ตอนที่ 52 : -17-
“พวกนายว่าพักนี้คิบอมมันดื่มเหล้าบ่อยขึ้นป่ะ”
ฮีชอลกระซิบถามอี ทงเฮกับอี อึนฮยอกที่นั่งขนาบข้าง ขณะที่สายตาสวยคมเพราะกรีดอายแลนเนอร์มาอย่างดีตวัดมองที่น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเองซึ่งกำลังเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่บาร์ให้พวกเขา ไม่ใช่ว่าบริกรที่นี่ไม่ดีหรอกนะ แต่ฮีชอลสั่งคิบอมให้เดินไปสั่งด้วยตัวเอง ด้วยอยากระบายปัญหาคับอก
อี ทงเฮลูบคางตัวเองแล้วพยักหน้ารับกับฮีชอล “นั่นสิ ความจริงผมก็สงสัยมานานแล้วล่ะ พักหลังนี่ดื่มบ่อยจริงๆนั่นแหละ”
“ปกติเขาไม่ดื่มอย่างนี้เหรอ”
ถามออกไป และแล้วอึนฮยอกก็เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวบะเริ่มเมื่ออีกสองคนหันมองเขาเป็นตาเดียว เล่นเอาคนถูกจ้องวางตัวไม่ถูกเลยล่ะ
“น้อยไปสิ...”ทงเฮเอ่ยออกมาเป็นคนแรก ชักสีหน้าสงสัยเล็กน้อย “...นายไม่รู้หรือไงว่าคิบอมน่ะเป็นพวกจะไม่แตะแอลกอฮอล์เลยถ้าหากไม่มีเรื่องมากระทบใจแรงๆ”
“ใช่ๆ เห็นดื่มหนักสุดก็เมื่อห้าปีก่อน คราวของน้องชายนายนั่นแหละ...”ฮีชอลพยักเพยิน “...ตอนนั้นหมอนั่นแทบไม่คุยกับใคร วันๆเอาแต่นั่งดื่ม แต่นายไม่รู้หรอกเพราะนายมัวแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องเหมือนกันนี่ฮยอกแจ”
“อ่า...”อึนฮยอกรู้สึกเหมือนความรู้สึกผิดกำลังพุ่งเข้าใส่ร่างเขาอย่างบ้าระห่ำเลย
“ตอนนั้นถ้าหากพวกคุณอีไม่มาที่เกาหลีแล้วแซะพวกนายขึ้นมาล่ะก็...ฉันว่าคิบอมต้องดื่มหนักกว่านั้นแน่ๆ ป่านนี้คงกลายเป็นคนติดเหล้าล่ะ”ทงเฮเอ่ยเสียงเบาหวิว
“ก็ฮยอกแจของเราบอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะแก้แค้นไลอ้อนจิวเวอร์รี่ให้ได้นี่น่า เจ้าคิบอมมันฮึดสู้ วันดีคืนดีก็เดินเข้ามาบอกว่าผมจะนั่งตำแหน่งรองประธานแทนพี่ เหอะ! พ่อฉันล่ะดีใจจนตกเก้าอี้เลยนายรู้ป่ะ”ฮีชอลเอ่ยอย่างหมันไส้ พ่อล่ะชอบรักคิบอมมากกว่าเขาอยู่เรื่อย -3-
“แต่พี่ก็กำลังหาทางไปอยู่กับพี่อีทึกอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ก็ดีแล้วนี่น่า...”ทงเฮหันมาลูบแขนปลอบคนสวย “...ผมว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ต้องเป็นเพราะอึนฮยอกแน่ๆ”
“หา? ฉะ...น้องของฉันเหรอ?”อึนฮยอกทำหน้าเหลือเชื่อ
“นายมองไม่ออกเหรอฮยอกแจ...”ทงเฮขมวดคิ้วแน่นทันควัน “...คิบอมน่ะเหมือนนายก็ตรงที่ชอบดื่มหนักๆตอนที่คิดถึงอึนฮยอกนั่นแหละ ตอนที่นายนอนกับเขา...ก็เพราะเขานึกถึงอึนฮยอกไม่ใช่รึไง”
ประโยคหลังทงเฮหรี่เสียงพูดให้เบาจนพอได้ยินกันแค่สองคน เพราะถ้าฮีชอลรู้ล่ะก็...เป็นเรื่องแหง อึนฮยอกรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นจัดสาดใส่ทันควัน
“จริงเหรอ...”
ทงเฮกำลังคิดว่าฮยอกแจกำลังเมา หรือไม่ก็มึนกับอะไรสักอย่างถึงได้พูดออกมาแบบนี้ พยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ใช่ ตอนนั้นนายยังมาเล่าให้ฉันฟังอยู่เลยไง คิบอมน่ะนะ...เป็นพวกที่ถ้าหากไม่รักใครจริงๆก็ไม่คิดมีอะไรกับคนๆนั้นหรอก หมอนั่นเป็นคนดีจะตาย นายก็รู้”
“อือ...”อึนฮยอกหลุบตาต่ำ เขารู้สึกผิดกับอี ฮยอกแจชะมัดเลยที่อดดีใจเล็กๆไม่ได้
คิม คิบอมเดินถือขวดเหล้ากลับมา ก่อนจะวางลงตรงหน้าหมู่เพื่อนและพี่ชาย รินให้ฮีชอลอย่างเอาใจ พี่ชายของเขามองจิก ก่อนจะเอ่ยประโยครู้ทัน
“เครียดเรื่องอะไรล่ะพักเนี้ย?”
“หะ?...”คิบอมหันไปสบตาพี่ ก่อนจะหันมารินเหล้าให้คนอื่นต่อ “...เปล่านี่”
“นี่ฉันเป็นพี่แกนะคิบอม...”ฮีชอลเอ่ยออกมาอย่างเอือมๆ ก่อนจะถอนหายใจพรืด “...เอาเถอะ! แกน่ะต่อให้พี่ง้างปากก็คงไม่ยอมบอกอะไรออกมาหรอก ฮยอกแจอ่า~ ฝากดูแลน้องชายของฉันหน่อยก็แล้วกันนะ ไหนๆแกสองคนก็จะต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว สู้เขานะฮยอกจี้”
เอ่ยพลางเอื้อมมือมาตบบ่าอึนฮยอกปุๆ อึนฮยอกเหลือบสายตามองคู่หมั้นของพี่ชายตัวเอง คิบอมหันมาสบตาก่อนจะเบือนหนี กระดกเหล้าเข้าปากอย่างช่ำชอง
**
ควันบุหรี่สีขาวลอยฟุ้งในอากาศ มองเห็นชัดเพราะเป็นเวลากลางคืน ลอยล่องขึ้นไปจนดูเหมือนก้อนเมฆที่ลอยต่ำสักก้อน อี ฮยอกแจจี้ก้นบุหรี่ที่สูบจนเกือบสุดกับโขดหินข้างสระน้ำ ก่อนจะนิ่งงันเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากเจ้าของบ้าน
“นั่งอยู่ตรงนั้นไม่กลัวว่ายุงจะหามไปหรือไง”
ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ คำถามยียวนกวนประสาทแบบนั้น เพราะชเว ซีวอนห่วงเขาหรือเปล่า แต่ฮยอกแจตัดความคิดไร้สาระนี้ไปได้เลย คนที่เป็นศัตรูกันไม่มีทางหรอกที่จะมาห่วงใยกันเหมือนเพื่อนร่วมโลกคนนึง
“ก็กะว่าจะเลี้ยงเลือดพวกมันสักคืน”
ซีวอนเลิกคิ้วขึ้นสูง มองคนที่ไหวไหล่พร้อมหยิบบุหรี่มวนเล็กออกจากซอง จุดสูบ...ดูจากท่าทีจุดไฟแช็กของเจ้าตัวก็รู้แล้วว่าชำนาญพอตัว ยิ่งมองไปที่เหล้าก้นบุหรี่ที่ใช้แล้วก็นึกใจหาย สูบจัดขนาดนี้เชียว
“เครียดหรือไง”
ถามออกไปอย่างนั้นเหมือนชวนคุย แถมถือวิสาสะนั่งลงข้างๆอีกต่างหาก บางครั้งชเว ซีวอนก็นึกก่นด่าตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเอาใจใส่คนตรงหน้ามากขนาดนี้ ทั้งๆที่แค่ช่วยชีวิตมันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ
“เปล่า~...”ฮยอกแจปฏิเสธเสียงสูง ไม่ได้ไล่ไปเหมือนใจนึกแหะ เพราะอีกคนเป็นเจ้าของบ้านหรอก...ไล่ไปมันก็ดูจะน่าเกลียดไม่ใช่เหรอ “...แค่นึกขึ้นมาได้ว่าเราสองคนเกลียดขี้หน้ากันขนาดไหน”
“...”แค่นั้นจริงเหรอ...
“ตลกดีเนอะ...”อี ฮยอกแจหัวเราะ แบบที่ไม่น่าหัวเราะตามเลยแม้แต่น้อย “...เมื่อห้าปีก่อน ตอนจากกัน เราแทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว มาวันนี้นึกยังไงถึงได้มานั่งคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้นะ ไม่คิดว่า...มันน่าโมโหตัวเองหรือไง”
“เราต่างก็มีเหตุผลไม่ใช่เหรอ...”ชเว ซีวอนอยากรู้จริงๆ ถ้าผ่าใจฮยอกแจออกเขาจะเจอเขาวงกตเล็กๆไหมนะ “...ผมก็ทำเพื่ออึนฮยอก คุณเองก็พยายามจะกลับไปเพื่อที่จะเจอน้องชายของตัวเอง สมเหตุสมผลดีไม่ใช่เหรอ”
“สมเหตุสมผล?...”ฮยอกแจทวนคำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “...น่าแปลกเนอะที่ว่าเมื่อเวลาคนเราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมีเหตุผลในการรองรับเสมอ เพราะถ้าไม่มีเหตุผล...เราก็คงจะไม่ทำมันหรอก”
“แต่บางทีผมก็ทำอะไรแบบที่ไม่ต้องมีเหตุผลเหมือนกันนะ”
ฮยอกแจเบือนหน้ามามองอีกคน ก่อนจะเลิกคิ้วสูง “มีด้วยเหรอ? อะไรที่ไม่ต้องใช้เหตุผลในการกระทำน่ะ?”
“ถมไป”
“ตัวอย่าง?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน...”ชเว ซีวอนเหยียดยิ้มออกมาบางๆ “...ความรักมั้ง”
คราวนี้อี ฮยอกแจหัวเราะออกมาเสียงดัง
“มิน่า เพราะอย่างนี้ไงนายถึงได้ก่อโศกนาฏกรรมได้ง่ายๆเมื่อห้าปีก่อน”
“...”
“เพราะหัวใจแม่งไร้หัวคิด...”อี ฮยอกแจเหยียดยิ้มออกมาอย่างสมเพช “...เพราะถ้ามันคิดได้อะไรๆมันก็คงไม่เป็นแบบนี้”
ชเว ซีวอนนิ่งงัน ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาไม่ต่างกัน “นั่นสินะ”
ถ้าหัวใจมันคิดได้ มันคงจะสั่งไม่ให้เขารัก...และถ้ามันคิดได้ เรื่องเลวร้ายก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“ฉันให้อภัยนายไม่ได้ว่ะ...”ฮยอกแจเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ “...ตอนนั้นน่ะ”
“...”
“ไม่สิ...ตอนนี้ฉันยังอภัยให้นายไม่ได้อยู่เลย”
“...”
“...ถึงได้โกรธตัวเองไง ที่อ่อนแอจนถูกนายช่วยไว้ได้ง่ายๆ ไม่ได้นึกอยากขอบคุณ แล้วก็ไม่นึกอยากจะขอโทษในสิ่งที่ได้ทำลงไปหรอกนะ”
“...”
“...ฮ่าๆ ถ้าพูดแบบนี้แล้ว นายคงอยากจะเตะโด่งฉันออกจากบ้านสินะ”
ยกบุหรี่ขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง คราวนี้อีกคนดึงมันออกจากหว่างนิ้ว ขยี้ลงกับโขดหินอย่างรวดเร็วก่อนจะรั้งดวงหน้าเขาเข้าไปใกล้ ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างเมื่อเรียวปากหยักนั่นแนบลงมา ฉกฉวยอย่างนุ่มนวล รวดเร็วพอๆกับมืออุ่นที่รั้งเอวคอดเข้าหากายและบดเบียดลงมาแผ่วเบา แม้จะยกฝ่ามือขึ้นยันมันก็ไม่ทันซะแล้ว
“อึก...”
ปฏิเสธไม่ได้...ต่อต้านก็ไม่ได้ เพราะเหมือนเรี่ยวแรงมันจะถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่เผลอตัวตอบรับเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามานั่น น่ารังเกียจตัวเองจริงๆที่ทำตัวอ่อนยวบเหมือนคนอ่อนแอคนนึงที่ไม่มีแม้แต่กำลังจะต่อต้าน
จูบนั้นมันนานแค่ไหนอี ฮยอกแจไม่รู้หรอกนะ...รู้เพียงแค่ว่าพอซีวอนถอนริมฝีปากของตัวเองออกไปแล้ว เขาแทบไม่รู้รสบุหรี่ที่สูบอยู่เมื่อครู่เลย แม้แต่กลิ่นก็ยังเหมือนถูกขโมยไปด้วยเรียวปากคู่นั้น อีกคนมองเขาระยะประชิดนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบ
“ไปนอนซะ อี ฮยอกแจ”
“...”
ลืมโกรธไปเลยแหละ...ฮยอกแจออกจะงงงวยเสียมากกว่ากับการกระทำนั้นของคู่แค้น เขามองตามซีวอนที่กำลังลุกขึ้นยืน จวบจนอีกคนเอ่ยคำพูดที่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากผู้ชายตรงหน้า
“ไม่ต้องนึกว่าเราเคยเกลียดกันมามากขนาดไหน...”
“...”
“...ไม่ต้องคิดแล้วว่าเรายังเป็นศัตรูของกันและกัน...”
“...”
“...อยู่เงียบๆของนายแบบนี้นี่แหละ...”
“...”
“...แล้วฉันจะส่งนายกลับไป...”
“...”
ดวงตาคู่คมเหลียวกลับมาสบดวงตาสีอำพันที่ยังคงนิ่งงัน
“...ฉันสัญญาว่าจะส่งนายกลับไปเจออึนฮยอกให้ได้”
**
“นายจัดการนะ”
สองเสียงประสาน ขณะที่คนที่ได้รับมอบหมายขมวดคิ้ว คิม คิบอมพยายามพยุงอี อึนฮยอกไม่ให้ทรุดไปกองลงกับพื้น ขณะที่อีกสองคนมองมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เชื่อเลย...”ฮีชอลเสยผมอย่างเซ็งๆ “...แค่แก้วเดียวก็ถึงกับฟุบแล้ว ไม่สมกับเป็นอี ฮยอกแจเลยสักนิด”
จะสมกับเป็นอี ฮยอกแจได้ยังไงกันเล่า ก็นี่มันอี อึนฮยอกนี่...คนที่พอมีสติ แต่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมองไปที่รุ่นพี่ของพี่ชายตัวเองอย่างค้อนเคือง ทงเฮเองก็ทำหน้าตาเหมือนเห็นด้วยกับฮีชอลเสียเต็มประดา
“ฉันก็ว่าฉันไม่ได้ผสมเหล้าให้นายผิดนะฮยอกแจ”ผู้บริหารหน้าหวานของโรสมาร์คเอ่ยป้องกันตัวเองไว้ก่อน
คราวนี้คิม คิบอมถอนหายใจออกมาแรงๆ “หมอนี่ความจริงแล้วก็คออ่อนแบบนี้แหละครับ”
“ไม่จริงอ่ะ...”ฮีชอลค้านน้องชายตัวเองเสียงหนักแน่น “...ตอนมัธยมยังดื่มกับฉันโต้รุ่งเลย แต่เอาเถอะ...”
ตระกูลคิมคนพี่ไหวไหล่ ก่อนจะตบป้าบๆลงบนบ่าแกร่งของน้องชายตัวเอง
“จัดการหมอนี่ด้วยนะคิบอม ไหนๆก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันแล้วก็คงต้องเป็นภาระของนายเนี่ยแหละนะ”
“เหตุผลดีมากๆเลยครับ”คิบอมแยกเขี้ยวใส่อย่างคนไม่ค่อยมีอารมณ์ ก่อนจะหลุบมองดวงตาสีอำพันหวานเชื่อมที่ช้อนตาขึ้นมองเขา นึกอยากเอาน้ำเย็นลูบหน้าตัวเองแรงๆ เขาเองก็ดื่มไปไม่น้อยเลยนะ
“ฉันกลับก่อนนะ...”ทงเฮเอ่ยพลางหลุบตามองนาฬิกา “...พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าด้วย มีนัดกับจียงไว้น่ะ”
“ฉันก็คงต้องขอตัวพร้อมทงเฮอ่านะ ทงเฮอ่า~ ไปส่งพี่ที่บ้านอีทึกหน่อยสิ”ประโยคหลังฮีชอลหันไปเกาะแกะเจ้าของรถหนุ่ม ที่พยักหน้ารับเป็นการปัดภาระให้คิม คิบอมอย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างสูงไม่ทันจะเอ่ยค้าน สองคนก็สะบัดหน้าหันหลังเดินไปขึ้นรถ และถอยรถจากไปอย่างรวดเร็ว อยากจะบอกเหลือเกินว่าทุกวันนี้คิบอมนอนที่บริษัท และถ้าหากพาอึนฮยอกกลับคฤหาสน์ตระกูลอีที่มีทั้งอี ฮยอนซูและอี นาบีอาศัยอยู่ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยว่าทำไมอี ฮยอกแจจะต้องดื่มหนักจนมึนเมาขนาดนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาฮยอกแจเคยเมากลับบ้านซะเมื่อไหร่ล่ะ เขาไม่อยากทำให้เพื่อนรักตัวเองต้องโดนเขม่น แล้วจะทำยังไงล่ะ...
คิบอมตวัดสายตากลับมามองคนที่ทำท่าเหมือนจะหลับทั้งยืน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก้าวไปที่รถยนต์สีเงินของตัวเอง ดันอึนฮยอกไปนอนที่เบาะข้างคนขับ เจ้าตัวหลับพริ้มโดยทันทีอย่างไม่ต้องสืบ ร่างสูงเดินกลับมานั่งที่คนขับ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองดวงหน้าขาวของอีกคน เผลอใจเลื่อนมือไปเกลี่ยแก้มเนียนนั้นแผ่วเบา
ไม่อยากกลับบ้านเลย...
.
.
.
พอลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนมาพยุงจากเบาะนุ่ม ภาพที่อึนฮยอกเห็นกลับกลายเป็นภาพบ้านที่เขาเคยอาศัยรักษาตัวอยู่...บ้านตระกูลคิม
ร่างบางรู้สึกเหมือนตาสว่างขึ้นมาทันที เขาดันอกคิม คิบอมออก ก่อนจะกวาดตามองบ้านแห่งความทรงจำของทั้งเขาและอีกฝ่ายเหมือนโหยหามาแสนนาน กุหลาบขาวที่เขาเคยปลูกเอาไว้ยังบานสะพรั่ง ดูจะแตกกิ่งก้านออกเป็นกอใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ตัวบ้านไม่มีคำว่าชำรุดทรุดโทรมเลย...สมแล้วที่เป็นบ้านของตระกูลคิม
“ถ้าเลือกได้...”คิบอมเอ่ยออกมาเสียงเบา อึนฮยอกหันมาก่อนจะรู้สึกใจหาย เมื่อแววตาสีดำขลับนั้นเศร้าจับใจ “...ฉันกับนายก็คงไม่อยากกลับมาที่นี่นักหรอก”
อึนฮยอกเม้มปากแน่น...รู้เหตุผลของประโยคเมื่อครู่นี้เป็นอย่างดี
...เพราะที่นี่มีความทรงจำมากมายระหว่างเขาและคนตรงหน้า...
...เพราะความรักของ ‘เรา’ เกิดขึ้นในที่แห่งนี้...
...และเพราะมันเป็นบ้านที่เขาตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยมือของตัวเอง
“คิบอม...”อึนฮยอกเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วเบา หากคิม คิบอมกลับก้าวเข้าไปไขกุญแจบ้านซึ่งหากจากเขาไปประมาณสิบก้าว อึนฮยอกหวังว่าอีกคนจะไม่ได้ยิน
“...ผมขอโทษ”
มือที่กำลังไขกุญแจอยู่ชะงักกึก ดวงตาคู่คมเบิกกว้างก่อนจะฉายแววเจ็บปวด ไขกุญแจ เปิดประตู แล้วหันมาเรียกอีกคนด้วยท่าทีที่พยายามทำให้เป็นปกติมากที่สุด
“เข้ามาสิ ค่อยยังชั่วแล้วไม่ใช่เหรอ?”
อึนฮยอกชะงัก ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย คิบอมมองตามก่อนจะปิดประตู ยกยิ้มหยันเมื่อเห็นอีกคนก้าวเข้าไปในห้องของตัวเอง ห้องที่ไม่ใช่ห้องของอี ฮยอกแจ
ดวงตาสีอำพันกวาดมองข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่ยังอยู่ครบทุกชิ้น เหมือนว่าเมื่อวานนี้เองที่เขาได้ก้าวออกจากห้องนี้ มีรูปภาพสมัยเด็ก...ของทั้งเขาและอี ฮยอกแจอยู่ด้วย อึนฮยอกทรุดตัวลงยั่งที่ปลายเตียง...ที่แห่งนี้มีความทรงจำที่มีค่า...ยิ่งกว่าอะไร
“ฉันน่า...”คิบอมเอ่ยขัดหยาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหลั่น ชายหนุ่มยืนพิงปากประตู มองออกไปทางด้านนอกไม่สบสายตากับอีกคนเลยสักนิด “...จะทิ้งของพวกนี้ไปให้หมดเนอะ?”
“...”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยลืมมันได้สักที...”ร่างสูงเอ่ยพร้อมเหยียดยิ้มเยาะ น้ำเสียงนั้นสั่นเครือออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “...ความจริงแล้วฉันไม่ควรแม้แต่จะนึกถึงอี อึนฮยอกอีกเลยด้วยซ้ำไป...”
“...”
“...เพราะขนาดเขาเอง ยังไม่เคยนึกถึงฉันเลยสักนิด...”
“ไม่จริง...”
อึนฮยอกหลุดปากออกไปเสียงแผ่วเบา เรียกดวงตาคู่คมนั้นหันมาสบ ร่างบางหลุบตาลงต่ำหลบนัยน์ตาคมคู่นั้น ได้แต่ภาวนา...ขอให้ความมืดซ่อนเร้นความเจ็บปวดของเขาไว้ด้วยเถิด
“ไม่หรอก...”คิบอมค้านออกมาเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมพูดอะไรต่อจากนั้นเลยสักนิด น้ำเมามันกำลังออกฤทธิ์ คนเราพอเวลาเหล้าเข้าปากมันก็มักจะเผลอพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเสียจนหมดเลยไม่ใช่หรือ ต่อให้เป็นผู้ชาย...แต่คิม คิบอมคนนี้มันก็ได้ชื่อว่ามนุษย์คนนึง มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ ซึ่งมันคงจะไม่แข็งแกร่งพอจะทนทานทำเฉยเมยต่อคนตรงหน้าได้อีกแล้ว
“...ถ้ารักจริงแล้วทำไม ถึงทิ้งฉันไป...”
อึนฮยอกช้อนตาขึ้นสบ เห็นแววตาแดงก่ำที่เศร้าลึกจนน่าใจหาย เหมือนมันจะส่งมายังเขาโดยตรงเสียมากกว่ามอบให้อี ฮยอกแจ
“...ไม่ห่วงกันแล้วเหรอ ไม่รัก...ฉันเลยหรือยังไง...”
คิบอมก้าวเข้าหาอีกคนทีละก้าว ห่างกันแค่ไม่ถึงสิบก้าว...หากเขาก็รู้สึกเหมือนว่ามันห่างไกลกันเหลือเกิน และแต่ละก้าวก็ช่างเยือกเย็นกว่าจะถึงตัวอีกคนได้
“...ไม่เคยคิดบ้างหรือไงว่าคนที่เหลืออยู่มันจะเป็นยังไง?...”
อึนฮยอกกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงสั่น
“คิบอม อึนฮยอกเขาอาจจะ...”
“เลิกทำเป็นไม่รู้เรื่องสักทีเถอะน่า!!...”
เสื้อตัวนอกที่ถอดออกมาพาดบ่าถูกทุ่มลงพื้นตรงหน้าร่างบางเสียเต็มแรง อึนฮยอกเบิกตากว้าง ช้อนดวงตาอาบน้ำตาขึ้นสบดวงหน้ากราดเกรี้ยวของอีกคน คิบอมกระชากอีกคนเข้ามาใกล้แล้วตะคอกถามเสียงดังลั่น
“...นึกว่าผมจะดูไม่ออกหรือยังไง!? นึกว่าตัวเองเล่นละครเก่งเหมือนพี่ชายนักเหรอ!!?...”
“!!”
“...คิดว่าผมโง่...!! ขนาดคนที่ตัวเองรักจะจำไม่ได้เชียวอย่างนั้นเหรอ!!?...”
ดวงตาสีอำพันเบิกกว้าง ก่อนจะหลุบต่ำ เถียงข้างๆคูๆออกมาแผ่วเบา
“ฉันไม่ใช่...”
“อี ฮยอกแจน่ะมันมีรอยกรีดข้อมือของตัวเองหรือไงกันเล่า!!?”
คิบอมตวาดถามออกเสียงดังจนน่ากลัวว่าอีกคนจะหูอื้อ อึนฮยอกเม้มปากแน่น ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยช้า คิม คิบอมกำลังร้องไห้...สะอื้นจนตัวโยน
“รู้มั้ยว่าห้าปีมันทรมานขนาดไหน? ทำไมคุณไม่กลับมา...”มืออุ่นเลื่อนขึ้นมาสัมผัสแก้มขาว ก่อนจะรั้งอีกคนเข้ามากอดเต็มตัว “...เคยรู้บ้างไหมว่าผมต้องทรมานขนาดไหน? เคยรู้บ้างไหมว่าคนที่อยู่ข้างหลังมันต้องเจอกับอะไรบ้าง?”
“คิบอม...”คนถูกถามเรียกชื่ออีกคนเสียงสะอื้น หมดกัน...ความเข้มแข็งที่พยายามปลุกปั้นมันขึ้นมา ตอนนี้อี อึนฮยอกเหมือนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หมดแรงต่อต้านได้แต่ยืนนิ่งให้อ้อมแขนที่คุ้นเคยนั่นโอบกอดอยู่อย่างนั้น
“...ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ๆแบบนี้ ไม่รัก...ไม่สงสารผมบ้างเลยหรือยังไง...”คิม คิบอมกอดอีกคนไว้แนบแน่น ราวกับกลัวว่าร่างในอ้อมแขนนี้จะหลุดลอยหายไป “...แล้วพอกลับมาแล้ว ทำไม...ทำไมยังทำแบบนี้ล่ะ”
“ผมขอโทษ...”
“นี่คุณคิดจะทรมานผมไปถึงเมื่อไหร่น่ะอี อึนฮยอก!!?”
เจ้าของชื่อที่ถูกตัดพ้อยืนนิ่ง สัมผัสได้ถึงน้ำเย็นที่เปียกชุ่มบนบ่าบอบบางของตนเอง คิบอมกำลังร้องไห้ไม่ต่างจากเขา แต่กระนั้นก็ยังไม่คิดจะยกมือขึ้นโอบกอดร่างนั้นกลับเลยสักนิดเดียว
“ปล่อยผมเถอะครับคิบอม...”
เสียงราบเรียบนั้นทำให้อีกคนชะงัก หากกระนั้นอ้อมกอดกลับรัดแน่นขึ้นอีกครั้ง
“ไม่มีทางหรอก...”คิบอมกัดริมฝีปากของตนจนห้อเลือด “...ผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไปอีกเด็ดขาด...”
“...”
“...ทำไมล่ะอึนฮยอก? ทั้งๆที่คุณมายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้วแท้ๆ ทำไมถึงต้องบอกให้ผมปล่อยคุณไปด้วย...”
“...”
“...คุณไม่รักผมแล้วเหรอ?”
อึนฮยอกส่ายหน้าแรงๆ เขารู้ดีว่าไม่มีทางโกหกคนตรงหน้าได้ และยิ่ง...ไม่มีทางโกหกตัวเองได้แน่นอน
“ผมเคยบอกคุณแล้วไง...”เป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ที่อึนฮยอกร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กเล็ก “...ผมมันไม่ดีเหมือนอย่างใครคนอื่น ประวัติของผมมันก็ไม่ขาวสะอาดเหมือยอย่างใครเขา...”
“...”
“...แล้วในเมื่อผมรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างนี้แล้ว...”ร่างบางกำเสื้อของอีกคนแน่น ก้มหน้าลงเหมือนกระทำความผิดมาก่อน “...ผมจะกล้าแต่งงานกับคุณได้ยังไงกัน?”
“...”
“...ผมจะกล้าทำให้คนดีๆอย่างคุณ...ต้องมาจมปรักกับคนสกปรกอย่างผมแค่คนเดียวจะได้ยังไงกันครับ...”
ดวงตาสีอำพันช้อนขึ้นมองอีกคนที่นิ่งงันอย่างเจ็บปวด ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมปลดมือของอีกคนที่กำลังแตะต้องตัวเขา
“...ตัวผมไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างคุณหรอกฮะ”
คิม คิบอมเม้มปากแน่น มองคนตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องไห้โดยไม่ยอมสบตาเขาเลยสักนิด เอื้อมมือสองข้างประคองให้ดวงตาสีอำพันคู่นั้นขึ้นมาสบ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบ
“คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ อึนฮยอก...”
“...”
ดวงตาสีอำพันสั่นไหวฉายแววฉงน ก่อนจะสะดุดลมหายใจของตัวเองเมื่ออีกคนก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปาก ปลายลิ้นดุนดันเข้ามาอย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนไปซับน้ำตาที่ข้างแก้มให้อย่างอ่อนโยน กระซิบแผ่วเบา...แนบใบหูนิ่ม
“ผมเลือกที่จะแต่งงานกับคุณเอง เพราะฉะนั้น...”
“...คุณจะคู่ควรหรือไม่ ผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง คุณไม่มีสิทธิ์หรอกนะ”
**
“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเธอไปเดินเล่นที่งานของไลอ้อนจิวเวอร์รี่อย่างนั้นเหรอ”
เสียงถามดังมาจากคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงกันข้าม นาบีเหยียดยิ้มออกมาจางๆเป็นการตอบรับคำถามจากแฮซอก ฝ่ายชายอยากจะหัวเราะใส่ผู้หญิงตรงหน้า และพี่ชายของตัวเอง ดูไม่ออกเลยเหรอว่าภรรยาที่เขารักนักหนาคนนี้จะมีอะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังน่ะ
“หัวเราะแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”
ท่าทีของนาบีจะดูไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่นัก เจ้าหล่อนแตกต่างจากลูกชายของตัวเองตรงนี้เนี่ยแหละ ถ้าเป็นฮยอกแจล่ะก็...เด็กนั่นแทบจะทันเล่ห์เหลี่ยมเขาทุกเล่ห์กล ชนิดแค่มองตาก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร เพราะอย่างนั้นแฮซอกเลยต้องมี ‘ตัวช่วยเสริม’ ในการจัดการกับเด็กนั่นยังไงล่ะ และหนึ่งในเครื่องมือของเขา...ก็คือผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ
“ประธานของไลอ้อนจิวเวอืรี่ ถึงจะเป็นพ่อม่ายแต่ก็รูปหล่อน่าดูเลยไม่ใช่เหรอ”
คำถามรู้เท่าทันนั่นทำให้ดวงตาของฝ่ายหญิงเปลี่ยนไป นาบีดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แฮซอกไหวไหล่เหมือนไม่ค่อยจะใส่ใจนัก แต่ที่จริงแล้วเขาจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอคนนี้อยู่ตลอดนั่นแหละ เคยได้ยินไหมเล่าว่าสามีภรรยาคือคนๆเดียวกัน เพราะฉะนั้นจุดอ่อนของภรรยาก็คือจุดอ่อนของสามี และในสายตาของเขา ภรรยานี่แหละที่เป็นเครื่องมือประหัตประหารสามีได้ดีที่สุด ดูอย่างประเทศจีนแผ่นดินใหญ่สิ มีผู้ยิ่งใหญ่กี่คนแล้วที่ต้องผ่านแก่หญิงงามน่ะ
“เอาเถอะ ยังไงฉันก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่วันยังค่ำ...”แฮซอกรินชาให้อีกคนอย่างเอาใจ นี่แหละคือสิ่งที่เขาผูกมัดหล่อนเอาไว้ได้ ความลับของนาบีส่วนใหญ่อยู่ในกำมือของเขา นั่นทำให้ชายวัยกลางคนถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายอยู่หลายขุม “...ว่าแต่ลูกชายของเธอ สรุปแล้วเขาเป็นตัวจริงหรือปลอมกันแน่ล่ะ?”
“...”
“เธอเป็นแม่ก็น่าจะรู้จักลูกชายของตัวเองดีไม่ใช่เหรอ คงไม่เป็นการดีสำหรับเธอนักถ้าหากคนที่นั่งตำแหน่งประธานบริษัทโรสมาร์คอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่อี ฮยอกแจ”
“...”
อี นาบีนิ่งไปชั่วอึดใจ ใช่...เพราะเป็นแม่เธอจึงต้องให้ฮยอกแจดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแห่งนี้ แต่ก็เพราะเป็นแม่อีกนั่นแหละ...ถึงได้ไม่อาจบอกผู้ชายตรงหน้านี่ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโรสมาร์คนี้เป็นใคร ถึงจะทำตัวไม่สมกับคำว่าแม่นักในตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่นาบีก็ไม่มีทางให้อึนฮยอกต้องเป็นอันตรายเพราะผู้ชายตรงหน้าเด็ดขาด แฮซอกเป็นคนเจ้าเล่ห์ และแม้แต่เธอเองก็เคยตกหลุมพรางมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตนี้เลยล่ะ
“ประธานของโรสมาร์คที่เห็นอยู่ตอนนี้ เป็นลูกชายของฉัน”
ดังนั้นเลยเลือกตอบคำถามที่พอจะตอบได้ หวาดกลัวคนตรงหน้าเหรอ...ใช่ ยอมรับโดยดุษฎีเลยว่าแฮซอกเป็นผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิต
“แน่ใจนะ”
แฮซอกพยายามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของอีกฝ่าย นาบีสวย...แต่ความสวยนั้นไม่มีผลกับเขาหรอก สายตาของอีกคนสั่นไวหากไม่มีวี่แววว่าโกหก โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่บอกเขาตอนนี้
“ค่ะ...ฉันไม่โกหกคุณหรอก”
แค่ไม่บอกความจริงทั้งหมดก็เท่านั้นเอง
แฮซอกนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยออกมาเสียงเจ้าเล่ห์
“ก็ดี เพราะถ้าเธอโกหกล่ะก็...”
“...รู้ตัวใช่มั้ยว่าต้องเจอกับอะไร”
**
หรือถ้าอยากให้ได้ก่อนใครเพื่อน ไปแปะเมลล์ในเพจของไรเตอร์นะจ๊ะ เพราะบางทีไรเตอร์เข้ามาตอนนี้แล้วก๊อปวางไม่ค่อยได้ ต้องไล่หา อาจจะมีขาดตกบกพร่องไปบ้างก็ได้
(เรื่องของเรื่องคืออยากได้คนเข้าเพจเยอะๆชิมิ - - (ไรเตอร ; จ้า =w=;))
อะแฮ่ม เอาเป็นว่าไรเตอร์จะส่งเอ็นซีให้คนที่แปะเมลล์ในเพจก่อนแล้วกันนะจ๊ะ - - แล้วค่อยส่งให้ทางเด็กดี จบข่าว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดูๆไปแล้วฮยอกน่าสงสารโฮก หมอเบยซองบอก นนที่ไม่รักตัวเองคือคนที่น่าสงสารที่สุด
amorn_jen@gmail.com
นาบีแฮซอก ร้ายเงียบนักนะ
ถึงบางครั้งเนื้อเรื่องจะอยู่ในเอ็นซีก็ตาม
บอมอึนคืนดีกันแล้วใช่มั้ย เข้าใจกันแล้วหรือป่าว
kawisara_watt@hotmail.com
ขอเอนซีด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยยคะ
bright_ebaa@hotmail.com ^___^*
ขอเอนซีด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยยคะ
bright_ebaa@hotmail.com ^___^*
แต่ตอนนี้วอนฮยอกแจก็เริ่มน่ารักแล้วววว
งื้ออออ ขอ nc ด้วนนะคะ supericy_ice@hotmail.com
ดราม่ากะฮยอกแจมาแสนนาน ได้เวลาให้ฮยอกแจไม่เศร้าอีกต่อไปนะ วอนฮยอกเรียลลลลลล
ขอชมหน่อย... เอ็นซีของไรเตอร์สวยมาก (เรารู้สึก) ไม่จาบจ้วง แต่เข้าใจ แบบว่ามันก็ได้อารมณ์อยู่นะ สำหรับเราเราว่าภาษาสวยอ่ะ อ่านได้ลื่นไหลเข้าใจง่ายด้วย จริงๆ ถ้าไม่มีใครแกล้ง ลงในนี้ก็ไม่โดนแบนหรอกนะ ^____^"
Petch_bojae@hotmail.com kaaa
น่ารักง่ะ >< พ่อพระเอกของชั้น!!!
สัญญาว่าจะส่งฮยอกกลับไปด้วย น่ารักจังเลย
บางทีฮยอกอาจจะเห็นใจยอมใจอ่อนเลยก็ได้มั้ง ><
บอมอึน!!! ในที่สุดอึนๆก็ได้รู้ความในใจเเล้ว
หวังว่าจะเข้าใจกันนะ >
ขอด้วยคน ab_geunsuk_2184@hotmail.co.th
รู้สึกว่าคู่รักเรื่องนี้เค้าจะเคลียร์ความในใจกันด้วย เหล้า ด้วย บุหรี่นะ
คู่นึงพอเหล้าเข้าปากแล้วก็ระบายความในใจใส่กัน ส่วนอีกคู่ก็บุหรี่
แต่นาบี มี someting อะไรกะแฮซอกละเนี่ยย???
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ สู้ๆๆๆๆ ^________________^
ตามอ่านเรื่องนี้มานานมากแล้ว พอเห็นว่าอัพสองตอนนี่พุ่งเข้ามาเลย (แม่้จะสอบอยู่ ฮ่าา)
จริงๆดีใจนะคะที่ตอนนี้ฮยอกแจร้องไห้ให้ซีวอนเห็นแล้ว
แสดงว่าถึงอย่างกำลังชม้อยขึ้น? ฮ่าาา แอบลุ้นมว้ากกกกกกกกกกกกกกกก
จริงๆอยากให้ซีวอนทำมากกว่าจูบค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย
ขอบคุณมากนะสำหรับฟิคดีๆ
ชเวคิดอะไรอยู่ จูบฮยอกแจเฉยเลย ฮยอกแจก็สมยอมด้วยนะ >[]<
คิบอมสบายใจแล้วใช่มั๊ย?? เข้าใจกันแล้วกับอึนฮยอกด้วย แถมยัง... หึหึ >////<
นาบีเธอไปทำอะไรไว้ให้คนเลวอย่างแฮซอกกุมความลับได้หล่ะนั่น
ถ้าไม่ได้อ่านตอนตัดต่อละก็ มันจะอยู่ไม่ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด้
คิบอมน่าสงสารที่สุดเลย ฮือๆ
Ffo.0_@hotmail.com
หลังว่าจะทันนะคะ
ไรเตอร์ขออ่านด้วยน๊า
tuolek13@windowslive.com
วอนฮยอกเเจ หวานขึ้นเยอะ
ฮยอกเเจเองที่พูดเเบบนั้นก็เพราะอยากจะขอโทษใช่ไหมล่า
ไรเตอร์ ฝากเมลด้วยนะ lucuslaurenz@gmail.com
วอนฮยอกนี่ -//////- วอนคิดอะไรอยู่น่ะห๊ะ เล่นซะฮยอกด่าไม่ออกเลย
กลัวแฮซอกมากกว่านอีกอะ เอาแฮซอกไปเก็บที
บอมแกใจเย็นนะเว้ยย อย่ารุนแรงล่ะ -..- ฮี่ๆ บอมอึนมาแล้ว
แล้วเราก็จะรอวอนฮยอกต่อไป 5555
#เค้าแปะเมลล์ในเพจแล้วน้า ' ' ขอบคุณล่วงหน้างับ
ขออ่านเอ็นซีก่อนแล้วเมนท์ทีเดียวเลยละกันนะ ^^
mhoomin_minnie@windowslive.com
อึนฮยอกจะเป็นไงบ้างเนี่ยยยยย!!!
ขอด้วยค่ะ kyu-ky@hotmail.com
suddudee@hotmail.com
ขอด้วยค่ะ รอมานานแสนนาน
ว่าแต่ยังสงสัยเรื่องของแม่ฮยอกไม่ได้ มันแปลกๆแบบว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่เลย
ว่าแล้วก็กลับเข้าเรื่องเดิม รบกวนขอด้วยคนนะค่ะ
ameamep@yahoo.com
ความลับอะไร เคยเสียท่าครั่งใหญ่ยังไง
ที่ต้องการให้ย็อกเป็นประธาน เพราะเป็นลูกชาย นี่แสดงว่าก็รักลูกเหมือนกัน
หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นนะ
คิดแล้วว่า nc ต้องเป็นคู่ บอมอึน
วอนย็อกพัฒนาการเป็นขั้นจูบละ ดีใจๆ
คยูเฮ เอิ่มมม ไม่ถึงไหนเลย แถมติดลบอีก
หวังว่า มันจะไม่หักมุมนะ อย่าง นาบีเป็นคนดี อึนคู่วอน เฮไม่ได้คู่กับคยู