ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Switch สลับขั้วมาลุ้นรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 : ฉันชอบนาย!...นายชอบจุน? [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 55




    © Tenpoints!

     

    ตอนที่ 10

    พาร์ทยอล

                “เพราะฉันรู้แล้วว่าคิมกับจุนสลับร่างกัน!” ผมตัดสินใจเอ่ยออกไปอย่างนั้น มิยองอึ้งอ้าปากค้าง ก่อนจะเอามือยันเสาไฟฟ้าเอาไว้เหมือนจะทรุด

                “รู้ได้ไง?” มิยองถามเสียงอ่อย ผมยิ้มมุมปาก

                “ฉันรู้ตั้งแต่สองคนนั้นเข้าโรงพยาบาลที่หมดสติแล้ว”

    ใครจำไม่ได้ว่าอยู่ตอนไหนกลับไปอ่านตอน 2 OMG บุคคลที่สามนั่นเอง!

                “งั้นนายก็รู้มาโดยตลอดงั้นสิ?” มิยองถามอีกครั้งก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่

                “อืม”

                “โอ๊ย! ทำไมพวกนายถึงชอบให้ฉันได้มารู้ความลับของพวกนายด้วยนะ รู้มั้ยฉันน่ะอึดอัดจะแย่” มิยองบ่นออกมา

              “ทำไมจะต้องอึดอัดด้วยล่ะ ในเมื่อสองคนนั้นก็ไม่เห็นจะอึดอัดเลย”

                “นายไม่รู้หรอกคนที่กุมความลับไว้น่ะมันทรมานแค่ไหน ทำอะไรก็ไม่ได้ ช่วยอะไรก็ไม่ได้”

                “ใครว่าเธอจะช่วยไม่ได้ล่ะ?” ยอลยิ้มอย่างมีเลศนัย

                “หืม?”

                “เธอช่วยเป็นแม่สื่อให้ฉันได้นี่” ยอลบอกก่อนจะอมยิ้ม มิยองมองตามอย่างงงๆ

     

    วันต่อมา

                “โรงเรียนของเราจะจัดการวันวิชาการสองวัน สองวันนี้ก็เหมือนฟรีเดย์น่ะ เราหาอะไรทำกันดีมั้ย?” คิมถามขึ้นในวงโต๊ะกินข้าว ที่เดี๋ยวนี้มากินด้วยกัน

                “ทำอะไรอ่ะ? เราไม่ต้องช่วยหัวหน้าห้องจัดบอร์ดหรอ?” มิยองแย้ง

                “ไม่ต้องหรอก...เราแค่ช่วยเสิร์ฟน้ำในซุ้มเครื่องดื่มก็เท่านั้น” ผมบอก

                “งั้นก็ดีนะ เห็นว่าเขาเปิดให้คนนอกเข้ามาร่วมงานด้วย อาจมีสาวๆโรงเรียนอื่นมาร่วมงาน” จุนเพ้อ มิยองสะอึก คิมแอบหยิกจุนเบาๆให้สติกลับมา มิยองลอบมองผมก่อนจะยิ้มแหยๆ

                “ดูเธอจะชอบผู้หญิงนะ” ผมแกล้งถามอย่างจับผิด จุนหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนจะเสพูดเรื่องอื่นแทน มิยองบลอบถอนหายใจ ผมมองพวกเขาแล้วอมยิ้มขำๆ

     

    วันวิชาการ

                ผมกับพวกประจำอยู่ที่ซุ้มขายเครื่องดื่มซึ่งยอมรับว่างานยุ่งมาก คนทั้งภายในและภายนอกเข้ามาซื้อขายกันเต็มที่ แต่ก็ยังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคิม

                “ยอลนายมาช่วยตักที ฉันจะออกไปเสิร์ฟ” มิยองเปิดทางให้ทันที เพราะคิมกำลังปั่นน้ำผลไม้อยู่ ผมยิ้มให้พลางโอบไหล่ขอบคุณ มิยองยิ้มรับอย่างเต็มใจ โดยมีสายตาอาฆาตส่งมาหาผมกลายๆ ผมหันไปตามแรงอาฆาตจึงรู้ว่ามันมาจากจุนนั่นเอง!

                “โอ๊ะ! นายมาเปลี่ยนแทนมิยองหรอ?” คิมที่กำลังง่วนอยู่งานตรงหน้าถามขึ้นโดยไม่มองหน้าผม

                “อืม! เห็นว่ามิยองอยากไปเสิร์ฟมากกว่า”

                “ยุ่งหน่อยนะ” คิมบอกผมก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล้วยหอมที่ใกล้มือผม แต่ก็ดูท่าจะหยิบไม่ถึง ผมเลยจะช่วยแต่ดัน

                ไปจับมือคิมซะนี่! คิมตกใจหันมาหาผมก่อนจะชักมือกลับ ยิ้มเขินๆ ผมนึกสนุกอยากแกล้งคิม

                “โทษทีนะ...ว่าแต่มีนายก็นิ่มดีนะ”

                “หา?!” คิมอุทานอย่างตกใจ จนมีดที่กำลังหั่นกล้วยอยู่บาดมือ ผมตกใจรีบยกมือเธอมาดู ก่อนจะดูดเลือดที่ไหลออกมา คิมทำท่าจะชักมือกลับแต่ก็ทนแรงผมไม่ไหวเลยต้องปล่อยเลยตามเลย ท่ามกลางลูกค้าที่ต่อแถวรอซื้ออยู่มองกันอย่างอึ้งๆ พลางมีเสียงซุบซิบกันดังขึ้นเป็นระยะๆ

                “นายกำลังทำอะไรน่ะ?” คิมถามเสียงตะกุกตะกัก

                “ก็นายมีดบาด” ผมตอบหน้าตาย

                “คนมองกันใหญ่แล้ว” คิมกระซิบบอก ผมเงยหน้าสบตาก่อนจะย้อนถามหน้าตายว่า

                “แล้วไง?” คิมทำหน้าตกใจอีกครั้งก่อนจะยอมให้ผมหาไปล้างมือทำแผล โดยผมฝากเพื่อนอีกกลุ่มที่เพิ่งเข้ามา มาช่วยทำต่อที

     

    พาร์ทจุน

                อีกด้านของผมที่รับหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มคู่กับมิยองก็อดเข้าไปถามด้วยความหึงไม่ได้

                “มิยอง...เธอกับยอลสนิทกันอย่างนั้นหรอ?”

                “ทำไมอ่ะ? ก็คงพอๆกับนายมั้ง?” มิยองตอบอย่างไม่คิดอะไร

                “เท่าฉันหรอ?...เฮ้! แต่ดูช่วงนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ผมถามต่อ

                “นายหมายถึงอะไรกันแน่เนี่ย?” มิยองหยุดเดินแล้วหันมาถามอย่างจริงจัง

                “ก็ช่วงนี้เธอดูสนิทสนมกับจุนเป็นพิเศษ...เธอชอบจุนหรอ?” ผมหยั่งเชิงถาม มิยองชะงักก่อนจะเสมองไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นมาว่า

                “ถ้าใช่แล้วนายจะทำไม?” ว่าแล้วก็เดินไปทิ้งให้ผมยืนอึ้งช้ำในอยู่คนเดียว

                “ไม่จริงอ่ะ!” ผมตะโกนไล่หลังแล้วรีบตามตื๊อไปถามต่อ

                แล้วผมก็ต้องเป็นฝ่ายหยุดชะงักซะเองเมื่อเห็นมิยองกำลังยิ้มดีใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อหันไปเบื้องหน้าของเธอแล้วเห็นเป็นชายหนุ่มร่างสูงใส่แว่น ผมบลอนด์ทอง ที่กำลังทักทายมิยองอยู่ ทำเอาผมหน้าร้อนรีบสาวเท้าก้าวไปสาระแนตามวิสัยเสียหน่อย

                “รุ่นพี่!” มิยองเรียกเสียงอ่อนเสียงหวานจนผมฟังแล้วแปลกหู

     

     

                My Bride! รุ่นพี่ที่มิยองเรียก ขานรับด้วยคำที่ทำเอาผมแทบช็อก มิยองหัวเราะร่าก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเขา

              “มาได้ยังไงคะเนี่ย?”

                “ปิดเทอมอยู่น่ะ เลยกลับมาบ้านแล้วก็ได้ยินว่าโรงเรียนของของเจ้าสาวมีงานเลยแวะมา ไม่นึกว่าจะเจอกับเจ้าสาว” รุ่นพี่คนนั้นพูดอย่างอารมณ์ดี อะไรนะ! เจ้าสาวหรอ? นายมีสิทธิอะไรกัน!!!

                “อะแฮ่มๆ!” ผมเข้าไปเป็นกขค.ทันที

                “โอ๊ะ! เอ่อรุ่นพี่นี่จุน...เอ่อ...คิมค่ะ...เพื่อนของฉันเอง” มิยองเผลอหลุดปากไป

                “หวัดดี!” ผมตอบรับเสียงห้วนจนฝ่ายนั้นขมวดคิ้วยกใหญ่

                “นี่! รุ่นพี่ฉันนะ” มิยองปราม

                “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าสาว เพื่อนของเธอดูหวงเธอนะ” รุ่นพี่คนนั้นคิด

                “เธอขวางโลกไปงั้นแหละค่ะ” มิยองกระซิบบอก รุ่นพี่หัวเราะชอบใจ ผมได้ยินนะมิยอง!


              “คุณเป็นใครคะ?” ผมถามต่อทันทีอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร

                “ฉันเป็นรุ่นพี่ของมิยองและก็จะเป็นเจ้าบ่าวของเธอด้วย” เขาพูดทีเล่นทีจริงกับมิยอง มิยองหัวเราะเขินๆก่อนจะทำท่าค้อนๆอย่างน่ารัก

                “ดูเรียกได้เต็มปากจังเลยนะคะ...ไม่รู้รึไงว่ามิยองมีคนที่ชอบอยู่แล้วน่ะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ปากพล่อยๆของผมเผลอพูดไปอย่างนั้น มิยองหน้าหงิกทันที

                “จริงหรอเจ้าสาว?” รุ่นพี่ถามขึ้นอย่างสงสัย

                “ไม่จริงนะคะ ฉันไม่มีใครนนอกจากพี่หรอก” มิยองปฏิเสธพัลวันก่อนจะมาอ้อนเขาอีกที รุ่นพี่เอื้อมมือไปหยิกแก้มเบาๆ ก่อนจะหัวเราะด้วยกันทั้งคู่ ผมเห็นแล้วทนไม่ได้เลยกระทืบเท้าเดินออกมา จนรุ่นพี่คนนั้นมองตามอย่างงงๆ

                “ทำไมหรอ? ดูเธอไม่ค่อยพอใจนะ”

                “เปล่าหรอกค่ะ เธอก็เป็นแบบนี้แหละ...เอ้อ! พี่ชาล ฉันต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะคะแล้วไว้เลิกเรียนฉันจะพาไปหาคุณแม่นะ” มิยองบอก หนุ่มหล่อพยักหน้ารับแล้วโบกมือบ๊ายบายให้ มิยองจึงผละออกมา

              มิยองเดินกลับมาที่ซุ้มอีกครั้งก่อนจะเข้ามาถามผมอย่างไม่ค่อยพอใจนักกับสิ่งที่ผมพูดออกไป

                “นายเป็นบ้าอะไร? ถึงไปพูดแบบนั้น”

                “แล้วเธอจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดงั้นหรอ? หรือเธอชอบรุ่นพี่ผมบลอนด์นั่นจริงๆ?” ผมโพล่งถามออกไปอย่างหึงๆ

                “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?” มิยองย้อมถาม ผมชะงักก่อนจะเฉไฉว่า

                “ก็เธอบอกว่าชอบจุนแล้วจะไปให้ความหวังกับไอ้หน้าหล่อนั่นทำไม?”

                “ฮ่าฮ่า...นายจะว่าเขาแต่ดันบอกว่าไอ้หน้าหล่อ เหมือนจะเจ็บมากนะ” มิยองหัวเราะอย่างขบขัน ผมทั้งอาย ทั้งหน้าแตก เลยเข้าไปขอเปลี่ยนตำแหน่งกับยอลให้รู้แล้วรู้รอด

                “เฮ้! นายกลับไปเสิร์ฟได้แล้ว ฉันจะทำทางนี้เอง” ว่าแล้วผมก็ผลักยอลออกไปทันทีที่ยอลกลับมาที่ซุ้มพร้อมคิม

                ยอลเกาหัวแกรกๆอย่างงงๆแต่ก็ต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้

                “เป็นอะไรหน้าบูดมาเชียว?” คิมถาผมอย่างล้อๆ

                “เปล่า!” ผมกระชากเสียง คิมเงื้อมือชะต่อย ผมได้แต่ยกมือห้ามก่อนจะมาช่วยคิมอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

     

                มิยองจ้องผมอย่างไม่ละสายตาก่อนจะตั้งคำถามในใจ

                “เป็นอะไรของเขานะ?”

                “ท่าทางมันจะหึงเธอน่ะ” ยอลที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้นอย่างรู้ทัน

                “อะไรยะ?”

                “ก็อาการแบบนี้มันอาการของคนที่หึงอยู่น่ะสิ” ยอลบอกอย่างรู้ดี มิยองหน้าแดงก่อนจะสลัดความคิดในหัวออกไปให้หมด แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้มิยองคิดมากขึ้นไปอีก

     

    พาร์ทคิม

                วันนี้ฉันจะไปเดท เอ๊ย!ไปเที่ยวกับยอล(สองคน -.-)ตามคำชวนของฝ่ายนั้น ฉันพยายามแต่งตัวให้พิเศษที่สุด(ซึ่งไม่รู้ทำไม?) ฉันมารอที่ตึกใบหยก ณ ชั้น77 ดูวิวของกรุงเทพฯเพลินๆ โดยไม่รู้เลยว่าฝ่ายที่นัดฉันกำลังจับจ้องมองฉันอยู่

                “เฮ้ย!” ฉันอุทานอย่างตกใจเมื่อหันไปเห็นยอลยืนพิงกระจกมองฉันอยู่ ยอลยิ้มๆก่อนจะเดินตรงเข้ามา

                “ฉันนึกว่านายจะไม่เห็นฉันซะแล้ว”

                “นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ”

                “นานแล้ว นานพอที่จะเห็นนายวิ่งไม่ตรงนู้นทีตรงนี้ที” โถ่!แล้วปล่อยให้ฉันปล่อยไก่อยู่ได้

                “สวยมั้ย?” ยอลถามขึ้น

                “สวยสิ” ฉันยิ้มตอบอย่างตื่นตา เวลาพลบค่ำแบบนี้ แสงไฟของกรุงเทพฯกำลังสวยเลย


                “ใช่! สวย” ยอลสำทับแต่ความหมายต่างกัน ฉันหมายถึงวิวแต่เขาหมายถึง...ฉัน

                ฉันรู้สึกได้ ตอนที่บังเอิญสบตาเขา ก่อนที่ฉันจะต้องเป็นฝ่ายหลบตาเขาทุกที

              “เอ่อ...เรื่องเมื่อวันงานน่ะ เห็นคิมหน้าหงิกกลับมาไม่รู้เป็นอะไรเนอะ” ฉันเปล่ยนเรื่องคุยทันที ยอลยิ้มๆก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ

                “ฉันคิดว่าคิมคงชอบมิยองล่ะมั้ง?”

                “ว่าไงนะ?” ฉันตกใจมากแต่เขากลับมาตาปริบๆเหมือนกับจะบอกว่า

                ทำไมล่ะ? ชอบไม่ได้หรอ?

                “แต่พวกเขาเป็นผู้หญิงนะ” ฉันแก้ตัว

                “แล้วรักกันไม่ได้รึไง?” รักได้สิเพราะเขาสองคนก็ชายหญิงนี่ แต่ในสายตาของยอลเขาคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ? นี่เขายอมรับกับเรื่องพวกนี้หรอ?

                “เดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้าง...ก็ได้แหละ” ฉันตามน้ำ

                “ดูเหมือนนายจะรับไม่ค่อยได้”

                “ก็ไม่เชิงหรอก แต่สายตาคนอื่นมองยังไงล่ะ? เราไม่ต้องแคร์รึไง?” ฉันบอกตามความคิด

                “ไม่เห็นต้องแคร์เลย ไม่ขึ้นกับคนสองคน” ยอลบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันดูอบอุ่นนะ แต่ว่าถ้าเราไม่สลับร่างกลับคืนจริงๆล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องรักๆใคร่ๆหรอกนะ เรื่องอื่นอีก มันต้องเป็นปัญหาแน่!

          “ก็จริง” ฉันตอบเสียงอ่อย ก่อนที่ยอลจะชวนฉันขึ้นไปที่ชั้น83 ห้องอาหารของตึก ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเปิดนั้น ฉันก็เห็นแสงวาบสีขาวเหมือนในวันที่ฉันกับจุนสลับร่างกันตรงหน้า แต่พอมองดูอีกทีมันก็แค่ไฟลิฟต์สลัวๆธรรมดา ยอลเรียกฉันเข้าไปเมื่อเห็นว่าฉันยงคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น


                อะไรกันนะแสงวาบแบบนั้น? หรือว่าใกล้ถึงเวลาสลับร่างแล้ว? ฉันครุ่นคิดเต็มไปหมด จนไปทันสังเกตว่ายอลกำลังเอามือมาอิงหน้าผากฉันอยู่

                “ไม่สบายหรอ?”

                “เปล่า” ฉันบอกไปแต่จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกของลิฟต์พร้อมไฟที่วูบดับลงครู่หนึ่ง ฉันตกใจผวาร้องกรี๊ดดังลั่นลิฟต์ ยอลเรียกพร้อมคลำมือมาจับมือฉันไว้เหมือนให้รู้สึกว่าฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องห่วง

                “ยอล” ฉันเริ่มกลัวขึ้นมา ยอลบีบมือฉันแน่นก่อนจะปลอบว่า

                “ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็มีคนช่วย” แล้วเขาก็ใช้สติของเขาหยิบมือถือขึ้นมา แต่กลับไม่มีสัญญาณ ทั้งของฉันแล้วของเขา แต่ฉันก็อาศัยแสงไฟจากมือถือกดที่ปุ่ม  EMERGENCY  CALL

    ที่แผงลิฟต์ แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงหรือสิ่งใดตอบรับได้เลย ยิ่งทำให้ฉันขวัญเสียอีกรอบ

                “ไฟคงดับ เดี๋ยวก็คงมา ที่นี่คนเยอะแยะ เราต้องปลอดภัย” ยอลปลอบฉันอีกครั้ง ก็จะนั่งลงรอ ฉันที่เข่าอ่อนก็นั่งระทวยลงตามทันที

                เวลาไม่กี่นาทีช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ความเงียบบังเกิดขึ้นจนยอลต้องหาเรื่องคุยเปลี่ยนประเด็นความสนใจของฉัน

                “แต่ลิฟต์ค้างก็ดีเหมือนกันนะ เหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกนึงเลย”

                “ที่ๆทั้งแคบและก็มืดแบบนี้น่ะหรอ?” ฉันถามอย่างหงุดหงิด

                “อืม เวลาใครโกรธ ร้องไห้ หรือหน้าแดงก็ไม่เห็นหน้ากันไง”

                “อารมณ์ไหนของนายเนี่ย?” 


                “ฉันชอบนาย!” จู่ๆยอลก็พูดคำชวนช็อกออกมา ฉันอึ้งทึ่งพูดไม่ออก

                “นายตลกกับฉันอยู่ใช่มั้ย?”

                “ฉันพูดจริงๆ...ฉันชอบนาย ชอบมาพักนึงแล้ว”

                แล้วจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกเลยนอกจากความืดมิดที่เปลือกตาฉันกำลังปิดไม่ต้อนรับแสงสีใดๆ

                ฉันกำลังเป็นลม...กับคำพูดของเขา...เขาชอบฉัน?...เขาชอบจุน!



     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×