คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่2 100 % ค่ะ
มาต่อจากตอนที่เเล้วค่ะ
‘ทำไม...แค่ฉันเป็นผู้หญิงก็เป็นเชฟไม่ได้หรือไง ยังไงฉันก็จะไม่ยอมกลับง่ายๆ หรอกบอกเหตุผลฉันสักคำก็ไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงไล่ฉันออก เอาวะเป็นไงเป็นกันจะอยู่จะไปก็พังเท่ากัน’ หญิงสาวเก็บความบ้าคลั่งนั้นไว้ในใจ ก่อนจะเหวี่ยงผ้ากันเปื้อนออกจากตัว แล้วเดินลิ่วออกไปเพื่อตามหาต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกไล่ออก
กุลพัทธ์ออกไปที่ห้องอาหารพร้อมกับอาบียะที่เพิ่งเดินเข้ามา
“คนที่สั่งอาหารเมื่อกี้ไปไหน” เธอถามโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่มองเธอเหมือนตัวประหลาด
“กรุณาสุภาพด้วยครับ” อาบียะพูดด้วยท่าทางสุภาพ ก่อนจะบอกว่า “คุณเหรอที่ทำอาหารไทย ผมนึกว่าเป็นผู้ชาย นี่ผมทำงานผิดพลาดเหรอเนี่ย” เขาบอกตัวเองอย่างหัวเสีย ก็ในเมื่อเขาคุยกับเชฟที่ทำอาหารวันนั้นแล้วนี่น่า “ผมว่าผมติดต่อไปเป็นเชฟผู้ชาย แล้วทำไมเป็นผู้หญิงได้”
“ก็คุณบอกไม่ใช่เหรอ ว่าฝีมือคนทำอาหารประจำชาติที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ก็ฉันนี่ไงที่เป็นคนทำ แล้วคนสั่งไปไหน ทำไมต้องไล่ฉันออก”
ชายหนุ่มเหลือบไปทางล็อบบี้ก่อนจะพูดว่า “ผมว่าคุณอย่าเสี่ยงดีกว่า คุณรู้มั้ยคุณกำลังพูดอยู่กับ...”เขายังพูดไม่ทันจบเธอก็ตรงออกไปที่หน้าโรงแรมทันที
โรลส์-รอยซ์สีดำเงาวับ บอกให้รู้ว่าเจ้าของรถดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เคลื่อนตัวออกมาจากที่จอดรถvip ที่มีไว้สำหรับองค์ชีคฮัสมานเพียงผู้เดียว
“หยุดนะ” กุลพัทธ์ตัดสินใจทำในทันทีที่สมองสั่งการ โดยไม่ทันคิดว่านี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้ทำงานที่นี่จริงๆ
รถขององค์ชีคฮัสมานเบรคจนตัวโก่ง พร้อมรถตามเสด็จอีกสามคันที่ต้องเบรคอย่างกะทันหันเช่นกัน พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นมอง พร้อมสายพระเนตรที่โกรธกริ้วอย่างที่สุด แต่เมื่อมองออกไปหน้ารถก็ต้องแปลกพระทัย เมื่อมีหญิงสาวร่างเล็ก ผิวขาวสะอาด หน้าตาจิ้มลิ้ม กางแขนกางขายืนจังก้าขว้างรถของพระองค์อยู่
‘ผู้หญิงที่ไหนเนี่ยช่างกล้าหาญมาทำเช่นนี้ หน้าตาก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นคนอัฟฟาฮาน หรือว่า’ องค์ชีคฮัสมานเข้าใจในนาทีต่อมา เมื่ออาบียะก็วิ่งตามออกมาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก
“รู้มั้ยว่าที่ทำแบบนี้ฆ่าตัวตายชัดๆ”
“ยังไงฉันก็ตายอยู่ดี ถ้าไล่ฉันออกแล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน เงินที่พวกคุณใส่ซองมาให้ฉันก็ให้แม่หมด งานการที่โน่นฉันก็ลาออกแล้ว ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องการคำอธิบายทำไมต้องไล่ฉันออก”
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ ในอาหารมีเส้นผม แค่นี้พอจะอธิบายได้ไหม”
“ไม่จริงฉันเก็บผมทุกเส้นไว้ในหมวกจนหมด ต้องมีคนแกล้งฉันแน่ๆ”
“ไม่มีใครแกล้งคุณทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว”
องค์ชีคฮัสมานได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดก็นึกเห็นใจเธออยู่ไม่น้อย ทรงคิดอะไรบางอย่างชั่วครู่ก่อนจะทรงก้าวออกจากรถ
อาบียะกำลังจะสั่งให้พนักงานด้านหน้าลากเธอออกไป แต่ต้องวิ่งไปหาองค์ชีคฮัสมาน ก่อนที่จะทรงกริ้วมากไปกว่านี้
“องค์ชีค กระหม่อมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้” อาบียะบอกอย่างร้อนใจ เพราะการที่เจอเหตุการณ์ซึ่งทำให้องค์ชีคเสียเวลาเพียงน้อยนิดนั้นก็หมายถึง การสั่งลงโทษคนที่เป็นต้นเหตุในทันทีไม่ว่าจะชายหรือหญิง
“ไม่ต้อง พาเธอไปกับเราด้วย” พระสุรเสียงทรงอำนาจที่เปล่งออกมา ทำให้อาบียะและนาเซียร์แปลกใจอยู่ไม่น้อย ทำไมองค์ชีคไม่ลงโทษหญิงต่างชาติคนนี้ แถมยังจะพาเธอกลับไปด้วย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่รับใช้พระองค์มา
กุลพัทธ์ชะงัก ขณะที่อาบียะเดินตรงเข้ามา
“คุณต้องไปกับเรา”
“ฉันไม่ไป คุณจะเป็นใครใหญ่มาจากไหนฉันไม่สน ยังไงฉันก็ไม่ไปกับพวกคุณ ให้ฉันทำงานอยู่ที่นี่เหมือนเดิมเถอะ” หญิงสาวพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว แล้วหันไปสบพระเนตรขององค์ชีคอย่างไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้สักนิด จากนั้นก็มีสองสาวเดินออกมาจากโรงแรมด้วยคำสั่งของนาเซียร์ แล้วตรงเข้าไปจับร่างกุลพัทธ์ ให้เข้าไปนั่งในรถคันหลังสุด ที่มีเฉพาะผู้หญิงสามคน และคนขับรถที่เป็นชายอีกหนึ่งคน
“ปล่อยฉันนะ” กุลพัทธ์ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับสายตาที่จ้องกลับไปที่พระเนตรขององค์ชีคฮัสมานอย่างไม่ลดละ
องค์ชีคฮัสมานไม่โต้ตอบใดๆ ได้แต่มองเธอตอบกลับไปเช่นกัน
‘เธอกล้ามากที่บังอาจสบตาฉันแบบนี้ ไม่รู้เลยหรือไงว่าฉันเป็นใคร อยากรู้เหมือนกันว่าคนจนตรอกอย่างเธอจะมีปัญญาที่ไหนมาแผลงฤทธิ์กับฉันอีก’ องค์ชีคฮัสมานมองเธอจนสุดสายพระเนตร ก่อนจะกลับเข้าไปประทับในรถ
หญิงสาวไม่รู้จะทำยังไง จะดิ้นรนต่อสู้ไปก็เท่านั้น เพราะนาทีนี้เรี่ยวแรงเริ่มถดถอยลงไปทุกที หรืออาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัวที่เกาะลึกในใจ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ให้ได้ คิดได้ดังนั้นร่างเล็กจึงหยุดอาละวาด ใช้เพียงสมองจดจำระยะทางไปเรื่อยๆ พร้อมถอนหายใจออกมา นึกปลงในชะตากรรมของตัวเองที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ และไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะดีหรือร้าย
‘ขอให้แหวนวงนี้ช่วยฉันให้พ้นจากคนใจร้ายพวกนี้ด้วยเถอะ’
ความคิดเห็น