ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดรอยทรายฝากใจรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 59


           หนังสือเปิดให้จองเเล้วนะคะ ฝากเชฟหญิงสุดซ่ากับชีคบ้าอำนาจ จักหน่อยเด้อค่ะ  #สหายนักอ่าน  ท่านใดที่จองมาเเล้วก็ขอบคุณหลายๆ เด้อค่ะ

           





           ตอนที่ 9

    องค์ชีคฮัสมานดำเนินกลับมาถึงห้องบรรทมด้วยความอ่อนล้า แม้เวลาที่ผ่านการครองราชย์มายาวนานจะทำให้พระองค์เข้มแข็งขึ้น แต่ภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ดูจะหนักขึ้นทุกวันๆ ด้วยว่าความเห็นที่แตกต่างของแต่ละบุคคล ไม่รวมไปถึงการค้าน้ำมันดิบที่เสนาบดีบางคนต้องการเพิ่มการผลิตในแต่ละวันให้มากขึ้น แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธก็เกิดการมึนตึงขึ้นมาทันที

    เมื่อกลับมาถึงห้องบรรทมได้ยินเสียงพูดที่พระองค์ไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังพูดว่าอะไร แต่ดูจากอาการทุบตีลงบนหมอนก็พอจะเดาออกว่ากำลังโกรธพระองค์อยู่แน่ๆ

    ร่างสูงสง่าดำเนินเข้าประชิด หวังจะแกล้งเธอเล่นเหมือนอย่างเคย แต่แล้วสิ่งที่ได้เห็นเมื่อคืนทำให้พระองค์ต้องถอยหลังกลับ

    หม่อมฉันขอตัวเพคะกุลพัทธ์รีบบอกทันที หลังจากรู้ว่าเจ้าของห้องกลับมาแล้ว

    เธอให้อาหารบารุดซ์หรือยัง พระองค์แกล้งถาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอเดินไปไม่ถึงแน่นอน เพราะเท้าที่ยังมีผ้าพันไว้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอยังไม่หายดี

    หม่อมฉันคงเดินถึงอยู่หรอกเธอตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

    ถึงเท้าเธอเจ็บ แต่ฉันไม่ยอมให้บารุดซ์อดอาหารหรอกนะ พระองค์ตรัสออกมา แต่ยังไม่ยอมมองหน้ากุลพัทธ์อยู่ดี

    หญิงสาวรู้ทันที ว่าแหวนวงนั้นได้ช่วยเธอไว้จากเงื้อมือองค์ชีคแห่งอัฟฟาฮาน แต่ไม่ได้หมายรวมไปถึงหัวใจที่ดูจะสั่นคลอนทุกครั้งที่ร่างสูงสง่าเข้าใกล้

    ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันคงต้องเอาบารุดซ์มาอยู่ในห้องด้วยกระมังเพคะ

    เป็นความคิดที่ดี พระองค์หันมาประจันหน้ากุลพัทธ์อย่างท้าทาย แต่ในใจกลับอยากดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่ความคิด การยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วก็หมายถึงทำผิดหลักศีลธรรม

    ถ้าพระองค์ไม่มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้ ก็ขออนุญาตเพคะ เธอเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ

    องค์ชีคฮัสมานได้แต่มอง ก่อนจะทำท่าฮึดฮัดกับตัวเอง ที่ไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้ ผู้หญิงโสดมีมากมายที่รอพระองค์อยู่ แต่ทำไมพระองค์ต้องมาหลงใหลได้ปลื้มเธอถึงขนาดนี้

    กุลพัทธ์เดินออกจากห้องขององค์ชีค แม้ขาจะเจ็บ แต่มือเธอก็ยังใช้งานได้ เธอตั้งใจจะไปช่วยในครัวเพื่อจัดเตรียมพระกระยาหารในมื้อกลางวัน

    นี่เธอ เฮน่าร้องทักขึ้นมาทันทีที่เห็นเธอเดินออกมาจากห้องขององค์ชีคฮัสมาน

    คะกุลพัทธ์กล่าวอย่างนอบน้อม โดยไม่รู้ว่าภายในวังเขามีตำแหน่งอะไรกันบ้าง พูดจาไพเราะอ่อนหวานคงจะเป็นสิ่งดีกับเธอ

    ช่วยไปเก็บกวาดห้องให้ฉันหน่อย เดี๋ยวนี้เลยนะ จากนั้นเธอสะบัดหน้าเข้าห้องไปอย่างไร้มารยาท

    ผู้หญิงสวยเขาเป็นกันอย่างนี้ทุกคนหรือไงวะ กุลพัทธ์คิดในใจ ก่อนจะเดินตามเฮน่าเข้าไป

    ภายในห้องถูกจัดไว้ให้ดูอึมครึม ทั้งที่เป็นกลางวัน แต่ก็เปรียบเสมือนกลางคืน อากาศเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศราคาแพง ช่วยบรรเทาอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเวลากลางวันเช่นนี้

    กุลพัทธ์มองเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้อย่างไม่แยแส ผ้าห่มที่ควรจะอยู่บนที่นอนแต่กลับไปกองอยู่ที่พื้น  เธอค่อยๆ เก็บทีละชิ้นใส่ลงในตะกร้า

    เธอมาที่นี่ทำไมเฮน่าถามขึ้นระหว่างที่มองดูคนทำงานอย่างสบายอารมณ์ และก็พอจะรู้มาว่าเมื่อคืนองค์ชีคฮัสมานอุ้มผู้หญิงคนนี้เข้าไปในห้องนอน ก่อนจะออกมาหาเธอด้วยอารมณ์หงุดหงิด

    มาทำงานค่ะ เธอตอบเพียงสั่นๆ เพราะรู้ว่าน้ำเสียงที่ผู้หญิงคนนี้เปล่งออกมาไม่ได้มีไมตรีจิตอย่างที่เธอคิดไว้ตั้งแต่แรก

    มาขายของเก่าว่างั้น ก็แบบนี้ทุกราย เห็นหงิมๆ แต่ที่ไหนได้

    ฉันคงไม่กล้าคิดเหมือนคุณหรอกค่ะ ปล่อยให้คุณคิดและทำไปคนเดียวดีกว่ากุลพัทธ์ทำเหมือนไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ก็ในเมื่อเธอไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาแล้วจะไปโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา คิดได้ดังนั้นเธอก็หันกลับไปทำงานต่อ

    นี่ กล้ามากนะ เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นคนโปรดขององค์ชีค ใครที่ไหนก็ไม่กล้าขัดคำสั่งฉัน จำใส่สมองของเธอไว้ด้วย

    ค่ะกุลพัทธ์ตอบกลับไปอย่างสุดเซ็ง

    เฮน่าช้อนตาขึ้นมองอย่างหมั่นไส้ก่อนจะตะโกนบอกเธอ เมื่อคืนที่องค์ชีคออกมาจากห้องบรรทม พระองค์ก็ตรงมาที่ห้องฉัน พอมาถึงก็โถมเข้ากอดฉันไม่ยอมปล่อย จนฉันแทบจะหายใจไม่ออก พูดแล้วจะหาว่าฉันโม้ เธอก็ดูซิร่องรอยของความรักที่พระองค์มอบให้ฉัน

    เฮน่าพูดพลางชี้มือให้กุลพัทธ์ดูรอยเปื้อนบนที่นอนด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง หลงตัวเองว่าองค์ชีคทรงห่วงใยรักใคร่เพียงเธอคนเดียว

    กุลพัทธ์รู้สึกเหมือนมีท่อนซุงหล่นมากระแทกที่หน้าอกจนรู้สึกเจ็บและหายใจไม่ออก ซึ่งเธอก็พยายามฝืนใจตัวเองมาตลอด ตั้งแต่ได้ใกล้ชิดองค์ชีคฮัสมาน และครั้งนี้ก็เหมือนเช่นทุกครั้งทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่หญิงสาวพล่ามออกมาให้ฟัง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บของจนเรียบร้อย และขณะที่กำลังจะเดินออกไป

    อ้าวเธอ ยังไม่ได้เก็บรอยรักขององค์ชีคไปซักให้เลย

    มันไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องทำ กุลพัทธ์ไม่สนใจที่จะมองในสิ่งที่เฮน่ากำลังนำเสนอ เธอเลี่ยงที่จะเดินออกมาจนเกือบจะถึงหน้าประตูและเป็นจังหวะที่ประตูเปิดเข้ามาพอดีเป็นเหตุให้ประตูที่เปิดเข้ามากระแทกศีรษะเธออย่างจัง

    โอ๊ย!”

    เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง องค์ชีคฮัสมานตรัสถามอย่างสงสัย

    ก็... กุลพัทธ์กำลังจะพูดต่อ

    เข้ามาคุยเล่นเพคะ แต่ เอ...พระองค์มาหาเฮน่าแบบนี้ทั้งวัน เฮน่าก็แย่สิเพคะ

    น้ำเสียงกระเซ้าของเฮน่าทำให้กุลพัทธ์เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง รู้ว่าองค์ชีคฮัสมานเข้ามาในนี้เพื่ออะไร คงไม่ต้องอธิบายให้ฟังยืดยาว หญิงสาวกำลังจะตัดสินใจเดินออกไปให้ไกลจากนรกในใจขุมนี้ให้เร็วที่สุด

    จริงเหรอ องค์ชีคตรัสถามในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตู

    กุลพัทธ์จับลูกบิดประตูค้างไว้ พลางคิดขึ้นได้ว่าเธอไม่ใช่นางเอกละครที่ต้องทำตัวเรียบร้อยยอมให้นางร้าย ใส่ร้ายต่างๆ นานา เธอไม่จำเป็นต้องปกป้องผู้หญิงปากร้ายใจสกปรกคนนี้จึงตอบองค์ชีคฮัสมานไปตามความเป็นจริงว่า

    ก็ไม่มีอะไรมากเพคะ เธอเห็นรอยยิ้มหวานหยดของเฮน่า หญิงสาวส่งยิ้มตอบกลับแล้วพูดต่อไปว่า คุณผู้หญิงให้เก็บห้อง เก็บผ้าปูที่นอน ที่เธอตั้งใจเล่าให้หม่อมฉันฟังว่า เมื่อคืนพระองค์มาฝากรอยรักไว้ให้เธอทั้งคืน

    องค์ชีคหันมองเฮน่า ก่อนจะตรัสกับเธอด้วยพระพักตร์ขึงขัง เธอไม่มีสิทธ์ใช้กุลพัทธ์ เพราะเธอมีหน้าที่รับใช้ฉันคนเดียวจำไว้ ตรัสจบองค์ชีคฮัสมานก็แกะมือของเฮน่าออก ก่อนตรงไปจับมือกุลพัทธ์พาเดินออกไป

    ปล่อยหม่อมฉันก่อนได้ไหมเพคะ หม่อมฉันเจ็บกุลพัทธ์ร้องโวยวาย

    องค์ชีคฮัสมานหยุดมอง ก่อนจะตัดสินใจอุ้มเธอขึ้น โดยไม่พูดอะไรต่อจากนั้น แต่กลับเป็นฝ่ายหญิงที่ยังดิ้นขลุกขลักอยู่ตลอดเวลา

    หยุดดิ้นได้ไหม องค์ชีคบอกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผิดกับทุกครั้งที่ผ่านมา

    พระองค์จะพาหม่อมฉันไปไหนแม้กุลพัทธ์จะหยุดดิ้น แต่เธอก็ยังเอามือ ทาบหน้าอกไว้ทั้งสองข้าง

    ไม่ต้องโชว์แหวนราคาถูกของเธอให้ฉันเห็นบ่อยๆ นักหรอก เพราะที่ฉันอุ้มเธอ ก็เพราะกลัวเสียเวลางาน พระองค์ตรัส โดยไม่ได้ก้มมองเธอ

    งานอะไรอีกเพคะ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว พระองค์ไม่หิวเหรอ

    ไม่ ร่างสูงสง่าไม่ตรัสอะไรต่อจากนั้น ทำเพียงอุ้มกุลพัทธ์เดินดุ่มๆ ไปยังลานกว้างที่มีโกดังขนาดใหญ่ปลูกไว้ตรงกลางลาน ก่อนจะมีทหารอีกสองคนเดินเข้าไปในห้องนั้น

    ทุกอย่างพร้อมออกเดินทางพระเจ้าค่ะนายทหารรายงานองค์ชีคฮัสมาน ก่อนจะตรงไปยังห้องแล้วกดสวิทซ์ จากนั้นประตูอัตโนมัติก็เปิดออกมาเผยโฉมให้เห็น เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จอดเรียงกันจำนวน 5 ลำ

    องค์ชีคเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะกุลพัทธ์ขืนตัว เพื่อให้พ้นจากอ้อมอกอันอบอุ่น เพราะตอนนี้เหล่าทหารอีกหลายนายที่กำลังเดินเข้ามาสมทบ จดจ้องเธออย่างไม่วางตา

    เงียบเถอะน่าพระองค์เปล่งพระสุรเสียงอย่างรำคาญ ก่อนจะหันไปตรัสกับเหล่าทหารว่า เตรียมความพร้อมได้เลย

    โกดังที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ผนังห้องถูกจัดแต่งด้วยสีน้ำตาลเข้ม มีอะไหล่และอุปกรณ์เฮลิคอปเตอร์วางบนชั้นที่ตั้งเรียงรายติดผนัง เฮลิคอปเตอร์ลำมหึมาติดเครื่องรอพระองค์อย่างรู้งาน ด้วยฝีมือขององครักษ์คู่พระทัย ที่ยืนรอพระองค์อยู่ก่อนแล้ว

    พร้อมแล้วพระเจ้าค่ะอาบียะบอกอย่างอารมณ์ดี

    องค์ชีคฮัสมานพยักพระพักตร์ ก่อนจะวางเธอลงบนเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังส่งเสียงดังกระหึ่ม

    เอ่อ... กุลพัทธ์ไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามว่ายังไงดี ได้แต่ทำหน้าเหลอหลา เวลาที่องค์ชีคฮัสมานขึ้นประจำที่สำหรับผู้บังคับเครื่อง

    ไปคราวนี้พระองค์คงไม่ลืมว่ามีพระมารดารออยู่นะพระเจ้าค่ะ

                องค์ชีคฮัสมานหันไปมองคนที่นั่งด้านหลัง นายมีหน้าที่สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

    นี่เป็นประโยคที่พระมารดาตรัส ก่อนที่กระหม่อมจะออกมาอาบียะหาทางหนีทีไล่ได้ดีเสมอ

    คุณนาเซียร์ไม่ไปด้วยเหรอค่ะหญิงสาวหันไปหาอาบียะเพื่อรอคำตอบ

    แล้วมันใช่เรื่องของเธอเหรอถึงได้อยากรู้องค์ชีคตอบให้เสร็จสรรพก่อนจะทำให้คนตัวเล็กหันหน้าออกไปมองด้านนอก

    ถามนิดถามหน่อยทำเป็นเรื่องเยอะเธอบ่นอุบ

    ชีคหนุ่มมองหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็นำเครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสง่างาม ราวกับว่ากำลังติดปีกบินอยู่กลางอากาศ เฮลิคอปเตอร์มุ่งหน้าไปยังตอนใต้ของประเทศ ที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย

    กุลพัทธ์ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะในตอนนี้อาการคลื่นเหียนได้เข้ามายึดครองร่างกายเธอไว้ในทันที หลังจากเฮลิคอปเตอร์กำลังทำหน้าที่ของมัน

    อุ๊...เธอยกมือสองข้างขึ้นปิดปาก

    เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับอาบียะรีบเข้ามาดูอาการเธอ

    กุลพัทธ์ใช้มืออีกข้างโบกไปมาบอกให้องครักษ์ขององค์ชีคฮัสมานรู้ว่าเธอไม่เป็นไร

    สำออย พระสุรเสียงฟังดูคล้ายเยาะหยัน

    แหวะ…” อาหารที่เธอกินเข้าไปเมื่อตอนเช้าควรจะถูกย่อยอยู่ภายในกระเพาะ แต่ตอนนี้ได้กระจายอยู่เต็มเสื้อขององค์ชีค

    นี่เธอ... อาบียะพูดออกมาอย่างตกใจ แต่คนที่ตกใจไม่แพ้กันก็คงจะเป็นเจ้าของเศษอาหาร

    ขอประทานอภัยเพคะ หญิงสาวยกมือไหว้ปรกๆ

    ตกลงเธอจะปล่อยให้ฉันเลอะเทอะอยู่แบบนี้ใช่ไหม

    ขอประทานอภัยอีกครั้งเพคะหญิงสาวกล่าวอย่างสำนึกผิดแล้วรีบถอดฮิญาบ ที่อยู่บนหัวออกไปเช็ดให้พระองค์

    ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทกับเธออีกครั้งมือเริ่มสั่น ในขณะที่กำลังทำความสะอาดเสื้อให้องค์ชีค และตอนนี้ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองพระพักตร์ที่รกครึ้มด้วยหนวดเครา แต่สายพระเนตรก็ยังพอจะมีความเมตตาหลงเหลืออยู่

    องค์ชีคฮัสมานจับข้อมือเล็กๆ ของเธอ พร้อมกับสบตาหญิงสาว ด้วยความรู้สึกหลากหลายเช่นเดียวกัน ชนชั้นสูงศักดิ์และบทบรรญัติของประเทศอัฟฟาฮาน ทำให้พระองค์ต้องข่มกลั้นความรู้สึกของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในดินแดนแห่งใด ก็คงหนีไม่พ้น ถ้าเพียงพระองค์ต้องการ แต่ ณ ตอนนี้ไม่ใช่อย่างที่คิดเสียแล้ว เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พระองค์นี้เป็นบุคคลต้องห้าม

    บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไป ต้นไม้ที่เคยเขียวขจีเริ่มหดหายไปกลายมาเป็นพื้นดินที่แห้งแล้ง ต้นไม้บางต้นเป็นสีน้ำตาลมากกว่าสีเขียว บ้านเรือนต่างปลูกสร้างด้วยอิฐแดงเรียงต่อกันฉาบด้วยปูนแบบหยาบๆ ปิดจนมิดชิดไม่มีหน้าต่างบานใหญ่เหมือนเมืองไทย มีเพียงช่องเล็กพอให้อากาศเข้าไปได้ ตึกสูงสามชั้นบางตึกที่มองเห็นจากด้านบนก็มีเพียงไม่กี่คูหา

    เตรียมเครื่องลงจอด องค์ชีคกล่าวผ่านหูฟัง ฉันว่าเธอคงไม่อ้วกใส่ฉันอีกนะ พระองค์ตรัสทีเล่นทีจริง

    เพคะ กุลพัทธ์ยิ้มเขินๆ ก่อนจะหลับตาปี๋ลงทันที

    อาบียะไม่รู้ว่าการที่พระองค์ทำแบบนี้หมายถึงอะไร ก็ในเมื่อเธอก็บอกว่าเธอมีสามีแล้ว การทำเช่นนี้แม้จะไม่ผิด แต่ถ้าปล่อยให้กายและใจใกล้ชิดกันเรื่อยๆ คงไม่ดีต่อฐานบัลลังก์ที่มั่นคงของพระองค์เป็นแน่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×