ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Switch สลับขั้วมาลุ้นรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : ความรู้สึกใหม่ [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 55


    G Minor!

     

     



    ตอนที่ 5


    หลังจากที่พิมมี่เข้ามาชวนฉัน(แกมบังคับ)ให้ไปดูเธอร้องเพลงที่ผับ ฉันจึงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกนายจุนให้รู้เสียก่อน อีกอย่างฉันก็ยังเป็นเยาวชนอายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ ถ้าเกิดถูกตำรวจจับมา อนาคตนักเรียนดีเด่นอย่างฉันคงมีอันต้องพังลง ฮึ่ม!

              “ยังไงฉันก็ไม่ไปฉันบอกเสียงเด็ดขาด แต่ดูนายจุนจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ฉันพูด เขาคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

                “นี่ฟังฉันอยู่รึเปล่า?” ฉันเรียกนายจุนอีกครั้ง

                “เออๆ ฟังอยู่

                “ฉันไม่ไปนะฉันบอกอีกครั้ง

                “แน่ใจ?” จุนย้อนถาม

                “.......” ฉันงงไปสามวิก่อนจะถามอย่างงงๆ

                “ทำไม?”

                “ไม่เห็นฤทธิ์ยัยพิมหรอ? ไม่กลัวยัยนั่นรึไง?” จุนบอกก่อนจะยิ้มมุมปาก

                “เรื่องของยัยนั่นสิ!” ฉันทำเป็นไม่แคร์แต่จริงๆแล้วแอบคิดหนักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

                “คำเตือนครั้งสุดท้ายไปงานซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน...ยัยพิมเป็นลูกนักเลงแถวนี้ อีกอย่างคนที่หักอกยัยพิมที่ผ่านไม่เคยอยู่ดีหรอกนะนายจุนยิ้มเย็นอย่างขู่ให้กลัว ฉันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่อย่างเหนียวคอเต็มที เริ่มเชื่อตามนั้น

                “ไม่ไปไม่ได้หรอ?” ฉันถามเสียงอ่อย

                “หึ หึ

                “.............”

                 = =;;



              “เฮ้ยจุนเสียงร้องทักดังขึ้นมาแต่ไกล เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครนอกจากนายยอล

                 = =;; นายชักโวยวายเหมือนผู้หญิงแล้วนะฉันอดเหน็บแนมไม่ได้ ยอลเกาหัวตัวเองก่อนจะยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเข้าเรื่อง

                “นายรู้เรื่องพ่อของมิยองรึยัง?”

                “พ่อมิยองหรอ? ทำไมอ่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” ฉันรัวคำถามใส่เป็นชุดอย่างสนใจ

                “นี่นายชอบมิยองจริงๆหรอเนี่ย?” ยอลแอบแซว ฉันยักเขี้ยวใส่ ยอลจึงจำต้องตอบคำถามของฉัน

                “ก็มีมือดีทำลายป้ายโฆษณาของบริษัทพ่อของมิยองน่ะสิ คนร้ายอุกอาจมากนะ ลงมือในเวลาที่คนอยู่เต็มเมือง คนก็เห็นมากมายแล้วมันก็เดินหนีไปหายไปกับสายลมยอลเล่าอย่างจะชื่นชมแต่น้ำเสียงก็อดประณามไม่ได้

                “ใครกันทำแบบนี้?” ฉันถามกับตัวเอง ในใจนึกอยากจะเข้าไปคุยเรื่องนี้กับมิยองให้รู้แล้วรู้รอด แต่ด้วยร่างของจุนมันช่างทำให้เราห่างเหินกันมากยิ่งขึ้น

              “เข้าห้องเรียนเถอะฉันตัดบทก่อนจะเดินนำยอลไปโดยไม่รอให้เขาเดินขนาบข้าง ยอลจึงต้องเดินตามต้อยๆ




    ในห้องเรียน

                “มิยองเสียงใสของร่างฉันทักเพื่อนสนิทสุดหวงของฉันดังขึ้น นายจุน!

          “มาแล้วหรอ?” มิยองส่งยิ้มหวานเรียบๆให้ ฉันมองแผล็บเดียวก็รู้ว่านัยตาของมิยองมีอะไรแอบแฝงอยู่

                “มิยองฉันรู้ข่าวเรื่องพ่อของเธอ เป็นยังไงบ้าง?” ฉันเข้าไปถามอย่างห่วงใย แต่ดูเหมือนว่ามิยองจะมองฉันอย่างกับว่า

                ‘แกสนิทกับฉันขนาดนั้นเลยเหรอยะ?’

           “แหะๆ


                “เรื่องอะไร?” มิยองย้อนถามฉันหน้าตาย ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น

                “ก็เรื่องบริษัทพ่อของเธอไงฉันบอกไป มิยองบอกเสียงเรียบ

                “ฉันไม่รู้...มันไม่ใช่เรื่องของฉัน

                “โอ้โห! ไม่ยักรู้ว่าสาวเรียบร้อยจะมีมุมเย็นชา แอบโหดเหมือนกันนะเนี่ยจุนแซวอย่างชอบใจ ฉันรู้สึกหน้าแตกต่อหน้าทุกคนเลยรีบแก้ลำ

                “ฉันขอให้ตำรวจจับคนร้ายได้ไวๆนะฉันพูดอย่างหวังดี มิยองแค่ยิ้มบางๆตอบรับ

                “ขอบใจนะ

     


     

          วันศุกร์ เวลา 21.00 น.

                แบริ่ง บลู ผับ

              ฉันจำต้องมาอยู่หน้าผับด้วยความจำเป็น และที่สำคัญฉันต้องอำพรางตัวเองเพื่อไม่ให้ใครรู้

                ฉันสวมฮูทสีเทาตัวโคร่งในตู้บ้านนายจุน ใส่แว่นตาดำ จนเหมือนแขกอาหรับมาเที่ยวผับในเมืองไทย = =

                “นั่นนายรึเปล่าน่ะ?” ยอลเดินเข้ามาถามอย่างสงสัย เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะของเขาดังเล็ดลอดขึ้นมา

                “หัวเราะอะไรยะ?” ฉันถามอย่างประหม่า มองดูสารรูปตัวเอง

                “ฮ่า ฮ่า ฮ่าเขาระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาดังกว่าเดิม

                “นายพูดว่ายะหรอ? โอ๊ยนายนี่จี้ชะมัดเลย ฮ่า ฮ่า

                = =” ฉันทำหน้าแบบนั้นใส่ก่อนจะกระทืบเท้าใส่ เขากระโดดเหยงๆ ร้องโอ๊ย

                “เมื่อไหร่ไอ้สะดือจุ่นจะมาวะฉันบ่นพึมพำ ยอลมองอย่างจับผิด

     

     

    พาร์ทจุน

     

                กว่าผมจะหลบแอบออกมาได้จากบ้านของยัยคิมแทบตายแน่ะ บ้านนี้ไม่มีใครรีบขึ้นนอนกันเลยรึไง นี่ถ้าผมไม่โกหกว่าจะรีบเข้านอนแล้วปีนหนีออกมาล่ะก็ ป่านนี้ผมคงต้องถูกจับดูละครหลังข่าวยุงชุมกับครอบครัวเป็นแน่ และอีกอย่างที่สำคัญในตอนนี้ผมอึดอัดมาก(ถึงมากที่สุด!)ก็ชุดที่ใส่อยู่น่ะสิ ทำไมมันช่างรัดกุมแบบนี้ล่ะ มันร้อนนะรู้มั้ย!

                ใส่เสื้อผ้าแขนยาวกางเกงขายาวเข้าใจมั้ย หาอะไรมาบังหน้าฉันด้วยล่ะ!’ นี่เป็นคำที่ยัยคิมกำชับผมก่อนที่จะออกมา เฮ้อ! โจ๋เซ็ง

     

              ผมรีบเรียกแท็กซี่ไปที่ผับทันทีและเมื่อถึงผมก็รีบวิ่งจะเข้าไปแต่แล้วผมก็ถูกชนเข้าอย่างจัง

                “โอ๊ะ!” เสียงเล็กที่คุ้นเคยดังขึ้น ก่อนที่หมวกแก๊ปสีดำของอีกฝ่ายจะล่วงลงสู่พื้น ผมแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดๆอีกครั้ง

                “มิยอง!


                “คิม!!!” มิยองอุทานอย่างตกใจเหมือนคนเห็นผี ก่อนจะมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อผมมองดูการแต่งกายของหล่อนด้วยชุดดำรัดกุม ผมก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างสงสัยขึ้นไปอีก

                “เธอมาทำอะไรแถวนี้หรอ?” ผมถามออกไป มิยองชะงักไปนิดก่อนจะอึกอักตอบไม่ถูก

                ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผมใส่ชุดสีดำทั้งชุดแบบนี้จะไปไหนไปไม่ได้นอกจาก...

                “ไปงานศพมาใช่มั้ยล่ะ?” ผมตอบอย่างภูมิใจ มิยองกระพริบตาสามทีก่อนจะเออออตามน้ำไป


              “อ่อ...ใช่” หล่อนตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที

                “แล้วเธอล่ะ? มาทำอะไรแถวนี้?”

                “ฉันมาผับน่ะ...เพื่อนรุ่นน้องฉันมาแสดงที่นั่น” ผมตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไร มิยองดูประหลาดใจมากกับสิ่งได้ยิน

                “ผับ?”

                “ใช่” ผมตอบเสียงหนักแน่น

                “ไหนๆก็มาแล้วเข้าไปดูด้วยกันเถอะ” ผมออกปากชวนกึ่งคะยั้นคะยอเต็มที่ มิยองลังเลก่อนจะตัดสินใจ

                “ก็ได้!!!

     


     

               ข้างในผับเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและเครื่องเสียงดังกึกก้องชวนหนวกหูไปทั่ว จนมิยองถึงกับต้องปิดหูอย่างทนไม่ได้ เธอเอ่ยปากถามผมว่า
               “ทำไมเธอถึงได้มาสถานที่แบบนี้ล่ะ?"
               “แปลกมากหรอ?...ใครๆก็เคยมา" ผมตอบออกไปโดยไม่คิดอะไร มิยองมองผมอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เธอมองแบบแปลกๆไม่คุ้นเคยกับทั้งคนและสถานที่ ก่อนจะเอ่ยอย่างวิตก
               “จะไม่เป็นไรหรอ? ถ้าเกิดตำรวจมาจับล่ะ ไม่แย่งั้นหรอ?"
               “ไม่หรอก ที่นี่ปลอดตำรวจ" ผมปลอบให้เธอคลายกังวล แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยสักเท่าไร

               ทางฝ่ายของฉันและยอลก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในผับตามคำชักชวนของยอลที่ไม่อยากยืนตากลมอยู่ข้างนอก ฉันทำหน้าเบื่อโลกอย่างเห็นได้ชัดแต่แล้วก็หน้าตาตื่นเหมือนเห็นผีเพื่อได้เจอกับมิยอง ฉันขยี้ตาหลายรอบเพื่อดูให้แน่ใจจนรู้ว่าตัวเองไม่ได้สายตาฝาด

               “มิยอง! ทำไมเธอ..." ฉันอึ้งพูดไม่ออก จุนจึงแทรกขึ้นมา รีบออกโรงรับแทน

               “ฉันชวนมิยองเองอ่ะ เปิดหูเปิดตาไง"


                “นาย!” ฉันเผลอโพล่งออกไปด้วยความโมโห แกกล้าดียังไงมาพาเพื่อนฉันเสียคนแบบนี้

                ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยในสรรพนามที่ฉันกำลังพูดออกไป ฉันจึงต้องระงับอารมณ์โกรธไว้ชั่วคราว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหันไปเร่งนายจุนอยู่ในที

                “เอ้า! ให้เร็ว” เหมือนจุนจะรู้งานพอทันทีที่ฉันบอก เขาก็เดินนำฉันไปยังหน้าเวทีที่ตอนนี้เหล่านักร้องนักดนตรีได้เตรียมมาประจำที่เรียบร้อยแล้ว

                เสียงลองเครื่องดนตรีดังขึ้นเป็นระยะ กอปรกับแสงไฟที่หลากสีมืดสลัวลงเรื่อยๆให้เข้ากับบรรยากาศ

                “เมื่อไหร่จะแสดงล่ะ?” มิยองเอ่ยถามขึ้นมา โดยมีจุนในร่างฉันจับไหล่ประมาณว่าให้ใจเย็นๆ ฉันแทบอยากจะกรี๊ดให้ลั่น หมอนี่แต๊ะอั๋งเพื่อนฉันอีกแล้ว

     

    หน้าฉันร้อนผ่าวเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของคนข้างๆฉันดังกระทบโสตประสาทในระยะเผาขน“นายเลิกจ้องพวกเขาได้แล้ว” ยอลบอกขึ้นมา ฉันยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ทันตั้งตัว

                “อะไร?” ฉันถามกลับออกไป พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด

                “พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน นายไม่เข้าใจหรอ? เลิกทำตัวเป็นเจ้าของมิยองได้แล้ว นายกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”


     

    หน้าฉันร้อนผ่าวเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของคนข้างๆฉันดังกระทบโสตประสาทในระยะเผาขน

                “นายเลิกจ้องพวกเขาได้แล้ว” ยอลบอกขึ้นมา ฉันยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ทันตั้งตัว

                “อะไร?” ฉันถามกลับออกไป พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด

                “พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน นายไม่เข้าใจหรอ? เลิกทำตัวเป็นเจ้าของมิยองได้แล้ว นายกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

                “นายเลิกจ้องพวกเขาได้แล้ว” ยอลบอกขึ้นมา ฉันยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ทันตั้งตัว

                “อะไร?” ฉันถามกลับออกไป พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด

                “พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน นายไม่เข้าใจหรอ? เลิกทำตัวเป็นเจ้าของมิยองได้แล้ว นายกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
     

    ก็จริง! แต่นั่นมันเพื่อนรักของฉันนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ก็เหอะ!

              “นายเอาหน้าออกไปห่างๆฉันเลย!” ฉันรีบตัดบท บอกเสียงเข้ม จนยอลยิ้มน้อยๆที่มุมปากก่อนจะเคลื่อนหน้าออกไป

                “มาแล้ว!” เสียงจุนในร่างฉันดังขึ้นเมื่อนักร้องของวงที่ทำให้ฉันต้องมายืนที่นี่ปรากฏตัวขึ้น เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น เมื่อนักร้องสาวโบกมือทักทายอย่างคนดัง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับฉัน ฉันเลยต้องยิ้มหวาน (หรอ?)กลับไป



                “พร้อมกันหรือยัง? เอ้า! ถ้าพร้อมแล้วเตรียมมันส์กันได้เล้ย...” พิมมี่ตะโกนถามขึ้นมาพร้อมเสียงดนตรีจังหวะร็อกเร้าใจจะเริ่มขึ้น คนดูก็กระโดดตามจังหวะสุดมันส์นั้นอย่างสุดเหวี่ยง

                จุนกระโดดตามคนรอบข้าง โดยมีสายตาของมิยองมองอย่างประหลาดใจ เขากลับมามองสบตาก่อนจะถามเสียงเรียบ

                “ทำไมไม่กระโดดล่ะ? เพลงมันส์จะตาย” ยังไม่ทันที่มิยองจะอ้าปากตอบ จุนก็จับมือของหญิงสาวยกขึ้นเหมือนตนเองพร้อมทั้งเร่งให้หญิงสาวกระโดดตามจังหวะสุดมันส์

    มีใครบางคนให้คำนิยาม ว่ารักคือความทุกข์ แตกต่างจากฉันที่มองว่ารัก...คือความสุข...

    เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไป ภาพที่เห็นคือ2สาวกำลังกระโดดโยกย้ายกับเพลง มันช่างเป็นภาพที่เหลือเชื่อจริงๆสำหรับฉัน

    มิยองเธอจริงๆหรอ? ฉันพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

     

    มือหนาโอบไหล่ของฉันไว้แน่นก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดบ้าง ฉันเงยหน้าไปมองใบหน้าเรียวของเขาอย่างหลงใหล ใจเจ้ากรรมก็ดันมาเต้นแข่งกับเสียงกลองที่ดังกระหึ่มนี่อีก โอ๊ย! ยัยคิมนี่แกเป็นอะไรของแก


     


    เมื่อตกอยู่ในวงแขนของเขา ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มาช่างอบอุ่น เร้าใจและตื่นเต้น ฉันค่อยๆโยกตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเพิ่มลำดับไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกระโดดไปพร้อมๆกับยอล  สนุกไปพร้อมๆกัน กับบทเพลงสุดมันส์ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...




    ทว่าเพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น เสียงหว๋อก็ดังขึ้นระวมกลบเสียงเพลงในผับแห่งนี้ แน่น่อนผู้มาเยือนต้องไม่ใช่ใครนอกเสียจากคุณตำรวจนั่นเอง

     

              ไวเท่าความคิด เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น

                “หนีเร็ว! ตำรวจมา”

              เท่านั้นแหละทุกคนต่างกรูกันหนีไปกันชุลมุน ยอลรีบจับมือฉันลากไปทางหลังร้านทันทีซึ่งน่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุดฉันตกใจมากแต่ในความรู้สึกนั้นมันช่างแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทายอย่างบอกไม่ถูก จนลืมนึกไปว่ายังมีเพื่อนของตนอีกคนที่อาจจะติดอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้ ฉันขืนตัวก่อนจะบอกว่า

                “เราต้องช่วยมิยองด้วย!

                “ตอนนี้ต้องตัวใครตัวมัน ไม่งั้นเราจะถูกจับ...ฉันเชื่อว่าคิมจะพามิยองออกมาได้ เพราะฉะนั้นรีบหนีก่อนเถอะ” ยอลบอกให้ฉันเบาใจก่อนจะลากฉันออกมาแล้วหนีไปไกลพอทีคิดว่าจะปลอดภัย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×