ตอนที่ 50 : -15-
เรา...ไม่พูดกันอีกเลยหลังจากเหตุวิวาทกันวันนั้น
ชเว ซีวอนเหลือบตามองคนที่เป็นเจ้าของตักซึ่งชเว มินโฮกำลังนั่งส่งยิ้มแป้นให้พ่อตัวเองอยู่ ลูกของเขาท่าทางจะติดใจอีกคนหนักกว่าเก่า ขนาดหน้าตาของฮยอกแจจะไม่ยอมยิ้มเลยสักนิดหากก็ยังเกาะแกะไม่ยอมปล่อย พอจะดึงมินโฮออกห่างเจ้าตัวเล็กก็ร้องจ้าจนต้องพาไปส่งโรงเรียนอนุบาลด้วยกัน
ความคิดของคนตัวสูงตรงกับอี ฮยอกแจอย่างน่าตกใจ...
ประธานหนุ่มแห่งโรสมาร์ครับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าช่วงเวลาต่อไปคงจะอึดอัดมากกว่านี้ ช่วงขาไปน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะยังมีหนูน้อยมินโฮนั่งมาด้วย แต่ช่วงขากลับนั้นคงจะเงียบเป็นเป่าสาก ซีวอนคงไม่ยอมเริ่มคุยกับฮยอกแจก่อน และฮยอกแจเองก็ไม่รู้จะเสวนาไปด้วยทำไม
การที่ต้องอยู่กับใครบางคนที่ไม่ชอบหน้าเอามากๆ นี่มันช่างอึดอัดเสียจริงๆ
“มาแล้วเหรอคะน้องมินโฮ”
ครูพี่เลี้ยงสาวกุลีกุจอเดินมารับถึงรถ พลางส่งยิ้มหวานให้พ่อม่ายหนุ่มที่มักมาส่งลูกชายตัวเล็กก่อนเข้าทำงานทุกวัน สาเหตุเพียงหนึ่งเดียวที่เหล่าแม่ๆหรือครูยังสาวทั้งหลายพร้อมใจกันแต่งตัวสวยเช้ง ใครๆก็รู้ว่านอกจากชเว ซีวอนจะเป็นหนุ่มหล่ออนาคตไกลแล้วยังรวยมหาศาลอีกด้วย
ฮยอกแจที่ลอบมองอยู่ในรถ อดที่จะส่ายหน้าออกมาช้าๆไม่ได้ พวกผู้หญิงนี่ชอบหลงในรูปโฉม ถ้ารู้จักตัวตนของชเว ซีวอนจริงๆหล่อนคงเกี่ยงกันเอาเลยล่ะ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกดังขึ้นข้างๆ ฮยอกแจเบือนหน้ามามองก่อนจะเห็นเจ้าของดวงหน้ากลมแป้นของมินโฮที่นาบเข้ากับกระจกมายิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือน้อยๆให้เขาลงมาจากรถ ฮยอกแจถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วพยักหน้ารับ เปิดประตูออกไปเจ้าตัวเล็กก็กระโจนกอด บางทีฮยอกแจก็คิดเหมือนกันนะ...อึนฮยอกเอาอะไรให้เด็กนี่กินถึงได้ติดหนึบหนับขนาดนี้
ร่างเล็กๆทั้งจูงทั้งชี้เหมือนจะพาให้ฮยอกแจไปเจอกับอะไรบางอย่าง ซีวอนมองตามอย่างไม่ค่อยชอบใจ ความจริงแล้วเขากำลังคิดแยกสองคนนี่ออกห่างจากกันอยู่ แต่ก็นะ...พอเห็นตาแป๋วๆของลูกแล้วมันก็ทำใจไม่ค่อยได้จริงๆ หากมินโฮต้องเสียน้ำตาเพราะเขาน่ะ
“อะไร?”
ฮยอกแจถามเมื่อเจ้าตัวเล็กจูงเขาเดินเตาะแตะมาที่สนามหญ้าซึ่งมีบ้านเล็กๆตั้งอยู่ แค่เห็นมัน...อี ฮยอกแจก็ได้กลิ่นไม่ดีโชยมาแล้วล่ะ
“เจโล่!! ออกมาเร็วววว~!”
เสียงเล็กๆเรียกยังไม่ทันจบประโยค เจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ก็กระโจนออกมาจากบ้านของมันทันที รวดเร็วพอๆกับอี ฮยอกแจที่หันหลังแล้วรีบพุ่งทะยานหนีเต็มฝีเท้า...โกยแน่บไปทันที
ชเว ซีวอนอ้าปากค้าง เหมือนๆกับชเว มินโฮที่มองตามพลางกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง ภาพของประธานหนุ่มแห่งโรสมาร์คผู้หยิ่งทะนงกำลังวิ่งหนีเจ้าสุนัขตัวใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตายนั้นช่างหายากยิ่งนัก
ภาพของอี ฮยอกแจที่เคยโยนเจ้มปอมเมอร์เรเนี่ยนที่เขาซื้อให้ วกกลับเข้ามาอยู่ในหัวของชเว ซีวอนอีกครั้ง ก่อนที่ดวงหน้าที่เคร่งเครียดมาตลอดทางจะเผยอยิ้ม...พร้อมหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
อย่าบอกนะว่า...
.
.
.
“เอามันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!! เอามันออกไป๋!!!!...”
อี ฮยอกแจตวาดสั่งคนข้างล่างเสียงเข้มหลังจากปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มโดยการกระโจนหนีตายขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ โดยที่มีเจ้าเจโล่หรือหมาพันธุ์นอกขนทองกำลังเห่าเรียกพร้อมกระดิกหางยิกๆรอให้เขาลงไปเล่นด้วย ส่วนคนอื่นๆน่ะเหรอไม่ต้องบอก เดินมามุงดูเขาราวกับเป็นตัวประหลาดแล้วล่ะ
“นี่คุณกลัวหมาเหรอ?”
อะไรมันก็ไม่แทงใจดำเท่ากับการที่ศัตรูตัวฉกาจยืนกอดอก เงยหน้าถามพลางหัวเราะออกมาเสียงดังเหมือนจงใจให้ได้ยินถึงคนที่เกาะกิ่งไม้อยู่ข้างบน ฮยอกแจหน้าแดงก่ำ ตวาดใส่ทั้งๆที่ไม่ยอมสบดวงตาพราวระยับนั่นเลยสักนิด
“หุบปากพล่อยๆของนายแล้วรีบๆจับมันเข้ากรงไปเถอะน่า!!...”
ปัดโถ่เอ๋ยยยย!! ทำไมที่โรงเรียนอนุบาลถึงได้มีหมาพันธุ์ใหญ่ขนาดนี้อยู่ได้วะ!? พ่อแม่สมัยนี้ไม่กลัวมันจะขย้ำลูกเต้าตัวเองตายหรือไง!?
“เจโล่ไม่กัดหรอกค่ะ มันถูกฝึกให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กน่ะ”
เสียงใสๆของครูอนุบาลหน้าสวยดังขึ้น ฮยอกแจล่ะอยากเอาลูกมะม่วงปาใส่หล่อนยิ่งนัก ก็บอกให้รีบๆจับหมาไปเก็บไงเล่า!!
พอดูจากสถานการณ์ว่าคนที่อยู่บนต้นไม้จะไม่ยอมลงมาง่ายๆถ้ายังมีเจ้าหน้าขนแสนใจดีของเด็กยืนมองตาแป๋วอยู่ด้านล่าง ชเว ซีวอนที่กำลังกลั้นขำจนท้องแข็งก็ทำตัวเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว เดินเข้ามาจับปลอกคอของเจโล่แล้วลากออกไปให้ไกลจากต้นไม้ในระยะสิบก้าว ฮยอกแจมองเขาอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะไต่ลงมาช้าๆเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาบ้านั่นเข้าใกล้เขาไม่ได้แล้ว
“โฮ่งงงง!!!”
“!!!”
ปึก!!
ทันทีที่ขาข้างสุดท้ายกำลังจะแตะพื้น เจ้าเจโล่ก็ทะยานใส่แทบจะทันทีจนเหยื่อของมันถึงกับทรุดฮวบอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนข้อศอกกระแทกกับโคนต้นไม้ เบิกตากว้างแทบถลนกับภาพสุนัขตัวโตและสูงเท่าตัวเขาขณะนั่งในระยะประชั้นชิด ก่อนที่เจโล่จะโดนซีวอนดึงปลอกคอออกห่างไปเข้ากรง
ทีแรกก็ตกใจ แต่พอเห็นหน้ายิ้มๆของคนที่จับปลอกคอไว้ให้ สรุปได้ทันทีเลยว่ามันแกล้งเขา!!
ดวงหน้าเผือดสีเมื่อครู่กลับกลายมาเป็นสีเข้มจัดเมื่อประสานตากับเขา ชเว ซีวอนที่หลุดหัวเราะออกมาในที่สุดเมื่ออี ฮยอกแจเหวี่ยงค้อนมาให้อันเบ้อเริ่ม ท่าจะหัวเราะมากไปหน่อยจนดวงตาสีอำพันนั้นตวัดมองกลับมาเป็นประกายกร้าว นี่คงกำลังสาบานกับตัวเองอีกแล้วล่ะสิว่าจะแก้แค้นเขาให้ได้น่ะ
เจ้าหมาน้อยถูกจับล่ามกับบ้านของมันครางหงิ๋งๆ ขณะที่เด็กๆถูกต้อนกลับไปเข้าห้องเรียนเพราะได้เวลาเรียนแล้ว มินโฮเข้ามาจุ๊บแก้มพ่อตัวเองเป็นการลาสองที ก่อนจะหันไปยิ้มหวานแล้วโบกมือลาให้ฮยอกแจที่ยังนั่งอยู่โคนต้นไม้หน้ามุ่ย ก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆเดินต้วมเตี้ยมเข้าห้องเรียน
มือข้างนึงยื่นมาให้ ฮยอกแจมองดวงหน้ายิ้มๆของซีวอนก่อนจะปัดมันออกอย่างแรง หยัดกายขึ้นลุกด้วยตัวเองแม้จะช้าไปเล็กน้อยเพราะข้อเท้าเคล็ดเล็กน้อย กำลังจะก้าวไปที่รถหากคนตัวสูงกว่ากลับกระชากแขนไม่ให้เดินไปได้ไกล
“อะไร!?”หันมาถามอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อหยาดเลือดสีเข้มซึมออกมาจากบาดแผลตรงข้อศอก หากกระนั้นอี ฮยอกแจก็ยังสะบัดมือของอีกคนจนหลุดได้ในที่สุด
“ปล่อยน่า!!”
ซีวอนถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกำต้นแขนของอีกคนเอาไว้แล้วจูงแกมลากไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนอนุบาล เด็กดื้อกำลังจะหันมาโวยวายพลางเอากำปั้นทุบแขนเขาอย่างรุนแรงหลายที จนซีวอนต้องหันมาขู่ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง
“จะให้ผมอุ้มคุณไปดีไหม?”
ได้ผล...คราวนี้อี ฮยอกแจเงียบกริบ เดินตามแรงจูงนั้นไปอย่างว่าง่ายโดยทันที
**
“ฮยอกแจน่ะเหรอที่แปลกไป?”
อี นาบีเอ่ยถามออกมาพร้อมขมวดคิ้วสงสัย มือเรียวยังถือแก้วไวน์แดงค้างไว้อยู่ โรงแรมหรูมักมีบริการชั้นเลิศที่ทำให้หญิงวัยกลางคนคนนี้พึงพอใจได้เสมอ แฮซอกมองเหล่าหนุ่มๆที่เหลียวมองหญิงที่นั่งตรงข้ามเขาเป็นตาเดียว หากฮยอนซูมาเห็นก็คงจะหัวเสียน่าดูล่ะ
“ตอนนี้เขาทำความเคารพนอบน้อมต่อผู้บริหารระดับสูงอาวุโสทุกคน ทั้งๆที่เมื่อก่อนแทบจะไม่ชายตาแลเลย ล่าสุดมีข่าวว่าเขาเพิ่งให้ของขวัญวันเกิดกับยามที่หน้าบริษัทไป...”
“แล้วไง?”นาบีเลิกคิ้วเรียวขึ้นสูงอย่างฉงน “...คุณอุตส่าห์เรียกฉันมาจากแอลเอเพื่อให้มามองดูความเปลี่ยนแปลงในแง่บวกของลูกชายตัวเองอย่างนั้นเหรอ การที่ฮยอกแจมีความประพฤติที่ดีขึ้น...อย่าบอกนะว่ามันทำให้คุณลำบากน่ะ?”
ดวงตาของแฮซอกเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ค้างคาใจออกมาเบาๆ
“ด้านสังคมเขาดีขึ้นก็จริง แต่เรื่องของงานบริษัท...ฮยอกแจเหมือนไม่เป็นงานเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาทำงานได้ฉกาจฉกรรจ์ แต่พักหลังๆกลับนำงานแทบทั้งหมดไปให้สามีของคุณหรือคิม คิบอมดูแลแทน นี่เรียกว่าแง่บวกอย่างนั้นเหรอนาบี? เขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน...แต่เพราะพวกผู้บริหารส่วนมากกำลังคิดค้นวิธีการต่อสู้กับไลอ้อนจิวเวอร์รี่ที่กำลังเติบโตเลยไม่ค่อยสนใจ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้”
คิม นาบียกไวน์ขึ้นจิบ หล่อนรู้เจตนาที่แอบแฝงดีของคนตรงหน้า หากกระนั้นการที่เด็กคนนั้นมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนั้น...มันก็น่าแปลกไม่น้อย
“ผม...คิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นตัวปลอม”
“!!”
หญิงวัยกลางคนแทบทำแก้วไวน์หลุดมือ หากกระนั้นหล่อนก็ยังรักษาท่าทีไว้ได้ดุจนางพญาเหมือนเคย เอ่ยออกมาด้วยเสียงราบเรียบ
“อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจขนาดพูดคำว่าตัวปลอมขึ้นมาคะ?”
“...”
“...เด็กคนนั้นแสดงละครตบตาคนได้เก่งแค่ไหน ทั้งคุณ...และฉันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ”
“มีข่าวลือออกมาว่า...มีคนเห็นอี ฮยอกแจอยู่ในที่หนึ่ง ทั้งๆที่เราเห็นเขาอยู่ในอีกที่หนึ่ง...”
อี นาบีเงียบกริบเมื่อได้ฟังถ้อยคำนั้น ขอบคุณแว่นดำที่ทำให้อีกคนมองไม่เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของเจ้าหล่อน
“...ผมเลยมีความคิดแผลงๆว่าเขาอาจจะมีสองคน ไม่ว่ายังไงคุณก็ช่วยไปดูหน่อยก็แล้วกัน หรือถ้าหากว่าเขาไม่ใช่อี ฮยอกแจจริง...”
คำพูดสุดท้ายของอี แฮซอกกดเสียงเบาลง หากแววตาครานี้ของอีกฝ่ายกลับทำให้นาบีรู้สึกเหมือนกวางน้อยที่อยู่ต่อหน้าพญาเสือ
“...ทั้งคิม คิบอม อี ทงเฮ...หรือแม้แต่อี ฮยอกแจตัวปลอม...ลำบากแน่”
**
เสียงฝีเท้าดังเตาะแตะเข้ามาใกล้ทำเอาคนที่กำลังจมกับความคิดของตนเองอยู่หยุดชะงัก เบือนหน้าหันมามองประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ใกล้โต๊ะทำงานของตน เห็นเงาคนลอดเข้ามาฉายบนพื้นพรมสีเข้ม ได้ยินเสียงเคาะที่ไม่ค่อยเป็นจังหวะนัก
“เชิญ”
อึนฮยอกเอ่ย หากก็ต้องงุนงงเมื่อไม่มีใครผลักบานประตูเข้ามา หากเสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาคิดว่าตัวเขาเองนี่แหละที่ต้องเดินไปเปิดประตู
ความว่างเปล่าหน้าห้องทำเอาอึนฮยอกขมวดคิ้วแน่น หันไปเห็นเลขาหน้าห้องที่มักตีหน้าเรียบอยู่เสมอกำลังแย้มรอยยิ้มออกมาน้อยๆอย่างหายาก ก่อนที่อะไรบางจะถาโถมเข้ามาที่หน้าขา ก้มลงมองเห็นดวงหน้ากลมแป้นพร้อมแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างที่กำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่
“พี่จ๋า~...”
อึนฮยอกเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเมื่อเด็กน้อยหน้าตาน่าฟัดกำลังทำท่าเหมือนอยากให้อุ้ม เขาก้มลงไปอุ้มขึ้นมาอย่างงงๆ หันมองจุนกิที่เดินเข้ามาหาผิดวิสัย ก้มลงมาหยอกเอินกับเด็กน้อยที่หัวเราะเอิ้กอ้ากพลางเอียงหัวซบบ่าอึนฮยอกไว้แน่น
“เด็กคนนี้?”
อึนฮยอกหันไปทำหน้าเหรอหราใส่เลขาของพี่ชาย ซึ่งจุนกิก็ชะงัก แล้วทำหน้าประหลาดใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว
“คุณอี แทมินยังไงล่ะครับ”
“น้อง...”
“คุณอย่าบอกนะว่าจำน้องชายของคุณไม่ได้น่ะ?”
จุนกิทำหน้าประหลาดเข้าไปกันใหญ่ อึนฮยอกถึงกับสะดุ้ง...แย่ล่ะสิ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฮยอกแจมีน้องชายอีกคน แต่เดี๋ยวสิ...ถ้างั้นก็หมายความว่าเด็กคนนี้...
“พี่จ๋า~”แทมินยังเรียกพี่ชายตัวเองอย่างอ้อนๆ ยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มพี่ชายตัวเองทั้งสองข้าง อึนฮยอกรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองพองโตอย่างน่าประหลาด
นี่สินะ...พอมีน้องให้ปกป้องแล้ว มันมีความรู้สึกแบบนี้เองสินะฮยอกแจ
อึนฮยอกคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้คนที่เขากำลังอุ้มอยู่ ก่อนจะพยักหน้ารับให้อีกคนที่หัวเราะเอิ้กอ้าก แทมินยังไม่สองขวบดี พูดได้บางคำหากก็เดินได้คล่องแล้ว ท่าทีแบบนี้แปลว่าคุ้นกับฮยอกแจพอสมควรเลยล่ะ
“อื้อ~ พี่เองนะแทมิน เข้าไปเล่นกับพี่ชายในห้องดีไหม?”
อึนฮยอกเอ่ยพร้อมยิ้มหวานด้วยหัวใจเปี่ยมสุข เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก โอบรอบลำคอของเขา กลิ่นแป้งเด็กโรยรินนี่หอมชื่นใจสุดๆเลยล่ะ
“คุณฮยอกแจครับ...”จุนกิเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ก่อนจะถามด้วยท่าทีนอบน้อม “...ไม่ไปหาคุณนาบีเหรอครับ”
ดวงตาสีอำพันชะงักกึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว
“แม่เหรอ?”
“ครับ...”จุนกิพยักหน้ารับ รอบสังเกตท่าทีที่เหมือนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ “...เธอมาที่บริษัทครับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องของคุณฮยอนซู”
เพียงแค่นั้นอึนฮยอกก่อนยื่นแทมินที่ทำหน้างงให้เลขาส่วนตัวของตนเองเอาไปอุ้ม ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องของอี ฮยอนซูอย่างรวดเร็วโดยลืมที่จะทักทายแม้คนที่กำลังเดินผ่านมา
“เขาไปไหน”คิบอมถามจุนกิเสียงเครียด ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นอี แทมินที่กำลังมองเขาตาแป๋วแล้วยื่นมือมาให้เหมือนจะให้อุ้มบ้าง
“ไปหาคุณนาบีที่ห้องของคุณฮยอนซูครับ”
“ว่าไงนะ!?”
ดวงตาคู่คมเบิกกว้าง ถามโดยไม่ต้องการคำตอบก่อนจะรีบหันหลังและก้าวตามแทบจะทันที
แย่ล่ะสิ...
จุนกิทำหน้างงยิ่งกว่าเก่า หันมาหาแทมินที่ทำหน้าเบะเหมือนเด็กที่ถูกทิ้ง ก่อนจะยกมือขาวเล็กๆนั่นขึ้นมาจูบเบาๆอย่างรักใคร่พร้อมเอ่ยอย่างเอ็นดู
“คุณแทมินอยู่เล่นกับพี่จุนกิก่อนดีกว่านะครับ”
**
แม่...
“แม่รักลูกนะ...อึนฮยอก”
...แม่ฮะ...
“...รักมาก...ที่สุด”
ขาที่ก้าวไปแทบจะกลายเป็นวิ่ง อึนฮยอกรู้สึกเหมือนน้ำตาของตัวเองจะไหลจนต้องยกมือขึ้นแตะหัวตาที่ร้อนผ่าว
...ผมจะได้เจอแม่แล้วนะ!...
ร่างโปร่งหยุดหอบหายใจตรงหน้าห้องของอดีตประธานแห่งโรสมาร์ค อึนฮยอกแย้มรอยยิ้มกว้าง ขณะที่สูดหายใจลึกและเอื้อมมือจะไปเคาะประตู หากชั่วเวลานั้น...บานประตูกลับถูกผลักจากอีกด้านนึงของมัน
ดวงตาสีอำพันสบดวงตาคู่สวยของสตรีที่เขาจำได้ดีไม่มีวันลืม อึนฮยอกไล่มองตั้งแต่เสื้อผ้าราคาแพงที่ประดับกายจนดูสง่างามผิดหูผิดตา หากกระนั้นเขาก็ยังจำได้...ยังรู้สึกได้ดีด้วยสายเลือด หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ขอบตามันร้อนผ่าวเหมือนไม่อาจจะฝืนกลั้นมันไว้ได้เหมือนที่แล้วๆมา ฮยอนซูที่เป็นคนเปิดประตู เอ่ยบอกชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาคมกริบนั้นอ่อนแสงลงเมื่อเห็นว่าอีกคนจวนเจียนจะร้องไห้เต็มแก่ และสายตาก็ยังจับจ้องอยู่เฉพาะแต่แม่ของตัวเองเพียงเท่านั้น
“เข้ามาสิ”
อึนฮยอกได้สติ ร่างบางยกมือขึ้นปิดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นพร้อมหลุบตาลงต่ำ ก้าวเข้ามาในห้องของอดีตประธานแห่งโรสมาร์คและตรงเข้าไปหาอี นาบีที่กำลังยืนพินิจลูกชายของตัวเองอยู่ด้วยแววตาเย็นเยียบ ฮยอนซูเหลือบสายตามองตามก่อนจะทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ในห้องกันเพียงลำพัง เมื่อบานประตูปิดลงอี อึนฮยอกก็เหมือนความเข้มแข็งของตนพังทลาย
“แม่ฮะ...”
เพี๊ยะ!!!
ดวงตาสีอำพันเบิกกว้าง ความเจ็บจนชาที่ข้างแก้มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทัน...แม้น้ำตาจะไหลออกมาก็ยังไม่ทันเลย
“เพิ่งจะคิดได้หรือไงว่าฉันเป็นแม่ของแกน่ะ”อี นาบีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
อึนฮยอกหันกลับมาสบดวงตาที่เย็นชายิ่งคู่นั้นด้วยความไม่เข้าใจ มือเรียวกระคอเสื้อสูทที่เขาสวมอยู่เข้าไปใกล้ ในดวงตาของแม่...มันมีแต่ความจงชัง
“แกน่ะ...ทำตัวดีๆไม่ให้ฉันปวดหัวบ้างจะได้ไหม!?...”ร่างบางผลักอีกคนจนถอยห่าง ขณะที่ผู้เป็นลูกนั้นยังคงยืนนิ่งไม่ต่อรองอะไรใดๆ อึนฮยอกยังไม่เข้าใจ นาบีทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างโต๊ะของตัวเองอย่างแรง มือบางยกขึ้นสางเส้นผมของตนเองเร็วๆอย่างหัวเสีย
“ทำไมนะ...”
“...ทำไมฉันต้องมีลูกอย่างแกด้วยวะ อี ฮยอกแจ!!!?”
อึนฮยอกชะงักกึก ผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแม่ตวัดตากร้าวมองเขาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเครียด
“...นี่อย่าทำหน้างงหน่อยเลย อย่างแกน่ะเหรอจะไม่รู้ว่าตัวเองทำฉันปวดหัวขนาดไหน!? ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปมีเรื่องกับแฮซอกเขา! แล้วนี่อะไร!? ทำไมไอ้บ้านั่นมันถึงได้ต้องโทรไปเรียกฉันมาเพื่อให้ช่วยดูความประพฤติของแกด้วย!!? และตั้งแต่ฉันเดินขึ้นมาบนตึกนี่มันมีใครสักกี่คนที่ชมแกให้ฉันฟังบ้างไหม?...ไม่มี!! ถามจริงๆเหอะอี ฮยอกแจ...อยู่ที่แอลเอแกยังทำตัวเหลวแหลกไม่พออีกหรือไง!? แค่ทนอีกสักยี่สิบปีจะเป็นไรไหม...ให้แทมินขึ้นมาเป็นประธานบริษัทแล้วแกจะไปตกนรกที่ไหนก็ช่าง ฉันไม่สนใจหรอกน่า!! ลูกอย่างแกเลี้ยงไปยังไงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพึ่งพาอะไรไม่ได้น่ะ!!?...”
“ทำไม...”อึนฮยอกเอ่ยออกมาเสียงเครือเบาเหมือนละเมอ “...ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”
“ทำไม!?...”นาบีเหยียดยิ้มหยัน ก่อนจะตะคอกใส่ดวงหน้าของลูกชายตัวเองอย่างรุนแรง “...เพราะจวบจนตอนนี้ฉันยังเสียใจไม่หายที่คลอดแกออกมาน่ะสิ!!”
“แม่...”
“ไปให้พ้นหน้าฉันเถอะไป! เห็นหน้าแกแล้วฉันล่ะปวดหัวจริงๆเลย...”นาบีเอ่ยพร้อมถอนหายใจออกมายืดยาว “...แล้วน้องแกก็เอาไปเลี้ยงด้วยนะ อย่าให้มาเกาะแกะฉัน...น่ารำคาญจะตายไป”
“แม่ฮะ!!”
อึนฮยอกตวาดออกมาเสียงดังจนอีกคนสะดุ้งเฮือก หันมามองดวงหน้าของลูกชายตัวเองอย่างตระหนก แล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อเห็นลูกชายของตนเองกำลังร้องไห้
“ฮยอกแจ...”
“ฮยอกแจเหรอ?...”อึนฮยอกหัวเราะหยันออกมาเบาๆทั้งๆที่น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย “...ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่พูดกับฮยอกแจแบบนี้เองน่ะเหรอ ผมก็เพิ่งจะรู้นะ”
ดวงตาคู่สวยของฝ่ายหญิงเบิกกว้าง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นมามองอีกคนใกล้ๆให้ชัดๆ
“เธอ...”
“แม่จำลูกของแม่ไม่ได้จริงๆเหรอครับ”อึนฮยอกถามออกมาเสียงสั่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาในที่สุด
“...”หญิงวัยกลางคนนิ่งอึ้ง ก่อนจะแข็งเป็นหินราวถูกสาปเมื่ออีกคนเอ่ยออกมาเสียงดังแทบจะเป็นตวาด
“ผมไง…อึนฮยอกน่ะ!!”
อี นาบีนิ่งอึ้ง ยกมือสั่นเทาขึ้นแนบดวงหน้าของลูกชายคนรองที่เธอไม่เคยเจอมาเลยตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ ก่อนที่น้ำตาของคนเป็นแม่จะไหลออกมาเป็นสาย
“อึนฮยอก...”ร่างบอบบางนั้นสะอึก ก่อนจะสะอื้นโผกอดอีกคนเอาไว้แนบแน่น “...อึนฮยอกของแม่”
อี อึนฮยอกนิ่งงัน ความจริงแล้วหากเป็นก่อนหน้านี้สักห้านาทีเขาคงจะกอดแม่เอาไว้ให้แน่นๆ หากเป็นตอนนี้เขาทำได้เพียงยืนนิ่งๆ ปล่อยให้อีกคนลูบคลำหน้าตาของตัวเองด้วยมือที่ปอกรไปด้วยเล็กเรียวสีสด
“แม่นึกว่าลูกตายไปแล้ว...แม่นึกว่า...ลูกตายจริงๆนะ ฮึก”
นาบีผวากอดร่างโปร่งนั้นไว้แนบแน่น ราวกับไม่ต้องการให้อีกคนหลุดลอยหายไปอีก อึนฮยอกยังยืนนิ่ง ก่อนจะถามออกมาเสียงเบาหวิว
“แม่พูดแบบนี้กับฮยอกแจตลอดเลยเหรอครับ”
นาบีชะงักกึก ก่อนจะผละจากร่างของลูกชายช้าๆ
“อึนฮยอก...”
หล่อนช้อนตาขึ้นสบดวงตาที่แสดงถึงความผิดหวังของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหยันเยาะแผ่วเบา
“...นี่อย่าบอกนะว่าลูกกำลังโกรธแทนไอ้เด็กเวรคนนั้นน่ะ”
ดวงตาสีอำพันเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง อึนฮยอกเอ่ยเสียงราบเรียบหากจริงจังกว่าครั้งไหน
“ฮยอกแจไม่ใช่เด็กเวรครับ แต่เขาเป็นพี่ชายของผม...เป็นลูกของแม่คนนึงด้วย...”
“แต่หมอนั่นมัน...!”
“เขาจะเป็นยังไงเขาก็คือลูกของแม่!...”อึนฮยอกตวาดออกมาในที่สุด “...แม่ไม่มีสิทธิ์ด่าว่าพี่เขาแบบนั้น! แม่ไม่มีสิทธิ์!! ฮยอกแจน่ะ...ตามหาผมมาตลอดยี่สิบปีนะ”
“แล้วแกกำลังจะบอกว่าแม่ทิ้งแกอย่างนั้นเหรอ!!? เหอะ!...ฮยอกแจมันก็น่าจะตามหาแกอยู่หรอก ในเมื่อมันเป็นคนที่ทำให้แกไม่ได้อยู่กับแม่! มันเป็นคนที่ขโมยความสุขของแกไป! มันเป็นคนที่ทำให้เราสองแม่ลูกต้องแยกกันอยู่นะ!!”
“แม่!!”อึนฮยอกตวาดลั่น “...ทั้งหมดมันความคิดของผมนะ! แม่จะโทษพี่เขาอย่างเดียวได้ยังไงเล่า!!?”
“โทษได้สิ! มันทำให้แม่ต้องทิ้งแกนี่น่า!!”นาบีกรีดเสียงใส่ลูกชายคนรอง ดวงตาคู่งามวาววับด้วยแรงโทสะจนอึนฮยอกถึงกับนิ่งงัน ร่างสวยงามนั้นสูดลมหายใจของตัวเองเข้าลึกๆก่อนปล่อยออกมา เอ่ยด้วยความผิดหวัง “...เมื่อก่อนแกไม่เคยเถียงแม่เลยนะอึนฮยอก พ่อแกคงปลูกฝังอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตัวแม่มาล่ะสิ”
“อย่าพาดพิงถึงพ่อเลยครับ...”อึนฮยอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น “...พ่อน่ะ รักแม่มากนะ”
อี นาบีหัวเราะหยันออกมาเบาๆเหมือนอดไม่อยู่ อึนฮยอกยังเอ่ยต่อดวงตาไม่ลดละจากสตรีตรงหน้า
“...พ่อเสียแล้วครับ...”คำพูดของเขาทำให้อีกคนนิ่งอึ้ง “...แม่น่าจะไปเยี่ยมพ่อบ้างนะ”
“...”
“...”
“...ผมคิดว่า...”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะอึนฮยอก เห็นแก่แก...ฉันจะไม่บอกใครก็แล้วกันว่าแกเป็นใคร ยังไงซะแกก็เป็นลูกฉัน...”
“แล้วฮยอกแจ...?”
“ช่างหัวมัน...”
อึนฮยอกเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง นาบีเอ่ยออกมาเสียงแข็ง ยกแว่นตาดำขึ้นสวมใส่พลางดวงหน้าเกินครึ่ง
“...ไอ้บ้านั่นมันไม่ตายง่ายๆหรอก”
**
คนตัวบางถูกจับกดให้นั่งลงกับเตียงคนป่วยสีขาวเล็กๆอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่ร่างสูงจะเปิดกล่องยาขึ้นมา แล้วเอื้อมมือมาถลกแขนเสื้อของอีกคนให้เลิกสูงขึ้นไปอีกนิด
ฮยอกแจเม้มปากแน่น มองคนที่ก้มหน้าลงมาดูแผลให้เขาชัดๆด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งโกรธ...ทั้งอายเลยทีเดียว ซีวอนมองบาดแผลที่เป็นรอยขูดขีดจนเกิดเลือด ช้อนตาขึ้นมองสบดวงตาคู่หวานที่หลุบต่ำมองเขาอยู่ไม่ลดละ อี ฮยอกแจเบือนสายตาหลบอย่างเคืองขุ่น เหวี่ยงค้อนมาให้อีกคนต้องยิ้มมุมปากรับ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะอุทานเสียงเบาเมื่อถูกน้ำเกลือล้างแผล
“อุ๋ย...!!”
เจ็บเสียดแปล๊บ แต่ก็ทำเพียงแค่นิ่วหน้าเล็กน้อยเพียงเท่านั้น สูดลมหายใจลึกๆตลอดการทำแผลที่แม้ซีวอนจะเบามือที่สุด แต่พอยาฆ่าเชื้อมันโดนแผล มันก็เจ็บแสบไม่ต่างจากเอามีดมากรีดเลย ซีวอนแปะผ้าก๊อสให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย เหลือบมองดวงหน้าขาวที่ยังปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไร รู้อยู่หรอกว่าแสบ...แอลกอฮอลล์มันกัดบาดแผลน้อยซะเมื่อไหร่กันเล่า
“ไม่เจ็บเหรอ?”
ถามออกไปอย่างฉงน เรียกดวงตาสีอำพันคมวาวให้ตวัดกลับมามอง ฮยอกแจเอ่ยออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องฟ้าดิน
“เจ็บแล้วทำอะไรได้ล่ะ? แหกปากร้องโวยวายหรือไง?”
ปากงี้กวนจนขนาดทำให้ซีวอนนึกอยากจับมาตีก้นสักทีสองทีเลย แถมพูดจบก็มองค้อนแล้วเดินไปลิ่วๆ ไม่มีนึกอยากจะขอบคุณคนที่อุตส่าห์ทำแผลให้เลยสักคำ แต่จะทวงมันก็กระไรอยู่ เดี๋ยวโดนตอกกลับมาเขาคงได้หงายหลัง
อี ฮยอกแจเนี่ยน้า...ไม่เห็นเหมือนตอนสวมบทเป็นอึนฮยอกเลย
คนที่เดินนำหน้าหยุดชะงักกึก ก่อนจะอ้อมมาหยุดอยู่ด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว ทีแรกก็สงสัยอยู่หรอกว่าทำไม แต่พอเจ้าหมาเจโล่เดินกระดิกหางเข้ามาดมเขาฟุดฟิดอย่างใคร่รู้ ซีวอนก็ลอบอมยิ้มซะแก้มตุ่ย
“ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลยนี่น่า”เอ่ยปากบอกทั้งอย่างนั้น แต่ก็ยังเอาตัวบังร่างของอีกคนเมื่อเจโล่อ้อมไปอีกทางหวังทักทายคนที่อยู่ด้านหลังเขา
“พูดได้เพราะนายมันไม่เคยโดนหมากัดน่ะสิ!!” ฮยอกแจแขวะเข้าให้อีกที ขยับตัวไปอยู่ด้านหลังของชเว ซีวอนโดยที่เผลอเอื้อมมือไปกำชายเสื้อของอีกคนเอาไว้แน่น เหมือนกลัวว่าจะไม่มีเกาะกำบัง
“ช็อคโก้คุณยังอุ้มได้เลย”ซีวอนเอ่ยยิ้มขำ ลอบมองดวงหน้าสวยที่จ้องเขม็งไปที่หมาใหญ่ด้วยสายตาหวาดระแวง
“ช็อคโก้กับเจ้าตัวนี้มันใหญ่เท่ากันไหมเล่า!?”
เงยหน้ามาถามเสียงเขียว ก่อนจะชะงักกึก...เพิ่งรู้ว่าหน้าเราใกล้กันขนาดนี้เชียว
ต่างคนต่างเบือนหน้าหลบสายตาเป็นพัลวัน ชเว ซีวอนตัดบทโดยการก้มลงจับปลอกคอเจโล่อีกครั้ง ก่อนจะบอกคนที่ยินอยู่เสียงเรียบ
“คุณรีบเดินไปขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมจับมันเอาไว้ให้”
“แน่นะ”
“ครับ”
“ห้ามปล่อยอีกนะ”
“ไม่หรอก รับรอง”
“เชื่อใจได้ป่ะเนี่ย -*-?”
“ถ้าไม่รีบเดินไป ผมจะปล่อยโจลี่ให้วิ่งไปหาคุณเดี๋ยวนี้นี่แหละ”
เจอคำขู่นี้เข้าไป เจ้าของดวงตาสีอำพันก็ได้แต่ค้อนตาวาวให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินแกมวิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็วจนคนมองนึกขำกับท่าทางนั้น หันมาลูบหัวหมาหนุ่มที่ชะเง้อคอตามเมื่ออีกคนหันมามองค้อน
“เด็กดีๆ”
ฮยอกแจสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถอีกฝ่ายแล้วปิดประตู ชเว ซีวอนเดินมานั่งที่นั่งคนขับ หันมองฮยอกแจก่อนจะยิ้มจำ ทำเอาคนที่มองเห็นมันผ่านเงาสะท้อนยกมือขึ้นตีป้าบเข้าที่แขนของอีกคนโดยไม่มองหน้า คราวนี้ซีวอนโน้มตัวลงไปหาอีกคนที่นั่งอยู่เคียงข้างทันที
“เฮ้ยยยยย!!”
เคยเห็นคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไหม ตอนนี้อี ฮยอกแจเองก็กำลังเป็นอย่างนั้น ดวงตาของเขาประสานกับแววตาเด็ดเดี่ยวของชเว ซีวอนอย่างไม่ตั้งใจ ฮยอกแจโวยวายเสียงเข้ม
“ไปไกลๆเลยนะซีวอน!!”
ร่างสูงยังโน้มตัวลงมาอีก คราวนี้ฮยอกแจเบี้ยงหลบจนตัวแทบติดไปกับประตูข้างของรถ ร่างสูงเอื้อมมือเข้ามาใกล้จนแทบโอบเอวเขาได้ ดวงตาสีอำพันหันไปถลึงใส่อีกคน เขายังจำพิษสงปากว่ามือถึงของคนตรงหน้าได้ดี
“นี่ซีวอน!! อย่าเล่นอะไรบ้าๆนะ!!”
“ทีเมื่อก่อนเห็นออกชอบ”
หลุดพูดออกมาคำนึง แต่เป็นคำที่ฮยอกแจล่ะอยากจะตันหน้าอีกคนนัก มือบางยกขึ้นผลักอกอีกฝ่ายออก หากดูเหมือนชเว ซีวอนจะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด
“นั่นมันการแสดงโว้ยยย!!”
เรียวปากหยักคลี่เป็นรอยยิ้มที่ฟันธงได้เลยว่ามันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด ซีวอนยังไม่ผละออกไปดังใจนึก แถมโถมร่างเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนฮยอกแจรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย คราวนี้เรียวปากที่เม้มแน่นหลุดคำพูดที่ไม่น่าเชื่อออกมาเพื่อเอาตัวรอดแทบจะทันทีเมื่อเรียวปากของอีกคนยื่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“โอเค~ ขอโทษน่า! พอใจรึยังอ่ะ!!?”
จมูกโด่งหลบดวงหน้าของฮยอกแจไปไม่เท่าไหร่ แต่ยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นข้างลำคอ ฮยอกแจเตรียมร้องโวยวายเต็มที่หากไม่...
กึก...
เข็มขัดนิรภัยถูกคาดให้อีกคนอย่างรวดเร็วจนฮยอกแจอ้าปากค้าง ซีวอนขยับตัวถอยห่างออกมาจนอยู่หน้าพวงมาลัยเหมือนเดิม เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยียวนใส่คนที่เบิกตากว้างแทบถลน
“คราวหน้าช่วยบอก ‘ขอบคุณ’ ผมด้วยนะครับ”
“ไอ้บ้าชเว ซีวอนนนนน!!!”
**
ความจริงคิบอมควรจะเสียมารยาทเคาะประตูและก้าวเข้าไปในห้องนั้นตั้งนานแล้วล่ะ แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้ของอี อึนฮยอก และเสียงทะเลาะกันระหว่างแม่กับลูก อะไรบางอย่างกลับทำให้เขาเลือกที่จะรอ...จนกระทั่งร่างระหงของอี นาบีก้าวออกมาจากห้อง หล่อนตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขา หากก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดวงตาคู่คมทอดมองเข้าไปในห้อง อี อึนฮยอกกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะรับแขกนั่น ไม่ได้หันหน้ามาทางประตู หากแผ่นหลังสั่นเทาที่เห็นได้นั่นเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้
ใจมันอ่อนยวบ...ทั้งๆที่คิดว่าต่อจากนี้จะเย็นชา เลือกที่จะลืมอีกคนให้ได้ตามความต้องการของอีกฝ่าย หากสุดท้ายคิม คิบอมก็รู้สึกเหมือนเขาแพ้ใจตัวเองอยู่วันยังค่ำ พี่น้องคู่นี้เนี่ยน้า...ชอบทำให้เขาใจอ่อนอยู่เรื่อย
“ทะเลาะกับแม่เหรอ”
ถามออกไปอย่างนั้น ทั้งๆที่รู้คำตอบของตัวเองอยู่ดี อีกคนชะงักกึก ก่อนที่อึนฮยอกจะทันหยัดกายขึ้นเขาก็ตะปบมือลงบนบ่าบอบบางทั้งสองข้าง อึนฮยอกไม่เหมือนอี ฮยอกแจ...ร้องไห้เก่งมากเลยล่ะ
“ไม่ต้องฝืนหรอก...”
ไม่ต้องแกล้งทำเป็นคนอื่นเวลาที่ตัวเองกำลังอ่อนแอหรอก...
“...ฉัน...”
...เพราะฉันน่ะ...
“...มองไม่เห็นน้ำตาของนายหรอกนะ”
...โคตรทรมานเลยรู้ตัวบ้างไหม
ร่างบางนิ่งค้างเมื่ออีกคนโน้มตัวลงมากอดจากด้านหลัง อ้อมกอดมันอบอุ่นจนทำให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เขาซบหน้าลงบนบ่าของอีกคนก่อนจะสะอื้นออกมาเสียงแผ่วเบา คิบอมรู้สึกเหมือนมือที่เกาะเกี่ยวบ่าของเขาเอาไว้กำลังจิกแน่นขึ้น...และแน่นขึ้น เหมือนกำลังจะบอกให้เขาลูบเส้นผมสีอ่อนนั่นเป็นการปลอบประโลม
บ้าที่สุดเลย...
คิบอมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบ้ามากๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองลวดลายบนเพดาน สำนึกได้ถึงแก้มนิ่มที่แนบมากับฝ่ามืออุ่นราวลูกแมวน้อยจอมออดอ้อน เหมือนเมื่อวันวานที่เขาเคยปลอบ...และดูแลเจ้าตัวไม่มีผิด
...แล้วแบบนี้ จะลืมลงได้ยังไงกันล่ะ
**
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แบบนี่เองฮยอกถึงไม่เรียกแม่ว่าแม่
ถ้าเป็นคนอื่นคนเกลียดอึนละมั้ง
บอมอย่าใจร้ายกับอึนเลยนะ T_T
ความรู้สึกที่ฮยอกเเจได้รับจากเเม่ตลอดมาคือแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามากเลย
ถึงว่าทำไม ฮยอกเเจถึงเป็นคนที่ภายนอกดูเข้มเเข็งเเต่จริงๆเเล้วน่าสงสาร
แอบฮาตรงที่กลัวหมาเนี่ยแหละ อย่างอื่นไ่กลัว เเต่กลัวหมา 55555
บอมก็ดราม่าได้อีก รักฟิคเรื่องนี้เพราะเเบบนี้แหละ
มันอึมครึมและอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลย
ระหว่างความสัมพันธ์ของแม่ลูกู่นี้
โฮกฮากกกกกกกก หน่วงทุกๆครั้ง
แต่ฮยอกแจเป็นที่รักของ น้องๆนะ ทั้งอึนฮยอก แทมิน มินโฮ
ฮยอกแจสู้สู้
บอมควรทำสิ่งที่อยากทำให้ดีที่สุดเนอะ
วอนด้วย><
แต่Hjทำตัวน่ารักนะตอนนี้^;^
สงสารฮยอกแจที่ต้องทรมานมาตลอด ㅠ.ㅠ
ดีใจที่อึนฮยอกช่วยปกป้องฮยอกแจ ซึ้งงงงง~
บางทีอฮจ.ก็หลุดโลกกับเค้าเปนเหมือนกันนะเนี่ย ><
น่าััรักดีอะ เจอฮยอกแจร้ายๆมา เจอแบบนี้รู้สึกว่าเหมือนเด็กๆเลย
วอนก้อนะ ได้ทีเอาคืนใหญ่เชียว!!! แต่ว่าก้อว่าเถอะ... อีนิสัยปากว่ามือถึงนี่ไม่เปลีย่นเลยนะ
จากภาค 1 ยันภาค 2 ไม่ว่ายังไงคุณก้อเลื้อยได้ตลอดจิงๆ!!
แต่นะ... เลื้อยขนาดนี้ไม่หวั่นไหวกับฮยอกแจจิงดิ?
ฮยอกแจน่าัรักนะ ออกจะหลุดมุมหวานๆ(?)ดีๆออกมาแล้ว อย่าใจแข็งห่อยเลยน่าาาตาชเววววว!!
ว่าแต่มาแบบน่ารักกรุบกริบแบบนี้ทีไร กลัวจิงๆว่าคู่นี้จะวกมาดราม่าอีก
ไรเตอร์ยิ่งชอบทำร้ายกันอยู่ด้วยยยยยยยย TT
อี นาบี... ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจิงๆ T___T
คืออ่านแล้วรู้สึกว่าผญ.คนนี้ไม่น่าไว้ใจเลย
ขนาดเปนแม่นะเนี่ย ยังพูดกับลูกได้ถึงขนาดนี้
นี่ขนาดเค้าอ่านนะ เปนเค้าถ้าได้ยินเหมือนอึนก้อคงรับไม่ได้อะ
สรุปว่าไม่เคยหรอกฮยอกแจ รักแต่อึนอึน แถมยังไม่รักแทมินอีก TT
หรือว่าอันที่จริงนางอาจจะไม่รักใครเลย รักตัวเองคนเดียว...
โอ้ยยยย ผญ.คนนี้ไม่ไหวเคลียร์แล้วอะ น่ากัววววว
แต่นะ อ่านแล้วมันรู้สึกเหมือนฮยอกแจไม่มีไคเลยจิงๆ T__T
เริ่มเข้าใจแล้วละสิว่าทำไมฮยอกถึงไม่เรียกว่าแม่ ไม่เรียกพ่อ..
แล้วก้อทำเหมือนตัวคนเดียวในโลก.. แต่คิดว่าเบื้องลึกมันคงต้องเจบกว่านี้แน่เลย
คงต้องรอไรเตอร์เฉลยอดีตทั้งหมด T___T
คิบอมมมม รีบๆใจอ่อนแล้วเข้าใจอึนอึนสักทีเถอะ
ตอนนี้อึนอึนต้องการกำลังใจนะ เราจะได้หมดห่วงไป 1 คู่ 5555+
ที่ห่วงก็เหลือแต่คู่คนชเวกับแม่กุหลาบแดงนั้นแหละ คิคิ
ไรเตอร์ ไหนๆก้อไม่ได้อัพวันพ่อแล้ว ย้อนหลังอีกสักตอนไม่ได้หรอ 555+
ติดเรื่องนี้งอมแงมจิงอะไรจิง แต่ยังไงก้อู้ๆนะค่ะ
รอเสมอ !!
วอนมันรู้แล้วว่าแกกลัวหมาน่ะฮยอก 5555 วอนทำเราแทบจะกลั้นหายใจเลยนะเว้ย ><
หวั่นไหวบ้างป๊ะฮ คิคิ พวกแกสองคนรักกันเร็วๆน้าา ตอนนี้เป็นอะไรที่เขินเฟ่อ ><
รักไรเตอร์สุดหัวใจ 55555 คุณแม่ขา ToT อย่าทำแบบนี้สิ ฮยอกมันคงเจ็บน่าดู
ฮยอกมันเปนพี่ที่รักอึนมากเลยนะ ทำไมแม่ทำแบบนี้ T T *โป้งแล้ว*
ทำไมแม่เลือกที่จะรักคนน้องคนเดียวละ มันต้องมีเหตุผลมากพอใช่ไหม
ทั้งเรื่อง ไม่มีใครรักฮยอกเลยใช่ไหม ไม่รักไม่พอแถมยังมีคนเกลียดแค้นด้วยนี่สิ
ก็มีแต่ วอน ที่ยังพอมีหวัง ชอบ วอนฮยอกตอนนี้สุดๆ น่ารักๆๆๆ
ฮยอกแจที่มาดหลุด น่ารักที่สุด ถึงแม้ดูเหมือนจะไม่ใช่ประธานคนเก่งก็ตาม
สงสารฮยอกเเจอ่ะทำไมเเม่เป็นคนเเบบนี้นะ
วอนดีกับฮยอกเยอะๆนะะะะะะะะะะะะะะะะะ
ฮยอกกลัวมากขั้นแม๊กจริงๆ หลุดมากเลย 555
ฮยอกตอนนี้เหมือนเด็กซนๆคนนึง ไม่มีมาดประธานเลยนะ
ฮยอกอยู่กับครอบครัวร่ำรวยแต่ดูจะไม่มีความสุขเลยนะ
แม่ยังมาพูดแบบนั้นใส่อีก
บอมแน่ใจว่าจะใจแข็งกับอึนได้
ตัวน้อยสองคนนี้ไม่ไหวน่ะน่ารักอ่ะ
เเล้วคุณเเม่ก็น่ากลัวมาก ทำไมทำเเบบนี้ TT________TT
อึนฮยอกคงจะสงสารพี่ตัวเองมากขึ้นไปอีก
คืม คิบอมดูเเลอึนฮยอกดีๆนะ อย่ามัวเเต่มีทิฐิสิ = ="
ส่วนซีวอนกับฮยอกเเจ
ตอนนี้น่ารักกกกกกกก
ได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นของฮยอกเเจ น่ารักละซี่~~~~
ยังไปเเกล้งเขาอีกนะ 5555+
ขุ่นแม่ใจร้ายที่สุด TT สงสารน้องอึน บักบอม แกดูแลเขาดีๆก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ
แกลืมเขาไม่ได้ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ ชิ!
ฮ่าๆๆๆๆ ตลกฮยอกก วอนเอ๊ย ขี้แกล้งอะคนเค้ากลัวหมา
แอบมีแต๊ะอั๋งแบบเนียนๆ เนียนนะ! ชอบ! ฮ่าๆๆๆๆ
สุดท้าย คยูเฮหนูอยู่หนาย TT รออยู่นะจ๊ะ คิคิ
ปล. สู้ๆนะคะ ทุกเรื่องเลย ฮึบฮึบ :)
ยังวอนก็รักฮยอก ฮยอกน่าสงสาร อึน มีแต่คนรักทั้งเลน
โมเม้นต์วอนฮยอกวันนี้น่ารักมาก ฟินไปไกลเลยอ่ะ
555555 ฮยอกกลัวหมา 55555555
ทำไมแม่ฮยอกเป็นแบบนี้เนี่ย มิน่าล่ะฮยอกเลยกลายเป็นคนแข็งกร้าวแบบนั้น
สงสารฮยอกมากๆฮยอกคงคิดตลอดว่าไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครรัก
ตอนนี้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ฮยอกแจเติบโตมานิสัยแบบนี้เลยล่ะ
ประเด็นหลักคือแม่ไม่รัก ไม่รักไม่พอ ยังด่ายังทำร้ายจิตใจมาตลอดด้วย
ฮยอกแจเลยต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเอง เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน
เราว่าฮยอกแจคงตั้งใจสละตำแหน่งให้แทมินจริงๆล่ะนะ.. ดูท่าจะรักน้องมากแล้วก็คงไม่อยากอยู่ในตำแหน่งแบบนี้ไปตลอดหรอก
สงสารฮยอกแจสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดด TT-TT แง๊ โคตรดราม่าอ่ะ
ซีวอนใจดีกับฮยอกหน่อยนะ.. เหลือแกเนี่ยแหละ บอมก็คงตัดใจไม่ได้หรอก แหม.. พยายามใจแข็งให้ตายยังไง อึนฮยอกยังอยู่ใกล้ๆแบบนี้น่ะ ไม่มีทาง!
วันนี้เข้ามาเช็คสี่รอบ.. มีลางสังหรณ์ว่าต้องอัพ ฮ่าๆๆๆ
ไรเตอร์มาอัพอีกเร็วๆนะคะ >_< เข้มข้นสุดยอดเลยเรื่องนี้ ช๊อบชอบ
นี่แม่ทำกับฮยอกแจอย่างงี้จริงๆใช่ไหม
มิน่า ฮยอกแจไม่เคยเรียกแม่และพ่อเลย
แล้วนี่ยังไงเนี๊ยะ สรุปคนที่คิดไม่ดีกับฮยอกแจคือแม่และพ่อคิบอมหรือป่าว
ค้างอ่ะ!!! งื้อ!!!
วอนฮยอกสุดยอดอ่ะ น่ารักอ่ะ ฮยอกพลาดแล้วล่ะ วอนรู้แล้วว่ากลัวหมา
แต่ความรู้สึกของวอนฮยอกตอนนี้ เอ๊ะ Puppy Love เหรอไงเนี๊ยะ 555+
อยากอ่านต่อมากมาย
Writer สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้