ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดรอยทรายฝากใจรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 59


    สวัสดีค่ะ วันนี้ชลิมาเอาตอนที่ 6 มากให้อ่านกันๆๆๆ ค่ะ

    ฝากติดตามงานเขียนของชลิมาด้วยนะคะ

    สำหรับนักอ่านที่ชอบอีบุ๊คค่ะ

    https://www.mebmarket.com/index.php


    ตอนที่ 6

    กุลพัทธ์จัดทำอาหารอย่างสุดความสามารถ แครอททุกชิ้นแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ ชิ้นเนื้อก็แทบจะเอาไม้บรรทัดวัดเพื่อให้เนื้อทุกชิ้นสวยงามเท่ากัน นั่นยังไม่รวมไก่ทอดทรงเครื่อง ที่เธอต้องใช้เวลาหมักให้ตรงตามเวลาของสูตรที่กำหนดไว้ และอีกหลากหลายเมนูที่เตรียมไว้สำหรับมื้อนี้

    อาหารถูกเรียงรายมาวางไว้บนโต๊ะเสวย ช้อนส้อมที่ทรงใช้มีตราสัญญาลักษณ์ประจำพระองค์ ไม่นานองค์ชีคฮัสมานเสด็จมาพร้อมพระมารดา สายพระเนตรทอดมองพระมารดาอย่างห่วงใย ดูจะเป็นอย่างเดียวที่ทำให้กุลพัทธ์นับถือ หลายครั้งที่เธอลอบมองทีท่าขององค์ชีคอยู่ตลอด เพราะนี่คือโอกาสสุดท้าย จะอยู่หรือไปก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระองค์เพียงคนเดียวเท่านั้น

    องค์ชีคฮัสมานขยับเก้าอี้ให้พระมารดาประทับ ก่อนที่อาบียะจะขยับเก้าอี้ให้ องค์ชีคทอดเนตรมองอาหารบนโต๊ะอย่างพอพระทัย ก่อนจะเงยพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยหนวดเครา ทอดพระเนตรหญิงร่างเล็กที่ยืนห่างออกไป แต่ดวงตาของเธอก็ยังจับจ้องพระองค์อย่างไม่วางตา

    พระมารดาเสวยแกงส้มที่มีสีส้มสดเป็นคำแรก และตรัสชมว่าอร่อยอย่างที่ลูกชายเคยพูดไว้

    ด้านองค์ชีคฮัสมาน ดูเหมือนจะลังเล แล้วก็แกล้งเงยหน้ามองกุลพัทธ์อย่างผู้เหนือกว่า พระองค์ตักทอดมันปลากราย หนึ่งชิ้น ซึ่งเป็นชิ้นที่สั่นคลอนหัวใจเธออย่างที่สุด เพราะมันคืออนาคตและความหวังของเธอ

    อาหารที่ทรงโปรดปรานก็มีมาให้เสวยถึงที่ แม่คงไม่ต้องบอกลูกใช่ไหม ว่าอร่อยถูกใจแม่หรือเปล่าพระมารดาทรงตักแกงส้ม แล้วหันไปยิ้มให้เจ้าของฝีมือ คงเป็นคำตอบที่พระมารดาต้องการบอกแก่บุตรชาย

    กว่าอาหารมื้อสำคัญสิ้นสุด หัวใจของคนทำก็แทบจะหยุดเต้นไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

    เธอ... องค์ชีคชี้ไปที่กุลพัทธ์ ซึ่งทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง ก่อนที่จะตรัสต่อไปว่า ไปพบฉันที่ห้อง

     

    หญิงสาวรอองค์ชีคฮัสมานอยู่หน้าห้อง ไม่นานก็ได้รับอนุญาตจากองครักษ์ให้เข้าไป

    ฉันจะยอมให้เธอทำงานต่อไปได้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องมาดูแลฉันตามที่ต้องการ เช็ดถูปัดกวาดห้องของฉัน หรือฉันอยากเรียกใช้ตอนไหนก็ต้องทำ ถ้าอยากกินอาหารไทยเมื่อไหร่ฉันจะสั่ง และเธอต้องทำเพียงคนเดียว ไม่มียาเนห์คอยช่วยอีกต่อไป น้ำเสียงคล้ายเย้ยหยัน

    แค่นี้ใช่ไหมเพคะ

    แล้วคิดว่าฉันจะให้เธอทำมากกว่าที่พูดหรือไง ผู้หญิงสวยๆ กว่าเธอมีมาให้เลือกเยอะแยะ คงไม่จำเป็นต้องใช้บริการของเธอ

    อันที่จริงงานที่พระองค์รับสั่ง ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นเชฟอาหารไทยเลยสักนิด แต่ไหนๆ ชีวิตของหม่อมฉันเดินมาไกลแล้วยังไงก็จะไม่ถอยหลังกลับง่ายๆ หม่อมฉันจะทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ”

    ทำไม มันยากไปเหรอ ก็แค่ 120 วันตามกฎ ถ้าเธอไม่ผ่านการทดลองงาน ก็กลับบ้านไปได้เลย

    ไม่ยากหรอกเพคะ แต่ถ้าต้องทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ก็คงจะไม่มีความสุข พระองค์คงไม่เคยรู้เพราะทุกอย่างล้วนได้มาจากความเต็มใจ หรือแลกกับเงินทองมากมายที่พระองค์มี แต่สำหรับหม่อมฉัน ขอเพียงแค่เงินเดือนตามที่ตกลงไว้เท่านั้นเธอบอกเป็นนัยว่าถูกบังคับให้ทำ

    ฉันไม่สนเลยสักนิดกับสิ่งที่เธอพูดมาซะยืดยาว เพราะฉันต้องการอะไรก็ต้องได้ตามนั้น

    หม่อมฉันไม่ได้ปฏิเสธ แค่อยากจะบอกพระองค์ให้ทรงทราบว่าหม่อมฉันต้องฝืนทนปนคราบน้ำตา ภาวนาให้ผ่าน 120 วันไปโดยเร็ว และสิ่งที่พระองค์ตรัสให้มาดูแลพระองค์ตามที่ต้องการ เช็ดถูปัดกวาดห้องหรืออยากเรียกใช้ตอนไหนก็ต้องทำ ถ้าอยากกินอาหารไทยเมื่อไหร่ก็ได้เดี๋ยวนั้น หม่อมฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พระองค์คงไม่ตระบัดสัตย์ที่ทรงให้กับหม่อมฉันกุลพัทธ์จ้องหน้าองค์ชีคอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน

    แล้วจะคอยดูว่าเธอจะทนได้สักกี่น้ำบอกไว้ก่อนะว่าฉันไม่ได้ฝืนใจเธอ แต่ถ้าเธออยากเปลี่ยนจากแม่ครัวมาเป็นนางในฮาเร็มของฉัน ก็ได้นะ สุขสบายกว่าตั้งเยอะ วันๆ ไม่ต้องทำอะไร รอปรนนิบัติฉันอย่างเดียว พระองค์ลองยื่นข้อเสนอให้

    ขอเป็นแค่แม่บ้านดีกว่าเพคะ ไม่อยากรวยทางลัด และงานที่หม่อมฉันทำ ก็เป็นงานที่มีเกียรติมากพออยู่แล้ว อย่าเพิ่มเกียรติให้หม่อมฉันมากไปกว่านี้เลย ทุกคำที่พูดออกไปกุลพัทธ์ไม่แม้แต่จะหลบพระเนตรที่จ้องเธอราวกับว่าต้องการฉีกร่างเธออกเป็นชิ้นๆ

    ด้วยเพราะไม่เคยที่จะต้องมาปะทะคารมกับหญิงคนไหน พอเจอหญิงไทยคนนี้ ไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออะไรดี แต่เมื่อหญิงสาวดึงดันที่จะเป็นเพียงแม่บ้าน พระองค์ก็คงต้องปล่อยให้เป็นอย่างที่เธอต้องการก่อน

    งั้นเริ่มกันคืนนี้เลย

    ทำไมต้องทำงานตอนกลางคืนด้วยล่ะเพคะ

    เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ฉันจะให้คนไปตาม ตอนนี้กลับไปได้แล้ว พระองค์ไม่รอให้เธอถามก่อนจะลุกออกจากห้องไปโดยไม่หันมามองหญิงตรงหน้าอีกเลย

    หญิงสาวเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงประตูบานใหญ่ พลันสายตาไปสะดุดกับเส้นทางที่ไกลออกไป และตลอดเส้นทางเต้มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เธอกระชับชาดอร์แล้วเดินตรงไปยังทางเดินซึ่งทำด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบชั้นดีเชื่อมต่อกันยาวเหยียด ด้วยความอยากรู้เธอจึงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินอันแสนวิเศษระหว่างทางยังมีดอกไม้สีสดสวยให้เห็นตลอดทางและที่น่าประทับใจก็คงจะเป็นบ้านหลังใหญ่เรียบง่ายแต่ก็ดูหรูหร่าตั้งเยื้องออกไป

    กุลพัทธ์เดินไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ว่าสุดปลายทางนั้นคืออะไร เธอจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่น่าทีเดินไปจนถึงบริเวณรั้วไม้สีขาว ที่กั้นอาณาเขตเฉพาะ พอมองเข้าไปก็เห็นสนามหญ้าอันกว้างใหญ่  เนินดินขนาดย่อมที่กั้นสายตาเธอไม่ให้เห็นว่าด้านในนั้นมีอะไร แต่กลับไม่ทำให้หยุดความสงสัยไว้เพียงแค่ตรงนั้น ไว้เท่าความคิดเธอตัดสินใจก้มลงลอดระหว่างไม้กั้นเข้าไปทันที

    โอโห้กุลพัทธ์อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น หลังเดินพ้นเนินดินเข้าไป รอบด้านเหมือนได้มายืนอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นรายล้อมทะเลสาบที่มีน้ำใสไหลวนออกไปนอกกำแพงวัง แต่ไม่รู้ว่าความยาวของทะเลสาบแห่งนี้ จะไปสิ้นสุดตรงที่ใด

    กุลพัทธ์ดึงชาดอร์ออกจากร่าง ก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้อย่างสบายใจ โดยไม่คิดจะสนใจสิ่งรอบข้าง ทะเลสาบที่ไร้ผู้คน ช่างเป็นสถานที่อันน่ายินดีสำหรับเธอ

    สวบ...

    เสียงที่เธอได้ยิน ทำให้เธอต้องหยุดโลกส่วนตัวไว้ชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว

    ไม่เห็นจะมีอะไร หรือว่าเราหูฝาดไปเองเธอหันกลับไปสนใจความงามของธรรมชาติตรงหน้า

    สวบ...สวบ...สวบ

    เอ๊ะ เธอหันไปอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่เห็น กลับไม่ใช่ความว่างเปล่าอย่างที่เคย

    สิงโตตัวใหญ่กระโดดเข้าถึงตัวเธอในทันที โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้ความกลัวได้เข้าไปกัดกินหัวใจจนยากจะควบคุมสติได้ หญิงสาวร่างเล็กกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความร้าวรานใต้อาภรณ์สีดำเริ่มเกิดขึ้น อุ้งเท้าสีน้ำตาลของเจ้าป่ายังตะปบอยู่บนลำตัวของเธอ

    น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่ได้ช่วยให้สิงโตตัวเขื่องใจอ่อนแม้แต่น้อย มันค่อยๆ ก้มลงมา พร้อมน้ำลายที่ไหลยืดหยดลงมาบนใบหน้าของเธอ หญิงสาวพยายามตั้งสติอีกครั้ง แม้จะรู้ว่านี่คงถึงวินาทีสุดท้ายแล้วที่จะมีลมหายใจ เพราะต่อจากนี้ ร่างของเธอคงถูกฉีกทึ้งแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นๆ ไม่เหลือสิ่งใดกลับไปให้ครอบครัวเธอได้เห็น

    ฉันอโหสิกรรมให้แก่เจ้าเธอพูดได้เท่านั้นก็หลับตาลง พร้อมรอรับความตายที่กำลังจะมาถึง

    บารุดซ์เสียงทรงพลังทำให้เจ้าป่าตัวเขื่องหยุดชะงัก

    ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้องค์ชีคฮัสมานหัวเราะออกมา หญิงสาวร่างเล็กนอนหลับตาพริ้มอยู่ใต้อุ้งเท้าขนาดมหึมาของ บารุดซ์ สิงโตที่พระองค์ทรงเลี้ยงไว้ตั้งแต่มันเกิด ด้วยว่าขนาดของมันใหญ่ขึ้นทุกวัน พระองค์จึงขยายอาณาเขตให้สัตว์เลี้ยงแสนรักตัวนี้

    บารุดซ์หันมององค์ฮัสมาน ก่อนจะก้มลงไปเลียใบหน้าของกุลพัทธ์ เมื่อหญิงสาวรู้ว่าน้ำที่เปียกชุ่มอยู่เต็มหน้าไม่ใช่เลือดจากร่างกายของเธอ ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

    สงสัย บารุดซ์จะชอบสาว องค์ชีคฮัสมานตรัสขึ้นทันทีที่เธอลืมตาขึ้น ก่อนจะตรัสกับสัตว์เลี้ยงคู่พระทัย

    บารุดซ์ มานี่เร็วเจ้าสิงโตทำตามอย่างว่าง่าย มันกระโดดเข้าถึงตัวองค์ชีคฮัสมานในทันที แล้วใช้ลิ้นเลียพระพักตร์ของพระองค์อย่างคุ้นเคย

    ในยามนี้ ไม่มีทหารติดตามพระองค์เหมือนเช่นทุกครั้ง การมาเจอบารุดซ์เป็นสิ่งที่พระองค์รอคอย เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวเขื่อง ทำให้ความเครียดในภารกิจต่างๆ ของพระองค์เบาบางลง เพียงเพราะความจริงใจที่บารุดซ์ปฏิบัติต่อพระองค์ ยังดีกว่าผู้คนที่อยู่รายล้อมที่คอยแต่จะหาผลประโยชน์ใส่ตัว

    กุลพัทธ์ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปยังสองเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์ เธอไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่า จะมีอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ในโลกใบนี้ สัตว์ป่าที่ควรจะอยู่ในป่า กลับมาเป็นสัตว์เลี้ยงขององค์ชีคผู้บ้าอำนาจ

    เธอมาอยู่ตรงได้ยังไง พระองค์ตรัสถาม ในขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของบารุดซ์

    เดินมาตามทางเพคะกุลพัทธ์ตอบไปตามความจริง

    นี่เสียงตะโกนของพระองค์ทำให้เธอสะดุ้งเธอไม่รู้หรือไง ว่าฉันไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาที่นี่

    ไม่ทราบเพคะ ถ้าทราบว่าพระองค์เลี้ยงสัตว์หน้าตาน่ารักแบบนี้ก็คงไม่มาสาวใช้หน้าใหม่ตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

    องค์ชีคฮัสมานมองกิริยาของหญิงสาว ก่อนจะตอบกลับไปว่าฉันดีใจที่เธอบอกว่าบารุดซ์น่ารัก งั้นต่อไปนี้ เธอมีหน้าที่ให้อาหารบารุดซ์ทุกเช้า เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยองค์ชีคฮัสมานหันไปมองเธอตรงๆ เพื่อจะรอดูว่ากุลพัทธ์จะมีที่ท่าอย่างไร พระองค์หวังจะให้เธอร้องไห้คร่ำครวญขอร้องให้พระองค์เมตตา อย่าให้เธอต้องมาเจอะเจอกับเจ้าสัตว์อันตรายเช่นนี้อีกเลย

    กุลพัทธ์หันไปสบพระเนตรในทันทีที่มีรับสั่ง แต่แววตาเช่นนี้ ดูจะหยามหมิ่นหญิงไทยใจกล้าเช่นเธออย่างไม่น่าให้อภัย แม้เธอจะกลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่กล้า และเมื่อสักครู่ ก็พิสูจน์แล้วว่า บารุดซ์ไม่ได้ทำให้เธอได้รับอันตรายถึงชีวิตอย่างที่เธอคิดไว้

    รับทราบเพคะเสียงเด็ดเดี่ยวและคอระหงตั้งตรง บอกให้รู้ว่ายินยอมรับหน้าที่นี่อย่างเต็มใจ

    องค์ชีคฮัสมานลุกขึ้นยืนอย่างมีอารมณ์ เกิดนึกหมั่นไส้หญิงสาวขึ้นมาทันที แต่ถ้าจะต้องต่อปากต่อคำกับเธอ ก็คงไม่ต้องเป็นอันทำงาน จึงต้องจำยอมยุติการปะทะคารมกับเธอไว้เพียงเท่านี้

    ดี แล้วคืนนี้ก็อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะจากนั้นก็ดำเนินออกไป โดยไม่ลืมลูบหัวบารุดซ์ ก่อนจะกระโดดข้ามรั้วอันสูงชันออกมา

    กุลพัทธ์หันรีหันขวาง ด้วยว่ายังไม่คุ้นชินกับบารุดซ์เท่าที่ควร และในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นตามเสด็จไปความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านขึ้นมาในทันที

    โอ้ย เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

    องค์ชีคฮัสมานหันกลับไปมองตามเสียงร้อง ก็เห็นว่ากุลพัทธ์ล้มลงไปอีกครั้ง พระองค์หยุดคิดชั่วขณะก่อนจะกลับไปดูเธอ

    เป็นอะไร หรือว่าเรียกร้องความสนใจจากฉัน องค์ชีคฮัสมานยกหัตถ์ขึ้นกอดอกมองเธออย่างสบายอารมณ์

    ฉันเห็นมาเยอะแล้วแบบนี้

    กุลพัทธ์ใช้ชายผ้าที่ยาวกลอมเท้าปิดบังข้อเท้าที่ปวดตรึง และมันกำลังทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เงยหน้าสบพระเนตร ก่อนตอบกลับองค์ชีคไปว่า

    เปล่าเพคะ

    ฮึเป็นเสียงเยาะเย้ยที่พระองค์ทิ้งไว้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×