ตอนที่ 35 : -2-
คิบอมมมมม!
ร่างสูงเพรียวเดินแกมวิ่งเข้ามาโอบกอดน้องชายตัวเองอย่างร่าเริง ก่อนจะก้มหน้าลงจูบแก้มทั้งสองข้างเป็นการทักทายจนคนถูกกระทำต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง
ไม่จูบปากผมเหรอครับ
บ้า!คิม ฮีชอลตีผลัวะที่แขนของอีกฝ่ายแรงๆจนอีกคนหัวเราะออกมาเบาๆ เจ้าตัวชักสีหน้าเอียงอายเมื่อเดินไปเกาะแขนของชายหนุ่มร่างสูงอีกคน ...คนเขามีสามีแล้วจะมาจูบปากผู้ชายคนอื่นได้ยังไง
สามี หรือปาร์ค จองซูยิ้มแหะๆให้น้องชายของคนรัก คิบอมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พี่ชายของเขายิ้มแป้นอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นน้องพลอยยิ้มออกด้วย เขาหันมาหาพี่เขยของตนเองแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม
ดูแลพี่ฮีชอลยากไหมครับ
ก็เอาการนะอีทึกตอบเสียงนุ่ม ยังคงความสุภาพไว้ไม่เคยเปลี่ยน จนฮีชอลต้องหันมาค้อนกว้างๆให้สามีของตนเองทีนึง
ฮยอกแจ~ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮีชอลหันไปโอบกอดอีกคนที่เดินเข้ามาใกล้
ทิ้งบริษัทไปแต่งงานแล้วยังมีหน้าระรื่นมาทักฉันอีกนะฮยอกแจเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็ยกแขนขึ้นกอดตอบคนที่ตนเองเคารพว่าเป็นพี่เบาๆ ประธานแห่งโรสมาร์คยิ้มหวาน ก่อนเย้าเสียงยียวน ท่าทางมีความสุขจนน่าอิจฉาเลยนะ พวกเราล่ะทำงานกันหัวโตแทบทุกวัน เนอะ...ทงเฮ
หันไปเออออกับชายหนุ่มร่างเล็กที่เดินทางมาด้วยกัน ทงเฮทำเพียงยิ้มอ่อนๆ ฮีชอลหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์และเป็นการเป็นงานมากขึ้น
ใครว่าฉันลอยชายอยู่เฉยๆกันเล่า ฉันกับตระกูลคิมทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ช่วยกันจับตามองคนของโรสมาร์คกันทั้งนั้น พอท่านประธานใหญ่ต้องไปพำนักที่บริษัทแม่ ใครบางคนที่นี่ก็ทำเหมือนว่าจะยึดครองโรสมาร์คมาไว้ในกำมือเสียอย่างนั้น
ใครบางคนฮยอกแจหรี่ตาลง จับจ้องดวงตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย และคำตอบมันก็ผุดขึ้นมาในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้
อี แฮซอก...คิม ฮีชอลทำสีหน้าจริงจัง ...ตอนนี้มันครองใจคนของบริษัทนายไปกว่าครึ่งแล้ว
**
ชายวัยกลางคนก้าวเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง เพียงแค่เห็นชายหนุ่มร่างบางที่นั่งหน้าห้องแทนที่คนของตนเอง คิ้วเข้มก็ถึงกับกระตุกวูบ เขาถามอีกคนเสียงราบเรียบ
นายมาทำอะไรที่นี่อี จุนกิ
เจ้าของชื่อที่กำลังเปิดแฟ้มในมือของตนอย่างเฉยเมยช้อนตาขึ้นสบ ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบไม่แพ้กัน
ท่านประธานให้ผมมาทำงานครับ
คำว่า ท่านประธาน ทำเอาคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องทำงานของตนเองนัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นทันควัน หากแต่เลขาคนเก่งของอี ฮยอกแจก็ยังคงสวมหน้ากากหน้าตายได้อย่างดีเยี่ยม ฐานะที่แตกต่างหรือแม้แต่อารมณ์ที่กราดเกรี้ยวของเจ้าตัวไม่สามารถทำลายม่านน้ำแข็งของคนหน้าสวยได้เลยแม้แต่น้อย ผลสุดท้าย...ชายวัยกลางคนก็เลือกที่จะใส่อารมณ์กับประตูบานใหญ่เมื่อเขาก้าวเข้าห้อง
ปัง!
เสียงปิดประตูที่ดังลั่นทำเอาคนที่กำลังยืนพินิจเอกสารอยู่ในห้องช้อนดวงตาสีอำพันเย็นเยียบขึ้นมองผู้มาใหม่ ฮยอกแจเหยียดยิ้มในแบบที่คนเป็นอาคงไม่ชอบใจนัก ร่างบางถามเสียงนุ่ม สาบานเลยว่าเขาไม่ตั้งใจจะยั่วโทสะอีกฝ่ายเลยสักนิด
ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้าห้องล่ะครับคุณอา
อี แฮซอกมองหลานนอกไส้ของตนเอง ก่อนจะเอ่ยเสียงเข่นเขี้ยว
ห้องนี้คือห้องทำงานของฉัน
ห้องนี้คือห้องทำงานของประธานบริษัทต่างหากล่ะครับ...ดวงตาของฮยอกแจเรียบเฉย ขณะที่ดวงตาสีอำพันนั้นเต้นเร่า ...ป้ายหน้าห้องมันก็เขียนไว้อยู่ แล้วผู้บริหารอย่างคุณอาทำไมถึงเอ่ยปากว่าห้องนี้คือห้องทำงานของตัวเองได้ล่ะ
มือที่เริ่มยับย่นตามวัยกำแน่น ก่อนที่ผู้บริหารรายใหญ่แห่งโรสมาร์คจะพยายามคลี่ยิ้มออกมาให้ดูเป็นมิตรมากที่สุด ซึ่งมันก็น่าขันสิ้นดีสำหรับชายหนุ่มร่างบางที่รู้ลึกตื้นหนาบางอีกฝ่ายดีเสียแล้ว
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่...แม้จะอยู่บริษัทเดียวกันแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีถึงสถานะของแต่ละคน บรรทัดฐานเดียวที่พวกเขายืนอยู่ไม่ใช่คำว่าญาติต่างสายเลือด...แต่เป็นศัตรู โดยที่ถ้วยทองคือคำว่า ประธานบริษัทโรสมาร์คคนต่อไป
ห้องนี้คือห้องทำงานของผม เพราะผมคือประธานที่แท้จริงของโรสมาร์ค...ฮยอกแจตอกย้ำฐานะของตนเองให้อีกฝ่ายได้ฟัง ก่อนจะเอ่ยอย่างใจดี ...ของๆคุณอาผมจัดการให้จุนกิเก็บและนำไปไว้ในห้อง ที่สมควร เรียบร้อยแล้วล่ะครับ
อี แฮซอกกัดริมฝีปากจนเลือดออกด้วยความคับแค้น แต่ที่แน่ๆคืออี ฮยอกแจกำลังทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้กับกิริยาตัวสั่นเทาด้วยความโกรธของอีกฝ่าย เขายิ้มหวานส่งให้คนเป็นอาอย่างน่ารัก
ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เพราะผมแค่จัดการทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยเท่านั้นเอง และตอนนี้ผมคงต้องจัดการกับเอกสารประธานบริษัทสักที...เชิญคุณอากลับไปที่ห้องเถอะครับ หรือถ้าหากกลับห้องของตัวเองไม่ถูก ผมจะให้จุนกิพาไปส่งก็ได้
ไม่จำเป็น
คนเป็นอาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะเดินปั้นบึ้งออกจากห้องไปอย่างไม่คิดจะรักษามารยาทใดๆ ฮยอกแจหรี่ตามองอาของตนเองพร้อมชักสีหน้าเหนื่อยหน่าย เขาหันมากดโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้อง
ครับ?เสียงของเลขาหนุ่มที่ดังมาปลายสาย ฮยอกแจกรอกคำสั่งของตนเองลงไปเสียงราบเรียบ
เรียกอี ทงเฮมาหาฉันด้วย
**
รถสีแดงเปิดประทุนกำลังแล่นไปตามทาง ทงเฮจัดการเปิดหลังคาให้ลมเย็นๆพัดผ่านขณะที่หูเขาได้ยินคำพูดของอี ฮยอกแจดังซ้ำไปซ้ำมาจนจำขึ้นใจ
.
.
.
พันธมิตรของโรสมาร์คในตอนนี้คือบริษัทในเครือตระกูลปาร์ค แต่พันธมิตรของไลอ้อนจิวเวอร์รี่คือบริษัทในเครือตระกูลชอง ฉันอยากให้นายไปหาทางทำให้บริษัทในเครือตระกูลชองกลายมาเป็นพันธมิตรของโรสมาร์คด้วย
ประธานของบริษัทโรสมาร์คเอ่ยจบก็วางแฟ้มงานในมือนั้นให้เขา ฮยอกแจแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ถ้าเราได้ซื้อขายเพชรพลอยกับสองบริษัทนี้ ฐานความมั่นใจของลูกค้าก็จะมากขึ้นกว่าไลอ้อนจิวเวอร์รี่
แปลว่าขณะที่คนของตระกูลปาร์คขายเพชรพลอยดิบให้เราเพียงเจ้าเดียว ไลอ้อนจิวเวอร์รี่ก็ได้เพชรพลอยดิบจากคนของตระกูลชองเพียงเจ้าเดียวอย่างนั้นเหรอ แต่ว่า...ถ้าหากได้ชื่อว่าตระกูลชองแล้วทำไมนายไม่ให้คิม แจจุงไปเจรจาแทนฉันล่ะ
เพราะชอง ยุนโฮที่แจจุงแต่งงานด้วยไม่ใช่คนที่ทำธุรกิจสายเพชรพลอยเหมือนญาติเขาน่ะสิ แถมบ้านนี้ไม่เหมือนตระกูลคิม...ธุรกิจใครธุรกิจมัน ไม่มีการก้าวก่ายในหมู่พี่น้อง ถ้าให้แจจุงไปเจรจาด้วยมันจะเสียเครดิตของโรสมาร์คเสียเปล่าๆ
ทงเฮพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแฟ้มที่อีกคนให้มาเปิดดู ฮยอกแจยิ้มน้อยๆให้เพื่อนของตัวเอง
นี่คือข้อมูลที่นายอาจจะต้องใช้ในการเจรจา ฉันจะติดต่อพวกเขาให้...และนายไปหาเขาได้พรุ่งนี้เลย
.
.
.
มีร้านกาแฟเปิดใหม่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?ผู้บริหารอันดับหนึ่งของโรสมาร์คพึมพำเบาๆ ก่อนจะหักรถเลี้ยวเข้าร้านกาแฟเล็กๆที่ตกแต่งอย่างน่ารัก
เชิญค่ะเสียงพนักงานสาวหน้าแฉล้มดังขึ้น
ทงเฮยิ้มน้อยๆเมื่อสั่งกาแฟรสโปรดของตนเองก่อนจะเดินกลับไปนั่งเปิดแฟ้มดูงานสำหรับวันพรุ่งนี้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไล่ตามตัวอักษรเรื่อยก่อนจะสะดุดเมื่อได้ยินเสียงเหล่าผู้ชายในร้านทำเสียประหลาด เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะอดหน้าร้อนไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวคนนึงถูกเหล่าชายหนุ่มมองด้วยสายตาโลมเลียเพราะชุดสีขาวที่เปียกชุ่มของตัวเอง ทงเฮมองท่าทีเหมือนไม่ค่อยกล้าออกมาจากห้องน้ำหญิงแล้วถอนหายใจเบาๆ
ชายหนุ่มร่างบางถอดชุดสูทเสื้อนอกของตัวเอง ก่อนจะเดินไปยื่นให้หญิงสาวหน้าหวานที่ช้อนตามองเขาอย่างงุนงง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง หล่อนคว้าเสื้อสูทสีดำมาสวมทับเสื้อสีขาวที่เปียกชุ่มจนคนอื่นๆสามารถเห็นรูปร่างได้ไปถึงไหนต่อไหน
ขอบคุณค่ะ
ทงเฮทำเพียงยิ้มบาง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง เขาเปิดแฟ้มงานก่อนจะชะงักกึกเมื่อดวงหน้าสวยหวานของหญิงสาวคนเมื่อครู่ปรากฏอยู่ในแฟ้มงานของเขาด้วย
ชอง...เฮริม?ทงเฮพึมพำเบาๆ ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมองหญิงสาวเจ้าของชื่อ และเหมือนรู้ตัวว่าจับจ้อง ฝ่ายหญิงหันหน้ามาทางเขาแล้วแย้มรอยยิ้มอ่อนหวานให้ก่อนจะเดินมายืนใกล้ๆ
ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ บังเอิญโต๊ะในร้านเต็มหมดแล้วหญิงสาวเอ่ยอย่างมีมารยาท
ทงเฮรีบเก็บแฟ้มของตนเองให้รอดพ้นสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะแย้มรอยยิ้มให้อย่างสุภาพ หยัดตัวขึ้นและเลื่อนเก้าอี้ให้เธอคนนั้นอย่างใจดี
ชอง เฮริมพึมพำขอบคุณคนตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขา และแล้วทงเฮก็เริ่มจะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคุยเก่งไม่น้อย เจ้าตัวเอ่ยปากชวนเขาคุยอย่างไม่น่ารำคาญไปเรื่อยๆ จนเขาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆที่เขากำลังนั่งอยู่ เฮริมคุยตั้งแต่เรื่องธุรกิจของตัวเองไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระปลีกย่อย ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดีและตอบคำถามของเธอบ้างในบางครั้ง
คุณเฮริมเป็นคุณหนูของตระกูลชองไม่ใช่เหรอครับเป็นครั้งแรกที่ทงเฮเอ่ยปากพูด หลังจากเพลิดเพลินในเสน่ห์ของคนตรงหน้ามานานพอควร
หญิงสาวชะงัก ก่อนจะยิ้มแห้งๆกลับมา ทราบได้ไงคะเนี่ย
ผมเคยเห็นภาพคุณในหน้าหนังสือพิมพ์น่ะ...ทงเฮปดคำโต ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอาใจ ...ยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมคุณถึงมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆแบบนี้ ทั้งๆที่คุณพ่อเป็นถึงเจ้าของบริษัท
ฉันก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองบ้างสิคะเฮริมแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน ...ฉันชอบร้านกาแฟ เพราะมันให้ความรู้สึกสงบ และก็ไม่ต้องไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใครเหมือนบริษัทใหญ่ๆด้วย
ทงเฮมองอีกคนด้วยแววตาอ่อนแสง ท่าทีของหญิงสาวทำให้เขานึกถึงคำพูดของใครบางคน ใครคนนั้นที่บอกเขาว่าตนเองแสวงหาความสงบมากกว่าอำนาจและเงินตราใดๆทั้งสิ้น
คุณทงเฮเป็นอะไรไปคะ ทำไมดูหน้าเศร้าๆล่ะ หรือฉันพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหญิงสาวรัวคำถามเป็นชุดเมื่ออีกคนเปลี่ยนท่าทีไป
ทงเฮชะงัก ยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเองอย่างลืมตัว เศร้าเหรอ...
ทานเค้กช็อคโกแลตนี่สิคะ จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้นะ
เฮริมเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เลื่อนจานเค้กให้อย่างเอาใจ เล่นเอาทงเฮอดยิ้มให้กับอัธยาศัยของหญิงสาวไม่ได้ เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กของฝ่ายหญิงดังขึ้น เจ้าตัวหันไปกดรับก่อนจะกลอกเสียงลงไปอย่างอ่อนหวาน
ค่ะพี่ ฉันกำลังจะออกไปค่ะ พี่รอฉันอยู่ที่ลานจอดรถใช่ไหมคะ
แฟนเหรอครับทงเฮถามทันทีเมื่อหญิงสาวกดตัดสายและจ้องโทรศัพท์ของตนด้วยแววตาอ่อนหวาน
สีหน้าของอีกคนกระดากและเขินอาย หล่อนพยักหน้าช้าๆ
เราเป็นคู่หมั้นกันค่ะ วันนี้เขาจะมารับฉันไปทานข้าวด้วย
แหม หวานกันจังเลยนะฮะ...ทงเฮเอ่ยเย้าพร้อมทำตาล้อเลียน ...น่าอิจฉา
ค่ะ เขาเป็นเหมือน...เจ้าชายของฉันเลย
หญิงสาวแก้มแดงเรื่ออย่างเขินอาย หล่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและโค้งน้อยๆให้อีกฝ่าย
ขอตัวก่อนนะคะ วันหลังฉันจะซักสูทมาคืนให้
ครับทงเฮยิ้มรับ ก่อนจะมองส่งอีกคนจนลับตา เขาหันไปหยิบนิตยาสารที่วางอยู่บนชั้นวางมาเปิดอ่านฆ่าเวลา แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลก็ต้องมีอันชะงักเมื่อเปิดไปยังหน้าข่าวซุบซิบแวดวงไฮโซ
นักธุรกิจหนุ่มที่ถูกโหวตจากเหล่าหญิงสาวว่าเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั่วประเทศอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด...โจ คยูฮยอน
ทงเฮปิดหนังสือเล่มนั้นทันทีโดยยังไม่ทันได้อ่านข้อความด้านใน เพียงแค่ไล้สายตามองรูปภาพของใครคนนั้น ข้างในอกมันก็รู้สึกปวดหนึบอย่างน่าประหลาด และพาลให้หมดอารมณ์จิบกาแฟหรือทานเค้กไปเสียดื้อๆ ทงเฮเก็บหนังสือคืนที่ ก่อนจะคว้าแฟ้มงานแล้วก้าวเดินออกจากร้านเพื่อไปยังรถของตนเอง
...ฉันขอยืมสูทมาจากลูกค้าในร้านค่ะ
เสียงของชอง เฮริมแว่วๆมา ทงเฮชะงักเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังคุยกับร่างสูงของใครคนนึงอยู่ ภาพด้านหลังของชายหนุ่มมันคุ้นมาก....คุ้น...จนเขารู้สึกว่าแค่หลับตาก็สามารถเห็นภาพนั้นได้โดยง่าย
อ๊ะ! คุณทงเฮจะกลับแล้วเหรอคะ?เฮริมหันมาเอ่ยทักเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส พร้อมๆกับใครบางคนที่หันมามองเขาทันทีที่ได้ยินชื่อ
หัวใจของอี ทงเฮเหมือนกลองรบที่ถูกกระหน่ำตีจนเต้นแรงผิดจังหวะ โจ คยูฮยอนยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงเองก็เบิกตากว้างมองกลับมาที่เขาอย่างไม่คาดคิด ความรู้สึกบางอย่างมันเอ่อขึ้นมาจนขอบตาร้อนผ่าว แทบอยากจะวิ่งเข้าไปหาอีกคนเหมือนเด็กเลยเสียด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่า...ชอง เฮริมคว้าแขนของโจ คยูฮยอนเอาไว้ และเอ่ยออกมาอย่างสดใส
นี่ไงคะเจ้าชายของฉัน...เขาชื่อโจ คยูฮยอนค่ะ
ทงเฮรู้สึกเหมือนปฐพีใต้ร่างของเขากำลังสั่นสะเทือนและแยกออกจากกันเลย...
**
ได้ข่าวว่านายให้ทงเฮไปติดต่อกับคนของตระกูลชองเหรอ
คิม แจจุงเอ่ยถามออกมาเมื่อออกมาพบประธานบริษัทใหญ่แห่งโรสมาร์ค อี ฮยอกแจพยักหน้า
อืม พรุ่งนี้เนี่ยแหละ แต่ว่านายเรียกฉันออกมาจากบริษัทเพราะเรื่องอะไรล่ะ
แจจุงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเอ่ยเสียงอ่อน
ก็เรื่องนี้เนี่ยแหละ นายรู้ไหมว่าทำไมตระกูลชองถึงทำธุรกิจกับไลอ้อนจิวเวอร์รี่เพียงเจ้าเดียวน่ะ
หือ?
นั่นเพราะชอง เฮริม ลูกสาวคนเดียวของประธานบริษัทชองกรุ๊ปกำลังจะแต่งงานกับโจ คยูฮยอน รองประธานของไลอ้อนจิวเวอร์รี่ต่างหาก
**
ฉันขอไม่ทำงาน...ที่นายมอบหมายให้...อี ทงเฮเอ่ยเสียงสั่น
อี ฮยอกแจช้อนดวงหน้าขึ้นมองแววตาสั่นไหวของเพื่อน ก่อนเอ่ยเสียงเบา
นายรู้แล้วเหรอ
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบลงจนคนมองใจหาย ฮยอกแจหยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปเชยคางคนที่ก้มหน้าจนแทบชิดอกขึ้นสบตา ประธานแห่งโรสมาร์คเอ่ยเสียงอ่อน
ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฮยอกแจหลุบตาต่ำขณะที่ดวงตาของเพื่อนรักเย็นเยียบยิ่งกว่าครั้งไหน ...ฉันไม่รู้จริงๆว่าลูกสาวประธานบริษัทชองกรุ๊ปจะเป็น...
นายจะแกล้งฉันไปถึงเมื่อไหร่...
เสียงถามสั่นๆทำเอาฮยอกแจต้องช้อนสายตาขึ้นสบดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่าย ทงเฮผลักอีกคนออกแรงๆ
...ฉันถามว่านายจะแกล้งฉันไปอีกถึงเมื่อไหร่ อี ฮยอกแจ!!?
ทงเฮ...ฮยอกแจผละออกมา มองอี ทงเฮที่ตอนนี้เหมือนระเบิดที่จวนเจียนปะทุได้ทุกเมื่อ
นายก็รู้ว่าฉันรักเขา...ทงเฮเอ่ยเสียงสั่น ...คนฉลาดอย่างนายมองออกอยู่แล้วในตอนนั้นว่าฉันรักเขา! แล้วทำไมนายถึงใช้คำว่าเพื่อนของเรามาต่อรองให้ฉันต้องเป็นคนทรยศ!? ทำไมนายถึงใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้นายได้ในสิ่งที่ต้องการ!? นายเห็นฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่าอี ฮยอกแจ!!?
นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันเสมอ...ฮยอกแจเอ่ยเสียงเบา
ทงเฮเหยียดยิ้มเยาะ เพื่อนเหรอ?...
ร่างบางก้าวถอยห่างอีกฝ่าย ก่อนจะปิดประตูกระแทกใส่หน้าขาวๆของประธานบริษัทโรสมาร์คพร้อมคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้อีกคนถึงกับเม้มปากแน่น
...ฉันเพิ่งจะรู้ว่านายเรียกฉันว่า เพื่อน ไม่ใช่ เครื่องมือ!
ปัง!!
อี ฮยอกแจมองบานประตูที่ถูกกระแทกปิดลง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ใครบางคนเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆร่างของเขา คิม คิบอมถามเสียงนุ่ม
ฉันเพิ่งเดินสวนกับทงเฮ...ร่างสูงมองอีกคนอย่างลังเล ก่อนจะถามเสียงอ่อน ...พวกนายทะเลาะกันอย่างนั้นเหรอ
ฉัน...ฮยอกแจกลอกตาไปมา ก่อนเอ่ยเสียงเบาหวิว ...แค่ไปโดนจุดที่ไม่สมควรโดนของเขาเข้า
คิบอมโน้มดวงหน้าของอีกฝ่ายมาซบลงบนบ่ากว้างของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงทุ้มนุ่ม
นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ทงเฮเองก็รู้แก่ใจดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของนายเสียทั้งหมด มันเป็นความผิดของเรา...เรื่องของโจ คยูฮยอนจะโทษใครเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ ตอนนี้เขาคงแค่กำลังขวัญเสียเพียงเท่านั้น
นายรู้?ฮยอกแจช้อนตาขึ้นสบอีกฝ่าย
คิบอมขยับยิ้มบาง ถ้าตระกูลคิมคนนึงรู้ คนต่อมาก็ต้องรู้ แจจุงเขารีบโทรมาบอกฉันเพราะกลัวว่าพวกนายสองคนจะทะเลาะกัน
อ่า...ฮยอกแจซุกหน้าเข้าหาไออุ่นของอีกฝ่ายมากขึ้น ...นั่นสินะ นายเป็นคนกลางระหว่างพวกฉันเสมอ
รออีกสักพัก หมอนั่นก็จะคุยกับนายเหมือนเดิมนั่นแหละคิบอมบอกอย่างรู้นิสัยของคนที่ออกจากห้องไปดี
คิบอม...ฮยอกแจเรียกชื่ออีกคนเสียงอ่อน ก่อนจะผละมาสบตาตรงๆ
...ฉันจะไปเยี่ยมอึนฮยอก นายจะไปด้วยกันไหม
รอยยิ้มของคนถูกถามเปลี่ยนไปทันควัน จุดประกายตาบางอย่างในดวงตาคู่คมนั้นทำให้ฮยอกแจรู้สึกร้าวในอก ร่างบางก้มหน้าลงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงแหบแห้ง
นั่นสินะ...ร่างบางหยัดตัวลุกเหมือนเรื่องที่กำลังคุยอยู่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถสะเทือนอารมณ์ได้ ...นายคงไม่อยากจะไปที่นั่นหรอก
ที่ๆเขาไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้น...คิบอมเบือนหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากสบตาใคร ...ฉันคิดว่าคงไม่เหตุจำเป็นที่จะต้องไปเหยียบ
นาย...ฮยอกแจมองอีกคนนิ่งๆ ก่อนถามเสียงเบา ...คิดว่าเขายังไม่ตายเหรอ?
ฉันมั่นใจ...คิบอมเบือนหน้ากลับมา และครานี้แย้มรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนระคนเศร้าสร้อย
...เพราะฉะนั้น ฉันจะรอเขาอยู่ตรงนี้
ฮยอกแจนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก เขาหยิบเสื้อสูทของตัวเองก่อนบอกอีกคนเบาๆ
งั้นฉันจะไปรับซองมินให้ไปเป็นเพื่อน ระหว่างนี้มีงานอะไรฉันก็คงจะต้องไหว้วานนายไว้ก่อน ฝากบริษัทสักสองชั่วโมงนะคิบอม
ได้สิ
ฮยอกแจหันมายิ้มให้อีกคนอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู
ฉันเองก็จะรอนายเหมือนกัน คิบอม
**
อาคยู~เสียงอ้อแอ้เหมือนยังพูดได้ไม่เต็มปากของเด็กเล็กทำเอาวงหน้าเข้มที่ฉายแววเคร่งเครียดเมื่อครู่ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาทันควัน
คยูฮยอนทรุดตัวลงช้อนร่างเล็กของหลานชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาเกาะแกะที่ขากางเกงเขาขึ้นมาไว้ในวงแขน เขาก้มลงเอาจมูกถูไถไปมากับเด็กน้อยที่หัวเราะคิกคัก
เป็นเด็กดีหรือเปล่ามินโฮ นี่อาซื้อเค้กจากร้านน้าฮาริมมาฝากด้วยนะ จำได้เปล่า? น้าฮาริมคนสวยของมินโฮไง?
ชเว มินโฮได้แต่หัวเราะคิกคักพร้อมพยักหน้ารับหงึกหงัก คยูฮยอนเลยอดไม่ได้ที่จะก้มลงฟัดสองแก้มแดงๆนั่นไปข้างละสองสามที
รักกันจริงนะ อาหลานคู่นี้เสียงเย้าดังขึ้นจากคนที่ยืนมองอยู่หน้าประตูบานใหญ่ ชเว ซีวอนแย้มรอยยิ้มน้อยๆขณะที่มองน้องชายของตนเองเดินเข้ามาพร้อมลูกชายคนเดียวในอ้อมแขน
ต้องรักสิครับ ผมก็เลี้ยงของผมมาเหมือนกันนะคยูฮยอนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจเล็กๆที่มีส่วน เลี้ยงดู เด็กผู้ชายแสนบริสุทธิ์ในวงแขน
นายจะเป็นพ่อคนที่สองของเขาแล้วล่ะมั้ง...ซีวอนเย้าอีกครั้ง ก่อนจะอ้าแขนรับร่างบุตรชายมาอุ้มไว้เสียเอง ...แล้ววันนี้เฮริมสบายดีไหมล่ะ พี่เองก็ไม่ได้เจอเธอตั้งนาน
สบายดีครับ...คยูฮยอนแย้มรอยยิ้มบางๆเมื่อเอ่ยถึงคู่หมั้นของตัวเอง ...เพราะเธอมีกิจการเป็นของตัวเองแล้ว เราเลยอาจจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมคงต้องขอพี่ไปหาเธอบ่อยๆ...เดี๋ยวคุณชองเขาจะหาว่าไม่ใส่ใจลูกสาวคนเล็ก
หน้าอย่างนายน่ะเหรอที่จะยอมทิ้งงานบริษัทเพื่อไปหาผู้หญิง...ซีวอนทำเสียงขึ้นจมูก ขณะที่หยอกเย้าร่างเล็กในวงแขนอย่างรักใคร่ เขาหันมามองหน้าน้องชายตัวเองอย่างรู้เท่าทัน ...อย่างมากที่สุดก็คงจะแค่ปลีกตัวไปทานข้าวด้วยกันอาทิตย์ละครั้งล่ะมั้ง
พี่นี่ชอบรู้ทันผมอยู่เรื่อย...คยูฮยอนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเอือมๆ เขาถอดสูทของตัวเองออกพร้อมส่งมันให้แม่บ้านที่รอรับ ...ตอนนี้ผมเองก็ไม่อยากทิ้งงานบริษัทจริงๆนั่นแหละ คนของโรสมาร์คตัวเอ้วกลับมาจากแอลเอกันหมดแล้ว ไลอ้อนจิวเวอร์รี่เลยต้องรับศึกหนักหน่อย
คราวนี้อี ฮยอกแจกับคิม คิบอมก็คงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆแน่...ซีวอนเอ่ย ดวงตาสีดำขลับเปลี่ยนไปเมื่อเอ่ยชื่อใครบางคน ...โดยเฉพาะประธานบริษัทโรสมาร์ค เขาคงต้องหาวิธีขยี้ไลอ้อนจิวเวอร์รี่โดยที่พี่ต้องเจ็บที่สุด
พวกนั้นไม่เลือกวิธีการ ผมเลยชักห่วงมินโฮ...คยูฮยอนเอ่ยเสียงเครียด ก้มมองดวงหน้าเล็กๆที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างฉงน ...ผมไม่รู้ว่าเขาจะใช้ใครเป็นเครื่องมืออีกหรือเปล่า
นาย...ซีวอนหรี่ตามองดวงหน้าของน้องชายเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มเผยสิ่งผิดปกติ ...เจอใครในโรสมาร์คมาอย่างนั้นเหรอ
ร่างสูงที่กำลังก้มปลดเชือกรองเท้าชะงัก ก่อนจะเคลื่อนไหวร่างกายต่อเหมือนไม่มีอะไรผิดแปลก
อี ทงเฮ...วันนี้เขามาที่ร้านของเฮริมด้วยคยูฮยอนเอ่ยเสียงเบา หากคนเป็นพี่ถึงกับเบิกตากว้าง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มเยาะอย่างหาได้ยาก ...เขาอาจจะวางแผนแยกพันธมิตรเรา พวกนั้นคงรู้ดีว่าถ้าหากไม่มีตระกูลชองที่เป็นพันธมิตรสำคัญเราจะอยู่กันอย่างลำบาก เขาเลยคิดจะเข้าทางเฮริม
ชเว ซีวอนนิ่งงันกับคำพูดและแววตาของน้องชายตัวเอง เขาถามออกมาเสียงเบาอย่างละเมอ
นาย...ยังรักอี ทงเฮอยู่หรือเปล่า
โจ คยูฮยอนชะงัก หันมามองพี่ชายตัวเองเหมือนไม่คาดฝันว่าอีกคนจะถามคำถามเช่นนี้ ก่อนที่ชายหนุ่มผู้มีแผลเป็นจะเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนถามออกมาเสียงเบา
แล้วพี่ล่ะครับ? ยังรู้สึกผูกพันกับอี ฮยอกแจอยู่อีกหรือเปล่า?
**
เมะแน่นอน
คิม ฮีชอลขมวดคิ้ว ก่อนจะค้านออกมาเสียงเบา
พี่ว่าเคะว่ะ
คิม เรียวอุคหันมาค้อนควับให้พี่ชายคนสนิท ก่อนจะค้านเสียงแหลมสูง
ผมบอกว่าเมะก็ต้องเมะสิครับ!
นายบอกว่าซองมินเป็นเมะ เพราะนายอยากให้เขาเป็นเมะใช่มั้ยล่ะฮีชอลหันมามองญาติผู้น้องอย่างรู้เท่าทัน ส่งผลให้แก้มใสของเรียวอุคถึงกับแดงเรื่ออย่างอดไม่อยู่
เฮ้อ~ฮีชอลถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะรับดวงหน้าสวยของเรียวอุคให้แหง็กไปมองคนที่นั่งคุยกับฮยอกแจอยู่ไกลออกไปพอจะไม่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา ...นายดูนะเรียวอุค หน้าก็หวาน ปากก็แดง ตาก็สวย หุ่นหรือก็ไม่ใช่ออกแนวล่ำสัน ออกจะแนวอวบๆหน่อยเสียด้วยซ้ำ แถมเจ้าตัวยังเคยมีข่าวแอบชอบรองประธานของไลอ้อนจิวเวอร์รี่อีกต่างหาก แล้วแบบนี้มันจะเป็นเมะไปได้ยังไง
แต่ตอนนี้ซองมินเขาเลิกชอบคุณคยูฮยอนแล้วนี่ครับ...เรียวอุคเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนยิ้มเขินๆ ...แถมดูแมนขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลย เขามีโอกาสจะเปลี่ยนรสนิยมนะ
แต่รูปร่างหน้าตาเขาแทบจะสวยหวานไม่ต่างอะไรกับนายเลยนะ
เขาสูงกว่าผมก็พอแล้ว แถมพี่อีทึกเองก็แทบจะสวยเท่าเทียมกับพี่เลยไม่ใช่เหรอครับ?
อั่ก!!
คิม ฮีชอลรู้สึกเหมือนถูกตอกกลับจนหน้าหัน เออ...ใช่ อีทึกถึงจะหล่อมากแค่ไหนในสายตาเขา แต่คนภายนอกก็ชอบจะมองสามีของเขาว่าหน้าหวาน ปากแดง ตาคมสวย แถมรูปร่างยังผมเพรียว เดินกับเขานี่แทบแยกไม่ออกว่าเป็นเพื่อนสาวหรือสามี ประเด็นนี้แหละที่ฮีชอลอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตาย แล้วรีบๆไล่ให้แฟนตัวเองไปเพาะกล้ามเหมือนเก้งแมนๆคนอื่นเขาบ้าง
เรียวอุคทำปากยู่อย่างเด็กที่ถูกตามใจมาจนเคยชิน ถ้าหากพี่อีทึกเมะให้พี่ฮีชอลได้ ซองมินเขาก็น่าจะเมะให้ผมได้เหมือนกันนะครับ จริงป่ะล่ะ
จริงกัดฟันตอบกันเลยทีเดียว
ไม่รู้แหละ พี่ต้องช่วยผมจีบเขาด้วยนะ...เจ้าตัวเอาแก้มใสๆมาถูไถที่แขนเรียวของพี่ชายคนสนิท ซึ่งฮีชอลก็ได้แต่พยักหน้ารับส่งๆไปอย่างนั้น
ช่วยน่ะช่วยแน่ แต่ถ้ามันไปมีผัวก่อน พี่ไม่รู้ด้วยนะ
พี่อ่า!!!
เสียงแหลมๆของคนคุ้นเคยทำเอาซองมินอดไม่ได้ที่จะหันไปเหลียวมอง ก่อนจะคลี่ยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นคิม เรียวอุคทำปากเบ้ใส่พี่ชายคนสนิท ก่อนที่เขาจะหันมายิ้มบางให้ประธานบริษัทโรสมาร์ค
ตกลงว่านายจะไม่ไปเยี่ยมอึนฮยอกกับฉันจริงๆใช่มั้ยฮยอกแจถามย้ำอีกครั้ง
ซองมินได้แต่ยิ้มสุภาพ ผมต้องตามคุณเรียวอุคเข้าที่ประชุม คงจะไม่ได้ไปเยี่ยมเวลาเดียวกับคุณหรอกครับ อีกอย่าง...ผมคิดว่าคุณฮยอกแจเองก็คงอยากจะอยู่กับเขาสองต่อสองใช่มั้ยล่ะ
ดวงตาอันอ่อนโยนของคนตรงหน้าทำเอาฮยอกแจต้องหลบตาวูบ ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา
นั่นสินะ นายมันทำใจได้ง่ายกว่าฉันและคิบอมเยอะ
ซองมินหลบดวงตาสีอำพันคู่นั้นโดยพลัน ไม่หรอกครับ คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
ฮยอกแจมองอีกคน ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อน
ขอโทษที่ฉันไม่ได้บอกนายก่อน ฉันคิดว่าจะพานายมาเจอเขาหลังจากที่เขาแต่งงานกับคิบอม แต่....ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่อง
มือที่วางอยู่บนหน้าตักของซองมินถึงกับสั่นระริก กับการจากลาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และการสูญเสียที่จู่โจมเข้ามาในวันนั้น...วันที่เขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ตัวว่าได้เสียเพื่อนรักคนสำคัญที่สุดในชีวิตไปโดยไม่ได้มีแม้แต่คำบอกลา
มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกฮะ...ถึงเจ็บแค่ไหน ชายหนุ่มร่างอวบก็เลือกที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันอ่อนโยนที่สุด เพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้าคงเจ็บมากกว่าเขานัก ...ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถึงจะเศร้าแค่ไหนผมก็ต้องทำใจให้ได้...ทำให้ได้
นาย...ฮยอกแจยกน้ำขึ้นจิบ ดวงตาที่หลุบต่ำครานี้มีความเจ็บปวด ...เข้มแข็งกว่าฉันจริงๆนั่นแหละ
ซองมินมองมือของอีกคนที่สั่นระริกอย่างเห็นใจ ฮยอกแจเอ่ยถามออกมาอย่างอ่อนโยน
ฉันไปโดยไม่ได้ลานายเลยในตอนนั้น แล้วมันก็มีแต่เรื่องยุ่งๆจนไม่รู้ว่าคังอินกับเรียวอุคดูแลนายได้ดีหรือเปล่า
ซองมินยิ้มบาง เพราะความกรุณาของท่านประธาน พวกเขาเลยดูแลผมได้ดีเหมือนเพื่อนคนนึง ถ้าไม่ได้คุณผมคงไม่ได้งานที่ดีแบบนี้หรอก
ไม่เป็นไรหรอก เพราะนายเป็น...เพื่อนเขา
ฮยอกแจเม้มปากแน่นเหมือนข่มอารมณ์บางอย่าง ก่อนเอ่ยเสียงเบา
ห้าปีที่ผ่านมา....ต้องลำบากนายจริงๆที่ขอให้นายช่วยดูแล เขา
ผมไม่ได้ทำอะไรมาก คนงานที่สุสานก็คอยทำความสะอาดที่นั่นดีอยู่แล้ว...อีกอย่าง มีใครบางคนที่ช่วยดูแลเขาอยู่ด้วย
ฮยอกแจพยักหน้ารับเงียบๆ
งั้นเหรอ
ซองมินมองคนตรงหน้า เขาอยากจะบอกว่านับจากวันที่อีกคนก้าวออกนอกประเทศแห่งนี้ ใครคนนั้น ได้ทำหน้าที่ดูแลสุสานของอึนฮยอกแทบทุกอย่าง ดอกกุหลาบสีขาวถูกนำมาวางไม่เคยขาด แต่ถ้าหากเขาพูดออกไปล่ะก็ รับรองว่าคนตรงหน้าต้องแล่นไปไลอ้อนจิวเวอร์รี่เพื่อเอาเรื่องชเว ซีวอนแน่ๆ
ซองมินเองก็ยอมรับว่าโกรธ...ว่าแค้นชเว ซีวอนไม่น้อยไปกว่าใคร แต่พอเห็นคนๆนั้นคุกเข่าและหลั่งน้ำตาออกมาต่อหน้าหลุมศพ เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก แม้ว่าลึกๆในใจก็อยากจะซ้ำเติมผู้ชายคนนั้นมากแค่ไหน แต่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าชเว ซีวอนรักอี อึนฮยอกได้มากไม่น้อยไปกว่าใคร
เลยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่...
...แต่พออี ฮยอกแจกลับมา เขาคิดว่าชเว ซีวอนคงจะไม่กล้ากลับมาเหยียบ หลุมฝังศพของคนรัก อีกต่อไปแล้วล่ะ
คุณฮยอกแจครับ...
หือ?
...ฝากบอกเขาด้วยนะครับว่าผมคิดถึง
ฮยอกแจแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นคำตอบ...
**
เฮ้ออออ!
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังลั่นห้องนั่งเล่นขนาดเล็กของคฤหาสน์หลังใหญ่ คนที่อยู่ในชุดกราวด์ของโรงพยาบาลวางช่อดอกไม้สีสวยบนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโทรทัศน์ ก่อนที่คิม จองอุนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
น้ำหวานเย็นๆถูกใครบางคนน้ำมาเสิร์ฟถึงที่ นายแพทย์หนุ่มหันไปมองใครบางคนที่มองมาอย่างเข้าใจ
วันนี้ทำงานหนักเหรอครับ
ทำคลอดคุณแม่สองสามรายน่ะ...เยซองยิ้นจนตาเรียวเล็กนั้นแทบปิด ...น่ารักดีนะเด็กทารกในวันนี้ มีรายนึงได้ลูกแฝดด้วย แถมเป็นแฝดชาย...คนพ่อล่ะดีใจใหญ่
เหรอครับ...น่ายินดีจริงๆ...คนรับฟังทำเพียงยิ้มบางเบา ก่อนถามเสียงหวาน ...แต่วันนี้คุณดูเหนื่อยกว่าทุกวันนะครับ
เหนื่อยตัวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สิ...เยซองทำยู่ปาก พยักเพยินให้อีกคนมองช่อดอกไม้สีหวานที่เขาวางเอาไว้ ...มันมาอีกแล้ว
คนมองเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะคิกอย่างหาได้ยาก
คุณหมอเรานี่เส่นห์แรงจริงนะครับ
พวกผู้ชายแบบนี้ญาติฉันเขาจะเรียกว่าเก้ง...เยซองหยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์ดู ...แถมพวกเก้งยังช่างตื้อ นายว่าอย่างนั้นไหมล่ะ...?
...อึนฮยอก?
เจ้าของดวงตาสีอำพันใสที่มีแววเศร้าเป็นนิจยิ้มออกมาบางเบา เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างอ่อนแรง
ครับ ช่างตื้อจริงๆแหละ
**
ติดสอบ ติดเรียนเสริม ติดการบ้าน (ติดมันทุกอย่าง ขนาดรถยังติดเลย)
กว่าจะได้อัพเลยทำเวลานานไปหน่อย = =;; อยากอัพเป็นของขวัญวันตรุษจีนแต่ต้องเลื่อนมาหนึ่งอาทิตย์แหน่ะ - -*
ขอโทษนะฮับ -/\-
มายบราเธอร์รอกันปะเดี๋ยวนะ
ส่วนคนที่ส่งเมลล์มาจองโรสมาร์ค พอโดนเงินแล้วส่งเมลล์บอกภายในวันพฤหัสนะฮับ = =/
ไรเตอร์จะไปขายฟิคที่งานสัมดาห์หน้าด้วยนะจ๊ะ ว่างๆไปเจอกันได้ =w=//
คืนนี้ขอตัวนอนก่อน T^T
บาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหมือนเรื่องมันจะซ้ำรอย
จากวอนฮยอกมาสู่คยูเฮ
แล้วฮยอกมาอยู่กับพี่เย่นี่คือเหมือนใกล้ตัวอ่ะ
กลับมาหาแก้มแตกเร็วๆๆ
ชเวซีวอน กัน อีฮยอกแจ ห้ำหั่นกันสุดๆ
เข้ามาเม้น หลังจากที่เมื่อวานเม้นไม่ได้ -"-!!
อึนๆยังไม่ตายดีใจจัง
อยากให้อึนมาเจอบอมเร็วๆ
แล้วก็สงสารเฮด้วยง่าที่คยูจะต้องแต่งงานง่า
แล้วฮยอกกับบอมอีก
อึนฮยอกกกกกกกกกกกก
ด๊องอ่าอย่าทะเสาะกับฮยอกแจเลยนะ
ฮยอกไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
ว่าแต่คยูหมั้นจริงอ่ะ
วอนฮยอกน่าจะดุเด็ด เผ็ดร้อนนะ
ฮยอกเองก็รอบอม บอมเองก็รออึน แล้วเมื่อไหร่อึนจะเผยตัวอ่ะ
ลุ้นมากๆ
กี้จะหมั้นแล้วอ่าา สงสารเฮ T T
ก็เลยต้องยังรักมากและก็อ่อนไหว
แต่คยูก็จำแต่ความเจ็บปวดจาดทงเฮคงอยากหนีสินะ
แต่ทงเฮรักแกมากนะเฟ้ยยย
แต่ก็รักเพื่อนเหมือนกัน
เฮ้ออออ คยูหมั้นแล้วอ่ะ งอแงๆ
แต่ไปอยู่กับพี่เย่ได้ไงเนี่ย ลุ้นวอนกับฮยอกแจ
จะได้ฉะกันอีกเมื่อไหร่เนี่ย
สงสารเฮ ต้องดูคนที่รักไปหมั้นกับผู้หญิงอื่น
คงจะเจ็บปวดมาก
สงสารเฮงา
คยูกับเฮ... ยังคงรักกัน
เช่นเดียวกันกับวอนฮยอกที่ยังคงผูกพันธ์ แต่แม่นางเคะของเรากลับซึนเดเระ
เฮ้อ... เมื่อไรกันนะความผูกพันธ์จะเปลี่ยนเป็นความรัก
ความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองเป็นเพียงแค่เครื่องมือแก้แค้นฝั่งนู้น
โดยใช้คำว่าเพื่อนมาเป็นตัวกำหนด...มันก็ทำใจยอมรักยาก
แต่ก็นะ ความรักที่เกิดขึ้นของตัวเองกับคยูมันเป็นรักที่แท้จริงนี่
แบบนี้แล้วผลสุดท้ายคู่นี้จะจบลงยังไงล่ะ
ถึงทุกคนจะเจ็บปวด บางคนก็รับมือกับมันได้ แต่กับบางคนกันทนไม่ได้เลย