ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก็บอกว่าไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาว [END]

    ลำดับตอนที่ #1 : พระจันทร์กับดาวเสาร์

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 63



    จักรวาลที่กว้างใหญ่
    ดาวเคราะห์โลกเป็นเพียงส่วนหนึ่งในนั้น
    มนุษย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลก
    ความรู้สึกต่างๆ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมนุษย์
    เกิดขึ้นและจบลง
    วนเวียนไม่มีจุดสิ้นสุด

    Hyperion-29


    เขียนอะไรแปลกๆ อีกแล้ว
    ผมมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันเขียนข้อความบางอย่างลงสมุดบันทึก เขาทำแบบนี้เป็นประจำ ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักเขา ผมเป็นคนที่นับถือพระเจ้าและเชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต การถูกกำหนดโดยอำนาจของโชคชะตา และโชคชะตาก็ทำให้ผมได้มานั่งข้างเพื่อนคนนึง แต่เขาออกจะแปลกๆ ไปสักหน่อย
    ก็ไม่หน่อยหรอก.....ก็แปลกมาก
    “นายมองไรอะ กำลังสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์เหรอ”
    เขาแปลกจริงๆ นะครับ
    “เปล่า”
    “เราเห็นอยู่กับตา”
    “ก็แค่มอง”
    “ไม่ นายสังเกต”
    ผมท้อที่จะอธิบาย
    “.....” เปลี่ยนจากการมองเขาไปมองวิวนอกหน้าต่างน่าจะยังดีกว่า
    “เก็บข้อมูลธรรมชาติบนโลกเหรอ”
    ก็ไม่ได้ต่างจากเดิม
    คำถามเดิมๆ ที่ได้ยินทุกวันเวลาที่นั่งมองอะไรสักอย่าง สิ่งที่ผมทำก็คือนั่งมองมันเฉยๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดเจือปนเลย แต่ใครอีกคนไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่าการที่ผมนั่งมองอะไรสักอย่างคือการที่ผมนั่งสังเกต เก็บข้อมูลของรายละเอียดและองค์ประกอบของสิ่งนั้นๆ เพื่อไปทำอะไรบางอย่างที่.....ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
    สำหรับผม การนั่งมองคือนั่งมอง
    สำหรับเขา การนั่งมองของผมคือลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ
    ระยะเวลาเดือนกว่าแล้วที่ผมย้ายเข้ามาเรียนที่นี่เนื่องจากการทำงานของพ่อผมที่ต้องย้ายไปมาอยู่บ่อยๆ เขาเป็นนักดาราศาสตร์ครับ ผมไม่ได้สนใจงานของพ่อเท่าไหร่ ความจริงเขาแทบจะไม่มีเวลาให้ผม แต่ชินแล้วล่ะ อย่างน้อยทุกวันที่ผมตื่นมาตอนเช้า กับข้าวฝีมือพ่อก็ถูกวางเตรียมไว้ให้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยก็ตาม ส่วนแม่ของผม ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
    ไม่รู้จริงๆ
    ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับพ่อมาตลอด เคยถามถึงแม่....พ่อก็บอกผมแค่ว่าแม่รักผมแต่เธอคงมีเหตุผลของเธอ แน่นอนว่าผมไม่เข้าใจหรอก ช่างมันเถอะต่อให้คิดหาเหตุผลให้เรื่องพวกนี้ไป สุดท้ายของความจริงแล้วก็มีแค่ผมกับพ่อเท่านั้นแหละ
    ป่านนี้คงจะอยู่ท่ามกลางกองกระดาษที่เขียนอะไรนักหนาก็ไม่รู้
    “อย่าลืมส่งการบ้านนะนักเรียน” เสียงจากคุณครูเตือนก่อนหมดคาบ ตอนนี้กำลังจะคาบ 4 ผมมีเรียนพละ แต่ท้องฟ้าข้างนอกครึ้มมากเลย เหมือนฝนจะตก
    ผมน่ะ....ไม่ชอบฝนเลยครับ
    “เพื่อนๆ ครูอ๊อดบอกว่าเรียนพละบนโรงยิมนะ” เสียงของหัวหน้าห้องดังขึ้น ผมเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของตัวเอง ในระหว่างนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องไม่ละ
    อะไรของเขา
    “เลิกมองได้แล้ว”
    “กลัวความลับแตกอะดิ”
    “เปล่า” ไม่มีความลับอะไรให้แตกสักอย่าง ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว
    “งั้นทำไมต้องไม่ให้มองล่ะ”
    “ถึงเวลาเปลี่ยนคาบแล้ว ถ้านายไม่ไป นายก็อยู่นี่แหละ” ผมบอกเขาก่อนจะเดินออกมาทันที แต่ละวันของเราสองคนช่างน่าปวดหัวเหลือเกิน อาจจะมีแค่ผมด้วยที่เป็นฝ่ายปวด
    จริงอยู่ว่าผมย้ายมาเรียนที่นี่ได้เดือนกว่าแต่ก็ยังไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เพราะย้ายโรงเรียนบ่อย ผมก็เลยแทบจะไม่มีเพื่อนที่เรียกได้ว่าสนิทเลย แถมตัวเองก็ยังมนุษย์สัมพันธ์ไม่ดีเอามากๆ ผมเข้าหาคนไม่เก่ง เดิมทีก็เป็นคนน่าเบื่อและก็ขี้เบื่อเป็นทุนเดิม การไม่ค่อยมีเพื่อนมันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากเท่าไหร่สำหรับผมหรอก
    ถึงจะไม่มีเพื่อน....แต่ก็มีคนคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ นี่ไง
    คนที่นั่งข้างผมเขาชื่อ ไฮป์ ครับ ผมยังจำวันแรกที่เจอกันได้ดี การเป็นนักเรียนใหม่ที่เข้ามากลางคันมันก็อาจจะทำให้ทุกคนในห้องคิดถึงเหตุผลไปต่างๆ นานา ผมไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง ในห้องจะมีนักเรียนหนึ่งคนที่นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะริมหน้าต่างหลังห้อง และพอเป็นแบบนั้นอาจารย์จึงให้ผมมานั่งข้างเขา ปกติเวลาคนเราจะทักทายกัน คนส่วนมากจะใช้คำว่าสวัสดี แต่คำแรกที่เขาทักผมคือ....นายเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่ไหม
    ครับ....นาย เป็น มนุษย์ ต่าง ดาว ใช่ ไหม
    ใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์มา 17 ปี พอมีคนถามแบบนี้ก็งงพอตัวเลยล่ะ
    คำตอบของคำถามนั้นผมก็บอกไปว่า ไม่ใช่ ผมเป็นคนธรรมดาเหมือนเขานั่นแหละ แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อครับ จากวันนั้นจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเชื่อว่าผมเป็นมนุษย์ต่างดาว และคอยสังเกตการใช้ชีวิตของผม คอยตั้งคำถามเหมือนจับผิดอยู่ตลอด ผมไม่รู้ว่าต้องอธิบายยังไงให้เขาเชื่อ สุดท้ายแล้วก็เลยปล่อยให้เขาคิดไป สิ่งที่เขามาถามยิบๆ ย่อยๆ ก็ค่อยตอบไปตามนั้น
    และก็ตอบอยู่ทุกวันว่าไม่ใช่
    ไม่รู้ว่าวันไหนไฮป์จะเชื่อ
    ปั้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    เสียงเหมือนของแข็งกระแทกประตูเหล็กดังขึ้น พอหันกลับไปมองก็พบร่างโปร่งยืนกุมหัวตัวเองพร้อมกับพยายามดันประตูเหล็กปิดโรงยิมขึ้นไป ที่ทุกคนได้ยินเมื่อกี๊มันคงเป็นเสียงจากไฮป์ที่เดินชนประตูสินะ
    ซุ่มซ่าม....เป็นแบบนี้ทุกวันเลย
    “หัวแตกไหมน่ะบริมาส” อาจารย์อ๊อดเอ่ยถาม “เรียนบนโรงยิมทีไรมันจะต้องเอาหัวมาโขกประตูเล่น มันยังไงหืม....”
    “มันก็เจ็บอะครับ” เจ้าตัวยิ้มแฉ่งก่อนจะเอากระเป๋าไปวางแล้วเดินมาต่อด้านหลังผม “นาย....”
    เอาอีกละ
    “อะไร”
    “ถ้านายเดินชนประตูแบบที่เราชนเมื่อกี๊ นายจะเจ็บป้ะ”
    “เราจะไม่เดินชนประตู”
    “นายจะเดินทะลุประตูเหรอ”
    ท้ออีกรอบของวัน
    “ใครเขาจะเดินชนประตู”
    “เราไง”
    ผมถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เลิกสนใจไฮป์แล้วฟังอาจารย์ดีกว่า วิชาพละที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ไม่ค่อยชอบการออกแรงน่ะครับถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนแรงเยอะในระดับนึงเลยก็ตาม พูดง่ายๆ คือผมไม่ชอบทำให้ตัวเองเหนื่อย แล้วเรียนพละคาบ 4 ก่อนกินข้าวแบบนี้ เวลาเหงื่อออกก็จะเหนียวตัวไปยันเลิกเรียน
    น่าเบื่อจัง
    “วันนี้เดี๋ยวเราจะแบ่งเล่นเป็นกลุ่มนะตามที่ครูได้บอกไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เดี๋ยวแข่งทีมชายก่อน ทีมหญิงนั่งรอแป๊บละกัน นับแต้มแค่ 15 แต้ม ทีมที่ชนะจะไปแข่งกันต่ออาทิตย์หน้า โอเคไหม”
    “ครับ / ค่ะ”
    “งั้นทีม 1 กับทีม 2 ลงสนามได้เลย ส่วนทีม 3 กับ 4 รอแข่งต่อ” พออาจารย์สั่งแบบนั้น คนที่อยู่ทีม 1 และทีม 2 ก็ลงสนามเพื่อเตรียมแข่งทันที
    วิชาพละของผมเรียนวอลเลย์ครับ อาทิตย์ก่อนๆ ก็เรียนเรื่องวิธีการเล่นรวมทั้งกติกาต่างๆ วันนี้อาจารย์จะให้แข่งกันเพื่อหาทีมชนะ ผมไม่ได้สนใจการแข่งขันนักหรอก แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ จะไม่คิดแบบนั้นนะ อย่างทีมที่แข่งกันอยู่ตอนนี้ก็คือห้ำหั่นมาก เรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใครเลย นึกไม่ออกเลยว่าตอนทีมผมแข่งกับทีม 4 จะดุเดือดได้ครึ่งนึงของคู่แรกไหม
    ป๊าบบบบ
    ผมปัดลูกบอลที่เด้งเข้ามาทางไฮป์ได้ทัน เกือบได้หน้ามืดเพราะบอลกระแทกหน้าแล้วไหมล่ะ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมตาค้าง ปฏิกิริยาแบบนี้มันคืออะไร ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นออกมา
    ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
    “นายมองทันได้ไงอะ เรายังมองไม่ทันเลย”
    “นายไม่ได้มองมากกว่า” ผมมองเขานิ่งๆ “กีฬาอยู่ตรงหน้า ก็มองกีฬาสิ จะมองเราทำไม”
    “ก็เราสนใจนายมากกว่ากีฬาหนิ” เจ้าตัวเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีก “ทำไมเมื่อกี๊ใช้มือปัดล่ะ ทำไมไม่ใช้พวก....”
    “พวกอะไร”
    “นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วป้ะ”
    เพราะไม่รู้นี่ไงถึงได้ถาม
    “ช่างมันเถอะ ดูวอลเลย์โน่น แล้วก็ระวังด้วย”
    ผมไม่ได้เก่งมากพอที่จะปัดลูกบอลที่พุ่งมาทางเขาได้ทันทุกลูกหรอก หรือจะปล่อยให้โดนสักครั้งดี เผื่อจะได้เลิกคิดถึงเรื่องแปลกๆ ได้บ้าง ขนาดผมพูดให้เขามองเพื่อนๆ ที่แข่งวอลเลย์อยู่ เขาก็ไม่ได้สนใจและยังนั่งมองผมเหมือนเดิม
    “เก็บข้อมูลอยู่เหรอ ตั้งใจดูจัง”
    “ดูเฉยๆ ” พอผมบอกแบบนั้นเขาก็หยิบสมุดในกระเป๋าขึ้นมาจดอะไรไม่รู้ยุกยิกๆ สมุดเล่มนี้เป็นคนละเล่มกับที่เขาเขียนอะไรแปลกๆ ในตอนแรก เท่าที่ผมสังเกตมา เขามีสมุดจดหลายเล่มมากเลย อย่างเล่มสีฟ้านี่ไว้จดคำตอบของผม
    ไม่รู้ว่าจะจดเอาไว้ทำไม
    “การแข่งขันของทีม 1 กับ 2 จบแล้วนะ ทีม 3 กับ 4 ลงสนามได้เลย” พอได้ยินแบบนั้นผมจึงเดินลงสนามไปอยู่ในตำแหน่งหลังซ้าย ส่วนไฮป์ก็อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าผม
    ปรี๊ดดดดดดดดดดด
    เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขัน ทีม 4 ได้เสิร์ฟก่อน ผมมองบอลในมือของใครสักคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ รู้แค่ว่านั่งหลังห้องเหมือนกันแต่อยู่ฝั่งประตู เรื่องน่าหวั่นใจคือ....
    ป๊าบบบ!!!
    “โอ๊ยยยย” เสียงจากร่างโปร่งที่โดนลูกวอลเลย์อัดเข้าเต็มๆ จนมันลอยออกไปนอกสนาม ไฮป์สะบัดข้อมือตัวเองเบาๆ เหมือนเขายังไม่ได้ตั้งตัว หรือต่อให้ตั้งตัวก็อาจจะรับลูกเมื่อกี๊ไม่ได้ด้วยซ้ำ
    “ตั้งใจเล่นดิไฮป์” เพื่อนในทีมเอ่ยบอก
    “โทษทีนะ” เจ้าตัวเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี เพราะโดนบอลกระแทกเมื่อกี๊ ข้อมือเขาน่าจะเจ็บอยู่พอตัวเลย
    “ฝั่งโน่นพร้อมรึยังครับ ฝั่งนี้อยากเล่นจะแย่แล้ว” เสียงยียวนจากทีม 4 ดังขึ้น ถ้าผมคิดไม่ผิด ในการแข่งขันครั้งนี้ คนแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้าผมคงตกเป็นเป้าแล้วล่ะ
    “เริ่มเลย”
    ปรี๊ดดดดดดดดดดด
    เสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมกับบอลลูกที่สองเสิร์ฟข้ามมา พุ่งเข้าตรงฝั่งไฮป์อีกครั้งแต่รอบนี้เขาสามารถรับไว้ได้ ลูกวอลเลย์ลอยอยู่ด้านบน ผมตั้งเซ็ตส่งให้เพื่อนก่อนที่เขาจะตบลงแดนอีกฝ่ายไป โอเค แต้มแรกเสมอ ผมเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่แทนที่ไฮป์ สายตามองที่ข้อมือเขา ไม่ค่อยสู้ดีเลย
    เขาควรบอกอาจารย์
    การแข่งขันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และบ่อยครั้งที่ลูกวอลเลย์จากอีกฝั่งจะพุ่งมาทางไฮป์ เขาพยายามจะรับลูกบอลให้ได้ทุกครั้ง และเพราะแบบนั้น ข้อมือเขาก็ยิ่งแย่ แขนขาวๆ นั่นแดงไปหมด มืออีกฝ่ายเริ่มสั่น ถ้าเจ็บขนาดนั้นก็ไม่ควรอดทนแล้วรึเปล่า
    “ไฮป์เสิร์ฟ” เพื่อนในทีมส่งลูกวอลเลย์ให้เขา “เสิร์ฟดีดีล่ะ”
    “จะพยายามนะ” ถึงแม้ว่าเขาจะรับคำแบบนั้นแต่สุดท้ายแล้วไฮป์ก็เสิร์ฟไม่ผ่านตาข่าย ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าเขาเสิร์ฟผ่านทั้งๆ ที่มือเป็นแบบนั้นสิถึงจะแปลก
    “ทำไมมันต้องอยู่ทีมพวกเราด้วยวะ” เสียงพูดในทีมดังขึ้น ผมรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆ ที่พวกนั้นไม่ได้ว่าผม ส่วนคนโดนว่าก็ได้ยินเต็มสองหูนั่นแหละแต่ยังยืนยิ้มได้อยู่
    ผมมองป้ายคะแนนที่เสมอกันอยู่ที่ 10 แต้ม เหลืออีก 5 แต้ม ถ้าทีมได้แต้มนี้มาผมจะได้เสิร์ฟ และผมต้องทำให้การเสิร์ฟของตัวเองทำคะแนนให้ได้ทั้งหมด เกมนี้มันจะได้จบๆ ไปสักที ผมมองลูกวอลเลย์ที่เสิร์ฟเข้ามาแดนหลังตรงกับไฮป์ เขาอันเดอร์รับไว้ได้ ผมเลือกเล่นบอลไวโดยการตบบอลกลับไปทันที
    แต้มเป็นของทีมผม
    อีก 4 แต้มสุดท้าย ผมรับลูกวอลเลย์มาจากเพื่อนที่เก็บลูก สายตามองหาจุดที่ลูกบอลควรจะลง พอได้ตำแหน่งดีดีแล้วผมก็ทำการตบเสิร์ฟ แน่นอนว่าทีม 4 ไม่มีใครรับลูกของผมได้และใช่ จะไม่มีใครรับลูกของผมได้จนถึงแต้มสุดท้าย
    ปรี๊ดดดดดดดดดดด
    “จบการแข่งขัน ทีม 3 ชนะไปด้วยแต้ม 15 ต่อ 10 เข้าชิงไปเจอทีม 2 นะ” สิ้นเสียงอาจารย์ทั้งสองทีมก็พากันออกจากสนาม
    ผมเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างกับห้องโสตฯ พวกทีม 4 ก็เดินเข้ามา คนที่นั่งริมประตูเดินมาล้างมือข้างๆ ผม สายตาคมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง กีฬาก็จบไปแล้วเขายังจะอะไรอีก แพ้ก็อยู่ส่วนแพ้สิ คนเราต้องยอมรับความจริงไหม พวกที่ยอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้นี่น่าเบื่อจริงๆ
    งี่เง่า
    “มึงเก่งเหมือนกันหนิแซท แต่เกินหน้าเกินตาไปป่ะ”
    “....แล้ว”
    “แล้วอ๋อ” มือหยาบกระชากคอเสื้อผม “มึงอย่ากวนส้นตีนให้มากได้ป้ะ มันไม่ได้เท่หรอกนะ”
    “แล้วที่ทำอยู่นี่เท่มากเลยดิ” ผมปัดมืออีกฝ่ายออก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับไฮป์ที่เดินเข้ามาในห้องน้ำ พวกทีม 4 เปลี่ยนเป้าหมายจากการระรานผมไปหาเรื่องเขาแทน
    คนพวกนี้งี่เง่าจริงๆ นั่นแหละ
    “ไฮป์....แขนแดงหมดเลยหนิ” ไม่พูดเปล่าแต่แขนขาวนั่นโดนกระชากไปบีบเอาไว้ “เจ็บเหรอ”
    “แล้วนายจะจับแขนเราทำไมอะเปรม” ไฮป์พยายามแกะมืออีกฝ่ายออก “โอ๊ยยยย”
    “พอได้ละ” ผมจับข้อมือเปรมก่อนจะออกแรงบีบมันบ้าง “ปล่อย ไม่เห็นรึไงว่าเขาเจ็บ”
    “ทำไม มึงปกป้องมันรึไง”
    “เปล่า....แต่มึงก็ไม่ควรทำแบบนี้กับใครไหมวะ” ผมออกแรงบีบให้หนักขึ้นจนอีกฝ่ายยอมคลายมือ พวกทีม 4 ไม่พอใจกับการกระทำของผมแต่แล้วจะยังไงอะ ผมเองก็ไม่พอใจในสิ่งที่พวกนี้ทำเหมือนกัน
    โคตรไม่ใช่เรื่อง
    “ไปห้องพยาบาล” ผมรีบลากร่างโปร่งออกมาก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่ ไฮป์ก็แปลกคน ยอมให้พวกนั้นทำแบบนั้นกับตัวเองได้ยังไง
    เขาเดินตามผมมาเงียบๆ จนถึงห้องพยาบาล อาจารย์ประจำห้องเอ่ยถามอาการที่ข้อมือไฮป์ เจ้าตัวก็เล่าไปพร้อมกับยิ้มให้เหมือนเรื่องทุกอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตั้งแต่ที่ย้ายมาเรียนที่นี่ มีสิ่งนึงที่ผมสังเกตมาตลอดนั่นก็คือไฮป์ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยมีใครคุยกับเขายกเว้นพวกหัวหน้าห้องหรือกลุ่มเด็กเรียน แต่ถ้าพวกเด็กแสบๆ อย่างกลุ่ม 4 เมื่อกี๊ จะไม่เลย การพูดคุยที่พอเห็นมาก็เหมือนการรังแกอีกฝ่ายมากกว่า
    ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจออะไรแบบนี้
    ไม่คิดว่าการรังแกกันแบบในการ์ตูนจะมีอยู่จริง
    “ก็ต้องระวังนะ ถ้าปวดจนทนไม่ไหว อาจารย์แนะนำให้ไปหาหมอ”
    “ครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์” คนเจ็บยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ผม “ขอบใจนะนาย”
    “อื้ม” ผมรับคำแล้วจะเดินกลับแต่เขาดึงชายเสื้อผมเอาไว้ “อะไร”
    “นี่ได้เวลาพักแล้ว จะเดินย้อนกลับไปโรงยิมเหรอ”
    “กระเป๋า”
    “เดี๋ยวให้สายเอามาให้” เจ้าตัวบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาหัวหน้าห้อง “ฮัลโหลสายน้ำ คือเรามาห้องพยาบาลอะ แต่กระเป๋าเรากับแซทอยู่บนโรงยิม ฝากสายเอามาให้หน่อยได้ไหมที่โรงอาหาร ขอบใจนะ.....ไปกันเถอะนาย”
    “ไปไหน”
    “โรงอาหารไง ไปกินข้าวกัน หรือนายไม่ต้องกินข้าวอะ ไม่กินข้าวก็อยู่ได้ป้ะ ปกติก็ไม่เห็นที่โรงอาหาร ถ้าไม่กินข้าวแล้วกินอะไร กินคนงั้นเหรอ” คนพูดก้าวถอยหลังออกห่างจากผมไปสามก้าว “เราไม่อร่อย อย่าได้แม้แต่จะคิดเชียว”
    ก็ช่างจินตนาการเหลือเกิน
    “เราไม่กินคน”
    “ไม่กินคนแล้วกินอะไรอะ กินอาหารเหมือนมนุษย์บนโลกป้ะ”
    “อื้ม”
    “แล้วทำไมไม่เห็นที่โรงอาหารเลย”
    “เราไม่ค่อยหิว” ความจริงคือพ่อทำข้าวกล่องมาให้ตลอด หรือไม่ก็เตรียมขนมปังไว้ให้เพราะเขารู้ว่าผมไม่ชอบนั่งอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ และมีเสียงดังวุ่นวาย
    “นายไม่ค่อยหิวทุกวันเลยเหรอ”
    “อื้ม”
    เขาหรี่ตามองผม “นายมีพิรุธนะ”
    “ตรงไหน”
    “ทุกตรง อย่างวันนี้ตอนที่เล่นกีฬาน่ะ นายดูไม่เหนื่อยเลยสักนิด แถมแขนนายก็ไม่เป็นอะไรเลยด้วย ไหนจะตอนที่นายปัดลูกบอลให้เราอีก คนปกติทำกันไม่ได้หรอก”
    “คิดแบบนั้นเหรอ”
    “ใช่ เพราะงั้น....ยอมรับมาซะดีดี”
    “ยอมรับว่า....”
    “นายเป็นมนุษย์ต่างดาวไง”
    เฮ้อ....
    ผมไม่ตอบพร้อมกับเดินเข้าไปต่อแถวเพื่อซื้อข้าว ดีนะที่วันนี้พ่อเตรียมขนมปังไว้ให้ ผมค่อยเก็บมันไว้กินตอนเย็นแทน นานมากเลยที่ไม่ได้กินข้าวในโรงอาหาร ตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้วครับ ผมเป็นแบบนี้เสมอ ชอบกินข้าวคนเดียวเงียบๆ
    แต่วันนี้คงไม่เงียบ
    หลังจากซื้อข้าวเสร็จ เราสองคนก็เดินมานั่งที่มุมใกล้ประตูทางเข้า สายน้ำที่เป็นหัวหน้าห้องนำกระเป๋ามาให้ก่อนจะไปนั่งโต๊ะที่อยู่เยื้องๆ กัน คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจ้องผมไม่หยุด ความจริงไฮป์ควรสนใจอาการปวดที่ข้อมือตัวเองมากกว่าผมด้วยซ้ำ
    “ข้อมือเป็นยังไง”
    “ก็ปวดนะ ตอนที่โดนลูกบอลกระแทกครั้งแรก เราไม่ได้ตั้งตัว มันเลยซ้นตั้งแต่ตอนนั้น แล้วยิ่งรับลูกบอลอยู่เรื่อยๆ ด้วย”
    “พวกนั้นจะเล่นงานนาย ถึงได้ตบลูกไปตรงตำแหน่งนายซ้ำๆ ”
    “รู้ได้ไงอะ”
    “แค่มองก็รู้แล้ว” ผมมองอีกฝ่ายนิ่งๆ “ทำไม ถึงยอมให้พวกนั้นทำเรื่องแบบนั้นล่ะ ในห้องน้ำน่ะ ทำไมไม่สะบัดออก”
    “เจ็บน่ะ อีกอย่างมันก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ”
    “จะบอกว่าชินเหรอ”
    “เราไม่ได้อยากชินกับเรื่องแบบนี้หรอก” เจ้าตัวยิ้มบางๆ ก่อนตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวแก้มตุ่ย “เออนาย เรามีอย่างเรื่องอยากถามนายนานละ แต่ไม่ได้ถามสักที”
    “นายมีเรื่องถามเราทุกวัน”
    “เออน่า” ไฮป์ทำหน้ามุ่ยใส่ผม “ทำไมถึงชื่อแซทเทิร์นอะ”
    “พ่อตั้งให้น่ะ”
    “ครอบครัวนายอยู่ดาวเสาร์เหรอ ไม่น่าได้ป้ะ เพราะถ้าอยู่บนดาวเสาร์จริงๆ โครงการสำรวจดาวเสาร์ต้องมีบันทึกเรื่องสิ่งมีชีวิตสิ ไหนจะเรื่องของอากาศและสภาพพื้นผิวที่ต่างจากโลกมาก แต่ถ้าเป็นเอนเซลาดัสก็อาจจะเป็นไปได้ ตอนแรกเราคิดว่านายมาจากกาแล็คซี่อื่นซะอีก ไม่คิดว่าจะมาจากดาวเสาร์ แต่ถ้านายมาจากเอนเซลาดัสจริงๆ มันก็ต้องมีข้อพิสูจน์ นายมีรูปถ่ายบนดาวนายไหม”
    จะไปมีได้ยังไงของแบบนั้น
    “คือเราไม่ได้อยู่ดาวเสาร์ และก็ไม่ได้อยู่ที่เอนเซลาดัสถึงแม้ว่าองค์ประกอบทางเคมีของน้ำในมหาสมุทรบนดาวจะบ่งบอกว่าเอื้อต่อการก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตแต่มันไม่ได้หมายความว่าเอนเซลาดัสจะมีสิ่งมีชีวิต”
    “งั้นก็แปลว่านายมาจากกาแล็คซี่อื่นเหรอ”
    “เปล่า”
    “แล้วทำไมถึงรู้จักเอนเซลาดัสล่ะ”
    “นายยังรู้จักเอนเซลาดัสเลย งั้นนายก็เป็นมนุษย์ต่างดาวน่ะสิ”
    “เราเป็นมนุษย์โลก นายต่างหากที่มาจากต่างดาว”
    “มีหลักฐานไหมล่ะว่าเรามาจากดาวอื่น”
    “ถ้านายแบบนี้ก็ได้เลยแซท....เราจะหาหลักฐานมายืนยันว่านายเป็นมนุษย์ต่างดาว”
    “เอาสิ....เราจะรอดู”



    TBC.

    สวัสดีวันที่มีฝนดาวตกลีโอนิดส์
    และขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ
    เดี๋ยวมาส่งอีกบทนะ

    Twitter @Chaleeisis
    Page Facebook - Fiction Yaoi Th
    #ซทฮ #แซทเทิร์นไฮป์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×