสอบทั้งสองอย่างครบเท่านั้น ใครสอบด่านแรกไม่ผ่าน ด่านที่สองก็ไม่ต้องพูดถึงนะคะ"อาจารย์ผมสีทรายเปิดประตูทางข้างซ้ายของตน ข้างในมืดสนิทจนไม่มีใครมองเห็นได้ "สำหรับการสอบด่านเเรก ให้ทุกคนจับฉลากเลือกที่นั่งสอบกับอาจารย์ปิรุสนะคะ ส่วนครูชื่อมิซึกิ คาโอรุนะคะ เรียกคาโอรุก็ได้"เด็กๆหลายคนเดินไปจับฉลากเลือกที่นั่งทีละคน ผู้เข้าสอบในนี้มีตั้งหลายร้อยคน ริวเคนโดใช้วิธีเดิม.... รอจนกว่าคนจะน้อยลง
เวลาผ่านไปน๊านนนนน นานจนนับไม่ได้ ริวเคนโดเลือกจับฉลาก ได้เบอร์ ๓ เอริสจับได้เบอร์ ๒๑๓ เป็นเบอร์ที่ห่างกันไกลเหลือเกิน
“เลขสามนั่งหลังติดประตู ส่วนเลขสองหนึ่งสามเดินขึ้นบันไดชั้นสอง ขอให้โชคดีต่อการสอบนะ"อาจารย์ปิรุสเป็นผู้ชายที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ อาจเป็นเพราะผมสีทองปล่อยไว้ให้ยาวละต้นคอทำให้บริเวณนี้สว่างสดใสก็ได้
“อาจารย์คะ อย่าคุยกับเด็กๆก่อนสอบสิคะ เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า"อาจารย์คาโอรุยืนเท้าสะเอวมองทั้งสาม ริวเคนโดและเอริสยิ้มให้ทั้งสองแล้วเดินเข้าห้องสอบทันที
สิ่งที่เห็นทำให้ริวเคนโดและเอริสเเทบตาค้างคือขนาดของห้อง มองจากข้านนอกมีเพียงประตูสามประตู ข้างๆก็เป็นเสาดอริก จากนั้นเป็นกำแพงกั้นสถาบันกับเทือกเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน ห้องสอบเเบ่งเป็นสองชั้น ชั้นเเรกเต็มไปด้วยนักเรียนนั่งสอบเรียงเป็นเเถว มีโต๊ะเรียนว่างตัวหนึ่งให้ริวเคนโดพอดี ส่วนอีกชั้นต้องขึ้นบันไดวนตรงกลางชั้นล่าง “สู้ๆนะจ๊ะ ริวเคนโด"ริวเคนโดรับคำโดยการยิ้มให้ก่อนที่เอริสจะเดินไปเลือกที่นั่งตนเอง
พอริวเคนโดนั่งโต๊ะของตน สายตาเผลอไปสบตากันคนนั่งข้างๆ เป็นผู้หญิงผมสีเขียวอื๋อเหมือนมอสยาวตรงระบ่า เธอมีตาสีฟ้าสวยหมือนน้ำทะเลลึก ผ้าคลุมยาวสีเเดงทำให้เธอคนนี้ดูน่าเกรงขามด้วย
“หวัดดี เธอใช่มะที่ชอบอยู่รั้งท้ายคนอื่นเขาน่ะ ฉันชื่อเเคนตาลูป เห็นอย่างนี้นะฉันเป็นผุ้ชายนะ"ริวเคนโดตาโตทันที ดวงตาสีน้ำเงินกวาดตามองหนุ่มน้อย(ที่เข้าใจผิด)เบื้องหน้า
"เป็นผู้ชาย!!!!!!! น่ารักกว่าผู้หญิงจริงๆอีก เป็นชั้นก็หลงแล้ว"ริวเคนโดคิด แคนตาลูปยิ้มให้ เหมือนผู้หญิงสุดๆไปเลย
“ชั้นชื่อริวเคนโด ชื่อนายเเปลกนะ”แคนตาลูปพยายามกลั่นหัวเราะ ยังไงก็ยังมีเสียงลอดออกมา ริวเคนโดมองเเคนตาลูปงงๆ
“ชื่อเธอก็เเปลกเหมือนกันเเหละ"
“ชั้นใช่ว่าจะชอบชื่อนี้หรอกนะ”ริวเคนโดหน้าเเดงขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันชื่อเเคนตาลูปเพราะมันอร่อยน่ะ”จู่ๆวิญญาณของริวเคนโดก็หายไป งงกับคำพูดของเเคนตาลูปจริงๆ "อ้อ ริวเคนโดเขาจะสอบเเล้วนะ”แคนตาลูปสะกิดเตือน สายตาเห็นอาจารย์คาโอรุและอาจารย์ปิรุสเดินเเจกข้อสอบให้เเต่ละคน ชั้นสองนักเรียนเริ่มสอบกันมานานน่าดู
พอได้ข้อสอบมาแล้ว วิญญาณบินกลับเข้าร่างกายในทันที เป็นข้อสอบที่ธรรมดามาก คำถามเเต่ละข้อก็เป็นเรื่องที่รู้ๆกัน ไม่ว่าจะวิชาคณิต วิทย์ ภาษา สังคม เป็นวิชาหลักที่สอบกันทุกที่ ริวเคนโดทำได้ง่ายดาย ทางด้านคนข้างๆแคนตาลูปมองข้อสอบข้อสุดท้ายพลางกัดปลายดินสอเเน่น เห็นเขี้ยวชัดเจนเลยทีเดียว ริวเคนโดมองไปยังข้อนั้นของตน
ข้อ ๑๓ พระนามของเจ้าหญิงปีศาจมีพระนามว่าอะไร
เป็นข้อสอบที่ดูง่ายแต่ยากจริงๆ เรื่องเจ้าหญิงปีศาจเนี่ยมันเป็นนิทานก่อนนอนของพวกคนเฒ่าคนแก่ทั้งหลาย ที่ว่ามังกรทองปกป้องผู้คนจากความชั่วร้ายโดยมีเจ้าหญิงปีศาจคอยให้คำเเนะนำ แต่ทำไมถึงมีข้อสอบแบบนี้มาล่ะ ริวเคนโดลองเขียนตอบลงไปเเบบไม่ยั้งคิด เเล้วส่งให้อาจารย์ปิรุส เขายิ้มน้อยก่อนตอบไปว่า
“ไปนั่งที่เดิมสิ เเล้วจะบอกผลสอบให้"
ริวเคนโดเดินไปนั่งที่เดิม ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองไปยังเเคนตาลูป เห็นเขานอนน้ำลายยืดเเล้วคอยเช็ดอยู่เนื่องๆ
"ไม่มีข้อสอบวางที่โต๊ะ หรือว่าสอบเสร็จเเล้ว เเต่ไม่เห็นเดินไปส่งให้อาจารย์ปิรุสหรืออาจารย์คาโอรุเลยนี่"ริวเคนโดคิด จู่ๆ หัวสมองก็หนักอึ้ง ตั้งแต่ส่งข้อสอบให้อาจารย์ เหมือนได้กลิ่นหอนชวนง่วงมาตลอด หนังตาค่อยๆปิด ต่อให้หยิกตัวเองยังไง ความง่วงยิ่งมากกว่าเดิม ในที่สุดเธอก็ไม่ชนะความง่วงนี้ได้ หัวฟุบลงในทันที ความฝันน้อยๆเข้ามาเล่นเรื่องราวจนกว่าจะรู้สึกตัว...
เวลาผ่านไปนานนับชั่วกาล เสียงบางเบากระซิบให้ตื่น ดวงตาสีน้ำเงินมองรอบๆตัว มีสิ่งที่เเตกต่างกว่าก่อนมาก ริวเคนโดยังนั่งที่เดิม เพียงว่าคนมาเข้าสอบเหลือน้อยกว่าครึ่งห้อง ไม่รู้ว่าชั้นสองจะมีน้อยกว่านี้อีกไหม
“สำหรับนักเรียนที่สอบผ่านด่านเเรกมาได้เเล้วนะคะ เราจะให้นักเรียนทุกคนสอบเลือกห้องเรียน ห้องเรียนจะเเบ่งเป็นสี่ห้อง ได้เเก่ ฝั่งนอร์ท(เหนีอ) เซาว์(ใต้) เวส(ตก) เอิร์ส(ออก) ห้องละสิบเจ็ดคน เพราะเราต้องการรับนักเรียนเพียงเจ็ดสิบคนเท่านั้นมีใครสงสัยไหมคะ"เสียงของอาจารย์คาโอรุฟังชัดเจนเเจ่มเจ้งไม่มีใครเกิน นักเรียนคนหนึ่งยกมือถาม
“เเล้วอีกสองคนล่ะครับ อาจารย์บอกว่าห้องเรียนสี่ห้องห้องละสิบเจ็ดคน ถ้าเเบ่งจากเจ็ดสิบก็จะเหลือสองคนนะครับ”
อาจารย์คาโอรุยืนเกาหัวเเกรกๆกับคนพูดของคนๆนั้น อาจารย์ปิรุสจึงเป็นคนอธิบายเเทน
“คนที่เรียนที่นี่ได้ส่วนใหญ่เป็นชาวอัสเคมิส คนทั่วไปจึงไม่ค่อยได้รับเรียนที่นี่ เราเลยเปิดโอกาสให้คนข้างนอกได้มาเรียนบ้าง พวกครูเลยรับเพิ่มอีกสองคนโดยไม่ต้องสอบ เพียงมีใจอยากเรียนเท่านั้น เข้าใจไหมล่ะ"
ริวเคนโดมองนักเรียนที่ออกถามคำถาม เขานั่งอยู่หน้าเธอห่างไปหลายเเถว มองเห็นหน้าตาไม่ชัดเลยบอกไม่ได้ว่า มีหน้าตาอย่างไร
“เอาล่ะค่ะทุกคนถ้าไม่มีอะไรถามเเล้ว ครูจะเรียกนักเรียนไปข้างนอกห้องสอบนี้เเล้ว ส่วนวิธีสอบไว้ลุ้นกันเอาเองนะคะ งั้นเลขที่ ๑"คนที่ลุกขึ้นไปหาอาจารย์คาโอรุเป็นคนเเต่งตัวมิดชิดเเทบมองไม่เห็นตัว ดวงดาสีเเดงก่ำเหมือนเลือดที่พอมองเห็นผ่านเเว่นตาสีดำหน่อยๆเท่านั้น เขามองไปยังริวเคนโดจะกินเลือกเนื้อเธอก่อนเดินออกจากห้องไปสอบ
“หมอนั่นน่ากลัวชะมัด"ริวเคนโดหันมากระซิบกับเเคนตาลูป เค้าเพียงยิ้มน้อยๆให้
“เราไม่รู้หรอกว่าเเต่ละคนนิสัยยังไง นอกจะรู้ใจอย่างที่สุด ไปก่อนนะเคนจัง”แคนตาลูปลุกเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขายิ้มให้ริวเคนโดเเล้วออกจากห้องไปสอบเป็นคนต่อมา ริวเคนโดนั่งนิ่ง เหมือนทุกอย่างจะค่อยๆไหลไปช้ากว่าความเป็นจริง
“เลขที่ ๓... ๓สอบไม่ผ่านหรอ"เสียงอาจารย์คาโอรุลอดผ่านหูริวเคนโดไป เลขที่ ๓ มันเรานี่ ริวเคนโดลุกจากเก้าอี้ไปทันที เธอวิ่งออกจากห้องสอบทำให้ชนกับใครคนหนึ่งเข้า คนนั้นคืออาจารย์วีนัสนั่นเอง เธอยืนมองริวเคนโดด้วยสายตาเหยียดหยาม
“นี่เธอชนแล้วไม่ขอโทษหรือไงยะ เป็นเด็กอะไรพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไม่เหมาะจะเรียนที่นี่หรอก"ริเคนโดก้มขอโทษเป็นการใหญ่ ทำให้อาจารย์วีนัสสงบลงบ้าง
“ครูขอเปลี่ยนคำพูดเมื่อกี้นี้ละกัน ส่วนวิธีสอบให้เดินเข้าห้องนี้นะ”หล่อนชี้ไปยังอีกห้องที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ไม่ได้มีรูปแกะสลักมังกรทอง “ข้างหน้าของเธอเป็นเขาวงกต มีทางออกอยู่ห้าทาง อีกทางจะนำเธอไปนอกสถาบันนี้ ว่าไงเธอคิดว่าจะได้เรียนที่นี่หรือออก”
“โอกาสเข้าเรียนมีมากกว่าค่ะ”อาจารย์วีนัสยิ้ม คนๆนี้คงชอบคนที่อบรมมาอย่างดี ริวเคนโดเดินไปอีกฟากของประตูเเล้วก้มหัวขอบคุณ
เมื่อประตูปิดลงตามหลัง ภาพเบื้องหน้าคือทางสุดลูกหูลูกตาคดเคี้ยวทั้งบนล่าง ซ้ายขวา หน้าหลัง.. ริวเคนโดเเทบช๊อค ข้างหลังของเธอไม่มีประตูที่เข้ามาเลย มันหายไป!!! ประตูถูกแทนที่ทางวงกตอีกชั้นหนึ่ง แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ริวเคนโดขอเดินตามทางข้างหน้าต่อตามใจคิด
เวลาผ่านไปหลายนาที ทางที่เดินมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเธอต้องหยุดลง ข้างหน้าคือทางยาวข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนข้างล่างคือน้ำต้มเดือดส่งไอร้อนตลอดทาง ริวเคนโดมองมันเเหยงๆ
“กะจะให้สอบถึงแก่นเเท้เลยหรอ”ริวเคนโดมัดผมสีเงินยาวถึงกลางหลังด้วยเชือกผูกเอวเป็นก้อนกลมบนหัว เท้าย่างก้าวไปข้างหน้าเหยียบเส้นทางที่มีอยู่เส้นเดียว ไอร้อนจากเบื้องล่างทำให้เธอเสียสติได้พักหนึ่งเลยทีเดียว เส้นทางข้างหน้าค่อยๆเหลือน้อยลง
ครืนนนนนนนนนนนนนน
ทางเดินเริ่มพังทราย!!!!!! ไม่กี่วินาทีตรงที่เธอยืนอยู่ก็จะพังลงไปด้วย ริวเคนโดวิ่งไม่คิดชีวิต เส้นทางทลายสิ้นสุดลงทันที่เท้าริวเคนโดข้ามมาถึงฝั่งพอดี
“เฮ่ยยย นึกว่าไม่ทันซะเเล้วสิ”ริวเคนโดหายใจโล่งออก เธอจัดการถอดเสื้อเเขนยาวที่ใส่มา มันชุ่มไปด้วยเหงื่อจากไอร้อนที่ได้รับ เเกะผมที่เปียกมามัดใหม่อีกรอบ ส่วนเสื้อเเขนยาวมัดกับเอวของตน เเละก็มุ่งหน้าต่อไป...
ความคิดเห็น