ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลมเร้นรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 : หลิ่งซาน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 59






    บทที่ 2 หลิ่งซาน











           อนิลกานต์ช่วยท่านตาแบกของพะรุงพะรังในตะกร้า มีทั้งไม้  ใบหญ้า และดอกไม้  ทำให้เด็กน้อยสงสัย ตนเป็นเด็กน้อยไฉนทำไมถึงแรงน้อยกว่าคนวัยชรา ทั้งที่ตัวเองยกของน้อยกว่าและเบากว่า แต่ก็ไม่ปริปากถาม เด็กน้อยคิดรอว่าถึงที่พัก ท่านตาใจดีที่หอบของมากกว่ากลับไม่มีเสียงหอบหรือเสียงบ่นเลยแม้แต่น้อย



    "คุณตาเมื่อไหร่จะถึงอ่าาา นิลเหนื่อยเเล้ว"เสียงเด็กน้อยนิลบ่นเหนื่อยตามภาษาเด็กงอแง
    "อีกไม่กี่ลี้ ทนหน่อยน่ะอาา เฮ้อชื่อเจ้านี้เรียกยากจริง งั้นข้าจะเรียกเจ้าอาตี๋น้อย อ่า" อาตี๋น้อย อาเตี๋ยกไว้เรียกเด็กผู้ชายไม่ใช่หรือ หรือเราเข้าใจผิด
    "คุณตา อาตี๋น้อยไว้เรียกเด็กผู้ชายอายุน้อยใช่ไหม"อนิลกานต์ถามอย่างสงสัย
    "ใช่เเล้ว อาตี๋น้อย เฮ้อออ ไว้เจ้าสงสัยอะไร ถามข้าที่บ้านเถอะ พูดไปเดินไป ข้าเหนื่อยเเล้วล่ะสิ"ท่านตาเริ่มถอนเสียงหอบหายใจเล็กน้อยหลังจากเดินบนเนินขึ้นเขามา




           ผ่านไป สามเค่อ[1] อนิลกานต์ มาถึงบ้านไม้ไผ่ขนาดกลาง ที่มีสายน้ำจากน้ำตกทั้งเสียงป่าไผ่ที่ปลิวตามลม ถ้าเป็นยามเช้าจะเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามขนาดไหนกัน อนิลกานต์มองไปที่บ้านไผ่ที่ไม่มีไฟจุด หรือนีออนที่เปิดอยู่ แต่ก็ไม่พูดพร่ำอะไรมาก ตามคุณตาใจดีไปในบ้านและวางของลงบนโต๊ะไม้เก่าๆโต๊ะหนึ่ง 

    "เจ้ารอข้าอยู่นี้นะอาตี๋น้อยนั่งพักก่อน ข้าจักเข้าไปจุดไฟก่อน มืดขนาดนี้เจ้าคงมองไม่เห็นหรอก"ท่านตาใจดีพูดด้วยท่าทีที่เป็นห่วงกลัวอาตี๋น้อยของเขาเป็นอันตรายต่อความมืดนัก เลยเดินไปจุดไฟที่เตาเเล้าต่อกับเทียนในกระเตียงน้ำมัน จากนั้นก็จุดรอบๆบ้านจนบ้านไม้ไผ่หลังนี้สว่างตา 
    "เอาแหลาะอาตี๋น้อย ข้าขอถามเจ้าอย่าง ละเอียด ก่อนนะ ว่า เจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงแต่งตัวประหลาดเช่นนี้กัน" น้ำเสียงท่านตาผู้ใจดี และอ่อนโยน บัดนี้กลายมาเป็นผู้จริงจังเสียงเเล้ว อนิลกานต์คิดในใจ
    "เราชื่อ อนิลกานต์  โยธินณกร ชื่อเล่นคือ สายลม"เสียงอนิลกานต์เจื้อยแจ้วเริงร่าสมวัย 
    "แล้วมาจากที่ใด"คุณตาผู้ใจดีถามต่อ
    "มาจากประเทศไทย"
    "แล้วประเทศไทยนั้นคือที่ใดกัน" คุณตาถามต่ออย่างไม่ลดละจากเด็กน้อยนามอนิลกานต์ 
    "ประเทศไทยมีที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย มีตำแหน่งพิกัดทางภูมิศาสตร์ที่ ละติจูด 5 องศา   37  ลิปดาเหนือถึง 20  องศา   28 ลิปดาเหนือ ตำแหน่งลองติจูดที่ 97 องศา  21 ลิปดาตะวันออก ถึง  105 องศา    37  ลิปดาตะวันออก จึงอยู่ในเขตร้อน เลยทำให้ประเทษไทยอากาศร้อนทั้งปี [2]"
    ".....เด็กน้อย ที่เจ้าพูดอยู่นั้นภาษาคนแน่หรือ" คุณตาใจดีจ้องอนิลกานต์อย่างตกตะลึง เยี่ยงกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็มิปาน
    "ก็คุณตาจะถามเราอย่างละเอียด เราก็จะตอบคุณตาอย่างละเอียงอย่างไรเล่า ยุติธรรมดีไหมล่ะคุณตา"เด็กน้อยอนิลกานต์ท่าทีชวนซื่อ แต่กลับเจ้าเล่ห์ และยียวนกวนประสาท ได้อย่างเหลือเชื่อ 
    "เอาล่ะๆ  ข้าจะพยายามเข้าใจที่เจ้าพูดแล้วกัน แล้ว เจ้ามาอยู่ที่นี้ได้เยี่ยงไรเล่าอาตี๋น้อย"
    "เราก็ไม่รู้เหมือนกันท่านตา แต่เรากระโดดลงน้ำจาก.... สะพาน เเลวลอยตุ๊บป่องมากถึงเลย"
    "แล้วเหตุใดเจ้าถึงไปโดดสะพานเล่า!!!! รู้หรือไม่มันอันตรายเพียงใด เกิดเจ้าเป็นอะไร พ่อแม่เจ้าจะอยู่เช่นใด" สีหน้าอนิลกานต์จากอมยิ้มเริงร่าเพราะกวนท่านตาใจดีเล่นเมื่อสักครู่ ก็กลับมาเรียบนิ่ง ไร้อารมณ์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือความเย็นชาจากสายตาคู่สวยนั้น
    "เราก็เลยจะไปหาพวกท่านไงล่ะ ท่านตา"เสียงเรียบ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความขมขืน เอ่ยออกมาเรียบๆอย่างไร้อารมณ์
    "โถ่อาตี๋น้อย...... เจ้าคงเจออะไรมามากสินะ"ท่านตาผู้ใจดี โผลเข้ากอดร่างอนิลกานต์ที่เย็นชืด ด้วยความสงสาร 
    "คุณตา คุณตาเรียกเราว่าตี๋น้อยทำไม" อนิลกานต์ถามเปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ 
    "เอาเถอะ ข้าขอตรวจเจ้าหน่อยนะอาตี๋น้อย ตัวเจ้าโดนน้ำ โดนลมเช่นนี้ จักไม่สบายเอาดูสิตัวเจ้าเย็นชืดหมดแล้ว ยื่นข้อมือเจ้ามา[3]"  คุณตาผู้ใจดีตรวจนับชีพจรอนิลกานต์อยู่ครู่ กลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
    "อาตี๋.....เจ้า อาหมวยน้อย เจ้าเป็นสตรีหรอกหรือ!!!!!!" คุณตาผ้ใจดีตะโกนอย่างตกใจ ร้องเสียงดัง กับความจริงที่เพิ่งทราบ หลานคนแรกตนนั้นเป็นสตรี
    "อ่าาาาคุณตาไม่ได้รู้แต่แรกหรือนี่ ว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง" อนิลกานต์เองก็เข้าใจผิดเช่นกันว่าคุณตาผู้ใจดีผู้นี้รู้แต่แรกว่าตนเองเป็นหญิง
    "นะ.... นะ หน้าตาเจ้า ไม่มีความเป็นสตรี ไม่มีเลย!!!!!"ท่านตาผู้ใจดีเบิกตาโผอีกครั้งเมื่อได้รู้ความจริงอีกอย่างเข้า เมื่อหลานรักของตนผู้มีใบหน้างดงามไม่แพ้คุณชายผู้ดีในจวนแม่ทัพองค์ใดก็ตามแต่มีร่างกายที่เป็นหญิง 
    "สงสัยคุณพ่อคงให้มาเยอะไปนิส"อนิลกานต์พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่าอีกครั้งเมื่อเห็นความตกใจจากท่านตาผู้ใจดี
    "ไม่นิดเเล้วแหละ ข้าอยากอุ้มหลานนน ฮือ ทำไมฟ้าช่างทำร้ายข้าได้ลงคอนัก เฮ้ออ"
    "เอาน่าคุณ ...ไม่สิ อยู่ที่นี้เราต้องเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่อืมมม อย่าร้องเลยขอรับท่านตา นี้ดึกแล้วท่านร้องมาก เดี๋ยวจักไม่สบายนะขอรับ"อนิลกานต์ตอบท่านตาด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่ท่านตานั้นน้ำตาตกในยิ่งกว่าเสียอะไรดี
    "ฮึกๆ ขอรับ หรือ เจ้าา ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย ดึกแล้วเดี๋ยวจักไม่สบาย ข้ามีเสื้อผ้าสมัยเด็กๆแต่เป็นชุดบุรุษเจ้าน่าจะใส่ได้ ผมเจ้าสั้นคงมิต้องตัดผ้ามามัด" พึมพัมได้ครู่หนึ่ง ท่านตาได้ไล่อนิลกานต์ไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวใหม่ 




          อนิลกานต์เดินเข้าไปในอ่างไม้ที่แปลกตาที่ถุกเตรียมด้วยฝีมือเขาเอง บรรยากาศนั้นดูสงบนิ่งต่างจากเด็กอายุสิบเอ็ดปี ถามว่าเขาตกใจไหมกับที่ต่างถิ่นเช่นนี้ แน่นอน ต้องตกใจอยู่เเล้ว แต่ให้กระโตกกระตากไปแล้วใครจะเชื่อเขากัน คงคิดกันว่าเขาเป็นบ้ากันเสียมากกว่า อนิลกานต์มีความเป็นผู้ใหญ่สูงเพราะในโลกใบเก่านั้นการแข่งขัน การแก่งแยกชิงดีนั้นทำให้เขาต้องสงบนิ่ง ต้องรู้จักวางตัว ถึงจะมีครอบครัวที่อบอุ่น เขาก็จะต้องแข็งแกร่ง และต้องไม่แคร์อะไร ทำให้อนิลกานต์ปิดกั้นตนเอง แต่เมื่อเขาลองมอบความไว้ให้ใจให้ใครเขาก็ย่อมมอบให้เต็มร้อยเช่นกัน แต่ผลที่ได้กลับมา มันคือ ความทรยศจากเพื่อนรักและหญาติของเขา ช่างน่าขันสิ้นดีกับชีวิต เขาคิดเเล้วคิดอีกว่าเขาผิดอะไร เขาผิดตรงไหน ทำไมชีวิตถึงเป็นเช่นนี้ อนิลกานต์ถือเป็นเด็กที่หน้าตารูปงามคนหนึ่ง ดวงตาโตเรียวที่ได้จากผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากอิ่มลงตัวกับใบหน้าที่ได้แม่ จมูกโด่งที่แสดงความดื้อรั้นที่หัวแข็งไม่ยอมแพ้หรือก้มหัวให้ใคร ใบหน้าที่เรียวได้รูป กับร่างกายที่สูงแต่ไม่บางมากแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างนั้นใส่ใจในการออกกำลังกายมากเพียงใด ทุกอย่างลงตัวอย่างสวรรค์สรรสร้าง แต่สวรรค์คงทั้งรักทั้งชังได้กลั่งแกล้งเขาด้วยการให้เพศหญิงเขามาใส่ในร่างนี้แทน เป็นการแกล้งได้เจ็บแสบยิ่งนัก ร่างสูงลุกขึ้นจากอ่างไม้ที่ไม่ใหญ่หรือเล็กมากนักและเดินไปสวมเสื้อผ้าที่ตนได้เตรียมไว้

    "อ่า สวรรค์ ใจร้ายกับข้าจริง"อนิลกานต์เมื่อใส่ชุดเสร็จได้มองตนเองในคันฉ่อง[4]ที่อยู่ในห้องนั้น และได้แต่สงสารตนเอง เมื่อตนเองได้แต่งตัวเสร็จสำรวจตนสักครู่และเดินออกไปหาท่านตาของตนเองที่เป็นได้ไม่นานมานี้ เเละเห็นใบหน้าที่ตนนั้นก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
    "ท่านตาขอรับ"ท่านตาผู้ใจดีหันหน้ามาช้ามองหลานรักของตนและทำหน้าเยี่ยงจักร้องไห้อีกคร่า 

    "สวรรค์ใยใจร้ายนัก ข้า เสียดายหน้าตาเจ้าจริงนะ อา"

    "อนิลกานต์"ก่อนท่านตาจะพูดชื่อตนจบ อนิลกานต์ ด้พูดขัดก่อนเพราะรู้ได้ทันทีว่าท่านตานั้นพูดชื่อตนไม่จบอย่างแน่นอน สังเกตุจากทุกครั้งที่พูดชื่อท่านจะบ่นเสมอว่า ชื่อตนนั้นเรียกยากนัก

    " ท่านตาขอรับ ข้ายังไม่ได้ถามชื่อท่านเลย"อนิลกานต์นึกชื่อเลยนึกได้ว่าตนนั้นไม่ได้ถามไถ่ชื่อท่านตาผู้ช่วยชีวิตตน 

    "ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ถามข้าเสียแล้วนะ ชื่อของข้าหลิ่งซาน แปลว่า สายลมแห่งขุนเขา"

    "บังเอิญจริงท่านตา"อนิลกานต์แสดงท่าทีแปลกใจกับชื่อของท่าตาหลิ่งซานที่แปลว่าสายลมแห่งขุนเขา สายลม ชื่อของอนิลการต์ ก็แปลว่า สายลมอันเป็นที่รัก  สายลมขุนเขาอันเป็นที่รักแปลกๆน้อ

    "จริงสิ ชื่อเจ้าก็แปลว่าสายลม การที่ข้าช่วยเจ้าคงเป็นสวรรค์ได้กำหนดไว้ ดีจริงหลานข้า เอาแหละ เจ้าคงเห็นห้องนอนเจ้าแล้ว มันเคยเป็นห้องนอนลูกสาวข้า เจ้าไปนอนที่นั้นเสีย"

    "แล้วท่านตาแหละขอรับ"อนิลการณ์ถามด้วยความสงสัยอีกคร่า

    "เจ้านี้ก็ถามแปลกๆ ข้าก็นอนห้องข้าสิเด็กน้อยฮ่าๆๆ ไปเถอะ พรุ่งนี้เจ้าคงต้องใ้แรงอีกเยอะ"อนิลกานต์ขอบคุณท่านตาหลิ่งซานอีกครั้งก่อนเดินเข้าห้องนอนไป ท่านตาผู้ใจดีได้มองร่างเด็กน้อยไปลับตาจนถึงห้องนอน

    "......ข้าบอกเจ้าแล้วเด็กน้อยข้าจักสรรสร้างชีวีเจ้าให้ยิ่งใหญ่กว่าใครทั้งป่วง รวมถึงข้าเด็กน้อย อนิลกานต์ เจ้าจักยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าใคร และข้า ก็จะปกป้องเจ้าก่อนเมื่อถึงเวลา" เสียงหนักแน่นอัดแน่นด้วยความหนุ่มไม่สมกับเสียงชายชราเมื่อครู่ จนคนที่อาจได้ยินต้องแปลกใจ แววตาห่วงใยที่แสดงออกว่าไม่ได้คิดร้ายนั้น คงพอทำให้อนิลกานต์ไม่ต้องกังวลอะไร ร่างชายชราเลือนหายไปช้าๆ จนได้เห็นเงาร่างหนุ่มรูปงามไม่แพ้ผู้ใดปรากฏขึ้น  เด็กน้อยอนิลกานต์หลับไปเลยไม่ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏ แน่แหละถ้าอนิลกานต์เห็นสิ่งนี้ คงไม่สบายใจเป็นแน่ หลิ่งซานต้องปิดไว้ว่าตนเป็นใคร ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลา


    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

                   เกร็จความรู้เล็กๆ

    [1] 1 เค่อ = สิบห้านาที 3 เค่อ = 45 นาที

    [2] ขอบคุณข้อมูลจาก บ้านมหาดอทคอม

    [3] อัตาหัวใจ (Heart Rate) ตามปกติอัตราหัวใจของผู้ชายเต้นเฉลี่ยประมาณ ๗๒ ครั้ง/นาที และผู้หญิง ๗๕-๘๐ ครั้ง/นาที
          
        อัตราหัวใจเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่อไปนี้

                             ๑.๑ อายุ ถ้าอายุน้อย อัตราการเต้นของหัวใจจะสูงแล้วจะลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น

                             ๑.๒ ขนาดของร่างกาย คนผอมอัตราการเต้นของหัวใจจะสูงกว่าคนอ้วน ๕-๑๐ ครั้ง/นาที

                             ๑.๓ อารมณ์
                             
                             ๑.๔ การออกกำลังกาย

                             ๑.๕ อุณหภูมิ

    ๒. ปริมาตรบีบเลือดรายครั้ง (Stroke Volume S.V คือปริมาตรเลือดที่ส่งออกจากหัวใจแต่ละครั้ง) การไหลออกขณะหัวใจบับตัวนี้ (Systolic Discharge)         มีค่าประมาณ ๗๐ ลูกบาศก์เซนติเตร ค่าที่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่อไปนี้ คือ การบีบตัวของหัวใจ จำนวนไดอัสโตลิกฟิลลิง (Diastolic Filling) 
        วีนัสรีเทิร์น (Venous Return)

    ๓.ผลผลิตขงหัวใจ (Cardiac Output. C.O.) คือปริมาณเลือที่ส่งออกจาหัวใจใน ๑นาที อาจเรียกว่า อัตราการไหลเวียน (Circulatory Rate) ก็ได้ครับ
       ผลผลิตของหัวใจ = ปริมาณบีบเลือดรายครั้ง x อัตราการเต้นของหัวใจ
       ในภาวะปกติ ผลผลิตของหัวใจ = ๗๐ x ๗๒ = ๕ ลิตร

    [4] คันฉ่อง กระจกเงา


      -------------------------------------------------------------------------  
    ผู้แต่งอาจยังมิได้ตรวจคำผิด หากนักอ่านผู้ใดเจอ 
    โปรดแจ้ง ขออภัย ณที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ
          









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×