ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Switch สลับขั้วมาลุ้นรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 : เธอไม่ใช่คิม!!! [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 55


     
    ตอนที่ 6

    “นี่นายปล่อยฉันได้แล้วน่า” ฉันเอ่ยออกไปเขินๆ เมื่อยอลกุมมือฉันไม่ยอมปล่อยเสียทีตั้งแต่หนีออกมา

    ยอลก็ยิ้มแบบเขินๆก่อนจะปล่อยมือฉันลง ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่อง

    “เข้าไปกินไอศกรีมกันเถอะ” เขาชวนฉันก่อนจะนำเข้าไปในร้านไอศกรีม ไฟนีออนส่องสว่างไปทั่วย่าน ร้านนี้ถือเป็นร้านไอศกรีมชื่อดังของย่านนี้ที่เปิดบริการ24ชั่วโมง ฉันก็เคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยลองลิ้มชิมรสกับเขาเสียที เห็นทีคงจะได้เป็นลาภปากก็วันนี้แหละ
     

      
     

     


          “ช็อกโกแลตสองครับ...เอ่อ ไม่สิ...นายจะกินรสอะไรนะ?” ยอลสั่งอย่างคล่องแคล่วเพราะรู้ดีว่าจุนชอบรสอะไร แต่มาวันนี้เขากลับถามขึ้นเหมือนไม่แน่ใจ 

             “อืม...ลูกแพรก็ดีนะ” ฉันบอกพลางจ้องไอศกรีมรสลูกแพรน้ำลายแทบหก โอ๊ย! น่ากินเวอร์!!!

          “งั้นลูกแพรอีกโคนครับ”

     

                เมื่อได้ของที่สั่งไปแล้ว พวกเราก็เดินออกจากร้านเดินไปกินไปอย่างสบายอารมณ์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ฉันลืมทุกๆสิ่งที่ควรจะเป็นไปหมด หลายสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดจะทำแต่มาวันนี้ฉันกลับทำมันอย่างไม่ลังเล แถมมีความสุขและสนุกไปกับมันอีกด้วย มันเป็นเพราะอะไรนะ?

                “อร่อยดีนะ” ฉันชมเปาะพลางเลียไอศกรีมรสลูกแพรตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย จนยอลอดขำไปได้ ฉันหันไปมองค้อนๆแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร

                “นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะรู้ตัวรึเปล่า?” ยอลพูดขึ้นมา ทำเอาฉันชะงัก

                “ยังไง?”

                “นายดูมีหลักการมากขึ้น ดูสดใสร่าเริง เหมือน...ผู้หญิง” ทันทีที่พูดจบ เสียงไอก็ดังขึ้นมาโดยทันใด โอ๊ย! หมอนี่จะให้ฉันสำลักไอติมตายรึไง มันไม่อุบาทว์ไปหน่อยเรอะ?!

            “จะบ้ารึไงฉันน่ะเหรอเหมือนผู้หญิง...นายเข้า...”



                O_O!!!!!

            นิ้วมือเรียวยาวได้รูปเหมือนผู้หญิงของอีกฝ่ายลูบเบาๆที่ริมฝีปากบนของฉันอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้มาแค่นิ้วมือแต่เขายังยื่นหน้ามาใกล้ๆฉันอีกด้วย

                ตึก ตึก... ตึก ตึก

                ใจฉันเต้นแทบจะหลุดออกมาทันทีที่เขาสบตาของฉัน มันเหมือนมีไฟฟ้าเล็กๆมาช็อตฉันจนฉันยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก


                “ดูสินายกินเลอะเทอะไปหมดแล้ว...เหมือนเด็กเลย” ยอลยกตัวอย่างมาอ้างก่อนจะค่อยๆยืดตัวขึ้นแล้วหันไปสนใจไอศกรีมรสช็อกโกแลตในมือของเขา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรปล่อยให้ฉันอึ้งทึ่งพูดอะไรไม่ออกอยู่ฝ่ายเดียว

                “ถ้าใครไม่รู้จักนายพวกเขาคงคิดไปแล้วล่ะว่านายเป็นตุ๊ด” ฉันเอาคืนแต่เขาก็หัวเราะร่ออย่างกับที่พูดเป็นเรื่องตลกนักล่ะ

                “ใช่! ตอนนี้ฉันกำลังเป็นตุ๊ด” ยอลเอี้ยวหน้ามายิ้มให้ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินนำไป ฉันได้แต่เกาหัวแกรกๆ ไม่รู้ไอ้ที่เขาพูดน่ะมันจริงหรือหลอกเล่นกันแน่...



     

    พาร์ทมิยอง

     

                ฉันไม่รู้ว่าตัวฉันถูกปลิวตามแรงดึงของเพื่อนรักอย่างคิมตอนไหน รู้ตัวอีกทีฉันก็วิ่งไปพร้อมๆกับคิมแล้ว ฉันเหนื่อยจริงนะ เกิดมาไม่เคยวิ่งไกลขนาดนี้เลย

                “หยุดก่อนเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว”

                “ไม่ได้หรอก พวกตำรวจกำลังตามมา” จุนในร่างคิมบอกกับฉันอย่างนั้น ทำให้ฉันต้องฝืนใจวิ่งต่อไป โดยที่คิมฉวยโอกาสที่เข้าใกล้ป้ายรถเมล์ รีบพาฉันขึ้นรถเมล์ทันที...

     

                “โอ๊ย! ตื่นเต้นเป็นบ้า อย่างกับหนังแอคชั่นกลางเมืองแหนะ” คิมบอกอย่างตื่นเต้น

                “แต่ฉันเหนื่อยมาก”

                “ฉันเข้าใจๆ นี่ไงล่ะได้ขึ้นมาพักแล้วเนี่ย”

                “นี่เรากำลังจะไปไหนกัน?”

                “ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่ารถเมล์สายนี้ไปไหน นั่งพักสักแปปก่อนเถอะแล้วค่อยกลับบ้าน” คิมบอกน้ำเสียงติดเหนื่อยแทบอยากพักเต็มที

                “ถ้าพ่อฉันรู้ พ่อฉันฆ่าฉันแน่” ฉันบอกอย่างเป็นกังวล ยอลเอื้อมมือมาจับอย่างให้กำลังใจพร้อมปลอบโยนว่า

                “ฉันจะช่วยเธอเองถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นน่ะ...เอางี้ไปนอนค้างบ้านฉันก่อน ถ้าพ่อเธอรู้คงไม่ว่าอะไรมากเท่าไหร่หรอก”

                “ขอบใจนะ” ฉันไม่มีคำอื่นจะบอกนอกจาก ขอบใจ

                ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม...คิม เพื่อนที่ฉันสามรถระบายทุกสิ่งให้เธอฟังได้อย่างสนิทใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ฉันรู้สึกได้ว่าคิมไม่เหมือนเดิม คิมคนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันเคยรู้จัก

                แต่ในความรู้สึกสับสนนั้น มันกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ถูกปลุกให้ตื่นจากก้นบึ้งของหัวใจ...ชีวิต ชีวิตที่เธออยากอยู่มากที่สุด ชีวิตที่มีความหวังและความสุข มันแทรกซึมผ่านเข้ามาทีละนิดๆ



     

            “เธออยากเป็นอะไรหรอ?” จู่ๆคิมก็ถามฉันขึ้นหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปสักพัก

                “เธอก็รู้...พ่ออยากให้ฉันเป็นหมอ” ฉันบอกเสียงเศร้าๆ

                “ฉันหมายถึงเธอต่างหากไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากให้เป็น” เขาตอบกลับมาอย่างไม่สนใจ

                “ฉันชอบวาดรูป...อยากเป็นจิตรกรมั้ง” ฉันพูดออกไปโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น มันเป็นสิ่งที่ฉันชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่

                “ก็เรียนเลยซิ...จะไปกลัวอะไร”

                “พ่อฉันคงไม่ยอม”

                “ทำไมจะไม่ยอม?...อีกอย่างนี่ชีวิตเธอไม่ใช่ชีวิตของใคร เรามีสิทธิเลือกในสิ่งที่เราต้องการ” เขาบอกอย่างหนักแน่นฟังดูมีกำลังใจขึ้นมาเยอะนะ แต่ทำไม่ได้ง่ายๆหรอกน่า



                “ฉันต้องแพ้พ่อแน่ถ้าฉันยังในเล่นเกมนี้ต่อไป ฉันก็เหมือนหมากที่พ่อกำหนดว่าให้เดินทางไหน ยังไงฉันก็ไม่มีทางมีอิสระในการกระทำ”

                “ทำไมเธอจะต้องยอมเป็นหมากล่ะ เธอเก่งพอที่จะไปเดินหมาก เธอถูกพ่อเธอหลอกให้เดินเกมตามนั้น เธอแค่อย่าหลงกลและต่อสู้เพื่อชัยชนะ ฉันเชื่อว่าเธอไม่มีทางแพ้แน่...หรือไม่จริง?”

                นั่นสินะ...คำพูดของคิมทำให้ฉันคิดอะไรได้มากมาย บางสิ่งที่ฉันไม่กล้าที่จะคิด ตอนนี้ฉันกลับเห็นมันเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่ฉันสามารถก้าวเผชิญออกไปได้อย่างไม่เกรงกลัว

                “ขอบใจนะ...เธอทำให้ฉันคิดได้” ฉันขอบคุณจากออกมาจากใจ คิมยิ้มให้ฉันก่อนจะเอามือมายีหัวฉันอย่างเอ็นดู มันช่างให้ความอบอุ่นในใจฉันเหลือเกินหลังจากที่ผ่านค่ำคืนอันเหน็บหนาวกับโชคชะตามานานหลายปี...



    พาร์ท จุน

    วันใหม่ กับสัปดาห์แห่งการสอบย่อย!!

     

                “โอ๊ยยยย! ฉันจะบ้าตายทำไมมันยากอย่างนี้เนี่ย?!” ผมสบทออกมาอย่างหัวเสียนิดหน่อยหลังจากที่ผมจมกับโจทย์เลขข้อนี้มานานนับครึ่งชั่วโมง อีกเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็จะเข้าสู่การสอบเก็บคะแนน(ย่อยๆ)ของภาคเรียนที่2แล้ว อีกอย่างผมน่ะจะไม่ซีเรียสเลยถ้าหากว่าตัวผมอยู่ในร่างของผมเอง จะตกก็ช่างนั่น มันเป็นสิ่งที่ทำ(ได้)เป็นประจำอยู่แล้ว แต่นี่อะไรผมอยู่ในร่างของ ยัยคิมเด็กหัวกระทิของโรงเรียน นี่ถ้าเกิดผมทำผิดแม้แต่ข้อเดียวโรงเรียนคงต้องฮือฮากันเป็นแถวแน่!

              หวังว่านายคงไม่ลืมใช่มั้ยว่านายห้ามทำคะแนนฉันตกต่ำเป็นอันขาด!’

     

                คำขู่ล่าสุดของนางมารถูกประกาศิตออกมาเมื่อวานซืนที่ผ่านมา ใครจะไปทำได้ล่ะข้อสอบใช่ว่าง่ายให้คิดบวกเลขก็คิดออก อีกอย่างเจ๊แกก็ใช่คนปกติไม่ คนบ้าอะไรฉลาดเกินคน คนปกติอย่างผมถึงกับเซ็ง ซวยจริงๆ สงสัยโดนทั้งขึ้นทั้งร่องสิหน่า



    ฟรึ่บ!

                เสียงประตูห้องเรียนถูกเปิดขึ้นอย่างแรงด้วยแรงมหาศาลของครูสาว(แก่)จอมถึกประจำวิชาเลขหรรษา(หรอ?) พร้อมด้วยหน้าตาบึ้งตึงเป็นเอกลักษณ์ของแกกับน้ำเสียงเนิบๆที่ฟังที่ไรผมก็อยากจะหลับทุกครั้งไป

                “เอาล่ะเก็บชีทไปให้หมด เอากระเป๋าและเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดมากองรวมกันไว้หลังห้องเรียน” ครูสั่งเสียงเนิบแต่กลับแฝงรังสีอำมหิตไว้

                นักเรียนหลายคนลุกขึ้นตามคำสั่ง โดยที่ผมเดินผ่านยัยคิมก่อนที่ยัยคิมจะมองจ้องผมเหมือนกำชับว่าให้ทำให้ดีๆ แต่ผมได้แต่บอกว่า

                เห็นทีคงยากล่ะ เสียใจด้วย’ 

                คงเพราะสายตาที่ส่งความหมายไปอย่างนั้น พักหนึ่งคิมก็เข้ามากระซิบบอกผม

                “เอางี้นะ! ฉันรู้ว่านายไม่มีปัญหากับเกรดของนายแต่สำหรับฉันมันไม่ใช่...นายทำข้อสอบแล้วเขียนชื่อนายลงไป ส่วนฉันจะเขียนชื่อฉัน เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

                เอ้า! แผนการร้ายต่อการทุจริตของยัยเด็กนักเรียนดีเด่นผุดขึ้นมา ผมยังแทบอึ้งไม่คิดว่าหล่อนจะฉลาดแกมโกงขนาดนี้ แต่ความจริงมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก เพราะเวลาเก็บก็แค่ส่งจากหลังมาหน้า ครูคงไม่รู้อะไร อีกอย่างนะ...ผมจะได้ไม่โดนยัยจิ้งจอกรุมทึ้งผม หลังจากที่ต้องรู้ว่าคะแนนเธอเป็นศูนย์


                “ลงมือทำข้อสอบได้!” เมื่อครูคนเก่า(แก่)ประกาศขึ้นทุกคนต่างลงมือทำข้อสอบขอบตนเองไม่มีใครส่อแววทุจริตเลย แม้แต่จะหันมาแอบมองยังไม่มี

                การสอบดำเนินไปเรื่อยๆจนสัญญาณหมดเวลาดังขึ้น พวกเราต้องส่งกระดาษคำตอบไปให้คนข้างหน้าตามกฎกติกาของคุณครู

                ผมจัดการส่งกระดาษคำตอบของเพื่อนคนข้างหลังและของผมเองไปให้มิยองซึ่งอยู่ข้างหน้า

                ก่อนที่คิมจะกระซิบเรียกผมเชิงถามว่าเรียบร้อยดีไหม? ผมก็พยักหน้าบอกไปว่าโอเค!

                ทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ความจริงนี่มันจุกเริ่มต้นของปัญหาต่างหาก ปัญหาที่พวกเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น...




                ผมออกมาพบคิมเหมือนทุกครั้งที่บันไดหนีไฟเพราะเป็นที่ประจำที่เราต้องมาพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารของแต่ละฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะมาเร็วไปหน่อย เลยยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคิม จนได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

                “คิม...” ผมหันไปตามเสียงพบว่าเป็นมิยองนั่นเอง ผมแอบตกใจนิดหน่อยที่เห็นเธอมาอยู่ที่นี่ แต่ก็ทำยิ้มทักทาย ใจดีสู้เสือไปงั้นแหละ

                “อ้าว! มิยองมีอะไรหรอทำไมรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ล่ะ?”

                “ฉันตามเธอมาน่ะ...สะกดรอยตาม” มิยองพูดเสียงเรียบๆนิ่งๆ

                “เอ่อ...งั้นหรอ” ผมพูดไม่ค่อยออกเหมือนมีลางไม่ดี

                “เธอกับจุนเป็นอะไรกัน? พวกเธอมีความสัมพันธ์ยังไงกัน?” จู่ๆมิยองก็ยิงคำถามใส่จนผมจุกไปอยู่พักใหญ่ๆ

                “มิยอง ถามอะไรอย่างนั้น...ฉันกับไอ้จุนก็แค่คนที่ไม่กินเส้นกันเท่านั้นแหละ”

                “แค่นั้นจริงๆหรอ?...แปลกนะคนที่ไม่ถูกกันกลับเขียนชื่อของอีกฝ่ายลงไปในข้อสอบ...อย่างกับทำแทนกันอย่างนั้นแหละ”

                O___o!!!

                “เฮ้ย!ไม่มี...เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ” ผมปฏิเสธ

                “ฉันเห็นกับตากระดาษคำตอบที่ถูกส่งมาเมื่อเช้านี้น่ะ...มันควรเป็นชื่อของเธอ แต่มันกลับเป็นชื่อของจุนคนที่อยู่คนละแถวกับเธอ คนที่เธอบอกว่าไม่ถูกกัน” มิยองเริ่มต้อนผมเรื่อยๆ เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้าของผม สีหน้าวิตกกังวลเริ่มแสดงออกชัดขึ้น

                “บอกฉันมา...เธอเป็นใครกันแน่? เธอไม่ใช่คิม!!!” มิยองถามเสียงกร้าว ผมหัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่มกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ จู่ๆก็เหมือนโดนคลื่นยักษ์มาซัดถาโถมให้หนักเข้าไปอีก

                “เฮ้ย!จุน ฉันมาแล้ว” จู่ๆร่างของผมที่มียัยตัวปัญหาสิงสถิตอยู่ก็ปรากฏตัวพร้อมเสียงแจ้วก็ดังขึ้น ผมนี่แทบหัวใจหยุดเต้น มิยองคงรู้ความจริงหมดแล้วล่ะ ชัดเจนซะขนาดนั้น!!!!!

                “เธอ!!!






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×