คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 ค่ะ
ตอนที่ 3
รถที่ขับออกไปตามเส้นทางสายหลักของเมืองจายาชด์ เมืองหลวงของประเทศ อัฟฟาฮาน มีป้ายบอกทางลงไปที่รถไฟฟ้าใต้ดิน ต้นไม้เก่าแก่ยังมีให้เห็นตามจุดต่างๆ แต่ตึกสูงเสียดฟ้ายังไม่มีผ่านตาเหมือนเมืองไทย บ้านเรือนข้างทางดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ยานพาหนะที่ใช้ส่วนมากจะเป็นจักรยานมากกว่ารถยนต์จึงไม่มีภาพรถติดยาวเหยียดให้เห็น
ผู้หญิงในประเทศนี้ต้องใช้ผ้าคลุมผมทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ฝรั่งผมทองที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมื่อพวกเธอเข้ามาถึงอาณาจักรอัฟฟาฮาน ต่างยินดีที่จะเคารพในกฏระเบียบ แม้จะไม่คุ้นเคยหรืออาจจะกลายเป็นความอึดอัด แต่ผ้าคลุมผมคือส่วนหนึ่งในร่างกายของหญิงที่นี่
รถนำขบวนชะลอความเร็วตรงด้านหน้าของกำแพงสีขาวขนาดมหึมา มีลวดลายการออกแบบที่งดงาม หน้าประตูมีชาย 4 คนยืนราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหิน และมีอีกสองคนคอยตรวจสอบรถที่ผ่านเข้าออกทุกคัน และมีกล้องวงจรปิดนับ 10 ตัวติดตั้งอยู่รอบบริเวณ หญิงสาวพยายามสังเกตสถานที่ เพื่อหาทางหนีทีไล่
รถที่เธอนั่งเคลื่อนผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ และภาพที่ปรากฏ ทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้างกับความงดงามหลังกำแพง เบื้องหน้าเป็นสวนสวยขนาดเท่าสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ ดอกไม้นานาพันธุ์ออกดอกชูช่อบานสะพรั่งรอผู้มาเยือนได้ชื่นชม
“ดูให้เต็มตานะ บางทีคุณอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเลย” สาวสวยที่นั่งมาด้วย เอ่ยกับกุลพัทธ์พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
“ตอนแรกฉันก็ว่า ผ้าคลุมผมคุณสวยดี เหมาะกับหน้าสวยๆ ของพวกคุณ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต่อในผ้าสวยแค่ไหนถ้าคนใส่ยังทำปากยื่นปากยาวแบบนี้ ผ้าที่คลุมอยู่ก็ส่งกลิ่นเหม็นออกมาจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้” หญิงสาวพูดภาษาอังกฤษพลางจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว พอพูดจบก็หันหน้าออกนอกรถโดยไม่สนใจหญิงอัฟฟาฮาน ซึ่งกำลังด่าทอเธอเป็นภาษาเปอร์เซีย
‘นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกกันว่าฮาเร็มของพวกมหาเศรษฐีทั้งหลาย แต่แหม ใหญ่ยังกับวังคนรวยที่นี่เขาอยู่กันแบบนี้เหรอ เพี่ยง...ขอให้พวกมันเห็นแหวนที่ฉันสวมด้วยเถอะ ถึงวงเล็กไปหน่อยแต่ก็น่าจะพอแก้ขัดได้ พอเห็นแล้วจะได้โยนฉันไปเป็นแม่ครัวหรือแม่บ้านก็ยังดี’ กุลพัทธ์ภาวนาอยู่ในใจ
รถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ระยะทางขับเข้ามาก็ประมาณ 5 กิโลเมตรตามที่สายตาประเมิน มีหญิงสาวอีกสองคนยืนรออยู่ เมื่อลงรถสองสาวก็เดินนำเธอเข้าไปด้านใน แต่ละก้าวที่เดินก้าวเข้าสู่ภายในสร้างความตื่นตะลึงอย่างไม่ลดละกระทั่งถึงห้องโถง
ชายร่างสูงที่กุลพัทธ์เห็นก่อนขึ้นรถมาที่นี่ยืนหันหลังให้ แล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“เธอเป็นใคร”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณ” กุลพัทธ์ตอบออกไปในทันทีที่เขาถามจบ
ในห้องเงียบกริบจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองที่ผ่านเข้าออก ถ้าให้เธอประเมินด้วยสายตา ผู้ชายที่พูดกับเธอต้องเป็นคนใหญ่คนโต
องค์ชีคฮัสมานยังคงยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ค่อยๆ หันมามองใบหน้าเรียวเล็กที่พระองค์จดจำได้ ในนาทีแรกที่เห็น เพราะเธอเป็นมนุษย์คนแรกที่กล้าต่อปากต่อคำกับพระองค์
“ฉันจะถามอีกครั้ง”
กุลพัทธ์รู้สึกถึงความตรึงเครียดภายในห้อง จึงยอมเอ่ยออกมาในที่สุด เผื่อว่าจะมีอะไรที่พอจะช่วยให้เธอปลอดภัยได้บ้าง
“เอ่อ...ฉันมาเป็นเชฟอาหารไทยตามที่โรงแรมติดต่อไปก็เท่านั้น แล้วพวกคุณจับฉันมาทำไม”
“ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เธอมีคงไม่ทำให้เธอมองโลกได้กว้างสักเท่าไหร่ใช่ไหม” องค์ชีคฮัสมานตรัสออกมาอย่างเยาะหยัน
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของใคร ฉันมาเพื่อทำอาหารเท่านั้น” หญิงสาวไม่ได้สังเกตเห็นคนรอบข้างที่ยืนหน้าซีด แล้วบางคนก็เริ่มถอยห่างออกไป
“นี่เธอ...” นาเซียร์เดินเข้ามาและกำลังจะถึงตัวเธอ
“ไม่ต้อง” องค์ชีคฮัสมานปรายตามองหญิงสาวก่อนจะพูดว่า “ฉันจะละเว้นโทษเธอสักครั้ง เพราะดูท่าทางเธอก็เป็นคนโง่ดีๆ นี่เอง”
“นี่!” กุลพัทธ์โกรธจนเริ่มที่จะทนยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้อีกต่อไป เธออย่างสามขุมเข้าประชิดองค์ชีค แต่องครักษ์ทั้งสองขว้างเอาไว้
“ใจเย็นแม่สาวต่างชาติ ฉันจะให้เธอมาเป็นนางข้าหลวงส่วนตัวเป็นเวลาสามเดือน ถ้าเธอผ่าน ฉันจะให้กลับไปทำงานที่โรงแรม มูซาลี ซาลาม อีกครั้ง”
“ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณสั่งด้วย”
“เพราะเธอไม่มีโอกาสเลือก” องค์ชีคฮัสมานตอบคำถามเธออย่างไม่สะทกสะท้าน
“ทำไม” กุลพัทธ์ก็ถามออกไปเช่นเดียวกัน
“เพราะฉันเป็นเจ้าของโรงแรม” องค์ชีคฮัสมานตอบพร้อมกับหันไปจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้า อย่างผู้ที่เหนือกว่า “และฉันจะให้ความรู้เธอเพิ่มอีกอย่าง...องค์ชีคฮัสมาน ยูรูล วากัต ประมุขของประเทศ อัฟฟาฮาน แผ่นดินที่เธอกำลังยืนอยู่ในขณะนี้ก็คือ...ฉันเอง”
จบประโยคกุลพัทธ์ไม่สามารถที่จะทรงตัวอยู่ได้ ร่างกายเธอทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น และต่อจากนี้ไปสิ่งที่เธอทำได้ในขณะนี้คือ ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากองค์ชีคฮัสมานเสด็จออกจากห้อง อาบียะมองอย่างแปลกใจ เพราะหญิงไทยคนนี้เป็นหญิงคนแรกที่พระองค์ทรงตรัสด้วย และใช้เวลายาวนานจนองครักษ์อย่างเขาเดาพระทัยไม่ถูก แต่ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดเรื่องดีหรือไม่ พวกเขาก็มีหน้าที่แค่ดูแลพระองค์ให้ดีที่สุด
กุลพัทธ์ถูกหญิงสาวคนพยุงมาที่ห้องพักขนาดใหญ่ ภายในมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน รวมทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่วางเอาไว้ข้างเตียง พร้อมกระดาษที่แปะอยู่ข้างบนด้วยภาษาอังกฤษมีข้อความว่า
“เผื่อว่าจะหายโง่”
คงไม่ต้องเดาว่าใครที่เป็นคนเขียนข้อความนี้ขึ้นมา แต่จะทำไงได้เพื่อความอยู่รอดและมีทางเดียวที่จะกลับไปทำงานในโรงแรมได้ คือต้องทำงานอยู่ที่นี่ ถ้าคิดในทางบวกในวังนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว ดีซะอีกได้เรียนรู้อาหารในวัง เป็นกำไลชีวิตที่เธอคิดว่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
องค์ชีคฮัสมานประทับในอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ พร้อมนางข้าหลวงที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ด้วยการทำความสะอาดพระวรกายให้พระองค์อย่างขะมักเขม้น เพราะองค์ชีคเปรียบเสมือนเจ้าชีวิต พวกเธอทั้งหลายล้วนทำได้ทุกอย่างตามที่ทรงรับสั่ง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
หลังจากชำระพระวรกาย พระภูษาก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย เพียงพระองค์ลุกขึ้นแล้วดำเนินออกไป ก็มีนางข้าหลวงเช็ดพระวรกายให้ รวมทั้งสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้ โดยที่ไม่ต้องทรงทำอะไรด้วยพระองค์เองแม้สักครั้ง
องค์ชีคฮัสมานประทับอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เช็คดูประวัติของหญิงสาว ที่ทำให้พระองค์ต้องเจรจาอยู่เป็นนานสองนาน แต่น่าแปลกที่ประวัติไม่ได้รายละเอียดอะไรมากไปกว่ามีพี่น้องสามคน เธอเป็นลูกสาวคนโต จบจากมหาวิทยาลัย...อายุ 26 ปี
“อายุ 26 เหรอ” พระองค์มีสีหน้าแปลกใจ เพราะมองหน้าตาเธอยังไงก็คงไม่ถึง 20 ร่างเล็กผิวเนียนเหมือนเด็ก ผิดจากสาวอัฟฟามานทั่วไปที่ประโคมแต่งหน้ากันอย่างเต็มพิกัด คิ้วเข้ม ปากแดงที่พระองค์เห็นจนชินตา และที่สำคัญ ไม่น่าเป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้จักพระองค์ คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มของพระองค์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในรอบหลายวันที่ผ่านมา
ความคิดเห็น