คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องกุลพัทธ์
“คุณคะ ตื่นได้แล้วค่ะ”
กุลพัทธ์ลืมตาขึ้นและหลับลงอีกครั้ง เผื่อว่าตอนนี้เธอกำลังฝันอยู่
มีเสียงเรียกอีกครั้ง
“คุณคะ กรุณาเปิดประตูให้ดิฉันด้วยค่ะ”
ดวงตากลมโตของกุลพัทธ์เบิกโพลงขึ้นอย่างกะทันหัน และรับรู้ได้ในทันทีว่าเธอไม่ได้ฝันไป พลางมองดูนาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลา 4 นาฬิกา เธอเดินตรงไปที่ประตู แล้วต้อนรับหญิงสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องอย่างสุภาพ
“ดิฉันขออนุญาตเข้าไปนะคะ”
“ค่ะ” กุลพัทธ์ยังมีท่าทางงัวเงีย จนหญิงสาวที่มาใหม่หัวเราะออกมา
“ดิฉันชื่อยาเนห์ค่ะ จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับคุณ” หญิงสาวกล่าวอย่างถ่อมตัว
“ขอบคุณค่ะ ฉันชื่อ กุลพัทธ์ เรียก กุล เฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
“แต่ตอนนี้ ยาเนห์ว่าคุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้เริ่มงานวันแรก เดี๋ยวจะไม่ทันองค์ชีคตื่นบรรทม”
กุลพัทธ์ทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่ในใจมีคำถามมากมายอยากถามให้กระจ่าง หญิงสาวหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ก็ออกมาพร้อมร่างกายที่สดชื่น
“กุลต้องใส่ชุดที่ท่านข้าหลวงจัดให้คะ”
“เอ่อ...ฉันไม่เคยใส่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าแต่ละชิ้นเขาเรียกกันว่าอะไร แล้วตู้เสื้อผ้าทั้งตู้ก็มีแต่ชุดสีดำ”เธอเริ่มลังเลจะใส่เสื้อผ้าที่ยาเนห์บอก
“ยาเนห์จะสอนให้ค่ะ” หญิงสาวชาวอัฟฟาฮานยิ้มให้สาวต่างชาติอย่างเป็นมิตร
ยาเนห์ดูเป็นคนอารมณ์ดีไม่มีจริตจะกร้านและเธอก็เป็นคนแรกในประเทศนี้ที่กุลพัทธ์รู้จัก และยอมพูดจาดีๆ กับเธอ
“ยาเนห์ ขอบใจนะ” กุลพัทธ์บอกอย่างซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไร มาค่ะ ผ้าชิ้นนี้เรียกว่า ฮิญาบ” เธอพูดไปก็จัดการกับศีรษะของกุลพัทธ์อย่างคล่องแคล่ว “และผืนนี้เรียกว่า ชาดอร์คลุมทับกับเสื้อผ้าที่เราใส่ แล้วก็จับไว้ใต้คางแบบนี้” เธอกางผ้าสีดำผืนกว้างขนาดเท่าหน้าต่างบานใหญ่สามบานรวมกัน เป็นรูปครึ่งวงกลมไม่มีกระดุม ไม่มีตะขอเกี่ยว เวลาใส่ก็จะสวมทับจากศีรษะลงมาคลุมไหล่บรรจบด้านหน้า
“เรียบร้อย เท่านี้คุณก็เป็นสาวอัฟฟาฮานแล้ว แต่จะต่างกันก็ที่สีผิวเท่านั้น ผิวคุณขาวเนียนเหมือนเด็กหน้าตาก็เหมือนเด็ก แล้วคุณต้องการเครื่องสำอางไหมค่ะ เขียนคิ้วทาปากอย่างพวกเราไง” ยาเนห์ชี้ให้ดูที่คิ้วเข้มและปากแดงระเรื่อของเธอ
กุลพัทธ์ยิ้มให้ยาเนห์แล้วบอกกับเธอว่า “ฉันไม่เคยใช้ มีแค่ลิปกลอสอันเดียวก็น่าจะพอ”
“ค่ะ งั้นเรามาเริ่มงานตั้งแต่วินาทีนี้เลยนะคะ” ยาเนห์พูดจบก็เดินนำกุลพัทธ์ออกไป
กุลพัทธ์รู้สึกไม่คุ้นชินกับเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายเธอ ผ้าที่เรียกว่าชาดอร์เป็นผ้าสีดำพลิ้วไหวบางเบา แต่กลับสร้างความอบอุ่นให้เธออย่างประหลาด
ห้องบรรทมขององค์ชีคฮัสมานกว้างใหญ่พอๆ กับห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม ภายในห้องมีเพียงสีขาวเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้อวดโฉม เครื่องใช้ต่างๆ ภายในห้องเป็นโทนสีดำทุกชิ้น จอพลาสม่าขนาด 60 นิ้วกำลังออกอากาศเกี่ยวกับแผ่นดินไหว แม้อัฟฟาฮานจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง แต่ยังไม่รุนแรงถึงกับมีผู้เสียชีวิต และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ประเทศนี้ไม่มีตึกสูงเหมือนประเทศอื่นๆ
พระวรกายสูงสง่าคว้ารีโมตมาปิด ก่อนจะตรงไปยังห้องอาบน้ำเหมือนเช่นทุกเช้า
“พระมารดาตื่นบรรทมหรือยัง” พระองค์ไม่ใส่ใจที่จะมองนางข้าหลวง พระองค์เพียงถอดชุดแล้วเดินลงอ่างอย่างที่ทำเป็นประจำ
“ตื่นบรรทมแล้วเพคะ” ยาเนห์ตอบเท่าที่จำเป็น
แต่คนที่ไม่ขยับเขยื่อนตัวไปไหนก็คือกุลพัทธ์ เธอตกใจกับสิ่งที่เห็น ชายสูงสง่าร่างกายสมส่วน ผิวสีแทนคล้ำแดดของชายตรงหน้าดูน่าหลงใหล มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันความเป็นชายไว้เท่านั้น องค์ชีคเดินลงอ่างอย่างไม่เกรงใจผู้หญิง หรือว่านี้คืองานอย่างที่ยาเนห์บอกว่าภูมิใจนักหนา ซึ่งผิดกับเธอที่คิดก็รอบต่อกี่รอบก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้
“เธอจะนั่งบื้ออีกนานไหม” แม้องค์ชีคฮัสมานจะไม่ได้มองสาวใช้คนใหม่ตรงๆ แต่สายตาที่เหลือบมอง ก็สังเกตได้ว่าเธอไม่กล้าเงยหน้ามองพระองค์แม้แต่น้อย แถมยังไม่ขยับตัวไปไหนนั่งตัวเกร็งจนพระองค์ต้องเอ่ยถาม
“กุลพัทธ์ยังไม่เคยชินเพคะ ให้อภัยเธอด้วย” ยาเนห์ออกรับแทนอย่างร้อนรน ด้วยว่ากลัวเพื่อนใหม่จะถูกลงโทษ
“ชื่อกุลพัทธ์”
“ค่ะ เอ่อ...เพคะ” กุลพัทธ์ตอบตะกุกตะกัก
“เมื่อวานไม่เห็นกลัวอย่างนี้เลย เห็นทำเก่งซะด้วย” พระองค์เสมองเธอที่ยังก้มมองพื้นอยู่ แต่พระองค์ก็เห็นมือเรียวเล็กของเธอกำชายชาดอร์แน่น และนั้นยิ่งทำให้องค์ชีคฮัสมานยิ้มอย่างพอพระทัยที่ได้ยั่วเธอ
กุลพัทธ์รอบถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นแล้วสบพระเนตรขององค์ชีคผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
“ถ้าไม่เป็นการบังอาจ ดิฉันขอไปทำกับข้าวในครัว หรือไม่ก็กวาดใบไม้ในสวนด้านหน้าวังจะได้หรือไม่เพคะ” สิ้นเสียงของกุลพัทธ์ ยาเนห์หันมองด้วยความตกใจ ขณะที่คนพูดไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เธอส่งสายตาคู่โตมองสบพระเนตรอย่างท้าทาย
“ผู้หญิงทุกคนที่นี่ต้องการรับใช้ฉันแบบนี้ แล้วเธอเป็นใครถึงบังอาจเห็นว่าการกวาดใบไม้ดีกว่าดูแลฉัน” พระองค์คาดคะเนความคิดในสายตากุลพัทธ์ ก่อนจะตรัสว่า “ยาเนห์ออกไปก่อน ปล่อยให้เพื่อนเธอแต่งตัวให้ฉัน”
ยาเนห์หันไปมองเพื่อนใหม่ด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะถอยออกไปตามคำสั่ง
“หม่อมฉันทำไม่เป็น” กุลพัทธ์พยายามอดทนกับคำสั่ง
“ใส่เสื้อผ้าให้ฉันยังทำไม่ได้ แล้วอย่างนี้เธอคิดว่ายังจะมีโอกาสได้กลับไปทำงานที่โรงแรมงั้นเหรอ”พระองค์ตรัสออกมาอย่างผู้เหนือกว่า อย่างที่ทรงทำกับเธออยู่บ่อยๆ
“ที่ประเทศของหม่อมฉัน ไม่ปฏิบัติอย่างนี้กับใคร ถ้าไม่ใช่สามี” เธอตอบออกไป ท้ายเสียงมีอาการขุ่นเคือง
“แต่ที่นี่ฉันคือกฎ และเธอมีหน้าที่ทำตาม” ชีคผู้ยิ่งใหญ่ตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กุลพัทธ์ลุกพรวดขึ้นด้วยความโกรธ โดยไม่ทันได้ระวังจนทำให้เหยียบปลายชาดอร์ล้มหน้าคว่ำลงไปในอ่าง
มีเสียงสรวลออกมาอย่างสะใจ และนั่นยิ่งทำให้กุลพัทธ์นึกโกรธ จนใช้มือตีน้ำอย่างแรง เพื่อระบายความโกรธก่อนจะดันตัวเองออกจากอ่างขนาดยักษ์ที่องค์ชีคฮัสมานประทับอยู่ แต่พอจะก้าวก็ถูกพระองค์รั้งเข้าไปในอ้อมกอดอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
“ปล่อยฉัน” กุลพัทธ์ตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ในเมื่ออ่างมีผู้ชายแก้ผ้ากอดเธออยู่ ยัไงเสียเธอจะไม่ยอมทิ้งความสาวไว้ที่นี่เด็ดขาด
“เธอลืมไปหรือเปล่า ว่าพูดอยู่กับใคร” องค์ชีคตรัสอย่างอารมณ์ดี
“หม่อมฉันรู้ดีว่าพระองค์น่ะยิ่งใหญ่แค่ไหน ส่วนหม่อมฉันก็แค่กุ๊กกระจอกๆ ที่พระองค์จะไล่ออกเมื่อไหร่ก็ได้ พระองค์ไม่เคยมีพระเมตตา เพราะหม่อมฉันไม่ใช่ประชากรของพระองค์ใช่ไหมเพคะ และพระองค์ไม่คิดบ้างเลยหรือว่าหม่อมฉันจะอยู่ยังไงในประเทศของพระองค์”
“งั้นเหรอ” พระองค์ตอบกลับมาเหมือนไม่แยแส
“วัฒธรรมที่แตกต่างก็ทำให้หม่อมฉันลำบากมากพอแล้ว แต่นี่หม่อมฉันกลับต้องมาทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง” เธอพูดออกมาอีกครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว
“เธอรู้ไหมใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ฉัน” พระองค์กระชับกอดแน่น และความรู้สึกของความเป็นชายก่อตัวขึ้นในทันที
‘ผู้หญิงตัวเล็กกระจิดริดอย่างเธอ มีอะไรทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้นะ’ องค์ชีคมองใบหน้าขาวนวลเนียนที่ปราศจากเครื่องสำอาง นึกสงสัยในอารมณ์ของตนเอง
“ปล่อย” ชุดที่กุลพัทธ์สวมใส่เปียกลู่ไปกับเรือนร่าง ยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนชวนลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวรู้ตัวว่าเสียเปรียบ จึงรีบผลักองค์ชีคฮัสมานให้ออกห่าง ก่อนจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างเปลือยอยู่ในอ่างยังดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างง่ายดายได้อีกครั้ง
“เธอไม่มีสิทธ์ตัดสินอะไรทั้งนั้น เพราะต่อจากนี้ชีวิตของเธอเป็นสิทธิ์ขาดของฉัน” องค์ชีคฮัสมานมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาใกล้เรียวปากของเธอ
“นี่มันอะไรกัน” สองหนุ่มสาวหันมองต้นเสียงด้วยความตกใจ
ความคิดเห็น