ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic SJ Yaoi :: Just say me! แผนร้อน ซ่อนรัก...4P

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01 : สถานะที่เปลี่ยนแปลง

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 54



    1

     





                เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นเป็นประจำทุกวันยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ร่างบอบบางที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราส่งเสียงดังอื้ออึงในลำคอเป็นเชิงขัดใจที่ถูกรบกวน ดวงตาคู่หวานค่อยๆ ปรือขึ้นเพื่อดูเวลาที่ปรากฏ


                08.30 น.


                มือบางยันกายขึ้นนั่งพิงกับหมอนใบโตสีขาวพลางชูแขนบิดกายไปมาคลายความเมื่อยล้าก่อนที่ขาเรียวจะก้าวลงจากที่นอนตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการชำระล้างร่างกายให้สะอาด


                ชีวิตของปาร์คจองซูหรือที่ใครๆ ก็เรียกว่าอีทึกที่แปลว่าพิเศษน่ะ มันไม่ได้พิเศษอะไรเลยสักนิด เขาต้องตื่นไปเรียนมหาลัยทั้งๆ ที่ยังนอนไปได้ไม่ถึง 8 ชั่วโมงอย่างที่เคยเป็นซะด้วยซ้ำ เรียนเสร็จก็ทำงานพิเศษจนเกือบโต้รุ่งและที่ทำให้คนแบบเขาแค้นสุดๆ เลยก็คือนังอสรพิษเมียใหม่ของพ่อนั่นล่ะที่ทำให้เขาต้องออกจากบ้าน และแน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่คิดที่จะสาปแช่งใครอยู่แล้ว...จริงๆ นะ


                เพราะเขาเน้นการกระทำที่ให้ผลลัพธ์เจ็บแสบมากกว่าการนั่งเผาพริกเผาเกลือให้เปลืองเงินมากกว่าเป็นไหนๆ!

                คอยดูเถอะ อีทึกจะทวงทุกอย่างที่เป็นของเขาคืนมาให้หมด เพราะนั่นเป็นของของเขาคนเดียว!


                และตอนนี้สิ่งที่เขาสมควรทำมากที่สุดในชีวิตคือตั้งใจเรียนให้จบเพื่อที่จะได้มีปริญญาสักใบไปสมัครงานที่ดีๆ สักแห่ง ไม่งั้นเขาคงอดตายคาห้องแน่ๆ ให้ตายสิ! เงินที่พ่อส่งมามันไม่พอใช้สำหรับหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ! และแน่นอนว่าพ่อคงเอาเงินของตระกูลไปบำเรอความสุขให้กับนังแพศยาลีเฮยาอยู่แล้ว


                ร่างบางก้าวเท้าตรงไปยังคณะเศรษฐศาสตร์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ถ้าหากไม่มีเสียงใสๆ ที่แสนคุ้นเคยทักเอาซะก่อนทางด้านหลังล่ะนะ


                พี่อีทึก!”


                อ่าว...ฮยอคแจ เสียงหวานเรียกชื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มบางๆ อีทึกมักอ่อนโยนกับน้องชายคนนี้เสมอนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าเด็กนี่จะเป็นลูกชายของลีเฮยาก็ตาม


                คิดถึงจังงง ไม่ว่าเปล่า เจ้าเด็กโอโม่นั่นก็อ้าแขนกว้างเดินเข้ามากอดอีกคนซะเต็มแรง ซึ่งแน่ล่ะการกระทำแบบนี้เรียกรอยยิ้มของอีทึกได้มากขึ้นทันตาเชียวล่ะ


    ไม่เจอตั้งนาน โตจนป่านนี้แล้วหรอเนี่ยล้อเลียนอีกคนอย่างเอ็นดูพลางโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็กน้อยตัวเล็กๆ 


                พี่อ่าาาา


                ล้อเล่นหน่า แล้วนี่ ... ?”


                อ๋ออออ กำลังจะไปหาพี่ฮัน อ่ะ เอ่ออ.. ค คะ คือว่าใบหน้าหวานที่เปื้อนรอยยิ้มในตอนแรกค่อยๆ หมองลงจนสังเกตได้ ฮยอคแจที่รู้ตัวว่าไม่สมควรเอ่ยชื่อของคนๆ นั้นออกมาแสดงท่าทีอ้ำอึ้งพร้อมกับเขกหัวตัวเองเบาๆ เป็นเชิงตำหนิที่ดันพูดไม่คิด และอีทึกที่มองอยู่ก็ไม่สามารถโกรธได้ลงเหมือนกับทุกครั้ง


                ไม่เป็นไร ก็ฮยอคแจกับเขาคบกันอยู่นี่เนอะ พี่จะเจอเราแถวนี้ก็ไม่เห็นแปลกเลย งั้นพี่ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน...โชคดี และก็เป็นอีทึกเองนั่นล่ะที่เลือกถอยออกมาก่อน ถึงแม้ปากจะยิ้มแต่ใครจะรู้บ้างล่ะว่าตอนนี้อีทึกเจ็บแค่ไหน


                ร่างบางหมุนตัวกลับไปยังทิศทางเดิมที่สมควรจะไปตั้งแต่แรก พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อเต็มรอบดวงตาคู่สวย แต่เพราะมัวแต่เดินเหม่อจึงทำให้คนน่ารักชนเข้ากับชายหนุ่มที่เดินสวนกันเข้าอย่างจังจนข้าวของที่อยู่ในมือร่วงกระจัดกระจายเต็มพื้น


                ขอโทษนะครับคุณเป็นอะไรมากรึเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับก้มตัวลงช่วยเก็บหนังสือเล่นหนา อีทึกได้แต่ส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มน้อยๆ ให้ เพราะเขาเองก็ผิดที่ดันเดินใจลอย คนตาสวยเอ่ยขอโทษและขอบคุณก่อนที่จะลุกขึ้นเตรียมเดินออกไป หากแต่ก็ต้องหยุดเพราะแรงบีบน้อยๆ ที่แขนเรียกให้เขาต้องหันไปมองอย่างสงสัย


                เอ่อออ...เชวซีวอน ปี 1 ยินดีที่ได้รู้จักครับ ร่างสูงแนะนำตัวเองออกไปด้วยท่าทางประหม่า อีทึกที่ฟังอยู่ถึงกับกลั้นยิ้มขำกับท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มที่กำลังสารภาพรักแบบนั้นของซีวอน และอีทึกก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทหรอกนะ ปาร์ค จองซู เรียกว่าพี่อีทึกจะเหมาะกว่านะ และก็อีกนั่นล่ะ คำว่าพี่ที่หลุดออกจากปากเล็กๆ นั่นก็ทำให้ซีวอนเคอะเขินเข้าไปใหญ่


                อ่าา งั้นหรอครับ พอดีผมนึกว่าพี่อีทึกก็อยู่ปีหนึ่งหน่ะ


                “อืมมม งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ







       

     

     

     

                ร่างสูงที่ฮยอคแจรอคอยเดินตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบจะผ่านหน้าเขาไป ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มยื่นมือออกไปคว้าแขนของหนุ่มชาวจีนไว้พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ฮันคยองยิ้มตอบอย่างได้ไม่อยาก


                พี่ฮัน เหม่ออีกแล้วนะ ระวังเหอะจะเกิดอุบัติเหตุโดยไม่รู้ตัว


                ครับบบบ คุณหนู ผมจะจดจำไว้นะครับ


                “พี่ฮันอ่า อย่าเรียกแบบนี้สิ


                โอเคๆ งั้นเราไปหาข้าวเช้าทานกันก่อนเนอะ ฮยอคแจยังไม่ได้ทานมาใช่รึเปล่า?” เอ่ยถามอีกคนอย่างเป็นห่วง และก็ได้รับคำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าแรงๆ อย่างน่ารักน่าชัง ซึ่งฮันคยองก็ไม่เคยเข้าใจตัวเองอยู่นั่นล่ะว่าทำไมถึงหวั่นไหวไปกับท่าทางขี้อ้อนของเด็กคนนี้มากเหลือเกิน


                สองร่างของฮันคยองและฮยอคแจเดินเคียงข้างกันโดยที่คนตัวสูงกว่าก็ไม่ลืมที่จะจับมือเด็กน้อยของเขาไปด้วย ยิ่งมีรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่ส่งให้เป็นระยะนั่นอีก ตอนนี้ฮยอคมีความสุขสุดๆ ไปเลยล่ะ


                เมื่อมาถึงร้านอาหาร บรรยากาศที่ดูหวานชื่นตอนแรกก็เป็นอันมลายหายไป เพราะเสียงโทรศัพท์ของฮันคยองที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา


     

    혹시 이유로 나를 슬프게 하면

    너의 눈을 따갑게


     

                “ฮันคยอง! หายไปไหนมา รู้มั้ย? ฉันหานายทั่วห้องแล้วนะตาบ้า!” ยังไม่ทันที่จะได้พูดทักทายคนปลายสาย กลับมีเสียงหวานแว้ดๆ ดังขึ้นมาซะก่อน


                ใจเย็นๆ สิ ฉันขอโทษนะฮีชอล...พอดีว่าฉันออกมาทานข้าวกับฮยอคแจน่ะ จบเสียงของร่างสูงคนที่ฟังอยู่ก็เกิดอาการจุกที่อกขึ้นมาเสียดื้อๆ สาเหตุนั้นก็คงไม่ใช่อะไรนอกจาก ฮยอคแจ เด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังคบกับฮันคยอง แต่แล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนอารมณ์ให้กลับมาเป็นเหมือนปกติ เพราะฮีชอลรู้อยู่เต็มอกว่าฮันคยองไม่เคยเห็นความรักที่เข้ามอบให้อยู่แล้ว ต่อให้ดิ้นรนไปเท่าไหร่ก็คงไร้ค่า


                อ่าา อืมม เข้าใจแล้ว


                ไม่โกรธนะครับคนสวย ตอนบ่ายเจอกัน อย่าลืมหาอะไรกินด้วยล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย เข้าใจมั้ย?”


                “รู้แล้วหน่า~”


                งั้นแค่นี้ก่อนนะ บายและก็เป็นอีกครั้งนั่นล่ะที่ฮีชอลรู้สึกเจ็บและมีความสุขไปพร้อมกันกับคำพูดแสนห่วงใยนั่น


                ฮีชอลไม่ต้องการแค่คำหวานๆ เท่านั้นหรอกนะ เพราะฮีชอลต้องการความรักจากฮันคยองมากกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ซะอีก!   





     

     

     

                “พี่ฮัน...คุยเสร็จแล้วหรอร่างเล็กที่ยืนมองอยู่นานเดินเข้ามาหาฮันคยองทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มได้คุยธุระเสร็จแล้ว


                ครับ เสร็จแล้ว พี่เห็นฮยอคแจทำหน้ายุ่งเลยคิดว่าคงหิวแล้ว ใช่มั้ย?”


                อ่า...ครับ งั้นเราไปกันเถอะ


                ฮยอครู้สึกว่าความสุขของเขากำลังจะหายพร้อมกับรุ่นพี่คนนั้น แต่เขาก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่เผลอทำสีหน้าร้ายกาจให้ฮันคยองเห็นหรอกนะ



              รู้อะไรไหม? ว่าความสุขของคนเราหน่ะ มันมีจำกัด

    แต่ฮยอคแจไม่ยอมหรอก ไม่มีทางยอมให้มันหมดหรอก!


                พี่ฮันอ่าา อาหารไม่อร่อยหรอครับถามพร้อมกับตักกุ้งตัวโตใส่จานอย่างเอาอกเอาใจ 


                เปล่าสักหน่อย คิดมากอีกแล้วนะเรา


    ถ้างั้นก็ทานสิครับ มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยนะและสุดท้ายฮยอคแจก็สามารถใช้ลูกอ้อนของตัวเองให้เป็นประโยชน์ได้เสมอนั่นล่ะ เพราะอีกคนที่ได้ฟังก็ทำตามอย่างว่าง่าย


    และที่สำคัญ ฮยอคแจรู้สึกว่าความสุขของเขาได้เริ่มกลับมาทีละนิดแล้วล่ะนะ


    หลังจากที่ทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนทั้งคู่ก็จับมือกันเดินตรงไปยังรถคันหรูที่จอดไว้อยู่บริเวณลานจอดรถของร้านอาหาร คนตัวเล็กยิ้มอย่างเป็นสุขรู้สึกถึงความเต็มอิ่มที่แทบจะล้นปรี่ขึ้นมาทำให้เขาสำลัก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง ลีฮยอคแจก็คงยินดีที่จะสำลักความสุขตายอย่างแน่นอน เพราะฮันคยองในเวลานี้ช่างอ่อนโยนและดูแลเขาดีมาก ดีจนทำให้ฮยอคแจรู้สึกรักมากขึ้นทุกที


               
    เดี๋ยวพอไปถึงมหาลัยแล้วพี่เดินไปส่งฮยอคแจที่คณะนะครับ เอ่ยบอกอีกคนให้รับรู้พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เด็กน้อยของเขาไปด้วย ซึ่งแน่ล่ะการกระทำแบบนี้ คำพูดแบบนี้ ฮยอคแจเขินตายเลย


                ครับ

     





     

     

     

                ภายในห้องนอนขนาดไม่เล็กจนอึดอัดและไม่ใหญ่จนอ้างว้างของฮีชอล เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนถูกตกแต่งด้วยสีแดงเข้ม แม้กระทั่งบนเตียงนอนเองก็ตาม


                ร่างอรชรที่เปลือยเปล่าของฮีชอลนอนฟุบหน้าลงกับหมอนใบนุ่ม ดวงตาคู่โตฉายแววความเจ็บปวดพร้อมกับมือเรียวที่กำโทรศัพท์เครื่องหรูไว้แน่น


                ฮันคยองมักเป็นแบบนี้เสมอนั่นล่ะ! หลอกให้เขาอยู่ในห้วงแห่งความรักที่สร้างขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครสักคน มือเรียวแตะเบาๆ แล้วลากไปมาบริเวณคราบสีน้ำนมอ่อน ที่ตอนนี้เจือจางจนแทบมองไม่เห็น


                คิมฮีชอล ไม่ใช่นางบำเรอหรอกนะ ถึงแม้ร่างกายเขาจะถูกซื้อมาจากฮันคยองแล้วก็ตาม ต่อให้เอาเงินทั้งโลกมารวมกันเพื่อไล่เขาให้ออกจากชีวิตของฮันคยอง เขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด!


    ก็บอกแล้วไงว่าฮีชอลไม่ใช่นางบำเรอ และจะไม่ยอมเป็นเด็ดขาด!


    ลีฮยอคแจ! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!    


    เขาไม่สนหรอกนะว่าใครมาก่อนมาหลัง ใครตัวจริงตัวปลอม แต่ในเมื่อรักไปแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะแย่งไปได้!

    เพราะฮีชอลรักฮันคยอง และฮันคยองก็ต้องรักเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!


    เมื่อมองไปยังนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว ซึ่งมันก็ได้เวลาที่เขาสมควรจะต้องอาบน้ำแล้วไปรอฮันคยองสักที


    ใช้เวลาสักพักร่างโปร่งก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ฮีชอลไม่รอช้าให้เสียเวลารีบแต่งตัว เซตผมที่คิดว่าดูดีมากที่สุด และไม่ลืมที่จะฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดและแน่นอนว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ฮันคยองชอบ ใบหน้าสวยเกินหญิงฉีกยิ้มให้กับตัวเองพร้อมกับหยิบกระเป๋าหนังใบเก่งติดมือไปด้วย


    เนื่องจากคอนโดที่ฮีชอลอาศัยอยู่นั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เดินไปแค่ไม่ถึง 10 นาทีดีก็ถึง เขาเลยเลือกที่จะเดินไปมากกว่า


    ในขณะที่กำลังเดินอยู่ดีๆ นั้น เครื่องมือสื่อสารที่เงียบไปนานก็ได้สั่นและร้องขึ้นมาเป็นรอบแรกของวัน และแน่นอนว่าร่างโปร่งก็รีบล้วงและกดรับทันทีพร้อมกับหัวใจที่พองโตขึ้นมา ...ฮันคยอง


                ฮันคยอง...มีอะไรงั้นหรอ?” ลองเชิงถามไปด้วยเสียงเรียบราวกับเจ้าตัวไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตอนนี้ใบหน้าสวยนั้นฉีกยิ้มกว้างมากเท่าไหร่


                นายอยู่ไหนเนี่ย ฉันหาไม่เจอเสียงทุ้มที่กรอกลงมาตามสายฉายแววความเป็นห่วงจนปิดไม่มิด ยิ่งเสริมให้คนที่ดีใจอยู่แล้วต้องดีใจมากขึ้นไปอีก


                กำลังเดินไปอยู่น่ะ นายรอฉันก่อนนะ


                เร็วๆ นะครับ


                อย่ามาเร่งได้มั้ยล่ะ ฉันก็รีบอยู่นะถึงปากจะว่าแต่ในใจก็เต็มไปด้วยความสุข


                โอเคๆ ไม่เร่งแล้วครับบ เร็วๆ นะฉันรอนายอยู่ที่เดิม


                อื้มม แล้วเจอกัน


                อือ

               








     

    หลังจากที่ไปส่งว่าที่คู่หมั้นแล้ว ร่างสูงของฮันคยองนั่งรอฮีชอลอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนติดกับสนามฟุตบอลที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่รอบๆ เป็นร่มเงา ดวงตาคมทอดมองไปเรื่อย จนสะดุดเข้ากับร่างบอบบางของใครคนหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสนาม


    ความรู้สึกคุ้นเคยที่สัมผัสได้ถึงแม้จะได้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังก็ตาม แต่ก่อนที่จะสนใจไปมากกว่านี้ก็ถูกขัดด้วยเสียงของฮีชอลที่ดังมาแต่ไกล


                ฮันคยอง งงง


    อ่าว มาแล้วหรอ


    อืมม แล้ว...มองหาใครอยู่ แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ให้ไปหรอกนะ ฮันคยองที่ฟังส่ายหน้าไปมากับคำพูดแสนเอาแต่ใจพลางหัวเราะเล็กน้อย อาจเป็นเพราะฮันคยองไม่เคยตั้งใจฟังน่ะสิว่าน้ำเสียงของอีกคนมันแฝงไปด้วยความน้อยใจแค่ไหน


                เพราะฮันคยองเป็นแบบนี้ไง เขาถึงได้พยายามมากมายเหลือเกินที่จะอดทน

                เพราะฮันคยองไม่เคยมองเห็นความรักที่เขามอบให้เลยสักนิด!
















    สวัสดีค่ะ~ ทักทายๆ ฮ่าๆ อ่า มาว่าด้วยเรื่องฟิคของเรากันเนอะ!?
    อินโทรตอนแรกเนี่ย อ่านแล้วใครไม่ งง บ้าง
    ? ถ้าไม่ งง และจับจุดได้นับว่าคุณเก่งมากกกกค่ะ!
    อินโทรเรื่องนี้มันตรงกับชื่อนะ จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ เพราะเมื่ออ่านแล้วคุณจะรู้สึกแบบ เอ่อ อะไรว่ะ! ใช่ม่ะๆ 
    พอมาอันนี้เป็นตอนแรก(จริงๆ) ก็น่าจะคลายความสงสัยลงได้บ้าง จากนั้นมันก็จะสงสัยขึ้นมาอีก
    แบบ อ่าวเฮ้ย
    ! ฮยอคกับเกิงไปคบกันได้อย่างไร ? แล้วทึกล่ะไม่รู้สึกอะไรกับฮยอคแถมยังโกรธไม่ลงอีก
    แถมพ่วงด้วยคิมฮีชอลที่ดูเปิดออกมาได้แอบแรงกับฉากบนเตียง(ที่ส่อมาก
    !)
    แล้วคนที่เกิงเห็นหลังไวๆ นั่นใคร
    ? แล้วฮีชอลของเราไปอะไรกับเกิงได้ยังไงว่ะ! สารพัดมากมายจริงๆ

    ถ้าอยากรู้แนะนำว่าต้องติดตามค่ะ(ล่อลวง = =) ฟิคเรื่องนี้อาจไม่สนุก ภาษาไม่ดี บรรยายก็ไม่ได้เรื่องแต่คนแต่ง แต่งด้วยใจนะตัวว >w<

    ยังไงก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค่ะ จะพยายามอัพบ่อยๆ เพราะเดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้ว TT

    ขอสปอยเล็กน้อย(?) ตอนหน้าเราจะมีผู้ชายโผล่มาให้คิดกันอีก 2 คน! โอ้วเย~
    ส่วนสองคนนั้นจะเป็นใคร แล้วจะเข้ามาทำไม ก็ติดตาม(อีกแล้ว)

    ที่สำคัญ! อ่านแล้วอย่าลืมเม้นให้กำลังใจจะได้แต่งแล้วอัพเนอะ โหวตมันเข้าไป 5555 นะค่ะๆ >/////<

     
    เรื่องคู่ ใครคู่ใคร อะไรเทือกๆ นี้ แนะนำว่าอย่าพึ่งคิดในปวดสมองเลย อ่านให้สนุกก๊อนนน นะจ๊ะ~
    ใครอยากเม้าท์ โฟ่ววว กระจายกับเราแอดมาได้นะค่ะ chadliia@hotmail.com จ้าา

    ชอบอ่านเม้น(ยาวๆ)นะค่ะ -))
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมากๆ เลยนะค่ะ >w<











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×