ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรรมสิทธิ์ซาตาน (e-book)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : 30%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.23K
      31
      14 มิ.ย. 60

                


        ภายในห้องคาราโอเกะของร้านอาหาร กลุ่มชายหญิงห้าคนกำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน วันนี้เป็นวันที่มีการนัดหมายกันของกลุ่มคนกลุ่มนี้ ตั้งแต่เรียนจบ ทั้งห้าคนก็ทำการตกลงกันไว้ว่าทุกๆ วันที่ยี่สิบเจ็ดของทุกเดือนจะต้องมาเจอกัน ส่วนสถานที่ก็จะทำการนัดหมายกันอีกครั้ง ถือเป็นข้อตกลงของกลุ่มเพื่อไม่ให้แตกแยกกันไป โดยมีการตั้งกติกาว่าใครที่เบี้ยวนัดจะต้องหารค่าใช้จ่ายของค่าอาหารและค่าเครื่องดื่มด้วย ก็คือถึงไม่มาก็ต้องเสียสตางค์นั่นแหละ

                    “เป็นไงมั่งเอม เป็นสาวชาวสวน” ชลลดาเอ่ยถามเพื่อน หลังจากที่บอกให้นทีปิดเครื่องคาราโอเกะเพราะช่วงนี้จะเข้าสู่การพูดคุยกัน

                    “ก็ดีนะ สบายใจดี ไม่ต้องเครียดกับเจ้านายหรือลูกค้าที่เอาแต่ใจ” เอมิกาหันไปตอบเพื่อนหลังจากที่ยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม

                    “อยู่บ้านริมน้ำบรรยากาศดีๆ แบบนั้นโคตรน่าอิจฉาเลยว่ะ” ทวีชัยพูดขึ้นขณะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กับกรรณิการ์แฟนสาว

                    “แต่ฉันว่าเปิดสตูดิโอถ่ายภาพแบบแกสองคนก็ดีนะ แล้วนี่เมื่อไรจะแต่งกันสักที” เอมิกาเอ่ยกับกรรณิการ์และทวีชัยที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จนทั้งสองร่วมหุ้นกันเปิดสตูดิโอถ่ายภาพ

                    “อ้าว... กุ้ง นี่แกยังไม่บอกเอมอีกเหรอ” ชลลดาดีไซเนอร์สาวมาดคุณหนูหันไปถามกับกรรณิการ์ที่นั่งยิ้มเขินเมื่อทวีชัยเอื้อมมาจับมือบางของเธอไปกุมไว้

                    “โอ๊ย กูละหมั่นไส้มึงสองคนจริงๆ ไปถึงไหนต่อไหนกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะมาเขินอะไรนักหนา” นทีช่างภาพหนุ่มมาดเซอร์ปากวอนโดนตบประจำกลุ่มพูดขึ้น

                    “ไอ้ที ปากเหรอนั่นที่พูด เดี๋ยวกูก็หักเงินเดือนมึงโทษฐานมาว่าเมียกูซะเลย” ทวีชัยออกรับแทนว่าที่ภรรยา (ทางนิตินัย) ส่วนกรรณิการ์ก็เปลี่ยนจากอาการขวยเขินมาเป็นตบผัวะไปที่แขนเพื่อนปากเสียทันที

                    “ทำอย่างกับกูไม่โดนหักอยู่ทุกเดือนงั้นแหละ ดีนะที่กูรับถ่ายภาพกับนิตยสารด้วย ถ้ารอเงินเดือนมึงสองคน กูคงอดตาย” นทีแกล้งบ่น

                    “มัวแต่ไร้สาระกันอยู่ได้ ตกลงว่าฉันจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้” เอมิกาพูดขึ้นหลังจากที่ฟังเพื่อนคุยเล่นกันมาพักใหญ่

                    “ก็ไอ้สองคนนี่มันกำลังจะประกาศให้โลกรู้ว่ามันจะเป็นผัวเมียกันอย่างถูกกฎหมายไง”

                    จบคำของนที เอมิกาก็หันไปแสดงความยินดีล่วงหน้าพร้อมทั้งรับซองสีชมพูจากมือทวีชัยมาเปิดดูกำหนดวันฉลองมงคลสมรสที่ระบุไว้ในการ์ดแต่งงาน สักพักเอมิการู้สึกว่าเพื่อนๆ ของเธอเหมือนมีเรื่องจะถาม รู้ได้จากที่ชลลดาเอาข้อศอกสะกิดกรรณิการ์แล้วก็พยักพเยิดมาทางเธอ จนเธอทนไม่ไหวจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียเอง

                    “มีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า” เมื่อเอมิกาเปิดทางให้ สองสาวก็หันไปสบตากันก่อนที่ชลลดาจะเป็นคนพูด

                    “วันก่อนนายพีทมันมาหาฉันที่ห้องเสื้อ มันมาถามถึงแก บอกว่าอยากเจอ”

                    “แล้วแกบอกไปว่าไง” เอมิกาถามไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่ชลลดาเอ่ยถึง

                    “ฉันก็บอกให้มันไปที่ชอบๆ เถอะ อย่ามายุ่งกับแกอีก ไม่งั้นฉันจะไปบอกยัยน้ำเค็มมันก็เลยออกอาการหงุดหงิดหัวเสียกลับไป”

                    เอมิกายิ้มนึกขอบใจเพื่อนคุณหนูที่ตอบได้ตรงใจเธอที่สุด

                    “มันบอกว่ามันโทรหาแกแต่แกไม่รับสาย” ชลลดายังบอกอีก

                    “อืม... ขี้เกียจคุย ออกจากบริษัทนั้นมาก็สบายใจ แล้วมีอีกตั้งหลายเรื่องที่ต้องทำ ฉันไม่มีเวลามานั่งคุยกับผู้ชายกะล่อนแบบนั้นหรอก”

                    เพื่อนสี่คนต่างก็เห็นด้วย จากนั้นก็คุยกันต่ออีกพัก และเมื่อช่วงเวลาพูดคุยอัพเดตชีวิตของแต่ละคนจบแล้ว ทั้งหมดก็กลับมาเปิดเพลงร้องคาราโอเกะกันต่อ โดยกำหนดว่าจะแยกย้ายกันก่อนเวลาตีหนึ่ง เนื่องจากรุ่งขึ้นทุกคนมีงานที่จะต้องทำ

     


    ร่างสูงของอนาวินก้าวไปตามทางเดินเพื่อตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงทีมงาน จากที่คิดว่าจะมาถึงตั้งแต่สามทุ่ม แต่เขามาช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เกือบสองชั่วโมงเหตุเพราะต้องไปรับลินดาอดีตแฟนสาวที่สนามบินแบบกะทันหัน

    ขณะที่อนาวินเดินผ่านห้องคาราโอเกะที่เป็นทางผ่านไปห้องจัดเลี้ยงทีมงานโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักออกมากระแทกเข้าที่หัวไหล่เขาอย่างจัง!

                    “ซุ่มซ่าม... เปิดออกมาทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือหรือว่าเมา” อนาวินเอ่ยตำหนิหญิงสาวที่เปิดประตูมาชน แต่ไม่รู้เป็นเพราะเขาตัวใหญ่หรือเธอไม่มีแรง ประตูมันเลยดีดกลับไปที่หน้าของตัวเอง เขาเห็นคนซุ่มซ่ามยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

                    เอมิกาที่รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิดที่เปิดประตูไปชนชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำลังจะเอ่ยคำขอโทษ แต่พอเจอทั้งคำพูดเชิงตำหนิและน้ำเสียงหงุดหงิดนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่เอ่ยขอโทษจึงห้วนสนิท

                    “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

                    “ง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือ” ชายหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองหน้าคนซุ่มซ่าม

                    “อ้าว! ก็ขอโทษแล้วจะเอายังไงอีก นี่ฉันแค่เปิดประตูมาชนคุณนะ ไม่ได้เอาไม้หน้าสามไปฟาดหัวคุณ”

                    อนาวินมองหญิงสาวที่ยืนเท้าสะเอวตรงหน้าชนิดที่ว่ามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้ววกขึ้นมาที่ใบหน้าอีกครั้ง พลางคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยแถมยังมีรูปร่างที่สามารถเรียกสายตาผู้ชายให้มองจนเหลียวหลังได้ไม่ยากเลย และเขาเองก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นด้วยเหมือนกันถ้าไม่ได้ยินคำพูดคำจาที่หาความนุ่มนวลอ่อนหวานไม่เจอสักนิดของเจ้าหล่อนเข้า

                    สายตาคมกริบที่มองมาทำให้เอมิกาก้มมองตัวเองโดยอัตโนมัติ รู้สึกไม่ชอบใจแววตาที่มองมาอย่างตำหนินั่น แล้วไหนจะรอยยิ้มที่มุมปากนั่นก็อีก ไม่เข้าใจสักนิดว่าไอ้การที่เธอใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนซีดๆ มันไปทำให้สุนัขที่บ้านเขาโดนวางยาเบื่อหรืออย่างไร ขอโทษก็ขอโทษแล้ว แล้วตัวเขาก็ออกจะใหญ่โต ดูไม่เห็นว่าประตูที่ไปกระแทกจะทำให้เขากระเทือนเลยสักนิด เธอเสียอีกที่ตอนนี้รู้สึกปวดหนึบๆ ที่หน้าผากแล้ว

    “มองผู้หญิงแบบนี้ภรรยาที่บ้านไม่ได้บอกหรือไงว่ามันเสียมารยาท” ถ้าจะบอกว่าแม่ไม่สอนก็ดูจะแรงไป เพราะแม่อาจจะสอนแต่เขาอาจไม่จำก็ได้

    “ผู้หญิง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นราวกับแปลกใจ ก่อนจะมองที่ใบหน้าที่ตอนนี้หน้าผากเริ่มบวมนิดๆ ไล่มาหยุดนิ่งตรงหน้าอก อนาวินพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ เชิงว่าเพิ่งเห็นถึงความเป็นผู้หญิงของคนตรงหน้า

    “อืม... ผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ”

    “ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้...”

    รอยยิ้มคล้ายเยาะของผู้ชายไร้มารยาททำให้เอมิกาอื้ออึงนึกคำด่าไม่ออก สายตาคมคู่นั้นยังจ้องอยู่ตรงส่วนแสดงความเป็นผู้หญิงทั้งที่มือของเธอก็ปิดมันไว้จนมิด คิดในใจไม่น่าออกสเต็ปจนต้องถอดเสื้อตัวนอกออกเลย แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอนี่นา และที่สำคัญ ผู้ชายคนนี้ไม่ควรจะมองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงแบบนี้ มันเสียมารยาท!

    ขณะที่เอมิกากำลังหาคำมาด่าผู้ชายตรงหน้า เสียงเรียกชื่อเธอก็ดังขึ้น

                    “คุณเอมิกา”

    คนถูกเรียกชื่อละสายตาจากคนตรงหน้าหันไปมองยังทิศทางที่มาของเสียง

    “คุณอนันต์”

    “อานนท์ครับ” ชายหนุ่มแก้ชื่อของตัวเองให้หญิงสาวทราบ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่เคยจำชื่อเขาได้ แต่อานนท์คิดว่าเขาควรจะปล่อยความไม่เข้าใจนั้นไปก่อน เพราะมีเรื่องที่เขาควรจะให้ความสนใจมากกว่าคือการที่อนาวินยืนคุยกับเอมิกา สองคนนี้รู้จักกันแล้วหรืออย่างไร กำลังจะถามแต่เจ้านายเขากลับเอ่ยตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

                    “ไปได้แล้วนายนนท์” พูดจบร่างสูงก็เดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงทีมงานของเขาทันที ปล่อยให้คนที่ยังไม่เข้าใจมองหน้าหญิงสาวที่ยืนอึ้งเหมือนพูดอะไรไม่ออกอย่างงงๆ

    “ฝากไปบอกเพื่อนคุณด้วยนะ ว่าถ้าแน่จริงก็อย่ามาเดินหนีแบบนี้” เธอฝากคำพูดนั้นให้กับชายหนุ่มหน้าตี๋แล้วมุ่งตรงไปห้องน้ำตามความตั้งใจแรกตอนที่เปิดประตูออกมา ทิ้งให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลยยืนเกาศีรษะของตัวเองอย่างไม่เข้าใจและงงมากขึ้นไปอีกระดับ อานนท์ได้แต่ถามตัวเองว่าที่เขาเห็นสองคนนั้นยืนคุยกันเพราะรู้จักกันนั่นเขาเข้าใจผิดไปใช่ไหม แล้วสรุปเจ้านายเขารู้หรือยังว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่คือเจ้าของที่ดินที่อยากจะได้นักหนานั่น





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×