คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 : สิ่งที่อยู่ก้นบึ้งในหัวใจ (2.1) [100%]
BA B O!
“บอกฉันมา...เธอเป็นใครกันแน่? เธอไม่ใช่คิม!!!” มิยองถามเสียงกร้าว ผมหัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่มกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ จู่ๆก็เหมือนโดนคลื่นยักษ์มาซัดถาโถมให้หนักเข้าไปอีก
“เฮ้ย!จุน ฉันมาแล้ว” จู่ๆร่างของผมที่มียัยตัวปัญหาสิงสถิตอยู่ก็ปรากฏตัวพร้อมเสียงแจ้วก็ดังขึ้น ผมนี่แทบหัวใจหยุดเต้น มิยองคงรู้ความจริงหมดแล้วล่ะ ชัดเจนซะขนาดนั้น!!!!!
“เธอ!!!”
ตอนที่ 7
มิยองกำลังช็อก หล่อนมองหน้าผมในร่างคิมกับคิมในร่างของผมสลับกันอย่างอึ้ง ตะลึงสุดขีดก่อนจะเอ่ยถเสียงสั่น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ผมมองหน้าคิมเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงกันต่อดี คิมทำหน้าปลงก่อนจะพยักหน้าให้ยอมบอกความจริง
หลังจากที่ปล่อยให้มิยองทำใจอยู่สักพักใหญ่ มิยองก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เล่ามาซิ”
“เอ่อ...คือว่า” ผมบอกตะกุกตะกัก คิมเห็นท่าแล้วไม่น่าไหวจึงออกโรงเล่าเอง
“มิยอง...พวกเราสลับร่างกัน”
“เมื่อไหร่?”
“ตอนที่ไปแข่งวิ่งชนกันนั่นแหละ พอฟื้นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้แหละ”
“มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง?”
“ไม่มี...มีแค่ฉันกับคิม” ผมตอบขึ้นมาบ้าง มิยองถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนปลดปล่อยทุกสิ่งอย่างจนผมกับคิมถึงกับสะดุ้ง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่จริง นึกว่ามีแค่ในนิยายหลอกเด็ก” มิยองพูดบ้าง
“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเธอ...ฉันคิดว่าถ้าเรื่องนี้มีคนรู้น้อยจะดีกว่า ฉันไม่อยากให้มีปัญหาใหญ่โตน่ะ” คิมอธิบาย มิยองก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
“มิน่าล่ะ...ฉันสงสัยอยู่นานแล้วว่าทำไมพวกเธอสองคนทำตัวแปลกๆไม่เหมือนเดิม...นาย! นายควรจะอยู่ห่างๆฉันไว้สิ ในเมื่อนายเป็นผู้ชายน่ะ” มิยองหันมาโวยวายใส่ผม ผมยิ้มแหยๆอย่างไม่มีคำแก้ตัว
“แล้วนี่พวกเธอจะเอายังไงกันต่อ? จะอยู่ในร่างของอีกคนแบบนี้น่ะหรอ?” มิยองหันมาถามคิม
“ฉันก็อยากจะกลับเข้าร่างของฉันอ่ะนะแต่มันกลับไม่ได้”
“แล้วตอนที่เข้าโรงพยาบาลหมอเค้าว่ายังไง? เธอได้ถามหมอหรือเปล่า?”
“หมอหาว่าพวกฉันบ้า ในเมื่อเขาไม่ตรวจพบสิ่งที่ผิดปกติในร่างกาย...”
“แต่ดูเหมือนว่าจะมีความผิดปกติทางจิต” ผมแทรกขึ้นมาเสริมอีกแรง
“.......” มิยองเงียบไม่รู้จะช่วยยังไง ก่อนจะปิ๊งไอเดียคิดอะไรออก
“ถ้าทางการแพทย์ไม่ได้ผลทำไมไม่ลองด้านไสยศาตร์ล่ะ?”
“ไสยศาสตร์???” ผมกับคิมพูดขึ้นมาพร้อมกัน
ใช่! ทำไมเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยนะ ไม่แน่ศาสตร์นี้อาจจะอธิบายอะไรๆได้มากกว่าที่เราคิดก็ได้นะ...
เมื่อพูดถึงเรื่องศาสตร์ลี้ลับแล้วจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“เฮ้! ยอล” ผลตะโกนเรียกยอลเมื่อเห็นเขาเดินผ่านไป ยอลหยุดก่อนจะหันมาตามเสียงเรียก
“อ้อ...มีอะไรหรอ?” เขาถามพลางเดินเข้ามาหา
“ฉันได้ยินมาว่านายเชื่อเรื่องลี้ลับ...นายพอจะรู้พวกสำนักหมอผีอะไรทำนองนั้นบางมั้ย?” ผมเลียบๆเคียงถามๆ ทำเอายอลถึงกับเกาหัวก่อนจะทำหน้าหนักใจนิดนึง
“คือว่า...ความจริงฉันก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกนะ...แต่เพราะคุณย่าของฉันเคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ...ว่าแต่เอจะถามไปทำไมหรอ?” ยอลถามกลับอย่างสงสัย
“เอ่อคือ...มันก็ไม่มีอะไรมากมายหรอก แถวบ้านฉันมีข่าวลือเรื่องผีที่ออกมาอาละวาดน่ะ ก็เลยอยากหาวีช่วย เพราะฉันเองก็นอนไม่ค่อยหลับหลายวันแล้วก็เพราะเรื่องนี้แหละ” ผมแถไปเรื่อย โดยที่ยอลก็ทำหน้าเหมือนจะพอเข้าใจในบางส่วนก่อนจะรับปากว่าจะมาบอกให้หากว่ารู้ว่าสำนักหมอผีนั้นอยู่ที่ไหน
เพราะมิยองรับปากว่าจะไม่นำเรื่องสลับร่างไปบอกใครทำให้พวกผมก็สบายใจอย่างน้อยเธอก็เป็นผู้เก็บความลับได้ยอดเยี่ยมจากคำเยินยอของคิม แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มิยองจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อข่าวเรื่องบริษัทของพ่อเธอกลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้ง
‘ป้ายโฆษณาผ้าใบของกลุ่มเงินทุนSouth se-coin ถูกคนร้ายกรีดจนยับเยินแถมยังถูกสเปรย์สีแดงพ่นซ้ำที่ใบหน้าของประธานบริษัท มาร์ พัสยากร...ตามที่ตำรวจกำลังสืบสวนคาดว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันกับที่เกิดเหตุครั้งก่อนๆ ตำรวจชี้ประเด็นอาจเป็นการขัดแย้งทางธุรกิจหรือเป็นความแค้นส่วนตัว’
อ้อ! ลืมบอกไปตอนนี้ผมชวนคิมมากินข้าวที่บ้าน ซึ่งความจริงแล้วคิมอยากมาเองมากกว่า เห็นบ่นว่าคิดถึงแม่และก็อยากกินข้าวฝีมือของแม่ตัวเอง ผมก็เข้าใจดีเลยชวนมาด้วยกัน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมารดาของยัยคิมและป้าของเธอ ที่ต่างลงความเห็นกันว่านี่อาจจะเป็นแฟนของยัยคิมก็เป็นได้
“ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกครับ” คิมที่ฟังมานานโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด จนผู้ใหญ่สองคนสะดุ้งก่อนจะปรับสีหน้าเปลี่ยนเรื่องทันที
“มิยองคงเครียดกับเรื่องนี้เหมือนกันนะ” ผมเห็นด้วยกับคำของคิม ว่าแล้วก็นึกอย่างจะโทรไปถามเหมือนกันแต่ติดที่ว่าตอนนี้ธอรู้แล้วว่าผมไม่ใช่คิมเพื่อนสนิทของเธอ แต่เป็นไอ้หน้าหม้อที่คิมพยายามขัดขวางจนเกิดเหตุสลับร่างขึ้น
แต่เมื่อผมหันไปที่โทรทัศน์ที่แม่ของคิมกำลังเปลี่ยนช่องเนื่องจากเข้าข่าวช่วงกีฬาไปเป็นอีกช่องหนึ่งแทน ทำให้ผมสะดุดตากับภาพคนร้ายมือกรีดที่กำลังเป็นข่าวอยู่
คนร้ายที่ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงเดฟสีเดียวกัน กับหมวกแก๊ปสีดำลายธงชาติสหรัฐฯ และชุมชนในย่านนั้น ช่างคุ้นตาดีเหลือเกิน เหมือนผมเคยไปแถวนั้น เหมือนเคยเห็นคนใส่หมวกแก๊ปลายนั้นอยู่...ใครกันนะ...เคยเห็นที่ไหนหว่า?
พาร์ท มิยอง
หลังจากรายงานข่าวถึงคนร้ายที่กรีดป้ายโฆษณาไป มาร์ พ่อของฉันก็อารมณ์เสียอยู่นาน ฉันไม่อยากเข้าไปหาพ่อในเวลานี้ ไม่รู้ว่าพ่อจะอารมณ์ไม่ดีขนาดไหนแต่ว่ามันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วที่ต้องเข้าไปหาทุกๆวัน
“พ่อคะ”
“นั่งสิ” น้ำเสียงของพ่อติดอารมณ์ขุ่นมัวอยู่หน่อยนึง แต่ก็ดีกว่าที่โต๊ะอาหารที่พ่อหน้าตึงอย่างหัวเสีย
“อะไรคะ?” ฉันถามเมื่อพ่อยื่นเอกสารตรงหน้าให้กับฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่าน
‘เอกสารการับสมัครสอบตรงแพทย์’
ฉันนิ่งไปเล็กน้อย แพทย์ หรอ?! นี่ฉันต้องเรียนหมออย่างที่พ่อต้องการจริงๆใช่มั้ย?
“อีกไม่นานลูกต้องสอบแล้ว ลูกต้องขยันให้มากกว่านี้” มาร์บอกเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อคะ...แล้วถ้าหนูไม่อยากเป็นล่ะคะ?” จู่ๆไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันตัดสินใจพูดไปแบบนั้น พ่อฉันเงยหน้าขึ้นยืดตัว ก่อนจะถามฉันอีกครั้ง
“ว่าอะไรนะ?”
“ถ้าหนูไม่อยากเรียนหมอแต่หนูอยากเรียนสิลปะล่ะคะ?” ฉันรวบรวมความกล้าตัดสินใจถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนน่ากลัวของพ่อของฉันดังขึ้นมา
“นี่ลูกกำลังอำพ่อเล่นใช่มั้ย? ต้องการให้พ่อหายเครียดกับเรื่องบริษัทใช่หรือเปล่า?”
“หนูพูดจริงๆค่ะ” ฉันตอบออกไปเสียงสั่นเครือ
“จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น...รู้มั้ยว่าคนกำลังจับตาดูเธออยู่ ถ้าเธอเป็นหมอได้ไม่ใช่แค่เธอที่จะได้รับการยกย่อง แต่มันรวมถึงพ่อด้วย!” พ่อประกาศเสียงแข็ง จนแม่ฉันตามเข้ามาดู ฉันนั่งตัวสั่น เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนมือไม้จะเริ่มสั่นตามแรงกดดัน แม่เขามาโอบไหล่ฉันพลางบอกให้ฉันกลับขึ้นห้องไป แม่ประคองฉันจะออกไปแต่พ่อก็พูดขึ้นมา
“เธอไม่จำเป็นต้องเลือกทางเดินของเธอเอง...เพื่ออนาคตที่ดีฉันได้ปูทางไว้หมดแล้ว กลับไปสงบสติอารมณ์ของเธอซะ”
ฉันหน้าชามากกับสิ่งที่ได้ยิน ฉันเหมือนหมากในเกมที่พ่อกำลังแข่งขัน ไม่มีความสำคัญอะไรมากขนาดนั้น...คนยกย่อง? ยกย่องไปทำไม? สำคัญนักหรือไง?...
หลังจากที่แม่พามาส่งถึงห้อง แม่จะมาอยู่เป็นเพื่อนแต่ฉันขออยู่คนเดียวก่อนจะขังตัวเองไว้ในห้อง ได้ยินเสียงแม่พูดปลอบโยนดังเข้ามา แต่ฉันไม่ได้ยิน ก่อนจะพลั่งพลูน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจต้านทานได้ ก่อนจะหลับหลงทั้งน้ำตาอย่างอ่อนเพลีย
พาร์ท จุน
หลังจากคิดมาทั้งคืนถึงหมวกแก๊ปใบนั้นที่ช่างคุ้นตามันก็ยังคิดไม่อกเสียที ผมเดินเหม่อๆจนชนเข้ากับประตูกระจกใสของห้องพักครู
“โอ๊ย! เจ็บโว้ยยยย!!!” ผมสบถออกอย่างเซ็งๆ หันไปมองคนที่มายืนข้างๆก่อนจะผงะตกใจ
“อุ๊ย! แม่หกตกใต้ถุน” ผมอุทานอย่างตกใจ ยอลนั่นเองอ่ะ!
“ฮ่าฮ่า...คำอุทานเธอน่ารักดีนะ” ยอลยิ้มขำๆ ผมได้แต่จ้องจิกกัด
“เหม่ออะไรอยู่?”
“แล้วนายอ่ะมาทำอะไรไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง” ผมย้อนถามกลับ
“ก็มาบอกเรื่องหมอผีไง”
“เฮ้ย! จริงอ่อ? อยู่ไหนอ่ะ?” ผมถามอย่างตื่นเต้น ยอลจึงยื่นกระดาษโน้ตเล็กๆที่แนบที่อยู่เอาไว้ให้ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม
“ฉันไม่รู้ว่าจะได้ผลจริงหรือเปล่า? คิวที่นี่ยาวมากถ้าเธอต้องการจริงๆก็ต้องโทรไปจองตัว...ทำไมเธอไม่ลองวิธีอื่นล่ะ?”
“เช่นอะไร?”
“ให้พระท่านช่วยสิ”
“ฉันลองมาหมดแล้วแทบจะเอาน้ำมนต์มาราดตัวก็ยังไม่กลับคืนร่าง” ผมเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้รีบเผ่นไป
“ขอบใจนะ”
ผมไม่ทันเห็นสายตาและได้ยินคำพูดของยอลหรอก ใครจะรู้ว่าคำพูดของเขามันช่าง...
“ทำยังไงพวกเธอจะสลับร่างคืนซะทีนะ”
ความคิดเห็น