ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อุบัติรักวาเลนไทน์...

    ลำดับตอนที่ #2 : ต้นเรื่องป่วนๆของคนข้างห้อง

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 64


     

    คอนโดฯ หรูสูงโดดเด่นใจกลางเมืองหลวงมองออกนอกระเบียงก็แลเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนรอบๆ อาคาร รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณประดับเป็นสวนสวยไว้สำหรับผู้รักสุขภาพได้ออกมาวิ่งหรือทำกิจกรรมกลางเเจ้ง พื้นที่ชั้นล่างด้านในถูกจัดสัดส่วนให้เป็นฟิตเนสและสระว่ายนำขนาดใหญ่ที่หลบลี้สายตาผู้คนได้อย่างดี โดยมีลิฟท์แก้วขึ้นลงสองตัวเพื่อย่นระยะเวลาอันมีค่าของคนเมืองให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

    แต่นั่นไม่ใช่สำหรับนักกีฬาอย่าง กรรภิรมย์ วรโชติ ทุกวันเวลา 6 โมงเช้า หญิงสาวผิวขาวร่างเล็กใบ ดวงตากลมโตใสแป๋ว จมูกเล็กจิ๊ดริดรับกับปากบางสีชมพูที่ไม่ได้แต่งแต้มใดๆ ลงไปด้ายล่างด้วยชุดวอร์มสีฟ้า มีผ้าผืนเล็กสีขาวพาดลำคอเพื่อซับเหงื่อเม็ดโตจากการออกกำลังกาย พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ พร้อมกับบริหารร่างกายส่วนต่างๆ ที่ฟิตเนส จากนั้นก็กลับเข้าห้อง

    หญิงสาวชุดสีฟ้าเดินออกจากลิฟต์แก้วเมื่อเห็นว่าถึงชั้นที่เธออาศัยอยู่ แต่แล้วสองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดกะทันหัน

    “อย่าค่...” เสียงออดอ้อนบาดหูดังขึ้น เธอเดินเข้าใกล้ห้องตัวเอง“ก็ผมไม่อยากห่างจุ๊บแจงนี่ครับ.มามะขอผมชื่นใจอีกที”

    เสียงกระเซ้าของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมๆ กับที่กรรภิรมย์ค่อยๆ สำรวจบุคคลทั้งสองที่กำลังยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่แถวหน้าห้องของเธอ ฝ่ายชายใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์สีขาว หน้าอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นอกกว้างที่ไร้ซึ่งซิกแพค แต่กระนั้นผมตัดเกรียนด้วยทรงสกินเฮด รับกับใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีตาลอ่อนๆ บ่งบอกให้รู้ ว่าเจ้าเล่ห์เพียงใด ส่วนฝ่ายหญิงอยู่ในชุดเกราะอกสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวเนียน

    ความหล่อของไอ้บ้านี่ไม่ได้ช่วยใหความหน้าด้านลดลงเลย...ให้ตายเถอะ’เธอก่นด่าชายหนุ่มก่อนจะพยายามเลี่ยงเข้าห้องของตัวเอง

    แต่ไม่วายสายตาเจ้ากรรมของเธอยังเเอบชำเลืองมองว่าเขาจะจัดการยังไงกับสาวร้อนแรงคนนั้นแต่แล้วเธอได้รับคำตอบกลับเมื่อสายตาขี้เล่นของชายข้างห้องมองมาที่เธอก่อนจะยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้เธออย่างจงใจ จากนั้นคนทั้งคู่ก็หายเข้าห้องไปอีกรอบ

    “หน้าด้านที่สุดเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่แท้ๆแทนที่จะให้เกียรติข้างพื้นที่ส่วนรวมแต่นี่กลับทำรุ่มร่ามไม่อายฟ้าอายดินทุเรศๆๆ” กรรภิรมย์สะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ภาพอนาจารที่เพิ่งเห็นออกไปก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง

     

    สนามยิงปืนบิ๊กกันเป็นสนามที่ทันสมัยได้มาตรฐานในระดับสากลมีช่องยิง 26 ช่อง ระยะยิง 25 หลาและ 25 เมตร ตามลำดับเป็นสนามแบบสนามเปิดที่เรียกว่า‘เอาท์ดอร์’ โครงสร้างเกี่ยวกับความปลอดภัยมีกำแพง ด้านข้างและด้านหลังมีระยะห่างเล็กน้อย ระหว่างช่องว่างจะมีทรายหยาบอัดให้แน่นมีความสูงราว7เมตรเศษ...

    ชมรมกีฬายิงปืนบิ๊กกัน ซึ่งจัดตั้งชมรมได้ไม่กี่เดือนกลายเป็นแหล่งสิงสถิตของกรรภิรมย์และเพื่อน ด้วยนิสัยนิ่งๆ ไม่โวยวายไม่จิ๊จ๊ะ ฉอเลาะเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เป็นเหตุให้หนุ่มๆ ทั้งหลายไม่กล้าแต่ไม่ได้รวมถึง โยทิน โค้ชหนุ่มหน้าหล่อที่พยายามทำคะแนนกับเธออย่างเต็มที่

    “ถ้าเป็นฉันหน่อยไม่ได้จะเอานำ้สาดให้อายคนทั้งคอนโดเลย” ษิตานึกโมโหเมื่อเพื่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟัง

    “อยากอยู่...ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องอยู่ที่นั่นอีกนาน ไม่อยากสร้างศัตรูว่ะ” กรรภิรมย์ตอบเนือยๆ

    คอนโดฯ ที่เธออาศัยอยู่ พ่อกับแม่เป็นคนเลือกให้เพราะเห็นว่าปลอดภัย สะดวก ที่สำคัญน้องสาวฝาแฝดของเธอก็ชอบริมแม่นำ้เจ้าพระยาเอามากๆ ถ้าไปยืนตรงระเบียงก็จะเห็นความงดงามของสายน้ำได้อย่างเต็มตา ยิ่งตอนเห็นเรือสำราญเเล่นผ่าน ประดับไฟมากมายสวยจนไม่กล้าเเล่นผ่าน 

    “ดูเขาไปก่อน เพิ่งมาอยู่คงยังไม่รู้อะไร"

    โยทินเงยหน้าจากกระบอกปืนที่กำลังเช็ดทำความสะอาด

    “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นละค่ะโค้ช ตอนนี้คุณกานต์นภัสไปฝึกงานกว่าจะได้กลับคงอีกนาน” เธอเอ่ยแบบปลงๆ

    กานต์นภัส วรโชติน้องสาวฝาแฝดของเธอต้องไปฝึกงานที่ห้องแล็บในโรงพยาบาลค่ายหลังจากที่สมองอันเฉื่อยชาสามารถฝ่าการเรียนที่แสนหนักหน่วงก้าวไปจนถึงฝั่งฝันการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจอึ ตรวจเลือดในห้องเเล็บและ นั่นคือฝันอันสูงสุด

    “ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยเผื่อวันดีคืนดีไอ้บ้านั่นมันนึกอยากลองของแปลกขึ้นมาแล้วจะหาว่าษิตาไม่เตือน ฮ่าๆ” กระแหนะกระแหนจบเพื่อนสาวก็เดินถือปืนสั้นออกไปยังสนาม

    “ผู้ชายคนเดียวหรือจะสู้กระสุนนัดเดียวลองแหยมเข้ามาถ้าศพสวยก็อย่ามาเรียกกันว่ากันปืนไว...ใช่ไหมโค้ช ฮ่าๆ” กรรภิรมย์ยื่นหน้ายิ้มยิงฝัน 32 ซี่ให้โค้ชหนุ่มก่อนจะเดินตามเพื่อนไป

    “ปืนน่ะป้องกันตัวได้แต่จะป้องกันใจได้หรือเปล่าน่ะมันอีกเรื่อง” เขาพึมพากับตัวเองทอดสายตาไปยังหญิงสาวที่เพิ่งเดินไป แม้ร่างกายจะเล็กแต่ความมุมานะของเธอไม่ได้เล็กเหมือนกับร่างกาย

    กรรภิรมย์ตั้งใจฝึกซ้อมยิงปืนไม่เคยขาดจนได้เข้ามาอยู่ในชมรมซึ่งเป็นชมรมกีฬายิงปืนที่เขาจัดตัั้งขึ้น สวัสดิการ ก็ดีพอสมควร ทำงานเป็นผู้ดูแลสถานที่ก็คงพอทำให้เธอไม่ต้องหางานอื่นแถมยังได้ฝึกฝีมืออีกต่างหาก และที่สำคัญถ้าเธอเก่งกว่านี้ ยังมีโอกาสสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคมกีฬายิงปืนแ่งประเทศไทย หลังจากนั้นก็จะได้หมายเลขสมาชิก สมาคมจึงจะร่วมคัดตัวทีมชาติได้และเดือนกุมภาพันธ์ก็จะเป็นวันคัดตัวเพื่อเป็นนักยิงปืนชุดซีเกมส์ ฝันสูงสุดของนักกีฬาทุกคน

    บริษัทสปอร์ตการ์เม้น

    อาณาเขตกว้างขวางของโรงงานผลิตชุดกีฬาส่งออกเป็นบริษัทชั้นนำของคนไทยที่สามารถเติบโตได้ในตลาด ซึ่งมีการแข่งขันสูงทางด้านธุรกิจ ตัวโรงงานมี 5 ชั้น 4 อาคาร แต่ละชั้นก็แบ่งเป็นสัดส่วน ห้องผู้บริหารจะอยู่ถัดออกไปจากตัวโรงงานเป็นอาคาร 7 ชั้น

    ซึ่งขณะนี้เจ้าของโรงงานกำลังคร่ำเคร่งกับออร์เดอร์ล็อตใหม่ที่สั่งมา

    “ปวดหัว” นักรบบ่นอุบกำลังแฮ้งค์เพราะฉลองห้องใหม่ดึกไปหน่อยแถมยังมีสาวสวยอกตูมมานอนยั่วให้คึกอีกทั้งคืน เขาหลับตาก่อนจะคลึงขมับ พลางย้อนไปตอนเช้า เห็นหญิงสาวตัวเล็กที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าสะอาดใส ทรวดทรงอวบอิ่มอยู่ในชุดออกกำลังกายสีฟ้า มองเขาด้วยท่าทางตกตะลึงตอนพรอดรักนิดหน่อยหน้าประตู

    “หึ...” เขานึกตลกที่ผู้หญิงสมัยนี้ทำท่าเสแสร้งเวอร์จิ้นได้เก่งจริงๆ 

    ก๊อก ก๊อก

    “ว่าไงไอ้นะ นี่แกไม่คิดทำงานทำการเลยเหรอนั่งเหม่อยังกับผีดิบ” นายทหารหนุ่มตะโกนขึ้นหลังจากเห็นอาการน้องชาย

    “มาก็ไม่บอก...แล้วพี่มีไรถึงได้ถ่อสังขารมาถึงนี้"

    “เเล้วไง" 

    นักรบมองลูกชายของป้า ด้วยความสนิทสนมในวัยเยาว์ของเด็กชายที่ขาดแม่ ที่ผูกเกี่ยวความเป็นพี่น้องกันอย่างเหนียวแน่น บ่อยครัั้งที่เขาต้องไปอาศัยบ้านพักในค่ายทหารเพื่อหลบลี้ที่เริ่มจะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขามากเกินไปสาวๆแต่ ถึงกระนั้นก็ไม่วายมีสาวบางคนฉลาดสืบรู้ ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ยังตามไปอาละวาดจนถึงที่หวังเพียงให้เขากลับไปเป็นลูกแมวเชื่องๆ อย่างที่เคยแกล้งทำเมื่อตอนจีบพวกเธอใหม่ๆและเมื่อเวลาล่วงลูกแมวก็กลายเป็นเสือที่ชอบ ล่าเหยื่อใหม่ๆสดใสซาบซ่า และเหตุนี้เองที่ทำให้วันเผด็จเปิดอบรมความเป็นผู้ชายดีๆ มีระเบียบวินัยให้เขาอยู่บ่อยครั้ง

    “ฉันก็แค่แวะมาดูว่าแกเป็นเอดส์ตายไปหรือยัง” วันเผด็จยืนกอดอกหลังตรงมองน้องชายยิ้มๆ

    “หวังดีว่างัน”เขาตอบพลางส่งใบหน้าหมั่นไส้้

    “เออดิ” 

    “เข้าเรื่อง...มีไรว่ามาก่อนที่ผมจะตัดหางปล่อยวัดพี่”

    “นั่นมันเป็นประโยคที่ฉันต้องพูดไม่ใช่แกไอ้นะ” คราวนี้หลังที่ตั้งตรงของนายทหารหนุ่มโน้มลงไปที่โต๊ะใช้มือวางค้างไว้เหนือหัวเจ้าของห้อง

    “วันนี ้มาแรงแฮะ” เขามองพี่ชายอย่างทึ่งๆเพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นเขาเป็ นเช่นนี ้

    “ไอ้น้องเลว” วันเผด็จด่าเจ้าของห้อง

    “พอแล้วพี่ที่บอกให้หยุดไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะ ผมก็แค่หนวกหู นี่ถ้าไม่มีไรก็กลับค่ายไปได้แล้วเดี๋ยว ว่างๆจะเข้าไปหาไม่ต้องเสียเวลามาเองหรอก แบบว่าผมเกรงใจ” เขารับทุกข้อกล่าวหา “ที่ฉันมาก็เพราะนายทำให้ฉันหมดความอดทน” เขายืนหลังตรงอีกครั้ง

    “อ้าว...เป็นท.ทหารอดทนไม่ใช่เหรอพี่” 

    “อย่ากวนโอ๊ยให้มากนักฟังฉันให้ดีๆ มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ โทรมาถามหาแกพอฉันบอกว่าไม่รู้ ก็ด่าฉันเป็นชุด นั่นยังไม่เท่าไหร่คุณเธอยังร้องห่มร้องไห้แล้วบอกว่าจะฆ่าตัวตาย ไอ้ฉันก็ไม่รู้ จะทำไงก็ได้แต่ปลอบ ความซวยจริงๆแถมบางวันก็มีสาวนิรนามโทรมาจีบฉันซะงัน งานการไม่เป็นอันทำมัวยุ่งอยู่กับผู้หญิงของเเก”

    “อ้อคงจะน้องเกดน่ะพี่สลัดยากมากจะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำแต่ดูคลั่งไคล้ผู้ชายหล่อๆย่างผมยังไง ไม่รู้ บอกตามตรงว่าน่ากลัว และที่สำคัญน้องลูกเกดนี่แหละที่ทำให้ผมต้องย้ายมาอยู่คอนโดฯ  ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์พูดซื่อๆ

    “พูดหน้าไม่อายจริงๆเล้ย ยังไงฉันขอสั่งห้ามว่าอย่าให้เบอร์ฉันกับใครอีก” วันเผด็จยื่นคำขาด

    “พี่ก็ทำเนียนๆ คุยกับเขาไปไม่เห็นจะต้องโวยวายเลยครับ” เจ้าของห้องพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาขณะที่ อีก      ฝ่ายดูจะไม่สบอารมณ์นัก

    “ฉันไม่ชอบเอานิสัยของแกมาใช้ ทหารต้องทำตัวให้มีเกียรติไม่ใช่โกหกหลอกฟันผู้หญิงไปวันๆ” วันเผด็จหยุดพูด พร้อมกับจ้องหน้าเอาจริง

    อันที่จริงความใคร่ที่เขาใช้ฟุ่มเฟือยก็ไม่อาจทดแทนบางสิ่งที่ขาดหายไปจากหัวใจของเขาได้ หลายครั้งที่พยายามหารักแท้เพื่อมาเติมเต็มให้กับหัวใจที่ด้านชาแต่สุดท้ายก็ได้แค่รักจอมปลอม 

    "ครับๆต่อไปนี้ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว” เขาทำท่าตะเบะก่อนจะทิ้งหัวหนักๆลงที่โต๊ะของตัวเอง 

    “ท่าทางจะไม่รอด งันฉันกลับละ แล้วอย่าลืมเรื่องที่เตือน” นายทหารส่งเสียงเข้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    “คร้าบบบบ” นักรบส่งแค่เสียงแต่ไม่ได้เงยหน้ามองวันเผด็จแม้แต่น้อย ในขณะที่เจ้าของห้องฟุบหน้าลงที่โต๊ะประตูถูกเปิดออกก่อนจะปิดล็อกเบาๆ ด้วยมือเรียวของใครคนหนึ่ง 

    "คิดถึงคุณจังเลย” หญิงสาวก้มลงจูบใบหูของชายหนุ่ม

    “หาวิธีทำให้ผมหายง่วงหน่อยซิครับ” ชายหนุ่มตะแคงหน้ามองเลขาสาวที่ดูจะรู้ใจเขาไปหมดไม่เว้นแม้เวลาเช่นนี้

    “ได้เลยค่ะ แต่ห้ามบ่นนะว่าไม่ถึงใจ”

    “คร้าบบบบ” เขาหลับตาลง

    จากนั้นฤทัยก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายทุกประการ

    “เสร็จแล้วค่ะ”

    “โอ้โฮ เร็วจัง” เขาพยายามยกหัวอันหนักอึ้งมองกาแฟดำในมือเลขา

    “แฮ้งขนาดนี้ ทำงานไหวก็เก่งแล้วยังไงคุณนะกลับไปพักดีกว่าไหมคะ”

    “อืม...” เขาดื่มกาแฟดำที่มีรสขมปี๋ ก่อนจะตอบเลขาสาว“ก็ว่างั้นขอบคุณสำหรับกาแฟอย่างนี้คงต้องให้รางวัล” นักรบมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะจูบเเก้มหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ทำงานของตัวเองกระทั่งบ่าย

    เมื่อนักรบเคลียงานเสร็จสรรพก็ตรงดิ่งไปยังคอนโดเพื่อหวังจะพักให้หายอาการหนักหัว โรคกระเพาะก็กำเริบจนต้องเเทบจะเดินไม่ไหว เขาตรงไปยังลิฟต์แก้วขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิด

    “รอด้วยค่ะ” เสียงใสของใครบางคนดึงเขาให้หันมอง

    เมื่อนักรบเห็นว่าเป็นใครก็อมยิ้มนึกถึงตอนเช้าที่เธอแสดงละคร เพราะท่าทางตกอกตกใจเกินเบอร์ทำให้เขาลืมสีหน้าตอนนั้นไม่ได้จริงๆ

    ฝ่ายกรรภิรมย์ก็เกิดอาการหน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุแต่เธอก็พยายามจะหันข้างให้คนในลิฟต์พร้อมกระชับกระเป๋ายีนใบใหญ่ที่ถือมาด้วย

    “สวัสดีครับ ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ ชื่อนักรบครับ”

    “ค่ะ” เธอพูดเพียงสันๆ เพราะไม่อยากให้เขารู้จักมากกว่านี ้ ไม่ใช่ว่าเธอจะใจจืดใจดำอะไร แต่คนประเภทนี้ห่างไว้ดีที่สุด

     

    “ใจดำจังไม่คิดจะแนะนำให้ผมรู้จักคุณบ้างเหรอ เราก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว”เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า อยู่บ้านเดียวกัน

    “อ้าว..พูดให้มันดีๆนะคุณ ใครได้ยินฉันจะเสียหาย” สาวร่างเล็กเริ่มมีอารมณ์พร้อมกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก    หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงห้องตัวเองให้เร็วที่สุด

    ไม่น่าลืมกระสุนไว้เลย ซวยจริงๆ ที่ดันเจอไอ้บ้านี่’เธอนึกตำหนิความขี้ลืมของตัวเอง

    “เดี๋ยวซิ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” เขาวิ่งมาดักหน้าเธอไว้พร้อมเข้าประชิดตัว

    ยัยบ้านี่ดูใกล้ๆ ผิวโคตรเนียน’เขานึกนิยมชมชอบสาวร่างเล็ก

    “ฉันรีบ” เธอมองเขาตาเขียวบอกให้รู้ ว่าตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่พอจะเล่นหัวได้

    “แหมคุณก็ คนข้างห้องกันไม่พึ่งพาอาศัยกันแล้วจะพึ่งใคร” เขายื่นหน้าเข้าใกล้

    ยังมีหน้ามาพดู คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะพึ่งนาย

    “ถอย” เสียงแข็งที่ส่งออกไปคิดว่าพอจะช่วยให้ชายตรงหน้าถอยห่าง

    แต่กรรภิรมย์คิดผิด

    “ไม่” นักรบตอบแบบหน้าตาเฉย

    “ถอยออกไป” เธอเริ่มจะหมดความอดทน

    “ไม่” ดูเขาจะมีความสุขที่ได้แกล้งเธอ

     

    จะ ถอย ไหม” เธอเน้นทุกถ้อยคำให้คนตรงหน้าถอนทัพ

    “ไม่ถอยยย” เขายิ้ิมยียวน

    “ถ้าแบบนี ้ล่ะ"เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าดันอาวุธประจำกายโดยไม่ได้ดึงออกจากกระเป๋า ตั้งใจจ่อขู่คนก่อกวน

    แม้กฎของการมีอาวุธปืนจะบอกไว้ว่า อย่าแสดงปืนในที่สาธารณะหรือในสถานการณ์ปกติ แต่เธอคิดว่านี่ไม่ใช่ สถานการณ์ปกติสฎหรับผู้หญิงตัวเล็กเช่นเธอ

    “เอ่อ...นี่เล่นกันขนาดนี้เลยเหรอ” เขายอมถอยก่อนจะพูดขึ้นอีกรอบ“ไม่คิดว่าข้างห้องจะมีมาเฟียอยู่ด้วย”

    “ฉันทำได้มากว่าที่นายคิด หรือถ้ายังไม่จุใจอยากดูอีกไหมฉันมีอีกหลายกระบอก” เธอทำท่าล้วงกระเป๋า

    “พอแล้วๆ ผมก็แค่หยอกเย้าเล่นนิดหน่อยทำความคุ้นเคยไง”

    “เท่านี้คุ้นพอหรือยัง” เธอแกล้งดันกระบอกปืนในกระเป๋าเพื่อให้ปลายกระบอกแข็งจิ้มไปที่ผิวเนื้อของเขามากกว่าเดิม

    “เอ่อ...งั้นผมขอตัวเข้าห้องก่อนดีกว่ายังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำความรู้จักกับคุณ” เขาหันหลังและไม่ลืมโบกมือ

    บายๆ ก่อนหายเข้าไปในห้องของตัวเอง

    “ประสาท”

     

    #เส้นใยแห่งพรมลิขิตไม่อาจคาดเดา




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×