คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 07 : หนีไม่พ้น
7
ฮันคยองขับรถออกมาจากคอนโดของฮีชอลมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมยองฮวาและอีกอย่างหนึ่งก็คือรับเจ้าเด็กดื้อไปส่งที่บ้านตระกูลปาร์คให้ตามที่เฮยาฝากฝังไว้ ดวงตาคู่คมสอดส่องหาที่จอดรถอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ ที่แสนคุ้นกับชายหนุ่มที่กำลังเปิดประตูรถเตรียมขับออกจากโรงพยาบาล หากฮันคยองไม่ได้ตาฝาดไป เขากำลังเห็นฮยอคแจนั่งรถออกไปกับผู้ชายคนนั้นที่เมื่อคืนเองก็มาเยี่ยมนายใหญ่ของบ้านเช่นกัน
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว ฮันคยองจึงตัดสินใจที่จะขับตามไปเพื่อดูสถานการณ์ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดได้ว่าคนทั้งคู่น่าจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า และที่สำคัญ เขาเองก็ทั้งเบื่อทั้งอึดอัดที่จะต้องคอยทำตามความต้องการของเฮยาแล้วเหมือนกัน ดังนั้นฮันคยองจึงเลือกที่จะเข้าไปเยี่ยมยองฮวามากกว่าที่ต้องคอยดูแลฮยอคแจที่ก็ไม่ใช่เด็กอมมือแล้วอีกต่อไป
ขาวยาวก้าวไปตามทางเดินของโรงพยาบาล เลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปก็เจอกับห้องไอซียูที่มีคนของตระกูลปาร์คนั่งอยู่บ้างปะปราย
“อ่าว คุณฮันคยอง มารับคุณฮยอคแจหรอค่ะ”
“เปล่าครับ มาเยี่ยมคุณลุงน่ะ แล้วตอนนี้อาการท่านเป็นยังไงบ้างครับ” เอ่ยปฏิเสธแล้วถามกลับไป
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ เมื่อกี้คุณเฮยากับคุณหนูก็พึ่งจะเข้าไปเอง” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของหล่อน
“อีทึกน่ะหรอครับ!”
“ค่ะ ก็…คุณหนูอีทึกไงค่ะ” ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็อดที่จะดีใจผสมกับเคืองๆ อยู่ไม่น้อยกับปฎิกิริยาของเมื่อคืนที่คนตาสวยนั้นมีกับฮยอคแจ
ฮันคยองค่อยๆ นั่งลงข้างๆ กับมิยอง เพื่อรอคอยให้อีทึกออกมา คิ้วหนาขมวดเข้ากันอย่างใช้ความคิด ว่าจะทำยังไงให้อีกคนนั้นยอมหันมาคุยด้วยกันดีๆ แล้วเขาเองควรจะพูดแบบไหนออกไปกัน ไม่ต้องรอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับร่างบอบบางที่เดินออกมา และเมื่อดวงตาของทั้งคู่สบกัน ก็เป็นอีทึกที่รีบสาวเท้าออกมาให้พ้นกับรัศมีที่ฮันคยองนั่งอยู่ หากแต่คนที่รอโอกาสมานานก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ร่างสูงลุกขึ้นเดินตามอีกคนไปติดๆ อีทึกจึงค่อยๆ เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปอยู่แล้ว
หมับ!
ฮันคยองคว้าเอาเอวบางคอดไว้พร้อมกับดึงให้อีกคนเข้ามาอยู่ในวงแขน อีทึกเห็นแบบนั้นจึงพยายามออกแรงสะบัดตัวให้พ้น แต่ยิ่งขืนตัวออกจากวงแขนแกร่ง ฮันคยองก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น
“ฮัน ปล่อย! นี่มันโรงพยาบาลนะ!” อีทึกหันมาขึ้นเสียงใส่คนหน้าหล่อที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างหงุดหงิด หากแต่ฮันคยองกลับทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้จนอดไม่ได้ที่จะฟันศอกเข้ากับหน้าท้องแข็งอย่างแรง
“ฮึก!” เพราะแรงที่ใส่ลงมานั้นไม่ใช่น้อยๆ ทำให้อีกคนรู้สึกทั้งจุกและเจ็บเหมือนกัน อีทึกที่ได้ยินเสียงร้องออกมาจากลำคอของฮันคยองเองก็รู้สึกผิดที่ทำร้ายอีกฝ่าย ยังไงปาร์คจองซูก็เป็นผู้ชาย แรงที่อัดไปก็คงไม่ได้เล็กน้อยเสียจนอีกฝ่ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ร่างบอบบางหันเข้าหาร่างสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยมือไว้แน่น ใบหน้าหวานที่ดูตื่นๆ ทำให้ฮันคยองรู้สึกดีไม่น้อยที่อีทึกยังเป็นห่วงเขาอยู่ ถึงแม้คนที่ทำให้เขาต้องเจ็บก็คือร่างบางเองก็ตาม
“ข ขะ ขอโทษนะ”
“งั้นช่วยดูแผลให้หน่อยนะครับ” ไม่ว่าเปล่าส่งสายตาเว้าวอนให้อีกคนให้ใจอ่อน
ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะฮันคยอง เพราะทำแบบนี้คนที่ใจอ่อนก็คือฉันเองอีกแล้วใช่มั้ย?
“อืม ก็ได้”
ซีวอนที่ขับรถออกมาได้พักใหญ่ ก็คอยเหลือบมองคนตัวเล็กกว่าเป็นระยะ และทุกครั้งที่หันไปมองก็เจอกับฮยอคแจที่นั่งคิ้วขมวดหน้าตาดูครุ่นคิดอะไรไปมาตลอดเวลา
เพราะตอนนี้ฮยอคแจกำลังหวาดกลัวและหวาดระแวงไปหมดเสียทุกอย่าง เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอีทึกกลับส่งผลได้มากมายขนาดนี้
อีทึกไม่ได้ขู่เล่นๆ พี่ชายแสนดีไม่ได้โง่อีกต่อไปแล้ว และอีทึกสามารถทำอย่างที่พูดได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กลับไปหาฮันคยองเท่านั้น นี่ล่ะคือสิ่งที่ฮยอคแจกลัวมากเหลือเกิน
กลัวว่าจะต้องเสียอ้อมกอดแสนอบอุ่นนั่นไป
กลัวว่าจะต้องเสียนิ้วที่คอยเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
กลัวว่าจะต้องเสียความรักให้กับอีทึกไป
และกลัวว่าสุดท้ายเองฮยอคแจจะเป็นผู้แพ้
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ฮันคยองจะแคร์เขาแค่ไหน แต่ฮยอคแจก็รู้ดีว่าในหัวใจของร่างสูงก็ยังคงมีพี่ชายของเขาคนเดียวเท่านั้น ฮันคยองไม่เคยแม้แต่ที่จะรักเขาเลยสักนิด! ดังนั้นฮยอคแจถึงได้พยายามอย่างหนักเพื่อให้ฮันคยองรักไงล่ะ .. แต่ตอนนี้อีทึกรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่น้องชายที่น่ารักอีกต่อไปแล้ว
ฮยอคแจต้องทำยังไง?
เขาควรต้องทำยังไงดี ?
“ฮยอคแจ เป็นอะไรน่ะ”
“ป เปล่า”
“กลับบ้านมั้ย?”
“บ้าน?”
“ก็…บ้านฮยอคแจไง” เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงทำหน้างง เชวซีวอนจึงอธิบายให้ร่างเล็กเข้าใจมากยิ่งขึ้น “บ้านตระกูลปาร์คไงล่ะ”
ผิดมั้ย? ที่ฮยอคแจกำลังคิดว่าซีวอนกำลังซ้ำเติมเขาอยู่ด้วยคำว่าตระกูลปาร์ค บ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านของฮยอคแจสักหน่อย เขาน่ะ ลีฮยอคแจนะ ไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของคนตระกูลปาร์คอยู่ในร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่สักวันหนึ่งของๆ บ้านนั้นทั้งหมดก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี ตราบใดที่อีทึกยังเลือกที่จะดื้อดึงมีทิฐิกับฮันคยอง
ขอเพียงแค่…ฮันคยองรักเขาคนเดียวเท่านั้น
ฮันคยองที่บอกว่าจะให้อีทึกดูแผลให้นั้นในตอนแรกกลับพาอีกคนเข้ามานั่งในรถเสียดื้อๆ โดยที่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะตอนนี้ในหัวสมองของอีทึกกลับคิดไปถึงคำพูดที่ได้ข่มขู่กับฮยอคแจเอาไว้
พอได้มาอยู่ในสถานการณ์จริงแล้ว ความคิดและแผนการทั้งหมดกลับไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิดเลยแม้แต่น้อย ดวงหน้าหวานหันไปมองคนข้างตัวเพราะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอยู่
ทั้งคู่สบตากันราวกับจะค้นไปให้ลึกถึงหัวใจและความรู้สึกที่ต่างคนต่างกักเก็บเอาไว้แต่ก็เป็นอีทึกเองที่หลบสายตาออกมาอย่างต้านทานไม่ได้ เพราะดวงตาคู่นั้นของฮันคยองกำลังทำให้อีทึกหายใจใม่ออก
“นายเปลี่ยนไปนะ” ดูไม่เหมือนคนที่ฉันเคยรู้จักเลยสักนิด
“เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน จะให้ฉันจมปลักอยู่กับอดีตที่เลวร้ายตลอดทั้งชีวิตแล้วจะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ...จริงมั้ย?” หากฮันคยองไม่ได้ฟังผิดไป น้ำเสียงที่เน้นย้ำนั้นมันดูเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ใช่ว่าอีทึกคนเดียวซะเมื่อไหร่ที่รู้สึกเจ็บ เขาเองก็ไม่ต่างไปจากร่างบางเลยแม้แต่น้อยเหมือนกัน
“อีทึก” ร่างสูงครางเรื่องชื่ออีกคนออกมาเบาๆ
“นายเองก็ดูมีความสุขดีนะ...ได้รับความรักมามายขนาดนี้แล้วยังจะต้องการอะไรอีก” พูดจบก็หันหาหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนความเสียใจมากมายเอาไว้ อีทึกไม่อยากให้ฮันคยองมองว่าเขาอ่อนแอ และไม่ต้องการเห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ของร่างสูง
“อีทึก...นายไม่เข้าใจ” ฮันคยองพูดออกมาพร้อมทั้งพยายามที่จะจับอีกคนให้หันหน้ามาคุยกันดีๆ
“เรามาดูแผลนายเถอะ ฉันจะได้ไปทำธุระต่อ” เสียงหวานเอ่ยออกมาเปลี่ยนเรื่อง ดวงตาคู่สวยก้มลงมองไปที่เสื้อเชิ้ตที่ดำของอีกฝ่าย พลางเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ ก่อนที่จะช้อนตาขึ้นมองเพื่อขออนุญาติปลดกระดุมเสื้อออก ซึ่งฮันคยองเองก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับเบาๆ แล้วเมินหน้าหนีไปมองบรรยากาศรอบข้างแทน
อึดอัด! ตอนนี้ความรู้สึกของคนทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างไปมากกว่ากันเลย ถึงแม้จะได้อยู่ใกล้ชิดกันอีกครั้งหนึ่ง แต่กลับรู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะต่างฝ่ายต่างเลือกที่จะเก็บเรื่องที่ต้องการพูดไว้ในใจเพียงลำพัง
อีทึกที่มีทั้งทิฐิและอคติตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฮันคยองที่ไม่กล้าตัดสินใจเอ่ยบอกอะไรออกไป
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครสามารถเข้าใจได้เลยสักนิดว่าระหว่างเรามันควรจะเป็นยังไง
มือบางแหวกเสื้อออกเพื่อดูรอยช้ำที่เกิดขึ้นเงียบๆ ไล่สายตามองไปเรื่อยๆ ก็ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่เห็นนอกเหนือจากรอยช้ำฝีมือของตนเอง ถ้าอีทึกไม่ได้โง่จนเกินไปก็พอจะเดาได้ว่ารอยขีดข่วนที่เกิดจากเล็บนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร ไหนจะรอยสีแดงที่เป็นจ้ำๆ ที่ตอกย้ำความคิดอีก ถึงไม่บอกก็รู้ว่าฮันคยองไปทำอะไรมา ฉับพลันหัวใจของอีทึกรู้สึกเต้นอ่อนลง ร่างทั้งร่างรู้สึกด้านชาราวกับมีคนกำลังตบเสียเต็มแรง
แล้วแบบนี้อีทึกจะจัดการกับน้ำตาของตัวเองยังไงดีล่ะ?
จะทำยังไงไม่ให้ทั้งมือและหัวใจสั่นไหวแบบนี้
“ทายานิดหน่อยก็หายแล้วล่ะ มัน...ไม่ได้ช้ำมากอะไรเท่าไหร่” เพราะรอยจ้ำที่แดงที่เกิดขึ้นประปรายนั่นคงจะทำให้ช้ำมากกว่า
“ขอบคุณ”
“นายกับฮยอคแจ...ช่างมันเถอะ” ร่างบางเลือกที่จะเก็บคำพูดของตัวเองลง ฮันคยองหันมามองใบหน้าหวานของอีทึกก็ตกใจกับดวงตาแดงกล่ำที่มองมาบริเวณที่คาดว่าเป็นรอยช้ำและท่าทางที่ดูพยายามสะกัดกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ และในทันทีร่างสูงเองก็ก้มมองก็พบกับร่องรอยระบายอารมณ์ปรารถนาของฮีชอล และถึงแม้มันจะเบาบางลงกว่าในวันแรกแต่ก็นับว่าชัดเจนอยู่ดีสำหรับอีทึกในเวลานี้
ฉันจะไม่ถามหรอกนะ ว่านายกับฮยอคแจเคยมีอะไรกันรึเปล่า
ในเมื่อทุกอย่างมันก็ออกจะชัดเจนขนาดนี้
ถ้าทำชีวิตคนอื่นพังได้อย่างหน้าตาเฉย พี่ชายคนนี้ก็จะทำลายชีวิตของนายเหมือนกัน
ความรู้สึก ถูกทิ้ง’ ทั้งๆ ที่กลายเป็นคนๆ เดียวกันไปแล้วน่ะ มันเจ็บปวดมากๆ เลยนะ
เสียงสตาร์ทรถดังขึ้น ก่อนที่ฮันคยองจะค่อยๆ เคลื่อนตัวรถให้ออกมาตรงสู่ถนนใหญ่ ใบหน้าสวยหันไปมองคนขับที่นั่งหน้านิ่งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกก่อนเลยสักนิดว่าจะพาไปที่ไหน
“ไปที่ๆ หนึ่งกันหน่อยได้รึเปล่า”
“แล้วฉันปฎิเสธได้รึไงล่ะ” พูดจบก็เบียนหน้าไปอีกทาง
คิมฮีชอลเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามท้องถนนย่านการค้าที่พวกวัยรุ่นหนุ่มสาวชอบที่จะออกมาชอปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน เพราะสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านเสื้อผ้าแฟชั่นมากมายให้เลือกซื้อกัน ดวงตาคู่โตมองร้านรวงข้างทางไปเรื่อยๆ ตามประสา
อ่าาา เหงาชะมัดเลย!
คิดได้แบบนั้น มือเรียวก็ล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาจ้องมองก่อนที่จะกดไล่ไปยังรายชื่อเร็วๆ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เพราะไม่รู้ว่าในเวลานี้จะโทรไปหาใครดี แต่พอเดินไปได้อีกสักพักก็ยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นดูอีกครั้งพร้อมกับกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจอย่างรวดเร็วแล้วโทรออก
ใช้เวลาไม่นานนักรอยยิ้มอ่อนๆ ก็ฉีกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของปลายสาย
“คิดถึงฉันเหรอ” น้ำเสียงที่ติดออกจะขี้เล่นตามมาด้วยเสียงหัวเราะสดใสน้อยๆ นั้นยิ่งทำให้ฮีชอลรู้สึกคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เลือกโทรหาคนอย่างหมอนี่!
“แล้วอยากเจอมั้ยล่ะ” ถามกลับไปอย่างยียวนเช่นเดียวกัน ในขณะที่สายตาก็มองไล่หาซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อโซจูสำหรับการคลายเครียดยามเหงาในวันนี้
“คนสวย เอ๊ะ! หรือสุดหล่อดี ชวนออกไปทั้งทีจะไม่อยากได้ไงล่ะ ว่าแต่...ที่ไหน”
“งั้นที่คอนโดแล้วกัน” เพราะวันนี้ต่อให้ตายยังไงคนอย่างฮันคยองก็ไม่มาหรอกหน่า!
“ครับบบบบ จะออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไม่พูดเปล่า เสียงตึกตักเหมือนคนวิ่งตามมาด้วยเสียงเปิดปิดประตูที่ดังขึ้นก็เป็นสิ่งยืนยันคำพูดของชายหนุ่มได้ชัดเจนเลยว่า จะออกไปเดี๋ยวนี้ ของเจ้าตัวน่ะมันเป็นความจริงแค่ไหน
“ขับรถดีๆ นะ คุณคิมแจจุง”
มาตามสัญญาแล้วนะค่ะกับวันหวยออก’ ตอนนี้ฮันของเราอยู่กับอีทึกตลอดเลยแฮะ แต่เอาเถอะ! เพราะตอนนี้อย่างที่รู้กันว่าพี่ทึกนั้นมีแผน(?) ส่วนฮยอคแจตอนนี้ดูเหมือนเป็นเด็กที่รนเมื่อโดยจับได้เลยว่าทำความผิด ส่วนคิมฮีชอลของเรานั้นก็โทรหาคุณแจซะงั้น มันจะเป็นยังไงต่อไปก็คอยติดตามนะค่ะ รับรองว่าตอนต่อๆ ไปอาจจะทำให้คุณตกใจได้กับความจริงบางอย่างของคุณฮี! และฮันจะพาทึกไปที่ไหน??
ส่วนเรื่องคอมเม้น ขอเข้าใจว่าน้ำท่วมเลยอาจทำให้รีดเดอร์บางคนไม่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้(ถึงแม้ว่าจริงๆ ก็ไม่อ่านฟิคเรื่องนี้แล้วก็เถอะ! หัวเราะ*)
ขอบคุณที่ติดตามและคอมเม้นเสมอมานะจ๊ะ
ความคิดเห็น