คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
เสียงทรงพลังตะโกนออกมา ก่อนที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราขององค์ชีคฮัสมานจะเข้าไปใกล้หญิงต่างชาติคนนั้น
“พระมารดา” นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้พระองค์ตกพระทัย
“เธอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” หญิงสูงวัยเดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะหันไปมองสภาพองค์ชีค
“พระมารดามีธุระอะไร ถึงได้เข้ามาหาลูกถึงนี่” พระองค์ถามขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แม่ได้ข่าวว่าลูกรับนางข้าหลวงคนใหม่ เป็นหญิงต่างชาติ”
“หญิงต่างชาติมาอยู่ในฮาเร็มของลูกก็เคยมีมาแล้ว ถ้าจะมีอีกคนก็ไม่เห็นแปลก”พระองค์ลองหยั่งเชิงดูเล่นๆ เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้จงใจที่จะรับกุลพัทธ์มาเป็นนางในฮาเร็ม เหมือนอย่างที่พระมารดากำลังคิด
พระมารดา มูซาลี ทอดพระเนตรกหญิงสาวที่ยืนตัวเปียกอยู่ข้างๆ นางรู้มาว่า หญิงสาวคนนี้ไม่ยอมมาเป็นสาวในฮาเร็มของลูกชาย แต่มาทำงานเป็นกุ๊กอยู่ที่โรงแรม
“ลูกบังคับเธอไม่ได้นะ” พระมารดา มูซาลีมองหญิงสาวข้างๆ ด้วยความสงสารจับใจ เธอตั้งใจมาทำงาน ไม่ได้มาเป็นหญิงในฮาเร็มเหมือนคนอื่นๆ ผู้หญิงในฮาเร็มของลูกชายเธออยู่สุขสบายก็จริง แต่จะสุขได้สักเท่าไหร่ เพราะพวกเธอจะไม่มีโอกาสได้รักใครอีกเลย เป็นการรอเวลาแห้งเหี่ยวเหมือนดอกไม้ที่รอวันโรยราเท่านั้น
นอกเสียจากว่าลูกชายเธอจะยอมปิดฮาเร็ม พวกเธอถึงจะเป็นอิสระ เกิดเป็นสตรีก็โดนกดขี่มากพอแล้วยิ่งผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้มาทำงานต่างบ้านต่างเมือง แถมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก คิดแล้วก็นึกโกรธลูกชายตัวเอง
“ลูกไม่เคยบังคับใคร” องค์ชีคลุกจากอ่างทันที อย่างไม่อายสายตาใคร
กุลพัทธ์ก้มหน้าหลบตาจากร่างกายเปลือยเปล่าขององค์ชีคแทบไม่ทัน แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะโต้ตอบกลับไปว่า
“ไม่จริงเพคะ” เธอตอบกลับไป พร้อมสบพระเนตรพระมารดาที่มองเธอกลับมาอย่างเมตตา
“แม่ขอไว้สักคนนะพระองค์” พระมารดาตรัสขอร้อง แต่เหมือนบังคับอยู่ดี
องค์ชีคฮัสมานมองคะเนเหตุการณ์ต่อไปอย่างชาญฉลาด ถ้าปล่อยกุลพัทธ์ให้พระมารดา พระองค์คงไม่มีโอกาสได้เจอหญิงสาวปากกล้าอีกเป็นแน่ เพราะพระมารดาต้องส่งเธอกลับประเทศอย่างที่เคยช่วยผู้หญิงบางคนที่พระองค์เคยรู้จัก ไม่ใช่ว่าในฮาเร็มของพระองค์จะไม่มีผู้หญิง แต่เธอเหล่านั้น กลับไม่ทำให้พระองค์รู้สึกเสน่หาได้เช่นนี้มาก่อน
“พระมารดากำลังคิดอะไร ถ้าลูกต้องการผู้หญิงสักคน ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ ที่ลูกต้องการก็แค่ให้เธอมาทำอาหารไทยให้ทาน พระมารดาก็ทรงทราบ ว่าลูกชอบอาหารไทยที่สุด” พระองค์ยังตรัสเข้าข้างตัวเองหน้าตาเฉย
“องค์ชีคฮัสมาน” แม่เมืองแห่งมูซาลี ทำเสียงแข็งขึ้นมาทันที เพราะต้องการความจริง แต่สิ่งที่ได้รับคืออาการนิ่งเฉยขององค์ฮัสมาน เธอรู้ว่างานของลูกชายเยอะ จนไม่อยากหาเรื่องปวดหัวมาให้เขา แค่เพียงผู้หญิงที่เขามีอยู่ในฮาเร็มก็มากพออยู่แล้ว ถ้าเพียงกุลพัทธ์ไม่ได้มาทำงานเป็นแม่ครัว เธอก็คงไม่รู้สึกสงสารเช่นที่เป็นอยู่
พระมารดาหันไปทอดเนตรหญิงสาวร่างเล็กอย่างเอ็นดู “เจ้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ให้ยาเนห์พาไปที่ห้องครัว”
กุลพัทธ์นั่งลงกราบเบื้องพระบาทของหญิงสูงวัย ความเมตตาที่ได้รับจากหญิงสูงศักดิ์คนนี้ มันทำให้เธอรู้ว่าโลกนี้ยังไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
องค์ชีคฮัสมานลงไปที่ห้องเสวย อาหารก็ถูกลำเรียงออกมาอย่างรู้เวลา แม้หน้าตาอาหารเช้าวันนี้ก็ยังเป็นอาหารประจำชาติของเขา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของพระองค์ขุ่นมัวขึ้นมาอีก กลับดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน
“ดูจะเจริญอาหารนะลูกรัก” พระมารดาเห็นลูกชายที่ทรงภาคภูมิใจ ด้วยที่เป็นชีคตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ราษฏรทุกคนก็เคารพรักพระองค์ เปรียบเสมือนเจ้าชีวิต แต่ถึงกระนั้นมีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด
“มื้อเที่ยง ลูกอยากทานอาหารไทย พระมารดาช่วยจัดการให้ด้วย และฝากบอกเธอด้วยว่าลูกจะให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าในอาหารยังมีเส้นผมอีก เธอต้องถูกลงโทษ” สิ้นสุดพระสุรเสียงที่ทรงอำนาจ พระองค์ก็เสด็จออกไปในทันที
“มะเยีย เจ้าไปแจ้งสิ่งที่องค์ชีคตรัสให้นางข้าหลวงคนใหม่ได้รับทราบ แล้วก็แนะนำนางด้วย”พระมารดาหันไปตรัสกับข้าหลวงคนสนิทที่ดูแลองค์ชีคมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และจงรักภักดีกับพระมารดามาตลอด
“ส่วนคาซิมไปดูซิว่าเธอได้รับความสะดวกสบายตามที่สมควรจะเป็นหรือเปล่า”ทั้งมะเยียและคาซิมก้มหัวน้อมรับคำสั่ง
“ดูเธอจะรั้นเอาเรื่องเหมือนกันนะเพคะ เห็นอาบียะบอกว่า เมื่อวานเกือบทำให้เขาหัวใจวาย”คาซิมเสริม
“อาจเป็นเพราะนางไม่ใช่คนอัฟฟาฮาน จึงไม่รู้ว่าพระองค์คือใคร แต่ผู้หญิงส่วนมากที่มาก็หวังเงินทองมหาศาลที่พระองค์ประทานให้ แค่เพียงตามใจพระองค์ แต่ผู้หญิงคนนี้ ดูจะมุ่งมั่นที่จะมาทำอาหาร ไม่ใช่มาเป็นของเล่นให้ลูกชายเรา” พระมารดาทอดสายพระเนตรมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย การที่องค์ชีคไม่ยอมอภิเษกสมรสกับลูกเสนาบดีบางคน ที่เสนอบุตรสาวให้ ก็เพราะรักชีวิตโสด แม้ตอนเรียนอยู่อังกฤษ พระนางไปเยี่ยมที่โน่น ก็ยังไม่วายมีแหม่มสาวนอนอยู่ข้างๆ
กุลพัทธ์กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพร้อมยาเนห์ เธอไม่รู้ว่าองค์ชีคฮัสมานต้องการสิ่งใดจากเธอกันแน่ถ้าคิดว่าพระองค์กำลังหลงเสน่ห์คนอย่างเธอ ก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อ ในฮาเร็มของพระองค์ มีสาวสวยรอปรนนิบัติพระองค์อยู่มากมาย
แต่ไม่ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เธอก็จะไม่ยอมกลับเมืองไทยมือเปล่า โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลยสักอย่าง ความใฝ่ฝันว่าจะกลับไปเป็นเชฟหญิงก็ต้องทำให้ได้ หรือแม้แต่บ้านเล็กๆ ที่เธอจะสร้างให้พ่อแม่และน้อง รวมไปถึงซุ้มไก่ชนของพ่อ
“กุลไม่เป็นไรใช่ไหม” ยาเนห์ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็น” กุลพัทธ์ตอบเพียงสั้นๆเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง
“ท่านมะเยียให้คนมาบอกว่ามื้อเที่ยงนี้กุลต้องโชว์ฝีมือให้เต็มที่ พระองค์ตรัสว่าจะให้โอกาสกุลเป็นครั้งสุดท้าย”
“ใครกันท่านมะเยีย”เธอถามขึ้นอย่างงงๆ เพราะเมื่อเช้าเห็นแต่ท่านคาซิมที่คอยตามเสด็จพระมารดามูซาลี
“เป็นแม่นมขององค์ชีคและที่สำคัญเป็นคนสนิทของพระมารดา”ยาเนห์ก้มกระซิบคล้ายกลัวใครได้ยิน
“ท่านมะเยียน่ากลัวขนาดที่ต้องกระซิบเลยเหรอ”สาวไทยกระซิบตาม
“ก็ประมาณหนึ่ง ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเธอไม่เหมือนท่านคาซิมที่ใจดีไม่มีถือสาพวกเราทำผิดนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ว่าแต่ถ้าเป็นท่านมะเยียระเบียบจัด...ฮึ้ย”เธอทำท่าขนพองสยองเกล้า
“น่ากลัวจังแต่ก็ขอบใจยาเนห์มากนะที่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด”เธอส่งยิ้มให้เพื่อนต่างชาติ
“ไม่เป็นไร...ไปกันเถอะ”
สองสาวเดินตรงไปที่ห้องครัวผ่านทางเดินที่แสนคดเคี้ยว ทว่าความงดงามที่ปรากฏแก่สายตาของกุลพัทธ์ เห็นจะจริงอย่างที่องค์ชีคตรัสไว้ว่าผู้หญิงทุกคนยอมตามใจ เพราะดูแค่วังก็พอจะรู้ว่าโคตรอภิมหาเศรษฐีดีๆ นี้เอง
ห้องครัวขนาดใหญ่ที่เธอเดินเข้ามาไม่ได้เล็กไปกว่าห้องครัวของโรงแรมเลยแม้แต่น้อยแตกต่างตรงที่ ห้องครัวที่นี่ไม่มีพ่อครัวเป็นผู้ชาย แม้สายตาที่มองจะไม่จิกกัดเหมือนในโรงแรม แต่เธอไม่อยากไว้ใจใครอีกครั้ง เหตุการณ์ที่โรงแรมทำให้รู้แล้วว่าจิตใจของคนช่างน่ากลัวที่สุด
“เธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าองค์ชีคทรงตรัสเช่นไร”มะเยียเดินเข้ามาเตือนเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคำสั่งขององค์ชีคไม่ได้ตกหล่น
“ค่ะ” เธอคะเนว่าผู้หญิงสูงวัยคนนี้ต้องเป็นท่านมะเยียแน่ๆ เพราะดูจากการนอบน้อมของคนในครัวคล้อยหลังมะเยีย เธอก็เริ่มต้นทำอาหารที่องค์ชีคฮัสมานต้องการเสวยในมื้อเที่ยงของวันนี้
องค์ชีคฮัสมานทรงประทับอยู่ในห้องทรงงานรอคอยเวลาได้เจอหน้าคนอวดดีที่บังอาจปฎิเสธพระองค์
“นาเซียร์ ใกล้เที่ยงหรือยัง” พระองค์เงยพระพักตร์จากโต๊ะเป็นครั้งแรก
“ยังพระเจ้าค่ะ” นาเซียร์มององค์ชีคด้วยความสงสัย
“เมื่อเช้ารัฐมีราเนอะ เกิดแผ่นแผ่นดินไหว แล้วที่ให้ไปจัดการเรียบร้อยหรือยัง”
“สะพานชำรุดต้องปิดถนนหลายสาย ประชาชนขาดการติดต่อจากโลกภายนอก 100หลังคาเรือน แต่กระหม่อมส่งเฮลิคอปเตอร์ไปแจกจ่ายอาหารตามที่พระองค์รับสั่งแล้วพระเจ้าค่ะ” อาบียะรายงานการทำงานที่องค์ชีคมอบหมายให้
“อืม” พระองค์ตอบรับสั้นๆ และนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรในใจ
“มีอีกอย่าง สายของเรารายงานว่า พวกนักรบใต้ดิน กำลังเตรียมเสบียงอาหารจำนวนมาก แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพวกมันจ้างชาวบ้านขนไปส่งที่ตะเข็บชายแดนบริเวณเทือกเขาอัลมาห์ พวกเราลอบติดตามไป แต่พวกมันก็หายเข้าไปในป่าอย่างไร้ร่องรอย” อาบียะยังทำหน้าที่ขุนพลคู่ใจองค์ชีคได้เป็นอย่างดี
“พวกมันฉลาดมากหาทางหนีที่ไล่ไว้อย่างดี เทือกเขาอัลมาห์ติดอ่าวเมนิสคงตามยากพอสมควร เอาเถอะ จับตาดูไว้มันเข้าได้ก็ต้องออกมาได้เช่นกัน ถ้าพวกมันยังอยู่อย่างสงบ ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องรบราฆ่าฟัน” แม้จะทรงเด็ดเดี่ยวเพียงไร แต่การล้มตายของประชาชนผู้บริสุทธิ์คือหายนะของบ้านเมือง
ความคิดเห็น