คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ของแทนคำขอโทษ [Rewrite]
"มึงใส่แว่นอะไรของมึงวะไอ้หมี"
"เออนั่นดิ มีเชือกแดงๆ ผูกขาแว่นด้วยนะ"
"มึงไปขโมยแว่นใครมาใส่วะ"
แว่นกูนี่แหละ....ทำไมพวกมึงสงสัยมากจังวะ
"ถามอะไรก็ไม่ตอบว่ะ มึงเป็นอะไรเนี่ยะ ผีสิงเหรอ"
ผีหน้ามึงอะเป้
"เนื่องของกูหน่า" ผมบอกปัดไปไวไว อย่าให้กูพูดมากได้ไหมเนี่ย รีเทนเนอร์มันคาปากอยู่มันพูดลำบาก
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ พูดไม่ชัดดดด"
แหม่....มันน่าถีบนัก
ผมส่งสายตาเหี้ยมๆ ไปให้เหล่าสหายที่นั่งขำกันคิกคักๆ น่าหมั่นไส้จริงๆ ทำไมวะ แค่กูใส่แว่นมามันแปลกยังไง แค่กูพูดไม่ชัดมันผิดตรงไหน ทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่ไม่สมบูรณ์แบบไหมล่ะ
หึ้ยยย...ย...หงุดหงิด
วันนี้ผมจะต้องทำตัวเป็นคุณหมีที่สงบปากสงบคำสักหน่อย คือจะอ้าปากพูดก็ลำบากไงเพราะว่าใส่รีเทนเนอร์ ผมไม่ได้ใส่มาหลายคืนแล้วก็เลยต้องชดเชยให้กับฟันตัวเองซะหน่อย เอาจริงๆ ถ้าไม่โดนพี่เสือดุมาก็น่าจะยังดื้อไม่ยอมใส่เหมือนเดิม ส่วนแว่นสายตาที่ใส่มาวันนี้นั้นมันเป็นเพราะว่าตื่นมาแล้วเห็นโลกมันเบลอๆ น่ะครับ
ถึงจะเห็นโลกเบลอๆ แต่ถ้าเราเห็นเธอ....อันนี้ต้องวิ่งไปซ่อน
ผ่ามผ้ามมมม
เป็นมุขที่เล่นเองแล้วเศร้าเอง ฮุกก.ก.ก...
หลังจากที่ปาดน้ำตาตัวเองเสร็จผมก็ยื่นมือไปหยิบกระดาษมาตัดต่อ ตอนนี้คุณหมีกำลังนั่งช่วยเพื่อนๆ ทำพร็อพของสแตนด์อยู่ เดี๋ยวถ้าพวกไอ้ยะเลิกเรียนก็จะไปซ้อมหลีดฯ ต่อ ผมคุยกับไอ้เผือกเรียบร้อยแล้วเรื่องซ้อมหลีดฯ กับสแตนด์พร้อมกัน รับรองเลยว่าวันกีฬาสีมันจะต้องออกมาปังมากแน่ๆ
ถ้าไม่ปังก็พังอะ
"หมี"
"หืม...." ผมหันมองตามเสียงก็พบกับเพื่อนหนมที่เดินมานั่งลงข้างๆ
"ทำไมถึงใส่แว่นวะ"
คำถามนี้อีกละ
"คือ....ตามันเบลอๆ " เนี่ยะ เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างแวะไปถามหมอสักหน่อยว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ผมรู้อยู่ว่าถึงทำเลสิกก็มีโอกาสกลับไปสายตาสั้นได้ แต่ผมเพิ่งทำมาได้ปีกว่าเองนะ
มันจะสั้นไวขนาดนั้นเลยเหรอวะ
"แล้วรีเทนเนอร์มึงอะ"
"พี่เฉือให้ใส่"
ไอ้หนมเลิกคิ้วมอง "พี่เฉือไหนวะ"
"พี่เฉืออะ มึงไม่รู้จักหรอก" ผมบอกปัดมันไป รู้สึกลำบากเวลาพูดมากเลยอะ ผมถอดออกดีไหมวะแล้วค่อยไปใส่ชดเชยคืนนี้แทน
"ตลกดีนะที่เห็นมึงพูดไม่ชัดแบบนี้น่ะ" มันบอกก่อนจะหัวเราะออกมา
เอ้อ....หัวเราะเข้าไป
ผมทำหน้ามุ่ยใส่มัน มือก็ตัดกระดาษต่อไปเรื่อยๆ เอาจริงๆ วันนี้เด็กวารสารฯ ไม่มีเรียนนะครับแต่ว่าต้องมาช่วยกันเร่งทำพร็อพนี่แหละ เมื่อเช้าก่อนจะมามหา'ลัยผมก็ไปซื้อชุดที่จะใส่เต้นหลีดฯ มาละ เป็นชุดยูนิฟอร์มสัตว์ที่โซคิ้วท์มาก ผมตัดสินใจแล้วว่าตอนที่เต้นเพลงมะหมี่กับเพลงส้มตำจะสั่งให้ปลดแผงกระดุมด้านหน้าของชุดออก
โชว์พุงครับโชว์พุง
คืออยากได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่นไงไม่ใช่อะไร แถมคณะหลีดฯ ของผมก็ไม่ใช่พวกไก่กาซะด้วย ให้มันโชว์เนื้อหนังมังสากันบ้าง ผมเองก็ต้องฟิตหน่อย กล้ามมันจะได้เห็นชัดๆ รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้ผอมไป เดี๋ยวต้องบำรุงละ ผมชอบเวลาตัวเองตัวแน่นๆ มีเนื้อมีหนังมากกว่าตอนที่ผอมเป็นขี้ก้างอะ
เดี๋ยวเย็นนี้เลย....ไปกินหมูกระทะ
จะไปคนเดียวแบบเงียบๆ
เมื่อวานที่ผมไปร้านก๋วยเตี๋ยวมานั้นก็เจอพี่เมธด้วย เขาเป็นรุ่นพี่ผมสมัยมัธยมฯ แต่ว่าได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่คิดว่าเขาจะจำผมได้เพราะว่าเราไม่เจอกันตั้งหลายปี พอคิดว่าขนาดพี่เมธยังจำผมได้ก็นึกหน่วงใจเรื่องพี่ขันขึ้นมานะ เขาน่าจะจำผมได้แบบพี่เมธบ้าง
ฮุกก.ก.ก...จะร้องไห้
ผมคิดตลอดเลยนะว่าถ้าพี่ขันจำได้ว่าผมคือคนที่เขาเคยบอกรักเมื่อ 4 ปีก่อนแล้วจะยังไงต่อ ความรู้สึกของเขาจะยังคงเหมือนเดิมรึเปล่า วันเวลายังเดินไปทุกวันเพราะงั้นใจคนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตอนนี้ผมไม่ใช่น้องแว่นคนที่เขารักอีกแล้ว ผมคือหมี หมีที่ไม่เหลือคราบของน้องแว่นเลย ถ้าสมมุติว่าใจของพี่ขันไม่เปลี่ยน เขายังรักผมอยู่แต่ถ้าเป็นผมในสภาพนี้ล่ะ....เขาจะยังรักอยู่เหรอ
คิดแล้วสับสนจัง
ปวดใจมากด้วย
"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว" มือเรียวบีบแก้มผมจนปากจู๋ "มันน่าทุบนัก"
"อื้อ.อ.อ....เอ็บบบบ" ผมจับมือไอ้เผือกออก แม่งกดรีเทนเนอร์กูเนี่ยะไอ้บ้า
"หืม....ใส่รีหนิ งั้นขอโทษทีนะ" ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือมาขยี้หัวผม
"ไอ่ต้องมาขยี้เลย"
"หึ คิดว่าห้ามกูได้เหรอวะ" ไอ้เผือกมันล็อกคอผมก่อนจะกดกับตักตัวเองแล้วใช้มือขยี้ๆ หัวผมไม่หยุด
โว้ยยยยยยยยยยย
ไอ้เพื่อนเชี่ยยยย
"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ มึงอย่าไปแกล้งมันสิเผือก" แหม่ ไอ้สัสหนม ปากห้ามแต่ก็หัวเราะลั่นเชียวนะมึง
"โอ๊ยยยย แง่นกูวววว ไอ้สัสสสส"
"งอแงว่ะหมี" ไอ้เผือกยกยิ้มก่อนจะยอมปล่อยผมแต่โดยดี แม่งกระเซอะกระเซิงหมดหัวเนี่ยะ เดี๋ยวกูจะฟ้องพี่หมอเบลล์ว่ามึงแกล้งกู
มึงไม่รอดแน่
"เออเผือก มึงซ้อมสแตนด์เสร็จแล้วเหรอ"
"ยังอะ กูแวะมาแกล้งไอ้หมี"
ผมหันขวับมองมันทันทีก่อนจะเบ้ปากใส่ "ไอ้เลว"
"เดี๋ยวจะโดนนะมึงน่ะ....กูไปซ้อมแล้วนะหนม" มันบอกก่อนจะเดินไป คนบ้าอะไรวะ หยุดซ้อมเพื่อมาแกล้งผมเนี่ยะ
มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนมากเลยนะมึง
ช่วงนี้มันแกล้งผมบ่อยมากเลยอะ ไม่รู้ว่าสนุกอะไรของมัน กับคนอื่นในกลุ่มก็ไม่แกล้งนะ ใช่ซี้ เก่งจังกับคุณหมีคนดีเนี่ยเก่งจัง ไว้เดี๋ยวผมจะหาทางแก้แค้นมัน ตอนนี้สะสมความแค้นไว้ในใจเกือบเต็มละ รอวันระเบิดอย่างเดียว บอกได้เลยว่าวันนั้นไอ้เพื่อนตัวดีต้องเละกว่าโกโก้ครั้นจ์แน่นอน
หึ....เสร็จผมแน่คุณเผือก
ผมนั่งตัดกระดาษต่อ ตอนนี้เกือบบ่าย 2 ละ อีกชั่วโมงกว่าๆ พวกไอ้ยะก็จะเลิกเรียน พอซ้อมเสร็จก็จะไปหาหมูกระทะกินคนเดียว หวังว่าจะไม่เจอพี่ขันอีกนะ ใจนึงผมอยากเจอเขาแหละแต่อีกใจก็ไม่ เมื่อวานเพิ่งโดนคำพูดร้ายๆ สาดใส่มาหนิ อย่างน้อยขอเวลาให้ผมฮีลตัวเองก่อนสักแป๊บ เดี๋ยวจะกลับไปตามส่องเหมือนเดิมเลย
"ไอ้หนมมมม"
เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมว่ะ
"อ่าว....มึงมาทำไรที่ตึกกูวะ" เสียงเพื่อนรักเอ่ยถาม ผมหันไปมองตามก็พบว่าพี่ขันกำลังเดินเข้ามาใกล้ ในมือถือถุงอะไรสักอย่างไว้ด้วย
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าพวกผม ดวงตาคมจ้องแว่นตาที่ผมใส่อยู่อย่างนั้น เอาดิ ถ้าเราห่างกันไป 4 ปีแล้วพี่จะจำหมีได้เพราะแว่นอันนี้ก็มองไปเลย เฮ้อ....ก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละว่ะ อย่างพี่ขันจะจำอะไรได้ ที่มองนี่อาจจะคิดว่าแว่นที่ผมใส่มันแปลกก็ได้นะ ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่เอาแว่นมาใส่ แต่ถ้าไม่ใส่มันก็มองไม่ค่อยเห็นนี่หว่า
แล้วเป็นบ้าอะไรต้องมานั่งคุยกับตัวเองเนี่ยะหมี!!!
"มองขนาดนี้....คืออะไร" ไอ้หนมหรี่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างจับผิด อย่าไปถามแบบบนั้นสิหนม ถ้าคำตอบที่สวนออกมามันแทงใจกู กูจะไปโดดตึกจริงๆ ด้วย
โดดจากดาดฟ้าด้วยเอาดิ
"ก็มอง....เฉยๆ " พี่ขันเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะวางถุงลงกับพื้น "นี่เป็นพร็อพที่มึงฝากกูขนมา กูเอามาให้"
"ขอบใจ"
"เออ แล้วนี่มึงทำอะไรอีกเยอะไหม ตอนนี้กูยังว่างอยู่ อยากให้ช่วยอะไรรึเปล่า" พอพี่ขันพูดออกมาแบบนั้นผมก็อดไม่ได้ที่มองหน้าเขา
คนอย่างพี่เนี่ยนะว่าง
บอกว่าไอ้เข้ใช้หางเดินยังน่าเชื่อมากกว่าอีก
"แปลกๆ นะเนี่ย"
"แปลกอะไรของมึง ว่าไง มีอะไรอยากให้กูช่วยรึเปล่า"
"งั้นทาสีไม้ให้หน่อยละกัน" ไอ้หนมหันมาหาผม "มึงไปยกสีมาซิหมี"
ใช้กูยกของอีกแล้ว เห็นกูเป็นแรงงานทาสเหรอวะ
"ครับ" ผมรับคำอย่างเจียมตัวก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องเก็บของ เอาจริงๆ ไอ้ที่เถียงอยู่ในใจก็ทำได้แค่เถียงอยู่ในใจนั่นแหละ
ใครจะไปสู้ท่านขนมผู้ยิ่งใหญ่ได้กัน
ผมเดินมาที่ห้องเก็บของก่อนจะดิ่งเข้ามาหยิบถังสี มีอยู่ 4 ถังแน่ะ ขนไปรอบเดียวคงไม่ไหวแต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยมาหยิบอีกรอบก็ได้ คุณหมีเป็นคนขยันเดินอยู่ละ ในจังหวะที่ผมหันหลังกลับไปนั้นก็พบร่างสูงของพี่ขันยืนซ้อนอยู่
เชี่ยยยย
ใบหน้าคมอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รดหน้าอยู่เบาๆ เมื่อก่อนผมเคยทำได้แต่เงยหน้ามองเขาแต่ตอนนี้เราสูงพอๆ กัน การได้มองคนตรงหน้าในระยะสายตาเดียวกันนี่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากจริงๆ หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเลยที่ได้เห็นหน้าพี่ขันใกล้ขนาดนี้
โชคดีจริงๆ เลยหมีเอ๊ยยยย
"พะ...พี่ขัน"
เจ้าตัวเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ "ไอ้หนมบอกว่าสีมีหลายถัง กูเลยมาช่วยถือ" ว่าแล้วมือเรียวก็ดึงถังสีไปจากมือผมก่อนจะผละออกไป
ใจสั่นพั่บๆ ๆ ๆ เลย
"เอ่อ....ขอบคุณนะครับที่มาช่วย"
"อืม" เขาขานรับเบาๆ ก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ "สายตาสั้นเหรอ"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ "ครับ"
"สั้นมานานแค่ไหน ปกติกูไม่เห็นมึงใส่"
"ตั้งแต่มัธยมฯ ละพี่แต่หมีไปทำเลสิกมา ได้ปีก่าละ" ผมเอ่ยบอกอย่างลำบาก พี่ขันแม่ง ทำไมไม่ถามโน่นถามนี่ตอนไม่ใส่รีครับ เห็นไหมว่าคนมันพูดไม่ชัดเนี่ยะ
"อ๋อ ทำเลสิกก็น่าจะหายแล้วป้ะ ทำไมใส่แว่นอะ" เจ้าตัวถามก่อนจะเดินนำผมออกไปจากห้อง นี่ยืนจ้องหน้ากันอยู่ในห้องหลายนาทีเหมือนกันนะ
ทำไมมันเขินจังวะ
"วันนี้มันเบลอๆ น่ะพี่"
เขาพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบมองผม "เคยดัดฟันด้วยสินะมึงน่ะ"
"ครับ....เคย"
"งั้นกูไม่ถามมากละ เห็นมึงพูดลำบากละสงสาร" พี่ขันบอกก่อนจะยกยิ้มออกมาให้ผมเห็นแวบนึงแล้วกลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
แหม่ ยิ้มให้เห็นนานกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
ผมเดินอยู่ข้างๆ พี่ขัน รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้อะ เมื่อวานเขาเพิ่งเอาน้ำที่ผมซื้อให้มาคืนทั้งหมด แถมยังทิ้งประโยคเด็ดไว้ด้วยว่าไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น แต่พอมาวันนี้มันเปลี่ยนไปเลย ปกติคนอย่างเขาไม่มีทางจะมาชวนผมคุย ไม่มีทางมาถามโน่นถามนี่หรอก มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย
คุณหมีงงไปหมดแล้ว
"อะนี่ไอ้หนม" พี่ขันบอกก่อนจะวางถังสี ผมเองก็วางไว้ข้างๆ
"เออ เอ้านั่นพี่แช่มหนิ" ไอ้หนมมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงมาก พี่แช่มเขาไปทะเลาะกับใครมาวะ
"ไอ้เชี่ยขันนนน!!!!" มือเรียวคว้าคอพี่ขันไปล็อกไว้ "ไหนมึงบอกจะมาแป๊บเดียวไงห้ะ"
"อะไรของมึงวะแช่ม ปล่อยกู"
"ใจเย็นนะพี่ อย่าตีกัน" ผมเอ่ยปรามพี่แช่ม โถ่พี่ขันของหมี คอจะหักแล้วไหมน่ะ
"เดี๋ยวกูจะตีมันให้ตายเลยไอ้ขันน่ะ บอกแล้วว่าให้รีบมาแล้วรีบกลับ เพื่อนๆ รอซ้อมบาสฯ อยู่ แม่งมัวแต่ลีลาจนต้องมาตามเนี่ยะ หึ้ยยย.ย....มันน่าทุบนัก"
ห้ะ....มีซ้อมบาสฯ งั้นเหรอวะ
ตอนนี้กูยังว่างอยู่....
"ไอ้เชี่ยแช่มมมม!!!" พี่ขันดิ้นจนหลุดก่อนจะเป็นฝ่ายล็อกคอแล้วเอามือปิดปากพี่แช่มไว้ "พูดมากจริงๆ มึง"
"อ้าวไอ้ขัน ตกลงมึงว่างหรือไม่ว่าง" ไอ้หนมหรี่ตามองอย่างสงสัย ฟังจากที่พี่แช่มพูดเมื่อกี๊ก็ชัดมากแล้วนะหนมว่าพี่ขันต้องไปซ้อมบาสฯ แต่มาทำเนียนว่าตัวเองว่างอยู่
ทำแบบนั้นทำไมวะ
"กู....กูไปซ้อมบาสฯ ละ" เจ้าตัวบอกปัดก่อนจะลากพี่แช่มแล้วเดินไปทันที ทิ้งความสงสัยให้พวกเราเป็นอย่างมาก ไอ้หนมคงสงสัยว่าตกลงพี่ขันเขาว่างหรือไม่ว่าง ส่วนผม....
สงสัยว่าเขาจะโกหกว่าตัวเองว่างทำไม
มันนับว่าเป็นเรื่องแปลกที่คนอย่างผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ เรื่องนี้คงมีแค่พี่ขันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวอยู่ว่าเขาทำอะไร ถึงผมจะให้พี่แช่มลองเค้นก็ไม่น่าจะงัดอะไรออกมาจากเขาได้หรอก งั้นเอาเป็นว่าช่างมัน ถึงจะเป็นเรื่องแปลกๆ แต่มันก็นับว่าเป็นเรื่องดีอยู่ล่ะนะ อย่างน้อยไอ้เรื่องแปลกๆ นี่ก็ทำให้พี่ขันคุยกับผม ทำให้เราได้อยู่ใกล้กันแม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม
แค่นี้มันก็มากเกินพอ
"ทำหน้าปริ่มเชียวนะมึง ไปเอาไม้มาทาสีไป๊!!!!"
คณาณัฐนี่มันน่าทุบซะจริงๆ
***
การซ้อมหลีดฯ วันนี้วันนี้ช่างสาหัสนัก
แต่หมูกระทะที่รักจะเยียวยาทุกสิ่งครับ
ผมจอดรถที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ห่างจากมหา'ลัยมาในระดับนึง คือไม่อยากเจอคนที่รู้จักไงครับก็เลยต้องมาไกลหน่อย ตอนนี้เกือบ 2 ทุ่มแล้วด้วย ในร้านนี่กำลังคึกคักพอตัว ไม่รู้ว่าจะมีที่นั่งรึเปล่าแต่ขอให้มีเถอะ ร่างกายผมต้องการหมูกระทะมาเยียวยาความอ่อนล้าของร่างกายและจิตใจมากจริงๆ
"มึง"
หืม....เสียงนี้มัน
"พี่ขัน" ผมมองเจ้าของเสียงที่สวมเสื้อยืดสีขาวชื้นเหงื่อหน่อยๆ จากสภาพนี่น่าจะเพิ่งเลิกซ้อมบาสฯ มาแน่ๆ อย่าบอกนะว่าเขาก็มากินหมูกระทะเหมือนกันน่ะ
โหยยยย พรหมลิขิตบันดาลมากเว่อร์
"ไม่นึกว่าจะเจอมึงที่นี่เลยนะ" พี่ขันเอ่ยออกมาก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น "มาคนเดียวเหรอ"
พี่เห็นคนอื่นป้ะล่ะ ถามอะไรแปลกซะจริง
"ครับ มาคนเดียว"
พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผมกับพี่ขัน "คุณลูกค้ามาด้วยกันรึเปล่าคะ พอดีว่าตอนนี้โต๊ะเหลือแค่ที่เดียว"
"เอ่อ...." เอาไงดีวะ หมูกระทะก็อยากกิน จะไปหาร้านอื่นก็เสียเวลาอีก แต่พี่ขันเองก็คงไม่ยอมยกโต๊ะให้ผมแน่ ส่วนเรื่องที่เขาจะนั่งโต๊ะเดียวกับผมนั่นก็เลิกคิดไปได้เลย
มันไม่มีทางเป็นไปได้
"ครับ มาด้วยกัน"
วัททททททททททท
วัทแฮปปปปเพ่นนนน
"งั้นเชิญด้านนี้เลยค่ะ" พนักงานเดินนำเข้าไปในร้านแล้ว ส่วนผมก็ยังยืนงงอยู่ตรงนี้ ทำไมพี่ขันถึงได้บอกว่าเรามาด้วยกันล่ะ
นี่คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมเนี่ย
"จะยืนเอ๋ออีกนานไหน หรือรอให้กูจูงมือมึงเข้าไป"
"พี่ไม่กล้าหรอก" ผมบ่นอุบอิบ เห้อะ คนอย่างพี่เนี่ยนะจะกล้าจูงมือหมี แค่พี่มองหน้าหมีได้มากกว่า 5 นาทีนี่ก็น่าซูฮกแล้ว
"หึ...." มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมก่อนจะลากให้ตามเข้าไปในร้าน
เชี่ยยยย
พี่ขันจับมือผมๆ ๆ ๆ ๆ
พี่ขันจับมือโผ้มมมมมมมมมมม
ผมมองคนที่เดินอยู่ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ นี่อย่าบอกนะว่าได้ยินไอ้ที่ผมพึมพำเมื่อกี๊อะ ถ้าได้ยินนี่คือหูดีมากเลยนะเพราะผมพูดเบามากแถมยังพูดไม่ชัดอีกต่างหาก พี่ขันนี่โคตรเกินคน การที่จับมือผมแบบนี้เขาคิดอะไรอยู่วะ เป็นเพราะผมไปปากกล้าพูดท้าเขางั้นเหรอ ก็อาจจะใช่ แต่ช่างแม่งเถอะ เขาจับมือผมก็ถือว่าดีแล้ว
ลัคกี้สุดๆ เลยวันนี้
พี่ขันลากผมมาจนถึงโต๊ะก่อนจะหันมามอง "รู้แล้วนะว่ากล้ารึเปล่า"
"หมีแค่พึมพำเอง ไม่คิดว่าพี่จาจูงมือมาจริงๆ " ผมบอกเสียงอ่อนพลางหลบสายตาคนตรงหน้า แม่ง สายตาพี่ขันนี่ทำลายโลกจริงชะมัด ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะตั้งแต่สมัยก่อน
"ถอดรีออกสักที แล้วก็นั่งลงซะ"
ผมพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ มือก็ถอดรีเทนเนอร์ออกมาจากปาก "อ้าาาา ค่อยโล่งหน่อย"
"โล่งปากแล้วก็ไม่ใช่พูดมาก"
"พี่เห็นหมีเป็นคนพูดมากขนาดนั้นเลยเหรอ"
พี่ขันนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะเท้าคางมองผม "ใช่"
"...." พูดไม่ออกเลยนาทีนี้ ใจนี่อยากจะยกมือขึ้นปาดน้ำตามากแต่กลัวเขามองว่าผมเป็นบ้า เฮ้อ ทำไมคุณคณกฤษถึงได้พูดจาตรงแบบนี้ล่ะครับ
คุณหมีปวดใจนะ
"ทำหน้าแบบนั้นมันไม่ได้น่ารักเลยสักนิด ทำไม อยู่กับกูแล้วมันเป็นทุกข์มากจนต้องทำหน้าแบบนั้นออกมาเลยเหรอ"
ผมส่ายหน้าพัลวัน "เปล่านะพี่ หมีไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ"
"งั้นก็ยิ้มสิ" เจ้าตัวขยับหน้าเข้ามาใกล้ "แบบเนี้ยะ" ว่าแล้วเขาก็ยิ้มหวานจนแก้มขึ้นลักยิ้ม
แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยย
ใจบางไปหมดแล้ว
"อื้มม.ม....พี่ขัน" ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ โอ่ย แก้มร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
"แก้มแดงอะไรของมึงวะไอ้เด็กบ้า" คนถามยกยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังสนุกที่ได้ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้
ร้ายกาจจริงๆ
"หมี....หิวน่ะพี่ ไปตักของก่อนนะ" ผมบอกเขาก่อนจะลุกเดินออกมาทันที พอพี่ขันเห็นแบบนั้นเขาก็ตามมาอยู่ห่างๆ
ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ แบบนี้วะ รู้สึกแปลกตั้งแต่ตื่นมาแล้วมองไม่ชัดจนต้องใส่แว่นละ ไหนจะเรื่องพี่ขันอีก เรื่องนี้ทำผมงงมากจริงๆ นะ ไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เขารู้อะไรมาหรือว่าโดนใครสั่งให้ทำมารึเปล่า แก๊งค์ปลาทองชอบเล่นเกมพระราชาไง ก็ไม่แปลกนะถ้าจะโดนสั่งมาทำอะไรแบบนี้ แต่ถ้าสมมุติว่าเขาโดนสั่งมาจริงๆ คนอย่างพี่ขันจะทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ
ถามโน่นคุยนี่กับผม
ยอมมานั่งกินหมูกระทะโต๊ะเดียวกับผม
แถมยังยอมจูงมือผมด้วย
ผม....คนที่เขาไม่ชอบ
"มันทำไมกันวะ"
"คุยกับหมูเหรอ"
ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองตามเสียง "ปะ...เปล่านะพี่"
"ก็กูได้ยิน"
"คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาที่พูดคนเดียวบ้างสิ"
"มึงนี่มัน...." เจ้าตัวขยับเข้ามาหยุดตรงข้างหูผม "เด็กเพ้อเจ้อจริงๆ " พอพูดเสร็จเขาก็เดินไปตักหมูอีกฝั่ง ทิ้งผมให้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนี้คนเดียว
พี่ขันแม่งงงง
หึ้ยยย.ย...ย...อย่าให้ถึงทีของหมีนะ!!!!
[บันทึกพิเศษ : ขัน]
เอาจริงๆ การใช้เวลาอยู่กับเด็กบ้านี่....มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่
อย่างน้อยก็ไม่หงุดหงิดอย่างกับทุกวัน
ผมนั่งมองไอ้หมีคีบโน่นคีบนี้ใส่ปากไปเรื่อย จะว่าไปมันก็กินจุเหมือนกันนะ กินเยอะกว่าที่ผมกินอีก ไม่เข้าใจตัวเองเลยครับว่าทำไมจะต้องมานั่งดูมันกินด้วย อาจเป็นเพราะแว่นที่มันสวมอยู่นั่นก็ได้ล่ะมั้ง ผมค่อนข้างมั่นใจเลยนะว่าแว่นที่มีเชือกสีแดงผูกอยู่ตรงขานั่นมันเหมือนแว่นที่น้องแว่นของผมใส่ไม่มีผิด
เรื่องนี้จริงจังเลย
แว่นแบบนี้มันควรมีแค่อันเดียวในโลกอะ ยอมรับเลยว่าผมตกใจพอสมควรตอนที่เห็นไอ้หมีใส่แว่นอันนี้ แถมวันนี้มันยังใส่รีเทนเนอร์อีก ตลอดช่วง 2 เทอมที่แล้วผมไม่เคยเห็นมันใส่เลยนะ พอมาเห็นแบบนี้ก็เลยสะกิดใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งรู้ว่ามันมีชื่อจริงว่านราวัฒน์ด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ผมสงสัยตัวตนของมันหนักเข้าไปอีก
มันมี 3 อย่างที่คล้ายกับน้องแว่นของผม
เพราะแบบเนี้ยะผมถึงอยากจะรู้จักความเป็นมันมากขึ้น ลองคิดแบบขำๆ ด้วยนะว่าถ้าสมมุติมันเป็นน้องแว่นของผมเนี่ยะ จะเป็นยังไงต่อ ใจมันสับสนมากเลยนะครับ ย้อนแย้งมากด้วย แต่ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าจะทำยังไง สิ่งแรกที่ผมคิดจะทำก็คือลองเปิดใจให้มันมากขึ้น เพราะถ้าผมเอาทิฐิมาบังตาตัวเองไว้ ผมอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าไอ้หมีมันคือน้องแว่นของผมจริงๆ รึเปล่า
ต้องใช้เวลาช่วยพอสมควรเลย
ผมจะตามสืบไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นถ้าไอ้หมีไม่ใช่น้องแว่น อันนี้ผมก็คงต้องช่างแม่งแล้วก็ตามหาน้องแว่นต่อไป แต่ถ้าพิสูจน์แล้วมันใช่ ก็ต้องว่ากันอีกที ไม่รู้อนาคตได้เลยครับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องรอดูไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ผมจะจัดการเองคนเดียว
นอกจากขันแล้วจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
"แดกเลอะ" ผมเอ่ยบอกคนตรงข้ามที่ปากเลอะ น้ำจิ้มนี่ติดอยู่ข้างแก้ม กินบ้าอะไรของมึงขนาดนั้น
มือเรียวหยิบทิชชู่ไปเช็ดปาก "ออกแล้วใช่ไหมครับ"
"เออ" ผมคีบหมูใส่ปาก "กูถามอะไรหน่อยได้ไหม"
"อะไรอะพี่"
"เรื่องเมื่อวาน มึงโกรธกูไหม"
"เมื่อวาน....หมายถึง"
"เรื่องน้ำที่กูเอาไปคืนมึง"
ไอ้หมีส่ายหัวเบาๆ "หมีจะไปโกรธพี่ได้ยังไง คนผิดคือหมีเองแหละ"
"เอาจริงๆ กูก็ผิดเหมือนกันที่ไปพูดกับมึงแรงถึงขนาดนั้น" ผมคีบหมูในวางไว้ในชามมัน "หมูชิ้นนี้....ถือว่าแทนคำขอโทษจากกู"
"พี่ขัน...." แก้มใสๆ ของไอ้หมีขึ้นสีแดงระเรื่อ อาการแบบนี้เขินอยู่สินะ
น่ารักชะมัด
จิ๊....มึงคิดแบบนี้ไม่ได้สิวะขัน
"ไม่ต้องมาทำหน้าซึ้งหรอก แดกๆ ไป ไม่งั้นกูเอาคืนจริงๆ นะ" ผมแกล้งขู่ พอมันได้ยินแบบนั้นก็รีบคีบหมูใส่เข้าปากทันที
ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้คงทำให้ไอ้หมีงงอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ เมื่อวานเพิ่งไปทำเรื่องแย่ๆ กับมัน วันนี้ก็มาเจ๊าะแจ๊ะด้วย ก็นะ ถ้ามึงใส่แว่นมาตั้งแต่เมื่อวานกูก็คงแบกน้ำกลับไปกินที่บ้านแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็สบายใจนะที่ได้ขอโทษมัน ถึงแม้จะด้วยหมูชิ้นเดียวก็ตาม ตัวมันเองก็คงจะดีใจอยู่ไม่น้อยแหละที่ผมทำแบบนี้
ไม่งั้นคงไม่ยิ้มออกมาแบบนั้นหรอก
น่ารัก
"จิ๊....คิดว่าน่ารักอีกแล้ว"
"ห้ะ พี่ขันว่าไงนะ จะเอาผักเหรอ"
"เออ....จะเอาผัก"
"งั้นเดี๋ยวหมีไปหยิบให้ละกัน" มันบอกก่อนจะลุกเดินไปหยิบผัก แม่งงงง นี่ถ้ามึงเป็นน้องแว่นของกูจริงๆ นะกูลากกลับห้องแล้ว
ไม่ต้องแดกมันละหมูกระทะเนี่ยะ
ผมคีบหมูเข้าปากอย่างข่มอารมณ์ เนี่ยะ พอคิดว่ามันมีสิทธิ์จะเป็นน้องแว่นนะ ในหัวผมก็มีแต่อะไรไม่รู้สุมอยู่เต็มไปหมด อกุศลทั้งนั้นเลยด้วย ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ ไอ้บ้าหมีมันทำอะไรกับผมเนี่ยะ ไม่เคยรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองขนาดนี้เลยให้ตายสิ
ไอ้เด็กเพ้อเจ้อนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ
อยู่ยากแล้วขันเอ๊ย
อยู่ยากแล้วววว
[จบบันทึกพิเศษ : ขัน]
มีความสุขจัง
มีความสุขมาก ก.ไก่ 20 ล้านตัวเลย
ผมนั่งเช็ดหัวอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ ตอนนี้เกือบ 5 ทุ่มแล้ว ผมอยู่ที่คอนโดฯ พี่เสือครับ พี่ชายสุดที่รักบ่นว่าคิดถึงผมมาก ด้วยความที่คุณหมีเป็นน้องชายที่น่ารักก็เลยต้องตามใจเขาสักหน่อย พี่เสือน่าจะแต่งตัวอยู่ในห้อง อีกแป๊บนึงก็คงโผล่ออกมาแล้วล่ะ นับถอยหลังได้เลย
3...2...1
"น้องหมี" ร่างสูงเดินออกมาจากห้องก่อนจะปรี่เข้ามาหาผม "เดี๋ยวพี่เช็ดให้"
"เบาๆ นะ" ผมส่งผ้าขนหนูให้
"พี่เคยทำหนูแรงเหรอ"
ผมเงยหน้ามองเจ้าตัว "เคย พี่เคยทำ"
"ตอนนั้นหนูดื้อน่ะสิ" พี่เสือบีบจมูกผมเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา "วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ หนูดูอารมณ์ดี"
"ก็มีนั่นแหละ เค้ามีความสุขมากเลยนะพี่เสือ อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน"
"พี่ก็ดีใจนะที่หนูยิ้มได้แบบนี้น่ะ" พี่เสือก้มลงจุ๊บหัวผมเบาๆ
"อื้อออ.อ.อ...เก็บไว้จุ๊บแฟนซี่"
"พี่ไม่มีแฟนนี่ครับ ตอนนี้ก็มีแต่หนูเนี่ยะ"
ผมหันมองพี่เสือก่อนจะรั้งเอวเขาเข้ามาใกล้ "หาสิ พี่ไม่หาอะ"
"พี่ยังไม่อยากมีตอนนี้ ถ้าพี่มีแฟนใครจะดูแลหนูล่ะ" มือเรียวกุมแก้มผมก่อนจะเกลี่ยเบาๆ
"เค้าดูแลตัวเองได้ พี่เสือดูตัวเค้า เค้าไม่ใช่เด็กตัวน้อยๆ แล้วนะ" ถึงจะไม่ตัวใหญ่เท่าพี่เสือก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ แล้ว
"พี่รู้ งั้นไว้หนูมีคนมาดูแลแทนพี่เมื่อไหร่ พี่จะหาแฟนละกัน"
ผมพยักหน้ารับคำที่พี่เสือพูด รออีกหน่อยเถอะ จะต้องมีแน่ๆ คนที่จะมาดูแลหมีน่ะ แต่ดีไม่ดีนี่อาจจะต้องไปเป็นฝ่ายดูแลเขาก็ได้ จะว่าไปเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันทำให้ผมมีความสุขมากเลยแหละ ยิ่งตอนที่พี่ขันขอโทษผมเรื่องเมื่อวานยอมรับเลยว่าตอนนั้นรู้สึกดีมาก เหมือนทุกอย่างหลังจากนี้กำลังจะดีขึ้นเลย
ขอให้มันเป็นไปอย่างที่หวังเถอะนะ
ตอนนี้แรงกายแรงใจผมมาเต็มเปี่ยม เรื่องกีฬาสีก็จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะมันเริ่มเข้าใกล้มาทุกที ส่วนเรื่องหัวใจก็ต้องอดทนและพยายามเหมือนกัน ปะป๊าสอนไว้ครับว่าถ้าเราพยายามมากๆ มันจะต้องสำเร็จดังใจเราหวังแน่ๆ เพราะงั้น....คุณหมีคนดีต้องสู้!!!!
"หนูจะชูมือทำไมเนี่ย เอามือลง"
"ครับ...."
นอกจากจะเป็นคนดีแล้วยังเป็นคนติ๊งต๊องด้วยนะผมน่ะ
เบื่อตัวเองจริงๆ
TBC
สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ
ช่วงนี้ชัลติดปิดต้นฉบับนิยายหลายเรื่อง ก็เลยอาจจะช้าหน่อย
รอกันอย่างใจเย็นนะค้าบ
ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th
#ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ
ความคิดเห็น