คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 3 : 130%
ด้านเอมิกาที่กลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เตรียมเข้านอน จริงๆแล้วเธอส่งผักเสร็จตั้งแต่ก่อนเที่ยงแต่เพราะเข้ากรุงเทพฯไม่บ่อยนักจึงแวะไปหาทวีชัยกับกรรณิการ์อยู่คุยกันจนถึงบ่ายพอตกเย็นก็ออกไปกินหมูกระทะอีก
เป็นอันว่าการเข้ากรุงเทพฯของเธอครั้งนี้ใช้เวลาได้คุ้มค่าจริงๆ
ยังดีที่ในรถมีกล่องโฟมเก็บความเย็นไม่อย่างนั้นเนื้อสัตว์ที่ซื้อมาจากตลาดได้เน่าคารถแน่ๆ
ขณะที่ร่างบางกำลังจะล้มตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เอมิกาหยิบขึ้นมาดูหน้าจอคิ้วเรียวขมวดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์สวยที่โทรหาเธอเมื่อตอนสายๆแต่ไม่พูดอะไร
ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองนาฬิกาโดยอัตโนมัติ ห้าทุ่มเวลานี้คงไม่ใช่เทเลเซลล์ที่โทรขายของทางโทรศัพท์แน่
ด้วยความสงสัยและอยากรู้ว่ามีใครต้องการเล่นตลกอะไรหรือเปล่าเธอจึงรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
เอมิกาได้ยินเพียงเสียงลมที่ดังเข้ามาในสาย...
หญิงสาวลดโทรศัพท์ในมือเพื่อมองที่หน้าจอพอเห็นว่ายังใช้งานอยู่ปกติจึงเอากลับไปแนบไว้ที่หู
ปลายสายยังไม่มีคำพูดใดๆเหมือนเคย หญิงสาวจึงพูดกลับไป
“ถ้าโทรมาแล้วไม่พูดทีหลังก็ไม่ต้องโทรมาอีก
ถ้าว่างจัดก็ไปหาอะไรทำที่เป็นประโยชน์
ถ้าจิตไม่ปกติก็ไปบำบัดซะอย่าโทรมารบกวนชาวบ้านเขา
แล้วพี่ก็จะขอเตือนนะไอ้น้องถ้ามีครั้งที่สามพี่จะไม่ทน อ้อ... แต่พี่ว่าทางที่ดีน้องควรจะรีบหาทางบำบัดเร็วๆนะจะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้คนอื่นเขาที่พูดเนี่ยเข้าใจมั้ย
ไอ้โรคจิต!” เอมิกาหยุดพักหายใจ
เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คิดในใจแบบนี้ชัดเลยพวกโรคจิตชัวร์ หายเหนื่อยจากประโยคแรกและเห็นว่าไอ้โรคจิตยังอยู่ในสายหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
จะว่าไปคนพวกนี้ก็น่าสงสารเขาคงมีปัญหาชีวิตหรือไม่ก็คงมีเรื่องอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจจนทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้ก็ได้
ลองพูดกับเขาดีๆหน่อยก็แล้วกัน ถือซะว่าเอาบุญ
“นี่น้องถ้าน้องป่วยทางจิตพี่ว่าไปหาหมอบำบัดดีไหม
เดี๋ยวพี่จะลองนึกดูนะว่าพอจะรู้จักจิตแพทย์บ้างหรือเปล่าถ้านึกออกพี่จะโทรไปบอกนะ
แต่วันนี้วางสายไปก่อนเถอะพี่เหนื่อยอยากนอนจะแย่แล้ว”
โมเมแทนตัวเองว่าพี่ซะเลยอีกฝ่ายจะได้มีความเกรงใจบ้าง
ตอนนี้หญิงสาวเองก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเธอกำลังจะบ้าไปอีกคนหรือเปล่าที่เดี๋ยวก็โกรธเดี๋ยวก็สงสารไอ้โรคจิตนี่น่ะ
อีกแล้ว...
ไอ้โรคจิตหัวเราะหึๆอีกแล้ว
นอกจากหัวเราะเหมือนพวกโรคจิตไอ้บ้านี่มันไม่คิดจะพูดอะไรออกมาบ้างเลยหรือไง
แล้วที่พูดไปตั้งเยอะได้ฟังบ้างไหมเนี่ย แบบนี้เห็นทีว่าคนที่จะเสียสติไปก่อนคงเป็นตัวเธอเองแน่ๆ
อุตส่าห์ใจดีอยากจะช่วยแต่เมื่อไม่ให้ความร่วมมือก็เป็นไอ้โรคจิตแบบนี้ต่อไปก็แล้วกัน
เอมิกากำลังจะเอาโทรศัพท์วางไว้ทั้งๆที่ยังไม่ได้วางสายเสียงทุ้มก็ดังขึ้นก่อนที่สายจะถูกตัดไป
“ผมไม่ใช่โรคจิต”
เจ็ดโมงเช้า
อานนท์เดินเข้ามาในบ้านพักตากอากาศของอนาวิน เดินตามหาจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบเจ้านาย
งานเปิดตัวกรีนวิวกอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับจะมีตอนเก้าโมง
แล้วตอนนี้อนาวินหายไปอยู่ไหน โทรศัพท์ไปหาก็โทรไม่ติด
อานนท์เปิดประตูห้องนอนของอนาวินแต่ภายในห้องว่างเปล่า
เตียงนอนเรียบตึงบ่งบอกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามันไม่ได้ถูกใช้งาน
กำลังคิดว่าเจ้านายเขาไปนอนที่ไหน หางตาเหลือบเห็นเหมือนมีคนนอนอยู่ที่ระเบียง
“คุณวิน!” อย่าบอกนะว่าเจ้านายของไอ้นนท์นอนที่ระเบียงทั้งคืน
แต่จากที่เห็นอยู่ตอนนี้
อนาวินอยู่ในชุดนอนในมือถือโทรศัพท์เขาคงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“คุณวินตื่นเถอะครับ”
เสียงปลุกทำให้อนาวินขยับตัว
จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
“ทำไมคุณวินถึงมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
ทำไมไม่นอนในห้อง”
อนาวินไม่ตอบ
เขาถามกลับ “กี่โมงแล้ว”
“เจ็ดโมงแล้วครับ
คุณวินรีบไปเตรียมตัวเถอะครับ แล้วผมขอโทรศัพท์ด้วยจะได้เอาไปชาร์ตแบตให้ครับ” อานนท์บอก
อนาวินส่งโทรศัพท์ให้เลขาคนสนิทก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปงาน
เมื่อคืนเผลอหลับไปตอนไหนเขาไม่รู้ตัวเลย
และที่น่าแปลกใจคือเขาหลับสนิททั้งคืนจนกระทั่งอานนท์มาปลุก
ไม่อยากจะเชื่อเขาหลับสนิททั้งๆที่เตียงสำหรับนอนอาบแดดก็ไม่น่าจะทำให้เขาหลับสบายได้สักเท่าไหร่เลย
อานนท์มองตามหลังเจ้านายไปอย่างไม่เข้าใจ
เตียงขนาดคิงไซต์ที่นอนนุ่มๆมีทำไมไม่นอน
มานอนบนเตียงเล็กๆที่แค่พลิกตัวนิดเดียวก็ตกลงไปกองกับพื้นนี่ทำไม
ไม่เมื่อยบ้างหรือไง เจ้านายเขานี่นับวันก็ยิ่งจะทำอะไรแปลกๆขึ้นทุกวัน
แล้วไหนยังเรื่องที่ให้คนไปตามเฝ้าคุณเอมิกาตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนอีก
หากไม่รู้มาก่อนว่าอนาวินสั่งให้ทำแบบนั้นเป็นเพราะต้องการที่ดินของหญิงสาวมากล่ะก็
เขาจะคิดว่าเจ้านายของเขาหลงรักหญิงสาวจนจะเป็นคนโรคจิตเข้าไปทุกทีแน่ๆ แต่หากจะว่าไปแล้วการที่อนาวินทำแบบนี้มันก็เท่ากับเป็นการคุกคามชีวิตของคุณเอมิกาอยู่ดี
อานนท์รอจนอนาวินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกจากบ้านพักตากอากาศ
มาถึงกรีนวิวกอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับก่อนเวลาเล็กน้อย
บรรดาเมมเบอร์กระเป๋าหนักที่เชิญมาร่วมงานเริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว
แต่ที่อานนท์แปลกใจก็คือชายสองคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาอนาวิน งานในวันนี้ทางกรีนแลนด์จ้างบริษัทออแกไนซ์ที่เป็นของคุณโฉมสอางค์ญาติห่างๆของอนาวิน
ดังนั้นพนักงานของกรีนแลนด์ก็น่าจะมีแค่คนที่ประสานงานกับทางออแกไนซ์และเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า
แล้วผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลมาทำอะไรที่งานเปิดตัวสนามกอล์ฟกับสปอร์ตคลับ
“สวัสดีครับคุณอนาวิน”
“น่าแปลกใจนะที่ผมมักจะเห็นคุณวิชิตในหลายบทบาท
วันก่อนเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน วันนี้มาเจอในงานเปิดตัวโครงการสนามกอล์ฟ”
อนาวินเอ่ยเรียบๆแต่คนฟังรู้ตัวดีว่ากำลังถูกประชด
“เอ่อคืออย่างนี้ครับ
นี่ภาสกรลูกชายผมเองครับ เขามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายเซอร์วิสที่นี่
ผมก็เลยตามมาช่วยดูแลความเรียบร้อยของงานน่ะครับ”
วิชิตตอบคำถามพร้อมทั้งแนะนำลูกชาย
“แต่คุณอนาวินไม่ต้องเป็นห่วงนะครับลูกชายผมผ่านการคัดเลือกและทดสอบความรู้ความสามารถมาอย่างถูกต้อง
ไม่ใช้เส้นสายตามกฎของบริษัทแน่นอนครับ” วิชิตรีบบอก
เพราะรู้ดีว่ากรีนแลนด์ดีเวลลอปเม้นท์ไม่มีนโยบายรับเด็กเส้นที่ไม่มีความสามารถ
“คุณวินครับใกล้เวลาแล้วรีบไปเถอะครับ”
อานนท์เตือน อนาวินพยักหน้าเบาๆมองเลยผ่านสองคนพ่อลูกไปเหมือนไม่เห็นความสำคัญ
แต่เมื่อออกมาไกลพอสมควรเขาก็เอ่ยกับเลขาคนสนิท
“ฉันไม่ไว้ใจสองพ่อลูกนั่น
นายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”
“ครับคุณวิน”
อานนท์รับคำเบาๆ
เขารู้สึกว่าคำพูดที่ว่ากับคนบางคนเราอาจจะไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอหรือที่เรียกว่าเคมีไม่ตรงกันนั้นเกิดขึ้นกับตัวเขาตอนที่เห็นหน้าลูกชายของผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลนั่น
@@@@@@@@@@
ฝากอีบุ๊กด้วยนะคะ
|
|
ความคิดเห็น