คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เหมยอิง เหมยฮัว
เช้าวันใหม่สายมากแล้ว เป็นเวลาใกล้เที่ยง เสือน้อยพึ่งออกมาจากห้องของนางคนิกาที่เขาเลือกนอนด้วย และออกมาถามเถ้าแก่เนี้ยว่าพี่ชายตนตื่นหรือยังก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่ตื่น เสือน้อยจึงต้องออกไปหาของกิน และแลกตั๋วเงินย่อยใบละร้อยตำลึงมาไว้หลายๆใบแทน หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่หอจุ้ยเซียนอีกครั้ง ในเวลาใกล้เที่ยง
อาเปาตื่นมาอีกครั้งในเวลาใกล้เที่ยงพอดี อันที่จริงเขาตื่นนานแล้วแต่อี้เฟยนอนทับร่างเขาไว้ยังไม่ตื่น เขาจึงต้องปล่อยให้เธอนอนต่อไป ส่วนเขาก็มองเรือนร่างของเธออย่างมีความสุข เขาตั้งใจไว้ว่าหลังจากจัดการเรื่องความแค้นของเขาแล้วเขาจะมาไถ่ตัวเธอไปอยู่ด้วยฉันสามีภริยา หากเขาไม่ติดว่าต้องแก้แค้นให้พ่อแม่แล้ว เขาจะไถ่ตัวเธอไปด้วยเดี่ยวนี้เลย เขากลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายเมื่ออยู่เคียงข้างเขา จึงตั้งใจว่าจะมาหาเธอเรื่อยๆบ่อยๆ เมื่อมีโอกาสจะดีกว่า ศัตรูของเขาก็จะไม่ดึงเธอมาพัวพันด้วย เพราะเธอเป็นเพียงหญิงสาวในหอนางโลมเท่านั้น เขานอนคิดเพลินอย่างมีความสุข จนอี้เฟยตื่นขื้น เขาจึงกอดเธอไว้ และพูดว่า
“น้องอี้เฟยตื่นแล้วหรือ พี่มีเรื่องจะบอกน้องตั้งใจฟังก่อนนะ แล้วค่อยลุกขึ้น พี่มีปัญหาส่วนตัวต้องจัดการ จึงไม่อาจไถ่ตัวน้องไปในเวลานี้ได้ พี่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนอกจากเสือน้อย และพี่ก็ไม่อาจพาน้องติดตามพี่ไปด้วยในเวลานี้ได้ แต่พี่จะมาหาน้องบ่อยๆ เท่าที่จะมาได้ หลังจากพี่จัดการเรื่องส่วนตัวมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแล้วจะมารับน้องไปอยู่ด้วยแน่นอนพี่ให้สัญญา นี้ตั๋วเงินสองพันตำลึงขอให้น้องเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัว จำไว้ พี่ชื่อจริงว่าเตียเปา”
“น้องจะรอพี่กลับมา ผู้ชายทุกคนมักจะมีภริยาแล้วทั้งนั้นแหละน้องเข้าใจดี” เธอพูดเสียงเผ่าเบา เธอรู้ตัวดีว่าการจะให้ฝ่ายชายไถ่ตัวไปทันทีคงเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนมากจะมีภริยาอยู่แล้ว เธอคิดว่าอาเปาคงมีภริยาแล้วเช่นกัน ที่ว่าจัดการเรื่องส่วนตัว คงเป็นเรื่องเจรจากับภริยาว่าให้รับนางเป็นเมียน้อยนั้นเอง เธอจึงพูดเสียงแผ่วเบาอย่างช้ำใจที่ได้ชายที่มีเมียแล้ว
“น้องอี้เฟยอย่าเข้าใจผิดนะ พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น พี่ยังไม่มีภริยาหรือคนรักแต่อย่างใด น้องเป็นหญิงคนแรกของพี่ และเป็นคนที่พี่ต้องการอยู่ร่วมด้วยเพียงคนเดียว”
“เอาอย่างนี้แล้วกันพี่จะตามหาญาติพี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่พี่ให้พบก่อนแล้วพี่จะรีบมาไถ่ตัวน้องทันที ขอเวลาพี่ 1 เดือน จะได้หรือไม่”
“ยังไงน้องก็จะรอพี่ จะกี่เดือนก็ตาม พี่ปล่อยน้องเถอะสายมากแล้วน้องต้องแต่งตัวและไปบอกท่านแม่ (แม่เล้า) ด้วย เชิญท่านพี่ออกไปก่อนน้องแต่งตัวแล้วจะตามไปให้พี่พูดกับท่านแม่ด้วย น้องถึงจะปลอดภัย”
อี้เฟยและอาเปาพากันไปหาเถ้าแก่เนี้ยที่ห้องโถงใหญ่ และบอกว่าคุณชายอาเปาสัญญาว่าจะมาไถ่ตัวเธอ ซึ่งอาเปาก็พยักหน้ารับ
“คุณชายท่านต้องลงชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย ว่าจะไถ่เธอในราคาห้าหมื่นตำลึง และก่อนเวลา 1 ปี หากเกิน 1 ปี ท่านจะไม่อาจไถ่ตัวนางได้อีก หากท่านไม่ต้องการให้นางออกรับแขกท่านก็ต้องส่งเงินมาให้นางทุกเดือนๆละสองพันตำลึง หนึ่งพันตำลึงสำหรับตัวนางอีกหนึ่งพันตำลึงสำหรับค่าเลี้ยงดูนาง”
อาเปาก็ลงชื่อตามที่เถ้าแก่เนี้ยต้องการ และกล่าวว่า
“เดือนหน้าข้าจะส่งเงินมาให้แน่นอน น้องชายข้ามาหาข้าหรือไม่”
“มาแล้วครั้งหนึ่งเห็นคุณชายยังไม่ตื่นจึงบอกว่าเดี๋ยวจะมาใหม่ คงกำลังมา...นั้นไงมานั้นแล้ว” เถ้าแกเนี้ยพูด
“พี่อาเปาท่านตื่นแล้วหรือ มาข้าจะพาออกจากหอจุ้ยเซียน ท่านมาใหม่คงไม่รู้ทางออกนะสิ ข้ากลัวว่าท่านจะออกด้านหน้านะ ปกติหากค้างคืนจนสว่างพวกเราผู้ชายจะต้องหลบออกช่องลับด้านหลัง เพื่อไม่ให้พวกนางอับอาย และหากจะมาหาพวกนางในเวลากลางวันก็ต้องเข้ามาจากช่องลับด้านหลังเหมือนกัน มาข้าจะพาท่านออกไป”
ทั้งสองออกมาจากช่องทางลับด้านหลังหอจุ้ยเซียน เสือน้อยก็พูดว่า
“ข้าพาพี่ไปหาอะไรกินกันก่อน มีอะไรค่อยคุยในระหว่างกินก็แล้วกัน”
แล้วทั้งสองก็ไปที่ร้านอาหารทันที ทั้งสองสั่งอาหารกินมากมาย หลังจากทานเสร็จอาเปาก็พูดขึ้นว่า
“เสือน้อย พี่จะพาเจ้าไปฝึกวิทยายุทธก่อนเจ้าต้องตัดขาดจากโลกภายนอก 1 ปี เจ้ายินยอมหรือไม่”
“พี่จะให้ข้าบวชหรือไง”
“ไม่ใช่ พี่จะพาเจ้าไปอยู่ไต้หุบเหวที่พี่ตกลงไป และให้เจ้าฝึกวิทยายุทธที่นั้น สัก 1 ปี พี่จะใช้เวลานี้สะสางความแค้นส่วนตัวก่อน พี่ไม่อยากให้น้องต้องพลอยถูกลูกหลงด้วย เมื่อพ้นหนึ่งปีพี่จะไปรับน้องขึ้นมาเอง ถึงตอนนั้นน้องคงมีความสามารถเพียงพอจะคุ้มครองตนเองได้แล้ว หากเลย 1 ปีแล้วพี่ไม่ไป เจ้าก็ต้องฝึกวิทยายุทธให้สำเร็จจึงจะขึ้นมาเองได้ เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
“ข้าเชื่อใจพี่ ปกติข้าก็ระหกระเหินเร่ร่อนมามากพอแล้ว อยู่แบบตัดขาดโลกภายนอกดูสักปีก็ดีเหมือนกัน ตกลงพี่พาข้าไปได้เลย” เสือน้อยพูด
“ดีมากน้องพี่ นี้สิถึงจะเรียกว่าพี่น้องกัน เจ้ารับรู้ถึงความรู้สึกลำบากใจของพี่ได้ มาพี่จะพาไป”
หลังจากออกนอกเมืองมามาถึง 100 เมตร อาเปาก็พาเสือน้อยหลบที่ลับตาผู้คนจากนั้นก็พูดว่า
“เจ้าอย่าฝืนร่างกายนะ พี่จะพาเจ้าเดินทางด้วยวิชาตัวเบาละ”
อาเปาจับมือเสือน้อย แล้วใช้ท่าเท้าทะยานฟ้าออกไป ทั้งสองพุ่งไปที่ผามรณะด้วยความเร็วหนึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองก็มาถึงที่ผามรณะ
“ที่ไต้หุบเหวนี้แหละ เตรียมตัวละ” ว่าจบก็จับมือเสือน้อยแล้วโดดลงผามรณะทันที ด้วยท่าร่างทะยานเหยียบอากาศ อาเปาก็พาเสือน้อยลงสู่ก้นหุบเหวอย่างปลอดภัย
“พี่อาเปาเก่งมาเลย ข้าจะสามารถฝึกจนเก่งเหมือนพี่ได้หรือไม่”
“พี่จะช่วยเจ้าปรับพื้นฐานลมปราณเทวะและลมปราณอสูรเสียก่อน จากนั้นก็จะให้ฝึกฝนด้วยตนเอง ภายใน 1 ปีต้องฝึกลมปราณทั้งสองให้ถึงขั้น 5 ให้ได้ ส่วนที่เหลือก็อ่านเอาที่ตำรายุทธละ อาหารก็มีผลมรกตที่มีในหุบเหวนี้แหละ เพราะมีตลอดทั้งปี ตามพี่มาจะพาไปดูที่อยู่และที่มีผลมรกต”
เสือน้อยเดินตามอาเปาไปอย่างว่าง่าย หลังจากพาสำรวจสถานที่แล้ว อาเปาก็ไปหยิบตำรายุทธที่ซ่อนไว้ออกมา และเอาให้เสือน้อยอ่าน
“อ่านเฉพาะการฝึกลมปราณเทวะและลมปราณอสูรก่อน จนกว่าจะฝึกได้ถึงขั้น 5 แล้วจึงจะฝึกท่าเท้าและฝ่ามือได้ อย่าลืมเสียละ”
เสือน้อยจึงเริ่มอ่านลมปราณเทวะ จบแล้วก็ปิดตำราลง และทดลองทำตามที่ตำราบอก เขานั่งหลับตากำหนดจิต อาเปาต้องการให้เสือน้อยเดินลมปราณได้อย่างรวดเร็วจึงทาบมือที่แผ่นหลังเสือน้อยและส่งพลังเทวะของตนสู่ร่างเสือน้อยแทน และส่งเสียงบอกว่า
กำหนดจิตรับรู้จุดที่ลมปราณเทวะโคจรไป พี่จะชักนำให้จนกว่าจะสามารถเดินเองได้ จำไว้จิตต้องสงบตลอดเวลาที่เดินลมปราณเทวะ
เสือน้อยกำหนดจิตรับรู้กระแสพลังลมปราณเทวะอยู่ถึงร้อยรอบจึงจดจำลักษณะการโคจรได้ และสามารถกักเก็บพลังเทวะเป็นของตนเองได้แล้ว อาเปาจึงช่วยเปิดจุดให้ยี่สิบจุดหลัก กลางคืนอาเปาก็ช่วยเสือน้อยเดินลมปราณอสูรจนสามารถกักเก็บพลังลมปราณอสูรที่หัวใจได้ ซึ่งถือว่าสำเร็จขั้น 1 แล้วทั้งสองลมปราณ
“ต่อไปเจ้าต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ พรุ่งนี้เช้าพี่ก็จะไปแล้วแต่เช้ามืด เจ้าต้องพยายามอย่าทอดทิ้งกลางคันละ หากไม่ถึง 1 ปี พี่จะไม่ลงมาเด็ดขาด เอาละไปนอนได้แล้ว”
เช้าตรู่วันต่อมาอาเปาเก็บผลมรกตได้ 20 ผล ใส่ในกระเป๋าสะพายจากนั้นก็ทะยานขึ้นไปที่ยอดผา ขณะที่เสือน้อยหลับใหลยังไม่ตื่น เขามุ่งไปที่เมืองลกเอี้ยงทันที ชั่วโมงต่อมาเขาก็ไปที่ร้านหมอหลี
“หมอหลีท่านต้องการผลมรกตอีกหรือไม่”
“นึกว่าใครมาแต่เช้า เจ้านี้เอง ต้องการสิ ราคาเดิมผลละสองหมื่นตำลึงรับไม่อั้น เจ้ามีกี่ผลละ” ที่หมอหลีรับไม่อั้นเพราะเขาสามารถปรุงเป็นยาอายุยืนและขายได้มากกว่าเดิมถึงสามเท่าตัว และเงินจำนวนหนึ่งเขาก็ตกลงกับเศรษฐีจางไว้แล้วว่าหากหนุ่มคนนั้นนำมาขายอีกเศรษฐีจางจะเป็นคนจ่ายเงินซื้อทั้งหมดโดยขอส่วนแบ่งยากันคนละครึ่ง
“มียี่สิบผล”
“หาว่าไงนะ เจ้าไปเก็บจากไหนทำไมหาได้เยอะจัง”
“ความลับท่านหมอ หากข้าบอกท่านข้าก็ขาดรายได้นะสิ”
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ข้าก็ถามไปงั้นๆแหละ เป็นข้าก็ไม่บอกคนอื่นเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นหกแสนตำลึงนะ รอนี้ก่อนข้าไปเอาเงินก่อน”
หมอหลีเดินออกจากร้านไปที่บ้านเศรษฐีจาง และบอกเรื่องที่อาเปาเอาผลมรกตมาขายให้อีก 20 ผล และรับเงินหกแสนตำลึงมาจากเศรษฐีจาง พอกลับมาถึงร้านก็ยื่นตั๋วเงินให้ และรับเอาผลมรกตมาจากอาเปา
“ข้าไปละ แล้วอีกหนึ่งปีจะเอามาขายให้ใหม่นะ” อาเปารับตั๋วเงินและเก็บไว้ในอกเสื้อแล้วก็จากมา
อาเปา ตามหาเหมยอิงอีกครั้งหลังจากตากหาไม่เจอเมื่อ 6 ปีก่อน เขาเดินไปตามที่ต่างๆในเมืองลกเอี้ยง และสอบถามผู้คนบ้างเป็นบางครั้ง
“เฮ้ยไอ้หนู ตามหาคนหรือ ให้ข้าช่วยไหม เครือข่ายข้าเคลือบคลุมทั้งเมืองลกเอี้ยงนี้และสาขาอื่นอีกทั่วแผ่นดินใหญ่ เพียงเจ้ายินยอมจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ขอทานแก่คนหนึ่งที่สังเกตดูอาเปามาพักหนึ่งแล้วถามขึ้น
“ผู้อาวุโส ท่านไม่หลอกลวงข้านะ” อาเปาพูด
“ข้าจะไปหลอกเจ้าทำไม ข้าแนะนำตัวก่อนก็ได้ ข้าชื่อ ขอทานร้อยลี้ฉินไห่ เป็นหัวหน้าพวกขอทานในเมืองลกเอี้ยงนี้ ตำแหน่งผู้อาวุโสแปดกระสอบของพรรคกระยาจก มีอำนาจสั่งการเป็นรองเพียงประมุขพรรคและรองประมุขเท่านั้น แล้วเจ้าละ”
“ท่านผู้อาวุโส ข้าชื่ออาเปา ท่านมีหลักฐานแสดงหรือเปล่าละ”
“เจ้ารอบครอบดีมาก ปกติข้าจะไม่ให้ใครดูได้ง่ายๆ แต่เห็นเจ้าหน้าตาซื่อๆดี ข้าจะให้ดูแล้วกัน” ว่าจบก็หยิบป้ายไม้ดำออกมาให้ดู ในนั้นได้เขียนชื่อและตำแหน่งไว้ด้วย
“เป็นไงเชื่อหรือยังละ”
“ข้าเชื่อแล้ว ท่านต้องการเท่าไหร่ละในการตามหาคน”
“ไม่มากๆ หากเพียงหาข่าวของคนผู้นั้น ก็สองพันตำลึง หากหาจนพบตัวก็สี่พันตำลึง”
“ทำไมเยอะจัง ผู้อาวุโส”
“เจ้าคงคิดว่าเยอะนะสิ แต่เงินจำนวนนี้ข้าต้องเอาไปแจกจ่ายลูกพรรคทุกคนในเมืองนี้ เพื่อให้พวกเขาดำรงชีพอยู่ได้อีกหลายวันจึงไม่ถือว่าเยอะแต่อย่างใด เพราะกว่าจะหาลูกค้าได้แต่ละคนช่างยากเย็นนัก เหมือนเจ้านี้ไงละ ต่างไม่ยินยอมจ่าย แต่กลับจะค้นหาด้วยตนเอง ซึ่งหากหาไม่เจอจึงจะติดต่อพวกเรา”
“อย่างงั้นหรือ งั้นผมจ่ายสี่พันตำลึง และให้พิเศษอีก สองร้อยตำลึงเพื่อขอให้ตามหาน้าสาวผมที่ชื่อเหมยอิงจะได้หรือไม่”
“เหมยอิงๆ ชื่อคุ้นๆ นะ ขอคิดก่อน....จำได้แล้ว ใช้หงส์ผงาดฟ้าเหมยอิง ใช่หรือไม่”
“ข้าไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ รู้แต่ว่านางอยู่ที่เมืองลกเอี้ยงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หน้านางจะเหมือนหน้าแม่ของข้ามาก หากข้าเจอข้าจะจำได้ทันที”
“ได้ดูจากหน้าตาเจ้า คงได้ส่วนแม่มาหลายส่วน และคลับคล้ายหงส์ผงาดฟ้าอยู่บ้าง ข้าว่าน่าจะใช่ ...เจ้ารอสักชั่วยาม”
ขอทานร้อยลี้ฉินไห่เรียกขอทานน้อยอีกคนมา และก้มลงกระชิบอยู่หลายประโยค ขอทานน้อยก็วิ่งออกไป
อีกชั่วยามต่อมาก็มีขอทานคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบกว่าปีเดินมาหาขอทานร้อยลี้กระชิบอยู่หลายประโยคก็จากไป
“ได้เรื่องแล้วแหละเจ้าหนู หงส์ผงาดฟ้าเหมยอิงเมื่อหกปีก่อนถูกนักฆ่ากลุ่มหนึ่งตามล่าและพลาดท้าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ถูกผู้อาวุโสพรรคเราช่วยไว้ได้ ขณะนี้หลบซ่อนอยู่ภายในเมืองนี้แหละกับลูกสาว แต่สถานที่ซับซ้อนยิ่ง หากเจ้าไม่ได้จ้างพวกเราตามหา เจ้าหาทั้งปีก็ไม่อาจพบได้ ตามข้ามา
ขอทานร้อยลี้พาอาเปาไปที่สุสานแห่งหนึ่ง เป็นสุสานหลวงของอดีตฮ้องเต้ราชวงศ์ก่อน มีกลไกที่ซับซ้อนมาก อาเปาเห็นขอทานร้อยลี้กดปุ่มกลไก และจับป้ายสลักชื่อหมุนอยู่หลายครั้งสุสานจึงเปิดออกมา เดินลงไปอีกหลายห้องก็ทะลุอุโมงค์ไปอีกครั้งก็พ้นจากสุสานออกมา เห็นเป็นที่โล้งอีกแห่งเหมือนจะอยู่หลังวังหลวงส่วนในที่เป็นที่คุมขังของเหล่านางสนมที่กระทำผิดเรียกว่าตำหนักเย็น ซึ่งจะไม่มีใครใส่ใจมาดูแลและปล่อยร้างมาเจ็ดปีแล้ว ขอทานร้อยลี้พาไปที่ห้องๆหนึ่ง
“เป็นผู้อาวุโสท่านใดมาเยี่ยมข้า เหมยอิง”
“ฮ่าๆๆ ขอทานร้อยลี้รับสินค้าใหญ่รายหนึ่ง ต้องการพบท่านจึงพามาหา เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่ออาเปา เขาบอกว่าท่านเป็นน้าเขานะ ข้าได้ให้คนมาส่งข่าวท่านแล้ว จึงได้พามา”
“เข้ามาข้างในก่อน โอสวรรค์ข้านึกว่าหลานข้าของข้าเสียชีวิตไปทั้งหมดแล้วเสียอีก”
ขอทานร้อยลี้จึงพาอาเปาเข้าไปในห้อง เหมยอิงเป็นหญิงวัยกลางคน ร่างกายช่วงร่างเป็นอัมพาตจากการถูกล้อมฆ่า ข้างกายนางนั่งอยู่ด้วยหญิงสาวนางหนึ่งเมื่ออาเปามองดูกลับเป็นเหมยฮัวที่เขาเคยชนที่ตัวเมือง
“ท่านน้าเหมยอิงยังจำอาเปาได้หรือไม่”
“ท่านนั่นเอง ตอนนั้นท่านบอกข้าว่าชื่อ อู่หมิง ไม่ใช่หรือ แล้วไฉนจึงมาเป็นพี่อาเปาของข้าได้ละ” เหมยฮัวพูดขึ้น
“เออตอนนั้นข้าความจำเสื่อมจำอดีตของตนไม่ได้ พึ่งจดจำได้หลังจากที่ชนแม่นางแล้ว จึงได้เริ่มออกตามหาท่านน้าอีกครั้ง”
“อย่างนี้นี่เอง” “ท่านแม่พี่อาเปานี้แหละที่เอาผลมรกตให้ลูกตั้งสี่ผล ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้แย่งใครมา ไม่เชื่อถามพี่อาเปาดูสิ ท่านแม่ก็กินได้อย่างสบายใจเถอะ ท่านจะได้เดินเหินได้เหมือนเดิมชักที”
“จริงหรือจะ อาเปา”
“ข้าให้เหมยฮัวเอง ข้าเดินชนนางจนกระเด็นจึงให้ผลมรกตเพื่อไถ่โทษนะ ว่าแต่ผลมรกตสามารถรักษาอาการอัมพาตได้ด้วยหรือ”
“ได้สิ แต่ต้องใช้ผสมตัวยาอีกสองชนิดนะ หกปีมานี้น้าเตรียมยาสองชนิดได้ตลอดขาดแต่ผลมรกตอย่างเดียวที่หาได้ยากยิ่งจึงไม่อาจรักษาได้เสียที”
“ว่าแต่อาเปาหามาได้อย่างไรละ”
“ข้าเก็บได้โดยบังเอิญนะ นึกว่าเป็นผลไม้กินได้ทั่วไป ไม่นึกว่าจะเป็นผลไม่วิเศษขนาดนี้” อาเปาตอบเลี่ยงๆ เนื่องจากยังมีขอทานร้อยลี้อยู่ด้วย
“อะแฮ้ม ข้าพาเจ้ามาแล้วถือว่าทำงานสำเร็จแล้ว เรื่องส่วนตัวพวกท่านข้าไม่อาจอยู่ฟังด้วยได้ ข้าขอตัวไปก่อนละ” กล่าวจบขอทานร้อยลี้ก็ออกจากห้องไปทันที
อาเปาเห็นว่าไม่มีคนนอกแล้วจึงเข้าไปกอดเหมยอิงทันที
“ท่านน้า ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว ที่ท่านต้องเป็นเช่นนี้ ต้องเกิดจากสาเหตุมาจากครอบครัวข้าแน่เลย”
“หนูเอ่ย นี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก น้าดีใจมากที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังจำได้หรือไม่ เมื่อตอนเจ้าอายุ 8 ขวบ น้าพาเหมยฮัวไปเยี่ยมที่บ้านเจ้า”
“จำได้ท่านน้า ตอนนั้นข้ายังพาเหมยฮัวออกไปเล่นน้ำด้วยกันเลย ท่านพ่อท่านแม่ยังให้ข้าหอมแก้มเหมยฮัวด้วย”
“อ้อตอนนั้น พ่อแม่เจ้ากับน้าได้หมั่นเจ้ากับเหมยฮัว ว่าเมื่อพวกเจ้าทั้งสองโตขึ้นจะให้พวกเจ้าแต่งงานกันและได้ผูกดวงเจ้าทั้งสองไว้ด้วยกันนะ จนถึงตอนนี้นางก็ยังบอกน้าตลอดว่าเจ้ายังไม่ตาย เพราะนางผูกดวงกับเจ้าไว้ว่าหากเจ้าตายจริงนางก็คงตายด้วยเหมือนกัน ซึ่งโชคนางก็ดีจริงๆ ขนาดน้าถูกตามล่า ก็เป็นช่วงที่นางหลบออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นพอดี นางจึงรอดมาได้ภายหลังน้าจึงให้พวกพรรคกระยาจกช่วยตามหานางจนเจอ”
“ท่านน้าจะให้เหมยฮัวแต่งกับข้าจริงหรือ คือข้าเคยสัญญากับอี้เฟยว่าจะรับนางเป็นภริยาเหมือนกัน”
“อี้เฟย เป็นใคร ไหนเจ้าว่าพึ่งจำอดีตได้ไง แล้วเจ้าไปสัญญากับนางได้อย่างไร”
“เรื่องเป็นอย่างนี้ท่านน้า เมื่อสองวันก่อนหลังจากข้าชนกันเหมยฮัว แล้วข้าได้ขายผลมรกตที่เหลือให้เศรษฐีจางได้ตั๋วเงินมาแสนตำลึง ข้าจึงแลกเป็นเงินอีกพันตำลึงและไปซื้อเสื้อผ้าใส่ พอออกจากร้านเสื้อผ้าก็เจอกับเสือน้อยที่ข้าเคยสาบานเป็นพี่น้องกันในครั้งที่เร่ร่อนอยู่ เสือน้อยจำได้ว่าข้าเป็นใคร ข้าจึงให้พาไปหาที่นั่งคุยกันที่หลงจินเหล่า หลังจากคุยกันเสร็จข้าก็เกิดจำอดีตได้ จึงพาเสือน้อยไปซื้อผ้าเปลี่ยน และเป็นเวลาพบค่ำพอดีข้าจึงบอกให้เสือน้อยพาหาที่พักนอน เสือน้อยกับบอกว่าจะพาไปหาหญิงสาวนอนเป็นเพื่อน ข้าจึงตามใจน้อง จึงพากันไปที่หอจุ้ยเซียน และเป็นวันเปิดตัวอี้เฟยพอดี ข้าจึงประมูลนางได้ พอข้าอยู่ในห้องกับนางสองต่อสอง ข้ากับนางกินเหล้าและกับแกล้มด้วยกัน ไปหลายจอก จึงเกิดได้เสียกัน ถึงเช้าข้าเลยสัญญากับนางว่าจะรับนางเป็นภริยา นางเป็นลูกสาวนายอำเภอเก่านะ แต่พอพ่อตายจึงถูกแม่ใหญ่บ้านนั้นขายออกมาเพราะนางเป็นลูกเมียน้อย หากน้องเหมยฮัวยอมรับได้ข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่หากยอมรับไม่ได้ข้าก็คงต้องยกเลิกการหมั้น” อาเปาพูดความจริงออกไปเพราะเขาไม่ได้เกิดความคิดชอบพอเหมยฮัวแต่แรกอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าเหมยฮัวเป็นหญิงสาวที่ดูห้าวๆเกินไปซึ่งเขาไม่ค่อยชอบนัก
“ว่าไงละเหมยฮัว จะยอมเลิกหมั้นไหม เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว จะให้ทิ้งคนเก่าและแต่งคนใหม่ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับอี้เฟยนัก ชะตาชีวิตเธอก็น่าสงสารมากแล้ว”
“ข้าไม่ยอมหลอกท่านแม่ ข้าต้องแต่งกับพี่อาเปาด้วย ข้าไม่ใช่หญิงที่ต้องอยู่ในประเพณีเหมือนชาวบ้านทั่วไปชักหน่อย ข้าเป็นลูกสาวชาวยุทธนะ ข้ายอมรับได้อยู่แล้วที่สามีจะมีภริยาหลายคนนะ แต่แม่นางอี้เฟยกับข้าต้องมีฐานะเท่าเทียบกันด้วยไม่มีใหญ่มีน้อย”
“ได้ยินแล้วนี้ อาเปาเห็นที่เจ้าต้องรับนางเป็นภริยาจริงๆนั้นแหละ เจ้าก็ทำใจเสียเถอะนางอาจเอาแต่ใจและดื้อรั้นบ้าง แต่น้าเชื่อวาเมื่อนางเป็นภริยาเจ้าแล้ว นางต้องอยู่ในโอวาทเจ้าได้แน่ๆ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่ข้ายังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเกรงว่าจะทำให้นางลำบากกับข้านะสิ”
“หนูเอ้ย ทุกวันนี้พวกเราก็ลำบากอยู่แล้ว เพื่อให้น้าสบายใจ และเหมยฮัวมีที่พึ่งพา พวกเจ้าก็รีบแต่งกันเสียวันนี้เถอะ เราชาวยุทธจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่อาจแน่ใจได้ เหมยฮัวก็พอมีฝีมือติดตัวอยู่บ้างคงเอาตัวรอดได้ อีกอย่างน้าจะได้ไม่มีห่วงและมีหน้าพบพ่อแม่เจ้าได้เมื่อตายไป เราชาวยุทธไม่ต้องมากพิธีน้าเป็นทั้งญาติของเจ้าทั้งแม่เหมยอิง เจ้าก็กราบไหว้ฟ้าดิน และญาติผู้ใหญ่เสียเถอะ ส่วนห้องหอก็เอาห้องของเหมยฮัวแล้วกันห้องนางอยู่หลังห้องน้านี้เอง”
เหมยอิงกล่าวเพราะต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว จะได้หมดห่วงจริงๆ เธอที่สามารถอดทนมีชีวิตอยูทุกวันนี้ได้เพราะภาระนี้เท่านั้น เนื่องจากครั้งที่ถูกล้อมทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากภายในด้วย และยังถูกพิษร้ายแรงไม่อาจรักษา มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงเดือน หากอาเปาตามหานางช้ากว่านี้อีก 1 เดือนก็ไม่อาจพบเจอเธอได้อีกตลอดชีวิต เธอจึงต้องการให้ทั้งสองแต่งกันโดยเร็วจริงๆ และเรื่องที่เธอจะตายในอีก 1 เดือนเธอปกปิดลูกสาวไว้ไม่ให้รู้เพราะกลัวว่าเหมยฮัวจะเสียใจ แม้ได้ผลมรกตมาเธอจึงไม่รีบปรุงเป็นยากินในทันทีและบ่ายเบี่ยงว่าลูกสาวไปแย่งชิงมา เพราะตอนนี้แม้เธอจะกินผลมรกตลงไปก็ไม่อาจขับพิษที่แทรกซึมไปทั่วร่างกายแล้วได้ อย่างมากก็ยืนเวลาตายของเธอให้ยืนขึ้นอีกเดือนหนึ่งเท่านั้น
“จะได้อย่างไรกันท่านน้า ข้าว่ารอข้ามีหลักแหล่งที่มั่นคงก่อนมี่กว่าหรือ”
“ได้สิ อย่าพิรีพิไรเลย เมื่อแต่งกันแล้วเจ้าค่อยหาหลักแหล่งที่มั่นคงในภายหลังก็ไม่สายเราชาวยุทธไม่ถือสานี้อยู่แล้ว อย่ายึกยักเลยเหมยฮัวยังไม่ว่าอะไรเลย เห็นไหมนางไม่ค้านแม่ชักคำ แล้วเจ้าเป็นผู้ชายจะบ่ายเบียงทำไม ไม่ต้องพูดแล้วเอาตามนี้แหละ พวกเจ้าทั้งสองมานั่งต่อหน้าแม่ทำพิธีเดี่ยวนี้”
อาเปาและเหมยฮัวจึงต้องมานั่งคุกเข้าต่อหน้าเหมยอิง
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำนับญาติผู้ใหญ่” เหมยอิงกล่าวพิธีขึ้นทันทีที่ทั้งสองนั่งคุกเข่า
ทั้งสองจึงคำนับเหมยอิง และยกนน้ำชาให้ เหมยอิงยกน้ำชาขึ้นดื่มและพูดว่า
“คำนับกันและกัน” ทั้งสองจึงคำนับกันและกัน
“จบพิธีแล้ว แม่เดินไม่ได้ขอใช้คำพูดส่งเจ้าทั้งสองแล้วกัน หากไม่อยากให้แม่เสียใจคืนนี้พวกเจ้าทั้งสองต้องนอนด้วยกัน เข้าห้องหอได้ แม่จะนอนพักผ่อนแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
เหมยฮัวจึงต้องพาอาเปาเข้าห้องนอนของตนด้วยความเขินอาย อาเปาเมื่อเข้าห้องได้ก็แผ่พลังปราณปิดกั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกนอกห้อง จากนั้นด้วยความที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้วจึงไม่เกรงใจเหมยฮัวแต่อย่างใด เขาเข้าไปกอดเหมยฮัวแล้วอุ้มเธอไปนอนที่เตียง จากนั้นก็โน้มตัวลงจูบปากเธอและเริ่มซอนไชไปทั่วเรือนร่าง
เนื่องจากห้องเหมยฮัวมืดมิด จึงไม่เห็นว่าเหมยฮัวมีน้ำตาไหลอาบแก้มแล้ว และปล่อยให้อาเปาทำตามอำเภอใจ แม้แม่ของเธอจะไม่ได้บอกเธอตรงๆ แต่เธอก็พอจะรู้ว่าแม่ของเธอมีชีวิตได้อีกไม่นาน เธอจึงตามใจแม่ของเธอ แม้จะรู้ว่าอาเปามีหญิงอื่นแล้วก็ตาม เพราะเธอไม่อยากให้แม่เธอเสียใจ ไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่อาเปาในปรภพ ทั้งๆที่เธอไม่รู้จักอาเปาดีพอก็ต้องมาแต่งงานกันแล้ว เธอจึงเสียใจมาก เมื่อคิดว่าในอนาคตข้างหน้าสามีเธออาจไม่ได้รักเธอจริงๆ ในตอนที่เธอได้ผลมรกตมาเธอดีใจมากเพราะคิดว่าแม่อาจจะมีชีวิตยืดไปได้อีกหลายเดือน แต่เมื่อเธอเอาให้แม่เธอ แม่เธอกลับว่าเธอแย่งชิงมา และไม่ยอมกิน เธอก็รู้แล้วว่าแม่เธอพูดเพื่อถ่วงเวลากินผลมรกตเท่านั้น เพราะปกติแม่เธอจะไม่เคยว่าเธอแย่งชิงสิ่งของของคนอื่นมาก่อน ทุกครั้งที่เธอหาอาหารมาให้หรือเอาอะไรมาให้แม่เธอจะรับไว้โดยไม่สอบถามมาก่อน แต่ครั้งนี้กลับผิดปกติเธอก็รู้แล้วว่าแม่เธอไม่ต้องการยืดชีวิตตนออกไป เธอมุ่งหวังจะทำตามที่แม่สั่งทุกอย่างจนกว่าแม่เธอจะจากเธอไปอย่างสงบได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองออกจากห้องมา เหมยอิงก็ตื่นมาแล้ว เธอเห็นทั้งสองออกมาก็พูดกับทั้งสองว่า
“อาเปา เจ้าควรจะไปไถ่อี้เฟยออกมานะ เราชาวยุทธทำอะไรลงไปต้องรับผิดชอบ เจ้าคงได้รับการสั่งสอนมาจากพ่อเจ้าเมื่อยังเด็กบ้าง แม่เชื่อว่าเจ้าเป็นคนรู้ผิดชอบ การจะให้คนที่เจ้ารักต้องอยู่ในสถานที่แบบนั้น แม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม หากไม่มีที่ให้นางอยู่ก็พามาหาแม่ก่อน แม่จะพานางและเหมยฮัว ไปอาศัยสำนักง่อไบ้อยู่ชั่วคราวได้ เจ้าสำนักกับแม่เป็นเพื่อนกันเมื่อครั้งแม่ออกท่องยุทธภพกับพ่อของเหมยฮัว เมื่อเจ้าจัดการศัตรูได้แล้ว ค่อยไปรับพวกนางทั้งสองที่ง่อไบ้ก็ได้”
“ข้าก็คิดจะไถ่อี้เฟยตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นข้าหาทางออกไม่ได้ว่าจะนำนางไปให้อาศัยอยู่ด้วยกันใครได้จึงบอกให้รอก่อน อีก 1 เดือนจึงจะไปไถ่ตัวนาง เมื่อท่านแม่ว่าอย่างนั้นข้าจะไปทันที”
“ดีแล้ว เจ้าไปเถอะ แม่จะให้เหมยฮัวปรุงยาผลมรกตให้แม่ทาน อีกไม่กี่ชั่วยามก็สามารถเดินเหินได้ปกติ จากนั้นเราจะออกเดินทางไปง้อไบ้ด้วยกัน เหมยฮัวไปนำผลมรกตปรุ่งยาให้แม่ได้แล้ว”
“ท่านพี่เปา ยังไม่รู้ทางข้าจะพาออกไปนอกสุสาน แล้วกันเพราะข้ากับแม่เข้ามาอาศัยอยู่โดยไม่เปิดเผยนักจึงไม่อาจออกไปตามทางปกติได้”
เหมยฮัวนำอาเปาออกจากสุสานตามเส้นทางเดิมที่อาเปาเข้ามา ซึ่งมีปุ่มกดกลไกคนละจุดกันกับที่ใช้กดเปิดเข้ามา ไม่นานทั้งสองก็ออกจากสุสานได้
“ท่านพี่อาเปาคงจำเส้นทางและกลไกเข้าและออกได้แล้วสินะ ข้าต้องกลับไปปรุงยาใหห้ท่านแม่ก่อน และจัดเตรียมของใช้จำเป็นเพื่อเดินทาง ขอท่านรีบไปรีบกลับนะ”
อาเปาดึงเหมยฮัวมากอด แล้วกล่าวว่า
“ถึงในห้องน้องจะมืดมิด แต่พี่ก็มองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจนดุจเวลากลางวัน พี่จึงเห็นเหมยฮัวร้องให้ พี่อยากบอกว่าพี่ก็รักน้องเหมยฮัวนะ พี่ไปละแล้วพี่จะรีบกลับมาโดยเร็ว”
อาเปาไปที่หอจุ้ยเซียนเวลาสายมากแล้ว จึงไม่มีแขกที่ออกมาจากช่องทางลับข้างหลังในเวลาที่อาเปาเดินเข้าไป เขาตรงไปหาเถ้าแก่เนี้ยที่ห้องโถงใหญ่ และพูดว่า
“เถ้าแก่เนี้ย ข้ามาไถ่ตัวอี้เฟยแล้ว”
“คุณชายอาเปามาได้จังหวะพอดีเลย เมื่อวันก่อนท่านมีเรื่องกับนายท่านแซ่หาน เมื่อวานเขาจึงกลับมาอาละวาดที่หอข้า และจะบีบบังคับให้อี้เฟยนอนกับเขาให้ได้ ข้าเลยบ่ายเบี่ยงว่าอี้เฟยพึ่งเปิดตัว จึงยังไม่พร้อมรับแขก ขอให้มาใหม่คืนพรุ่งนี้ เขาจึงขู่ข้าว่าหากพรุ่งนี้บ่ายเบี่ยงอีกเขาจะพังหอข้า ข้าไม่รู้จะทำไงแล้วจะส่งคนไปตามท่านก็ไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่ไหน นี้ข้าก็กังวลอยู่เลย หากท่านไม่มาวันนี้ข้าก็จำต้องให้อี้เฟยนอนกับนายท่านแซ่หานแล้ว”
“ไหนท่านว่าภายใน 1 ปีจะไม่ให้นางรับแขกไง”
“เป็นเช่นนั้นคุณชาย แต่ในระแวกนี้ไม่มีใครไม่เกรงกลัวนายท่านหาน หากเขาต้องการพวกเราก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้ ท่านรีบไถ่เอาตัวนางไปเถอะ ทั้งหมดก็ห้าหมื่นตำลึง และขอให้ท่านลงชื่อไว้ด้วย เพื่อพวกเราจะได้ใช้ยืนยันแก่นายท่านแซ่หานได้”
เถ้าแก่เนี้ยเอาตั๋วสัญญาซื้อขายมาให้อาเปาลงชื่อทันทีที่อาเปาจ่ายเงินให้ และบอกสาวใช้ไปเรียกอี้เฟยออกมาหา
“อี้เฟย เจ้าโชคดีมากที่คุณชายอาเปามาไถ่เจ้าแล้ว ตั้งแต่ข่าเปิดหอมามีเจ้าคนเดียวนี้แหละที่ได้ออกไปเร็วที่สุด คนอื่นๆ ต้องรอจนคลอดลูกและรู้ว่าได้ลูกชายโน้นถึงได้ถูกไถ่ตัว ขอให้เจ้าโชคดีมีความสุขในชีวิตคู่กับคุณชายอาเปานะ หมดเคราะห์เสียที ข้าเองหากไม่ใช่ต้องเลี้ยงชีวิตลูกน้องและเหล่าหญิงสาวอีกหลายคนก็ไม่อยากทำร้ายชีวิตใครหรอก คนที่ข้ารับซื้อมาทุกคนข้าจะพยายามให้โอกาสไถ่ตัวทุกคน แต่ข้าไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะผู้ที่คอยรับผลประโยชน์จากพวกเราก็ยังมีอีกมากนัก เงินที่ได้จากการไถ่ตัวเจ้า ข้าก็ต้องแบ่งหลายส่วนเพื่อให้แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพราะอาชีพแบบพวกเราไม่อาจดำรงอยู่ได้หากไร้การสนับสนุนจากบ้านเมือง เจ้าคงเข้าใจข้านะ ไปเถอะอยากเอาอะไรออกไปจากนี้เลยเพราะถือว่าเป็นของไม่เป็นมงคล แม้เสื้อผ้าเจ้าก็ควรหาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ และทิ้งชุดที่ใส่ไปเสีย”
“ขอบคุณท่านแม่ ที่เกลี่ยกล่อมข้าไม่ให้ข้าต้องข้าตัวตาย แต่ทีแรกที่เข้ามา แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวที่ข้าอยู่ที่นี้ แต่ข้าก็พอทราบได้ว่าท่านเป็นคนจิตใจดี” แล้วหันไปพูดกับอาเปาว่า
“คุณชายท่านช่างใจดีนัก ข้ารักท่านยิ่งนัก”
“เราไปกันเถอะ พี่จะพาไปหาซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนก่อนแล้วกัน”
อาเปาพออี้เฟยออกจากหอจุ้ยเซียนทางช่องทางลับข้างหลัง และไปที่ร้านเสื้อผ้าสตรีทันที
“คุณชายพาภริยามาหาซื้อเสื้อผ้าหรือ ไม่ทราบฮูหยินท่านต้องการชุดแบบไหน ร้านเรามีสามชั้น สามระดับ ชั้นแรกสำหรับทั่วไป ชั้นสองต้องระดับคุณหนูลูกเศรษฐีจึงจะหาซื้อได้ ชั้นสามเป็นชั้นพิเศษระดับวีไอพีจริงๆ เพราะแต่ละชุดก็ราคาหลักพันตำลึงขึ้น”
“เอาเป็นที่ชั้นสามแล้วกัน พานางเอาไปหาด้วย หากนางชอบชุดไหนก็หาให้นางเลย เอาชัก สิบชุด ข้าจะรอที่หน้าร้าน” แล้วกล่าวกับอี้เฟยว่า
“น้องอี้เฟยเลือกหาซื้อได้ตามสบายใจเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ พี่เป็นผู้ชายไม่อาจเข้าภายในร้านได้สะดวกนัก นี้ตั๋วแลกเงินสองหมื่นตำลึง” ธรรมเนียมจีนปกติผู้ชายจะไม่เข้าร้านเสื้อผ้าสตรี แม้จะมาด้วยกันส่วนมากก็จะยืนรอหน้าร้าน
อี้เฟยจึงเดินเข้าร้านไปที่ชั้นสามเพื่อเลือกเสื้อผ้าใส่ เธอเลือกโทนสีขาวและสีชมพูเป็นส่วนมากมีสีแดงอีก 1 ชุด และชุดชั้นในอีกหลายชุด หมดเงินไปถึงหมื่นสามพันตำลึง ผู้หญิงเลือกชุดไม่ว่ายุดไหนสมัยไหนมักจะนานเสมออาเปานั่งรอถึงหนึ่งชั่วยาม อี้เฟยจึงเดินออกมาจากร้านด้วยชุดใหม่สีขาวอมชมพู ดูสวยขึ้นกว่าเดิม เพราะนางยังให้เถ่าแก่เนี้ยให้คนไปหาซื้อปิ่นปักผมให้ด้วย เพราะของที่ติดตัวมาทั้งหมดนางทิ้งไว้ให้ที่ร้านนำไปทิ้งหรือแจกให้พวกยาจกได้เลย
“อี้เฟย สวยมากพี่ไม่เคยเห็นใครสวยเท่าน้องมาก่อนเลย” อาเปาพูดชมนางตรงๆ จนอี้เฟยพูดไม่ออกหน้าขึ้นสียิ่งกว่าเดิม
“น้องคงหิวแล้ว พวกเราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”
อาเปาพาอี้เฟย ไปที่ร้านหลงจินเหล่า หลังจากสั่งอาหารมาหลายอย่างแล้ว ระหว่างนั่งกิน อาเปาก็แผ่พลังลมปราณอสูรพลังแม่เหล็กกักเสียงให้ได้ยินเพียงอี้เฟยพูดขึ้นว่า
“อี้เฟย ฟังพี่นะ หลังจากที่พี่จากน้องมาในวันนั้นพี่ก็ตามหาญาติผู้ใหญ่พี่เจอในวันถัดมา แต่ท่านน้าบอกพี่ว่าพี่กับเหมยฮัวได้หมั้นหมายกันไว้แล้วตั้งแต่เด็ก จึงให้พี่แต่กับเหมยฮัว พี่บอกว่าพี่จะรับน้องอี้เฟยเป็นเมียแล้ว ท่านน้าจึงถามเหมยฮัวว่ารับได้ไหน เหมยฮัวก็บอกว่ารับได้แต่ต้องไม่มีใหญ่มีน้องให้เสมอภาคกัน ท่านน้าจึงให้เราแต่งกันในวันนั้นเลย พอเช้ามาก็บอกให้พี่มาไถ่ตัวน้องนี้แหละ น้องคงไม่โกรธพี่นะที่ไม่ได้บอกเรื่องมีคู่หมั่นแต่แรก เพราะพี่ก็ไม่ทราบมาก่อนจริงๆ”
อี้เฟย ฟังแล้วก็แอบช้ำใจนิดๆ ชีวิตเธอเติบโตมากับคำว่าลูกเมียน้อยตั้งแต่จำความได้ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นลูกนายอำเภอแต่ก็ถูกใช้อย่างกะคนใช้ ยิ่งพอแม่ตายจาก ยิ่งไม่อาจไปไหนได้ จำต้องทนอยู่ที่บ้านนั้นเรื่อยมา แม้พ่อของเธอจะทำดีด้วยเป็นบางครั้งแต่ก็ถูกแม่ใหญ่ว่าร้ายเป็นประจำ จนช่วงหลังๆแม้พ่อของตนก็ไม่กล้าแสดงความรักฉันพ่อลูกกับนางโดยเปิดเผยได้ แล้ววันที่พ่อเธอจากไปเธอก็ไม่อาจเข้าไปไหว้ศพในฐานะลูกคนหนึ่งได้ อันที่จริงเธอเคยถูกสู่ขอมาหลายครั้งแต่ถูกแม่ใหญ่ปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้เธอได้ดีไปกว่าลูกของตน พอพ่อตายได้เพียงวันเดียวเธอก็ถูกขายให้หอจุ้ยเซียน นับว่าชะตาเธอยังดีที่มาพบกับอาเปาในวันเปิดชิง ไม่งั้นก็คงต้องเป็นนางคณิกาตลอดชีวิต เธอจึงไม่คิดว่าการที่อาเปามีภริยาอีกคนเป็นเรื่องโหดร้ายกับเธอเลย เพียงหวังว่าหากเธอมีลูก ลูกเธอจะไม่มีชะตาชีวิตแบบเธอเท่านั้น จึงพูดว่า
“ข้าไม่โกรธพี่หรอก ชะตาข้าอาภัพมาตลอด หากไม่ได้พี่ไถ่ตัวออกมาก็คงเป็นนางคณิกาไปตลอดชีวิต เพียงหวังว่าเหมยฮัวจะไม่เกียดชังข้า เหมือนที่แม่ใหญ่ข้าเคยเกียดแม่ข้าก็พอใจแล้ว”
“ไม่เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด ข้าให้สัญญา และเหมยฮัวก็พูดแล้วว่าไม่มีใหญ่มีน้อย นางก็ต้องชอบน้องด้วยอย่างแน่นอน”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ชั้นสองของร้านว่า
“นี้เจ้าทราบข่าวไหม คัมภีร์เทพอสูรที่เคยหายสาบสูญเมื่อห้าร้อยปีก่อนปรากฏขึ้นในยุทธภพ ที่เมืองเว่ยนานมีซากศพที่เสียชีวิตจากวิชาหมัดอสูรจำนวนมาก เป็นศิษย์สำนักคุนลุ่นศพมีสภาพกระดูกภายในร่างแตกหักละเอียด แต่เนื้อหนังภายนอกปกติ ซึ่งหากไม่ใช้หมัดอสูรไม่อาจทำเช่นนี้ได้”
“เจ้าได้ข่าวนี้มาจากไหน”
“เมื่อวันก่อนเพื่อนข้าคนหนึ่งมาจากเมืองเว่ยนานบอกข้านะสิ เขาบอกข้าว่าเห็นมากับตา ในจำนวนนั้นยังมีศิษย์บู้ตึ่งด้วยหนึ่งคน เขาพร้อมกับพวกคุ้ยภัยที่ผ่านทางนั้นด้วยกันตั้งหลายคน”
“แล้วคุนลุ่นกับบู้ตึ่ง ทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง เห็นทียัทธภพต้องนองเลือดแน่”
“คุนลุ่นกับบู้ตึ่งส่งอาวุโสของพรรคออกมาสืบแล้ว แม้เต่เจ้าสำนักทั้งสองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้ ทั้งสองสั่งศิษย์ออกตามหาเบาะแสไปทั่วแผ่นดิน ทั้งยังส่งขาวให้เจ็ดสำนักใหญ่ทราบแล้วด้วย”
“ข้าว่าเป็นฝีมือของสำนักปราบมังกรแน่เลย เพราะแต่ไหนแต่ไรมายุทธภพก็สงบมาตลอดอาจมาฆ่ากันบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย แต่พอสำนักปราบมังกรก่อตั่งขึ้นเมื่อหกปีก่อน ก็มีศิษย์สำนักใหญ่ตายเป็นประจำ เพียงแต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งก่อนเท่านั้น”
“เจ้าจะพูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือนศิษย์สำนักปราบมังกรมีอยู่ทุกที่ อาจมีในเหล่านี้ด้วยก็ได้ ระวังไว้บ้าง เลิกๆๆ ไม่พูดเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว พูดเรื่องอื่นดีกว่า เจ้าเห็นแม่นางชุดชมพูนั้นไหมสวยเหมือนนางฟ้าเลยนะ ข้าละอิจฉาไอ้หนุ่มที่นั่งกับนางจริงๆ หากข้าได้นอนกับนางสักครั้งแม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต”
“หน้าอย่างเจ้านางไม่ชายตาแลหรอก อย่าฝันกลางวันไปเลย รีบๆกินเถอะจะได้รีบนำสินค้าไปส่งให้เจ้าของสักที”
“เออๆ จะรีบไปทำไม เดินทางอีกเมืองเดียวก็จะถึงแล้ว”
“ถ้าสินค้าไม่ถึงเจ้าของข้าก็ไม่สบายใจหรอก อาชีพอย่างเรามีอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเจ้าอย่าลืมข้อนี้ละ”
“ไม่ลืมหรอก ว่าแต่เจ้าไม่แปลกใจหรือหนุ่มสาวทั้งสองนั้นเหมือนพูดคุยกัน แต่กับไม่มีเสียงลอดออกมาสักนิด”
“เจ้ามันความรู้น้อยจริงๆ นั้นพวกเขาใช้การส่งเสียงทางลมปราณพูดกันต่างหาก เจ้าโง่”
ความคิดเห็น