คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ของที่ไม่ต้องการ [Rewrite]
"เสร็จยังอะยะ กูเจ็บหัวแล้วนะ"
"เออใกล้เสร็จแล้ว"
"มึงทำอะไรกันวะ" เสียงไอ้จินดังแว่วเข้ามา "ถักเปียเหรอ"
"ใช่ มึงอยากถักไหมล่ะ"
"เอาจริงๆ กูก็ไม่ได้อยากถักนะยะ"
"เออน่ะหมี ถักแล้วมึงออกจะโซคิ้วท์ อะเสร็จละ"
"เจ็บหัวชิบหาย" ผมบ่นอุบอิบก่อนจะยกกระจกขึ้นมาส่ง ฮ่าๆ ๆ หน้าตลกอะ ไม่เห็นจะโซคิ้วท์ตรงไหนเลย
แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่
ผมสีทองสว่างของผมถูกไอ้ยะจับถักเป็นเปียตะขาบทั้งสองข้างแล้วยังมัดไว้เป็นจุกตั้งๆ อีกต่างหาก มันจะดูตลกมากกว่าโซคิ้วท์นะเนี่ย ดีนะว่าเบ้าหน้าดีอยู่ นี่ไม่ใช่การพูดแบบคนหลงตัวเองนะครับ แต่มันคือการพูดไปตามความเป็นจริง
ผมหล่อจริงๆ อะ
หรือจะเถียง
ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 กว่าๆ ซึ่งพวกเราคณะหลีดฯ โจ๊กกำลังซ้อมกันอยู่ที่หน้าตึกครับ แต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงพัก ไอ้อุ๋งมันไปซื้อไม้กลองอยู่ แม่ง คนบ้าอะไรไม่รู้ตีกลองจนไม้หัก ดีว่ามันไม่ตีจนกลองคณะแตก หลายวันมานี้พวกเราเริ่มซ้อมกันอย่างจริงจังแล้วนะถึงแม้ว่าเมื่อวานผมจะแอบไปดูพี่ขันแข่งบาสฯ มาก็เถอะ
แอบถ่ายรูปมาเยอะมากเลยด้วย
เมื่อวานที่เขาแข่งบาสฯ กันนั้น มันเป็นอะไรที่ลุ้นจนตัวโก่งมากอะ คือมันสูสีมากแต่ว่าคณะวิศวะฯ ก็เฉือนชนะไปไม่กี่คะแนน พี่ขันนี่เอะอะโยนลูก 3 แต้มตลอด แม่งอย่างกับมิโดริมะเข้าสิง ถ้าเจ้าตัวหัวเขียวแล้วใส่แว่นนะผมว่าใช่เลย สกิลการเล่นบาสฯ ของพี่ขันไม่เคยลดลงเลยนะครับ เคยเก่งยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
เท่จริงๆ เลย
"หมี....ไอ้ท่าหลังคึกคักเวลาลงเล่นนี่ยังไงนะ" เสียงใสๆ ของไอ้โจ้ถาม
"ก็ทำแบบนี้ไง" ผมลุกขึ้นทำท่าให้มันดู "ไหนลองทำซิ"
คนตัวเล็กทำท่าให้ผมดู "ถูกไหม"
"ถูกแล้ว" ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะขยี้หัวเพื่อนโจ้อย่างเอ็นดู แต่ก็มีมือของใครอีกคนรั้งมันไปกอดไว้ก่อนจะส่งสายตาดุๆ มาให้
"แฟนกู"
หวงเว่อร์
"กูรู้แล้วไหมล่ะ แหม ขยี้หัวแค่นี้เอง"
"ผมหวงของผม" ไอ้โจ๊กบอกก่อนจะกอดแฟนมันจนจมอก ผมว่าไอ้โจ้มันคงเขินจนตัวจะแตกแล้วมั้งน่ะ
"ทำไมเพื่อนๆ กูถึงได้กันเองจนหมดแบบนี้นะ" ไอ้จินบ่นขึ้นมาเอื่อยๆ ก่อนจะเดินมานั่งข้างผม "แล้วก็เหลือกูโสดอยู่คนเดียว"
ผมยกมือแตะไหล่มัน "อย่าไปคิดเยอะเลยมึง กลุ่มกูเองก็เหลือแค่กูกับไอ้ปั้นที่เรียกได้ว่าโสดจริงๆ ส่วนไอ้พวกที่เหลือก็มีผัวมีเมียให้อวดเป็นตัวเป็นตน"
มีแต่ผู้ชายด้วยนะประเด็น
"เดี๋ยวนี้โลกมันไปไวเหมือนกันเนอะหมี จนถึงตอนนี้กูชักจะสับสนว่าตัวเองจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ คือเมื่อก่อนก็มองแต่ผู้หญิงนะมึง แต่ตอนนี้มันก็นะ ผู้ชายบางคนก็มีผลต่อใจกูเหลือเกิน"
"ฮ่าๆ ๆ ๆ เรื่องเนี้ยะ ถ้ามึงเอาไปพูดกับไอ้หนมนะ มันจะบอกว่าให้มึงมองที่ความรัก ไม่ใช่เพศสภาพ ถ้าใจเต้นตึกตักๆ กับใครมากๆ ก็คนนั้นแหละ เรื่องเพศก็อีกเรื่อง ส่วนเรื่องที่บ้านก็ค่อยว่ากัน"
"นั่นสินะ เออหมี กูลืมท่าหมดแล้ว"
"ไอ้สัสจิน" ผมตีไหล่มันแรงๆ ไปหลายที "มึงไปซ้อมต่อเลยนะ" คนบ้าอะไรลืมโน่นลืมนี่ได้เร็วฉิบหาย
อย่างกับปลาทอง
พูดถึงปลาทองแล้วนึกถึงแก๊งค์ป่วนก๊วนปลาทองขึ้นมาทันทีเลยครับ ชื่อเรียกนี้เป็นชื่อกลุ่มไลน์ของพวกพี่ขัน ซึ่งผมเองนี่แหละที่เป็นคนตั้งให้ คือเมื่อเทอมซัมเมอร์เนี่ยะ ผมไปกินเหล้ากับพวกพี่แช่มไงแต่ว่าวันนั้นพี่ขันไม่ได้มา แล้วพี่แช่มมันอยากจะตั้งชื่อกลุ่มไลน์ใหม่ ผมก็เลยเสนอชื่อนี้ไปเพราะตอนนั้นกำลังนั่งดูคลิปปลาทองพอดี
ไงล่ะ จุดกำเนิดแห่งแก๊งค์ป่วนก๊วนปลาทอง
ยิ่งใหญ่ซะไม่มีอะ
ถ้าพี่ขันรู้ว่าชื่อนี้ผมเป็นคนคิดนะ เขาต้องเปลี่ยนมันแน่ๆ พี่แช่มเคยมาเล่าให้ฟังด้วยว่าเขาบ่นเรื่องชื่อนี้ใหญ่เลย แต่ก็ต้องยอมๆ ใช้ไปเพราะขี้เกียจเถียงกับพวกเพื่อนๆ พี่ขันเนี่ยะบางทีก็เหมือนมีอำนาจนะ แต่บางทีก็ไม่มี ดูจากตอนที่เขาโดนผลักลงพุ่มไม้สิ ไม่มีเพื่อนช่วยพยุงขึ้นมาสักคนแถมยังหัวเราะซ้ำเติมกันเต็มที่ด้วย
นึกถึงวันนั้นก็ตลกเหมือนกันนะ
ตลกปนเศร้า
ฮุกกกก.ก.ก...
"อุ๋งมาละ"
ผมหันมองไปตามเสียงของไอ้ยะ ก็เห็นไอ้อุ๋งถือถุงใส่ไม้กลองเดินมา "มึงซื้อมากี่อันวะน่ะ"
"สิบกว่าอันมั้ง ไม่รู้ กูเหมามาหมดเลย"
เชรดดดด แม่งอย่างป๋า
แต่ขอด่าก่อน
"มึงจะซื้อมาทำห่าอะไรเยอะแยะ เนี่ยะมึงซื้อไม้กลองมาสองอันก็ได้แล้วก็ซื้อเทปผ้ามาม้วนนึงแล้วก็มาพันรอบไม้ซะ แค่นี้มันก็ทนขึ้นละแถมไม่หลุดมือเวลาตีด้วย แม่ง กูด่ามึงว่าไอ้โง่ได้ไหมวะเนี่ย"
ไอ้อุ๋งหลุดยิ้มออกมา "กูว่ามึงก็ด่ากูอยู่นะ"
"ด่าแล้วยังจะมายิ้มอีกนะไอ้เวร"
"ก็หน้ามึงตลกอะหมี ใครถักเปียให้ ไอ้ยะเหรอ" มันหยิบไม้กลองออกมาแกะถุง
"เออน่ะสิ" ผมจับจุกบนหัวตัวเองก่อนจะหันมองเพื่อนๆ "มาเตรียมตัวซ้อมต่อได้แล้ว" สิ้นเสียงของผม พวกมันก็มายืนประจำที่เตรียมตัวซ้อมต่อ ไอ้อุ๋งก็ไปหลังกลอง
ผมกับคณะหลีดฯ โจ๊กเริ่มซ้อมกันต่อ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ผมต้องไปหาซื้อชุดด้วย แล้วก็ต้องไปช่วยพวกสแตนด์ทำพร็อพ คือมันไม่ได้ขอให้ผมไปช่วยหรอกแต่อยากสะเหล่อไปเอง คิดถึงเพื่อนๆ ครับ เจอกันแค่ตอนเรียนเอง เลิกเรียนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองอีก หื้มม.ม.ม....คิดแล้วเศร้าใจชะมัด
ร้องไห้แป๊บ
"มึงเลิกปาดน้ำตาสักทีสิวะไอ้หมี"
"เออๆ กูขอโทษ"
ฮุกก.ก.ก....โดนดุเลย
***
"โอเคมึง....งั้นวันนี้ไว้เท่านี้แหละ"
"เย่"
"โอ่ยเหนื่อย" ไอ้จินทรุดลงกับพื้นก่อนจะปาดเหงื่อ "เหมือนจะตายเลยว่ะ"
"เอาหน่า แค่นี้ไม่ตายหรอก กูนี่สิ ปวดข้อมือชิบ"
"แน่ล่ะ ตัวตีกลองแรงซะขนาดนั้นไม่ปวดก็ให้มันรู้ไป เดี๋ยวกลับหอเมื่อไหร่เค้าจะนวดให้เอง"
หวานจังเลยจ้า
ผมหรี่ตามองสองผัวเมียด้วยความหมั่นไส้ "กูไม่อิจฉามึงหรอกนะ"
"หราจ๊ะ"
"เอ้ออออ"
ใครจะรักกันก็ไม่อิจฉาหรอกโว้ย
ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อตัวเอง หลังจากที่ซ้อมแบบไม่พักมาเกือบ 2 ชั่วโมง แม่งจะตายห่าอยู่แล้ว แต่มันก็ดีตรงที่ว่าเราได้ท่าแบบสมบูรณ์เพิ่มไปอีกหนึ่งเพลง เหลืออีก 2 เพลงก็จะครบแล้วครับ ผมนี่อยากปรบมือให้ตัวเองมากที่คุมให้พวกมันซ้อมกันได้ถึงแม้จะยากเย็นแสนเข็ญเลยก็เถอะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อคณะนิเทศฯ คุณหมีคนดีทำได้อยู่แล้ว
เนี่ยะ นอกจากจะหล่อแล้วยังมีความสามารถด้วยนะครับ
อวยตัวเองเก่งเว่อร์
ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ขันจะทำอะไรอยู่ อาจจะซ้อมบาสฯ เพื่อเตรียมแข่งนัดต่อไปก็ได้มั้ง เดี๋ยวผมจะต้องแอบเอาน้ำไปแขวนไว้ให้เขาที่ล็อกเกอร์เหมือนเดิม แล้วก็กลับไปนอนพักผ่อน ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี่สภาพของผมทรงตัวมากเลยนะ ซึ่งนั่นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี บางทีการที่เราทำงานโน่นนี่จนไม่ว่างมันก็ช่วยให้เลิกคิดฟุ้งซ่านได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็โอเค
"เด็กวิศวะฯ หนิ" เสียงไอ้ยะพูดขึ้นมา ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปมองตาม
ร่างสูงสวมเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มเหมือนอย่างทุกครั้ง เรือนผมสีดำสนิทถูกเซ็ตอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อๆ กับดวงตาคมๆ นั่นดูดุดันแต่มันก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเขาเลยทีเดียว มือเรียวถือถุงใส่อะไรสักอย่างเอาไว้ ผมมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่
พี่ขันน่ะ
"อ๋อ คนที่ไอ้หมีชอบ" ไอ้โจ้บอกก่อนจะหรี่ตามอง "ร้ายนะมึง"
"ร้ายอะไรเล่า เปล่าสักหน่อย" ผมบอกปัด ตาก็มองพี่ขันอยู่อย่างนั้น เขามาทำอะไรที่นี่วะ ไหนจะถุงใบใหญ่นั่นอีก เอาของมาให้ไอ้หนมเหรอ
ก็อาจจะใช่
"เห้ยหมี เขาเดินมาทางนี้อะ"
เออกูเห็นแล้วจิน อย่าพูดมากสิวะ กูนี่ตื่นเต้นจนตัวแข็งทื่อแล้วเนี่ย
"พะ....พี่ขัน" ผมมองคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมของเขาไล่มองไปตั้งแต่เปียแกะบนหัว ลามต่ำลงมาเรื่อยๆ จนทั่วทั้งใบหน้า
มองขนาดนี้พี่แดกหัวหมีไปเลยไหม
"กูมาที่นี่เพื่อเอาของของมึงมาคืน" เสียงเรียบเอ่ยบอกกับผมก่อนจะวางถุงใบใหญ่ไว้ด้านหน้า เท่าที่ผมเห็น สิ่งที่อยู่ในถุงนั้นคือขวดน้ำเปล่าที่ผมเป็นคนเอาไปแขวนไว้ให้
เขารู้แล้วว่าเป็นผม
ฉิบหายละ
"เอ่อ....คือ...."
"กูไม่รู้ว่ามึงจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรแต่มันจะดีถ้ามึงไม่ทำอีก" พี่ขันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ "สิ่งเหล่านั้นกูไม่ต้องการเลยสักนิด....ไม่เคยต้องการ"
อืมมมม
ความเจ็บปวดในใจนี้มัน...
ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ทำไมรู้สึกว่ารอบๆ ตัวมันเงียบไปหมด สภาวะเดดแอร์ของจริงอะ ในใจผมตอนนี้มันเหมือนมีเข็มเป็นพันเล่มปักลงมาซ้ำๆ ตอกย้ำกับคำว่าไม่ต้องการที่พี่ขันพูดออกมา คิดแล้วก็ขำดีเนอะ เมื่อกี๊ผมยังบอกว่าสภาพตัวเองทรงตัวอยู่เลยแต่ตอนนี้มันกลับดาวน์ลงแล้วครับ
ดาวน์ลงสุดเลยด้วย
"พี่มันจะโซแบดไปไหนวะ" ไอ้อุ๋งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ก่อนจะแตะไหล่ผม "โอเคนะมึง"
ผมยิ้มบางๆ ให้มัน "จิ๊บจ๊อยน่า เรื่องแบบนี้กูเจอบ่อยแล้ว"
"แน่ใจนะ"
"เออสิวะจิน มึงเห็นกูอ่อนแอแบบสาวน้อยในการ์ตูนเหรอ ไม่ใช่นะครับ ผมคือใคร ดูด้วย ผมคุณหมีคนดีไง ต่อให้เจออะไรก็ไม่หวาดหวั่น"
"การที่มึงยังฝืนยิ้มได้ในตอนนี้มันก็ดีน่ะนะ" ไอ้โจ๊กเอ่ยออกมาก่อนจะมองผม "กูรู้ว่าในใจมึงกำลังเศร้า แต่อย่านานนักนะหมี"
"เออ นี่หมีไง งั้นวันนี้ก็แยกกันตรงนี้เลยละกันกูมีเรื่องต้องไปทำ พรุ่งนี้อย่าลืมมาซ้อมด้วยนะ แจกันจ้าาาา" ผมแบกถุงน้ำขึ้นบ่าก่อนจะโบกมือบ๊ายบายพวกเพื่อนๆ แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
วันนี้นับได้ว่าเป็นวันแย่ๆ ในรอบหลายวันที่ผ่านมาเลย นี่ถ้าผมไม่คิดจะเลิกบุหรี่ ผมคงเอามันมาสูบอัดควันให้ปอดพังไปแล้ว จิ๊....พี่ขันจะมีอิทธิพลกับชีวิตผมมากไปถึงไหนกันวะ เหมือนเมื่อวันที่เจอกันที่ติมมืดผมได้เขาช่วยฮีลให้ชีวิตรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย พอมาวันนี้เขาก็เป็นคนที่พังความรู้สึกดีดีทั้งหมดนั่น
สมกับฉายาขันคนโฉดที่เพื่อนๆ ตั้งให้
ผมยัดถุงขวดน้ำใส่รถก่อนจะขึ้นมานั่งฝั่งคนขับแล้วเอาหน้าซุกพวงมาลัยไว้ หน่วงใจ หน่วงใจมากๆ ผมเสียใจนะที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ พี่ขันเขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนเอาไปแขวนให้ แล้วเขารู้ตั้งแต่ตอนไหนวะ เท่าที่ดูจำนวนของขวดน้ำก็บ่งบอกได้ว่าเขาไม่เคยดื่มมันเลยสักขวด คิดแบบนี้แล้วอยากจะร้องไห้จนขาดใจตายซะจริง
ฮุกกกก.ก....
เศร้านะ....แต่ผมไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้น
ไม่เป็นไร ถึงพี่ขันจะไม่ต้องการน้ำพวกนี้ก็ไม่เป็นไร ผมคิดมาตลอดว่าเรื่องแบบนี้อาจจจะเกิดขึ้นเพราะงั้นผมจึงเตรียมแผนสองไว้เรียบร้อย ในเมื่อพี่เขาไม่อยากได้ ผมก็จะเอาไปให้คนที่เขาอยากได้แทน
ไม่แคร์หรอก
เชอะ
***
ตึกเกษตรศาสตร์
ผมนั่งรดน้ำต้นไม้เป็นทางยาวอยู่หน้าตึกเกษตรฯ ไงล่ะ ถึงพี่ขันจะไม่ชอบ แต่เจ้าต้นไม้พวกนี้ต้องชอบแน่ๆ ผมว่าพวกต้นไม้จะต้องขอบคุณพี่ขันที่ไม่ยอมกินน้ำเหล่านี้ จึงทำให้พวกมันได้น้ำนี้มาแทน เนี่ยะ การปลอบใจตัวเองของคนบ้าที่แท้ทรู
เฮ้อ....
"เซ็งอะคุณต้นไม้ ไม่ได้เซ็งธรรมดานะเซ็งมาก"
"......"
"ถ้าคุณต้นไม้รับรู้สิ่งที่คุณหมีพูดก็ขยับใบหน่อยสิ"
"......"
เงียบกริบ
"อา....ท่าจะหนักแล้วนะนรา" ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองพลางส่ายหัวเพื่อเรียกสติ แม่ง สติเฟื่อนขนาดไหนล่ะถึงนั่งคุยกับต้นไม้
ไปกันใหญ่แล้วหมีเอ๊ย
ผมเปิดน้ำอีกขวดก่อนจะเทลงที่ต้นไม้ต้นถัดไป แน่นอนว่าการกระทำของผมก็มีคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยล่ะนะ หลายคนมาทักก็บอกไปแค่ว่าอยากรดน้ำต้นไม้เฉยๆ พวกเขาอาจจะคิดว่าผมบ้าไปแล้ว
ก็อาจจะจริง
"ทำอะไรวะไอ้หมี"
ผมหันมองตามเสียงก็พบกับเดือนสุดหล่อของคณะเกษตรฯ "รดน้ำต้นไม้ไงพี่ดรายซ์"
"รดทำไมวะ แล้วหัวมึงเป็นอะไร"
"พี่อยากให้หมีตอบคำถามไหนก่อนดี"
"งั้นช่างมันเถอะ" พี่มันนั่งลงข้างผมก่อนจะหยิบขวดน้ำไปเปิดออกแล้วรดที่ต้นไม้ "กูนั่งทำเป็นเพื่อนมึงละกัน"
ผมหลุดยิ้มออกมา "พี่นี่เหมือนคนเหงาๆ เนอะ"
"กูกับมึงก็ไม่ต่างกันหรอกไอ้หมี เรามันคนประเภทเดียวกัน" นั่นสินะ ผมกับพี่ดรายซ์ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
สติไม่มีเหมือนกัน
ผมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่ดรายซ์มันมาแปลกๆ นะวันนี้ มาแนวซึมเศร้าพอกันกับผมเลย ปกติมันจะเป็นคนที่ชอบทำหน้ากวนส้นตีนไปวันๆ แถมเต๊าะคนโน้นคนนี้เป็นว่าเล่น แต่พอเขาเล่นด้วยมันก็เทเขา คือสันดานบัดซบมากอะ บางทีผมก็หมั่นไส้มันนะ อยากจะจับมันมาทุบๆ ๆ ๆ ๆ ให้แบนแล้วเอาไปตากแห้งอะไรแบบเนี้ยะ
หึ้ย.ย.ย.ย....นึกแล้วคันไม้คันมือ
"เลิกมองหน้ากูแล้วคิดแผนชั่วในหัวได้ไหม"
"คิดไปเองรึเปล่า"
"สายตามึงมันฟ้อง" พี่ดรายซ์มันเลื่อนมือขึ้นมาจับจุกบนหัวผม "มึงทำผมแบบนี้ก็น่ารักดีนะ"
สเต็ปชมว่าน่ารักแบบนี้....
"นี่น้องไง"
"กูก็ชมน้องไง" มันเบ้ปากใส่ผม "มึงคิดว่ากูจะเอามึงเหรอไอ้หมี ไม่ใช่สเป็กกูเลยสักนิด"
ผมเบ้ปากใส่มันกลับ "แหม พี่ก็ไม่ใช่สเป็กของหมีเหมือนกันนั่นแหละ"
"ใช่สิ กูเป็นผู้ชายใจดีไง สเป็กของมึงนี่นิยมแต่ผู้ชายใจร้ายหนิ"
แซะเก่งสัส
"หึ....ระวังจะมีตุ๊กแกไปส่งถึงหอ"
"กูจะกระโดดตึกตายให้มึงดูเลย"
"เดี๋ยวน้องจะไปงานศพนะ" ผมบอกก่อนจะยิ้มหวานให้ "เผาวัดไหนดีพี่"
"เป็นคริสต์โว้ยยยย ไม่เผา" พี่ดรายซ์ทำหน้ามุ่ยใส่ ส่วนผมก็หัวเราะลั่นออกมาที่ได้เห็นมันทำหน้าแบบนั้น
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคน ไม่จริงจัง ไม่จริงใจกับใครเลยด้วย กับพี่ดรายซ์นี่ต่อให้รู้สึกสนิทกันถึงขนาดไหนแต่มันก็เหมือนมีเส้นบางๆ ขวางกั้นอยู่ เอาจริงๆ แวบแรกที่ผมเจอมันก็รู้สึกได้เลยว่าคนคนนี้ต้องเป็นคนที่เข้าถึงยากแน่ๆ บางทีภายนอกที่เราเห็นนั้นมันอาจจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้
ผมเองก็เป็นแบบนี้แหละ
เหนื่อยนะกับการที่ต้องคีพลุคตัวเอง แต่ที่ทำไปแบบนั้นมันก็มีเหตุผลอยู่แหละ ผมเองก็มีเหตุผลของผม คิดว่าตัวพี่ดรายซ์เองก็มีเหมือนกัน ช่างแม่ง เอาเป็นว่าเราอยู่ในจุดที่คุยกันได้อย่างสบายใจแค่นั้นมันก็พอแล้ว
จริงไหมล่ะ
"หิวข้าวว่ะ ไปหาไรกินกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง"
ผมหันมองพี่มันตาปริบๆ "รวยเหรอ"
"ก็มีปัญญาเลี้ยงมึงได้ละกัน อยากกินอะไรล่ะ"
"งั้นไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือแถวโรงเรียนเก่าหมีละกัน โคตรอร่อยเลยนะพี่"
"เรื่องอร่อยหรือไม่อร่อยกูจะเป็นคนตัดสินเอง" พี่ดรายซ์เก็บขวดใส่ถุงจนหมด "มึงเอารถมารึเปล่า"
"เอามา แล้วรถพี่อะ"
"เดี๋ยวให้ไอ้บอลขับกลับ กุญแจรถกูก็อยู่กับมันด้วยแหละ ตอนนี้แม่งไปไหนไม่รู้"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ "งั้นไปกันเลยไหมพี่" เตรียมตัวเตรียมใจไปกินมากครับบอกเลย ยิ่งซ้อมมาเหนื่อยๆ แบบนี้ด้วย
จะกินแม่งสักยี่สิบชาม
ผมเดินนำพี่ดรายซ์มาจนถึงรถ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วครับ ผมว่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวคนน่าจะเยอะอยู่พอสมควร ไม่เป็นไร ถึงจะเยอะแค่ไหนเราก็จะรอ เมื่อสมัยมัธยมฯ เนี่ยะ ผม พี่กล้วย พี่จ๊อบ ไปนั่งกินกันสามคนแล้วก็ทิ้งสถิติกินจุไว้ที่ 72 ชาม แม่ง แดกห่าอะไรกันเยอะขนาดนั้นอะ ว่าแล้วก็คิดถึงโมเม้นท์ตอนนั้นเหมือนกันนะ
ไว้ชวนพวกพี่มันไปกินดีกว่า
ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงโรงเรียนเก่าที่ผมเคยเรียน ที่นี่มันไกลจากมหา'ลัยอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้นอะ พอถึงร้านก๋วยเตี๋ยวผมก็เลี้ยวเข้ามาจอดรถด้านหลัง คนเยอะแบบที่คิดจริงๆ ด้วยแฮะ
"คนเยอะอยู่นะ"
"ของมันอร่อยไง ไปกันเถอะพี่" ผมบอกก่อนจะลงจากรถ พี่ดรายซ์เองก็ตามมาอยู่ด้านหลัง
"ถ้าอร่อยจริง ไว้เดี๋ยวกูจะพาเด็กกูมากิน"
"เด็กคนไหนอีกล่ะ คนที่ 156 ได้ไหม"
มือเรียวยกขึ้นโขกหัวผม "มึงก็เว่อร์ไป กูไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นซะหน่อย"
"อ้อเหรอจ๊ะ"
"กวนส้นตีนจริงๆ " พี่มันส่ายหัวอย่างเอือมๆ ก่อนจะเดินนำผมเข้ามาในร้าน "หืม....มีเด็กมัธยมฯ ด้วย"
"คุกนะคุก" ผมกระซิบบอกมัน ไม่ได้เลยนะพี่นะ หมียังไม่อยากเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมพี่ตอนนี้นะ
"ก็แค่พูดเฉยๆ ไหมวะ มึงนี่มันเด็กสะเหล่อจริงๆ " เจ้าตัวบ่นก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านใน
ผมเดินตามมาก็สะดุดตากับผู้ชายใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มที่นั่งอยู่โต๊ะเยื้องๆ กัน มันเป็นเสื้อช็อปของมหา'ลัยผมเอง ซึ่งสองคนที่กำลังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอยู่นั่นผมก็รู้จักเป็นอย่างดี
พี่แช่มกับ....พี่ขัน
ฉิบหายแล้วหมี
"อ้าวไอ้หมี มึงมากินก๋วยเตี๋ยวเหรอวะ" เสียงทักของพี่แช่มทำคนที่หันหลังให้ผมหันมามองทันที
ผมพยักหน้ารับคำ "ใช่พี่" คือตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งๆ พี่ขันหันกลับไปแล้ว ส่วนผมก็มานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่ดรายซ์
เห็นหน้าพี่ขันแล้วไอ้เหตุการณ์เมื่อเย็นก็กลับมาเลยว่ะ ผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะมากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่เลยนะเพราะร้านมันก็ไกลอยู่อะ นี่ดีไม่ดีเขาอาจจะคิดว่าผมตามเขามาก็ได้ แล้วไอ้ที่ไม่ชอบผมก็อาจจะมากขึ้นไปอีก
คิดแล้วปวดใจอะ
ดูท่า....ก๋วยเตี๋ยวอาจจะไม่อร่อยสักเท่าไหร่แล้วล่ะ
แย่ชะมัด
[บันทึกพิเศษ : ขัน]
บางทีโลกมันก็กลมเกินไป
เกินไปจนน่าหงุดหงิด
ผมคีบลูกชิ้นเข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ตั้งใจมากินก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ แถมยังมาไกลมาก ก็ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ไม่อยากเจอ แม่งความบังเอิญอะไรวะเนี่ย ยิ่งเมื่อเย็นผมก็เพิ่งเป็นคนไปหามันมาด้วย ทำไมต้องมาเจออีกรอบด้วยวะ ไม่เข้าใจเลย ผมว่าไอ้หมีมันคงไม่รู้หรอกว่าผมมาที่นี่ เพราะถ้ามันรู้มันก็คงไม่มา
ผมพูดไปซะขนาดนั้นน่ะนะ
มันรู้จักก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ได้ยังไงวะ เอาจริงๆ ร้านนี้มันไกลจากมหา'ลัยมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่คนแถวนี้ก็คงจะไม่รู้จัก แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกมั้งเพราะมันเป็นคนที่รู้มากหนิ
น่ารำคาญซะจริง
"ทำหน้าบึ้งเชียวนะมึง" ไอ้แช่มคีบลูกชิ้นมาให้ผม "เป็นอะไรวะ"
"เปล่า"
"หน้ามึงออกชัดขนาดนี้ยังจะบอกว่าเปล่า"
"จิ๊....ก็มึงดูน้องมึงดิ วันนี้ก็มากับผู้ชายอีกคนอีกละ มาไกลด้วยนะ"
"อ๋ออออ....หึงน้อง"
"กูบอกว่าไม่ใช่ไงไอ้แช่ม" หึงห่าอะไรล่ะ ผมไม่มีทางมีความรู้สึกแบบนั้นกับคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอก
"คนที่ไอ้หมีมาด้วยชื่อดรายซ์ มันอยู่ปี 2 เป็นเดือนเกษตรฯ เอาจริงๆ พวกเราก็เจอบ่อยป้ะวะที่จันทร์เจ้า"
ผมมองไอ้แช่มด้วยสายตานิ่งๆ "มึงจะบอกกูทำไม"
"ก็ให้มึงรู้ไว้ไง" มันเท้าคางมองผม "เนี่ยะ มึงไม่รู้สึกตะหงิดๆ ในใจบ้างเหรอวะขัน ทุกครั้งที่ไอ้หมีมันมากับใคร ทำไมกูถึงรู้จักทุกคน"
"ก็ไม่เห็นแปลก มึงก็รู้จักคนเยอะแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"แล้วถ้าไอ้หมีมันจะรู้จักเยอะคนแบบนี้บ้าง....มันจะแปลกตรงไหนวะ"
มึงพูดแบบนี้แล้วกูจะ....สวนยังไงล่ะ
ผมแสร้งทำหน้าเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่มันพูดแล้วก้มกินก๋วยเตี๋ยวต่อ ถึงจะพูดออกมาแบบนั้นก็เถอะ แต่ว่ามันไม่เหมือนกันป้ะวะ ความรู้สึกมันบอกแบบนั้นอะ ยังไงซะไอ้หมีก็เป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ดี ผมว่ามันเป็นคนที่อันตรายต่อหัวใจว่ะ เมื่อเย็นก็เกือบจะใจอ่อนไม่ยอมเอาน้ำไปคืนมันเพราะทรงผมบ้าๆ นั่นแล้ว
แม่งโคตรน่ารักเลย
ไม่อยากจะยอมรับแต่นั่นก็คือความจริง
ใบหน้าขาวที่ไม่มีผมมาปรกหน้า แก้มใสๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อหน่อยๆ มีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ไหนจะริมฝีปากแดงๆ นั่นอีก แล้วพอทรงผมเป็นแบบนั้นด้วย ตอนที่เห็นแวบแรกนี่ใจสั่นเลยอะ แต่ยังดีที่ผมก็ยังยืนยันเป้าหมายของตัวเองได้ ตอนที่เอาน้ำไปคืนมันน่ะ ความจริงอยากจะพูดมากกว่านั้นนะแต่พอเห็นมันซึมๆ เท่านั้นแหละ
ผมนี่หันหลังเดินหนีมาเลย
ขืนยิ่งมองมากกว่านั้นต้องใจบางแน่
"นราาาา"
ชื่อนี้มัน....
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกนั่นก็พบกับผู้ชายหน้าตาดีคนนึง เขาสินะที่เป็นคนเรียกชื่อนั้นออกมา ชายคนนั้นเดินไปหยุดที่โต๊ะของไอ้หมี ก่อนจะกล่าวทักทายมันเหมือนไม่เจอกันมานาน
ที่เขาเรียกเมื่อกี๊นั้นมันคือ....ชื่อไอ้หมีเหรอวะ
นรางั้นเหรอ
"เห้ยแช่ม มึงรู้จักคนที่เดินไปโต๊ะไอ้หมีไหม"
ไอ้แช่มหันไปมอง "ไม่นะ ไม่รู้จัก ไม่ใช่คนที่มอป้ะวะ"
"ก็คงงั้น เออแล้วมึงรู้ไหมว่าชื่อไอ้หมีคืออะไร"
"ก็หมีไง มึงนี่ถามอะไรแปลกๆ "
ผมทำหน้าบึ้งใส่มัน "กูหมายถึงชื่อจริงของมัน เมื่อกี๊กูได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกมันว่านรา"
"ใช่ นราวัฒน์ นี่คือชื่อจริงไอ้หมี ว่าแต่มึงจะถามทำไมวะเนี่ย"
"กูก็แค่....ช่างแม่งเถอะ รีบแดกแล้วรีบไปดีกว่า" ผมบอกมันก่อนจะคีบเส้นเข้าปากต่อ
ไอ้หมีมีชื่อจริงว่านราวัฒน์ น้องแว่นของผมมีคนเคยเรียกเขาว่านรา แต่คนชื่อนี้มันก็ไม่ได้มีแค่คนเดียวในโลกป้ะวะ อีกอย่างไอ้หมีมันไม่ได้มีอะไรเหมือนน้องแว่นของผมเลยสักนิด ตัวก็ใหญ่กว่าตั้งเยอะด้วย น้องแว่นนี่ตัวเล็กนิดเดียวเอง สูงแค่ไหล่ผมเองนะตอนนั้นอะ ดัดฟันอีกต่างหาก ถึงหน้าจะมีสิวบ้างแต่น้องก็ยังน่ารักในสายตาของผมอยู่ดี
เรื่องชื่อมันก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละวะ
แต่ถ้าสมมุติว่าไอ้หมีคือน้องแว่นของผมล่ะ
หึ....มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
"คิดอะไรอยู่วะขัน"
"คิดถึงน้องแว่นน่ะ"
ไอ้แช่มพยักหน้ารับ "ตัดใจจากน้องแว่นดีไหม"
"ไม่ กูรักของกู ถ้ามึงพูดแบบนี้อีกกูจะเอาตะเกียบทิ่มตามึง"
"โหดร้าย" มันเบ้ปากใส่ผม "ถ้ารักเขามากขนาดนั้นก็คิดถึงเรื่องของเขาให้มันบ่อยๆ ไม่ใช่เอาเรื่องของคนอื่นเก็บไปวุ่นวายในใจ"
"หมายความว่ายังไง"
"ต่อให้กูไม่อธิบายมึงก็รู้ความหมายในสิ่งที่กูพูดอยู่แล้วขัน"
"มึงนี่มันจริงๆ เลยว่ะแช่ม"
เบื่อจริงๆ ไอ้พวกที่ชอบรู้ทันเนี่ยะ
ผมเหลือบไปมองไอ้หมีที่นั่งยิ้มปากบาน ผมควรเลิกคิดเรื่องที่เกี่ยวกับตัวมันแล้วเอาเวลาตรงนั้นไปตามหาน้องแว่นจะดีกว่า ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากไหนก็เถอะแต่มันก็ถึงเวลานั้นแล้ว ถ้าผมโชคดีได้เจอคนที่ตัวเองรักอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาไปไหนอีก จะดูแลอย่างดีเพื่อชดเชยเวลาที่ห่างกันไปด้วย ผมยังคงรักน้องอยู่ตลอด และหวังว่าน้องจะรู้สึกแบบเดียวกัน
ยังไงซะ....ผมจะต้องตามหาเขาให้เจอ
[จบบันทึกพิเศษ : ขัน]
TBC
สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ
เดี๋ยวจะมาส่งอีกนะค้าบบบบ
ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th
#ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ
ความคิดเห็น