คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บ่วงปรารถนาจอมมาร 3.1
เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ภาคินกลับมารักเธอใหม่อีกครั้งด้วย
‘ปฏิบัติการเขี่ยถ่านไฟเก่าให้ลุกพึ่บพั่บ’ วันที่ต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลวนารักษ์เพื่อทำหน้าที่ในฐานะพีอาร์โครงการซีเอสอาร์ของโรงพยาบาลพ่วงด้วยตำแหน่งพีอาร์ประจำตัวของท่านผู้อำนวยการวันแรก
พราวพิรุณจึงสร้างความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการแต่งตัวแต่งหน้าเสียจนสวยจับตาชนิดที่ผู้ชายร้อยละห้าสิบซึ่งเป็นชายแท้ๆ
ในร้อยคนจะต้องมองจนเหลียวหลัง
อีกทั้งเธอยังเสริมบุคลิกด้วยรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งถอยมาในราคาเฉียดหลักหมื่น
แน่นอนว่าถึงจะเป็นคนเคยรัก
แต่ความประทับใจแรกเจอก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะแม้จะมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่ง
แต่จะมีอะไรยืนยันได้ว่าเธอจะไม่ถูกภาคินจับโยนออกมาจากโรงพยาบาลเสียก่อน ซึ่งถ้าหากเขาทำอย่างนั้นกับเธอขึ้นมาจริงๆ
อย่างน้อยการที่ผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่งถูกรังแก ‘อย่างน่าสงสาร’
ก็น่าจะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้าง
พราวพิรุณมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมายประมาณสิบนาที
และเมื่อหญิงสาวก้าวออกจากลิฟต์โดยสารที่พาเธอขึ้นมายังชั้นบนสุดของอาคารบีซึ่งเป็นห้องทำงานผู้อำนวยการของโรงพยาบาล
หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นทุกขณะ
และทั้งๆ
ที่โต๊ะทำงานของปราณีซึ่งเป็นเลขานุการของภาคินและเป็นคนประสานงานให้เธอเข้ามาเอาข้อมูลและรายละเอียดของโครงการซีเอสอาร์หรือโครงการที่ดำเนินกิจกรรมภายในและภายนอกองค์กรโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมของทางโรงพยาบาลในครั้งก่อนๆ
อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร แต่พราวพิรุณกลับรู้สึกเหมือนมันช่างไกลเหลือเกิน
“สวัสดีค่ะ
ฉันพราวพิรุณจากอิมเมจ เมนเทอร์ค่ะ” เธอเอ่ยกับเลขาฯ
หน้าห้องของภาคินซึ่งยืนขึ้นให้การต้อนรับด้วยใบหน้าเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ
ฉันปราณี เลขาฯ คุณภาคิน ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ” อีกฝ่ายตอบกลับมา
ก่อนจะกดอินเตอร์คอมเข้าไปรายงานให้คนเป็นเจ้านายทราบว่า... “ผอ. คะ
พีอาร์จากอิมเมจ เมนเทอร์มาถึงแล้วค่ะ”
“ให้เข้ามา”
แค่เสียงของเขาก็ทำให้เธอใจสั่นเสียแล้ว
พราวพิรุณลอบกลืนน้ำลาย
และในเวลาต่อมาเมื่อเธอก้าวตามปราณีไปยังประตูห้องทำงานบานใหญ่ เธอก็พบว่าไม่ใช่แค่หัวใจเท่านั้นที่สั่น
เพราะแม้แต่ขา มือ ลมหายใจ ก็ยังสั่น หรือจะบอกว่าสั่นไปทั้งตัวเลยก็ว่าได้ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ถอยโดยที่ยังไม่ได้สู้อย่างเด็ดขาด!
เป็นไงเป็นกันสิ!
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกหลังจากปราณีส่งสัญญาณให้คนในห้องรับรู้พอเป็นพิธี
จากนั้นพราวพิรุณก็ก้าวตามอีกฝ่ายเข้าไป และหัวใจเธอก็เต้นแรงจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก
เมื่อเห็นว่าภายในห้องทำงานกว้างขวางนั้นมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ชิดกับผนังกระจกด้านหนึ่ง
และ ‘เขา’ ก็นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวนั้นด้วยบุคลิกที่สง่าผ่าเผย
เวลาเกือบแปดปีทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีมาดของความเป็นผู้นำ แต่ความหล่อเหลาของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
ตรงกันข้ามเวลานี้เขากลับยิ่งดูคมคายและมีเสน่ห์ชวนมองมากขึ้นด้วยซ้ำ
แต่ในเวลาเดียวกัน พราวพิรุณกลับรู้สึกว่า ‘เขา’
ในวันนี้ให้ความรู้สึกเข้าถึงยากอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นภาคินก็เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า...
และเพียงแค่แวบแรกที่ได้สบตากัน
ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งงัน...
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน”
แล้วพราวพิรุณก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกไปก่อน พร้อมกับยกมือไหว้ทั้งตามมารยาทและด้วยจำได้ดีว่าเขาอายุมากกว่าเธอห้าปี
“คุณมาทำอะไรที่นี่
คุณพราวพิรุณ” หลังจากที่ชะงักงันไปชั่วครู่หนึ่ง ภาคินก็ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบพอๆ
กับสายตาของเขา
พราวพิรุณกลืนน้ำลาย
ท่าทางห่างเหินที่เขาแสดงออกมาทำให้หัวใจของเธอวูบไหวอย่างช่วยไม่ได้
และแววตาที่คล้ายจะตะลึงงันไปเพียงชั่วแวบหนึ่งด้วยความตกใจที่กลับมาเย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างรวดเร็วของเขาก็เหมือนจะบอกว่า...เธอหาได้มีตัวตนสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
“ผอ.
คะ นี่คุณพราวพิรุณ พีอาร์ที่มาจากอิมเมจ เมนเทอร์ค่ะ” เลขาฯ วัยสี่สิบเอ่ยแนะนำขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องดูแปลกๆ
ยังไงพิกล และฟังจากคำทักทายของคนเป็นเจ้านายก็เหมือนจะรู้จักกับพราวพิรุณมาก่อนอย่างนั้นล่ะ
“ผมขอคุยกับคุณพราวพิรุณเป็นการส่วนตัวสักครู่”
ได้ยินเจ้านายบอกแบบนั้นปราณีก็กลับออกไปอย่างรู้หน้าที่
และเมื่อพ้นร่างของเลขานุการมาดเนี้ยบแล้ว ภาคินก็เอ่ยกับคนที่ยังยืนนิ่งอยู่กลางห้อง
“นั่งสิ”
พราวพิรุณลอบถอนหายใจเบาๆ
อย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้สั่งให้คนมาจับตัวเธอโยนออกไป เธอพยายามควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้มันเต้นแรงจนเกินไปแต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลนัก
จากนั้นถึงได้เดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขาตามคำเชิญ
“คุณรู้มาก่อนใช่ไหมว่าจะต้องมาเป็นพีอาร์ให้ผม”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจเดิมขณะจ้องใบหน้าสวยคมของคนตรงหน้านิ่งๆ
“ค่ะ”
“งั้นคุณต้องการอะไร
คุณพราวพิรุณ”
“ต้องการอะไร?
หมายความว่ายังไงคะ” เธอถามออกไปอย่างไม่เข้าใจในประโยคคำถามของเขา
“ก็ทั้งๆ
ที่รู้ว่าคนที่คุณต้องมาทำงานด้วยคือผม แล้วทำไมถึงได้รับงานนี้” หรือว่าที่ผ่านมาเธอยังปั่นหัวเขาไม่สะใจพอ!
พราวพิรุณกำมือที่วางอยู่บนตักแน่น
“ฉันเป็นแค่พนักงานของอิมเมจ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายค่ะ
และฉันก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอ”
ภาคินยกมุมปากขึ้นยิ้มเหมือนจะเยาะพลางกวาดสายตามองหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงตรงหน้า
ก่อนที่แววตาคู่คมจะวาบขึ้นมาอย่างมาดร้ายซึ่งแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
“งั้นก็ดี”
เสียงเข้มห้วนนั้นเอ่ยออกมาสามคำ
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอม “คุณปราณี เดี๋ยวคุณช่วยโทรไปบอกชรัณให้ผมทีนะ
ว่าบ่ายนี้ไม่ต้องไปชลบุรีกับผม ผมจะให้คุณพราวพิรุณไปแทน”
พราวพิรุณได้ยินภาคิณบอกกับเลขาฯ
ของเขาแล้วได้แต่ตะลึงงันด้วยความที่ไม่คาดคิดว่าเขาจะ ‘ง่าย’ ถึงเพียงนี้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเธอจะต้องไปชลบุรีกับเขาด้วย
เธอมาทำงานในฐานะพีอาร์นะ ไม่ใช่เลขาฯ หรือผู้ช่วยของเขาเสียหน่อย
@@@@@@@
อีบุ๊กมาแล้วน้าาาาาาา
ตอนนี้เค้ากำลังเขียน วิวาห์แสนรัก อยู่นะคะ
ฝากแอดแฟนไว้ด้วยน้าาาาาาา
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2203491
@@@@@@@@@@@@@@@
ฝากอีบุ๊กเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น