ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจาะเวลาหาอดีต

    ลำดับตอนที่ #6 : ปราชญ์กระบี่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.99K
      48
      7 ก.ย. 55

          ฟางเหวินหลงเพ่งมองไปที่ชายชราผู้นี้อน่างพินิจพิเคราะห์ ชายชราผู้นี้ รูปร่างสูงใหญ่

    สีหน้าสงบราบเรียบ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับเป็นประกายคล้ายกับกระบี่แหลมคมคู่หนึ่ง นอกจากผมเผ้า

    ที่ขาวโพลนแล้ว ดูจากภายนอกคล้ายคนอายุสี่สิบเศษเท่านั้น

         ฟางเหวินหลง ประสานมือคารวะ แต่ในใจครุ่นคิดอย่างเร่งร้อน 'คนผู้นี้ไม่ทราบว่าจะมาดีหรือมาร้าย ดูจาก

    การที่ เฉวียนหย่งสือยอมสยบโดยที่ไม่กล้าลงมือ เราคงไม่อาจทำอย่างไรได้'

         "ข้าพเจ้าฟางเหวินหลง ขอคารวะผู้อาวุโส"

         ชายชรา หันกายไปสำรวจมองดูฟางเหวินหลง แล้วกล่าวว่า

         "เจ้ามาจากสารทิศใด?"

         ฟางเหวินหลงยังไม่ทราบถึงจิตเจตนาของอีกฝ่าย จึงกล่าว

         "ข้าพเจ้าตั้งใจมาส่งสหายมายังเมืองหลินจวือ (เมืองหลวงแคว้นฉี)  คาดไม่ถึงระหว่างเดินทาง กลับพบ

    คนร้าย ดีที่ได้พบท่านอาวุโสจึงสามารถขับไล่มันไปได้" 

         ยามนี้สำเนียงคำกล่าวของเขา มีส่วนใกล้เคียงกับคำสนทนาในยุคเลียดก๊กอยู่แปดเก้าส่วน

         ชายชรานั้นยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

         "เจ้าทราบหรือไม่ว่าวันนี้ เจ้ากล่าววาจาผิดเพียงคำเดียวเจ้าคงไม่อาจมีชีวิตเห็นวันพรุ่งได้ ดีที่เจ้าเลือก

    ตอบคำถามได้ดี เจ้าถึงมีโอกาสได้สนทนาอยู่กับเราเช่นนี้"

         ฟางเหวินหลง ใบหน้าแสร้งปั้นรอยยิ้มขึ้น ในใจกลับลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ คิดในใจว่า 'ดูท่าคนผู้นี้คงเป็น

    ศัตรูกับแคว้นฉิน'

         ชายชรา กล่าวเสียงทุ้มหนักว่า

         "เจ้าจงบอกต่อเราตามความสัตย์ เจ้ามีความเป็นมาอย่างไร สืบสายเลือดชนเผ่าใด?"

          ฟางเหวินหลง ครุ่นคิดในใจว่า 'ในแผ่นดินยุคเลียดก๊ก เริ่มแรกมีแคว้นอยู่เจ็ดแคว้น แคว้นหานกับเจ้า

    ล่มสลาย  ตอนนี้เหลืออยู่ห้าแคว้นคือ ฉิน เว่ย ฉู่ เอี้ยน ฉี อย่างไรเราไม่อาจตอบแคว้นฉิน มิเช่นนั้นคืนนี้

    เราคงไม่อาจมีชีวิตไปจากที่นี้ได้'

         ฟางเหวินหลงปั้นเรื่องราวว่า

         "ข้าพเจ้าเป็นทายาทรุ่นหลังของชาวฉี ซึ่งระหกระเหินไปอยู่ในป่าเขา เรื่องนี้ข้าพเจ้าจริงๆไม่กล้ากล่าวกับ

    ผู้ใด แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสข้าพเจ้าไม่กล้าปิดบังอำพราง"

         ชายชราพยักหน้าอย่างพอใจ กล่าวว่า

         "เราชื่นชมต่อเพลงดาบของเจ้า ถึงแม้ยังเยาว์วัยแต่ก้อมีพรสวรรค์ไม่เลว ตลอดจนไหวพริบที่ใช้รับมือศัตรู

    รู้จักใช้จิตวิทยายั่วยุก่อกวนจิตใจ ประการสำคัญเจ้ายินยอมรั้งอยู่รับมือศัตรู ให้เด็กน้อยนั้นจากไปโดย

    ปลอดภัย"

         ฟางเหวินหลง ยิ้มเล็กน้อย ประสานมือกล่าวว่า  "ขอบคุณอาวุโสที่ชื่นชม"

         ชายชรากล่าวว่า  "ตามเรามา"

         ฟางเหวินหลงไม่ทราบว่าชายชราต้องการอะไรจากตนเอง แต่จากตอนนี้ดูแล้วว่าเขาคงไม่ประสงค์ร้ายอะไร

    จึงเดินทางติดตามหลังเขาไป

         น่าประหลาดที่ชายชราเดินได้คล่องแคล่วว่องไวและรวดเร็ว ชนิดที่ฟางเหวินหลงเร่งฝีเท้าตามแทบ

    จะไม่ทัน ทุกฝีก้าวย่างของชายชราได้ระดับสม่ำเสมอและเบากริบอย่างน่าอัศจรรย์ และยิ่งเดินเหมือนจะยิ่งเร็ว

    ขึ้นทุกขณะ ผิดกับเขาที่เริ่มจะล้าลงเป็นลำดับ

         หลังจากติดตามชายชรามาราวๆหนึ่งชั่วยาม ท่ามกลางลมหนาวที่โชยละลิ่วมาเป็นระยะ ภายใต้แสงโคม

    เรือนรางสาดส่อง ฟางเหวินหลงเห็นสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งอยู่บนเนินเขานอกประตูเมืองตะวันตก ก่อกำแพง

    ล้อมรอบ ดูแล้วโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก

         ยามนี้ฟางเหวินหลงไม่วิตกต่อชะตากรรมของหลี่เสวี่ยเหมยเท่าใด ในเมื่อเฉวียนหย่งสือได้รับบาดเจ็บ

    สาหัส ส่วนนางอยู่ใกล้เมืองฉีแล้ว อย่างไรคงสามารถเข้าเมืองได้โดยปลอดภัย

         ชายชรามาถึงเชิงกำแพงด้านหนึ่ง ซึ่งมีความสูงเพียงเศษหนึ่งส่วนสามของกำแพงเมืองหลวงแคว้นฉี

    จากนั้นดีดกายโจนทะยานขึ้นไปอย่างไม่กินแรง ฟางเหวินหลงก้ออาศัยแรงส่งจากแผ่นรองรองเท้าพิเศษ

    สะกิดพื้นดินกระโดดติดตามไป

         หลังจากสำรวจสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ ฟางเหวินหลงก้อปลุกปลอบสมาธิติดตามชายชราไปอย่างกระชั้นชิด

         ภายใต้แสงโคมลมคลั่งตายซึ่งแขวนอยู่ภายใต้ตึกสาดส่อง บนทางน้อยและระเบียงซึ่งเชื่อมโยงตัวตึกต่างๆ

    เข้าด้วยกัน ล้วนเงียบสงัด เพียงแว่วเสียงเห่าหอนของสุนัขป่าแว่วมาแต่ไกล

         คนทั้งสองอ้อมผ่านสระน้ำหน้าตึกกลาง มาถึงประตูใหญ่กว้างสองวา สูงหนึ่งวาบานหนึ่ง ชายชราผลักมือ

    ทั้งสองเปิดประตู ก้าวเท้าเดินเข้าไป หลังบานประตูเป็นห้องโล่งกว้างโอ่โถง สามารถบรรจุผู้คนนับร้อย

    ผนังด้านทิศใต้ยกพื้นสูงคล้ายแท่นสักการะ เบื้องบนแขวนป้ายขวางอีนหนึ่งจารึกอักษรโบราณ

    "ห้องเรียนจี้เสีย" 

         ภายในห้องหล่อเสาใหญ่ลงรักสีแดง ชื่อคานสลักลวดลาย เพิ่มความโอ่อ่าภูมิฐาน ชวนให้ผู้คนเกิดความ

    ยำเกรง  แสงจากตะเกียงน้ำมันภายในห้องสองดวง ซึ่งวางอยู่บนแท่นยกพื้น อาบไล้ห้องอันกว้างใหญ่อยู่

    ภายใต้แสงสว่างสีแดงหม่น

         ฟางเหวินหลงกวาดตามองโดยรอบ จากนั้นใช้ความคิด 'ที่แห่งนี้คงเป็นสำนักใหญ่ประจำแคว้นฉีกระมัง

    ถึงได้โอ่อ่ากว้างขวางปานนี้'

         ชายชราซึ่งขณะนี้ยืนเอามือไพล่หลัง หันหลังให้กับฟางเหวินหลง ตลอดทางไม่เอ่ยปากกล่าวคำพูดใด

    ถามคำถามหนึ่งกับฟางเหวินหลงขึ้นว่า

         "เด็กน้อย เจ้าสามารถใช้กระบี่หรือไม่?"

         ฟางเหวินหลงผงกศีรษะรับ ชายชราก้อปลดกระบี่ไม้ซึ่งแขวนไขว้กันบนผนังออกมา ถือกระบี่เล่มหนึ่งไว้

    ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นซัดกระบี่ไม้อีกเล่มเข้าใส่ฟางเหวินหลง

         กระบี่ไม้เล่มนั้นบินคว้างเข้าหาเขาอย่างเร่งร้อน ฟางเหวินหลงรู้สึกตื่นตระหนก ขณะที่ไม่ทราบว่าจะทำ

    เช่นไรดี กระบี่ที่เบื้องหน้าพอบรรลุถึงเบื้องหน้าฟางเหวินหลงสามเชียะ พอดีเปลี่ยนเป็นหันด้ามกระบี่เข้าหา

    ฟางเหวินหลงอย่างแยบคาย

         ฟางเหวินหลงเห็นสภาวะกระบี่อ่อนแรงลง จึงยื่นมือเข้าจับที่ด้ามกระบี่เอาไว้

         ชายชราเห็นฟางเหวินหลงรับกระบี่เอาไว้แล้ว ยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า

         "กระบี่ไม้สองเล่มนี้ เราจัดทำจากต้นสนพันปี ทั้งแข็งและเหนียวแน่น ไม่หักโดยง่าย ตอนนี้เจ้าลองจู่โจม

    เข้ามา"

         ฟางเหวินหลงถือกระบี่ไม้ สะบัดกวัดแกว่งสองครา จากนั้นสั่นศีรษะกล่าวว่า

         "ผู้อาวุโสมีเพลงกระบี่ลึกล้ำไร้ผู้ต่อต้าน ข้าพเจ้ามิใช่คู่มือของท่าน"

          ชายชรายิ้มเล็กน้อย จากนั้นชี้ปลายกระบี่ลงขีดพื้นเป็นวงกลมรอบตัว กล่าวว่า

         "เช่นนั้นเราตกลงกติกากัน เราจะไม่ออกจากวงกลมนี้ หากกระบี่ของเจ้าสามารถกระทบถูกเสื้อผ้าเรา ถือว่า

    เจ้าเป็นฝ่ายชนะเป็นไร?"

         ฟางเหวินหลงขบคิดเล็กน้อย อาวุโสท่านนี้ถึงจะต่อให้เราถึงขนาดนี้ แต่ดูจากที่ผ่านมา สามารถสยบคู่ต่อสู้

    โดยไม่ต้องลงมือ ตนเองก้อคงไม่ใช่คู่มือของเขา ดังนั้นประสานมือ กล่าวว่า

         "ข้าพเจ้าเป็นคนรุ่นหลัง ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม เราท่านไม่เคยรู้จักกัน ไม่ว่าท่านมีคำสั่งใด ข้าพเจ้าล้วน

    ไม่รับปาก"

         "ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก้อไม่ยอมสู้หรือ?"

         "ถูกต้อง ไม่ว่าท่านให้ข้าพเจ้าทำอะไร ข้าพเจ้าล้วนไม่ปฎิบัติตาม ข้าพเจ้าสู้ท่านไม่ได้ มีแต่หลบลี้

    หนีหน้าแล้ว"

         พลางขยับกายวูบคิดทลายหน้าต่างหลบหนีไป เขาทราบว่าชายชราผู้นี้มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่ง

    พอทุ่มเทฝีเท้าวิ่งตะบึง จึงทุ่มเทอย่างสุดกำลัง

         มิคาดฟางเหวินหลงรวดเร็ว ชายชรากลับรวดเร็วยิ่งกว่า ฟางเหวินหลงเพียงวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก้อเห็น

    ชายชราสกัดขวางหน้าไว้ ฟางเหวินหลงกลับตัวคิดหลบหนีไปยังฝั่งตรงกันข้าม วิ่งไปได้สิบกว่าก้าว

    ชายชราก้อติดตามทัน ยื่นมือขวางหน้าไว้ ฟางเหวินหลงถอยกายไปสามก้าวร้องว่า

         "ข้าพเจ้าหนีไม่รอด คิดสู้ก้อสู้ท่านไม่ได้ ได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้ว"

         ชายชราขมวดคิ้วกล่าวว่า

         "เด็กน้อย พวกเรามิสู้พนันกันสักครา"

        
    "พนันอะไร ข้าพเจ้าล้วนไม่สนใจ?"

         "เราทราบว่าเจ้านำเด็กหญิงผู้หนึ่งมากับเจ้า เจ้าคิดว่าเราไม่ทราบความเป็นมาของนางหรือ?"

          ฟางเหวินหลง แค่นเสียงดังเฮอะ กล่าวว่า "ท่านทราบอันใด ข้าพเจ้ากำลังล้างหูรอรับฟัง?"

         ชายชรา กล่าวสืบต่อว่า

         "เด็กหญิงนั้นเป็นธิดาโทนของแม่ทัพหลี่มู่  ผู้เป็นยอดขุนพลแคว้นจ้าว"

         ชายชราทอดถอนใจกล่าวต่อว่า

         "คนผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถทางการทหารโดยแท้ เสียดายที่เจ้ารัฐจ้าวช่างโง่เขลา หลงเชื่อขุนนางชั่วช้า

    กลับออกคำสั่งประหารชีวิตเขา หากแคว้นฉีของเรามียอดขุนพลเช่นนี้ เราคงไม่ต้องกลัดกลุ้มกังวลใจใดๆ

    ...."

         ชายชราเงยหน้าขึ้น แววตาเลื่อนลอย แสดงว่าวิตกกังวลต่อความปลอดภัยของบ้านเกิดเมืองนอนของตน

    ฟางเหวินหลงไม่กล้าเอ่ยปากสอดคำ ครุ่นคิดในใจ

         'พลังฝีมือส่วนบุคคลเมื่ออยู่ท่ามกลางสมรภูมิ อย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะศัตรูเรือนพันเรือนหมื่นได้'

         ชายชรา กล่าวว่า

         "หลังจากเจ้ารัฐจ้าวประหารหลี่มู่แล้ว ยังส่งคนไปสังหารล้างตระกูลหลี่ทั้งหมดอีกด้วย สุดท้ายก็เป็นอย่างที่

    เจ้าทราบว่าเหลือเพียงเด็กหญิงผู้นั้นที่สามารถหนีรอดมาถึงแคว้นฉีได้เพียงผู้เดียว แต่เจ้าคิดหรือว่า

    เผิงหยางผิงจะสามารถคุ้มครองนางได้"

         ฟางเหวินหลงใจเต้นระทึก ฝืนยิ้มกล่าวว่า

         "ท่านทราบเรื่องราวโดยกระจ่างเช่นนี้ ท่านต้องการพนันอะไรกับข้าพเจ้า?"

         ชายชรา กล่าวว่า

         "เด็กน้อยขอเพียงเจ้าชนะพนันเราได้ เรารับประกันกับเจ้าว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะอยู่อย่างปลอดภัยในแคว้นฉี

    ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถแตะต้องนางได้แม้แต่ปลายเล็บ"

         ฟางเหวินหลงยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวว่า

         "ท่านมีความสามารถเพียงนั้นหรือ สามารถมีสิ่งใดรับประกันหรือไม่?"

          ดวงตาชายชราสาดประกายเย็นเยียบ กล่าวเสียงทุ้มหนักว่า

         "เราขอใช้นาม 'ปราชญ์กระบี่ เฉาชิวเต้า' เป็นประกัน"

          ฟางเหวินหลงถึงแม้จะไม่ทราบว่าชื่อ "เฉาชิวเต้า" จะใช้รับประกันได้อย่างไร แต่รัศมีพลังการต่อสู้ที่

    แผ่ซ่าน
    ออกมา ทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่นว่าคนผู้นี้สามารถกระทำได้

         ฟางเหวินหลง หัวร่อฮาฮา กล่าวว่า

         "ตกลง ถ้าเกิดข้าพเจ้าเป็นฝ่ายแพ้จะเป็นอย่างไร?"

         ปราชญ์กระบี่ ยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า

         "เจ้าต้องกราบเราเป็นอาจารย์ ฝึกวิชาฝีมือกับเรา"

         "ทำไมท่านถึงต้องการรับข้าพเจ้าเป็นศิษย์?"

         ปราชญ์กระบี่ ยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า

         "เจ้าต้องการทราบเหตุผล เพราะเจ้าคิดว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะเรา?"

         ฟางเหวินหลงงงงันวูบ เห็นว่าคนผู้นี้ถือดีนัก ดังนั้นหัวร่อฮาฮา กล่าวว่า

         "เช่นนั้นข้าพเจ้าไม่เกรงอกเกรงใจแล้ว"

         ปราชญ์กระบี่ผงกศีรษะเล็กน้อย จี้ปลายกระบี่ขีดวงกลมล้อมรอบตนเองอีกวงหนึ่ง

         ฟางเหวินหลง ขยับข้อมือกวัดแกว่งกระบี่คราหนึ่ง จากนั้นพลันพุ่งตัวไปเบื้องหน้า จับกระบี่ด้วยสองมือ

    ฟาดกระบี่เข้าใส่ปราชญ์กระบี่อย่างสุดกำลัง

         
     เสียงกระบี่ไม้ฝ่าอากาศไปดังหวีดหวิว ปราชญ์กระบี่ไม่ขยับเคลื่อนไหว เพียงขยับข้อมือคราหนึ่ง กระบี่ไม้

    เคลื่อนไหวทีหลังบรรลุถึงก่อน ฟันเฉียงๆใส่กระบี่ฟางเหวินหลง จากนั้นจ่อปลายประบี่ชี้เฉียง คล้ายคิดแทงใส่

    ใบหน้าฟางเหวินหลง

         ฟางเหวินหลงถอยกายไปด้วยความตระหนก ฝ่ายตรงข้ามมีเพลงกระบี่แยบคาย ทำให้ตัวเองยากใช้กำลัง

    ออกได้ รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ ส่งเสียงตวาดก้อง โถมปราดเข้าหา ใช้ติดต่อกันเจ็ดกระบี่ ลงมือดุจลมหอบ

    ใบไม้ร่วง
    ทั้งจู่โจมบนบุกล่าง กวาดขวางฟันตรงเข้าใส่

         มุมปากคนผู้นั้นประดับด้วยรอยยิ้ม ยืนแน่วนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่ไม่ว่าฟางเหวินหลงฟาดฟันกระบี่ใส่

    ตำแหน่งใด
    เขาล้วนใช้กระบี่ปัดป่ายพ้นห่างสภาวะกระบี่ หลังจากนั้นก็คุกคามฟางเหวินหลงล่าถอย

    โดยไม่ต้องปะทะหักหาญ
    ด้วยกำลัง มาตรว่าอยู่ในเส้นวงกลมอันคับแคบ แต่ปราศจากช่องว่างให้จู่โจม

    ทำลายได้

         ฟางเหวินหลงสลับเท้าวิ่งวนไปมารอบๆตัวปราชญ์กระบี่ เพื่อหาโอกาสจู่โจมใส่อีกครา ปราชญ์กระบี่

    ยืนสงบนิ่ง
    ราวกับรูปปั้นที่สลักเสลา ฟางเหวินหลง สะบัดกระบี่วูบ คล้ายปรากฏประกายสายฟ้าสายหนึ่ง

    แลบแปลบ
    ปลาบผ่าน

         การจู่โจมครั้งนี้ ฟางเหวินหลงอาศัยแรงส่งจากแผ่นรองรองเท้าพิเศษและกำลังการโจมตีจากปลอกแขน

    เพิ่มพลัง
    ปราชญ์กระบี่อยู่ภายในวงกลมที่ขีดไว้ อย่างไรก็ไม่สามารถหลบเลี่ยง ต้องขวางกระบี่ในมือต้านรับ

         ฟางเหวินหลงคาดคำนวณ หากกระบี่ไม้ทั้งสองเล่มกระทบกัน ปราชญ์กระบี่ต้องถูกริดรอนเรี่ยวแรงไม่มาก

    ก็น้อย

         มิคาดเพียงปราชญ์กระบี่จี้กระบี่เฉียงๆออกมา ปลายกระบี่ฟางเหวินหลงห่างจากศีรษะฝ่ายตรงข้ามเพียง

    สองเชียะ
    แต่มันพอพุ่งตัว เท่ากับเสนอข้อมือเข้าหาปลายกระบี่ของปราชญ์กระบี่ ดังนั้นรีบลดข้อมือแทงกระบี่

    ใส่พื้น หยิบยืมพลัง
    กระแทกสะท้อนกลับ หงายร่างตีลังกาออกไป ทิ้งตัวลงยังที่ห่างไปสองวา

         ปราชญ์กระบี่ ยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า "เด็กน้อยยอมรับนับถือเราแล้วหรือ?"

         ฟางเหวินหลงหลั่งเหงื่อโซมกาย ไม่ตอบคำใดแค่นเสียงเฮอะ โถมกายเข้าใส่ชายชราอีกครา เสียงทึบๆ

    ดังไม่ขาดหู
    เมื่อฟาดฟันไปร้อยกว่ากระบี่ ฟางเหวินหลงใช้เรี่ยวแรงหมดสิ้น หอบหายใจล่าถอยไป มองดูบุรุษ

    เบื้องหน้าอย่างเหลือ
    เชื่อ

         ปราชญ์กระบี่กล่าวว่า

         "เด็กน้อย พละกำลังกับท่วงท่าบุกจู่โจมเจ้าไม่เลว แต่หากเผชิญยอดฝีมือที่แท้จริง สุดท้ายยากรอดพ้น

    จากความตาย" 

         ฟางเหวินหลงโยนกระบี่ไม้คืนให้ กล่าวยอมรับการพ่ายแพ้ว่า

         "ข้าพเจ้าสู้ท่านไม่ได้ โอ ที่แท้มือกระบี่ที่แท้จริงร้ายกาจปานนี้"

         ฟางเหวินหลงขณะกล่าวประโยคนี้ บังเกิดความท้อแท้ทอดอาลัยจริงๆ

          ปราชญ์กระบี่ยิ้มพลางกล่าวว่า

         "เด็กน้อย ด้วยสติปัญญาของเจ้า ขอเพียงขยันหมั่นเพียร จะต้องมีความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา ตอนนี้

    เจ้าอาบน้ำชำระ
    กาย จากนั้นไปพักผ่อนที่ห้องพักของสำนักก่อน อีกสองวันเราจะทำพิธีรับศิษย์ใหม่

    จากนั้นจะเริ่มฝึกปรือกัน"



                                                                  (จบตอน)

                                             ตอนนี้ก็เรียนไม่ทัน ตอนหน้าได้เรียนแน่ หุหุ

     

     

     

     

     

     

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×