คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
เมื่อถึงเวลาทำงานกุลพัทธ์กลับหายเงียบจนทำให้คนรอโกรธกริ้ว ร้อนไปถึงองครักษ์คู่ใจทั้งสองต้องถอยหลบฉาก
“กล้ามากที่ขัดคำสั่ง” องค์ชีคพยายามข่มอารมณ์
“กระหม่อมจะไปตามมาให้” นาเซียร์รีบเร่งเดินออกไป
นาเซียร์หายไปสักพักก็กลับมาด้วยสีหน้าไม่สู่ดี “ไม่พบแม้เงาพระเจ้าค่ะ”
“เธอจะหนีไปไหนได้ ทหารก็เดินอยู่เต็มไปหมด นายหาทั่วหรือยัง” อาบียะหันกลับไปถามเพื่อนก่อนที่คำตอบของนาเซียร์จะทำให้องค์ชีคฮัสมานสั่งลงโทษทหารทั้งวัง ซึ่งทำหน้าที่บกพร่องปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวหนีไป
องค์ชีคฮัสมานกลับนั่งนิ่ง เพราะตอนนี้กำลังคิดทบทวนเรื่องเมื่อตอนบ่าย ชั่วอึดใจก็ลุกออกไปโดยไม่รอองครักษ์ พระองค์เร่งรีบจนมาถึงบ้านของบารุดซ์ ภาพที่ปรากฏทำให้พระองค์รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
หญิงสาวร่างน้อยนอนหมดสติอยู่ในความมืด มีบารุดซ์นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
“เธอ...เธอ...” ร่างน้อยยังไม่มีปฏิกิริยา พระองค์ลังเล ก่อนจะเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาไว้ให้อ้อมอก
ชีคผู้ยิ่งใหญ่มองหน้าหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมอก นึกแปลกใจตัวเองที่ห่วงใยเธอเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แถมเธอยังดื้อรั้นจนไม่น่าให้อภัย แล้วนี่อะไร เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์...
อาบียะตามไปจนทันได้เห็นสิ่งผิดปกติในแววพระเนตรของเจ้านาย ซึ่งดูจะอ่อนโยนกับหญิงต่างชาติคนนี้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเห็นว่าเธอหมดสติก็ทรงรีบเข้าไปช้อนร่างนั้น
“นาเซียร์ ฉันว่ามีอะไรที่เราไม่รู้หรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าองค์ชีคของเราจะตกหลุมรักหญิงคนนั้น” อาบียะหันไปกระซิบถามเพื่อน
“ผู้หญิงขยะ” นาเซียร์พูดอย่างไม่สนใจ
“ฉันว่านายพูดเกินไปนะ” อาบียะสวนกลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เธอก็เหมือนของเล่นชิ้นใหม่ เดี๋ยวพอเบื่อก็ทรงโยนทิ้ง แล้วมันต่างจากขยะตรงไหน” เป็นคำดูถูกที่ทำให้อาบียะต้องหันไปจ้องนาเซียร์ ราวกับว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ออกจากปากเพื่อนที่เขาเคยรู้จัก
แต่จะว่าไปนาเซียร์ดูจะกันท่าทุกคนที่เข้าใกล้องค์ชีคฮัสมาน ไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลว่าพวกหลอนทำให้องค์ชีครำคาญ นี่ถ้าคู่หูของเขาเป็นผู้หญิงเขาต้องคิดว่านาเซียร์หลงรักเจ้านายเป็นแน่
“น้อยๆ หน่อยท่านองครักษ์ยังไงเธอก็เป็นหญิง นายน่าจะให้เกียรติเธอหน่อย”
“ไม่จำเป็น คนอย่างเธอไม่มีมารยาท ไม่ให้เกียรติองค์ชีคของเรา แล้วอย่างนี้หรือ ที่เราต้องให้เกียรติเธอ” นาเซียร์ไม่สนใจที่จะต่อล้อต่อเถียง เขาเร่งเดินตามองค์ชีคฮัสมานไปติดๆ
อาบียะมองตามแผ่นหลังคู่หูแม้จะรู้ว่านาเซียร์จงรักพักดีกับเจ้าเหนือหัวเพียงใดแต่เขาไม่อยากให้พี่ชายที่เขารักตรึงเครียดกับงานจนไม่สนใจตัวเองหรือความรู้สึกของคนอื่น
องค์ชีคฮัสมานวางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างของพระองค์ ก่อนจะเรียกหมอเข้ามาดูอาการ แต่หลังจากหมอกลับออกไป องค์ชีคก็ประทับจ้องผู้หญิงที่ทรงอุ้มเข้ามานอนอยู่บนพระที่อันทรงเกียรติซึ่งไม่มีใครเคยได้เข้าใกล้ แม้พระองค์จะมีผู้หญิงอยู่มากมาย แต่ก็ไม่เคยได้เฉียดใกล้ที่ตรงนี้
‘ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องห่วงเธอมากมายขนาดนี้ เธอก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง’ ความคิดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมพระโอษฐ์
“องค์ชีค องค์ชีคพระเจ้าค่ะ” เสียงเรียกครั้งที่สองของอาบียะ แต่พระองค์ยังไม่ได้ยิน
“องค์ชีคฮัสมานพระเจ้าค่ะ” และครั้งนี้ก็ได้ผลพระองค์ค่อยๆ หันพระพักตร์ที่บึ้งตึงมองตรงมาที่อาบียะ ราวกับว่าเขากำลังขัดจังหวะความสุขของพระองค์
“นายมีอะไรก็รีบพูดมา” องค์ชีคฮัสมานตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“จะดีเหรอที่พระองค์พาเธอขึ้นไปนอนตรงนั้น”
“นายไม่เห็นเหรอ ว่าเท้าเธอเจ็บ แถมไปตากแดดตากลมจนไม่สบาย” พระองค์ตอบ โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองลึกลงไปในแววพระเนตรของเจ้าเหนือหัวที่อาบียะเคารพและเทิดทูน
“แล้วจะปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนี้เหรอพระเจ้าค่ะ ให้กระหม่อมอุ้มเธอไปส่งที่ห้องจะดีกว่า” อาบียะกำลังจะขยับตัว
“ไม่ต้อง” เสียงตะโกนที่ทำให้อาบียะหยุดชะงักในทันที “นายออกไปก่อนเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อาบียะลอบยิ้มก่อนจะโค้งคำนับแล้วทำตามที่พระองค์รับสั่ง
กุลพัทธ์พยายามอย่างยิ่ง เพื่อจะลืมตาอันหนักอึ้ง ด้วยว่าแขนขาที่อ่อนแรง เพราะแสงแดดที่แผดเผาในช่วงบ่าย ตกตอนเย็นอากาศที่แปรเปลี่ยนมาเป็นหนาวสุดขั้ว เป็นเหตุให้เธอต้องนั่งอยู่อย่างนั้น เท้าที่บวมเปล่งจากการที่พลาดท่าให้กับเจ้าสิงโตนั้น ส่งผลให้เธอไม่สามารถลุกเดินไปไหนได้
แต่ตอนนี้เสียงที่เธอได้ยินลอยมาแว่วๆ ซึ่งเป็นเสียงที่เธอไม่อยากได้ยิน คงเป็นฝัน เธอคิดก่อนจะพยายามลืมตา
“หลับสบายไหม” สุรเสียงอ่อนโยนตรัสกับเธอทันที ที่เห็นเธอลืมตาขึ้น เมื่อสายตาของเธอสบพระเนตรองค์ชีคผู้ยิ่งใหญ่เข้าอย่างจัง ทำให้คนที่อยู่บนเตียงสปริงตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
“หม่อมฉันมาอยู่ทีนี่ได้ยังไงเพคะ” ใบหน้าขาวนวลของเธอเหมือนกำลังจะถูกเผาไหม้ ด้วยว่าพระพักตร์ที่อุดมไปด้วยหนวดเครา อยู่ประชิดใบหน้าของเธอ จนไม่กล้าที่จะขยับตัว เพราะแม้แต่ลมหายใจยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นของกันและกัน
“กลัวฉันเหรอ” พระองค์มีสีหน้ากรุ้มกริ่ม ก่อนจะตรัสกับเธอว่า “เธอชอบบารุดซ์ขนาดถึงต้องนอนเฝ้ากันเลยเหรอ ฮ่าๆ ”
กุลพัทธ์ค่อยๆ ขยับตัวหนี เมื่อเห็นว่าได้จังหวะ แต่พระองค์ก็คว้าเธอไว้ได้ทัน
“ปล่อยหม่อนฉันเถอะเพคะ” แต่ความอบอุ่นจากร่างกายของชายตรงหน้า ทำให้เธอตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เหตุใดความรู้สึกร้อนรุ่มจึงเกิดขึ้นในใจ
“ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่านี่เป็นเวลางานของเธอ” พระองค์มองอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าพระองค์จะให้หม่อมฉันรับใช้สิ่งใด ก็ขอพระเมตตาปล่อยหม่อมฉันก่อนจะได้หรือไหมเพคะ” กุลพัทธ์ก้มหลบสายตาขององค์ชีค
“ไม่” องค์ชีคค่อยๆ โน้มพระพักตร์เข้าใกล้เธออีกครั้ง ริมฝีปากเรียวเล็กกำลังจะเปิดปากประท้วง แต่พระโอษฐ์ก็เข้ามาประชิด โดยที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด
องค์ชีคเผลอไผลไปกับจูบที่พระองค์ตั้งใจแค่จะแกล้งให้สะใจกับท่าทางรังเกียจรังงอนกับข้อเสนอที่พระองค์หยิบยื่นให้ ซึ่งไม่เคยมีหญิงคนไหนกล้าปฏิเสธพระองค์มาก่อน
ความหวานฉ่ำ อ่อนโยนส่งผ่านเรียวพระโอษฐ์อย่างไม่รู้เบื่อ หญิงสาวที่เพิ่งจะเคยรู้รสของจูบแรกในชีวิต มีผลทำให้ร่างกายที่คิดจะขัดขืนตั้งแต่แรก กลับอ่อนระทวยไปกับรสจูบของพระองค์ เธอไม่กล้าคิดถึงว่าตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
พระองค์ไม่คลายจูบง่ายๆ แต่กลับเลื่อนมือไปจับสะโพกอันกลมกลึง และนั่นก็เป็นเหตุให้เจ้าของสะโพกรู้สึกตัว
“ปล่อย” หญิงสาวผลักพระองค์อย่างแรง โดยลืมคิดไปว่า ทรงไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่ใครจะเข้าใกล้ได้ง่ายๆ
องค์ชีคมองเธออย่างแปลกพระทัย แม้จะรู้ว่าเธอยังใหม่กับรสจูบ แต่จูบของพระองค์คงไม่แย่จนถึงขนาดผู้หญิงคนนี้ต้องถอยหนี และมันเป็นการดูถูกพระองค์อย่างที่สุด
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับเธอ” องค์ชีคส่งสายพระเนตรดุดัน พร้อมกระแทกตัวกุลพัทธ์ล้มลงไปบนที่นอน ก่อนจะยัดเยียดรสจูบที่โหยหาระคนดุดัน
“ปล่อย” หญิงสาวพยายามส่งเสียงประท้วง แต่ทุกอย่างกลับยิ่งรุกรานเป็นทวีคูณ “พระองค์กำลังทำบาป”
เธอใช้คำขอสุดท้าย ก่อนที่ตัวเองจะหมดความศรัทธาในองค์ชีคฮัสมาน เพียงเพราะความป่าเถื่อนของพระองค์
องค์ชีคชะงักงันกับคำพูดของเธอ ก่อนที่จะมองเห็นเธอชู้มือข้างซ้ายขึ้นแหวนวงเล็กสวมติดนิ้วนางข้างซ้ายของเธอนั้น ทำให้พระองค์ต้องลุกขึ้น พร้อมคำสบถ จากนั้นก็ปล่อยเธอไว้เพียงลำพังอย่างไม่ไยดี
ความคิดเห็น