ตอนที่ 68 : -29-
ดวงหน้าของชเว ซีวอนสะบัดตามแรงตบของพ่อตาตัวเอง ดวงตาของชายชราครานี้กราดเกรี้ยว ลูกสาวคนเล็กของเขาขึ้นไปขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง...ไม่ยอมออกมา และในเมื่อไม่สามารถจัดการกับโจ คยูฮยอนได้ เขาก็จะลงโทษเอากับพี่ชายของมันนี่แหละ
“ผม...” ซีวอนสูดลมหายใจลึก
“...ไม่มีคำแก้ตัวใดๆครับ”
“พวกแกทำให้ฉันผิดหวัง! ทั้งแกและน้องชายของแกทำให้ฉันผิดหวัง!!”
ประธานชองระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุด ตวาดใส่ดวงหน้าของอีกคนอย่างกราดเกรี้ยว
“...ฉันร่วมงาน ช่วยงานพ่อของแกมาตั้งแต่แกยังไม่ลืมตาดูโลก! แล้วนี่แกทำกับลูกสาวของฉันแบบนี้น่ะเหรอ!? แกกล้าทำกับลูกสาวทั้งสองคนของฉันแบบนี้น่ะเหรอ!!? พวกแกจะทำให้ฉันผิดหวังไปจนถึงเมื่อไหร่!!?”
“ผมเสียใจ”
ซีวอนเอ่ยเสียงเบาหวิว เขาเองก็ไม่คิดอยากทำร้ายคนของตระกูลชองเช่นนี้หรอกนะ
“...แต่ผมกับคยูฮยอน เราไม่อยากให้เฮริมเป็นเหมือนพี่สาวของเธอ คยูฮยอนไม่ได้รักเธอ...มันคงดีกว่าที่เขาล้มเลิกงานแต่งงานในครั้งนี้”
“แล้วพวกแกจะรับปากแต่งงานกับลูกสาวของฉันทำไม!!?”
หนังสือสันหน้ากระแทกดวงหน้าคม ฝากฝังรอยช้ำไว้ที่โหนกแก้ม
“...แกทำให้ชีวิตลูกสาวคนโตของฉันต้องเจ็บปวด! ทำให้ชื่อเสียงของลูกสาวคนเล็กฉันต้องแปดเปื้อน!! นี่คือสิ่งที่ตระกูลชเวตอบแทนฉันแบบนี้เองน่ะเหรอ!? ห๊า!!?”
“นั่นคือความผิดของพวกเราครับ...” ซีวอนหลับตาแน่น
“...เราไม่สามารถรักคนของตระกูลชองได้ นั่นเป็นความผิดของพวกเราเอง”
“แกพูดได้แค่นี้เองน่ะเหรอชเว ซีวอน!!”
หมัดหนักๆปะทะแก้มขาวจนอีกคนล้มลง หากชายหนุ่มยังนิ่ง...ไม่คิดตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น
“ผมจะชดใช้ให้ ได้โปรดบอกมาเถอะว่าเราจะทำอะไรเป็นการไถ่โทษให้ได้”
“ถ้าอย่างนั้น...” ประธานชองนิ่งไปนิด ก่อนจะเอ่ยออกมาทำให้ดวงตาของอีกคนเบิกกว้าง
“...แกก็เอามินโฮกลับมาอยู่ที่ตระกูลชอง! ฉันไม่ยอมให้หลานชายของฉันถูกเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ชายไม่เอาอ่าวเหมือนพ่อและอาของมันหรอก!!”
“มะ...ไม่ได้นะครับท่านประธาน!”
ชางมินที่เงียบมานานหลุดพูดเป็นครั้งแรก ก่อนจะเงียบกริบลงเมื่อดวงตาคมกริบของชเว ซีวอนตวัดมอง
“เอามินโฮกลับมา...ฉันจะเลี้ยงหลานของฉันเอง!!”
“อย่าเลยค่ะคุณพ่อ...”
เสียงสั่นเครือดังมาจากหญิงสาวที่ดวงหน้านั้นซูบซีดลงผิดตา ประธานชองผวาหันกลับไปมองลูกสาวคนเล็กของตนที่กำลังประคองตนลงมาจากบันได ดวงหน้าของหล่อนยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“เฮริม...”
“มินโฮมีความสุขที่บ้านหลังนั้นนะคะ...” เฮริมเอยออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“...มินโฮต้องการพ่อของเขานะคะคุณพ่อ”
“...แต่ว่ามัน...!!”
“พี่คยูฮยอนทำถูกแล้วล่ะค่ะ!!...” หญิงสาวตวาดออกมาในที่สุด
“...เขาทำถูกแล้วที่ไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยรัก...ไม่ได้รัก...และก็คงจะรักไม่ได้ด้วย!”
“เฮริม!!”
“พ่อต่างหากที่ให้หนูหมั้นกับเขาทำไม!? พ่อนั่นแหละที่พาหนูมาเจอเขา! พ่อ...ทำให้หนูรักเขา...”
ชอง เฮริมทรุดตัวลงร้องไห้โฮออกมาอย่างหน้าไม่อาย ประธานชองถึงกับชะงักกับคำพูดของบุตรสาว
“...ทั้งหนูและพี่ฮเยอิน พ่อไม่เคยถามเราเลยสักคำว่าเราจะยอมแต่งงานกับคนของตระกูลชเวไหม หนูคงจะไม่เข้มแข็งเหมือนพี่ฮเยอินถ้าหากหนูต้องแต่งงานกับพี่เขา...หนูคงทนไม่ได้ถ้าหากต้องอยู่กับผู้ชายที่หนูรัก แต่เขา...ไม่วันรักหนู”
“เฮริม...” ประธานชองทรุดตัวลงโอบกอดบุตรสาวคนเล็ก
“...อย่าทำอย่างนี้สิลูก น่าอายเขานะ ยืนขึ้นเถอะคนดีของพ่อ”
“พ่อสนพวกหนูด้วยเหรอคะ พ่อไม่ได้สนแต่กิจการของพ่ออย่างนั้นเหรอ!? พ่อไม่ได้สนแต่ว่ารายได้ของตระกูลชเวจะทำให้พวกเรามั่งคั่งขึ้น...พ่อถึงพยายามผูกมัดพวกเขาให้อยู่กับเราน่ะ!!”
“...”
คนเป็นพ่อถึงกับนิ่งงัน ชอง เฮริมปาดน้ำตาของตัวเองก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น
“ให้หลานอยู่กับพ่อของเขาเถอะค่ะ ยังไงเขาก็เป็นสายเลือดตระกูลชองคนนึง แค่นี้มันก็น่าจะสมใจพ่อแล้วนะคะ”
“...”
“กลับไปเถอะค่ะพี่ซีวอน...” หญิงสาวหันมาทางชเว ซีวอนที่ยืนนิ่ง
“...แล้วฉันจะคุยกับพ่อเองนะคะ พี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ รับรองว่าเราจะไม่เอาเรื่องอะไรตระกูลชเวหรอก”
“เฮริม...” ซีวอนถึงกับนิ่งงัน เขาเดินเข้ามาใกล้อีกคนก่อนจะโค้งศีรษะให้
“...พี่ขอโทษแทนคยูฮยอนด้วยนะ”
ชอง เฮริมถึงกับเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างขมขื่น
“ค่ะ”
**
“อาป้า~”
เสียงเล็กๆของชเว มินโฮ ก่อนที่ร่างเล็กๆนั่นจะวิ่งมากระโดดกอดพ่อเสียทั้งตัว ชเว ซีวอนยิ้มรับก่อนจะก้มลงช้อนร่างนุ่มๆนั่นขึ้นมาฟัด ดวงตาเหลือบเห็นอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่กลางบ้าน อี ฮยอกแจสูดลมหายใจลึกเมื่อเห็นบาดแผลบนดวงหน้าของอีกฝ่าย
“อาป้าโดนอะไรมาคับ”
มินโฮถามพลางเอื้อมมือมาแตะเบาๆที่โหนกแก้มของพ่อตัวเอง
ซีวอนยิ้ม ก่อนจะตัดบทเสียงนุ่ม
“เรื่องมันยาวครับ มินโฮเข้านอนเถอะนะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนโรงเรียนประถมวันแรกนี่”
“คับ”
เด็กน้อยพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเตาะแตะเข้าห้องนอนของตัวเอง ไม่วายหันมายิ้มและโบกมือลาฮยอกแจที่โบกมือรับพร้อมยิ้มจางๆ
“ท่าทางจะโดนมาหนักเหมือนกันนี่น่า”
ประธานแห่งโรสมาร์คยิ้มหวาน ขณะที่อีกคนถอดเสื้อนอกและปลดเนคไทของตัวเอง ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง
“คุณชองเขาก็อารมณ์ร้ายแบบนี้แหละ แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ...ผมต้องรับผิดชอบแทนคยูฮยอน”
“ความจริงโรสมาร์คเองก็ควรจะรับผิดชอบ...” ฮยอกแจว่าพลางหยิบกล่องยาขึ้นมาเปิด เชยคางอีกคนให้หันมามอง
“...มานี่ จะทำแผลให้”
ซีวอนเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา มิน่าถึงได้มาดักรอเขาถึงคอนโดที่อาศัยอยู่ชั่วคราวนี่...เป็นห่วงเขาล่ะสินะ
“ยิ้มอะไร”
คนที่ถูกมองถามเสียงห้วน เขาไม่ค่อยชอบสายตาที่เหมือนรู้เท่าทันเขาไปเสียทุกอย่างของชเว ซีวอนเลยสิ ให้ตายสิ
“คุณเป็นห่วงผม”
“ฉันมาที่นี่เพราะอี ทงเฮต่างหาก”
คำพูดนั้นทำเอาซีวอนต้องยิ้มออกมามากกว่าเคย
“ปากแข็ง”
“แล้วนายจะทำอะไรฉันได้ล่ะ”
เสียงถามยียวนจนอีกคนอดไม่ได้ที่จะรั้งดวงหน้าสวยจัดนั่นมาประทับจูบที่เรียวปากนิ่มนั้นแรงๆ ซอกซอนปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสความนิ่มนวลนั่นโดยที่เหยื่อแสนหวานตรงหน้ายังไม่รู้ตัว เกาะเกี่ยวดูดดุนจนอี ฮยอกแจแทบหมดลมหายใจ
“พอ...พอแล้ว...”
เสียงห้ามกระเส่าหวาน ซีวอนย้ำจูบของตัวเองอีกครั้งก่อนจะผละออกมา ฮยอกแจมองค้อนจนตาวาวก่อนจะหลุบตาต่ำ เอ่ยทั้งแก้มใสแดงเรื่อ
“อื้อ...ห่วง”
ชเว ซีวอนหลุดยิ้ม เอียงหน้าเข้าหาสัมผัสลมหายใจอุ่นๆนั่นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปใหม่ คราวนี้อี ฮยอกแจยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง แลกสัมผัสกันจนรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนที่เจือจางมา
“ผมคิดถึงคุณ”
เอ่ยบอกความรู้สึก กดปลายจมูกที่แก้มใสที่แดงเรื่อ ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
ดวงตาสีอำพันปรือขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนหวาน กดจูบเบาๆที่แก้มขาวพร้อมกระซิบแผ่วที่ข้างใบหู
“พูดแปลกจริง...เราก็เจอกันที่งานเลี้ยงบ่อยๆนี่น่า”
“หมายถึง...ตอนที่ไม่ใช่ประธานของไลอ้อนจิวเวอร์รี่ หรือว่าโรสมาร์คน่ะ...” ร่างสูงแตะจมูกที่จมูกโด่งรั้นนั่นเบาๆ ลูบไล้เส้นผมสีอ่อนของอีกคนอย่างนุ่มนวล
“...คุณน่ะไม่รู้อะไร คุณอยู่กับผมจนผมชิน พอกลับบ้านมาไม่เห็นคุณแล้วมันเหงาพิลึกเลย”
“จะเหงาอะไร มีมินโฮกับคยูฮยอนอยู่ด้วยนี่น่า” ฮยอกแจหัวเราะเบาๆ เฉไฉไปเรื่อย
“มันไม่เหมือนกันนี่ แล้วอีกเดี๋ยวคยูฮยอนเขาก็คงจะไม่มีเวลากลับมาบ้านแล้วล่ะ ถ้าคนในบ้านหายไปอีกคนมินโฮคงเหงาแย่ คุณสนใจจะมาอยู่กับผมไหมล่ะ”
“เจ้าเล่ห์จริงนะ!”
ฮยอกแจว่าเข้าให้ ชักสีหน้าก่อนหัวเราะคิกเมื่ออีกคนเลื่อนสัมผัสมาที่ฐานคอขาว
“นี่...”
ประธานของโรสมาร์คทุบเบาๆที่ไหล่แกร่ง เมื่อสัมผัสนั่นมันเริ่มจะเกินเลยเข้าไปทุกที
“...ไม่เอาน่า นายจะไม่ให้ฉันกลับบ้านหรือยังไง”
“ก็คิดว่าจะไม่ให้กลับ...”
คนพูดว่าหน้าตาเฉย ฮยอกแจอุทานออกมาเบาๆเมื่ออีกคนช้อนร่างของเขาขึ้น ซีวอนยิ้มหวานใส่ดวงหน้าตระหนกของคนที่อยู่ในวงแขน เขาเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์
“...คืนนี้ผมไม่ให้คุณกลับไปง่ายๆเหมือนคืนก่อนๆหรอกนะ”
“นี่...”
ฮยอกแจรู้สึกเหมือนจะสรรหาคำมาด่าคนตรงหน้าไม่ออก ขณะที่ถูกพาตัวไปที่เตียงนอนของอีกฝ่าย
“...นายนี่จริงๆเลย!!”
“ก็คุณบอกเองว่าโรสมาร์คควรจะรับผิดชอบ...”
ซีวอนว่าซื่อๆตาใสๆ ขยับกายขึ้นคร่อมร่างของอีกคนทั้งตัว ก้มลงบรรจงหอมฟอดที่แก้มเนียน
“...แล้วนี่ปล่อยให้ผมโดนท่านประธานชองตีเอาๆอยู่ได้คนเดียว งั้นผมเองก็มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองนี่น่า ถูกไหม?”
“ชเว ซีวอน นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ”
คนตัวเล็กว่าเข้าให้ ขณะที่ดวงหน้าแดงก่ำเมื่อรู้ว่าตัวเองคงไม่อาจรอดพ้นคืนนี้
“แบบนี้ไงครับ ถึงได้สูสีกับคุณได้”
ซีวอนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากมน เลื่อนมาที่แก้มใสแล้วกระซิบแผ่ว
“...แต่จะเจ้าเล่ห์กับแค่คุณคนเดียวนะ รับรองได้เลย”
“ไม่เชื่อหรอก นายมันพวกชอบกลืนน้ำลายตัวเอง” ว่าพลางเม้มปากเสียจนแน่น
“เชื่อเถอะ...” ร่างสูงดึงมืออีกคนมาไว้ที่ตำแหน่งอกด้านซ้าย
“...เพราะผมรับรองด้วยหัวใจเลยคราวนี้”
เจ้าของดวงตาสีอำพันชะงัก ก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่นซ่อนรอยยิ้มพึงพอใจของตนเอง ท่าทางน่ารักน่าชังเสียจนร่างสูงต้องประทับจูบแผ่วเบาที่แก้มขาว เลื่อนไปกระซิบเบาๆ
“ผมรักคุณ”
ดวงตาสีอำพันเบิกโพลง หันมาสบดวงตาสีดำเข้มนั่นอย่างตระหนก ความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมาทั้งแววตาและสัมผัสทำเอาหัวใจเต้นระส่ำ
“โกหก...” เลือกที่จะปฏิเสธพร้อมเม้มปากแน่นอีกครั้ง
“ว้า~ รู้อีกว่าโกหกอ่ะ ที่จริงผมรักอึนฮยอกต่างหากล่ะ”
“ชเว ซีวอน!!...” คราวนี้โกรธจัดขนาดลุกขึ้นมาผลักอกอีกคนออกห่างตัวเลย
“...ฉันจะกลับบ้านแล้ว!!”
ร่างสูงรีบคว้าเอวคนที่ผุดลุกขึ้นมาก่อนจะใช้แรงกดให้ล้มลงไปกับเตียง สบดวงตาสีอำพันที่วาววับนั่นพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะคลอเคลียจมูกโด่งที่แก้มใสท่ามกลางอาการขัดขืนที่อ่อนแรงลงของอีกคน
“โกรธที่ผมบอกว่าโกหก เพราะว่าคุณเองก็รักผมเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? หือ~?”
คนถูกถามชะงักกึก หันมองดวงตาพราวระยับของอีกคนแล้วเม้มปากแน่น ทิ้งตัวลงนอนอย่างเย็นชาจนคนมองถึงกับใจหาย
“ฮยอกแจ...” ซีวอนทรุดตัวลงเคียงข้างอีกคน เกลี่ยเส้นผมสีอ่อนออกจากดวงหน้าเฉยชานั่น
“...ขอโทษ...”
“...”
“...ผมรักคุณจริงๆ ต่อไปผมจะไม่เล่นอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ ฮยอกแจอ่า”
“แต่ฉันเกลียดนาย...”
ร่างบางเอ่ยพลางมุดหน้าลงกับหมอนหลบสายตา ซีวอนชะงักกึก ฮยอกแจเอ่ยเสียงอู้อี้ทั้งๆที่ยังไม่ยอมสบตา
“...ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนที่ฉันนึกว่าฉันต้องเสียอึนฮยอกไป ฉันก็เกลียดนายแล้ว...”
“...”
“...เพราะฉันรู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอึนฮยอก และเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันจำเป็นต้องเกลียดนาย...ถ้ามีนายเป็นเป้าหมายในชีวิต อย่างน้อยฉันก็จะมีชีวิตอยู่ได้...”
“...”
“...และการที่นายบอกว่ารักอี ฮยอกแจน่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ”
“ทำไม...”
ซีวอนหลุดถามออกมาเสียงเบาหวิว อีกคนตอบกลับแทบจะทันที
“เพราะแม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าอี ฮยอกแจเป็นใคร...”
“...”
“...ฉันใส่หน้ากากจนชิน เลยไม่รู้ว่าคนที่มีชื่อว่าอี ฮยอกแจมีนิสัยแบบไหน เป็นคนยังไง แม้แต่หน้าตา...ทุกวันนี้ตอนส่องกระจกฉันยังมองไม่เห็นเขาเลย...”
“...”
“...แล้วนายจะมาบอกฉันว่านายรักหมอนั่นได้ยังไง...” ฮยอกแจเหลือบสายตามามองอีกคนอย่างเจ็บปวด
“...ขนาดฉันยังไม่รู้จักตัวเองดีเลย แล้วนายจะมารักฉันได้ยังไง”
ชเว ซีวอนนิ่งไปนิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาก่อนจะแย้มรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ทรุดตัวลงนอนข้างอีกฝ่าย เหลือบมองพร้อมยิ้มออกมาน้อยๆ
“ผมอาจจะไม่ได้รักอี ฮยอกแจจริงๆอย่างที่คุณพูดก็ได้”
เจ้าของดวงตาสีอำพันชะงัก ก่อนจะพยักหน้ารับทั้งๆที่ใจหายวาบ ทำท่าจะผุดลุกเดินออกจากห้องไปอีกรอบ
“งั้นฉันควรกลับ...”
“เดี๋ยวสิ...” ร่างสูงเอื้อมมือมาคว้าแขนอีกคนอย่างทันท่วงที
“...ยังพูดไม่จบเลย”
“...”
“ผมคงจะไม่ได้รักคนที่ชื่อฮยอกแจหรอก...”
“...”
“...แต่ผมตกหลุมรักใครบางคนที่ชอบใส่หน้ากาก ปกปิดความอ่อนแอของตัวเองไว้ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าของคนอื่นเสมอ...”
“...”
“...ผมตกหลุมรักคนที่บอกว่ารักน้องชายฝาแฝดของตัวเองมากที่สุด แต่ก็เป็นคนๆเดียวที่อิจฉาน้องชายของตัวเองมากที่สุดด้วย...”
“...”
“...ผมตกหลุมรักคนที่ไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นยกเว้นแต่น้องชายของตัวเอง แต่พอถูกผมพูดจี้ใจดำเข้าให้หน่อยกลับร้องห่มร้องไห้ซะจนเสื้อผ้าผมเปียกไปหมด...”
“...”
“...ผมตกหลุมรักคนที่แทบไม่ยอมพูดคำว่าขอโทษ หรือว่าขอบคุณกับผมเลย แต่พอเป็นเรื่องของอี ทงเฮกลับทำท่าสำนึกผิดได้เสียจนน่าหมันไส้...”
“...”
“...ผมตกหลุมรักลูกอกตัญญูคนนึงที่ด่าว่าแม่ตัวเองปาวๆแล้วก็แอบไปนั่งกินเหล้าสูบบุหรี่ พูดตัดพ้อว่าแม่ไม่เคยรักเขาเลย...”
“...”
“...ผมตกหลุมรักคนที่ชอบใส่หน้ากากทำท่ายั่วยวนคนอื่นเขาไปทั่ว แต่พอผมเอาจริงเข้าให้หน่อยก็กระซิบบอกแต่ว่า เบาๆนะซีวอน...”
“ไอ้บ้า!!”
คราวนี้ฮยอกแจหันมาทุบปั่กเข้าที่กลางอกของคนพูดด้วยดวงหน้าแดงก่ำสุกจนแทบระเบิด ซีวอนครางออกมาเสียงอ่อยก่อนจะดึงอีกคนให้ล้มลงไปในอ้อมกอดก่อนที่หมอนใบโตนั่นจะฟาดเข้ามาซ้ำอีกรอบ
“...อ่อใช่! ผมลืมบอกไปว่าคนๆนั้นเวลาอายจัดๆ จะชอบใช้กำลังกับผมด้วยนะ ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าผมตกหลุมรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าจะให้บอกกับเขาตอนนี้ล่ะก็...” ร่างสูงรวบอีกคนไว้ในวงแขนจนมั่น ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่ม
“...ผมคงตกหลุมรัก ตั้งแต่ตอนที่เขาถอดหน้ากากของตัวเองออกแล้ว”
แก้มของคนที่อยู่ในวงแขนซับสีกุหลาบจนแดงเข้ม ชเว ซีวอนเพิ่งจะได้เห็น รอยยิ้มเอียงอายที่อ่อนหวานที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยลโฉม ถึงอีกคนจะพยายามผลักเขาออกแล้วปกปิดรอยยิ้มนั้นเอาไว้หากมันก็ตรึงใจอยู่ดีนั่นแหละ ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าพวกเขาสองคนจะมีวันนี้ด้วยกันได้ ร่างสูงก้มลงไปหอมแก้มคนในวงแขนอีกครั้ง งึมงำแนบแก้มนิ่มเจือกลิ่นกุหลาบที่คุ้นเคย
“คุณอาจจะไม่รู้จักตัวตนของคุณดีพอจะครับฮยอกแจ แต่ผมเชื่อว่าผมรู้จักผู้ชายที่มีชื่อว่าอี ฮยอกแจดี ถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันบ้างทีมันจะแสนสั้น อาจจะไม่เหมือนกับเวลาที่คุณอยู่กับคิม คิบอม คุณถอดหน้ากากออกเมื่ออยู่ต่อหน้าผมเพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น...”
“...”
ดวงตาสีดำขลับก้มมาสบดวงตาสีอำพันที่เจือความอ่อนหวาน ทำให้เขากล้าที่จะพูดความในใจกับคนๆนี้
“...ตอนแรกที่คุณกลับมาที่คฤหาสน์ของผม ผมคิดว่าผมต้องเกลียดคุณ และต้องเกลียดคุณให้ได้ จะไม่หวั่นไหวกับคุณอีกเป็นอันขาด...ต่อให้คุณจะหน้าตาเหมือนน้องชายฝาแฝดที่เป็นรักแรกของผมก็เถอะ แต่รู้มั้ย...ผมกลับหวั่นไหวกับคุณ ตัวตนที่แท้จริงของอี ฮยอกแจมากกว่าเงาของอี อึนฮยอก คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนที่น่ารักขนาดไหน และมันทำให้ผมตกหลุมรักคุณอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ...”
ดวงตาสีอำพันหลุบต่ำ เสมองแผ่นอกของอีกคนเหมือนมันมีอะไรที่น่าสนใจนักหนา หากซีวอนรู้ดีว่าอีกคนกำลังอายจัด
“ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าคุณจะรักผมบ้างหรือเปล่า เพราะถามยังไงคุณก็คงจะปากแข็งอีกนั่นแหละ เอาเป็นว่า...”
ซีวอนกลอกตา ก่อนจะดันอีกคนแนบผืนเตียงอย่างรวดเร็วจนดวงตาสีอำพันนั่นเบิกโพลง เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“...ให้ร่างกายของคุณเป็นคนบอกผมก็แล้วกัน”
“ไอ้บ้านี่!...”
ฮยอกแจทุบป้าบเข้าที่หัวไหล่อีกคน พร้อมหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด ซีวอนกดกำปั้นน้อยๆของเขาให้แนบอยู่ข้างกายพร้อมหลุบตามองสบดวงตาสีอำพันอ่อนหวานที่พราวระยับ
“...เบาๆนะ”
คำพูดอย่างเคยดังรอดเสียงปากอิ่ม ขณะที่แก้มใสไม่รู้จะแดงได้อีกไหม ซีวอนหลุดยิ้มพร้อมลูบเส้นผมสีอ่อนนั่นอย่างรักใคร่
“ผมรักคุณ”
“รู้แล้วล่ะน่า”
เจ้าของดวงตาสีอำพันเบือนหลบดวงตาแพรวพราวนั่น ต่อจากนี้ต้องถูกเอาเปรียบอีกเยอะแน่ๆเพราะตามใจคนตัวสูงซะขนาดนี้ ซีวอนกดจูบที่พวงแก้มนิ่มอย่างหลงใหล
“แต่มากแค่ไหนคุณยังไม่รู้นี่”
“ก็นายกำลังจะบอกฉันไม่ใช่เหรอ”ฮยอกแจเอ่ยเสียงหวาน เลื่อนมือขึ้นโอบลำคอแกร่งพร้อมยิ้มน้อยๆ
“...พูดมาสิ”
“ไม่พูดหรอก...”
ร่างสูงโน้มดวงหนาลงกดจูบที่เรียวปากอิ่ม บดขยี้น้อยๆจนมันแดงเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาผละจากมาบอกเสียงนุ่ม
“...ให้ร่างกายผมบอกคุณเองดีกว่า”
“ไอ้เจ้านี่!...”
ตัดฉับๆ - -
**
“ยิ้ม...ยิ้ม...”
ฮีชอลเอ่ยออกมาเบาๆอย่างหมันไส้
“...ทำงานแต่งคนอื่นเขาล่มไม่เป็นท่าแล้วยังมีหน้ามายิ้มระรื่นอีกนะอี ทงเฮ”
อี ทงเฮสะดุ้งเฮือก หากกระนั้นเรียวปากก็ยังวาดยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ดีอีกนั่นแหละ แก้มใสนี่แดงเรื่อเปล่งปลั่ง เจ้าตัวดูสวยกว่าวันอื่นๆเพราะความรัก
ผิดกับอีกคน...
คิม ฮีชอลตวัดตามองประธานใหญ่แห่งโรสมาร์คที่ไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากที่ไหนถึงได้ตาโรยได้ขนาดนั้น มองเหม่อจริง...แต่สีหน้าไม่ค่อยดี เหมือนเพิ่งผ่านการใช้แรงงานมาอย่างหนักหน่วง อืม...จะว่าไปเมื่อคืนอีกคนก็ไม่ได้กลับบ้านตระกูลคิมเลยนี่น่า
“เมื่อคืนแกไปค้างที่ไหนมาฮยอกแจ”
ถามออกไป สิ่งที่ได้คือมือบางปัดคำถามนั่นกลางอากาศตกอย่างรำคาญ
“อย่ามายุ่งกับฉันน่า หันไปสนใจแค่อี ทงเฮคนเดียวเถอะ”
คนที่เขาควรสนใจกำลังนั่งยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาเพิ่งจะเห็นทงเฮมีอาการแบบนี้เป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ
“นี่ฮยอกแจ...”
ทงเฮเรียกเพื่อนรักเสียงหวาน ฮยอกแจแหง่กคอขึ้นมามองอีกคนแล้วต้องนิ่วหน้าเพราะความเมื่อยขบตามเนื้อตัว ไอ้เจ้าบ้าชเว ซีวอน
“...วันนี้ตอนบ่าย คุณชอง เฮริมเขาจะบินไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ฉัน...ขอตัวไปส่งเขาหน่อยได้ไหม”
“จะไปสมน้ำหน้าเขาหรือไงยะ” ฮีชอลเอ่ยเสียงแปร๋นออกมาแทรกกลาง
“...หรือว่าจะไปซ้ำเติม บอกเขาว่าฉันได้ผัวเธอเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้”
“พี่ฮีชอลให้มันน้อยๆหน่อย...” ทงเฮหมดความอดทน หันไปมองจิกอีกคน บางทีฮีชอลก็ปากร้ายเสียจริง
“...ฉันแค่ว่าจะไปขอโทษเขาพร้อมคยูฮยอนต่างหากเล่า”
“นั่นก็ยิ่งไม่สมควรไปใหญ่ เหมือนแกไปซ้ำเติมเขาว่ะ ว่าตามตรงนะ...” ผู้มากวัยเอ่ยด้วยท่าทีสั่งสอน
“...แกควรอยู่เฉยๆจะดีกว่า ขืนไปพูดมาก ฝ่ายนั้นเขายิ่งช้ำเอาเปล่าๆ หรือหากหวงเจ้าคยูฮยอนมันนักก็แอบไปเฝ้าส่งอย่างเงียบๆอ่ะดีที่สุด”
“ฉันเห็นด้วยกับพี่ฮีชอล...” ฮยอกแจเอ่ยออกมาในที่สุด
“...ถ้าเห็นนายกับโจ คยูฮยอนในคราวเดียวกัน ชอง เฮริมมีแต่จะยิ่งปวดใจ”
ทงเฮได้แต่หลุบตาต่ำ พร้อมเม้มปากแน่น
**
ร่างสูงของโจ คยูฮยอนยืนนิ่งท่ามกลาแววตาอาฆาตของประธานชอง และสายตาเอาใจช่วยจากพี่ชายและเพื่อนสนิท ชอง เฮริมที่เขาเห็นในยามนี้ดูซูบเซียวผิดกันเป็นคนละคนกับเมื่อวานเลย
“พี่ขอ...คุยด้วยหน่อยได้ไหม”
ไม่รู้ว่าเขาจะเคยเอ่ยคำพูดอย่างยากลำบากได้เท่านี้หรือไม่ หากเมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับ ชายหนุ่มกลับรู้สึกกดดันอย่างถึงที่สุด เขาเดินตามอีกคนไปเงียบๆมาจนถึงที่นั่งรอผู้โดยสาร ชอง เฮริมทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้าราบเรียบยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“พี่...” คยูฮยอนรู้สึกตีบตันในลำคออย่างถึงที่สุด
“...ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น...”
น้ำตาของหญิงสาวไหลเป็นสายเหมือนเลือดออกเวลาถูกสะกิดแผล นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดมากเท่าทวีคูณ อย่างไรเสีย...คนตรงหน้าก็ดีกับเขามากเหลือเกิน
โจ คยูฮยอนเลือกที่จะทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงคนนี้
“พี่ขอโทษนะ”
ชอง เฮริมถึงกับนิ่งงันเมื่ออีกคนหลุบตาต่ำอย่างสำนึกผิด หล่อนเม้มปากแน่น เงื้อมมือขึ้นเหมือนอยากจะฟาดลงบนดวงหน้าคมนั่นแรงๆสักครั้ง คยูฮยอนหลับตาแน่นเตรียมรับความเจ็บที่จะฟาดลงมาที่ข้างแก้ม หากนั่นมันก็ไม่เกิดขึ้น...ไม่เกิดขึ้นเลย
มือสั่นๆของหญิงสาวลดลง ขณะที่เจ้าตัวสะอื้นฮัก คยูฮยอนมองอีกคนอย่างเจ็บปวด เขาอยากจะปลอบ...หากนั่นอาจจะเป็นการทำร้ายผู้หญิงตรงหน้าเพิ่มมากขึ้นอีกก็ได้
“ลุกขึ้นเถอะค่ะ...” เฮริมดึงแขนอีกคนให้ลุกขึ้นยืน พร้อมปัดฝุ่นให้
“...พี่ไม่ผิดหรอกนะคะ”
“เฮริม...” คยูฮยอนเม้มปากแน่น แบบนี้เขายิ่งรู้สึกผิดเท่าทวีคูณเลย
“ฉันได้ยินนะคะ...”
หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองอีกคน เอื้อมมือมาแตะแก้มขาวนั่นอย่างสั่นระริก มองดวงตาที่สะท้อนความเจ็บปวดของเจ้าตัว
“...คำที่พี่บอกกับพ่อของฉัน ในวันแต่งงานของเรา...พี่บอกว่าพี่ไม่ต้องการทำร้ายฉันใช่มั้ยคะ”
“...”
“ฉันเองก็เหมือนกัน...” หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ มือเรียวลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง
“...ความจริงฉันเองก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่เต็มใจที่แต่งงานด้วย พี่รับปากคุณพ่อก็เพราะต้องการช่วยพี่ชายของตัวเองแค่เพียงเท่านั้น...”
“...”
“ความจริงแล้ว...ฉันเองรู้มาโดยตลอด แต่ก็ยังอดรักพี่ไม่ได้ เพราะว่าพี่ดีกับฉันมาก พี่เป็นสุภาพบุรุษ พี่คอยรับฟังปัญหาของฉัน จนฉันรู้สึกว่า...พี่เป็นคนเดียวที่ไม่คิดกอบโกยผลประโยชน์จากฉันเลย”
“เฮริม...คือพี่...”
“พี่ไม่ต้อง...ฝืนใจตัวเองหรอกนะคะ...” หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองอีกคน แล้วแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน
“...ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกที่จะสมหวังในความรัก พี่ทิ้งฉันไปเมื่อวานนี้...ขอบคุณมากนะคะ เพราะฉันคงทนไม่ได้หรอก ถ้าต้องรักพี่มากกว่านี้ ถ้าต้อง...รู้ว่าพี่ไม่ได้รักฉันเลย”
คยูฮยอนหลับตาลงอย่างเจ็บปวด เขาเองที่ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังขนาดนี้...ช่างน่าละอายใจต่อคนตรงหน้ายิ่งนัก
“ฉันเองก็ไม่อยากเป็นเหมือนพี่สาว เพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองอ่อนแอกว่าพี่ฮเยอินเยอะ แต่พี่คะ...ฉันขออะไรพี่อย่างนึงได้ไหมคะ”
คยูฮยอนลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ชอง เฮริมก้าวเดินเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะถามเสียงแผ่วทั้งที่ดวงหน้าแดงก่ำ
“ก่อนที่ฉันจะไป พี่...จูบลาฉันได้ไหมคะ”
“...”
“...จูบให้เหมือนที่พี่จูบคนที่พี่รักคนนั้น...นะคะ ฉันอยากจะมีความทรงจำครั้งสุดท้ายที่ดีของเรา”
คยูฮยอนถึงกับนิ่งงัน เมื่ออีกคนรับตาพริ้มต่อหน้าเขา ร่างสูงเม้มปากแน่น สูดลมหายใจลึกก่อนจะก้าวไปประชิด ก่อนจะก้มหน้าลงไป...จูบเบาๆที่หน้าผากขาวของอดีตคู่หมั้นตัวเอง แล้วกระซิบ
“ขอโทษนะเฮริม”
ชอง เฮริมลืมตาขึ้นมา น้ำตานั้นพร่างพราวจนภาพของผู้ชายที่เธอรักนั้นพร่ามัว หญิงสาวยิ้มออกมาพร้อมยกมือขึ้นโอบกอดอีกคนเอาไว้แนบแน่น
“ขอบคุณนะคะ...”
คยูฮยอนหลุบตาลง กอดร่างบอบบางของอดีตคู่หมั้นตัวเองไว้...ยังคงความสุภาพและอ่อนโยนไม่เสื่อมคลาย
“...ขอบคุณที่ปฏิเสธคำขอของฉันนะคะพี่คยูฮยอน”
เจ้าของชื่อสูดลมหายใจลึกอย่างเจ็บปวด ลูบเส้นผมยาวสยายของหญิงสาวก่อนจะผละออกห่างอย่างนุ่มนวล จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามแล้วบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“พี่จะไม่มีวันลืมเธอเลย”
ชอง เฮริมยิ้มออกมาอย่างสดใส แม้จะโศกเศร้าก็ตามที
“ลาก่อนค่ะ...คู่หมั้นของฉัน”
คยูฮยอนรู้สึกใจหาย หากกระนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะยิ้มและเอ่ยเสียงเบาหวิว
“ลาก่อนครับ”
.
.
.
เสียงเครื่องบินแล่นขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มีเมฆสีขาวลอยกระจายอยู่เต็ม คยูฮยอนมองส่งใครบางคนไปจนลับตา ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่หัวไหล่
“เอ่อ...” อี ทงเฮหลบสายตา
“...ฉันไม่กล้าออกมาเจอเธอน่ะ”
คยูฮยอนมองคนรักของตัวเองแล้วแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาดึงอีกคนเข้าไปโอบกอดไว้แน่นราวหวงแหน
“กลัวว่าผมจะตามเธอไปหรือไงครับ”
“อื้อ...”
ทงเฮยอมรับอกมาอย่างหน้าไม่อาย ชอง เฮริมเป็นผู้หญิงที่ดี...ดีกว่าเขาจนนึกกลัวจริงๆนั่นแหละ
“...ใช่ เพราะฉันคงทนไม่ได้ถ้าต้องเสียนายไปให้เธออีกครั้ง”
“คุณไม่เคยสียผมไปเลยนะทงเฮ...” คยูฮยอนกดจูบที่ไรผมอ่อนอย่างรักใคร่
“...ผมอยู่กับคุณเสมอ แค่คุณอาจจะไม่รู้ตัวก็เท่านั้น”
“คยูฮยอน...”
“จูบผมอีกซิ...” ร่างสูงก้มหน้าลงมาใกล้
“...แค่จูบเดียว คุณก็เรียกผมกลับไปหาคุณได้แล้วล่ะ”
ทงเฮขยับยิ้ม ก่อนจะตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง ประทับจูบลงบนเรียวปากบางที่ขยับจูบตอบ สัมผัสนั้นมันอ่อนหวาน นุ่มนวล และชวนฝันจนไม่นึกอยากผละจาก คยูฮยอนย้ำจูบของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงเบาหวิว
“ผมรักคุณ”
ดวงตาสีสนมอ่อนหวาน จูบเบาๆที่แก้มขาวของคนรัก
“ฉันรักนายมากกว่าเยอะเลย”
พูดจาน่ารัก เลยอดไม่ได้ที่จะรวบร่างนั้นมากอดแล้วก็ประทับจูบอีกครั้งซะเลย
**
“อือ...”
เสียงครางเบาๆดังมาจากคนข้างกายทำเอาคิม คิบอมค่อยๆลืมตาตื่น เขาเผยอยิ้มเมื่อเห็นร่างเล็กที่ๆซุกอยู่กับช่วงอกกำลังครางเบาๆเพราะแสงแดดยามบ่ายที่แยงตา ร่างสูงตลบผ้าห่มมากันแสงให้คนรัก อึนฮยอกถึงสงบนอนหลับต่ออย่างสบายอารมณ์
คิบอมขยับตะแคงข้างมองคนรักของตัวเองที่หลับสนิท วันนี้เป็นวันอาทิตย์...ถึงผู้บริหารระดับสูงส่วนมากจะเข้าบริษัท แต่เขาไม่หรอกน่า เรื่องอะไรจะยอมเสียเวลาอยู่กับคนรักกันเล่า
แถม...เมื่อคืนก็น่ารักซะขนาดนั้น
ดวงตาสีอำพันปรือขึ้นมองคนรักที่กำลังยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะทำตาเขม่น อึนฮยอกขยับกายลุกแล้วถามเสียงงัวเงีย
“ไม่ไปทำงานเหรอครับ”
“ใจร้ายจัง...” คิบอมหัวเราะเบาๆ รวบร่างของอีกคนมาแนบอก
“...ตื่นมาก็จะไล่ผมไปทำงานเลยเหรอฮะ วันนี้วันอาทิตย์น้า~”
“ผมก็อยากอยู่กับคุณเหมือนกันแหละ...” อึนฮยอกว่าพลางหาวน้อยๆ ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกแกร่งอย่างออดอ้อน
“...แต่ถ้าคุณไม่เข้าบริษัท คนอื่นๆเขาจะเขม่นคุณได้นะฮะ ผมไม่อยากให้ใครมาว่าคนที่ผมรักหรอก ไปทำงาน...นะฮะ”
เจอลูกอ้อนแบบนี้เข้าไป คิบอมถึงกับเม้มปากแน่น นี่แหละที่อึนฮยอกมีไม่เหมือนฮยอกแจ ความขี้อ้อนที่มักอ้อนเหมือนคนอ่อนแอ ถ้าเป็นฮยอกแจล่ะก็ชี้นิ้วสั่งเขาลูกเดียวแน่นอน
“ก็ได้ครับ”
ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะผุดลุกรวดเร็วจนอีกคนปิดตาตัวเองแทบไม่ทัน
“เพราะผมต้องหาเลี้ยงเมียนี่น่า เนอะ”
คนที่ถูกเรียกว่าเมียได้แต่มุดหน้าลงกับเตียงด้วยความเขินจัด คิบอมต้องห้ามใจตัวเองอย่างสูงไม่ให้หันกลับไปจับร่างนั้นมาฟัดอีกสักรอบสองรอบ
ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำก้าวออกจากห้องน้ำมาที่ลานแต่งตัว อึนฮยอกที่หยิบชุดนอนของตัวเองมาสวมรอลวกๆเข้ามาใกล้อย่างรู้หน้าที่ ช่วยคนรักแต่งตัวให้อย่างคล่องแคล่ว แน่นอนว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานเป็นเดือนแล้วย่อมคุ้นชินกันเป็นธรรมดา
“ไปทำงานก่อนนะครับ”
ร่างสูงเอ่ยจบก็ก้มลงจูบเบาๆที่เรียวปากนิ่ม อึนฮยอกพยักหน้ารับพร้อมโบกมือลา คิบอมต้องยืนโบกรถแท็กซี่อีกสักพัก เดี๋ยวเขาคงต้องบอกให้ทงเฮเอารถมาคืนซะแล้วล่ะ
อึนฮยอกมองส่งอีกคนจนลับตา ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริง หากยังไม่ทันได้ปิดประตู ใครบางคนก็เอื้อมมือมาดันมันออกแล้วก้าวเข้ามาในบ้านท่ามกลางแววตาตกตะลึงของคนตัวเล็ก
“สวัสดี อี อึนฮยอก”
ร่างเล็กไม่ทันได้โวยวายขอความช่วยเหลือ ผ้าเย็นๆก็ถูกทาบมาปิดจมูกโด่งรั้น ความวิงเวียนจู่โจมอย่างรวดเร็วจนสองขาอ่อนแรง ล้มฟุบไปเสียตรงนั้น
ช่ายหนุ่มร่างสูงพินิจคนที่สลบไสลคาวงแขน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดถ่ายรูป เขาขยับยิ้มอย่างสมใจก่อนจะช้อนร่างนั้นเข้าไปในรถตู้ติดฟิล์มดำ
**
ดังนั้น ขอร้อง เม้นท์เบาๆ อย่าเอ็ดไปว่าอ่านในนี้ มันจะได้อยู่นานหน่อย เงียบๆเข้าไว้ หรือแปะเมลล์ไว้ก็ได้ - -;; (แลดูลึกลับมาก)ขอโทษจริงๆที่ทำบล็อกไว้อัพเอ็นซีไม่เป็น
คือโง่คอมพ์มาก = =
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

number-1-2-3@hotmail.com
กราบสวัสดี
Ffo.0_@hotmail.com
ฉากนี้ฮยอกแจน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกสุดๆ
ฮยอกแจนี่อ่อนให้วอนเต็มที่แล้วใช่มั้ย
ทำเป็นเล่นตัวอยู่มาตั้งนาน ฮ่าๆๆ
คยูเฮก็หวานกันสุดๆ หลังจากเสียน้ำตาเจ็บกันมามาก
เข้าใจกันแล้ว มีความสุขกันซะทีนะ
ว่าแต่ใครมาขัดความหวาน จับตัวอึนฮยอกไป ไม่นะ!!
littlerabbit_naughtymonkey@hotmail.com
วอนฮยอก เปิดใจแล้วใช่มั้ย
ใครมาจับน้องอึนไปหล่ะนั่น คิบอมรีบกลับมาช่วยด่วนๆ
ไม่นะ ((((;゚Д゚)))))))
อย่าทำไรอึนฮยอกนะ
ทำไงดีๆๆๆๆ
อย่าให้อึนฮยอกต้องเปนเหยื่ออีกเลย
ใครมาจับอึนฮยอกไป
กำลังฟินอยู่ดีๆ ใครรรรรรมาทำกบอึนแบบนี้ห๊า
สมการรอคอย ลุ้นมาตรตในทึ่สุดก็แฮปปึ้ซะทีนะ อิอิ ทั้งสามคู่เลย
แต่อิตอนท้ายนั่นใครมาก่อกวนล่ะ ชิชิ -..-"
ใคร ใครมันมาทำร้ายอึนอึนอีก
ไรเตอร์มาอัพเร็วๆๆๆ
และแล้วในที่สุดก็หวานกันซะที หลังจากเสียน้ำตากันมาตลอด(รวมถึงคนอ่านด้วย) 555
ซีวอนหื่นอ่ะ หื่นจริงจัง แต่ก็น่าร๊ากกกอ่ะ ชอบตอนบอกรักอ่า เอาฮยอกแจอยู่หมัดเลย >///<
ฮยอกแจน่ารักขึ้นทุกวี่ทุกวันนะ อยากจิขโมยลูกเจี๊ยบน้อยมาจากคุณชายชเวจริงๆเลย อร๊ายยยย!!!
คิบอมน่าอิจฉาจริงๆ หวานล้ำหน้าชาวบ้านเค้าไปเท่าไหร่แล้วหล่ะพ่อคุณ!!
แล้วใครมาจับอึนฮยอกไป?? ภาวนาว่าให้คิบอมลืมอะไรสักอย่างแล้วย้อนกลับมาบ้านทีเห๊อะ!!!!
ตัดจบตอนได้แบบว่า "เจ็บปวดหัวใจ" มากมายเลยค่ะ ㅠ.ㅜ
ส่วนคยูเฮทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีซะที ถึงจะสงสารคุณคู่หมั้นคนสวยก็เถอะ แต่เจ้บวันนี้ย่อมดีกว่าเจ็บแบบถอนตัวไม่ได้แล้วในอนาคตละนะ
ว่าแต่คู่บอมฮยอกที่กำลังไปได้ดีมันมีมารอะไรมาผจญอีกแว้???????? ใช่คนที่เผาบ้านชเวตอนนั้นมั้ยคะ โอ้วโนวววววววว
มันน่าให้ฮยอกแจตามไปถลกหนังหัวมาทำผ้าเช็ดเท้านัก!!! ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ เล่นกับใครไม่เล่นริอาจจะมาแตะของรักเจ้าแม่เข้า ฮึฮึ
หวานเจี๊ยบเลยค่ะ อิอิ
นั่นใครมาทำอึนฮยอกหน่ะ!!!!
แต่น่ารักทั้สองคู่เลย ช้อป ชอบ อิอิ
ชอบตอนวอนบอกความในใจกับฮยอก
ดูอบอุ่นมาก วอนดูรู้จักตัวตนของฮยอก
รู้ทันฮยอกด้วยว่าจะปราบฮยอกยังไง
อ่านละเขินนน ละมุนเว่อออ
ใครมาจับอึนฮยอกไป ง่าาา
ฟินมาตลอดทั้งสองคู่ ทั้งคยูเฮกับวอนฮยอก =///////=
คยูเฮนี่ปริ่ม ในที่สุดก็มีความสุขสักที
เเต่วอนฮยอกนี่ เเอร๊ยยยยยยยย เจ้าเล่ห์ขึ้นเยอะมากเลยอ่ะซีวอน
ฮยอกเเจก็ยอมให้เยอะมากอ่ะ กิ๊ดด
เราฟินสองคู่ เเต่เราเป็นห่วงอึนฮยอก
จะเป็นยังไงต่อละเนี่ยยยย
มันจะต้องมีอะไรให้หัวใจได้ตื่นเต้น... และนั่นก็คือ
กรี๊ดดดดดดดดดด จบแบบนี้ไรเตอร์ต้องการอัลไลค่ะ!!!
คือแบบ!! ตอนบนๆมันหวานมากเลยนะ
แต่ 7 บรรทัดสุดท้ายนี้แบบ... กรีีดดดดด ค้างมากกกก **กัดผ้า**
แต่ชอบมากเลยอะวอนฮยอก มันเปนอะไรที่แบบ... อรี๊ย! ><
ซีวอนดูอบอุ่นมากเลย ผิดกับภาคแรกมากกก
(คือเมื่อคืนเพิ่งหยิบโรสมาร์คมาอ่านเตรียมโรสซิน555)
คือภาคแรกเอะอะหื่นเอาๆ แต่ภาคนี้แบบนี้... ดูื่หื่นแบบสุภาพนะ(ยังไง?) 5555
แบบรู้เลยว่าตัวละครโตขึ้นทุกตัวเลย จะมีก้อแต่ฮยอกแจละมั้ง
ภาคนี้ขี้้อ้อนน่ารักฝุดๆอะ ><
คยูเฮก้อน่ารักอะ... สมหวังกันสักที
แต่คู่ที่วินสุดดูเหมือนจะบอมอึนเนอะ
ชอบฉากแต่งตัวมากอะ ถึงจะสั้นๆแต่เราแบบ แอบกรีีดเบาๆ 5555
แต่ถึงงั้นก้อเหอะ จบทำร้ายมว๊ากกกกกกกกกกกกก !
อยากได้หนังสือเลยอะ 5555 รีบๆมาต่อนะค่ะ
หรือไม่ก้อได้โปรดอัพบ๊วยกับหงส์ให้เราเถอะ
เราคิดถึงแล้ว...
ยังไงก้อสู้ๆค่ะ รอซัมเหมอ ~
แต่เดี๋ยวฮยอกไม่ปล่อยไว้แน่ ใครก็ตามที่จับอึนไป มีโทษตายสถานเดียว