ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เบื่อจริง...พวกห้อง 1

    ลำดับตอนที่ #1 : โชคดีหรือร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 47


        

        นี่ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าความซวยหรือมหาซวยกันแน่ ที่ต้องมาอยู่ห้อง 1 กับเขา ห้องที่ทุกคนชื่นชมและเป็นห้องที่หลายคน

    ใฝ่ฝันจะมาอยู่เหลือเกิน แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจอะไรเลย เพราะตั้งแต่เรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงม.ต้น

    ก็ไม่เคยได้สัมผัสกับการอยู่ห้อง 1 กับเขาเลย และไม่เคยมีความรู้สึกเสียใจเลยด้วยซ้ำที่ไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับมัน

        แต่ตอนนี้ซิครับ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะผมมีชื่อติดอยู่ในห้อง 1 แล้วครับ หลังจากที่ตัวเองเคยอยู่ห้อง 2

    มาตลอดตั้งแต่อนุบาลยันม.ต้น และพวกคุณรู้ไหม พวกผมโดนกรอกหูมาตลอดเวลา ว่าทำไมทำไม่ได้ ทำไมเรียนไม่รู้เรื่อง

    ไม่เห็นเหมือนห้อง  1 เลย ซึ่งพวกผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมต้องเอามาเปรียบเทียบกันด้วย ถ้าผมเก่งป่านนี้ก็อยู่ห้อง 1

    แต่แล้วแรก แล้ววันนี้ชื่อผมมาติดอยู่ที่ห้อง 1 พร้อมกับเพื่อนห้อง 2 อีก 5 คน นี่จะเป็นสวรรค์หรือนรกของพวกผมกันแน่เนี่ยะ

    นี่หละครับ จุดเริ่มต้นของผมก็รู้สึกเบื่อขนาดนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าจะเบื่ออะไร ที่มาอยู่ห้อง 1 ออกจะดี แต่ผม

    กับชีวิตที่แปลกใหม่ในครั้งนี้ มันน่าเบื่อจริงๆ นะครับ ไม่เชื่อลองดู

        “อ้าวต้น เพิ่งมาเหรอ นั่งข้างเราก็ได้นะ ตรงนี้ว่าง” เสียงของเอก เด็กเก่งศิลปะประจำห้อง ชวนให้ผมนั่งโต๊ะข้างเขา

    สำหรับห้องเรียนนี้เป็นโต๊ะติดกัน  2 ตัว เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีบัดดี้ โดยอัตโนมัติจากการนั่งที่นี่แหละ

    ในเมื่อเขาชวนผมก็ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว

        “อืม ขอบใจนะ ว่าแต่นี่ไม่เห็นมีคนมาเท่าไหร่เลย เราเข้ามานึกว่ามาผิดห้องซะอีก” ผมวางกระเป๋าลงและถามเอกทันทีที่นั่งลง

        “นี่เป็นปกติ ยังไม่มีเสียงเคารพธงชาติ ยังไงก็ยังไม่มาหรอก ไม่อยู่โรงอาหาร ก็นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดนั่นแหละ” เอกอธิบายให้ฟังพร้อมกับวาดภาพที่ยังค้างอยู่ ซึ่งผมก็เพิ่งสังเกตตอนนี้นี่เอง ขณะที่กำลังจะถามเกี่ยวกับภาพนี้ ทันใดนั้นเอง

        “อ้าว น้องใหม่ เป็นไงบ้าง ยินดีต้อนรับสู่ห้อง 1” ผมหันกลับไปดู ว่าต้นเสียงนั้นคือใคร เสียงนั้นก็คือเสียงของไอ้จุ๊ก

    เด็กห้อง 1 นี่เอง กิตติศักดิ์เรื่องปากเสียของมันนี่ตั้งแต่ม.ต้น ผมเลยปลงๆ ไม่สนใจเสียงที่มันพูดออกมา



        “๑๑เอก๑๑ เด็กหัวศิลป์ มีศิลเปรอะ อยู่ในหัวใจสุดสุด จนบางครั้งหลายคนมองว่าเป็นตัวแปลกแยก จากสังคม

    แต่ด้วยความจริงใจ ก็ทำให้เขาเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง”

        “๑๑ไอ้จุ๊ก๑๑ คนปากหมาประจำห้อง ที่ทุกคนในห้องไม่กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียง เพราะถ้าขืนเถียงกลับไปหละก้อ

    รับรอง วันนั้นหูคนจะหนวกแน่ๆเลย”




        นี่แค่ไม่ถึง 10 นาทีแรก ผมก็เริ่มเบื่อมันอีกแล้วหละเนี่ยะ แล้ววันนี้จะเป็นยังไงนะ ผมนั่งคิดอยู่สักพักนึง ดาว กับ ติ๊ก

    เพื่อนที่มาจากห้อง 2 เหมือนกันก็เข้ามาทักผม



        “๑๑ดาว๑๑ สาวน้อยร่างเล็ก ใส่แว่นหน้า ดูเหมือนตุ่นเดินไปเดินมา แต่ในความเฉิ่มเชย

    ก็แอบซ่อนความเปรี้ยวเอาไว้จนใครๆ อาจจะไม่เชื่อก็ได้”

        “๑๑ตั๊ก๑๑ สาวน้อยรูปร่าง สวยโปร่ง เรียบร้อย ติ๋มติ๋ม บ้าละครเป็นที่หนึ่ง แต่ความจริงใจ ถือว่าเต็มร้อย”




        “นี่ ต้นทำอะไรอยู่หละ นั่งซึมเลย เป็นอะไรหรือเปล่า” ดาวที่ทุกคนเห็นว่าเป็นเด็กเรียบร้อย ใส่แว่น ตัวเตี้ยๆ

    แต่ถ้าใครคบด้วยไปนานๆ จะรู้เลยว่านี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ถามขึ้นมา

        “เราคิดผิด หรือถูกกันแน่ที่มาอยู่ห้องนี้ เราไปทำเรื่องย้ายห้องได้ไหมเนี่ยะ” ผมรำพันกับดาวและตั๊ก เพราะเราสนิทกันมาก

    เนื่องจากเรียนด้วยกันมาตลอด 3 ปี ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ในห้อง เราจะปรึกษากันได้ตลอด

        “อย่าเพิ่งเลย ลองดูกันไปก่อนแล้วกัน นี่ได้ข่าวว่ามีเด็กห้อง 4 โดนจับมาเรียนห้อง 1 ด้วยหละ ชื่อกุ้ง” ตั๊กซึ่งเหมือนคู่แฝดของดาว พูดขึ้น

        “ไรว่ะ มีจับยัดด้วยเหรอ กุ้งนี่ใช่ผู้หญิงหัวหยิกๆ อ่ะป่าว” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันต่อไป ก็

    มีเสียงเตือนให้ทุกคนลงไปเคารพธงชาติ เรื่องราวที่คุยกันอยู่เมื่อครู่ จึงต้องมีอันพับเก็บไว้ก่อน เพราะโรงเรียนนี้ ขืนไปเข้าแถวไม่ทัน

    ต้องมีเฮ แน่ๆ เลย

        ตอนนี้ก็เข้าสู่ชั่วโมง โฮมรูมแล้ว ตอนนี้ผมเห็นหน้าเพื่อนๆ ทุกคนเรียบร้อย จากการนับด้วยสายตาอันว่องไวของผม

    ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า 34 คนที่นั่งอยู่นี่ ดูเหมือนว่าเด็กจากห้อง 1 เดิม เกินครึ่งแน่นอน แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ  เพราะหลังจากที่ให้แนะนำตัวกันเรียบร้อย ปรากฏว่ามีเด็กจากห้อง 1 18 คน ห้องอื่นๆ 12 คน และมีเด็กจากต่างโรงเรียน 4 คน      

    ซึ่งนับว่าน้อยเหมือนกันนะเนี่ยะ เมื่อเทียบกับห้องอื่นๆ  ตอนนี้อาจารย์ที่ปรึกษาออกไปนอกห้อง แล้วปล่อยให้เราจัดการเลือก

    ตัวแทนห้องกันเอง ซึ่งคนที่จัดการก็ไม่ใช้ใคร เจ๊มัจกับเจ๊กั๊ก ที่ผมแอบเรียกว่าคู่แสบ นั่นเอง



        “๑๑เจ๊กั๊ก๑๑  สาวผิวดำเข้ม ตัวเล็กน่าทะนุถนอม  ความสามารถพิเศษ สามารถพูดได้หูดับตับไหม้

    พูดได้ตลอดเวลาไม่มีหยุด แถมการเรียนก็ไม่น้อยหน้าใคร”

        “๑๑เจ๊มัจ๑๑  สาวรูปร่างอวบอัดเล็กน้อย  ความสามารถของเธอ กับสำนวนภาษาอังกฤษที่ไม่เคยแพ้ใคร เ

    ข้าคู่กับง่ายกับ ไอ้จุ๊ก”




        “เอาหละเพื่อนๆ ตอนนี้เราจะมาเลือกหัวหน้าห้องกันนะค่ะ ใครอยากเสนอชื่อของใครก็บอกกันมาเลยนะค่ะ

    แล้วเดี๋ยวเราจะมาเลือกกันอีกที” เสียงใสกังวาลของเจ๊กั๊ก นั่นเองที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผม

        “เพื่อนๆ ลองเสนอชื่อมานะ เดี๋ยวเราจะมาเขียนบนกระดาน เอาเพื่อนจากห้องอื่นก็ได้นะจ๊ะ” เจ๊มัจนั่นเองที่พูดต่อขึ้นมา

    ทุกคนส่งเสียงดังเซ็งแซ่กัน ตลอดเวลา ต่างคนก็เลือกเพื่อนคนนู้น คนนี้ กะจะแกล้งกันตลอดเวลา สุดท้ายเราก็ได้ตัวแทนมา 3 คน

    นั้นก็มีเจ๊กก อีวิท และป้าวอ



        “๑๑อีวิท๑๑ หัวหน้ากลุ่มนังข้างล่าง เป็นหัวหน้ากลุ่มของคนรับใช้ ที่ไม่ว่างานอะไรก็จะตกมาอยู่ที่มันตลอดเวลา

    จนมีคำอุทานติดปาก ว่า อะไรก็กู อะไรก็กู รูปร่างสูงใหญ่ กินเก่ง แต่เรื่องความฉลาดก็ไม่รองใครเหมือนกัน”

        “๑๑ป้าวอ๑๑ ฉายาเหฯ หน้าเลือด ที่ทุกคนพร้อมใจตั้งให้ เนื่องจากกิตติศัพท์เรื่องความเค็ม นี่สุดยอดจริงๆ แม้รูปร่างจะเล็ก

    ตัวผอมบางเห็นกระดูก แต่ถ้าเอาเรื่องขึ้นมา แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกก็มิกล้าฮือเธอ”




        ผมนั่งมองชื่อบนกระดาน แล้วก็นึกอยู่ในใจ มีแต่เด็กห้อง 1 แล้วนี่จะให้เลือกทำไม พอผลการโหวตออกมา ก็ปรากฏว่า

    อีวิท ได้เป็นหัวหน้าห้อง ไม่รู้ว่าควรดีใจกับมันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ที่คะแนนล้นพ้น นั่นก็คือ ป้าวอ ที่ได้เป็นเหรัญญิกของปีเราไปแบบ

    ไม่มีข้อโต้แย้ง

        วันแรกกับการเรียน พูดถึงมันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะรู้สึกว่าอาจารย์จะไม่ค่อยกล้าดุว่า หรือ พูดไม่ดี กับพวกเราเลย

    จนผมสงสัยว่าไอ้คำว่าห้อง 1 มันทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ วันนี้ผมก็เริ่มรู้จักคนในห้อง 1 และเพื่อนๆ

    อีกหลายคนแล้ว ซึ่งแต่ละคนก็มีนิสัยที่แตกต่างกันไป จนผมยังคิดเลยว่า ไอ้นี่นี่นะเด็กห้อง 1 ไม่น่าจะเชื่อเลย  ไว้

        “เฮ้ย เลิกเรียนแล้วหวะ วันนี้ไปเตะบอลกันไหมว่ะ วันนี้ท่าทางสนามว่าง” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา เสียงพี่วีนั่นเอง

    วันนี้เห็นนั่งคุยอยู่ทั้งวันไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่หรอก แต่เรื่องกีฬานี่ถือว่าหาตัวจับยากทีเดียวนะเนี่ยะ

        “เออ ไปดิว่ะ กำลังเซ็งๆ เลย วันนี้กูโดนให้ไปแข่งงานวิชาการอีกแล้วหวะ นี่แค่วันเปิดเทอม ก็โดนแล้ว

    แบบนี้ทั้งเทอมกูต้องไปแข่งกี่รอบนิ”เก็ก หนุ่มหน้าตี๋ หัวกะทิระดับต้นๆ ของห้องพูดขึ้นมา

        “งั้นไปเฮอะ มีกี่คนเนี่ยะ จะได้แบ่งทีมกันถูก อ้าวแล้วพวกนายจะไปด้วยกันหรือเปล่า” พี่วี พูดขึ้นมา

    แต่พวกผมและเด็กใหม่ก็ไม่มีใครไป ตกลงจึงมีแค่ 8 คน ซึ่งเป็นผู้ชายจากห้อง 1 เดิมนั่นเองที่ไปเล่นกัน



        “๑๑พี่วี ๑๑ หนุ่มหุ่นล้ำ นักกีฬา ใจป้ำกับเพื่อนๆ แต่นิสัยที่ไม่สามารถแก้ได้ คือ หูดำ”

        “๑๑เก็ก๑๑ หนุ่มหน้าตี๋ ที่ทุกคนลงความเห็นว่าไม่ได้หล่อเลย แต่มันคิดตลอดเวลาว่ามันนี่ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ แต่เรื่องเรียนจัดได้ว่าเป็นหัวกะทิ ชั้นเยี่ยมจริงๆ”




        แล้ววันนี้ก็หมดไป ผมกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกว่าเรายังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่ และคงยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา

    เด็กที่หน้าตาพอดูได้ กับหัวสมองที่ถูๆไถๆ เข้ามาเรียนได้ด้วยโชค (ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย) แล้วอย่างงี้ ผมจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดีเนี่ยะ

    จะอยู่ต่อได้ไหมอีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×