คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เสือน้อย อดีตที่ถูกลืม
เสือน้อยระหว่างอยู่กับอาเปาเนื่องจากยังเด็กมากเวลาเจอน้ำที่ไหนก็มักจะแก้ผ้าลงอาบด้วยกันประจำจึงจดจำตำหนิของกันและกันได้เป็นอย่างดี เสือน้อยและอาเปายังได้มีโอกาสฟังนิทานตามที่ต่างๆที่เคยไปด้วย จึงได้สาบานเป็นพี่น้องกันโดยการกรีดเลือดดื่มโดยลอกเรียนแบบของสามพี่น้องเล่าปีที่สาบานกันที่สวนดอกท้อ เสือน้อยและอาเปาสาบานเป็นพี่น้องกันที่ป่าระหว่างทางมาเมืองลกเอี้ยงที่มีดอกไม้มากมาย พวกเขาทั้งสองจึงมองว่าน่าจะเหมืองสวนท้อจึงพากันสาบานกันในที่นั้น เสือน้อยยังจำได้ว่าอาเปามีรอยสักอยู่ที่หัวไหล่ขวาเป็นรูปดาบไขว้ เขายังเคยถามเปาน้อยเลย เปาน้อยก็บอกว่า
“ท่านพ่อ ท่านสักให้ข้าเมื่อข้าอายุ 7 ขวบนะ ท่านว่าเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล ลูกชายทุกคนของตระกูลต้องสักรูปนี้ไว้ที่ข้างหลังทุกคน”
เสือน้อยจึงไปหาช่างสักมาสักรูปดาบไขว้ไว้ที่หัวไหล่ขวาด้วย โดยเขาคิดว่าวันข้างหน้าเขาจะได้จดจำรอยสักนั้นได้ เพื่อเป็นหลักฐานในการตามหาพี่อาเปาของเขา
เสือน้อยเห็นอู่หมิงชนเหมยฮัวแต่แรก ตอนนั้นเขาก็รู้สึกคุ้นๆกับอู่หมิงอยู่บ้าง ว่าน่าจะใช่อาเปา เพราะหน้าตาละหม้ายเหมือนมาก แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ จึงติดตามดูตลอดด้วยคิดจะฉกเอาเงินของอู่หมิงด้วยนั้นเอง จนกระทั่งเขาเห็นอู่หมิงไปที่ร้านเสื้อ และถอดเสื้อออกเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเผยให้เห็นรูปดาบไขว้ที่หัวไหล่ขวาพอดี แต่ถูกเถ้าแก่มาห้ามไม่ให้ถอดหน้าร้านให้เข้าไปเปลี่ยนภายในร้าน อู่หมิงจึงต้องใส่เสื้อดังเดิมและเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสือน้อยจึงแน่ใจว่าเป็นอาเปาจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยน เขาจึงดักรออยู่หน้าร้านเสื้อผ้านั้นไม่ไปไหน เมื่อเห็นอู่หมิงเดินออกมาเขาจึงตรงเข้าไปหาและทักขึ้นทันที
“พี่อาเปาๆ พี่ไปที่ไหนมา ข้าตามหาพี่ตลอดรู้หรือไม่ ข้าอยู่ที่เมืองนี้มาถึงหกปีเพื่อรอพี่กลับมาหาข้า พี่ยังจำสัญญาที่พวกเราให้ไว้ต่อกันหรือไม่ ว่าพวกเราจะไม่ทิ้งกันไปไหน” ว่าแล้วก็เข้าไปจับมืออู่หมิงทันที
อู่หมิงยืนงง เพราะตนไม่มีความทรงจำในอดีตเหลืออยู่จึงไม่รู้ว่าเสือน้อยเป็นใคร
“ขอโทษนะ เจ้าเป็นใครเจ้ารู้จักข้าหรือ”
“พี่อาเปาพี่จำเสือน้อยน้องพี่ไม่ได้แล้วหรือ เราสาบานเป็นพี่น้องกันไง เราระหกระเหินแร่ร่อนมาด้วยกันตั้งแต่ข้าอายุ 9 ปี พี่อายุ 11 ปี ยังเคยแก้ผ้าเล่นน้ำด้วยกันอยู่เลย หากข้าไม่เห็นที่ไหล่ขวาพี่มีรูปดาบไขว้ ข้าก็คงจำพี่ไม่ได้เหมือนกัน” แล้วเสือน้อยก็ถลกไหล่ขวาที่มีรูปดาบไขว้ให้อู่หมิงดู
อู่หมิงที่ไหล่ขวาตนมีรูปดาบไขว้จริง เมื่อเห็นว่าเสือน้อยก็มีรอยสักรูปดาบไขว้ที่เหมือนกัน ก็เริ่มเชื่อว่าเสือน้อยอาจรู้จักตนแต่ก็ยังไม่สนิทใจจึงกล่าวว่า
“แสดงว่าเจ้ารู้จักข้าเป็นอย่างดี เอาอย่างนี้แล้วกันข้ารู้สึกหิวแล้วเจ้าพาข้าไปที่ไหนก็ได้ที่มีที่กิน และให้เจ้าบอกประวัติข้ามาดู หากเจ้าบอกได้ถูกต้องข้าจะเชื่อว่าเจ้ารู้จักข้าจริง” เขาพูดเช่นนั้นโดยไม่บอกว่าตนเองความจำเสื่อมจำเรื่องในอดีตไม่ได้เพราะกลัวว่าเสือน้อยจะแอบอ้างนั้นเอง
“ได้พี่อาเปา บอกตามตรงนะที่แรกข้าตามท่านเพราะหวังเงินจากตัวท่านเท่านั้นแต่เมื่อรู้ว่าเป็นพี่อาเปาข้าจึงต้องแสดงตัวออกมา... มาพี่ข้าจะพาไปร้านที่อร่อยที่สุดเลย”
เสือน้อยพาอู่หมิงไปที่ร้านหลงจินเหล่า และสั่งอาหารมาจำนวนมากเพราะรู้ว่าพี่อาเปามีเงินจำนวนมาก จากนั้นก็เริ่มพูดว่า
“พี่อาเปาเคยเล่าให้ข้าฟังว่า ท่านมีชื่อจริงว่า เตียเปา แต่พ่อแม่ท่านมักเรียกท่านว่าอาเปา ท่านเกิดที่เมืองฉานชี พ่อท่านเคยเป็นทหารชื่อเตียเจิ้ง แม่ชื่อเป่ยหลัน มีพี่น้องอีกคน ท่านเป็นคนที่สอง แต่พ่อท่านลาออกจากราชการและหันมาเป็นชาวยุทธแทน คืนนั้นท่านออกมาปลดทุกข์ที่หลังบ้านเห็นกลุ่มคนมากมายท่านจึงหลบซ่อนตัว จากนั้นพวกนั้นก็มีโต้เถียงกับพ่อของท่านแล้วฆ่าคนในครอบครัวท่านจนหมด ท่านหลบซ่อนตัวอยู่จึงรอดมาได้ จากนั้นท่านก็ระหกระเหินมาจนได้พบกับข้า จำได้ว่าตอนนั้นท่านนอนป่วยอยู่ที่ศาลเจ้าร้างตัวร้อนมาก ข้าหลบฝนไปที่ศาลเจ้านั้นพอดีจึงพบกับท่าน ข้าเห็นท่านเหมือนข้าจึงช่วยท่านพาไปหาหมอ โชคดีที่เมืองที่ข้าพาท่านไปมีหมอพเนจรใจดีคนหนึ่งชื่อหมอฮ่วมพู่ช่วยรักษาให้ท่านโดยไม่คิดเงิน ท่านจึงหายป่วยมาได้แต่ก็หลงลืมเหตุการณ์บางอย่างไปเพราะอาการสมองบวมจากพิษไข้ ต่อมาพวกเราก็อยู่ด้วยกันไปไหนด้วยกันตลอด จนผ่านไปสองปีท่านจึงจดจำเรื่องบางอย่างได้จึงพากันมาที่เมืองลกเอี้ยงนี้ ตอนนั้นท่านบอกข้าว่าจะมาหาลูกพี่ลูกน้องของแม่ท่านที่ชื่อเหมยอิง แต่หาอยู่หลายวันก็หาไม่พบ ท่านจึงให้ข้ารออยู่ที่เมืองนี้ และบอกข้าว่าจะไปเอาของสำคัญที่พ่อท่านบอกให้ไปเอาที่ผามรณะ แล้วท่านก็ไม่กลับมาหาข้าอีกเลย ข้าออกตามหาท่านและรอท่านมาหาข้าตั้งหกปี”
เสือน้อยกินไปด้วยพูดไปด้วย เนื่องจากเสือน้อยไม่รู้เรื่องวรยุทธจึงพูดเสียงดังพอสมควร แต่อู่หมิงได้แผ่ลมปราณอสูรเป็นพลังแม่เหล็กกักเสียงไว้ไม่ให้คนอื่นได้ยินตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อฟังจบเขาก็เริ่มใช้ความคิดและพยายามหวนนึกถึงอดีตของตนอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้มากระตุ้นความทรงจำในอดีตของเขาจึงทำให้เขาเริ่มจดจำอดีตได้หลังจากนึกทบทวนอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็จดจำได้ทั้งหมด
“เสือน้อย เจ้าๆ ยังๆ สบายดี พี่พึ่งจดจำเจ้าได้ เจ้าๆ ลำบากหรือไม่” เขารีบลุกขึ้นไปโอบร่างเสือน้อยทันที
“พี่ใหญ่ท่านจำข้าได้แล้วสินะ ข้าสบายดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแม้ว่าจะลำบากด้านที่อยู่และการกินอยู่บ้าง แต่ข้าก็ไม่เคยล้มป่วยมาก่อน” เสือน้อยพูดอย่างเด็กที่ไม่เคยได้รับการสั่งสอนมาก่อน และเป็นดังนั้นจริงๆ
“พี่ตกหุบเหวมรณะ ไปเมื่อหกปีก่อน พึงหาทางขึ้นมาได้ไม่ถึงวันนี้แหละ โชคดีจริงๆที่เจอเจ้า ไม่งั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน เพราะช่วงนั้นพี่สูญเสียความทรงจำ พึ่งจำได้เมื่อเจ้าเล่าเรื่องให้พี่ฟังนี้แหละ น้องพี่เจ้าช่วยพี่อีกครั้งแล้ว”
อู่หมิง ต่อไปนี้จะเปลี่ยนเป็นชื่อ อาเปาหรือเปาน้อย จึงพูดคุยกับเสือน้อยอยู่นาน ว่าตลอดหกปีมานี้เสือน้อยทำอะไรบ้าง ใช้ชีวิตยังไง
“มาๆ เราพี่น้องได้พบหน้า วันนี้เสือน้อยอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่ พี่มีเงินเยอะ จากนั้นพี่จะพาเจ้าไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยน มากินให้เต็มที่ ต่อนี้ไปเราสองพี่น้องจะไม่พรากจากกันอีก”
“เสี่ยวเอ้อ มานี้หน่อย ข้าจะสั่งอาหาร” อาเปาหันไปเรียกเสี่ยวเอ้อ
“มาแล้วๆ คุณชายจะสั่งอะไรเพิ่มเติมครับ”
“มีอะไรอร่อยๆ นำมาอีกสักหกเจ็ดอย่าง เอาเหล้ามาให้น้องข้ากินด้วยเอาอย่างดีเลยนะ” แล้วเขาก็ล้วงเงินร้อยตำลึงให้เสี่ยวเอ้อและพูดว่า
“พอหรือไม่”
“มากเกินไปแล้วนายท่าน แม้ท่านจะกินทั้งวันก็ยังเหลืออีกมาก”
“ไปจัดมาได้แล้ว หากยังเหลือเท่าไหร่ให้เป็นรางวัลของเจ้า” อาเปากล่าว
สองพี่น้องจึงดื่มกินกันแต่บ่ายจนถึงเย็นใกล้ค่ำแล้ว จึงพากันออกจากร้านหลงจินเหล่า อาเปาพาเสือน้อยไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่ เถ้าแก่เห็นอาเปาย้อยกลับมาพร้อมเด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าเก่าขาดคนหนึ่งก็รีบเข้ามาหาทันที
“คุณชายท่านกลับมาอีกแล้ว มีอะไรให้รับใช้ครับ หรือว่าเจ้าขอทานนี้มันไปทำอะไรท่านหรือครับ” เถ้าแก่พูด
“ไม่ใช่หรอกเถ้าแก่ นี้น้องข้าเอง ข้าตามหาเขาพึ่งพบนะเลยพามาซื้อเสื้อผ้าจากร้านท่านเพื่อเปลี่ยน เอาให้ดูดีเลยนะเถ้าแก่”
“ได้ๆ ข้าจะจัดให้อย่างดีเลย ไว้ใจได้ มาๆหาเลือกดูได้เลย” จากนั้นก็พาทั้งสองเลือกชมดูชุดเสื้อผ้า เสือน้อยหมายตาชุดเสื้อลายเสือที่ทำจากหนังเสือมานานแล้ว แต่ไม่มีปัญญาจะซื้อใส่ได้เพราะราคามันตั้งห้าร้อยตำลึง แต่เมื่อเขาเห็นว่าพี่เขามีเงินมากเขาจึงขอพี่เปาให้ซื้อชุดหนังเสือให้ อาเปาก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด เสือน้อยดีใจอย่างมาก รีบรับเสื้อนั้นไปที่หลังร้านเพื่อเปลี่ยนทันที ไม่นานก็เดินออกมาด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูองอาจขึ้นมากนักเหมือนจอมยุทธหนุ่มน้อยเลย สองพี่น้องหากเทียบความหล่อแล้วนับได้ว่าสาวๆต้องหันหลังกลับมาดูหลายๆรอบเลยทีเดียวจึงจะแยกออกได้ว่า ใครหล่อกว่าใคร เพราะทั้งสองหล่อไปคนละสไตร์ก็ว่าได้ อาเปาจะดูเข้ม และล่ำสัน ส่วนเสือน้อยจะดูแบบหนุ่มน้อย และรูปร่างจะดูเล็กนิดหน่อย แต่เมื่อสวมชุดเสือเข้าไปก็กลบความอ่อนโยนลงได้อย่างลงตัว
“นี้ก็มืดค่ำแล้ว เสือน้อยพาพี่ไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนก่อนดีกว่า พี่จะได้หาเวลาถ่ายทอดวิทยายุทธให้เจ้าด้วย”
“พี่ใหญ่จะหาโรงเตี๊ยมทำไม ให้ยุ่งยาก มาข้าจะพาไปหาสาวๆ นอนด้วยไม่ดีกว่าหรือ พี่ใหญ่ก็โตเป็นหนุ่มแล้วพี่ต้องเรียนรู้เรื่องผู้หญิงไว้ด้วย มาวันนี้ข้าจะสอนเรื่องผู้หญิงให้พี่ใหญ่ก่อน ส่วนเรื่องวิทยายุทธไว้พี่ค่อยสอนข้าทีหลังก็ไม่สายหรอก”
เสือน้อยจึงพาอาเปาไปที่หอจุ้ยเซียน ซึ่งเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองลกเอี้ยง โดยที่อาเปาไม่อาจห้ามได้ อาเปาอยู่ในหุบเหวลึกมาตลอดหกปีจึงไม่รู้ว่าผู้หญิงดียังไง ด้วยความที่ยังติดนิสัยที่เป็นเด็กจึงอยากลองดูบ้างเช่นกัน และเสือน้อยเองก็เคยแต่เข้ามาเพื่อหาโอกาสฉกฉวยเงินแขกเวลาเมาเท่านั้นยังไม่เคยมีโอกาสได้นอนกับสาวๆในหอจุ้ยเซียนเหมือนกัน
“เชิญๆ คุณชายทั้งสอง วันนี้มีการเปิดตัวน้องใหม่ของพวกเราด้วย เธอพึ่งมาได้ไม่กี่วัน วันนี้จึงได้ฤกษ์ดีเปิดตัวเธอพอดี” แม่เล้าเห็นทั้งสองหล่อเลา แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงจึงคิดว่าเป็นคุณชายลูกเศรษฐีหรือลูกขุนนาง จึงรีบเข้ามาเอาใจทั้งสองอย่างดี
“พี่ใหญ่ท่านโชคดีมากเลย ปกติจะหายากมากที่จะมีหญิงใหม่ชิงๆเปิดตัวชักครั้ง ท่านต้องทุ่มเงินประมูลนางให้ได้นะ ท่านก็ซิงนางก็ซิง จึงจะเหมาะสมกัน ท่านจะได้ไม่ถูกหาว่าเป็นหนุ่มชิงให้พวกนางเอามาพูดได้” เสือน้อยทำทีเป็นกูรูผู้รู้ทันทีทั้งที่ตนเองก็ชิงเหมือนกัน แต่เพราะเคยเข้ามาหากินในนี้บ่อยๆจึงคุ้ยเคยกับสำนวนพวกนี้ดี
“แพงหรือไม่เสือน้อย พี่มีเงินไม่มากนะ” อาเปาพูด
“พี่ใหญ่ไม่ต้องหวง เท่าที่ข้าคุกคลีมายังไม่มีนางไหน มีการประมูลเกินห้าพันตำลึงมาก่อน” เสือน้อยพูด
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ทางหอเราขอเปิดตัวน้องคนใหม่ ให้แก่ทุกท่านได้ประมูลเปิดชิงสาวงาม ใครประมูลได้จะได้นอนกับนางทั้งคืน อี้เฟย ออกมาปรากฏตัวได้แล้ว”
ที่ระเบี่ยงชั้นสองของหอก็มีร่างหญิงนางหนึ่งเดินออกมา นางใช้ผ้าแดงปกปิดใบหน้าไว้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมในการเปิดตัว เพื่อไม่ให้ฝ่ายชายเห็นหน้าก่อน เหมือนการส่งตัวเจ้าสาวนั้นเอง เพื่อให้พวกนางสบายใจว่าชายแรกที่ได้นางไปคือสามีนางตลอดไปนั้นเอง และหลังจากเปิดชิง 1 ปี พวกนางจะยังไม่รับแขกอื่น รับเฉพาะชายคนนั้นเท่านั้น ส่วนแขกอื่นจะเพียงขายเสียงและนั่งร่วมโต๊ะรินเหล้าให้เท่านั้น เพื่อให้โอกาสฝ่ายชายได้หาเงินมาไถ่ตัวนาง หากนางสามารถมีบุตรให้ฝ่ายชายนั้นได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดทางชีวิตใหม่ให้พวกนาง ที่ถูกคนอื่นนำมาขายทั้งเต็มใจหรือไม่เต็มใจ แม้ฝ่ายชายจะมีภริยาแล้วพวกนางก็เต็มใจไปอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าดีกว่าต้องอยู่รับแขกในหอคณิกาไปตลอดชีวิต ดังนั้นพวกเธอจึงเลือกวันที่เหมาะสมที่สามารถทำให้พวกเธอตั้งครรภ์ได้ง่ายที่สุดเป็นวันเปิดตัว หากเลย 1 ปี แล้วฝ่ายชายไม่มาไถ่ตัว พวกเธอก็จะเปิดตัวเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเรียกว่าการประกาศตัวเป็นนางคณิกาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการประมูลในราคาที่ต่ำลง และต่อไปพวกเธอจะเลือกรับแขกไม่ได้อีก
“ข้าให้ 500 ตำลึง” ชายคนหนึ่งวัยกลางคนพูดขึ้น ซึ่งถือเป็นราคาประมูลปกติที่พวกเขาเคยประมูล
“ข้าให้ 700 ตำลึง” หนุ่มเสื้อขาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ข้าให้ 1000 ตำลึง” อีกคนพูดขึ้น
จากนั้นก็มีการแข่งขึ้นราคากันอีกหลายคน จนถึงที่ราคา 4000 ตำลึง
อาเปาไม่เคยประมูลมาก่อน เพียงทราบมาจากเสือน้อยว่าไม่เคยมีใครเคยประมูลเกิน 5000 ตำลึงมาก่อน เขาจึงพูดขึ้นว่า
“ข้าให้ห้าพันตำลึง”
ทุกคนมองเขาแทบทุกคนทันที จากนั้นก็พากันเงียบไม่มีการขานต่อ เพราะคงไม่มีใครหน้ามืดถึงขนาดประมูลหญิงนางหนึ่งตั้งห้าพันตำลึงทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าว่าสวยจริงหรือไม่แน่ เพราะเงินห้าพันตำลึงสามารถซื้อคฤหัสถ์หลังใหญ่ แถมคนใช้สาวๆอีก 10 คนอย่างสบายๆ เพราะเงิน 1 ตำลึงมีค่ามากนั้นเอง เพราะส่วนใหญ่จะใช้เป็นเงินอีแปะแทน หนึ่งพันอีแปะเท่ากับหนึ่งตำลึง
บรรดาผู้ที่ประมูลมีทั้งเศรษฐี พ่อค้า และชาวยุทธ มีคนหนึ่งชื่อ หานซื่อเว่ย ฉายาพยัคฆ์เหิน ในเมืองลกเอี้ยงไม่มีใครไม่รู้จักเขา ปกติเขาจะชอบใช้ฝีมือข่มพวกเศรษฐีและพ่อค้าให้ยินยอมอ่อนข้อให้ และส่วนมากเขาจะเป็นคนเปิดชิงได้เสมอ ห้าปีมานี้หากเขาสนใจใครแล้วเป็นต้องได้ แต่เขาไม่เคยไถ่ตัวหญิงที่เปิดชิงสักคน เขาเห็นอาเปา มีกระบี่ไม่มีฝักเหน็บที่สายรัดเอว ก็นึกว่าเป็นพวกถือกระบี่ไว้ขู่คนเล่นเท่านั้น เพราะมีบัณฑิตจำนวนมากที่ชอบใช้วิธีนี้ตบตาผู้คนว่าเป็นชาวยุทธเวลาเดินทางไปต่างเมือง จึงคิดว่าอาเปาเป็นหนึ่งในนั้น และเขาทราบมาว่าอี้เฟยเคยเป็นลูกนายเก่าเขา เขาหมายปองเธอมานานแล้ว และเป็นเขาเองที่ยุให้แม่ใหญ่อี้เฟยนำเธอมาขาย จึงขู่ว่า
“เจ้าหนุ่ม ทางที่ดีสินค้ารายนี้เจ้าควรปล่อยให้ข้าจะดีกว่า หากต้องการมีชีวิตอีกนานๆ”
“ท่านเป็นใคร หากท่านอยากได้ก็เสนอราคาสู้เอาสิ อย่ามาขู่ ข้าไม่กลัวท่านหรอก”
“เจ้านี้พูดดีๆไม่ยอมฟัง หากข้ามีเงินมากขนาดนั้น ข้าก็ไม่นำมาถลุงที่หอนี้หรอกเฟ้ย วันนี้เห็นทีเจ้าไม่เห็นเลือดคงไม่ได้แล้ว หวังว่ากระบี่เจ้าจะไม่ใช่พกไว้อวดเท่านั้นนะ”
หานซื่อเว่ยชักดาบออกจากฝักและฟันใส่อาเปาทันที อาเปาเห็นดาบเข้ามาใกล้กลับนิ่งเฉย ฝ่ามือพลิกขึ้นวูบหนึ่งอย่างรวดเร็วจนคนรอบข้างก็มองไม่เห็นว่าอาเปาใช้มืออย่างไร อาเปาใช้ฝ่ามือขั้วแม่เหล็กตบใส่ตัวดาบครั้งหนึ่ง ดาบก็กระเด็นหลุดจากมือหานซื่อเว่ยพุ่งไปเสียบขื่อคานด้านบนสุดของหอจุ้ยเซียนจนมิดด้าม หานซื่อเว่ยได้แต่เงยหน้ามองและกลึนน้ำลายลงคอเสียงดัง ยืนแข็งทื่อไปแล้ว เนินนานก็ยังไม่มีสติกลับมา แม่เล้าจึงให้คนยกกลับไปนั่งโต๊ะ และพูดต่อว่า
“ทุกท่านมีใครจะเสนอมากกว่าห้าพันตำลึงไหมคะ ข้าจะนับหนึ่งถึง 3 หากไม่มีถือว่าคุณชายท่านนั้นจะได้นางไปนอนด้วยในคืนนี้ 1............2................3 ยินดีด้วย คุณชายชุดเขียวชื่ออะไร ทางหอเราจะได้จดชื่อท่านไว้ หากในหนึ่งปีท่านสามารถนำเงิน สิบเท่าของราคาที่ท่านประมูลคือห้าหมื่นตำลึงมาไถ่ตัวนาง นางจะเป็นของท่านตลอดไป เพราะนี้คือกฎของเรา ส่งตัวอี้เฟยเข้าหอ”
“อ้อข้าชื่ออาเปา”
“คุณชายต้องจ่ายเงินก่อน แล้วข้าจะให้สาวใช้พาไปที่ห้องพักของอี้เฟยทันทีคะ”
อาเปาจึงหยิบตั๋วเงินใบละพันมาห้าใบส่งให้แม่เล้าทันที และหยิบอีกห้าใบให้เสือน้อย
“เสือน้อย เงินนี้เจ้าเอาไว้ใช้จ่ายละ แล้วพรุ่งนี้เช้าสายๆก็ค่อยถามที่อยู่เราจากเถ้าแก่เนี้ยแล้วกัน พี่ไปละ” เมื่อเอาเงินให้เสือน้อยแล้วอาเปาก็เดินตามสาวใช้ไปทันที
ที่ห้องของอี้เฟย อี้เฟยนางอายุเพียง 18 ปีเป็นลูกสาวของขุนนางคนหนึ่งในเมืองลกเอี้ยงนี้ แต่นางเป็นลูกเมียน้อย เมื่อ 1 เดือนก่อน พ่อนางล้มป่วยด้วยโรคปัจจุบันและเสียชีวิตในเวลาอีกสามวันต่อมา แม่นางเสียไปตั้งแต่นางอายุได้ 12 ปี แม่ใหญ่ที่เกียดชังนางมาตลอดเมื่อไม่มีสามีมาค่อยห้ามอีกจึงนำนางมาขายให้หอจุ้ยเซียนในราคา 3000 ตำลึง ปกติหอจุ้ยเซียนจะไม่ซื้อหญิงสาวด้วยเงินมากถึง 3000 ตำลึงมาก่อน แต่แม่เล้าเห็นนางหน้าตาสวยมาก จึงคิดว่านางต้องเรียกแขกได้มากแน่ๆจึงยอมกัดฟันรับซื้อนางไว้
อี้เฟย จึงจำต้องมาอยู่ที่หอจุ้ยเซียนอย่างช้ำใจ แต่นางก็ไม่ต้องการเปิดตัว นางผลัดวันมาโดยตลอด จึงถูกแม่เล้าทำโทษโดยให้อดอาหารอยู่ถึงสี่วัน จึงได้บอกกฎการเปิดชิงให้นางทราบว่านางอาจมีโอกาสได้พบชายใจดีและร่ำรวยที่พอจะไถ่ตัวนางได้ ขอให้นางยอมเปิดตัวก็พอ แล้วนางจะได้อยู่ที่หอนี้อย่างสบายอีก 1 ปี โดยสัญญาว่าจะไม่บังคับนางให้รับแขกอีกเป็นเวลา 1 ปี นางจึงยินยอมตกลง แต่ในใจกลับภาวนาว่า ขอให้นางได้พบชายที่รักนาง
นางเห็นอาเปาและเสือน้อย ยืนคุยกันโดยไม่สนใจนางในช่วงเปิดตัวก็นึกว่าทั้งสองไม่สนใจนางเสียแล้ว เพราะในจำนวนผู้ชายที่เข้ามาประมูลมีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีอายุไล่เลี่ยนาง จึงหวังอยากให้หนึ่งในสองคนนี้ประมูลได้นางมากกว่า แต่ผ่านไปหลายคนแล้วทั้งสองก็ยังไม่ออกปากประมูลเสียทีนางก็ชักเริ่มใจไม่ดียืนตัวสั่นอยู่ที่ระเบียง แต่แล้วก็มีเสียงของอาเปาดังขึ้น ว่า ข้าให้ห้าพันตำลึง นางดีใจแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะในใจนางหวังว่าชายคนนั้นขอให้เป็นคุณชายชุดเขียวนั้นจริงๆ แล้วสวรรค์ก็เปิดทางให้นาง นางคิดในใจนางต้องทำทุกอย่างให้คุณชายท่านนั้นพึงพอในในตัวนางให้ได้นึกอยู่เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“คุณหนูอี้เฟย ข้าพาคุณชายอาเปามาพบแล้วคะ” เสียงสาวใช้ดังเข้ามา
“ให้คุณชายอาเปาเข้ามาได้ ข้าได้เตรียมสุราอาหารไว้ต้อนรับคุณชายแล้วเจ้าไปได้แล้วและคืนนี้เจ้าไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนข้าแล้ว ข้าจะอยู่ปรนนิบัติคุณชายทั้งคืนเจ้าไปได้แล้ว”
แล้วประตูก็เปิดออก อาเปาก็เดินเข้ามา ส่วนสาวใช้ก็ปิดประตูแล้วจากไป
“คุณชายเชิญนั่ง ผู้น้องอี้เฟย ขอคารวะคุณชาย”
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ข้าขอพูดตรงๆเลยนะข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างเหมือนกัน หากข้าทำอะไรไม่ถูกใจขอเจ้าอย่าได้ตำหนิข้าแล้วกัน”
“คุณชายช่างเปิดเผยห้าวหาญสมชายชาตรีนัก งั้นคุณชายก็ไม่เคยมาที่แห่งนี้มาก่อนหรือ”
“ใช่ ข้าพึ่งมากับน้องชายเป็นครั้งแรกคนที่สวมเสื้อลายเสือนะเจ้าคงเห็นแล้ว เขาบอกข้าว่าข้าจะได้อยู่กับแม่นางตลอดทั้งคืนใช่ความจริงหรือไม่”
“คุณชายใจร้อนเหลือเกิน อี้เฟย อาภัพนักหากคุณชายไม่รังเกียจอี้เฟย ขอคุณชายช่วยปลดผ้าคุมหน้าอี้เฟยลงจะได้หรือไม่”
“ได้อยู่แล้วเรื่องแค่นี้เอง มาข้าปลดลงให้” ด้วยมีนิสัยเป็นเด็กจึงไม่คิดอะไรมากก็ตรงไปปลดผ้าคุมหน้าให้อี้เฟยทันที
เบื้องหน้าอาเปาขณะนี้ เป็นหญิงงามที่หาใดเปรียบไม่ได้ อาเปาตะลึงจนทำผ้าคุมหน้าหลุดมือโดยไม่รู้ตัว เขานิ่งอยู่นาน จึงได้ยินเสียงอี้เฟยพูดว่า
“คุณชายพึงพอใจอี้เฟยหรือไม่ เชิญคุญชายดื่มสุราที่อี้เฟยเตรียมไว้ให้ก่อนดีกว่า คุณชายจะได้ผ่อนคลายขึ้น”
อาเปาไม่รู้ว่าสุราผสมยาปลุกกำหนัดไว้ เพื่อไว้ให้ฝ่ายหญิงกิน และอี้เฟยก็ไม่รู้ว่าแม่เล้าผสมยาลงในสุราไว้ คิดว่าเป็นสุราทั่วไปจึงชวนอาเปาดื่ม
“ได้ ปกติข้าไม่ดื่มสุราแต่วันนี้ข้าให้เกียรติท่านเรามาดื่มด้วยกัน ไม่เมาไม่เลิก”
แล้วทั้งสองก็ดื่มเหล่าและกินกับแกล้มร่วมกัน ผ่านไปไม่นาน ฤทธิ์ยาก็แสดงผล ทั้งสองเริ่มกอดรัดกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว ธรรมชาติชายหญิงอยู่ด้วยกันแม้ไม่เคยมาก่อนก็สามารถโดยธรรมชาติ คืนนั้นทั้งสองจึงเสียชิงให้แก่กันและกัน กว่าฤทธิ์ยาจะหมดฤทธิ์ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แล้วทั้งสองก็หลับไปด้วยกันอย่างอ่อนเพลีย
อาเปาปกติจะเดินลมปราณเทวะและลมปราณอสูรอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่รู้สึกตัวด้วยความเคยชิน เขาหลับไปไม่ถึงชั่วยามก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นอี้เฟยนอนหลับอยู่บนอกตนร่างกายเปลือยเปล่า จึงพยายามนึกว่าตนทำอะไรลงไปบ้าง ด้วยความที่เขาจะกำหนดจิตเพื่อใช้ในการฝึกฝนเป็นประจำแม้ถูกยาปลุกกำหนัดก็ยังพอจดจำได้ว่าตนได้ร่วมรักกับอี้เฟยไปหลายครั้ง และรับรู้ถึงความสุขแบบที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนในชีวิต และเขาก็ชอบความรู้สึกนั้นมาก เขาจึงถือวิสาสะลูบคลำเรือนร่างของอี้เฟย และก้มลงจูบเธออย่างแผ่วเบา อี้เฟยถูกสัมผัสเรือนร่างอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยายังไม่หมดโดยสิ้นเชิงจึงกระตุ้นความต้องการของนางขึ้นอีกครั้ง นางจึงจูบอาเปาตอบ อาเปาจึงไม่อาจหักห้ามใจได้ เขาจึงร่วมรักกับนางอีกครั้ง แล้วทั้งคู่ก็หลับใหลไปหลังจากนั้น
ความคิดเห็น