คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 : คนพิเศษ
3
“ขอโทษนะครับเพราะผมไม่ระวัง เลยทำให้คุ คะ / ฮันคยอง” วินาทีนี้ร่างสูงรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขา ความรู้สึกที่เคยคิดว่ามันจะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลากลับค่อยๆ เด่นชัดขึ้นมาทีละนิด ซึ่งอีทึกเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“อีทึกเป็นอะไรรึเปล่า!” แต่แล้วเสียงของคนที่มาทีหลังก็ทำให้ชายหนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจจากอดีตคนรักไปได้ คยูฮยอนที่เดินตามอีทึกมารีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองร่างของคนตาหวานเอาไว้ทั้งๆ ที่ดูแล้วมันไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะอีกคนก็ยืนได้ด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ฮันคยองรู้สึกฉุนไม่น้อยเลยล่ะ
“ม ม่ะ ไม่เป็นไร” เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมานานเกือบ 2 ปีเอ่ยขึ้น และนั่นก็ทำให้ฮันคยองรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าโหยหาน้ำเสียงหวานๆ ของอีทึกมานานมากแค่ไหน
ฮันคยองทำได้แค่มองภาพของอีทึกที่ถูกคนอื่นพาออกไป
ฮันคยองทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ เพราะเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นมันเร็วมากจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
หนุ่มชาวจีนที่ตอนแรกกะว่าจะออกไปข้างนอกเพื่อดื่มต่อกับคังอินนั้น กลับเปลี่ยนใจซะดื้อๆ รู้สึกว่าตัวเองรักห้องน้ำก็วันนี้ล่ะว่ะ! สิบนาที! แค่สิบนาทีเท่านั้นแล้วเขาจะออกไป
ร่างของอีทึกที่ถูกอีกคนพาออกมาจากห้องน้ำนั้นรู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวกเท่าไหร่กับการเจอหน้าฮันคยอง ทั้งๆ ที่เขาพยายามหลบหน้าอีกคนมาตลอด ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอหรอกนะ แต่เพราะรู้ว่าถ้าเจอแล้วต้องเจ็บปวด โดยที่อีกคนไม่คิดที่จะปลอบเหมือนเมื่อก่อน เขาก็ไม่อยากเจ็บ!
“อีทึก นาย...โอเครึเปล่า” คยูฮยอนมองใบหน้าหวานของอีกคนนิ่งกับท่าทีที่แปลกไป
“อืม” ร่างบางเงียบไปก่อนที่จะพูดขึ้น “คยูฮยอน คืนนี้ฉันให้ได้อย่างมากก็แค่กอด” ยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายด้วยความไม่สบายใจ ซึ่งดูเหมือนว่าคยูฮยอนก็จะเข้าใจอารมณ์ของอีทึกดีจึงไม่ได้คัดค้านอะไรออกไป
“เอางั้นก็ได้” พูดจบก็จูงมืออีกฝ่ายมาบริเวณที่คิดว่ามืดที่สุดใกล้กันกับห้องน้ำแล้วรั้งร่างของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาอยู่ภายในอ้อมกอด กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจือไปด้วยแอลกอฮอล์ทำให้เขารู้สึกดีเสมอราวกับตกอยู่ในห้วงเสน่ห์หาและความต้องการ ร่างสูงกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ซึ่งอีทึกก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
คยูฮยอนรู้ดีว่าอีทึกไม่ได้ขายตัว ทุกวันนี้เขาจึงได้แค่ กอด จูบ หอม ร่างบอบบางของคนที่ทำให้เขาหลงอยู่แบบนี้ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา
แต่! กับใครอีกคนหนึ่งที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำนั้นไม่ได้คิดแบบเดียวกับคยูฮยอนสักนิด ภาพที่เห็นโดยบังเอิญที่สายตาคมดันเหลือบไปเห็นเงาดำๆ ที่อยู่ในซอกเล็กนั่นแท้ๆ
ร่างของอีทึกกำลังถูกชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จักกอดและกำลังนัวเนียกันอยู่แบบนั้น!
เพราะแบบนี้รึเปล่า? นายถึงไม่คิดแม้แต่จะรั้งฉันไว้!
ฮันคยองที่ยืนมองอยู่พร้อมกับสายตาที่ขุ่นมัวเจือความเจ็บปวดตัดสินใจก้าวเท้าออกมาจากภาพที่เห็น เพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงที่หัวใจเป็นร้อยๆ เล่มเลยล่ะ
“อ่าวเฮ้ย! ไปหาไรแดกในห้องน้ำสร่างเมาหรอว่ะ! นานฉิบหาย!” ประโยคแบบนี้ คำพูดแบบนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากคังอินที่นั่งรอเขาอยู่ แน่ล่ะ! ก็มันนี่ล่ะคือคนที่จะได้สิทธิพิเศษดื่มกับบาร์เทนเนอร์หน้าหวานอีทึกไง!
คิดแล้วก็หงุดหงิดเป็นบ้า! ฮันคยองรู้ตัวดีว่าเขาไม่เคยปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเขามากมายขนาดนี้มาก่อน ไม่สิ! หมายถึง...หลังจากที่เลิกกับอีทึกหน่ะนะ
“ห่าราก! หุบปาก กู .. โว้ยยยยยยยย! แม่งเหี้ยเอ้ยย! โทษทีว่ะกูอารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย” ไม่นิดแล้วล่ะ คังอินได้แต่คิดในใจพลางพยักหน้าเออออรับคำขอโทษจากฮันคยองที่ดูว่าจะหัวเสียไม่น้อย
“คยูฮยอน ฉันว่านายควรปล่อยฉันได้แล้วนะ” เสียงหวานดังขึ้นภายใต้อ้อมกอดของร่างสูงที่ยืนเอาหน้าซุกเข้ากับไหล่บาง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจกับถ้อยคำเหล่านั้น ก่อนที่จมูกโด่งจะซุกลงสูดดมความหอมบริเวณซอกคอขาวอีกครั้ง กักเก็บกลิ่นอายของอีกคนให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะหมดเวลา
“ปล่อยได้แล้ว” ไม่ว่าเปล่ามือเรียวก็ออกแรงดันน้อยๆ ให้หลุดพ้นจากสัมผัสของลูกค้าประจำ หากแต่ยิ่งขัดขืนก็ถูกอีกคนกอดรัดแน่นขึ้นไปอีก
จนประทั่งเกิดแรงสั่นน้อยๆ จากเครื่องมือสื่อสารของร่างสูง อีทึกเองที่รอโอกาสมานานก็ไม่รอช้าเอ่ยปากบอกพลางถอยหลังให้ออกจากแผ่นอกกว้างทันที คนตาสวยจ้องมองใบหน้าของคยูฮยอนนิ่งก่อนที่ริมฝีปากบางจะฉีกยิ้มน้อยๆ ออกมาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้คุณลูกค้าวุ่นวายกับโทรศัพท์ของตัวเองต่อไป
“ครับ...คุณมินอา”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะคุณหมอ ตอนนี้คนไข้พิเศษของคุณหายตัวออกไปจากห้องอีกแล้วค่ะ คุณหมอช่วยรีบมาที่โรงพยาบาลหน่อยนะค่ะ” และเป็นอีกครั้งที่คยูฮยอนต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเสียงจากปลายสายที่ฉายแววความกังวลเอ่ยบอกย้ำอีกครั้งให้เขารีบกลับไปสถานที่ทำงานของตนเองอย่างเร็วที่สุด
ให้มันได้ยั่งงี้สิว่ะ โจว คยูฮยอน!
ลี ซองมิน คนไข้คนพิเศษของเขา
นี่กะจะให้ตามหาทุกคืนเลยใช่มั้ยว่ะ!
หลังจากที่บาร์เทนเนอร์คนสวยสามารถปลีกตัวออกมาได้จากลูกค้าคนสำคัญได้สำเร็จ ขายาวก็ก้าวกลับไปยังเค้าท์เตอร์เครื่องดื่มที่เจ้าตัวรู้สึกว่าได้ละเลยหน้าที่ของตนเองมาพักใหญ่แล้วทันที ดวงตาคู่หวานกวาดสายตามองหาผู้จัดการคนแก่งที่ควบตำแหน่งเจ้าของผับแห่งนี้โดยปริยาย นิ้วเรียวเคาะกับแก้วทรงสูงเป็นจังหวะเพื่อรองานชิ้นสุดท้ายของคืนนี้
และคุณผู้จัดการก็ไม่เคยทำให้อีทึกเสียเวลาพักผ่อนที่มีอันน้อยนิดอีกแล้ว กลิ่นน้ำหอมฉุนที่มาพร้อมกับกลิ่นของบุหรี่นั้นทำให้คนตาสวยยิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเองได้อีกครั้ง
“เฮ้! ซอนซา” คำทักทายจากลีฮโยรินั้นมักมาคู่กับกลิ่นบุหรี่ผสมกับน้ำหอมฉุนกึกเสมอ แต่ก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามันให้ความรู้สึกที่น่าลึกลับเอามากๆ เลยล่ะ ดวงตาคมกริบที่เจ้าตัวชอบกรีดอายไลน์เนอร์สีดำเข้มให้ดูน่าค้นหาจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่วางตา ริมฝีปากบางสวยที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงจัดฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับควันบุหรี่ที่พ่นออกมาเมื่อหญิงสาวตรงหน้าได้สูดนิโคตินเข้าไปเต็มปอดแล้ว
“ครับ”
“ซอนซาเนี้ย สวยจังน้าา” พูดจบก็หัวเราะคิกคักกับตัวเองก่อนที่จะสูบเอาสารพิษเข้าร่างกายไปอีกอึดใหญ่ นอกจากจะเป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดแล้วลีฮโยริยังคงมีคำพูดที่ประหลาดยิ่งกว่าท่าทางและการกระทำเสียอีก และอีทึกก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มตอบรับไปเท่านั้นกับคำที่ดูเหมือนเป็นคำชมของคนเป็นเจ้านาย
แน่ล่ะ ก็ตอนนี้อีทึกน่ะคือชิ้นสิ้นค้าที่ขายดีที่สุดในผับ แถมยังสามารถเรียกเงินให้มากขึ้นเรื่อยๆ ได้อีกซะด้วย เหอะ! น่าภูมิใจชะมัด!
“อ่าา ได้เวลาแล้วนี่เนอะ!”
“ครับ”
“งั้นตามพี่มาเลยน้าา”
เอาเถอะ! อย่างน้อยก็อีกแค่หนึ่งชั่วโมง ยังไงซะพรุ่งนี้ก็วันหยุด
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกใจคอไม่ดีแบบนี้นะ!
เพล้งง!
เสียงโคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอนได้ตกแตกลงมาจากฝีมือของปาร์คยองฮวาที่พยายามจะเอื้อมมือไปกดกริ่งสัญญาณให้แก่นางพยาบาลพิเศษและสาวใช้ได้เข้ามาภายในห้องนอนกว้างของตน แต่มือที่ไคว่คว้าไปนั้นกลับไม่มีเรี่ยวแรงอย่างที่ควรจะมีเลยสักนิดจนทำให้ไปปัดเอาโคมไฟที่อยู่ข้างกันนั้นตกแตก
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ลีเฮยาที่นอนข้างกันต้องฝืนลืมตาตื่นอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของหล่อนฉายแววความตกใจเมื่อเห็นอาการของสามี ก่อนที่จะลุกขึ้นไปตะโกนเรียกสาวใช้ที่นอนอยู่ภายในบ้านให้โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลและคุณหมอประจำตัวของนายใหญ่ของบ้านทันทีด้วยความรีบร้อน
“คุณค่ะ! หายใจเข้าลึกๆ นะค่ะ ค่อยๆ นะ ค่อยๆ ค่ะ” คำแนะนำที่พยายามบอกไปกลับไม่ได้ทำให้อาการของยองฮวาดีขึ้นแม้แต่น้อย เสียงหายใจยังคงดังหอบและดูเหมือนว่าจะยิ่งออกอาการหนักกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ
นางพยาบาลพิเศษที่ถูกจ้างมาให้คอยดูแล ตรวจเชคอาการของปารฺคยองฮวาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับถังออกซิเจน หญิงสาวไม่รอช้ารีบนำอุปกรณ์ติดตั้งแล้วใส่ให้คนป่วยอย่างรวดเร็ว ฮยอคแจที่รู้เรื่องเกี่ยวกับอาการของคุณพ่อก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคู่ใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะหลั่งออกมาทุกเมื่อ เพราะภาพที่เห็นนั้นช่างบีบรัดหัวใจของใครหลายๆ คนได้ดีเหลือเกิน
ใช้เวลาเกือบสอบนาทีเสียงไซเรนของรถพยายามฉุกเฉินก็ดงขึ้นท่ามกลางความร้อนใจของผู้ที่เฝ้ารออยู่ไม่น้อย บุรุษพยาบาลร่างใหญ่สองคนพร้อมกับแพทย์ประจำหน่วยฉุกเฉินได้เดินเข้ามาตามทางที่สาวใช้ของบ้านนำมาอย่างรีบร้อน
เหล่าบุคคลในชุดสีขาวทั้งหลายต่างช่วยกันรักษาอาการเบื้องต้นของนายใหญ่อย่างเต็มความสามารถ นางพยาบาลสาวจับแขนแกร่งที่เคยมีกำลังพร้อมกับเรียกชื่อยองฮวาอย่างไม่หยุดหย่อน ยื้อสติที่มีอยู่อันน้อยนิดให้คืนมา เฮยาที่ยืนมองอยู่เมื่อไม่พบคุณหมอประจำตัวคนไข้ก็ชักสีหน้าไม่พอใจพลางเอ่ยถามบุรุษพยายามหนุ่มที่กำลังจะวิ่งออกไปนำเตียงเข็นเข้ามา
อย่างน้อยลีเฮยาก็ไม่ได้โง่ที่ขนาดจะไม่ยอมย้ายห้องนอนมาอยู่ชั้นล่างหรอกนะ
“คุณหมอลีไปไหนล่ะค่ะ!”
“คุณหมอติดคนไข้ฉุกเฉินที่พึ่งถูกส่งตัวเข้ามาครับ” เสียงแหบห้าวรีบบอกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะวิ่งออกไป
ลีเฮยาทำเพียงแค่พยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติซึ่งตรงข้ามกับภายในใจจิตกำลังร้อนเป็นไฟอย่างสิ้นเชิง ฮยอคแจที่เห็นสีหน้าของมารดาก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
“คุณแม่/ฮยอคแจ...เดี๋ยวนี้คุณหมอลีเห็นคนอื่นสำคัญกว่าแม่อีกนะ” ยังไม่ทันที่คนน่ารักจะได่เอ่ยออกไปเสียงเรียบที่ถูกกดให้ต่ำลงเพราะไม่อยากให้ผู้อื่นได้ยินดังขึ้น ฮยอคแจทำได้เพียงก้มหน้าลงมองพื้นเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าลีเฮยากำลังไม่พอใจกับการกระทำของคุณหมอลีเลยสักนิด!
ทันทีที่เห็นรถคันหรูสีดำหมายเลขทะเบียนคุ้นเคยจอดเทียบเข้ากับหน้าประตูอัติโนมัติของโรงพยาบาล ชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินของตนเองก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที คุณหมอคยูฮยอนเปิดปิดประตูเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้นเพราะตอนนี้อารมณ์ของเขานั้นอยู่ในขั้นที่แทบจะไม่สามารถควบคุมให้อยู่ซะด้วยซ้ำ!
ห่าเหอะ! นี่หมอนะเว้ย! ไม่ใช่ตำรวจที่คอยตามจับผู้ร้าย ถึงแม้จะเปลี่ยนจากสถานะคนร้ายเป็นคนไข้ก็เหอะ!
ดวงตาคู่คมฉายแววความไม่พอใจเอาไว้เต็มเปี่ยม กุญแจรถยนต์ในมือถูกโยนให้กับบุรุษพยาบาลที่ยืนรอรับอยู่เป็นประจำอยู่แทบทุกคืนอย่างไม่ใยดีมากนัก เพราะตอนนี้เขามีสิ่งอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า!
ทำไมคนไข้รายพิเศษของเขาชอบเล่นซ่อนแอบมากนักว่ะ!
“คุณหมอค่ะ ตอนนี้เรายังหาคุณลีไม่พบเลยค่ะ”
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเจอกับประโยคเดิมๆ เหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำกันแบบนี้เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนตั้งแต่ที่คุณคนไข้รายพิเศษแสนพิเศษได้ย้ายเข้ามาทำการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และที่สำคัญเคสนี้เขาเป็นเจ้าของคนไข้โดยสมบูรณ
ฉายเดี่ยวแบบซวยสัสๆ! เลยล่ะ
“เดี๋ยวผมจัดการเอง”
อย่างน้อยโจวคยูฮยอนก็เชื่อว่าเขาสามารถหาตัวคุณหนูลีนั่นเจอก่อนพวกนางพยาบาลแน่นอน
เพราะอะไรรึเปล่าล่ะ ? เพราะที่ที่ลีซองมินชอบไปน่ะมันก็มีอยู่ไม่กี่ที่เท่านั้นหรอก!
แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมเอ่ยปากบอกคนพวกนั้นที่วิ่งวุ่นตามหาคนแสนดื้อทุกคืนสักทีล่ะว่ะ
บางทีการวิ่งหาคนที่รอเราให้หาอยู่มันก็รู้สึกดีแบบแปลกๆ ไม่น้อยเลยล่ะ
คยูฮยอนเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ตามสัญชาติญาณของตนเอง อารมณ์ร้อนในตอนแรกค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ตามลำดับ
อาจเป็นเพราะเขาไม่สามารถสื่อสารกับลีซองมินได้ในขณะที่อารมณ์ไม่ค่อยปกติดีนัก ก็คนไข้ของเขาขี้แงจะตายไป ขืนถ้าพูดด้วยคำพูดแรงๆ ที่มักพ่วงมากับอารมณ์จัดๆ มีหวังเขาคงได้โดนเฉดหัวออกแน่ๆ
“ฮึก ฮึก ฮืออ~ อย่าไปนะ! ฮึกก”
อ่าา … ดูเหมือนว่าวันนี้จะโชคเข้าข้างเขาไม่น้อยเลยล่ะที่เจอลีซองมินก่อนสิบนาที เพราะเสียงแบบนี้คงไม่มีใครที่ไหนแล้วล่ะนอกจากคนไข้ของเขา
ไม่รอช้าให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ คุณหมอหนุ่มก็เดินเข้าไปใกล้กับร่างเล็กๆ ที่นั่งกอดเข่าตัวเองร้องไห้กระซิกๆ นั่นทันที ปากหยักคลี่ยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดให้กับคนขี้แงที่ดูเหมือนว่าจะไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฮือออ ย่ะ อย่าไปนะ อย่าทิ้งซอง ฮึก มิน นะ” ไหล่เล็กๆ ของคนไข้พิเศษกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงสั่นสะอื้น ซึ่งคุณหมอรูปหล่อก็ไม่รอให้อีกคนต้องเสียน้ำในร่างกายไปมากกว่านี้อีกแล้ว คยูฮยอนย่อตัวลงนั่งข้างกับคนขี้แงพร้อมกับแขนยาวที่คว้าเอาร่างอวบๆ น่าฟัดนั่นเข้ามาใกล้ พยายามอย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดความอบอุ่นให้คนตัวเล็กให้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างเขาจะสามารถทำได้ คนไข้พิเศษที่รับรู้ถึงสัมผัสอันแสนคุ้นเคยก็เบียดกายให้แนบชิดกับคุณหมอคนเก่งพร้อมกับหยาดน้ำตาเหมือนกับทุกครั้ง
“หมออ~” เสียงหวานๆ ที่เจือไปด้วยความเศร้าร้องเรียกคนที่โอบตนเองไว้ ดวงตากลมโตใสเลื่อนลอย ลีซองมินยังคงเม่อมองออกไปไกลสุดสายตาเกินกว่าที่เขาจะรับรู้ได้ คยูฮยอนเฝ้ารอดูอาการคนพิเศษของเขาอย่างเงียบๆ เช่นเคย
“อย่าไปนะ ... อย่าทิ้งซองมินไป อย่า อย่า” ปากเล็กบ่นพึมพำราวประโยคเดิมๆ คำเดิมๆ ซ้ำไปมาราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด ร่างอวบเอนกายซบกับอกแกร่งของคุณหมอให้มากขึ้นในขณะที่มือเล็กๆ ก็เอื้อมไปคว้ากระดุมเสื้อของอีกคนเอาไว้พลางเขย่าไปมา คุณหมอรูปหล่อยังคงนั่งนิ่งปล่อยให้คนไข้พิเศษของเขาตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองต่อไป
เพราะโจวคยูฮยอนรู้ดีว่าลีซองมินไม่ได้อยู่บนโลกใบเดียวกับทีเขาอยู่นานแล้ว
และเพราะรู้นั่นล่ะถึงได้พยายามที่จะเรียกลีซองมินคนที่เคยอาศัยอยู่บนโลกนี้กลับคืนมา
ความอึดอัดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 30 นาทีที่แล้วยังคงแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโต๊ะของหนุ่มเจ้าชู้อย่างคังอิน เมื่อฮันคยองที่ดูเหมือนจะหัวเสียไม่หา เห็นอะไรก็ขัดตาขัดใจไปเสียหมด แม้แต่ฮีชอลเองก็ยังรู้สึกหวาดๆ กับปฎิกิริยาที่ไม่เคยพบมาก่อนของร่างสูง
“ฮันน..เราออกไปแดนซ์กันเถอนะ” ดวงตากลมโตช้อนมองอีกคนอย่างออดอ้อนแต่ก็แฝงไปด้วยความยั่วยวน
คนถูกชวนหันมามองร่างอรชรที่แนบอยู่ข้างกายพร้อมทั้งปรับสีหน้าให้ดูอ่อนลงกว่าเก่า ก่อนที่จะตอบตกลงด้วยการกดริมฝีปากหนักๆ ไปที่เรียวปากอิ่มที่เหมือนเชื้อเชิญอยู่
คล้อยหลังจากที่เพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสองเดินไปได้ไม่นานบาร์เทนเนอร์คนสวยที่เจ้าของโต๊ะตั้งหน้าตั้งตารอก็มาปรากฏกายให้เห็นพร้อมกับหญิงสาวที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
ปากหนายกยิ้มขึ้นจนตาหยีเมื่อร่างบอบบางเดินเข้ามานั่งข้างกายตนเองอย่างรู้หน้าที่ ไม่เพียงเท่านั้นหนุ่มร่างหนายังส่งสายตาให้กับอีฮโยริเป็นเชิงไล่กรายๆ อีกด้วยเหลือไว้เพียงคนตาสวยที่นั่งนิ่งจนคังอินรู้สึกประหม่าเพราะแค่มองไกลๆ ยังรู้สึกว่าคนตรงหน้านั้นสวยมากเหมือนนางฟ้า พอยิ่งได้มาเห็นใกล้ๆ แบบนี้ก็อดที่จะชื่นชมกับความงดงามที่พระเจ้าประทานมาให้อย่างจาบจ้วงจนอีทึกเองรู้สึกอึดอัดกับสายตาของแขกหนุ่มรายนี้แต่เจ้าตัวก็แสร้งไม่สนใจและในที่สุดคนที่ทนไม่ไว้ก็เป็นคังอินที่ต้องเปิดปากพูดก่อนเสียเอง
“คุณสวยมากเลยนะครับ” พูดชมตามประสาคนเจ้าชู้ทั่วไป พร้อมกับมือซนที่เอื้อมไปหวังที่จะโอบร่างของอีกคน หากแต่ก็ถูกขัดด้วยการเบี่ยงตัวออกของคนสวยที่ยิ้มหวานให้อย่างซื่อๆ มือที่ค้างอยู่กลางอากาศจึงจำใจลดลงข้างลำตัวอย่างเก้อๆ
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณขายมั้ย?” ไม่ถามเปล่าเพราะคราวนี้คังอินสามารถเบียดกายให้แนบชิดกับอีกคนได้มากขึ้นอย่างที่อีทึกไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“ขายอะไรล่ะครับ?” ยอกย้อนถามกลับไปเหมือนยั่วอีกฝ่ายให้หงุดหงิดใจ
“อืมมม ขายอะไรดีน้า~” ดวงตาคมหรี่ลงจ้องมองไปยังลำคอระหงส์อย่างเปิดเผย พลางก้มลงกระซิบที่ใบหูขาว
“ตัวคุณไง”
ทางด้านฮีชอลที่ลากฮันคยองออกมาแดนซ์ก็รู้สึกสนุกไปกับจังหวะเพลงที่โดนใจ แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับท่ามกลางขาแดนซ์ทั้งหลายเลยสักนิด ดวงตาคู่คมจ้องมองไปที่ร่างของเพื่อนสนิทที่ออกลวดลายไม่สนใจกับเหล่าผู้ชายรอบข้างที่พยายามเบียดเสียดเข้ามาใกล้ๆ มากแค่ไหน ในที่สุดก็ทนไม่ได้คว้าร่างโปร่งของคนหน้าสวยมาอยู่ภายใต้อ้อมกอดเสียเอง
“ระวังตัวหน่อยไม่ได้รึไงนะ” เอ่ยตำหนิอีกคนใกล้ๆ ให้ได้ยิน แค่เพียงเท่านี้หัวใจของคิมฮีชอลก็กลับมาเต้นระรัวแข่งกับจังหวะเสียงเพลงได้อีกแล้วล่ะ
ใบหน้าสวยซบลงกับอกแกร่งอย่างหาความอบอุ่นที่คุ้นเคย ริมฝีปากแดงอมยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโดนลวนลามจากผู้คนรอบข้างซะเมื่อไหร่
ก็แค่...อยากให้ฮันคยองหวงเท่านั้นเอง
แค่นี้ล่ะที่ต้องการ แค่เท่านี้ก็ดีใจมากๆ แล้วล่ะ
และเมื่อผละใบหน้าออกจากอกแกร่ง ใบหน้าสวยก็เงยขึ้นกดจูบแรงๆ ให้กับฮันคยองเป็นรางวัล พร้อมๆ กับที่อีกฝ่ายหันไปเจอภาพของคนรักเก่าที่ดูเหมือนกำลังนัวเนียกับคังอินอยู่ไม่ห่าง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างรู้สึกขัดใจอยากที่เดินไปกระชากคนทั้งคู่ให้ออกจากกันแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงเลือกที่จะออกแรงกระชากฮีชอลให้ออกไปข้างนอกแทนอย่างฉุนเฉียว คนถูกลากได้แต่มองใบหน้าหล่อที่หลงรักสลับกับข้อมือที่ถูกบีบจนเป็นรอยแดงอย่างสับสน
แต่ฮันคยองคงไม่รู้ว่าภาพที่เห็นมันตรงข้ามกับความเป็นจริงที่อีกคนต้องเจอมากแค่ไหน
บริเวณหน้าห้องไอซียูของโรงพยาบาลเซจอง ลีเฮยาพร้อมกับฮยอคแจต่างนั่งกระวนกระวายถึงอาการนายใหญ่ของบ้านที่ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานถึง 2 ชั่วโมงแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีหมอหน้าไหนโผล่ออกมาบอกความคืบหน้าเลยสักคน
ความวิตกกังวลที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของคนเป็นภรรยาปรากฏแก่สายตาของเด็กรับใช้ทุกคนอย่างน่าสงสาร คนตัวเล็กที่นั่งข้างกันยกมือขึ้นปาดน้ำตาเป็นพักๆ พร้อมกับบีบมือส่งกำลังใจไม่ผู้เป็นมารดา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนใจของเธอลดลงเลยแต่แม้นิดเดียว ตอนนี้หญิงสาวแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
“คุณผู้หญิงครับ” เสียงอ่อนหวานที่ร้องเรียกทางด้านหลังทำให้เฮยาตวัดหางตาไปมองอย่างอารมณ์เสีย แต่เมื่อพบว่าเป็นคนคุ้นเคยก็รีบลุกขึ้นมาเดินตรงเข้าไปหาทันที
“เชิญคุณหมอลีทางนี้ด้วยค่ะ” น้ำเสียงที่ใช้กดลงอย่างวางอำนาจ ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร ทำเพียงแค่พยักหน้าตอบรับเบาๆ แล้วเดินตามหญิงสาวออกไปอย่างเงียบๆ
เพี้ยยยยยยย!
เสียงตบแก้มฉาดใหญ่ดังขึ้นเต็มแรง ใบหน้าหวานของคนถูกทำร้ายหันไปตามแรงที่กระทบเนื้อนิ่มอย่างจำยอม
“ลีทงเฮ! ฉันเคยบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าต่อให้แกใกล้จะตายขนาดไหน หรือคนไข้คนอื่นแกจะตายตรงหน้าตอนนั้น หมอที่ต้องเสนอหน้ามาดูอาการของคุณผู้ชายก็ต้องเป็นแกเท่านั้น!”
“ขอโทษครับ” ทงเฮก้มหน้าลงอย่างยอมรับผิด ถึงแม้ใจในจะไม่ได้รู้สึกตามที่พูดไปเลยแม้แต่น้อยก็ตาม
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีครั้งหน้าล่ะก็ แกเตรียมตัวไว้ได้เลย!” พูดจบก็กระแทกรองเท้าส้นสูงราคาแพงขึ้นไปตามขั้นบันได
ร่างของทงเฮทรุดลงกองกับพื้นอย่างหมดแรง ดวงตากลมที่มักจะสดใสเสมอทอดลงอย่างอ่อนแรง ความบอบช้ำของร่างกายยังไม่เทียบเท่ากับจิตใจที่ทนแบกความทุกข์มากมายไว้คนเดียว หยาดน้ำใสไหลลง มือบางของคุณหมอล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ชั่งใจอยู่ได้ไม่นานก็กดเบอร์โทรออกทันที
ถึงแม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ทงเฮก็เชื่อเสมอว่า คนที่อยู่เคียงข้างเสมอมาก็มีเพียงแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น
.... คิม คิบอม ....
“ยอโบเซโย”
“คิบอม...” เรียกชื่ออีกคนอย่างอ่อนหวาน แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่ใช้กลับดูเศร้าสร้อยจนคนปลายสายรู้สึกได้
“ฉันรู้แล้ว” จบประโยคก็เกิดความเงียบเข้าคลอบคลุม ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของคนทั้งคู่อีก มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าทงเฮจะอยากได้ยินคำปลอบโยน หรือประโยคที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยจากคิบอมมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ทำได้แต่เพียงเงียบเท่านั้น
บางที .... ลีทงเฮก็ต้องการความรักที่สามารถจับต้องได้มากกว่านี้
อ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจให้หน่อยนะค่ะตัวเอง >w<
ความคิดเห็น